วันต่อมา ทุกคนก็ได้ออกเดินทางตั้งแต่ตะวันยังไม่ขึ้น การเดินทางแม้จะยากลำบาก แต่ก็ไม่มีอุปสรรคอันใด
คณะของแม่ทัพรั่วใช้เวลาในการเดินทางมาถึงเมืองหลูตงถึงสิบวัน แต่ถือว่าการเดินทางราบรื่น ถึงแม้จะรู้สึกเหนื่อยกันอยู่บ้าง เนื่องจากรอนแรมถึงสิบวัน แต่ก็หาได้ทำให้เหล่าทหาร และแม่ทัพรั่วเรี่ยวแรงถดถอยไม่
ผิดกับฟู่หลินหลินที่ถูกเคี่ยวกรำอย่างหนักจากท่านแม่ทัพมาตลอดทาง นางถึงกับอ่อนเพลียราวกับวิญญาณจะหลุดออกจากร่าง เมื่อได้เห็นห้องพักในจวนว่าการ ก็ถึงกับดีใจจนแทบจะร้องออกมา
“ว้าว! และเราก็มาถึงเสียทีเจียงอ่าว”
“ใช่เจ้าค่ะ เห็นที่นี่แล้ว หายเหนื่อยเลย”
“ถ้าหากจะต้องให้ข้าเดินทางต่ออีกสักวัน ข้าคงตายในวันที่สิบเอ็ดเป็นแน่” ฟู่หลินหลินพูด
มีบ่าวไพร่ที่ดูแลจวนเข้ามารับใช้ เจียงอ่าวจึงจัดแจงบอกให้สาว ๆ จัดหาน้ำอาบให้ทั้งนายหญิง และท่านแม่ทัพ โดยที่ท่านแม่ทัพสั่งให้จัดห้องนอนให้กับภรรยาของตนอีกห้องหนึ่ง เพื่อความสะดวกสบาย
หลังจากที่ฟู่หลินหลินอาบน้ำอย่างรวดเร็ว ก็สบายตัวขึ้น เจียงอ่าวรีบจัดแจงที่
“อากาศมันร้อนเจ้าไม่เห็นเหรอ ไม่เอาแล้ว พูดเรื่องอื่นเถอะ เจียงอ่าวเจ้ารู้หรือไม่ว่า เมืองหลูตงเป็นอย่างไร เจ้าเคยไปหรือยัง” ฟู่หลินหลินถาม เพราะขัดเขินที่จะคิดถึงเรื่องของรั่วเฉิน“ข้าคิดว่า หากเราไปถึงที่นั่นแล้ว เมืองหลูตงสงบสุข เราสองคนก็อาจจะได้ออกไปเที่ยวเล่น” ดวงตาเป็นประกายขึ้นมา“ข้ายังไม่เคยไปเจ้าค่ะ และอีกอย่างคิดแต่จะเที่ยวเล่นไม่ได้นะ เพราะอะไรที่แปลกถิ่น เราไม่มีคนรู้จักยิ่งอันตรายเจ้าค่ะ” เจียงอ่าวเกรงเหลือเกินว่านายหญิงของตนจะก่อปัญหาให้อีก แล้วนางก็ทำท่าทางครุ่นคิด“แต่ข้าเคยได้ยินมาว่า หลูตงเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงทางด้านหุ่นกระบอกนะเจ้าคะ นายหญิงเองก็ชอบหุ่นกระบอกมาตั้งแต่ไหนแต่ไร คงจะได้ของเล่นใหม่”“จริงหรือ งื้อ... ข้าคงไม่หลงรักเมืองหลูตงนะ”“เอาไว้ไปถึงก่อนเถอะ เราค่อยว่ากัน ว่าแต่ไปล้างเนื้อล้างตัว และเข้าห้องน้ำเถอะเจ้าค่ะ จะได้เข้ากระโจม อากาศเริ่มหนาวเย็นแล้ว”“เจียงอ่าวเจ้ามานอนกับข้านะ” ทำเสียงอ้อน“ถ้าท่านแม่ทัพอนุญา
เมื่อเช้านางยังไม่ได้เข้าไปปรนนิบัติและกินข้าวด้วยกันกับเขาเลย ฟู่หลินหลินเจอและได้ถามมือขวาของรั่วเฉิน ตงหยวนบอกว่า “ท่านแม่ทัพงานยุ่งมาก นายหญิงหาอะไรกินได้เลยขอรับ ส่วนท่านแม่ทัพนั้น ตงหยวนจะดูแลเอง” นางจึงได้กลับจวน ‘ใช่แหละตอนนี้เขาน่าจะยุ่งน่าดู’ ฟู่หลินหลินมองไปที่หน้าห้องทำงานของเขา ผู้คนมาจากไหนหลั่งไหลกันเข้ามา สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนมากหน้าหลายตาจนน่าเวียนหัวแค่ความที่อยากไปเที่ยวของนาง ก็คงจะไม่สำคัญเท่ากับงานที่เขาทำอยู่ ฟู่หลินหลินไม่รู้สถานการณ์บ้านเมืองของหลูตง ดูสงบนิ่ง ไม่เห็นมีอะไรอย่างที่ว่าสักนิด เมื่อคิดได้เช่นนั้นแล้ว นางก็คิดว่า จะออกไปเลย โดยไม่ต้องบอกกล่าวแต่ทว่า...“นายหญิง” เปียงจี้เดินเข้ามาเห็นเสียก่อน“จะมาหาท่านแม่ทัพหรือขอรับ” เพราะเปียงจี้เห็นนางทำลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่สักครู่แล้ว“ข้าเปลี่ยนใจแล้ว ข้าจะกลับห้อง”“เข้าไปสิขอรับ เพราะถึงตอนที่ทุกคนต้องออกไปทำงานแล้ว นั่นเห็นไหมขอรับ” เปียงจี้ชี้ให้ฟู่หลินหลินดู ทหารหลายคนดาหน้าก
แม่ทัพรั่วกับเหล่าทหารมาถึงหน้าจวนเจ้าเมืองที่ไฟกำลังไหม้อยู่ เขาเห็นเจียงอ่าวกับคนอื่นทว่ารั่วเฉินไม่เห็นฟู่หลินหลิน เขาถามเอาความกับเจียงอ่าว และทหารอีกสองคน“นายหญิงไปไหน”“ข้าไม่เห็นขอรับ”“อ้าวนายหญิงหายไปจากที่นี่ตอนไหน” หันรีหันขวาง ทุกคนดูตกใจ ที่ฟู่หลินหลินหายไปจากบริเวณนั้น“ช่วยกันตามหานางเร็ว” รั่วเฉินออกคำสั่ง ทุกคนพากันสอบถามว่าใครเห็นนางบ้างทหารคนหนึ่งวิ่งมาหาแม่ทัพรั่ว “มีคนเห็นนายหญิงวิ่งไปทางนั้นขอรับ”“รีบตามไป ฮึ... พวกเจ้านี่ละสายตาไปจากภรรยาของข้าได้อย่างไร ไป... หานางให้เจอ พวกเจ้าจำเอาไว้ หากว่าหาหลินหลินไม่เจอ กลับไป... ข้าจะลงโทษเจ้าให้หมด” แม่ทัพรั่วพูดด้วยโทสะเจียงอ่าวถึงกับเข่าอ่อนล้มพับลงตรงนั้น ดีว่ามีผู้หญิงอยู่ตรงนั้นหลายคนได้เข้ามาช่วยนางแม่ทัพรั่วออกวิ่งไปยังทิศทางที่ทหารบอกทันที มีทหารสี่ห้านายวิ่งตามเขามาด้วยส่วนฟู่หลินหลินที่ตั้งใจตามชายผู้นั้นไป เพราะนางมั่นใจว่าชายคนนั
ฟู่หลินหลินก้มตัวหลบหมัดที่พุ่งเข้าหา นางใช้ไม้ฟาดเข้าไปที่ข้อพับขาทั้งสองข้างของเขา จนโจรร้ายเสียหลักล้มลงหลังกระแทกกับพื้น คนผู้นั้นรีบลุกขึ้นมาตั้งท่ารับ แต่ด้วยความที่เขาเจ็บทั้งที่ขา และที่สะโพก เจ็บจนจุกจึงไม่สามารถที่จะยืดตัวตรงได้ฟู่หลินหลินเห็นเป็นโอกาสที่จะเอาชนะเขาได้ เพราะว่าตอนนี้มันกำลังอ่อนแอ นางจึงเป็นฝ่ายกระโดดพร้อมกับเงื้อไม้ฟาดกระหน่ำเขาแทนฟู่หลินหลินรัวฟาดไม้ใส่ลำตัวของเขาไม่ยั้ง จนเขาถอยร่นไปติดกำแพง แล้วนางก็ปล่อยไม้ตายสุดท้ายออกมา คือใช้หมัดข้างหนึ่งต่อยเสยเข้าที่ปลายคางของโจรผู้นั้น เลือดสีสด ๆ ไหลออกจากจมูกและปากของมันเป็นจำนวนมาก และไหลย้อยเป็นทางยาว แล้วเขาก็ร่วงลงไปกองกับพื้นอย่างน่าเวทนาพอดีกับที่ท่านแม่ทัพรั่วมาถึง เขาเห็นแผ่นหลังของฟู่หลินหลินกระเพื่อมอยู่ราวกับว่านางเพิ่งเหน็ดเหนื่อยจากการทำอะไรสักอย่างมาเขารีบวิ่งมาหานางด้วยความเป็นห่วงเป็นใย พร้อมกับทหารอีกสี่ห้านายที่วิ่งตามหลังท่านแม่ทัพมาติด ๆเมื่อมาถึง ก็เห็นนางยืนหอบอยู่ตรงหน้าร่างอันปวกเปียกของชายผู้หนึ่งที่ใบหน้าอาบไปด้วยเลือด และตามเนื้อตัวของมันก็มีรอ
หน้าบริเวณที่คุมขังนักโทษ ด้านหลังจวนว่าการซ่า... น้ำจากในถังสาดไปที่หน้าโจรวางเพลิงที่ถูกจับมา ในเวลานี้เขาถูกมัดไว้ติดกับเสาที่กลางลานเนื้อตัวของโจรผู้นั้นเปียกโชก น้ำเย็น ๆ ที่สาดเข้าหน้าเข้าตา เข้าปากและรูจมูก ทำให้มันลืมตาขึ้นอย่างสะลึมสะลือ“เหตุใดเจ้าจึงต้องวางเพลิงที่จวนของท่านเจ้าเมือง ใครใช้เจ้ามา” แม่ทัพรั่วเปิดการสนทนาก่อนโจรผู้นั้นสะบัดหน้าไปมาเพื่อไล่หยาดน้ำให้พ้นไปจากใบหน้า เพราะมือไม้ของเขาถูกพันธนาการผู้ทำผิดเอาแต่จ้องหน้าของแม่ทัพรั่ว และไม่ยอมตอบคำถาม เพียงแต่ส่งสายตามองผู้ถามอย่างเคียดแค้น“ข้าถามเจ้า เจ้าหูหนวกหรือ จึงทำเป็นไม่ได้ยิน” แม่ทัพรั่วเริ่มโมโห น้ำเสียงของเขาแข็งกร้าวทีเดียว“หึ... ข้าไม่บอกเจ้าหรอก”“เจ้าไม่รู้หรือไงว่าข้าเป็นใคร ระวังเถอะจะไม่มีโอกาสได้พูดอีก”“เจ้าคือแม่ทัพรั่วล่ะสินะ” โจรร้ายพูดแบบไม่เกรงใจในยศถาบรรดาศักดิ์ของรั่วเฉิน จนเขาได้ลุกจากเก้าอี้ แล้วเดินมาที่ตัวของโจรวางเพลิงท่านแม่ทัพใช้
กองทัพของทัพแคว้นฉู่นำโดยแม่ทัพหวงจือเฟยเดินทัพอย่างเร่งรีบ ระยะทางห้าสิบลี้ อย่างไรก็น่าจะไปถึงก่อนรุ่งสาง เขาอยากจะโจมตีเมืองหลูตงในขณะที่ยังไม่มีแสงสว่าง เพราะถ้าหากพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว จะทำให้อีกฝ่ายตั้งตัวได้แม่ทัพหวงเป็นศัตรูคู่อาฆาตของแม่ทัพรั่วมาตั้งแต่ไหนแต่ไร พวกเขาออกรบเจอกันก็หลายครั้ง แต่ทว่าทุกครั้งแม่ทัพรั่วก็จะเอาชนะไปได้ตลอด หวงจือเฟยจึงผูกใจเจ็บเรื่องนี้เป็นอย่างมากและเมื่อวันนี้หากมีโอกาสในการแก้แค้น เขาถึงกับลั่นวาจาว่า จะเหยียบแม่ทัพรั่วให้จมอยู่ภายใต้บาทาของตนเองให้ได้ ถ้าไม่ได้เป็นอย่างที่เขาได้กล่าวเอาไว้ เขาจะไม่กลับไปสู้หน้าท่านอ๋องเจียงกวงที่เมืองตานหยางอีก“พวกเจ้าเร่งเดินเข้า เราต้องรีบไปถึงก่อนเช้ามืด” แม่ทัพหวงออกคำสั่งเหล่าทหารแคว้นฉู่จากเดิมที่เดินก้าวเท้าฉับ ๆ เร็วอยู่แล้วก็เปลี่ยนเป็นวิ่งเหยาะในทันทีที่เมืองหยูตง ณ เวลานี้ได้มีการรวบรวมทหารได้ครบแล้ว แต่ทว่ากำลังทหารที่มีเพียงห้าพันนายนั้น จะเอาอะไรไปสู้กับข้าศึกที่มีถึงหนึ่งหมื่นนายให้ชนะได
“เอาเถอะอย่าไปเกรงกลัวอะไร ข้ามีแผนการดี ๆ อยู่แล้ว ประการแรกพวกเราต้องทำลายขวัญกำลังใจของทหารฉู่เสียก่อน” แม่ทัพรั่วพูดขึ้น“อย่างไรหรือขอรับ” หวังหว่านถามอยู่ ๆ ก็มีเสียงสตรีดังขึ้นมาจากหน้าห้อง“ข้ามีวิธี” ฟู่หลินหลินก้าวเข้ามาในห้อง“ไม่ใช่เรื่องของเจ้านะหลินหลิน” แม่ทัพรั่วปรามฟู่หลินหลินในชาติภพที่แล้ว นางเป็นคนที่ชอบอ่านและศึกษาวิชาความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ อย่างเช่นตำราพิชัยสงครามของซุนวู นางก็อ่านมาแล้วอีกทั้งนางยังเป็นคนที่ฉลาด มีไหวพริบ ดังนั้นเรื่องที่จะเอาความรู้จากตำราพิชัยสงครามมาใช้นั้น หาได้ยากสำหรับนางไม่“ฟังข้าก่อนสิท่านพี่” สีหน้าของฟู่หลินหลิน“เจ้ามีวิธีอะไร เจ้าจงว่ามา” แม่ทัพรั่วไม่อยากจะหักหน้านาง และวันนี้นางก็ได้แสดงความสามารถที่เขาไม่เคยรู้มาก่อน จัดการกับทหารของแคว้นฉู่ลงได้ ทั้งที่ทหารคนนั้นตัวใหญ่กว่านางหลายเท่า โดยที่ร่างกายของนางไม่มีบาดแผลฟู่หลินหลินยืดตั
ไม่ทันตั้งตัวทหารแคว้นฉู่หนีตายกันชุลมุนวุ่นวาย และอลหม่าน เสียทั้งขวัญและกำลังใจ แล้วยังธนูไฟที่ถูกยิงมาจากกำแพงเมืองอีกแม่ทัพรั่วที่อยู่บนหลังม้า เขาตะเบ็งห้อขับขี่ม้าตัวใหญ่มุ่งตรงไปยังตำแหน่งที่แม่ทัพหวงอยู่ ทั้งสองพุ่งเข้าโรมรันกัน แม่ทัพรั่วมีฝีมือของเขามากกว่าแม่ทัพหวง ฝีมือฉกาจกว่าแม่ทัพรั่วต่อสู้ด้วยทวน ด้านหนึ่งเป็นมีดดาบ อีกด้านเป็นปลายทวน ในจังหวะที่แสงตะวันสาดเข้าตาของแม่ทัพหวง เพราะแม่ทัพรั่วต้อนม้าของแม่ทัพหวงให้หันหน้าไป พอแม่ทัพหวงลืมตาหมายจะกวัดแกว่งดาบของตัวเองจัดการกับแม่ทัพรั่วรั่วเฉินก็ได้ตวัดปลายทวน โดยหันด้านปลายมีดที่คมตัดฉับศีรษะแม่ทัพหวงลงมาได้ภาพศีรษะของแม่ทัพหวงที่ขาดสะบั้นจากร่างกายของเขา แล้วหล่นร่วงลงไปยังพื้นดินเบื้องล่าง“ไชโย ไชโย”“แม่ทัพรั่วเฉินได้ตัดหัวของแม่ทัพหวงจือเฟยได้แล้ว กองทัพฉินของเราได้รับชัยชนะ”ฝ่ายทหารแคว้นฉู่ถึงกับวางอาวุธลง แล้วทรุดนั่งลงไปกับพื้นดินเพื่อศิโรราบเสียงโห่ร้องของทหารในกองทัพของรั่วเฉิน กองทหารของเมืองหยูตง และประชาชนที่ออกมาช่วยสู้รบ
“อร่อย! เจียงอ่าวเจ้าว่าอร่อยหรือไม่” ฟู่หลินหลินหันไปถามเจียงอ่าว ที่กำลังเคี้ยวขนมอยู่ยังไม่ทันได้กลืน ก็ตอบด้วยเสียงอู้อี้กลับมาว่า“อร่อยเจ้าค่ะ”ฟู่หลินหลินจึงได้ซื้อขนมถั่วตัดนี้มาห้าถุง หนึ่งถุงสำหรับส่งให้แม่ทัพรั่ว หนึ่งถุงสำหรับนางกับเจียงอ่าว อีกหนึ่งถุงให้ท่านแม่ และอีกสองถุงไว้ให้บ่าวไพร่ในเรือนแบ่งกันกิน พอกลับถึงจวน ฟู่หลินหลินก็ให้ทุกคนมาช่วยกันจัดสิ่งของที่ซื้อมาใส่จวน จวนแม่ทัพรั่วตอนนี้ได้สลัดกลิ่นอายของความเก่าทึมทึบออกไปแล้ว เมื่อมีเครื่องเรือนใหม่เข้ามาทำให้ดูสดใสขึ้นอักโขแต่ว่าฟู่หลินหลินก็ไม่ได้สั่งให้คนยกเครื่องเรือนเก่าออกไปเนื่องจากไม่อยากมีเรื่องกับแม่สามี จึงทำเพียงแต่เติมของใหม่เข้าไปเท่านั้นเมื่อกลับมาถึงที่ห้องนอนของนางแล้ว รั่วฮูหยินก็สั่งให้คนมาตามนางไปหา ฟู่หลินหลินจึงขัดไม่ได้ แม้จะแสนเพลีย แต่ก็ต้องไปหารั่วฮูหยินที่จวนของท่านทว่าเมื่อไปถึงแล้ว ไม่ได้มีแต่รั่วฮูหยินเพียงคนเดียว ยังมีแม่นางจ้าวนั่งอยู่ข้างกา
กองทัพออกเดินทางกันมาได้หลายวันแล้ว ตลอดระยะเวลาสองวันนี้ ทุกคนแทบจะไม่ได้พักเลย เนื่องจากจะต้องไปให้ถึงเมืองซุยโจว ก่อนที่ทัพของข้าศึกจะมาประชิดเมือง จะหยุดพักกันก็แค่ในตอนรับประทานอาหารเช้ากับเย็นเท่านั้นการนอนพักผ่อนก็จะพักให้หายเหนื่อยเพียงแค่สองถึงสามชั่วยาม นอกจากกายจะไม่ได้พักแล้ว ใจก็ไม่ได้พักเช่นกันตั้งแต่แม่ทัพรั่วออกมาจากจวน เขาก็เฝ้าคิดถึงแต่ฟู่หลินหลินภรรยาของตนพอ ๆ กับคิดถึงเรื่องสงครามที่อยู่ข้างหน้า การศึกครั้งนี้เขาตั้งใจไว้ว่าจะทำให้รวบรัดและทำการศึกให้ใช้เวลาน้อยที่สุด เพื่อจะได้กลับไปหาภรรยาสุดที่รักของเขาพวกเขาพักค้างแรมกันที่ชายป่าก่อนถึงเมืองซุยโจว จากตรงนี้ไปใช้เวลาเดินเท้าอีกแค่ไม่เกินสองวัน ก็จะถึงเขตเมืองซุยโจวดังนั้นแม่ทัพรั่วจึงสั่งให้ทหารตั้งกระโจมพักผ่อนกันแบบยาว ๆ สักหน่อย เพื่อที่จะได้เก็บแรงเอาไว้ต้านศึก“พวกเราตั้งค่ายพักแรมกันตรงนี้เถิด” แม่ทัพรั่วสั่ง“เหลือระยะทางอีกไม่ไกลแล้ว พักผ่อนกันให้เต็มที่ พวกเจ้าจะต้องนอนเอาแรง” เขาหันหน้าไปทางหวังหว่าน
เขากลับบ้านมาด้วยความเร่งรีบเพื่อที่เตรียมเอาเฉพาะของที่จำเป็นไปด้วยฟู่หลินหลินรอเขาอยู่ที่ห้อง เมื่อเห็นเขากลับมาในช่วงกลางวันก็รู้สึกแปลกใจ เพราะว่าปกติแล้วเวลาที่เขาเข้าวังไปประชุมข้อราชการ กว่าจะกลับมาก็ค่ำมืดทุกครั้ง“ท่านพี่มีเรื่องเร่งด่วนอันใดหรือ” ฟู่หลินหลินถาม“ข้าต้องไปออกรบ และต้องไปเดี๋ยวนี้” แม่ทัพรั่วตอบ“เหตุใดจึงได้กะทันหันเช่นนี้เล่า” ฟู่หลินหลินเอียงคอเล็กน้อย สีหน้าของนางมีแต่ความกังวลใจ ใครอยากให้สามีของตนไปผจญกับคมดาบและศึกสงคราม แต่นี่คือหน้าที่“ตอนนี้ยังไม่มีเวลาที่จะอธิบาย เจ้าช่วยไปเก็บเสื้อผ้าของข้าให้หน่อย แล้วก็สิ่งของต่าง ๆ ที่จำเป็นด้วย ข้าต้องรีบเปลี่ยนชุด” แม่ทัพรั่วกล่าวในขณะที่แม่ทัพรั่วกำลังถอดชุดเข้าเฝ้าออก แล้วเปลี่ยนเป็นเครื่องแบบทหารนั้น ฟู่หลินหลินก็เรียกเจียงอ่าว และคนรับใช้อื่น ๆ ให้ทยอยเก็บข้าวของให้เขาเมื่อเก็บของเสร็จแล้ว ฟู่หลินหลินก็เรียกให้บ่าวไพร่มาขนหีบไปขึ้นรถม้า แม่ทัพรั่วแต่งตัวเสร็จ เขากำลังจะเดินออกไป เขาหันไปพ
“ทำไมท่านพูดอย่างนี้ ท่านไม่ไว้ใจข้าเหรอ ข้ามิได้…” ฟู่หลินหลินพูดไม่ทันจบ เขาก็กระโจนเข้าใส่แล้ว กิริยาอาการที่เถื่อนดิบท่านแม่ทัพจัดการถอดเสื้อผ้าของหญิงสาวออกมาจนหมด จนฟู่หลินหลินเปลือยกายล่อนจ้อน แม้นางจะขัดขืนเพราะไม่ชอบความกักขฬะของสามีในตอนนี้แต่ด้วยไฟอารมณ์ที่ฉุนเฉียวโกรธเกรี้ยว ไม่พอใจที่เห็นภรรยาของตนอยู่กับชายอื่น ใบหน้าน้อย ๆ ของนางถูกท่านแม่ทัพจับเอาไว้ให้อยู่นิ่ง ๆ เขาก็ประทับจูบลงมาอย่างบดขยี้ จนฟู่หลินหลินเจ็บริมฝีปากไปหมด“อื้อ… ไม่นะเจ้าคะท่านพี่ ท่านอย่ารุนแรงกับข้า”แต่เพราะว่าสุราที่ร่ำในงานนั้นมีสมุนไพรบางอย่างที่คลับเคลื่อนอารมณ์กายกำหนัดของชายชาตรีให้ปะทุขึ้นท่อนบุรุษของท่านแม่ทัพแข็งขืนขึ้นมาจนตึง เขาเจ็บแกนกายของตัวเองอย่างมาก สิ่งเดียวที่ปรารถนาในตอนนี้ ก็คือการผนึกแน่นเป็นร่างเดียวกับฟู่หลินหลินเขาจับขาของภรรยาพร้อมกับดึงมาให้สะโพกมนอยู่ที่ขอบเตียง จากนั้นก็จับจรดแกนแกร่งเข้าไปในช่องทางอ่อนนุ่มของฟู่หลินหลิน เขากดแรงจนท่อนลำกระทุ้งฝังเข้าไปในร่องสาวอย่างรวดเร็วนางไ
“ที่นี่ไม่เหมาะที่อิสตรีจะมาเดินเที่ยวคนเดียว” เขาเอ่ยเหมือนตำหนิ“ขอประทานอภัยเจ้าค่ะ คือข้าน้อยไม่รู้ว่าที่นี่เป็นเขตหวงห้าม”“เจ้ามิได้อยู่ในวังนี้ดอกหรือ”“เปล่าเจ้าค่ะ ข้าน้อยมากับสามีของข้า”“หื้อ สามีของเจ้าหรือ คือผู้ใด”“ท่านแม่ทัพรั่ว”“อ้อ ท่านรั่วเฉิน”“ท่านรู้จักสามีของข้าด้วยหรือเจ้าคะ”“ไม่เพียงแต่รู้จักเขา เจ้าก็คือเชลย”คำว่าเชลยสะกิดใจนัก แต่ฟู่หลินหลินก็ยังฝืนยิ้ม“ตอนนี้ข้าถือว่าเป็นคนในครอบครัวของแม่ทัพรั่วแล้ว คำว่าเชลย มักใช้กับผู้ที่เป็นศัตรูกันเท่านั้น”“จริงดังเจ้าว่า อ่า… ขอโทษนะ ถ้าหากข้าพูดอะไรทำให้เจ้ารู้สึกไม่พอใจ”“หามิได้เจ้าค่ะ” ฟู่หลินหลินรู้แล้วว่าไม่ควรจะอยู่ที่แห่งนี้นานมากไป จึงได้เอ่ย“ข้าขอตัวก่อน” นางกำลังจะหันหลัง ไม่อยากจะคุยกับบัณฑิตท่านนี้ต่อแล้ว ไม่พอใจนิด ๆ ที่เขาดูถูกตนเอง&ldqu
ประโยคนี้ทำให้จ้าวอวี้เจินผงะ ตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งจะมีฟู่หลินหลินนี่แหละที่กล้าต่อปากต่อคำกับนาง จนตอนนี้ถึงกับทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะคิดคำพูดใดมาตอบโต้ดี“ถ้าแม่นางจ้าวไม่ได้มีอะไรมากกว่านี้ ข้าก็ขอตัว แต่อยากจะเตือนอย่างหนึ่ง แม้ข้าจะอายุน้อยกว่าท่าน แต่อะไรที่ทำแล้วเสื่อมเกียรติ หรือด้อยคุณค่าในตัวเองข้าจะไม่ทำอย่างเด็ดขาด“อีกอย่างถ้าสิ่งที่คิดทำไม่ได้สมดั่งมุ่งหวัง ความผิดหวังจักมากตามมา” เหมือนทิ้งความไม่พอใจเอาไว้ให้กับจ้าวอวี้เจิน“ข้าก็ขอตัว” ฟู่หลินหลินไม่จำเป็นต้องเสแสร้ง นางก้มโน้มศีรษะ พร้อมกับเดินจากมาฟู่หลินหลินพูดไปทั้งที่ก็หวั่น ๆ แต่ถ้าเป็นตัวของนางเอง หากว่ามีคนมาตอกย้ำและเตือนแบบนี้ จะล่าถอยทันที แม้จะรู้สึกเสียหน้าบ้างก็ตามเถอะสำหรับฟู่หลินหลินแล้ว หากไม่ได้เป็นที่หนึ่งในใจของสามีของตน ก็ไม่ต้องมีสามีจะดีกว่า แม่นางจ้าวที่เพียบพร้อมทุกอย่าง นางจะหาคนที่คู่ควรกับนางได้เอง หากเปิดใจยอมรับเขาผู้นั้น และเวลาอย่างนี้ แม่นางจ้าวก็สมควรจะล่าถอยไปได้แล้วผู้ที่ถูกตอกหน้าถึงกับเจ็บแค้น กำหมัดในมือแน่น
แม่ทัพรั่วออกอาการหัวเราะในกิริยาของนาง“นายหญิงหึงหวงท่านน่ะขอรับท่านแม่ทัพ” เสียงของตงหยวน“เจ้านี่ก็สู่รู้นะ” แล้วเดินหายไปทางห้องเขียนหนังสือ ตงหยวนยังเดินตาม เขาจึงหันมาบอก“เลิกงานแล้ว เจ้าจะไปไหนก็ไป”“ขอรับ” โค้งโน้มตัว ก่อนจะหันหลังให้กับผู้เป็นเจ้านายในทันทีทว่า… ท่านแม่ทัพไม่ได้ไปที่ห้องเขียนหนังสือแล้ว เขากลับไปอาบน้ำ และร่ำสุรารอฟู่หลินหลินที่ห้องนอนของเขาแทนในเวลาต่อมา หลังจากที่ทุกคนออกไปแล้ว ในห้องของท่านแม่ทัพเหลือแต่เขากับฟู่หลินหลิน รั่วเฉินดึงนางให้ลงมานั่งบนตัก“เจ้าหึงหวงข้าเก่งนัก”“ข้าเปล่าเจ้าค่ะ”เมื่อนางยืนกรานว่าไม่ได้หึงหวงเขา เขาก็พยายามคิดคำพูดเพื่อที่จะมาทำให้นางจนมุม“ถ้าอย่างนั้น ข้ารับอวี้เจินเข้ามาเป็นอนุภรรยาอีกคนดีหรือไม่”ฟู่หลินหลินได้ยินถึงกับเบิ่งตาโต หัวใจของนางเต้นไม่เป็นจังหวะ นางเองก็บอกเขาไปแล้วเมื่อคืน จึงได้แต่ทำหน้าไม่พึงใจ&ldqu
เจียงอ่าวจุดประเด็นใหม่ จนคนเป็นเจ้านายคิดตามอีก ยิ่งหวั่นไหวอยู่เต็มทรวง“ถ้าเขาจะเป็นอย่างที่เจ้าพูดจริง ๆ ข้าจะทำอย่างไรได้ ก็คงต้องปล่อยให้มันเป็นไปอย่างนั้น เมื่อก่อนเขาเกลียดชังข้าขนาดไหน ข้าไม่น่าลืม อีกอย่างข้าเป็นเชลย ข้าลืมไปได้อย่างไร” ฟู่หลินหลินพูดเสียงสั่น อารมณ์ของนางค่อนข้างปรวนแปรมาก ๆ ในช่วงนี้“นายหญิงเจ้าคะ เรื่องนี้ท่านอยากพิสูจน์ไหม” “จะพิสูจน์อย่างไรหรือ”“อีกไม่กี่วันจะมีงานเฉลิมฉลอง ที่ฮ่องเต้จะประทานรางวัลให้แก่ท่านแม่ทัพที่ชนะศึกมา นายหญิงก็ต้องเข้าวังไปกับท่านแม่ทัพด้วย”“แล้วไง”“ก็ลองเมียงมองหาบุรุษท่านอื่นที่สง่างาม”“ไม่ ข้าไม่ทำอย่างที่เจ้าบอกแน่ ๆ มันไม่มีทางดี ไม่แน่ท่านพี่อาจจะโกรธข้าเป็นฟืนเป็นไฟ ความคิดของเจ้าเรื่องนี้ไม่ได้เรื่อง” ฟู่หลินหลินเดินหนี“ไม่ลองก็ไม่รู้ จะได้เห็นว่าท่านแม่ทัพคิดอย่างไรดีไหมเจ้าคะ เชื่อเจียงอ่าว”“อึ… ข้าไม
เขาพานางไปแตะขอบสวรรค์ แม่ทัพหนุ่มกระเส่า ดึงตัวตนออกจากช่องทางหวาน ๆ อย่างรวดเร็วจับร่างของภรรยาสาวพลิกคว่ำ และยกร่างน้อย ๆ ให้คลานเข่า ฟู่หลินหลินก็ไม่ได้ขัดใจ หันหน้ากลับมามองแม่ทัพรั่วอย่างเย้ายวน นางหยัดสะโพกรอรับความซ่านเสียวจากสามี รั่วเฉินสอดแทรกแทงถอนแก่นกายของเขาเข้ามาอย่างรวดเร็วร่างบางสะท้านหวั่นไหว สองมือจับยึดขยุ้มผ้าที่รองนอนเอาไว้แน่น แม่ทัพหนุ่มมีใบหน้าแดงก่ำ สายตาของเขาเต็มไปด้วยความกระหายรักรั่วเฉินไม่รอช้าเขาขยับชักแกนแกร่งขยับเข้าออก ๆ ฟู่หลินหลินหลับตาพริ้ม ขยับอ้าปากร้องครางตามจังหวะท่วงท่าของท่านแม่ทัพที่กระทำเรื่องเสียว ๆความใหญ่โตอัดกระแทกชนผนังภายในที่อ่อนนุ่ม จนฟู่หลินหลินเกร็งแขม่วหน้าท้อง ร่องสาวขมิบตอดรัดรอบลำโตของเขาระรัวร่างสูงครางสูดปากเสียงกดต่ำ “โอ้เจ้า หลินหลิน เจ้าอย่าตอดแรงนักสิ ข้าจะแตกอยู่แล้ว อู้… อ้า ซี้ด”ส่งมือใหญ่หนาตะปบรวบเต้าอวบอิ่มที่กระเพื่อมขึ้น ๆ ลง ๆ ตามแรงกระชั้นหนักหน่วงของตนเอง“อะ อะ ซี้ด... อุ๊ย... อะ”ฟู่หลินหลินเปล่งเสียงที่ดังไม่ได้