แม่ทัพรั่วกับเหล่าทหารมาถึงหน้าจวนเจ้าเมืองที่ไฟกำลังไหม้อยู่ เขาเห็นเจียงอ่าวกับคนอื่น
ทว่ารั่วเฉินไม่เห็นฟู่หลินหลิน เขาถามเอาความกับเจียงอ่าว และทหารอีกสองคน
“นายหญิงไปไหน”
“ข้าไม่เห็นขอรับ”
“อ้าวนายหญิงหายไปจากที่นี่ตอนไหน” หันรีหันขวาง ทุกคนดูตกใจ ที่ฟู่หลินหลินหายไปจากบริเวณนั้น
“ช่วยกันตามหานางเร็ว” รั่วเฉินออกคำสั่ง ทุกคนพากันสอบถามว่าใครเห็นนางบ้าง
ทหารคนหนึ่งวิ่งมาหาแม่ทัพรั่ว “มีคนเห็นนายหญิงวิ่งไปทางนั้นขอรับ”
“รีบตามไป ฮึ... พวกเจ้านี่ละสายตาไปจากภรรยาของข้าได้อย่างไร ไป... หานางให้เจอ พวกเจ้าจำเอาไว้ หากว่าหาหลินหลินไม่เจอ กลับไป... ข้าจะลงโทษเจ้าให้หมด” แม่ทัพรั่วพูดด้วยโทสะ
เจียงอ่าวถึงกับเข่าอ่อนล้มพับลงตรงนั้น ดีว่ามีผู้หญิงอยู่ตรงนั้นหลายคนได้เข้ามาช่วยนาง
แม่ทัพรั่วออกวิ่งไปยังทิศทางที่ทหารบอกทันที มีทหารสี่ห้านายวิ่งตามเขามาด้วย
ส่วนฟู่หลินหลินที่ตั้งใจตามชายผู้นั้นไป เพราะนางมั่นใจว่าชายคนนั
ฟู่หลินหลินก้มตัวหลบหมัดที่พุ่งเข้าหา นางใช้ไม้ฟาดเข้าไปที่ข้อพับขาทั้งสองข้างของเขา จนโจรร้ายเสียหลักล้มลงหลังกระแทกกับพื้น คนผู้นั้นรีบลุกขึ้นมาตั้งท่ารับ แต่ด้วยความที่เขาเจ็บทั้งที่ขา และที่สะโพก เจ็บจนจุกจึงไม่สามารถที่จะยืดตัวตรงได้ฟู่หลินหลินเห็นเป็นโอกาสที่จะเอาชนะเขาได้ เพราะว่าตอนนี้มันกำลังอ่อนแอ นางจึงเป็นฝ่ายกระโดดพร้อมกับเงื้อไม้ฟาดกระหน่ำเขาแทนฟู่หลินหลินรัวฟาดไม้ใส่ลำตัวของเขาไม่ยั้ง จนเขาถอยร่นไปติดกำแพง แล้วนางก็ปล่อยไม้ตายสุดท้ายออกมา คือใช้หมัดข้างหนึ่งต่อยเสยเข้าที่ปลายคางของโจรผู้นั้น เลือดสีสด ๆ ไหลออกจากจมูกและปากของมันเป็นจำนวนมาก และไหลย้อยเป็นทางยาว แล้วเขาก็ร่วงลงไปกองกับพื้นอย่างน่าเวทนาพอดีกับที่ท่านแม่ทัพรั่วมาถึง เขาเห็นแผ่นหลังของฟู่หลินหลินกระเพื่อมอยู่ราวกับว่านางเพิ่งเหน็ดเหนื่อยจากการทำอะไรสักอย่างมาเขารีบวิ่งมาหานางด้วยความเป็นห่วงเป็นใย พร้อมกับทหารอีกสี่ห้านายที่วิ่งตามหลังท่านแม่ทัพมาติด ๆเมื่อมาถึง ก็เห็นนางยืนหอบอยู่ตรงหน้าร่างอันปวกเปียกของชายผู้หนึ่งที่ใบหน้าอาบไปด้วยเลือด และตามเนื้อตัวของมันก็มีรอ
หน้าบริเวณที่คุมขังนักโทษ ด้านหลังจวนว่าการซ่า... น้ำจากในถังสาดไปที่หน้าโจรวางเพลิงที่ถูกจับมา ในเวลานี้เขาถูกมัดไว้ติดกับเสาที่กลางลานเนื้อตัวของโจรผู้นั้นเปียกโชก น้ำเย็น ๆ ที่สาดเข้าหน้าเข้าตา เข้าปากและรูจมูก ทำให้มันลืมตาขึ้นอย่างสะลึมสะลือ“เหตุใดเจ้าจึงต้องวางเพลิงที่จวนของท่านเจ้าเมือง ใครใช้เจ้ามา” แม่ทัพรั่วเปิดการสนทนาก่อนโจรผู้นั้นสะบัดหน้าไปมาเพื่อไล่หยาดน้ำให้พ้นไปจากใบหน้า เพราะมือไม้ของเขาถูกพันธนาการผู้ทำผิดเอาแต่จ้องหน้าของแม่ทัพรั่ว และไม่ยอมตอบคำถาม เพียงแต่ส่งสายตามองผู้ถามอย่างเคียดแค้น“ข้าถามเจ้า เจ้าหูหนวกหรือ จึงทำเป็นไม่ได้ยิน” แม่ทัพรั่วเริ่มโมโห น้ำเสียงของเขาแข็งกร้าวทีเดียว“หึ... ข้าไม่บอกเจ้าหรอก”“เจ้าไม่รู้หรือไงว่าข้าเป็นใคร ระวังเถอะจะไม่มีโอกาสได้พูดอีก”“เจ้าคือแม่ทัพรั่วล่ะสินะ” โจรร้ายพูดแบบไม่เกรงใจในยศถาบรรดาศักดิ์ของรั่วเฉิน จนเขาได้ลุกจากเก้าอี้ แล้วเดินมาที่ตัวของโจรวางเพลิงท่านแม่ทัพใช้
กองทัพของทัพแคว้นฉู่นำโดยแม่ทัพหวงจือเฟยเดินทัพอย่างเร่งรีบ ระยะทางห้าสิบลี้ อย่างไรก็น่าจะไปถึงก่อนรุ่งสาง เขาอยากจะโจมตีเมืองหลูตงในขณะที่ยังไม่มีแสงสว่าง เพราะถ้าหากพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว จะทำให้อีกฝ่ายตั้งตัวได้แม่ทัพหวงเป็นศัตรูคู่อาฆาตของแม่ทัพรั่วมาตั้งแต่ไหนแต่ไร พวกเขาออกรบเจอกันก็หลายครั้ง แต่ทว่าทุกครั้งแม่ทัพรั่วก็จะเอาชนะไปได้ตลอด หวงจือเฟยจึงผูกใจเจ็บเรื่องนี้เป็นอย่างมากและเมื่อวันนี้หากมีโอกาสในการแก้แค้น เขาถึงกับลั่นวาจาว่า จะเหยียบแม่ทัพรั่วให้จมอยู่ภายใต้บาทาของตนเองให้ได้ ถ้าไม่ได้เป็นอย่างที่เขาได้กล่าวเอาไว้ เขาจะไม่กลับไปสู้หน้าท่านอ๋องเจียงกวงที่เมืองตานหยางอีก“พวกเจ้าเร่งเดินเข้า เราต้องรีบไปถึงก่อนเช้ามืด” แม่ทัพหวงออกคำสั่งเหล่าทหารแคว้นฉู่จากเดิมที่เดินก้าวเท้าฉับ ๆ เร็วอยู่แล้วก็เปลี่ยนเป็นวิ่งเหยาะในทันทีที่เมืองหยูตง ณ เวลานี้ได้มีการรวบรวมทหารได้ครบแล้ว แต่ทว่ากำลังทหารที่มีเพียงห้าพันนายนั้น จะเอาอะไรไปสู้กับข้าศึกที่มีถึงหนึ่งหมื่นนายให้ชนะได
“เอาเถอะอย่าไปเกรงกลัวอะไร ข้ามีแผนการดี ๆ อยู่แล้ว ประการแรกพวกเราต้องทำลายขวัญกำลังใจของทหารฉู่เสียก่อน” แม่ทัพรั่วพูดขึ้น“อย่างไรหรือขอรับ” หวังหว่านถามอยู่ ๆ ก็มีเสียงสตรีดังขึ้นมาจากหน้าห้อง“ข้ามีวิธี” ฟู่หลินหลินก้าวเข้ามาในห้อง“ไม่ใช่เรื่องของเจ้านะหลินหลิน” แม่ทัพรั่วปรามฟู่หลินหลินในชาติภพที่แล้ว นางเป็นคนที่ชอบอ่านและศึกษาวิชาความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ อย่างเช่นตำราพิชัยสงครามของซุนวู นางก็อ่านมาแล้วอีกทั้งนางยังเป็นคนที่ฉลาด มีไหวพริบ ดังนั้นเรื่องที่จะเอาความรู้จากตำราพิชัยสงครามมาใช้นั้น หาได้ยากสำหรับนางไม่“ฟังข้าก่อนสิท่านพี่” สีหน้าของฟู่หลินหลิน“เจ้ามีวิธีอะไร เจ้าจงว่ามา” แม่ทัพรั่วไม่อยากจะหักหน้านาง และวันนี้นางก็ได้แสดงความสามารถที่เขาไม่เคยรู้มาก่อน จัดการกับทหารของแคว้นฉู่ลงได้ ทั้งที่ทหารคนนั้นตัวใหญ่กว่านางหลายเท่า โดยที่ร่างกายของนางไม่มีบาดแผลฟู่หลินหลินยืดตั
ไม่ทันตั้งตัวทหารแคว้นฉู่หนีตายกันชุลมุนวุ่นวาย และอลหม่าน เสียทั้งขวัญและกำลังใจ แล้วยังธนูไฟที่ถูกยิงมาจากกำแพงเมืองอีกแม่ทัพรั่วที่อยู่บนหลังม้า เขาตะเบ็งห้อขับขี่ม้าตัวใหญ่มุ่งตรงไปยังตำแหน่งที่แม่ทัพหวงอยู่ ทั้งสองพุ่งเข้าโรมรันกัน แม่ทัพรั่วมีฝีมือของเขามากกว่าแม่ทัพหวง ฝีมือฉกาจกว่าแม่ทัพรั่วต่อสู้ด้วยทวน ด้านหนึ่งเป็นมีดดาบ อีกด้านเป็นปลายทวน ในจังหวะที่แสงตะวันสาดเข้าตาของแม่ทัพหวง เพราะแม่ทัพรั่วต้อนม้าของแม่ทัพหวงให้หันหน้าไป พอแม่ทัพหวงลืมตาหมายจะกวัดแกว่งดาบของตัวเองจัดการกับแม่ทัพรั่วรั่วเฉินก็ได้ตวัดปลายทวน โดยหันด้านปลายมีดที่คมตัดฉับศีรษะแม่ทัพหวงลงมาได้ภาพศีรษะของแม่ทัพหวงที่ขาดสะบั้นจากร่างกายของเขา แล้วหล่นร่วงลงไปยังพื้นดินเบื้องล่าง“ไชโย ไชโย”“แม่ทัพรั่วเฉินได้ตัดหัวของแม่ทัพหวงจือเฟยได้แล้ว กองทัพฉินของเราได้รับชัยชนะ”ฝ่ายทหารแคว้นฉู่ถึงกับวางอาวุธลง แล้วทรุดนั่งลงไปกับพื้นดินเพื่อศิโรราบเสียงโห่ร้องของทหารในกองทัพของรั่วเฉิน กองทหารของเมืองหยูตง และประชาชนที่ออกมาช่วยสู้รบ
“พร้อม อื้อ ท่านพี่รั่วอย่าทรมานข้าอีกเลยเจ้าค่ะ”ท่านแม่ทัพจับร่างฟู่หลินหลินให้หันหลังให้ แล้วกดให้นางโก้งโค้ง จากนั้นเขาก็เอาท่อนบุรุษเข้าประชิดกดลงไปในร่องสาวที่มีน้ำหวานเชื่อมหยาดเยิ้มฟู่หลินหลินทำได้แต่เพียงหยัดสะโพก และผ่อนลมหายใจ “อึก อ้า... ท่านพี่... ซี้ด...” ฟู่หลินหลินขยับอ้าปากเปล่งเสียงทรมานแบบสุข ๆ ออกมาเขากระแทกท่อนทวนอันใหญ่เข้าไปในร่องสาวให้ร่องน้อย ๆ นั้นกลืนทวนเนื้อเข้าไปใหม่ ต่อมารั่วเฉินก็เริ่มชักลำแกร่งเข้าออก ๆ เขาเองก็สูดปากด้วยความเสียวสยิวลำแข็งใหญ่ครูดไปกับร่องคับแคบที่แอมอิ่มกินท่อนรักของเขา ทั้งบีบ ทั้งอัด และตอดขมิบ“โอ้... ซี้ด... ดูดแรง” ท่านแม่ทัพแทบแตกพ่าย สวรรค์เกือบล่มปากอ่าวเสียแล้ว“กระแทกเถอะท่านพี่ ข้า อ้า...”จากนั้นแม่ทัพรั่วก็จัดให้ตามคำร้องขอ ฟู่หลินหลินได้แต่เพียงส่งเสียงครางครวญ และแอ่นสะโพกเข้าหาแท่งแกร่งของสามี“อื้อ อ๊า... ซี้ด... อะ อะ อะ...” นางส่ายหัวสะบัดศีรษะไปมา รับรู้ได้ถึงการกระแทกชนผนังภายในที่อ่อนนุ่ม
ฟู่หลินหลินมีใบหน้าออกสีแดง และรีบเดินเร็วนำหน้าเจียงอ่าวไป“เขินอะไรเล่าเจ้าคะ ข้าพูดเรื่องจริง ข้าอยากเลี้ยงท่านแม่ทัพตัวน้อย ๆ แล้ว”“หยุดล้อข้าได้แล้วน่า” เดินขาแทบขวิด“เจียงอ่าวถึงห้องแล้ว ข้าจะอาบน้ำนะ”“ได้เจ้าค่ะ ข้าจะระดมคนมาทำให้นายหญิงอย่างรวดเร็ว”การเดินทางกลับเป็นระยะเวลาสิบวันนั้น นางไม่ได้ทำความสะอาดร่างกายเลย นอกจากล้างหน้าล้างตาเท่านั้นเมื่อก่อนอยู่เซี่ยงไฮ้อาบน้ำกันค่อนข้างบ่อย ไม่เหมือนกับคนในสมัยนี้ ตอนแรกนางก็ไม่เข้าใจว่า พวกเขาอยู่กันได้อย่างไร ไม่อึดอัด หรือว่ารู้สึกเหม็นกลิ่นกายของตนเองบ้างเลยหรือ แต่เมื่อนางต้องทำเช่นนั้นบ้างก็เลยเข้าใจ ต่อให้อึดอัดเพียงใด เหม็นเพียงใดก็ต้องทนวันต่อมา มีรถม้ามาจอดที่หน้าประตูจวน ฟู่หลินหลินประหลาดใจเล็กน้อย แต่นางก็เพียงแค่คิดว่า น่าจะเป็นคนของทางการที่มาพบสามี หรือไม่ก็เป็นแขกของท่านแม่ก็เป็นได้อีกทั้งเพราะว่าแม่ทัพรั่วเองได้เดินทางไปรบที่เมืองหลูตงตั้งเดือนกว่า ก็น่าจะมีงานให้ต
“อะแฮ่ม... ท่านแม่” รั่วเฉินกระแอมกระไอ“อะไรหรือ”“เรื่องแต่งงานใหม่เพิ่ม... อ่า...”“ทำไม” ท่านแม่ถามเสียงดัง“ภรรยาของข้า ฮ่องเต้เป็นผู้ประทานให้ หากจะแต่งงานหาภรรยาอีกหลายคน ต้องได้รับราชโองการจากฮ่องเต้อีกขอรับ” ที่แม่ทัพรั่วตอบออกไปอย่างนั้น เพราะเขาอ่านใจท่านแม่ออก“เรื่องขออนุญาตจากฮ่องเต้หรือ แม่จะให้พ่อเจ้าจัดการเอง ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”“ท่านแม่ขอรับ ลูกไม่ได้อยากให้มีปัญหา”“ปัญหาอะไรอีกเล่า”“มีภรรยาหลายคนปวดหัวนี่ขอรับ อีกอย่างดูอย่างท่านแม่ ท่านยังไม่ยอมให้ท่านพ่อมีบ้านเล็กบ้านน้อย ใครก็พูดกันว่าท่านพ่อรักท่านแม่มากน่ะขอรับ จนไม่คิดจะมีหญิงอื่นอีก”ท่านแม่เผลอยิ้ม แต่ประเดี๋ยวเดียวก็ทำหน้าบูดบึ้งจ้าวอวี้เจินกลับตีความหมายทุกอย่าง เหมือนว่าเขาจะไม่อยากแต่งงานกับตนเอง เพราะที่รั่วฮูหยินเอ่ยเรื่องนี้ ก็เพราะอยากได้จ้าวอวี้เจินมาเป็นสะใภ้อีกคน“ข้าอยากจะเป็นหญิงหนึ่งเ
“แล้วท่านแม่ทัพเป็นอย่างไรหรือ”“ข้าบังเอิญไปส่งด้วย ดูเหมือนท่านแม่ทัพจะมีสีหน้าที่เศร้าสร้อยมาก ๆ ก็คนคบหากันมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย ต้องจากกันไปไกลก็ต้องออกอาการบ้างแหละ”“ขอบใจเจ้ามากนะ”“อ้าว จะถามกันแค่นี้เองหรือ”“ข้าต้องรีบไปหานายหญิง” เจียงอ่าวเดินออกมาในทันที นางตรงกลับไปที่ห้องพักของนายหญิง ฟู่หลินหลินเมื่อเห็นเจียงอ่าวนางก็ปรี่เข้ามาในทันที“ได้ความไหม”“ได้เจ้าค่ะ” แล้วเจียงอ่าวก็เล่าเรื่องราวที่ได้ยินได้ฟังมาให้กับนายหญิงของตัวเอง ฟู่หลินหลินทำหน้าทำตาอยากรู้เอามาก ๆ ถึงกับจ้องเจียงอ่าวแบบตาไม่กะพริบ“พวกเขาสองคน อาจจะเป็นการรักกัน แต่ยังไม่รู้ใจตัวเองเป็นได้ แล้ววันนี้นางจะกลับมาทำไมอีก ไปจากชีวิตของท่านพี่ตั้งหลายปีแล้ว เฮ้อ… อยู่ ๆ นางก็โผล่เข้ามาในชีวิต และในตอนนี้” ฟู่หลินหลินพูดเหมือนกับคนสิ้นหวัง“ก็บิดาของแม่นางจ้าวถูกฮ่อง
“แก้ตัวไป ก็ไม่มีประโยชน์ หากเรารักเขา เราก็บอกว่ารักออกไป และก็ไม่เห็นจะยากลำบากเลย ถ้าจะพูดมันออกไป เวลาที่นอนอยู่บนเตียงเดียวกันกับท่านแม่ทัพ นายหญิงก็เอื้อนเอ่ยคำนี้ออกมาได้นะเจ้าคะ”“เจ้าสอนข้า ทั้ง ๆ ที่เจ้าไม่มีสามี”“แต่ก็เกิดก่อน แก่กว่า ก็เห็นมาเยอะแล้ว”ฟู่หลินหลินยังคงทำหน้ามุ่ยอยู่ดี“เขายังไล่ข้ามานอนพักผ่อนอีกด้วย” ปากก็พูดบ่น“ดื่มน้ำชาก่อนนะเจ้าคะ นายหญิงจะได้เย็นใจ” เจียงอ่าวรีบมารินน้ำชาให้“แต่อย่างไรก็ตาม นายหญิงจะปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ได้นะเจ้าคะ ถ้าหากแม่นางจ้าวผู้นั้นมาหาและพบกับท่านแม่ทัพบ่อย ๆ เข้า ก็อาจจะเป็นเรื่องเอาได้ ดีไม่ดีจะเป็นแผนการของท่านรั่วฮูหยินก็ได้ที่ท่านอยากจะได้สะใภ้เป็นคนบ้านเดียวกัน”“ถ้าเขาไม่ได้รักข้า ก็ปล่อยให้เขาแต่งงานไปเถอะ” ฟู่หลินหลินมองหน้าเจียงอ่าว แต่ทว่าเจียงอ่าวก็ได้เห็นว่านายหญิงของตนมีน้ำตาคลอหน่วยฟู่หลินหลินยังพูดอีก “เขาก็เห็นข้าเป็นเพียงหญิงบนเตียงที่คอย
“อะแฮ่ม... ท่านแม่” รั่วเฉินกระแอมกระไอ“อะไรหรือ”“เรื่องแต่งงานใหม่เพิ่ม... อ่า...”“ทำไม” ท่านแม่ถามเสียงดัง“ภรรยาของข้า ฮ่องเต้เป็นผู้ประทานให้ หากจะแต่งงานหาภรรยาอีกหลายคน ต้องได้รับราชโองการจากฮ่องเต้อีกขอรับ” ที่แม่ทัพรั่วตอบออกไปอย่างนั้น เพราะเขาอ่านใจท่านแม่ออก“เรื่องขออนุญาตจากฮ่องเต้หรือ แม่จะให้พ่อเจ้าจัดการเอง ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”“ท่านแม่ขอรับ ลูกไม่ได้อยากให้มีปัญหา”“ปัญหาอะไรอีกเล่า”“มีภรรยาหลายคนปวดหัวนี่ขอรับ อีกอย่างดูอย่างท่านแม่ ท่านยังไม่ยอมให้ท่านพ่อมีบ้านเล็กบ้านน้อย ใครก็พูดกันว่าท่านพ่อรักท่านแม่มากน่ะขอรับ จนไม่คิดจะมีหญิงอื่นอีก”ท่านแม่เผลอยิ้ม แต่ประเดี๋ยวเดียวก็ทำหน้าบูดบึ้งจ้าวอวี้เจินกลับตีความหมายทุกอย่าง เหมือนว่าเขาจะไม่อยากแต่งงานกับตนเอง เพราะที่รั่วฮูหยินเอ่ยเรื่องนี้ ก็เพราะอยากได้จ้าวอวี้เจินมาเป็นสะใภ้อีกคน“ข้าอยากจะเป็นหญิงหนึ่งเ
ฟู่หลินหลินมีใบหน้าออกสีแดง และรีบเดินเร็วนำหน้าเจียงอ่าวไป“เขินอะไรเล่าเจ้าคะ ข้าพูดเรื่องจริง ข้าอยากเลี้ยงท่านแม่ทัพตัวน้อย ๆ แล้ว”“หยุดล้อข้าได้แล้วน่า” เดินขาแทบขวิด“เจียงอ่าวถึงห้องแล้ว ข้าจะอาบน้ำนะ”“ได้เจ้าค่ะ ข้าจะระดมคนมาทำให้นายหญิงอย่างรวดเร็ว”การเดินทางกลับเป็นระยะเวลาสิบวันนั้น นางไม่ได้ทำความสะอาดร่างกายเลย นอกจากล้างหน้าล้างตาเท่านั้นเมื่อก่อนอยู่เซี่ยงไฮ้อาบน้ำกันค่อนข้างบ่อย ไม่เหมือนกับคนในสมัยนี้ ตอนแรกนางก็ไม่เข้าใจว่า พวกเขาอยู่กันได้อย่างไร ไม่อึดอัด หรือว่ารู้สึกเหม็นกลิ่นกายของตนเองบ้างเลยหรือ แต่เมื่อนางต้องทำเช่นนั้นบ้างก็เลยเข้าใจ ต่อให้อึดอัดเพียงใด เหม็นเพียงใดก็ต้องทนวันต่อมา มีรถม้ามาจอดที่หน้าประตูจวน ฟู่หลินหลินประหลาดใจเล็กน้อย แต่นางก็เพียงแค่คิดว่า น่าจะเป็นคนของทางการที่มาพบสามี หรือไม่ก็เป็นแขกของท่านแม่ก็เป็นได้อีกทั้งเพราะว่าแม่ทัพรั่วเองได้เดินทางไปรบที่เมืองหลูตงตั้งเดือนกว่า ก็น่าจะมีงานให้ต
“พร้อม อื้อ ท่านพี่รั่วอย่าทรมานข้าอีกเลยเจ้าค่ะ”ท่านแม่ทัพจับร่างฟู่หลินหลินให้หันหลังให้ แล้วกดให้นางโก้งโค้ง จากนั้นเขาก็เอาท่อนบุรุษเข้าประชิดกดลงไปในร่องสาวที่มีน้ำหวานเชื่อมหยาดเยิ้มฟู่หลินหลินทำได้แต่เพียงหยัดสะโพก และผ่อนลมหายใจ “อึก อ้า... ท่านพี่... ซี้ด...” ฟู่หลินหลินขยับอ้าปากเปล่งเสียงทรมานแบบสุข ๆ ออกมาเขากระแทกท่อนทวนอันใหญ่เข้าไปในร่องสาวให้ร่องน้อย ๆ นั้นกลืนทวนเนื้อเข้าไปใหม่ ต่อมารั่วเฉินก็เริ่มชักลำแกร่งเข้าออก ๆ เขาเองก็สูดปากด้วยความเสียวสยิวลำแข็งใหญ่ครูดไปกับร่องคับแคบที่แอมอิ่มกินท่อนรักของเขา ทั้งบีบ ทั้งอัด และตอดขมิบ“โอ้... ซี้ด... ดูดแรง” ท่านแม่ทัพแทบแตกพ่าย สวรรค์เกือบล่มปากอ่าวเสียแล้ว“กระแทกเถอะท่านพี่ ข้า อ้า...”จากนั้นแม่ทัพรั่วก็จัดให้ตามคำร้องขอ ฟู่หลินหลินได้แต่เพียงส่งเสียงครางครวญ และแอ่นสะโพกเข้าหาแท่งแกร่งของสามี“อื้อ อ๊า... ซี้ด... อะ อะ อะ...” นางส่ายหัวสะบัดศีรษะไปมา รับรู้ได้ถึงการกระแทกชนผนังภายในที่อ่อนนุ่ม
ไม่ทันตั้งตัวทหารแคว้นฉู่หนีตายกันชุลมุนวุ่นวาย และอลหม่าน เสียทั้งขวัญและกำลังใจ แล้วยังธนูไฟที่ถูกยิงมาจากกำแพงเมืองอีกแม่ทัพรั่วที่อยู่บนหลังม้า เขาตะเบ็งห้อขับขี่ม้าตัวใหญ่มุ่งตรงไปยังตำแหน่งที่แม่ทัพหวงอยู่ ทั้งสองพุ่งเข้าโรมรันกัน แม่ทัพรั่วมีฝีมือของเขามากกว่าแม่ทัพหวง ฝีมือฉกาจกว่าแม่ทัพรั่วต่อสู้ด้วยทวน ด้านหนึ่งเป็นมีดดาบ อีกด้านเป็นปลายทวน ในจังหวะที่แสงตะวันสาดเข้าตาของแม่ทัพหวง เพราะแม่ทัพรั่วต้อนม้าของแม่ทัพหวงให้หันหน้าไป พอแม่ทัพหวงลืมตาหมายจะกวัดแกว่งดาบของตัวเองจัดการกับแม่ทัพรั่วรั่วเฉินก็ได้ตวัดปลายทวน โดยหันด้านปลายมีดที่คมตัดฉับศีรษะแม่ทัพหวงลงมาได้ภาพศีรษะของแม่ทัพหวงที่ขาดสะบั้นจากร่างกายของเขา แล้วหล่นร่วงลงไปยังพื้นดินเบื้องล่าง“ไชโย ไชโย”“แม่ทัพรั่วเฉินได้ตัดหัวของแม่ทัพหวงจือเฟยได้แล้ว กองทัพฉินของเราได้รับชัยชนะ”ฝ่ายทหารแคว้นฉู่ถึงกับวางอาวุธลง แล้วทรุดนั่งลงไปกับพื้นดินเพื่อศิโรราบเสียงโห่ร้องของทหารในกองทัพของรั่วเฉิน กองทหารของเมืองหยูตง และประชาชนที่ออกมาช่วยสู้รบ
“เอาเถอะอย่าไปเกรงกลัวอะไร ข้ามีแผนการดี ๆ อยู่แล้ว ประการแรกพวกเราต้องทำลายขวัญกำลังใจของทหารฉู่เสียก่อน” แม่ทัพรั่วพูดขึ้น“อย่างไรหรือขอรับ” หวังหว่านถามอยู่ ๆ ก็มีเสียงสตรีดังขึ้นมาจากหน้าห้อง“ข้ามีวิธี” ฟู่หลินหลินก้าวเข้ามาในห้อง“ไม่ใช่เรื่องของเจ้านะหลินหลิน” แม่ทัพรั่วปรามฟู่หลินหลินในชาติภพที่แล้ว นางเป็นคนที่ชอบอ่านและศึกษาวิชาความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ อย่างเช่นตำราพิชัยสงครามของซุนวู นางก็อ่านมาแล้วอีกทั้งนางยังเป็นคนที่ฉลาด มีไหวพริบ ดังนั้นเรื่องที่จะเอาความรู้จากตำราพิชัยสงครามมาใช้นั้น หาได้ยากสำหรับนางไม่“ฟังข้าก่อนสิท่านพี่” สีหน้าของฟู่หลินหลิน“เจ้ามีวิธีอะไร เจ้าจงว่ามา” แม่ทัพรั่วไม่อยากจะหักหน้านาง และวันนี้นางก็ได้แสดงความสามารถที่เขาไม่เคยรู้มาก่อน จัดการกับทหารของแคว้นฉู่ลงได้ ทั้งที่ทหารคนนั้นตัวใหญ่กว่านางหลายเท่า โดยที่ร่างกายของนางไม่มีบาดแผลฟู่หลินหลินยืดตั
กองทัพของทัพแคว้นฉู่นำโดยแม่ทัพหวงจือเฟยเดินทัพอย่างเร่งรีบ ระยะทางห้าสิบลี้ อย่างไรก็น่าจะไปถึงก่อนรุ่งสาง เขาอยากจะโจมตีเมืองหลูตงในขณะที่ยังไม่มีแสงสว่าง เพราะถ้าหากพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว จะทำให้อีกฝ่ายตั้งตัวได้แม่ทัพหวงเป็นศัตรูคู่อาฆาตของแม่ทัพรั่วมาตั้งแต่ไหนแต่ไร พวกเขาออกรบเจอกันก็หลายครั้ง แต่ทว่าทุกครั้งแม่ทัพรั่วก็จะเอาชนะไปได้ตลอด หวงจือเฟยจึงผูกใจเจ็บเรื่องนี้เป็นอย่างมากและเมื่อวันนี้หากมีโอกาสในการแก้แค้น เขาถึงกับลั่นวาจาว่า จะเหยียบแม่ทัพรั่วให้จมอยู่ภายใต้บาทาของตนเองให้ได้ ถ้าไม่ได้เป็นอย่างที่เขาได้กล่าวเอาไว้ เขาจะไม่กลับไปสู้หน้าท่านอ๋องเจียงกวงที่เมืองตานหยางอีก“พวกเจ้าเร่งเดินเข้า เราต้องรีบไปถึงก่อนเช้ามืด” แม่ทัพหวงออกคำสั่งเหล่าทหารแคว้นฉู่จากเดิมที่เดินก้าวเท้าฉับ ๆ เร็วอยู่แล้วก็เปลี่ยนเป็นวิ่งเหยาะในทันทีที่เมืองหยูตง ณ เวลานี้ได้มีการรวบรวมทหารได้ครบแล้ว แต่ทว่ากำลังทหารที่มีเพียงห้าพันนายนั้น จะเอาอะไรไปสู้กับข้าศึกที่มีถึงหนึ่งหมื่นนายให้ชนะได
หน้าบริเวณที่คุมขังนักโทษ ด้านหลังจวนว่าการซ่า... น้ำจากในถังสาดไปที่หน้าโจรวางเพลิงที่ถูกจับมา ในเวลานี้เขาถูกมัดไว้ติดกับเสาที่กลางลานเนื้อตัวของโจรผู้นั้นเปียกโชก น้ำเย็น ๆ ที่สาดเข้าหน้าเข้าตา เข้าปากและรูจมูก ทำให้มันลืมตาขึ้นอย่างสะลึมสะลือ“เหตุใดเจ้าจึงต้องวางเพลิงที่จวนของท่านเจ้าเมือง ใครใช้เจ้ามา” แม่ทัพรั่วเปิดการสนทนาก่อนโจรผู้นั้นสะบัดหน้าไปมาเพื่อไล่หยาดน้ำให้พ้นไปจากใบหน้า เพราะมือไม้ของเขาถูกพันธนาการผู้ทำผิดเอาแต่จ้องหน้าของแม่ทัพรั่ว และไม่ยอมตอบคำถาม เพียงแต่ส่งสายตามองผู้ถามอย่างเคียดแค้น“ข้าถามเจ้า เจ้าหูหนวกหรือ จึงทำเป็นไม่ได้ยิน” แม่ทัพรั่วเริ่มโมโห น้ำเสียงของเขาแข็งกร้าวทีเดียว“หึ... ข้าไม่บอกเจ้าหรอก”“เจ้าไม่รู้หรือไงว่าข้าเป็นใคร ระวังเถอะจะไม่มีโอกาสได้พูดอีก”“เจ้าคือแม่ทัพรั่วล่ะสินะ” โจรร้ายพูดแบบไม่เกรงใจในยศถาบรรดาศักดิ์ของรั่วเฉิน จนเขาได้ลุกจากเก้าอี้ แล้วเดินมาที่ตัวของโจรวางเพลิงท่านแม่ทัพใช้