เนื่องจากฟู่หลินหลินตื่นสาย นางจึงไม่ได้รับประทานอาหารเช้าร่วมกับสามี แต่ว่าเวลานี้ใกล้จะเที่ยงอีกแล้ว ถึงเวลาต้องปรนนิบัติสามีให้กินอาหารกลางวัน แต่ด้วยความที่มาจากต่างยุคต่างสมัย จึงไม่รู้ว่าคนในยุคนี้ เขาปรนนิบัติกันอย่างไร
“พูดเรื่องปรนนิบัติเขา ข้าต้องทำอย่างไรบ้าง” นางจึงถามเจียงอ่าวอีก เจียงอ่าวรีบถ่ายทอดความรู้ให้กับนายหญิงของตนยกใหญ่เป็นขั้นเป็นตอนเสร็จสรรพ
“เจียงอ่าว เจ้าทำไมรู้เรื่องพวกนี้ละเอียดยิ่ง เจ้าเคยมีสามีหรือไม่” ฟู่หลินหลินถาม
“ไม่เคยเจ้าค่ะ” เจียงอ่าวตอบ
“อ้าว ยังไม่มีสามีเหรอ” ฟู่หลินหลินงึมงำอีก นางได้ยินคำตอบอย่างนี้ก็แปลกใจ ผู้หญิงที่ไม่เคยมีสามี เหตุใดจึงรู้เรื่องของการปรนนิบัติสามีได้ดีเพียงนี้
“แล้วเจ้ารู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไรกัน” ฟู่หลินหลินเบิ่งตาโตใส่เจียงอ่าว แต่สักครู่ก็ทำสายตาล้อเลียน
เจียงอ่าวสบตานายหญิงของตน นางตอบกลับ “เรื่องพวกนี้ฟู่ฮูหยินสอนเจียงอ่าวมาอย่างละเอียดถี่ถ้วน เพื่อให้เจียงอ่าวมาดูแลนายหญิงโ
“ทำความสะอาดอย่างนั้นหรือ ข้าไม่ทำหรอก เจียงอ่าว พวกเรามีเงินหรือไม่” ฟู่หลินหลินถามเจียงอ่าวเหลียวหน้าเหลียวหลัง เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้นแล้วก็กระซิบกระซาบตอบนายหญิงของตน“มีเจ้าค่ะ ท่านเจ้าเมืองให้มาสองพันกว่าตำลึง”“แล้วตอนนี้อยู่ที่ใดฮึ?” ฟู่หลินหลินเบิ่งตาโตเจียงอ่าวนิ่วหน้าอย่างเสียมิได้ มือทั้งสองยกขึ้นมาบอกปัด “ไม่ได้นะเจ้าคะนายหญิง ท่านเจ้าเมืองให้เอาไว้เพื่อให้นายหญิงใช้ยามฉุกเฉินเท่านั้นเจ้าค่ะ จะเอาออกมาใช้ในเรื่องมิใช่เรื่องไม่ได้”ฟู่หลินหลินทำหน้าตาบูดบึ้ง“ทำไมจะไม่ได้ฮึ?” ทำหน้าตาไม่พอใจอยู่“ไม่ได้ก็ไม่ได้สิเจ้าคะ เอาเหตุผลอันใดในตอนนี้ ไม่ ไม่...” เจียงอ่าวส่ายหน้า และไม่ยอมมองหน้าของเจ้านายอีกเลย“เฮ้อ...” ฟู่หลินหลินลอบถอนหายใจ จะทำอะไรก็ไม่ได้มากนัก ไม่เหมือนตอนอยู่กับท่านแม่‘ช่างก่อน พักเอาไว้ก่อน’ เริ่มครุ่นคิดอย่างอื่นในที่สุดก็ตัดใจจากเงินก้อนนั้น ในเมื่อท่านพ่อมอบไว้ให้ใช้ยามฉุกเฉิน
“แม่นาง โยนห่วงหรือไม่” พ่อค้าถามฟู่หลินหลินมองไปที่พื้น บนพื้นมีสิ่งของให้เลือกคล้องมากมายหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นตุ๊กตาทำมือ ถุงหอม เครื่องเคลือบ พู่ห้อยเอว ถังหูลู่ และอื่น ๆ อีกมากมาย แล้วก็ครุ่นคิดว่าจะคล้องเอาอันไหนเมื่อเลือกไว้ในใจได้แล้ว ก็หันไปถามพ่อค้าว่า“ห่วงละเท่าไหร่”“หนึ่งอี้ได้สามห่วงขอรับ โยนคล้องได้ชิ้นไหน ก็เอาชิ้นนั้นไปเลย” พ่อค้าตอบ ฟู่หลินหลินทำทีเอามือคลำไปมาที่เอวราวกับว่ากำลังคลำหาถุงเงินอยู่จากนั้นก็ทำสีหน้าเหลอหลาขึ้นมาประหนึ่งว่าตนทำถุงผ้าสำหรับใส่เงินของนางได้หล่นหายไป “ข้าคงไม่ได้เล่นแล้วล่ะ หือ... ถุงเงินของข้าหายไปไหนก็ไม่รู้ สงสัยข้าจะทำตกไปแล้ว”นางพูดพร้อมทำสีหน้าเศร้า ส่งสายตาปริบ ๆ ให้กับพ่อค้าพ่อค้าได้แต่ยืนยิ้มเจื่อน แต่ก็อดสงสารฟู่หลินหลินไม่ได้ จึงบอกกับนาง“เอาอย่างนี้ ข้าจะให้เจ้าโยนหนึ่งห่วง แต่มีข้อแม้ว่าเจ้าจะต้องช่วยข้าเรียกลูกค้า”ฟู่หลินหลินตกลงทันที“ได้สิ เรื่องนี้ขี้ปะติ๋ว” พูดจบก็ยกมือขึ้
ท่านแม่ทัพพาฟู่หลินหลินกลับมาถึงจวนด้วยสภาพที่เปียกปอน เขาแบกร่างนางกลับเข้าไปในจวน ตรงไปที่ห้องพักของฟู่หลินหลินฟู่หลินหลินดีดดิ้นขัดขืนแต่ทว่าแม่ทัพรั่วก็ยังไม่ยอมปล่อยนางลงสักที จนกระทั่งถึงห้องของนาง แล้วชายหนุ่มก็จับให้นางนั่งตรงหน้า โดยมีตัวของเขาเองคร่อมร่างของนางเอาไว้ โดยกันเอาไว้ให้นางลุกหนีไปไหนได้“ตอนนี้ถึงจวนแล้วเจ้าค่ะ ท่านก็ปล่อยข้าได้แล้วสิ” ฟู่หลินหลินยังกล้าต่อรอง“เจียงอ่าว” แม่ทัพรั่วตะโกนเรียกเสียงดัง“มาแล้วเจ้าค่ะ” เจียงอ่าวรีบวิ่งมา จนแทบจะสะดุดขาตนเองล้มท่านแม่ทัพเอื้อมมือไปจับที่หัวไหล่ทั้งสองข้างของฟู่หลินหลิน และบีบลงน้ำหนัก เหมือนว่าคุณชายจะระงับอารมณ์ที่โกรธขึ้งเอาไว้เต็มที่เขาหันไปกำชับกับเจียงอ่าวว่า “เจ้าดูแลนางให้ดี อย่าให้ออกจากจวนไปแม้แต่ก้าวเดียว มิเช่นนั้นข้าจะลงโทษเจ้าให้ถึงตายแน่ก็คราวนี้” เขาไม่ได้จะเอาโทษกับตัวนาง แต่จะเอาโทษกับเจียงอ่าวแทน รั่วเฉินผละห่าง“เจ้าค่ะท่านแม่ทัพ ข้าจะดูแลนายหญิงอย่างดีเจ้าค่ะ” เจียงอ่
“โอ๊ย! ไม่ต้องแล้วเจียงอ่าว เจ้าแกล้งข้าใช่ไหม ที่ข้าทำให้เจ้าถูกดุ และปรามาสคาดโทษ ฮึ... ข้าไม่อาบล่ะ เลิก ๆ หยุด ๆ พอกันที” ทำเสียงหงุดหงิด และจะออกจากอ่างอาบน้ำ“แต่ว่า... ยังไม่ทันเสร็จเลยนะเจ้าคะ”เจียงอ่าวผงะห่าง ฟู่หลินหลินก็ก้าวขาพรวดออกมาจากอ่างน้ำ“พอแล้ว ไม่อาบแล้ว ที่จริงข้าก็ไม่ได้สกปรกจนต้องให้เจ้าขัดผิวข้าอย่างนี้ เจ้ารู้ตัวไหมเจ้าขัดน่ะนะเหมือนหนังจะหลุด ขัดแรงชะมัดเลย เจ็บ ๆ พอ ๆ อีกอย่างข้าก็หนาวแล้วด้วย” ปากของนางสั่นกระทบกันจริง ๆ“ก็เถลไถลไปเล่นเรื่อยเปื่อย นี่หากท่านไม่สบายเจ็บป่วยขึ้นมา ต้องถูกท่านแม่ทัพเยาะเย้ยแน่ ๆ เจ้าค่ะ”เมื่อเจ้านายพูดอย่างนั้น เจียงอ่าวจึงเอาผ้ามาให้นายหญิงห่อพันตัว“ตอนที่อยู่ที่ลำธาร ข้าก็แช่อยู่ในน้ำตั้งนานสองนานแล้ว ขี้ไคลของข้าหลุดหมดแหละ และไม่ต้องห่วงว่าข้าจะเจ็บไข้ได้ป่วย เพราะข้าได้ชื่อว่า เจ้าหญิงแห่งความแข็งแรง และสุขภาพดี ข้าไม่เคยป่วยให้ท่านแม่ต้องเป็นห่วงแม้แต่สักครั้ง” ฟู่หลินหลินอดที่จะค
“อะแฮ่ม... สวัสดี...” ทุกคนในนั้นหันมามองนาง“พวกเจ้ารู้แล้วใช่หรือไม่ว่า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้ามีหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยที่นี่แทนท่านแม่”บรรดาพ่อครัวต่างวางตะหลิวในมือ แล้วกล่าวตอบ “ขอรับนายหญิง”นางกวาดสายตามองพ่อครัวทุกคน และอาหารในกระทะที่พวกเขากำลังผัดอยู่“มีอะไรทำเสร็จแล้วบ้าง ข้าต้องชิมก่อน”“มีซาลาเปาขอรับนายหญิง เดี๋ยวข้าไปเอามาให้ขอรับ” พ่อครัวคนหนึ่งกุลีกุจอไปจัดหาซาลาเปาใส่จานมาให้นาง พอได้ซาลาเปามาแล้ว ฟู่หลินหลินก็กัดหนึ่งคำ ทำทีเป็นว่าเคี้ยวเล็กน้อยก่อนกลืนลงคอ“อร่อย รสชาติใช้ได้ทีเดียว” ฟู่หลินหลินพูดนางยกนิ้วหัวแม่โป้งให้กับทุกคน ปากก็เคี้ยวซาลาเปาไม่หยุด ในใจก็คิดว่าหน้าที่ดูแลจวนนี้ ก็มีข้อดีอยู่เหมือนกันได้เวลาฟู่หลินหลินก็ไปคารวะรั่วฮูหยิน แม้จะถูกเสียดสีถากถาง นางก็เอาแต่ยิ้มจากนั้นก็มาตั้งสำรับให้กับคนเป็นสามี นางอยู่ปรนนิบัติท่านแม่ทัพแบบไม่ขาดตกบกพร่อง และก็สงบปากสงบคำ จนเขาก็จ้องมองนางอย่างเหลือเชื่อ
“ขะ... ข้าหมายถึงวิชาคำนวณน่ะ”“ถ้าเจ้าอยากได้เครื่องมือสำหรับคำนวณ ก็อยู่ที่ชั้นวางด้านหลังข้า มาหยิบเอาเอง” แม่ทัพรั่วบอก‘จริงหรือ เป็นไปได้อย่างไรว่าที่นี่จะมีเครื่องคิดเลข ขนาดที่เซี่ยงไฮ้ยังหายากจะตายไป’ นางคิดแต่พอหยุดคิดปุ๊บ นางก็ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะทบทวนว่า คงไม่มีทางเป็นไปได้หรอกที่สมัยนี้จะมีเครื่องคิดเลขได้ แต่ฟู่หลินหลินก็ยังคงเดินไปที่ชั้นวางของ ตามที่เขาบอก แล้วก็พบว่าเป็นลูกคิดรางหนึ่ง“ท่านหมายถึงสิ่งนี้หรือเจ้าคะ” ฟู่หลินหลินถาม“ใช่ เจ้าจะเอาไปใช้คำนวณไม่ใช่หรือ ที่เจ้าเรียกว่าเครื่องคิดเลขอะไรนั่น” แม่ทัพรั่วถามกลับ“แบบนี้ข้าใช้ไม่เป็นหรอกเจ้าค่ะ” ฟู่หลินหลินยิ้มเจื่อนให้เขา ในตอนนั้นที่ท่านปู่ฟู่จะสอน นางเป็นคนที่เถลไถล แล้วไม่ยอมเรียน แถมบอกท่านปู่อีกว่า ไม่ได้ใช้แน่ ๆ“ถ้าอย่างนั้นก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเจ้าแล้ว” แม่ทัพรั่วพูดโดยไม่สนใจว่านางจะใช้วิธีใดแก้ปัญหาเมื่อเดินกลับมาถึงโต๊ะ ฟู่หลินหลินก็ว
“ท่านพี่ปล่อยข้าลงไปเดี๋ยวนี้” ฟู่หลินหลินโวยวายแม่ทัพรั่วไม่สนใจ เขาจับนางยัดเข้าไปในรถม้าแล้วตามขึ้นไป“ออกรถเดี๋ยวนี้” เขาสั่งเสียงดัง หันมาจ้องหน้าของอิสตรีเจ้าเล่ห์เจ้ากล“เจ้าจะดื้อด้านไปไย ก็รู้อยู่ว่าข้าจะไปทำงาน ไม่รู้กี่วันจะได้กลับ อาจจะนานถึงหกเดือน หนึ่งปี”“หา! นานอย่างนั้นเชียวหรือ”“อื้อ แล้วยังจะมา...” เขาขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน แล้วขยับเข้าใกล้นาง“ข้ารู้ว่ามันเช้าอยู่ เจ้าอยากนอนก็มาหนุนตักข้าเนี่ย” ดึงร่างของฟู่หลินหลินเข้ามากอด พร้อมกับผลักนางให้นอนลงบนตัก หัวใจของนางเต้นรัวเร็ว ไม่คิดว่ารั่วเฉินจะทำแบบนี้แต่มือน้อย ๆ ของฟู่หลินหลินก็แตะต้องโดนอวัยวะบางอย่างที่อยู่กลางหว่างตักของเขา“เจ้าทำอะไรข้าฮึ”“เปล่านะเจ้าคะ” รีบลุกขึ้นทำหน้าเหลอหลา“อ้อ... เพราะข้าไม่ทำอะไรเจ้าหลายวัน เจ้าก็เลย”“ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย” พลางขยับตัวหนี รั่วเฉินมองนางด้วยสายตาหื่น ๆ
“ไม่… พอเถอะค่ะท่านพี่ ข้าเสียวจนขาสั่นไปหมดแล้ว แต่ถ้าให้ม้าหยุด ทุกคนจะเห็นว่าท่านทำอะไรข้า” ฟู่หลินหลินดูเขินอาย เขาส่งยิ้ม และส่งมือหนาลูบไล้ไปทั่วร่างของฟู่หลินหลิน“ข้าก็เสียวเหมือนกัน เห็นไหมเปลี่ยนบรรยากาศก็แสนดีอย่างนี้แหละ พอไปถึงที่นั่น ข้าอาจจะไม่มีเวลาทำแบบนี้กับเจ้าอีก ตอนนี้ขอให้ข้าจัดเจ้าจนกว่าข้าจะพอใจดีกว่า” เขากระซิบเสียงกระเส่าที่ข้างหลังใบหู พูดเอาแต่ใจแล้วรั่วเฉินก็ผลักร่างของฟู่หลินหลินให้นอนลงไป จากนั้นแม่ทัพหนุ่มได้ประกบปากจูบนางอย่างดูดดื่มเพลงรักเร่าร้อนของเขาเริ่มบรรเลงขึ้นอีกครั้ง“มันทั้งสนุก และเป็นการทำทุกอย่างเพื่อฆ่าเวลา เจ้าจะได้ไม่เบื่อ”ปึก ปึก… นางทุบกำปั้นเล็ก ๆ ไปบนเนื้อตัวของเขา“มีลูกกับข้านะหลินหลิน” เขาทำเสียงอ้อน ๆฟู่หลินหลินไม่ตอบ เพราะการที่เขาทำอย่างนี้ และปล่อยในทุกครั้ง ไม่ช้าก็เร็วนางก็ต้องตั้งครรภ์“อูย... ซี้ด...” ที่ครางเสียวเพราะท่อนใหญ่ของเขาทำดุกดิกอยู่ในร่องสวาทของตนเอง&
“ทำไมท่านพูดอย่างนี้ ท่านไม่ไว้ใจข้าเหรอ ข้ามิได้…” ฟู่หลินหลินพูดไม่ทันจบ เขาก็กระโจนเข้าใส่แล้ว กิริยาอาการที่เถื่อนดิบท่านแม่ทัพจัดการถอดเสื้อผ้าของหญิงสาวออกมาจนหมด จนฟู่หลินหลินเปลือยกายล่อนจ้อน แม้นางจะขัดขืนเพราะไม่ชอบความกักขฬะของสามีในตอนนี้แต่ด้วยไฟอารมณ์ที่ฉุนเฉียวโกรธเกรี้ยว ไม่พอใจที่เห็นภรรยาของตนอยู่กับชายอื่น ใบหน้าน้อย ๆ ของนางถูกท่านแม่ทัพจับเอาไว้ให้อยู่นิ่ง ๆ เขาก็ประทับจูบลงมาอย่างบดขยี้ จนฟู่หลินหลินเจ็บริมฝีปากไปหมด“อื้อ… ไม่นะเจ้าคะท่านพี่ ท่านอย่ารุนแรงกับข้า”แต่เพราะว่าสุราที่ร่ำในงานนั้นมีสมุนไพรบางอย่างที่คลับเคลื่อนอารมณ์กายกำหนัดของชายชาตรีให้ปะทุขึ้นท่อนบุรุษของท่านแม่ทัพแข็งขืนขึ้นมาจนตึง เขาเจ็บแกนกายของตัวเองอย่างมาก สิ่งเดียวที่ปรารถนาในตอนนี้ ก็คือการผนึกแน่นเป็นร่างเดียวกับฟู่หลินหลินเขาจับขาของภรรยาพร้อมกับดึงมาให้สะโพกมนอยู่ที่ขอบเตียง จากนั้นก็จับจรดแกนแกร่งเข้าไปในช่องทางอ่อนนุ่มของฟู่หลินหลิน เขากดแรงจนท่อนลำกระทุ้งฝังเข้าไปในร่องสาวอย่างรวดเร็วนางไ
“ที่นี่ไม่เหมาะที่อิสตรีจะมาเดินเที่ยวคนเดียว” เขาเอ่ยเหมือนตำหนิ“ขอประทานอภัยเจ้าค่ะ คือข้าน้อยไม่รู้ว่าที่นี่เป็นเขตหวงห้าม”“เจ้ามิได้อยู่ในวังนี้ดอกหรือ”“เปล่าเจ้าค่ะ ข้าน้อยมากับสามีของข้า”“หื้อ สามีของเจ้าหรือ คือผู้ใด”“ท่านแม่ทัพรั่ว”“อ้อ ท่านรั่วเฉิน”“ท่านรู้จักสามีของข้าด้วยหรือเจ้าคะ”“ไม่เพียงแต่รู้จักเขา เจ้าก็คือเชลย”คำว่าเชลยสะกิดใจนัก แต่ฟู่หลินหลินก็ยังฝืนยิ้ม“ตอนนี้ข้าถือว่าเป็นคนในครอบครัวของแม่ทัพรั่วแล้ว คำว่าเชลย มักใช้กับผู้ที่เป็นศัตรูกันเท่านั้น”“จริงดังเจ้าว่า อ่า… ขอโทษนะ ถ้าหากข้าพูดอะไรทำให้เจ้ารู้สึกไม่พอใจ”“หามิได้เจ้าค่ะ” ฟู่หลินหลินรู้แล้วว่าไม่ควรจะอยู่ที่แห่งนี้นานมากไป จึงได้เอ่ย“ข้าขอตัวก่อน” นางกำลังจะหันหลัง ไม่อยากจะคุยกับบัณฑิตท่านนี้ต่อแล้ว ไม่พอใจนิด ๆ ที่เขาดูถูกตนเอง&ldqu
ประโยคนี้ทำให้จ้าวอวี้เจินผงะ ตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งจะมีฟู่หลินหลินนี่แหละที่กล้าต่อปากต่อคำกับนาง จนตอนนี้ถึงกับทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะคิดคำพูดใดมาตอบโต้ดี“ถ้าแม่นางจ้าวไม่ได้มีอะไรมากกว่านี้ ข้าก็ขอตัว แต่อยากจะเตือนอย่างหนึ่ง แม้ข้าจะอายุน้อยกว่าท่าน แต่อะไรที่ทำแล้วเสื่อมเกียรติ หรือด้อยคุณค่าในตัวเองข้าจะไม่ทำอย่างเด็ดขาด“อีกอย่างถ้าสิ่งที่คิดทำไม่ได้สมดั่งมุ่งหวัง ความผิดหวังจักมากตามมา” เหมือนทิ้งความไม่พอใจเอาไว้ให้กับจ้าวอวี้เจิน“ข้าก็ขอตัว” ฟู่หลินหลินไม่จำเป็นต้องเสแสร้ง นางก้มโน้มศีรษะ พร้อมกับเดินจากมาฟู่หลินหลินพูดไปทั้งที่ก็หวั่น ๆ แต่ถ้าเป็นตัวของนางเอง หากว่ามีคนมาตอกย้ำและเตือนแบบนี้ จะล่าถอยทันที แม้จะรู้สึกเสียหน้าบ้างก็ตามเถอะสำหรับฟู่หลินหลินแล้ว หากไม่ได้เป็นที่หนึ่งในใจของสามีของตน ก็ไม่ต้องมีสามีจะดีกว่า แม่นางจ้าวที่เพียบพร้อมทุกอย่าง นางจะหาคนที่คู่ควรกับนางได้เอง หากเปิดใจยอมรับเขาผู้นั้น และเวลาอย่างนี้ แม่นางจ้าวก็สมควรจะล่าถอยไปได้แล้วผู้ที่ถูกตอกหน้าถึงกับเจ็บแค้น กำหมัดในมือแน่น
แม่ทัพรั่วออกอาการหัวเราะในกิริยาของนาง“นายหญิงหึงหวงท่านน่ะขอรับท่านแม่ทัพ” เสียงของตงหยวน“เจ้านี่ก็สู่รู้นะ” แล้วเดินหายไปทางห้องเขียนหนังสือ ตงหยวนยังเดินตาม เขาจึงหันมาบอก“เลิกงานแล้ว เจ้าจะไปไหนก็ไป”“ขอรับ” โค้งโน้มตัว ก่อนจะหันหลังให้กับผู้เป็นเจ้านายในทันทีทว่า… ท่านแม่ทัพไม่ได้ไปที่ห้องเขียนหนังสือแล้ว เขากลับไปอาบน้ำ และร่ำสุรารอฟู่หลินหลินที่ห้องนอนของเขาแทนในเวลาต่อมา หลังจากที่ทุกคนออกไปแล้ว ในห้องของท่านแม่ทัพเหลือแต่เขากับฟู่หลินหลิน รั่วเฉินดึงนางให้ลงมานั่งบนตัก“เจ้าหึงหวงข้าเก่งนัก”“ข้าเปล่าเจ้าค่ะ”เมื่อนางยืนกรานว่าไม่ได้หึงหวงเขา เขาก็พยายามคิดคำพูดเพื่อที่จะมาทำให้นางจนมุม“ถ้าอย่างนั้น ข้ารับอวี้เจินเข้ามาเป็นอนุภรรยาอีกคนดีหรือไม่”ฟู่หลินหลินได้ยินถึงกับเบิ่งตาโต หัวใจของนางเต้นไม่เป็นจังหวะ นางเองก็บอกเขาไปแล้วเมื่อคืน จึงได้แต่ทำหน้าไม่พึงใจ&ldqu
เจียงอ่าวจุดประเด็นใหม่ จนคนเป็นเจ้านายคิดตามอีก ยิ่งหวั่นไหวอยู่เต็มทรวง“ถ้าเขาจะเป็นอย่างที่เจ้าพูดจริง ๆ ข้าจะทำอย่างไรได้ ก็คงต้องปล่อยให้มันเป็นไปอย่างนั้น เมื่อก่อนเขาเกลียดชังข้าขนาดไหน ข้าไม่น่าลืม อีกอย่างข้าเป็นเชลย ข้าลืมไปได้อย่างไร” ฟู่หลินหลินพูดเสียงสั่น อารมณ์ของนางค่อนข้างปรวนแปรมาก ๆ ในช่วงนี้“นายหญิงเจ้าคะ เรื่องนี้ท่านอยากพิสูจน์ไหม” “จะพิสูจน์อย่างไรหรือ”“อีกไม่กี่วันจะมีงานเฉลิมฉลอง ที่ฮ่องเต้จะประทานรางวัลให้แก่ท่านแม่ทัพที่ชนะศึกมา นายหญิงก็ต้องเข้าวังไปกับท่านแม่ทัพด้วย”“แล้วไง”“ก็ลองเมียงมองหาบุรุษท่านอื่นที่สง่างาม”“ไม่ ข้าไม่ทำอย่างที่เจ้าบอกแน่ ๆ มันไม่มีทางดี ไม่แน่ท่านพี่อาจจะโกรธข้าเป็นฟืนเป็นไฟ ความคิดของเจ้าเรื่องนี้ไม่ได้เรื่อง” ฟู่หลินหลินเดินหนี“ไม่ลองก็ไม่รู้ จะได้เห็นว่าท่านแม่ทัพคิดอย่างไรดีไหมเจ้าคะ เชื่อเจียงอ่าว”“อึ… ข้าไม
เขาพานางไปแตะขอบสวรรค์ แม่ทัพหนุ่มกระเส่า ดึงตัวตนออกจากช่องทางหวาน ๆ อย่างรวดเร็วจับร่างของภรรยาสาวพลิกคว่ำ และยกร่างน้อย ๆ ให้คลานเข่า ฟู่หลินหลินก็ไม่ได้ขัดใจ หันหน้ากลับมามองแม่ทัพรั่วอย่างเย้ายวน นางหยัดสะโพกรอรับความซ่านเสียวจากสามี รั่วเฉินสอดแทรกแทงถอนแก่นกายของเขาเข้ามาอย่างรวดเร็วร่างบางสะท้านหวั่นไหว สองมือจับยึดขยุ้มผ้าที่รองนอนเอาไว้แน่น แม่ทัพหนุ่มมีใบหน้าแดงก่ำ สายตาของเขาเต็มไปด้วยความกระหายรักรั่วเฉินไม่รอช้าเขาขยับชักแกนแกร่งขยับเข้าออก ๆ ฟู่หลินหลินหลับตาพริ้ม ขยับอ้าปากร้องครางตามจังหวะท่วงท่าของท่านแม่ทัพที่กระทำเรื่องเสียว ๆความใหญ่โตอัดกระแทกชนผนังภายในที่อ่อนนุ่ม จนฟู่หลินหลินเกร็งแขม่วหน้าท้อง ร่องสาวขมิบตอดรัดรอบลำโตของเขาระรัวร่างสูงครางสูดปากเสียงกดต่ำ “โอ้เจ้า หลินหลิน เจ้าอย่าตอดแรงนักสิ ข้าจะแตกอยู่แล้ว อู้… อ้า ซี้ด”ส่งมือใหญ่หนาตะปบรวบเต้าอวบอิ่มที่กระเพื่อมขึ้น ๆ ลง ๆ ตามแรงกระชั้นหนักหน่วงของตนเอง“อะ อะ ซี้ด... อุ๊ย... อะ”ฟู่หลินหลินเปล่งเสียงที่ดังไม่ได้
เขายิ้มให้ “ร้องไห้ทำไม คนที่แกร่งกล้าสามารถไปไหน ฮึ? แล้วคนที่ปากเก่ง ๆ”“ไม่มีแล้ว ข้ามาอยู่ที่นี่ ข้าคิดมาตลอดว่าถูกรังแก ข้าก็คงจะมีแต่พี่เจียงอ่าวที่คอยปลอบใจ และข้า…” กลืนความขมขื่นลงไปในลำคอการที่วิญญาณหลุดมาถึงที่นี่ แล้วมาเข้าร่างของแม่นางฟู่คนนี้ ฟู่หลินหลินก็ไม่คิดว่าจะเป็นการทดสอบจิตใจอย่างที่สุด ไม่ว่าจะเหตุการณ์ใด ๆ ถูกบังคับให้ต้องฟันฝ่า“จะมีใครก็มี ไม่ว่าหรอก เพราะข้าอาจจะให้ความสุขกับท่านไม่พอ จะมีอีกสักสิบ ยี่สิบ หรือจะเป็นร้อยก็แล้วแต่ท่าน จะมีแม่นางจ้าวอีกสักสี่ห้าคนก็ตามใจ” ปากว่าตามใจ แต่หัวใจเหมือนถูกบีบ“นี่” เขาชิดใบหน้าลงมาใกล้อีก จากนั้นก็จูบพรมเช็ดน้ำตาให้“ข้ามีแต่พี่เจียงอ่าว แล้วก็ท่าน แต่ถ้าท่านจะมีนางน้อย ๆ อีกสักสิบคน ข้าก็คงจะ…”“โถ่! ข้าแค่อยากลองใจเจ้า”“ลองใจ จะลองทำไม ข้าใส่เสื้อผ้าที่ท่านจะต้องลองสวมใส่ก่อน ไม่เอาละ ข้าไม่อยากคุยอีก ออกไปจากห้องของข้าเถอะ ข้าง่วง ข้าจะนอน”“ก่อนจะนอนเ
“นี่” เสียงของฟู่หลินหลิน“เวลากินข้าวมิใช่หรือ แม่นางจ้าว ที่บ้านท่านได้สั่งสอนหรือไม่ว่ากินข้าวห้ามชวนคุย ข้าวมันจะติดคอ แล้วท่านพี่ก็เหมือนกัน มีอะไรกินข้าวเสร็จค่อยถามแม่นางเจ้าก็ได้ รีบไปไย” พูดพร้อมกับกระแทกสายตามองรั่วเฉินเหมือนอยากจะเข้าไปฉีกเนื้อของเขาให้ออกเป็นชิ้น ๆ“เจ้าเป็นอะไรไปน่ะหลินหลิน” กลั้นขำแทบแย่ เพราะเห็นนางหน้าบูด แล้วหันไปหาจ้าวอวี้เจิน“ข้าอยากได้ชิ้นนั้นน่ะ เจ้าคีบมาให้ข้าหน่อย”แม่ทัพรั่วบอกกับจ้าวอวี้เจินให้หยิบหมานโถวมาให้ ทั้ง ๆ ที่เห็นได้ชัดว่าเขาสามารถเอื้อมหยิบเองก็ได้ แต่กลับไม่ทำใบหน้าของฟู่หลินหลินเปลี่ยนสีออกแดงจนเข้มแล้ว และร้อนลามไปถึงใบหู ที่รั่วเฉินเขาทำอย่างนี้ ก็เพราะสนุกที่ได้ยั่วโทสะของฟู่หลินหลิน และเพื่อเป็นการพิสูจน์ให้แน่ชัดว่า นางรู้สึกหึงหวงเขาจริง ๆ หรือไม่และก็เป็นไปตามที่เขาคาดไว้ไม่มีผิด เขาเก็บอาการไม่อยู่จนต้องยิ้มออกมา แต่ว่าทำเฉไฉเป็นยิ้มให้กับจ้าวอวี้เจินแทน“อิ่มแล้วเจ้าค่ะ อาหารจวนนี้จะไม่ยกขึ้นโต๊ะอีกนับตั้งแต่วันนี้
แม่ทัพหนุ่มสูดปากเสียงสุขสม และเอ่ยชม “เจ้าเก่งจริง ๆ ทำให้ข้าแพ้เจ้าในเวลาอันรวดเร็ว”“ท่านพี่มีความสุข ข้าก็ดีใจ” หายใจหอบระรวยรั่วเฉินจึงกอดรัดและลูบไล้ร่างกายของนางด้วยความเอ็นดู“ว่าแต่คืนนี้ ท่านพี่จะโอ้โลมข้าครั้งเดียวหรือ”“หรือว่าเจ้ายังไม่พอ”“ถ้าไม่อยากให้ท่านพี่เหนื่อย”“ใครกันแน่ที่เหนื่อย ดูสิเจ้ายังหายใจไม่ทันเลย” เขาเอ่ยยั่วเย้า“ทำไมท่านพี่ต้องรอข้าด้วย” ฟู่หลินหลินซบหน้าลงไปที่หัวไหล่ของเขา“ถ้าอยากจะนอนซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของท่านพี่ทุกคืน ช่วงนี้มันจะเข้าฤดูหนาวแล้วนะเจ้าคะ” ฟู่หลินหลินออดอ้อนเขาราวกับว่าเป็นแมวน้อยขี้หนาวก็ไม่ปาน“นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าก็มานอนในห้องข้า”“จริงนะเจ้าคะ และตลอดไป”“อื้อ… ตลอดไป” ณ เวลานี้ นางคุ้นชินกับการบรรเลงเพลงรักร่วมกับแม่ทัพรั่วแล้ว จึงมิได้ตื่นขึ้นมาโวยวายเหมือนเมื่อก่อน แถมยังเริ่มก่อนได้อีก