“อะแฮ่ม... สวัสดี...” ทุกคนในนั้นหันมามองนาง
“พวกเจ้ารู้แล้วใช่หรือไม่ว่า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้ามีหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยที่นี่แทนท่านแม่”
บรรดาพ่อครัวต่างวางตะหลิวในมือ แล้วกล่าวตอบ “ขอรับนายหญิง”
นางกวาดสายตามองพ่อครัวทุกคน และอาหารในกระทะที่พวกเขากำลังผัดอยู่
“มีอะไรทำเสร็จแล้วบ้าง ข้าต้องชิมก่อน”
“มีซาลาเปาขอรับนายหญิง เดี๋ยวข้าไปเอามาให้ขอรับ” พ่อครัวคนหนึ่งกุลีกุจอไปจัดหาซาลาเปาใส่จานมาให้นาง พอได้ซาลาเปามาแล้ว ฟู่หลินหลินก็กัดหนึ่งคำ ทำทีเป็นว่าเคี้ยวเล็กน้อยก่อนกลืนลงคอ
“อร่อย รสชาติใช้ได้ทีเดียว” ฟู่หลินหลินพูด
นางยกนิ้วหัวแม่โป้งให้กับทุกคน ปากก็เคี้ยวซาลาเปาไม่หยุด ในใจก็คิดว่าหน้าที่ดูแลจวนนี้ ก็มีข้อดีอยู่เหมือนกัน
ได้เวลาฟู่หลินหลินก็ไปคารวะรั่วฮูหยิน แม้จะถูกเสียดสีถากถาง นางก็เอาแต่ยิ้ม
จากนั้นก็มาตั้งสำรับให้กับคนเป็นสามี นางอยู่ปรนนิบัติท่านแม่ทัพแบบไม่ขาดตกบกพร่อง และก็สงบปากสงบคำ จนเขาก็จ้องมองนางอย่างเหลือเชื่อ
“ขะ... ข้าหมายถึงวิชาคำนวณน่ะ”“ถ้าเจ้าอยากได้เครื่องมือสำหรับคำนวณ ก็อยู่ที่ชั้นวางด้านหลังข้า มาหยิบเอาเอง” แม่ทัพรั่วบอก‘จริงหรือ เป็นไปได้อย่างไรว่าที่นี่จะมีเครื่องคิดเลข ขนาดที่เซี่ยงไฮ้ยังหายากจะตายไป’ นางคิดแต่พอหยุดคิดปุ๊บ นางก็ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะทบทวนว่า คงไม่มีทางเป็นไปได้หรอกที่สมัยนี้จะมีเครื่องคิดเลขได้ แต่ฟู่หลินหลินก็ยังคงเดินไปที่ชั้นวางของ ตามที่เขาบอก แล้วก็พบว่าเป็นลูกคิดรางหนึ่ง“ท่านหมายถึงสิ่งนี้หรือเจ้าคะ” ฟู่หลินหลินถาม“ใช่ เจ้าจะเอาไปใช้คำนวณไม่ใช่หรือ ที่เจ้าเรียกว่าเครื่องคิดเลขอะไรนั่น” แม่ทัพรั่วถามกลับ“แบบนี้ข้าใช้ไม่เป็นหรอกเจ้าค่ะ” ฟู่หลินหลินยิ้มเจื่อนให้เขา ในตอนนั้นที่ท่านปู่ฟู่จะสอน นางเป็นคนที่เถลไถล แล้วไม่ยอมเรียน แถมบอกท่านปู่อีกว่า ไม่ได้ใช้แน่ ๆ“ถ้าอย่างนั้นก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเจ้าแล้ว” แม่ทัพรั่วพูดโดยไม่สนใจว่านางจะใช้วิธีใดแก้ปัญหาเมื่อเดินกลับมาถึงโต๊ะ ฟู่หลินหลินก็ว
“ท่านพี่ปล่อยข้าลงไปเดี๋ยวนี้” ฟู่หลินหลินโวยวายแม่ทัพรั่วไม่สนใจ เขาจับนางยัดเข้าไปในรถม้าแล้วตามขึ้นไป“ออกรถเดี๋ยวนี้” เขาสั่งเสียงดัง หันมาจ้องหน้าของอิสตรีเจ้าเล่ห์เจ้ากล“เจ้าจะดื้อด้านไปไย ก็รู้อยู่ว่าข้าจะไปทำงาน ไม่รู้กี่วันจะได้กลับ อาจจะนานถึงหกเดือน หนึ่งปี”“หา! นานอย่างนั้นเชียวหรือ”“อื้อ แล้วยังจะมา...” เขาขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน แล้วขยับเข้าใกล้นาง“ข้ารู้ว่ามันเช้าอยู่ เจ้าอยากนอนก็มาหนุนตักข้าเนี่ย” ดึงร่างของฟู่หลินหลินเข้ามากอด พร้อมกับผลักนางให้นอนลงบนตัก หัวใจของนางเต้นรัวเร็ว ไม่คิดว่ารั่วเฉินจะทำแบบนี้แต่มือน้อย ๆ ของฟู่หลินหลินก็แตะต้องโดนอวัยวะบางอย่างที่อยู่กลางหว่างตักของเขา“เจ้าทำอะไรข้าฮึ”“เปล่านะเจ้าคะ” รีบลุกขึ้นทำหน้าเหลอหลา“อ้อ... เพราะข้าไม่ทำอะไรเจ้าหลายวัน เจ้าก็เลย”“ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย” พลางขยับตัวหนี รั่วเฉินมองนางด้วยสายตาหื่น ๆ
“ไม่… พอเถอะค่ะท่านพี่ ข้าเสียวจนขาสั่นไปหมดแล้ว แต่ถ้าให้ม้าหยุด ทุกคนจะเห็นว่าท่านทำอะไรข้า” ฟู่หลินหลินดูเขินอาย เขาส่งยิ้ม และส่งมือหนาลูบไล้ไปทั่วร่างของฟู่หลินหลิน“ข้าก็เสียวเหมือนกัน เห็นไหมเปลี่ยนบรรยากาศก็แสนดีอย่างนี้แหละ พอไปถึงที่นั่น ข้าอาจจะไม่มีเวลาทำแบบนี้กับเจ้าอีก ตอนนี้ขอให้ข้าจัดเจ้าจนกว่าข้าจะพอใจดีกว่า” เขากระซิบเสียงกระเส่าที่ข้างหลังใบหู พูดเอาแต่ใจแล้วรั่วเฉินก็ผลักร่างของฟู่หลินหลินให้นอนลงไป จากนั้นแม่ทัพหนุ่มได้ประกบปากจูบนางอย่างดูดดื่มเพลงรักเร่าร้อนของเขาเริ่มบรรเลงขึ้นอีกครั้ง“มันทั้งสนุก และเป็นการทำทุกอย่างเพื่อฆ่าเวลา เจ้าจะได้ไม่เบื่อ”ปึก ปึก… นางทุบกำปั้นเล็ก ๆ ไปบนเนื้อตัวของเขา“มีลูกกับข้านะหลินหลิน” เขาทำเสียงอ้อน ๆฟู่หลินหลินไม่ตอบ เพราะการที่เขาทำอย่างนี้ และปล่อยในทุกครั้ง ไม่ช้าก็เร็วนางก็ต้องตั้งครรภ์“อูย... ซี้ด...” ที่ครางเสียวเพราะท่อนใหญ่ของเขาทำดุกดิกอยู่ในร่องสวาทของตนเอง&
วันต่อมา ทุกคนก็ได้ออกเดินทางตั้งแต่ตะวันยังไม่ขึ้น การเดินทางแม้จะยากลำบาก แต่ก็ไม่มีอุปสรรคอันใดคณะของแม่ทัพรั่วใช้เวลาในการเดินทางมาถึงเมืองหลูตงถึงสิบวัน แต่ถือว่าการเดินทางราบรื่น ถึงแม้จะรู้สึกเหนื่อยกันอยู่บ้าง เนื่องจากรอนแรมถึงสิบวัน แต่ก็หาได้ทำให้เหล่าทหาร และแม่ทัพรั่วเรี่ยวแรงถดถอยไม่ผิดกับฟู่หลินหลินที่ถูกเคี่ยวกรำอย่างหนักจากท่านแม่ทัพมาตลอดทาง นางถึงกับอ่อนเพลียราวกับวิญญาณจะหลุดออกจากร่าง เมื่อได้เห็นห้องพักในจวนว่าการ ก็ถึงกับดีใจจนแทบจะร้องออกมา“ว้าว! และเราก็มาถึงเสียทีเจียงอ่าว”“ใช่เจ้าค่ะ เห็นที่นี่แล้ว หายเหนื่อยเลย”“ถ้าหากจะต้องให้ข้าเดินทางต่ออีกสักวัน ข้าคงตายในวันที่สิบเอ็ดเป็นแน่” ฟู่หลินหลินพูดมีบ่าวไพร่ที่ดูแลจวนเข้ามารับใช้ เจียงอ่าวจึงจัดแจงบอกให้สาว ๆ จัดหาน้ำอาบให้ทั้งนายหญิง และท่านแม่ทัพ โดยที่ท่านแม่ทัพสั่งให้จัดห้องนอนให้กับภรรยาของตนอีกห้องหนึ่ง เพื่อความสะดวกสบายหลังจากที่ฟู่หลินหลินอาบน้ำอย่างรวดเร็ว ก็สบายตัวขึ้น เจียงอ่าวรีบจัดแจงที่
“อากาศมันร้อนเจ้าไม่เห็นเหรอ ไม่เอาแล้ว พูดเรื่องอื่นเถอะ เจียงอ่าวเจ้ารู้หรือไม่ว่า เมืองหลูตงเป็นอย่างไร เจ้าเคยไปหรือยัง” ฟู่หลินหลินถาม เพราะขัดเขินที่จะคิดถึงเรื่องของรั่วเฉิน“ข้าคิดว่า หากเราไปถึงที่นั่นแล้ว เมืองหลูตงสงบสุข เราสองคนก็อาจจะได้ออกไปเที่ยวเล่น” ดวงตาเป็นประกายขึ้นมา“ข้ายังไม่เคยไปเจ้าค่ะ และอีกอย่างคิดแต่จะเที่ยวเล่นไม่ได้นะ เพราะอะไรที่แปลกถิ่น เราไม่มีคนรู้จักยิ่งอันตรายเจ้าค่ะ” เจียงอ่าวเกรงเหลือเกินว่านายหญิงของตนจะก่อปัญหาให้อีก แล้วนางก็ทำท่าทางครุ่นคิด“แต่ข้าเคยได้ยินมาว่า หลูตงเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงทางด้านหุ่นกระบอกนะเจ้าคะ นายหญิงเองก็ชอบหุ่นกระบอกมาตั้งแต่ไหนแต่ไร คงจะได้ของเล่นใหม่”“จริงหรือ งื้อ... ข้าคงไม่หลงรักเมืองหลูตงนะ”“เอาไว้ไปถึงก่อนเถอะ เราค่อยว่ากัน ว่าแต่ไปล้างเนื้อล้างตัว และเข้าห้องน้ำเถอะเจ้าค่ะ จะได้เข้ากระโจม อากาศเริ่มหนาวเย็นแล้ว”“เจียงอ่าวเจ้ามานอนกับข้านะ” ทำเสียงอ้อน“ถ้าท่านแม่ทัพอนุญา
เมื่อเช้านางยังไม่ได้เข้าไปปรนนิบัติและกินข้าวด้วยกันกับเขาเลย ฟู่หลินหลินเจอและได้ถามมือขวาของรั่วเฉิน ตงหยวนบอกว่า “ท่านแม่ทัพงานยุ่งมาก นายหญิงหาอะไรกินได้เลยขอรับ ส่วนท่านแม่ทัพนั้น ตงหยวนจะดูแลเอง” นางจึงได้กลับจวน ‘ใช่แหละตอนนี้เขาน่าจะยุ่งน่าดู’ ฟู่หลินหลินมองไปที่หน้าห้องทำงานของเขา ผู้คนมาจากไหนหลั่งไหลกันเข้ามา สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนมากหน้าหลายตาจนน่าเวียนหัวแค่ความที่อยากไปเที่ยวของนาง ก็คงจะไม่สำคัญเท่ากับงานที่เขาทำอยู่ ฟู่หลินหลินไม่รู้สถานการณ์บ้านเมืองของหลูตง ดูสงบนิ่ง ไม่เห็นมีอะไรอย่างที่ว่าสักนิด เมื่อคิดได้เช่นนั้นแล้ว นางก็คิดว่า จะออกไปเลย โดยไม่ต้องบอกกล่าวแต่ทว่า...“นายหญิง” เปียงจี้เดินเข้ามาเห็นเสียก่อน“จะมาหาท่านแม่ทัพหรือขอรับ” เพราะเปียงจี้เห็นนางทำลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่สักครู่แล้ว“ข้าเปลี่ยนใจแล้ว ข้าจะกลับห้อง”“เข้าไปสิขอรับ เพราะถึงตอนที่ทุกคนต้องออกไปทำงานแล้ว นั่นเห็นไหมขอรับ” เปียงจี้ชี้ให้ฟู่หลินหลินดู ทหารหลายคนดาหน้าก
แม่ทัพรั่วกับเหล่าทหารมาถึงหน้าจวนเจ้าเมืองที่ไฟกำลังไหม้อยู่ เขาเห็นเจียงอ่าวกับคนอื่นทว่ารั่วเฉินไม่เห็นฟู่หลินหลิน เขาถามเอาความกับเจียงอ่าว และทหารอีกสองคน“นายหญิงไปไหน”“ข้าไม่เห็นขอรับ”“อ้าวนายหญิงหายไปจากที่นี่ตอนไหน” หันรีหันขวาง ทุกคนดูตกใจ ที่ฟู่หลินหลินหายไปจากบริเวณนั้น“ช่วยกันตามหานางเร็ว” รั่วเฉินออกคำสั่ง ทุกคนพากันสอบถามว่าใครเห็นนางบ้างทหารคนหนึ่งวิ่งมาหาแม่ทัพรั่ว “มีคนเห็นนายหญิงวิ่งไปทางนั้นขอรับ”“รีบตามไป ฮึ... พวกเจ้านี่ละสายตาไปจากภรรยาของข้าได้อย่างไร ไป... หานางให้เจอ พวกเจ้าจำเอาไว้ หากว่าหาหลินหลินไม่เจอ กลับไป... ข้าจะลงโทษเจ้าให้หมด” แม่ทัพรั่วพูดด้วยโทสะเจียงอ่าวถึงกับเข่าอ่อนล้มพับลงตรงนั้น ดีว่ามีผู้หญิงอยู่ตรงนั้นหลายคนได้เข้ามาช่วยนางแม่ทัพรั่วออกวิ่งไปยังทิศทางที่ทหารบอกทันที มีทหารสี่ห้านายวิ่งตามเขามาด้วยส่วนฟู่หลินหลินที่ตั้งใจตามชายผู้นั้นไป เพราะนางมั่นใจว่าชายคนนั
ฟู่หลินหลินก้มตัวหลบหมัดที่พุ่งเข้าหา นางใช้ไม้ฟาดเข้าไปที่ข้อพับขาทั้งสองข้างของเขา จนโจรร้ายเสียหลักล้มลงหลังกระแทกกับพื้น คนผู้นั้นรีบลุกขึ้นมาตั้งท่ารับ แต่ด้วยความที่เขาเจ็บทั้งที่ขา และที่สะโพก เจ็บจนจุกจึงไม่สามารถที่จะยืดตัวตรงได้ฟู่หลินหลินเห็นเป็นโอกาสที่จะเอาชนะเขาได้ เพราะว่าตอนนี้มันกำลังอ่อนแอ นางจึงเป็นฝ่ายกระโดดพร้อมกับเงื้อไม้ฟาดกระหน่ำเขาแทนฟู่หลินหลินรัวฟาดไม้ใส่ลำตัวของเขาไม่ยั้ง จนเขาถอยร่นไปติดกำแพง แล้วนางก็ปล่อยไม้ตายสุดท้ายออกมา คือใช้หมัดข้างหนึ่งต่อยเสยเข้าที่ปลายคางของโจรผู้นั้น เลือดสีสด ๆ ไหลออกจากจมูกและปากของมันเป็นจำนวนมาก และไหลย้อยเป็นทางยาว แล้วเขาก็ร่วงลงไปกองกับพื้นอย่างน่าเวทนาพอดีกับที่ท่านแม่ทัพรั่วมาถึง เขาเห็นแผ่นหลังของฟู่หลินหลินกระเพื่อมอยู่ราวกับว่านางเพิ่งเหน็ดเหนื่อยจากการทำอะไรสักอย่างมาเขารีบวิ่งมาหานางด้วยความเป็นห่วงเป็นใย พร้อมกับทหารอีกสี่ห้านายที่วิ่งตามหลังท่านแม่ทัพมาติด ๆเมื่อมาถึง ก็เห็นนางยืนหอบอยู่ตรงหน้าร่างอันปวกเปียกของชายผู้หนึ่งที่ใบหน้าอาบไปด้วยเลือด และตามเนื้อตัวของมันก็มีรอ
“อร่อย! เจียงอ่าวเจ้าว่าอร่อยหรือไม่” ฟู่หลินหลินหันไปถามเจียงอ่าว ที่กำลังเคี้ยวขนมอยู่ยังไม่ทันได้กลืน ก็ตอบด้วยเสียงอู้อี้กลับมาว่า“อร่อยเจ้าค่ะ”ฟู่หลินหลินจึงได้ซื้อขนมถั่วตัดนี้มาห้าถุง หนึ่งถุงสำหรับส่งให้แม่ทัพรั่ว หนึ่งถุงสำหรับนางกับเจียงอ่าว อีกหนึ่งถุงให้ท่านแม่ และอีกสองถุงไว้ให้บ่าวไพร่ในเรือนแบ่งกันกิน พอกลับถึงจวน ฟู่หลินหลินก็ให้ทุกคนมาช่วยกันจัดสิ่งของที่ซื้อมาใส่จวน จวนแม่ทัพรั่วตอนนี้ได้สลัดกลิ่นอายของความเก่าทึมทึบออกไปแล้ว เมื่อมีเครื่องเรือนใหม่เข้ามาทำให้ดูสดใสขึ้นอักโขแต่ว่าฟู่หลินหลินก็ไม่ได้สั่งให้คนยกเครื่องเรือนเก่าออกไปเนื่องจากไม่อยากมีเรื่องกับแม่สามี จึงทำเพียงแต่เติมของใหม่เข้าไปเท่านั้นเมื่อกลับมาถึงที่ห้องนอนของนางแล้ว รั่วฮูหยินก็สั่งให้คนมาตามนางไปหา ฟู่หลินหลินจึงขัดไม่ได้ แม้จะแสนเพลีย แต่ก็ต้องไปหารั่วฮูหยินที่จวนของท่านทว่าเมื่อไปถึงแล้ว ไม่ได้มีแต่รั่วฮูหยินเพียงคนเดียว ยังมีแม่นางจ้าวนั่งอยู่ข้างกา
กองทัพออกเดินทางกันมาได้หลายวันแล้ว ตลอดระยะเวลาสองวันนี้ ทุกคนแทบจะไม่ได้พักเลย เนื่องจากจะต้องไปให้ถึงเมืองซุยโจว ก่อนที่ทัพของข้าศึกจะมาประชิดเมือง จะหยุดพักกันก็แค่ในตอนรับประทานอาหารเช้ากับเย็นเท่านั้นการนอนพักผ่อนก็จะพักให้หายเหนื่อยเพียงแค่สองถึงสามชั่วยาม นอกจากกายจะไม่ได้พักแล้ว ใจก็ไม่ได้พักเช่นกันตั้งแต่แม่ทัพรั่วออกมาจากจวน เขาก็เฝ้าคิดถึงแต่ฟู่หลินหลินภรรยาของตนพอ ๆ กับคิดถึงเรื่องสงครามที่อยู่ข้างหน้า การศึกครั้งนี้เขาตั้งใจไว้ว่าจะทำให้รวบรัดและทำการศึกให้ใช้เวลาน้อยที่สุด เพื่อจะได้กลับไปหาภรรยาสุดที่รักของเขาพวกเขาพักค้างแรมกันที่ชายป่าก่อนถึงเมืองซุยโจว จากตรงนี้ไปใช้เวลาเดินเท้าอีกแค่ไม่เกินสองวัน ก็จะถึงเขตเมืองซุยโจวดังนั้นแม่ทัพรั่วจึงสั่งให้ทหารตั้งกระโจมพักผ่อนกันแบบยาว ๆ สักหน่อย เพื่อที่จะได้เก็บแรงเอาไว้ต้านศึก“พวกเราตั้งค่ายพักแรมกันตรงนี้เถิด” แม่ทัพรั่วสั่ง“เหลือระยะทางอีกไม่ไกลแล้ว พักผ่อนกันให้เต็มที่ พวกเจ้าจะต้องนอนเอาแรง” เขาหันหน้าไปทางหวังหว่าน
เขากลับบ้านมาด้วยความเร่งรีบเพื่อที่เตรียมเอาเฉพาะของที่จำเป็นไปด้วยฟู่หลินหลินรอเขาอยู่ที่ห้อง เมื่อเห็นเขากลับมาในช่วงกลางวันก็รู้สึกแปลกใจ เพราะว่าปกติแล้วเวลาที่เขาเข้าวังไปประชุมข้อราชการ กว่าจะกลับมาก็ค่ำมืดทุกครั้ง“ท่านพี่มีเรื่องเร่งด่วนอันใดหรือ” ฟู่หลินหลินถาม“ข้าต้องไปออกรบ และต้องไปเดี๋ยวนี้” แม่ทัพรั่วตอบ“เหตุใดจึงได้กะทันหันเช่นนี้เล่า” ฟู่หลินหลินเอียงคอเล็กน้อย สีหน้าของนางมีแต่ความกังวลใจ ใครอยากให้สามีของตนไปผจญกับคมดาบและศึกสงคราม แต่นี่คือหน้าที่“ตอนนี้ยังไม่มีเวลาที่จะอธิบาย เจ้าช่วยไปเก็บเสื้อผ้าของข้าให้หน่อย แล้วก็สิ่งของต่าง ๆ ที่จำเป็นด้วย ข้าต้องรีบเปลี่ยนชุด” แม่ทัพรั่วกล่าวในขณะที่แม่ทัพรั่วกำลังถอดชุดเข้าเฝ้าออก แล้วเปลี่ยนเป็นเครื่องแบบทหารนั้น ฟู่หลินหลินก็เรียกเจียงอ่าว และคนรับใช้อื่น ๆ ให้ทยอยเก็บข้าวของให้เขาเมื่อเก็บของเสร็จแล้ว ฟู่หลินหลินก็เรียกให้บ่าวไพร่มาขนหีบไปขึ้นรถม้า แม่ทัพรั่วแต่งตัวเสร็จ เขากำลังจะเดินออกไป เขาหันไปพ
“ทำไมท่านพูดอย่างนี้ ท่านไม่ไว้ใจข้าเหรอ ข้ามิได้…” ฟู่หลินหลินพูดไม่ทันจบ เขาก็กระโจนเข้าใส่แล้ว กิริยาอาการที่เถื่อนดิบท่านแม่ทัพจัดการถอดเสื้อผ้าของหญิงสาวออกมาจนหมด จนฟู่หลินหลินเปลือยกายล่อนจ้อน แม้นางจะขัดขืนเพราะไม่ชอบความกักขฬะของสามีในตอนนี้แต่ด้วยไฟอารมณ์ที่ฉุนเฉียวโกรธเกรี้ยว ไม่พอใจที่เห็นภรรยาของตนอยู่กับชายอื่น ใบหน้าน้อย ๆ ของนางถูกท่านแม่ทัพจับเอาไว้ให้อยู่นิ่ง ๆ เขาก็ประทับจูบลงมาอย่างบดขยี้ จนฟู่หลินหลินเจ็บริมฝีปากไปหมด“อื้อ… ไม่นะเจ้าคะท่านพี่ ท่านอย่ารุนแรงกับข้า”แต่เพราะว่าสุราที่ร่ำในงานนั้นมีสมุนไพรบางอย่างที่คลับเคลื่อนอารมณ์กายกำหนัดของชายชาตรีให้ปะทุขึ้นท่อนบุรุษของท่านแม่ทัพแข็งขืนขึ้นมาจนตึง เขาเจ็บแกนกายของตัวเองอย่างมาก สิ่งเดียวที่ปรารถนาในตอนนี้ ก็คือการผนึกแน่นเป็นร่างเดียวกับฟู่หลินหลินเขาจับขาของภรรยาพร้อมกับดึงมาให้สะโพกมนอยู่ที่ขอบเตียง จากนั้นก็จับจรดแกนแกร่งเข้าไปในช่องทางอ่อนนุ่มของฟู่หลินหลิน เขากดแรงจนท่อนลำกระทุ้งฝังเข้าไปในร่องสาวอย่างรวดเร็วนางไ
“ที่นี่ไม่เหมาะที่อิสตรีจะมาเดินเที่ยวคนเดียว” เขาเอ่ยเหมือนตำหนิ“ขอประทานอภัยเจ้าค่ะ คือข้าน้อยไม่รู้ว่าที่นี่เป็นเขตหวงห้าม”“เจ้ามิได้อยู่ในวังนี้ดอกหรือ”“เปล่าเจ้าค่ะ ข้าน้อยมากับสามีของข้า”“หื้อ สามีของเจ้าหรือ คือผู้ใด”“ท่านแม่ทัพรั่ว”“อ้อ ท่านรั่วเฉิน”“ท่านรู้จักสามีของข้าด้วยหรือเจ้าคะ”“ไม่เพียงแต่รู้จักเขา เจ้าก็คือเชลย”คำว่าเชลยสะกิดใจนัก แต่ฟู่หลินหลินก็ยังฝืนยิ้ม“ตอนนี้ข้าถือว่าเป็นคนในครอบครัวของแม่ทัพรั่วแล้ว คำว่าเชลย มักใช้กับผู้ที่เป็นศัตรูกันเท่านั้น”“จริงดังเจ้าว่า อ่า… ขอโทษนะ ถ้าหากข้าพูดอะไรทำให้เจ้ารู้สึกไม่พอใจ”“หามิได้เจ้าค่ะ” ฟู่หลินหลินรู้แล้วว่าไม่ควรจะอยู่ที่แห่งนี้นานมากไป จึงได้เอ่ย“ข้าขอตัวก่อน” นางกำลังจะหันหลัง ไม่อยากจะคุยกับบัณฑิตท่านนี้ต่อแล้ว ไม่พอใจนิด ๆ ที่เขาดูถูกตนเอง&ldqu
ประโยคนี้ทำให้จ้าวอวี้เจินผงะ ตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งจะมีฟู่หลินหลินนี่แหละที่กล้าต่อปากต่อคำกับนาง จนตอนนี้ถึงกับทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะคิดคำพูดใดมาตอบโต้ดี“ถ้าแม่นางจ้าวไม่ได้มีอะไรมากกว่านี้ ข้าก็ขอตัว แต่อยากจะเตือนอย่างหนึ่ง แม้ข้าจะอายุน้อยกว่าท่าน แต่อะไรที่ทำแล้วเสื่อมเกียรติ หรือด้อยคุณค่าในตัวเองข้าจะไม่ทำอย่างเด็ดขาด“อีกอย่างถ้าสิ่งที่คิดทำไม่ได้สมดั่งมุ่งหวัง ความผิดหวังจักมากตามมา” เหมือนทิ้งความไม่พอใจเอาไว้ให้กับจ้าวอวี้เจิน“ข้าก็ขอตัว” ฟู่หลินหลินไม่จำเป็นต้องเสแสร้ง นางก้มโน้มศีรษะ พร้อมกับเดินจากมาฟู่หลินหลินพูดไปทั้งที่ก็หวั่น ๆ แต่ถ้าเป็นตัวของนางเอง หากว่ามีคนมาตอกย้ำและเตือนแบบนี้ จะล่าถอยทันที แม้จะรู้สึกเสียหน้าบ้างก็ตามเถอะสำหรับฟู่หลินหลินแล้ว หากไม่ได้เป็นที่หนึ่งในใจของสามีของตน ก็ไม่ต้องมีสามีจะดีกว่า แม่นางจ้าวที่เพียบพร้อมทุกอย่าง นางจะหาคนที่คู่ควรกับนางได้เอง หากเปิดใจยอมรับเขาผู้นั้น และเวลาอย่างนี้ แม่นางจ้าวก็สมควรจะล่าถอยไปได้แล้วผู้ที่ถูกตอกหน้าถึงกับเจ็บแค้น กำหมัดในมือแน่น
แม่ทัพรั่วออกอาการหัวเราะในกิริยาของนาง“นายหญิงหึงหวงท่านน่ะขอรับท่านแม่ทัพ” เสียงของตงหยวน“เจ้านี่ก็สู่รู้นะ” แล้วเดินหายไปทางห้องเขียนหนังสือ ตงหยวนยังเดินตาม เขาจึงหันมาบอก“เลิกงานแล้ว เจ้าจะไปไหนก็ไป”“ขอรับ” โค้งโน้มตัว ก่อนจะหันหลังให้กับผู้เป็นเจ้านายในทันทีทว่า… ท่านแม่ทัพไม่ได้ไปที่ห้องเขียนหนังสือแล้ว เขากลับไปอาบน้ำ และร่ำสุรารอฟู่หลินหลินที่ห้องนอนของเขาแทนในเวลาต่อมา หลังจากที่ทุกคนออกไปแล้ว ในห้องของท่านแม่ทัพเหลือแต่เขากับฟู่หลินหลิน รั่วเฉินดึงนางให้ลงมานั่งบนตัก“เจ้าหึงหวงข้าเก่งนัก”“ข้าเปล่าเจ้าค่ะ”เมื่อนางยืนกรานว่าไม่ได้หึงหวงเขา เขาก็พยายามคิดคำพูดเพื่อที่จะมาทำให้นางจนมุม“ถ้าอย่างนั้น ข้ารับอวี้เจินเข้ามาเป็นอนุภรรยาอีกคนดีหรือไม่”ฟู่หลินหลินได้ยินถึงกับเบิ่งตาโต หัวใจของนางเต้นไม่เป็นจังหวะ นางเองก็บอกเขาไปแล้วเมื่อคืน จึงได้แต่ทำหน้าไม่พึงใจ&ldqu
เจียงอ่าวจุดประเด็นใหม่ จนคนเป็นเจ้านายคิดตามอีก ยิ่งหวั่นไหวอยู่เต็มทรวง“ถ้าเขาจะเป็นอย่างที่เจ้าพูดจริง ๆ ข้าจะทำอย่างไรได้ ก็คงต้องปล่อยให้มันเป็นไปอย่างนั้น เมื่อก่อนเขาเกลียดชังข้าขนาดไหน ข้าไม่น่าลืม อีกอย่างข้าเป็นเชลย ข้าลืมไปได้อย่างไร” ฟู่หลินหลินพูดเสียงสั่น อารมณ์ของนางค่อนข้างปรวนแปรมาก ๆ ในช่วงนี้“นายหญิงเจ้าคะ เรื่องนี้ท่านอยากพิสูจน์ไหม” “จะพิสูจน์อย่างไรหรือ”“อีกไม่กี่วันจะมีงานเฉลิมฉลอง ที่ฮ่องเต้จะประทานรางวัลให้แก่ท่านแม่ทัพที่ชนะศึกมา นายหญิงก็ต้องเข้าวังไปกับท่านแม่ทัพด้วย”“แล้วไง”“ก็ลองเมียงมองหาบุรุษท่านอื่นที่สง่างาม”“ไม่ ข้าไม่ทำอย่างที่เจ้าบอกแน่ ๆ มันไม่มีทางดี ไม่แน่ท่านพี่อาจจะโกรธข้าเป็นฟืนเป็นไฟ ความคิดของเจ้าเรื่องนี้ไม่ได้เรื่อง” ฟู่หลินหลินเดินหนี“ไม่ลองก็ไม่รู้ จะได้เห็นว่าท่านแม่ทัพคิดอย่างไรดีไหมเจ้าคะ เชื่อเจียงอ่าว”“อึ… ข้าไม
เขาพานางไปแตะขอบสวรรค์ แม่ทัพหนุ่มกระเส่า ดึงตัวตนออกจากช่องทางหวาน ๆ อย่างรวดเร็วจับร่างของภรรยาสาวพลิกคว่ำ และยกร่างน้อย ๆ ให้คลานเข่า ฟู่หลินหลินก็ไม่ได้ขัดใจ หันหน้ากลับมามองแม่ทัพรั่วอย่างเย้ายวน นางหยัดสะโพกรอรับความซ่านเสียวจากสามี รั่วเฉินสอดแทรกแทงถอนแก่นกายของเขาเข้ามาอย่างรวดเร็วร่างบางสะท้านหวั่นไหว สองมือจับยึดขยุ้มผ้าที่รองนอนเอาไว้แน่น แม่ทัพหนุ่มมีใบหน้าแดงก่ำ สายตาของเขาเต็มไปด้วยความกระหายรักรั่วเฉินไม่รอช้าเขาขยับชักแกนแกร่งขยับเข้าออก ๆ ฟู่หลินหลินหลับตาพริ้ม ขยับอ้าปากร้องครางตามจังหวะท่วงท่าของท่านแม่ทัพที่กระทำเรื่องเสียว ๆความใหญ่โตอัดกระแทกชนผนังภายในที่อ่อนนุ่ม จนฟู่หลินหลินเกร็งแขม่วหน้าท้อง ร่องสาวขมิบตอดรัดรอบลำโตของเขาระรัวร่างสูงครางสูดปากเสียงกดต่ำ “โอ้เจ้า หลินหลิน เจ้าอย่าตอดแรงนักสิ ข้าจะแตกอยู่แล้ว อู้… อ้า ซี้ด”ส่งมือใหญ่หนาตะปบรวบเต้าอวบอิ่มที่กระเพื่อมขึ้น ๆ ลง ๆ ตามแรงกระชั้นหนักหน่วงของตนเอง“อะ อะ ซี้ด... อุ๊ย... อะ”ฟู่หลินหลินเปล่งเสียงที่ดังไม่ได้