วิศวะสาวปีสามข้ามมิติเวลามาพร้อมความสามารถจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด ทว่ากลับได้เป็นคุณหนูรองที่บิดาทอดทิ้งให้เติบโหญ่ในดินแดนรกร้างห่างไกล ซ้ำยังถูกลากตัวไปอภิเษกกับรัชทายาทที่ไม่เคยพานพบด้วยความจำใจ!
View Moreกลางดึกอันเงียบสงัดมีเพียงเสียงลมหายใจที่ดังเข้าออกอย่างเป็นจังหวะ ซ่งซูหลานเปิดปรือเปลือกตาขึ้นด้วยอาการอ่อนล้านางเหลียวมองบุรุษข้างกายที่ยามนี้หลับสนิทเพราะใช้พละกำลังไปจนหมดสิ้น แขนแกร่งพาดวางกกกอดเอวคอดเปลือยเปล่าไว้แน่นประดุจกลัวอีกฝ่ายจะหายตัวไปร่างบอบบางขยับกายเนิบนาบ ทั่วสรรพางค์ร้าวระบมไปเสียหมด ซ่งซูหลานหยัดกายขึ้นด้วยความระมัดระวัง ค่อย ๆ หยิบแขนแกร่งออกให้พ้นตัวหนักชะมัดยามเขาหลับเช่นนี้ช่างดูหล่อเหลาไร้พิษสงเหมาะสมกับการเป็นโอรสแห่งสวรรค์ ทว่าสิ่งที่เขาเพิ่งกระทำกับนางไปไม่นานกลับเฉกเช่นจอมปีศาจแสนดุร้าย ซ่งซูหลานโกรธเขา อยากจะบดขยี้อีกฝ่ายให้เจ็บปวดเช่นเขาทำกับนาง ทว่าซ่งซูหลานมิอาจหลีกหนีความเป็นจริงที่ว่า นางรักเขา!เท้าเรียวหย่อนลงเบื้องล่าง ซ่งซูหลานสูดหายใจเข้าปอดเพื่อเรียกความเข้มแข็ง หยาดน้ำตาที่เอ่อคลอถูกปัดทิ้งไปเอาเถิดซูหลาน กลับไปตั้งหลักก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากันไม่นานสตรีร่างบอบบางก็พลันอยู่ในอาภรณ์บุรุษสีเข้มทะมัดทะแมง เพราะซ่งซูหลานอาศัยอยู่ที่ตำหนักรั
ไยเขาจึงกระทำรุนแรงกับนางนัก กำปั้นน้อย ๆ พยายามทุบตีผลักไสกระนั้นดุจดั่งมดขย่มต้นไม้ใหญ่เขาไม่สะทกสะท้านสักนิด หนำซ้ำยังยึดแขนทั้งสองด้านของนางเอาไว้เหนือศีรษะ ร่างกำยำโถมเข้าหากายบอบบางจนต้องเอนราบลู่ลงบนฟูกนอนอื้อ...ซ่งซูหลานหอบกระชั้น ลิ้นด้านในกระหวัดเกี่ยวดูดกลืนลมหายใจนางไปแทบหมดสิ้นเขาเป็นบ้าใดกัน!นางก่นด่าเขาในใจ โพรงปากชุ่มฉ่ำถูกเขาย่ำยีเสียจนเจ็บปวด ฟันเรียงสวยกัดลิ้นที่ดื้อดึงด้วยความกรุ่นโกรธ"โอ๊ย!"กู้หย่งเฟิงผละห่างทันควัน นัยน์ตาคมเข้มเขม้นมองด้วยความเคียดขึง เสียงทุ้มแหบพร่าเย็นเยียบ "หลานเอ๋อร์ เจ้ากำลังทำอะไร ที่เป็นแบบนี้เพราะบุรุษอื่นงั้นหรือ"ซ่งซูหลานโมโหจนตัวสั่นเทา หยาดน้ำตาปริ่มรื้นคั่งค้างบริเวณขอบตาเพียะ!ซ่งซูหลานตวัดมือตบเขาเสียจนหน้าหัน "ท่านเป็นบ้าอะไรกันแน่ ข้าน่ะหรือมีชายอื่น มีแต่ท่านที่ยามนี้กำลังใกล้ชิดกับสตรีนางอื่น ท่านไม่แยแสข้าสักนิด ข้ามีค่าแค่เพียงยามค่ำคืนงั้นหรือ คนโลเล!"กู้หย่งเฟิงหลับตาลงเพื่อระงับอารมณ์ ทว่าเขาไม่อาจทานทนสิ่งที่กำลังหมุนเวียนในกระแสโล
"พี่รอง..." กู้เจียฮ่านเอ่ยทักทว่ากู้หย่งเฟิงตวัดเพียงหางตามองเขา ซ้ำยังไม่ตอบกลับ จากนั้นคว้าหมับไปที่ต้นแขนของซ่งซูหลาน เขาแบกสตรีร่างบางขึ้นบนบ่าด้วยสีหน้าและดวงตาแดงก่ำซ่งซูหลานตะลึงลานเบิกตากว้าง "อ๊ะ!...ท่านทำอะไร ปล่อยข้าลงนะ"ขาเล็กดีดไปมากลางอากาศ เย่จงเทียน เฉินซู่ และกู้เจียฮ่านต่างจดจ้องภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าด้วยอารมณ์แตกต่างกัน เย่จงเทียนเหลียวมองกู้เจียฮ่านแล้วจึงค้อมศีรษะลง "องค์ชายสาม"กู้หย่งเฟิงแบกซ่งซูหลานเดินห่างออกไปแล้ว กู้เจียฮ่านผินหน้าถาม "เกิดอะไรขึ้น"เย่จงเทียนกระอักกระอ่วน"เอ่อ...เมื่อครู่รัชทายาททรงงานอยู่ จากนั้นกระหม่อมได้ยินเสียงถ้วยชาแตก คุณหนูเจี่ยนั่งตัวสั่นร่ำไห้พักใหญ่ ดูเหมือนองค์รัชทายาทควบคุมสติของตนไม่อยู่ จากนั้นวิ่งเตลิดมาหาพระชายาพ่ะย่ะค่ะ"กู้เจียฮ่านหรี่นัยน์ตามองตามพวกเขาทั้งสองที่ห่างออกไปเรื่อย ๆ ขาเล็กดีดดิ้นขัดขืน เขาอยากวิ่งเข้าไปช่วยซ่งซูหลานแต่ดูเหมือนเรื่องสามีภรรยาคนนอกเช่นเขามิอาจก้าวก่าย กู้เจียฮ่านผ่อนหายใจแผ่วคิ้วเข้มขมวดมุ่น แขนแกร่งยกขึ้
บทสนทนาที่นางได้ยินช่างคลุมเครือยิ่ง ซ่งซูหลานและกู้หย่งเฟิงหารู้ไม่ว่าเจี่ยอีหนิงลอบเห็นนางมาสักพักแล้ว เมื่อซ่งซูหลานมุ่งหน้ามาทางนี้ อีกฝ่ายจึงแสร้งแขนขาอ่อนเปลี้ยเพื่อให้กู้หย่งเฟิงรับตนเอาไว้ หนำซ้ำยังสาดชาร้อน ๆ เสียจนอาภรณ์ตัวที่สองซึ่งเพิ่งผลัดเปลี่ยนไม่นานเปรอะเปื้อนอีกหนซ่งซูหลานไม่อาจทนเห็นภาพบาดตาได้อีกต่อไป นางเดินดุ่ม ๆ ไปยังสระสัตตบงกชโดยไม่ได้เข้าไปด้านในดังที่ตนมาดมั่นแต่คราแรก จากนั้นขว้างกล้องส่องทางไกลที่ห้อยติดคอทิ้งลงน้ำเพื่อระบายโทสะอย่างไม่ไยดีเฉินซู่เบิกตากว้าง "พระชายาโยนทิ้งทำไมเพคะ มิใช่กว่าท่านจะทำมันได้""ช่างมัน! ข้าว่าคงไม่จำเป็นแล้ว ทุกอย่างชัดเจนเพียงนี้" กระบอกตาคู่งามร้อนรื้นแดงก่ำ ซ่งซูหลานคว้ากล้องอีกตัวมาจากมือของเฉินซู่ หมายปาลงน้ำทิ้งให้หมด ทว่าเสียงทุ้มกลับดังขึ้นจากทางเบื้องหลังเสียก่อน"ผู้ใดรังแกพี่สะใภ้ให้ต้องเดือดดาลปานนี้หรือ"ซ่งซูหลานหมุนกายเนิบช้า พร้อมกับมือที่ยังชูง้างกลางอากาศอยู่เช่นนั้น บุรุษร่างสูงเยื้องย่างเข้าใกล้สตรีร่างเล็ก เขามองสิ่งที่ซ่งซูหลานเตรียมเขวี้ยงออกไปด้วยความสนใจใคร่รู้
ซ่งซูหลานลอบส่องห้องทรงงานของรัชทายาทด้วยความใคร่รู้ เหตุใดพ่อลูกคู่นี้จึงได้แวะเวียนเข้ามาทุกวัน กระนั้นวันนี้นางเห็นผู้เป็นบิดาออกจากห้องไปด้านนอก ท่าทางเร่งร้อนคล้ายจงใจนัก"มาอีกแล้ว คราวนี้ปล่อยให้ลูกสาวตัวเองอยู่กับสวามีข้าสองต่อสองเชียวรึ" มือเรียวยกกล้องส่องทางไกลที่ตนประดิษฐ์ขึ้นมาหมาด ๆ สอดส่ายสายตาสำรวจอย่างถ้วนทั่ว อุปกรณ์ชิ้นนี้จะทำให้นางสามารถจับพิรุธสวามีได้อย่างดียิ่ง ร่างบอบบางชะเง้อมองข้างต้นไม้ใหญ่ เบื้องหลังมีสาวใช้ข้างกายยืนเป็นลูกคู่ ทว่าท่าทีของนางยังคงงุ่นง่านกับสิ่งประดิษฐ์ในมือพลางเกาแก้มเกาหัวด้วยความฉงน"เฉินซู่เจ้าเห็นอะไรหรือไม่"ซ่งซูหลานเหลียวมองสาวใช้ของตนกำลังยกกล้องส่องทางไกลขึ้นด้วยท่าทีเงอะงะ "พระชายาหม่อมฉันมองไม่เห็นอะไรเลยเพคะ มืดไปหมด"ซ่งซูหลานยกมือกุมขมับ "เจ้าทำอะไร ผิดด้านแล้ว"นางช่วยหันด้านที่ถูกต้องให้สาวใช้ข้างกาย เฉินซู่ยิ้มแหย "ขอประทานอภัยเพคะ"คลาดสายตาครู่เดียวด้านในห้องก็หลงเหลือเพียงกู้หย่งเฟิงกับเจี่ยอีหนิงเสียแล้ว ซ่งซูหลานกระฟัดกระเฟียด "จงเทียนไปไหน!"&n
"เฉินซู่ เจ้าว่า…" ซ่งซูหลานนิ่วหน้าขบคิด ผินหน้ามองสาวใช้ จากนั้นเอ่ยต่อด้วยความฉงน "…ไยสตรีนางนั้นต้องติดตามบิดาของตนมาด้วยหรือ"เฉินซู่เองก็ไม่รู้จะตอบเช่นไร นางได้ยินเรื่องเล่าจากนางกำนัลต้นห้องมามาก ว่ายามนี้คุณหนูตระกูลเจี่ยถูกสนับสนุนให้เป็นสนมเอกของรัชทายาท "เอ่อ...พระชายาเพคะ เกรงว่านางอาจต้องการตำแหน่งพระสนม"ซ่งซูหลานเลิกคิ้ว "พระสนมงั้นหรือ"หัวใจของซ่งซูหลานกระเพื่อมไหว หลายเดือนแล้วที่นางเป็นชายาของเขา เรื่องอย่างว่าก็หาได้ว่างเว้นเพียงแต่มิได้ประกอบกิจกันเสียทุกวัน ทว่านางกลับไม่ตั้งครรภ์เสียที ดูเหมือนต้องตามหมอหลวงมาตรวจหน่อยหรือไม่ หรือว่าซ่งซูหลานในยุคนี้ก็เป็นโรคเดียวกันกับนางในยุคที่จากมานางมีบุตรไม่ได้เช่นนั้นหรือ!ทว่าเขารับปากนางแล้วว่าจะไม่มีสนม แล้วเหตุใดยามนี้ต้องปล่อยให้ผู้อื่นเข้ามาชิดใกล้อย่างไม่ควร คิดไปแล้วอารมณ์น้อยใจก็ผุดขึ้นเป็นริ้ว พานให้ต้องหัวร้อนดุจถูกแผดเผาด้วยเปลวเพลิง..ราตรีกาลคืบคลานมาถึง เป็นอีกคืนที่ซ่งซูหลานเริ่มรู้สึกหนาวเหน็บสะท้านไปถึงจิตใจ นางกำลังนอนไม่หลับรู้สึกระส่ำระสายย
เวลาล่วงเลยมาสองเดือนแล้ว ทว่าพระชายากลับไม่มีทีท่าจะตั้งครรภ์ บรรดาขุนนางจึงเร่งเสนอเรื่องแต่งตั้งพระสนมให้แก่รัชทายาท ฮ่องเต้เองก็ลำบากใจเพราะกู้หย่งเฟิงประกาศกร้าวว่าตนไม่ประสงค์รับสนม"ฝ่าบาทแม้ยามนี้รัชทายาทยังมิได้ครองบัลลังก์ ทว่าเรื่องการมีโอรสหาละเลยได้ไม่" เจี่ยเหวยเจินกราบทูลเขากำลังคิดหาหนทางเสริมส่งให้บุตรสาวขึ้นเป็นสนมของรัชทายาท เพราะอย่างน้อยหากตนมีความเกี่ยวดองกับราชวงศ์อำนาจและตำแหน่งล้วนมั่นคงตามไปด้วย แม้จะนับว่ายังห่างชั้นกับตระกูลซ่งมากโข ทว่าการขึ้นเป็นสนมของผู้ที่รอรับบัลลังก์มังกรต่อนับว่าดีกว่าเป็นชายาองค์ชายที่ไร้ยศถาเป็นไหน ๆขุนนางคนอื่นก็พลอยเรียกร้องให้ระเบ็งเซ็งแซ่ไปตามกันกู้หย่งเฟิงยืนฟังข้อถกเถียงของเหล่าขุนนางมานานก็ให้รู้สึกรำคาญใจนัก เดิมทีเขาเองก็มิได้ละเลยซ่งซูหลานสักนิด เพียงแต่ผู้มีบุญญาธิการช่างถือกำเนิดยากยิ่ง หรือว่ามีบางอย่างผิดปกติกัน"ทูลฝ่าบาท ถึงข้าจะเป็นรัชทายาท ทว่าการมีโอรสก็หาได้ต้องเร่งร้อนถึงเพียงนั้น"ขุนนางนายหนึ่งสาวเท้ามาเบื้องหน้า เขาค้อมศีรษะลง "ทูลฝ่า
หากขนมนี่มียาพิษเมื่อครู่เขากินเข้าไปต้องเกิดปฏิกิริยาบางอย่างขึ้น ทว่าท่าทีของกู้เจียฮ่านยังคงสงบนิ่งดุจสายน้ำ แล้วไยจึงไม่บอกนางว่าขนมดอกสาลี่ชิ้นนี้มีปัญหาที่ตรงไหน เดิมทีนางก็ทานบ่อยเสียด้วย แม้จะเพียงคราละไม่ถึงครึ่งคำก็ตาม เพราะซ่งซูหลานไม่อยากทำตัวเสียมารยาทกับผู้ที่มอบให้ก็เท่านั้น"กำลังคุยเรื่องใดกันอยู่หรือ" เสียงทุ้มดังขึ้นเดิมทีกู้หย่งเฟิงมาถึงได้สักพักแล้วทว่าทั้งสองยังคงสนทนากันอย่างออกรสออกชาติเลยไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น จึงทำให้กู้หย่งเฟิงทันได้มองภาพการพูดคุยและรอยยิ้มอันสนิทสนมของพวกเขา ความรู้สึกหึงหวงจนหน้ามืดก็พลันบังเกิดขึ้นเดี๋ยวนั้นถึงแม้องค์ชายสามเป็นน้องชายต่างมารดา ทว่าอีกฝ่ายกลับมีนิสัยซุกซน ซ้ำยังกะล่อนปลิ้นปล้อน ไหนเลยกลิ่นน้ำส้มจะไม่พวยพุ่งออกมาเสียจนอบอวลพวกเขาทั้งสองยืนขึ้นโดยพร้อมเพรียงกู้เจียฮ่านคลี่ยิ้มหยอกล้อ "เคร่งเครียดเพียงนี้เชียวหรือ พี่รอง"ซ่งซูหลาน "เสด็จพี่ วันนี้งานเรียบร้อยเร็วหรือเพคะ"โดยปกติกู้หย่งเฟิงกว่าจะได้พบนางสักคราตะวันก็ลับขอบฟ้าไปแล้ว คาดไม่ถึงวันนี้อีกฝ่ายกลับมีเวลามายืนปั้
ซ่งซูหลานใช้ชีวิตของพระชายาองค์รัชทายาทอยู่ในวังเป็นเวลาแรมเดือนแล้ว กู้หย่งเฟิงดูแลและเอาใจใส่นางดีทุกอย่าง ทว่าทุกสัปดาห์สองแม่ลูกตระกูลซ่งมักตามบิดาของนางเข้าวังเพื่อมาขอเข้าพบนางเสมอ ทุกครั้งจะมีขนมดอกสาลี่ ขนมกุ้ยฮวา และอื่น ๆ ติดไม้ติดมือมาฝาก ซ่งซูหลานก็มิได้ขัดน้ำใจพวกนางแต่อย่างใด ดูเหมือนทั้งสองจะทำตัวว่าง่ายเสียด้วยซ้ำช่วงนี้กู้หย่งเฟิงเองก็ราชกิจรัดตัว นางจึงไม่ได้บอกเล่าเรื่องที่พบปะกับแม่เลี้ยงและพี่สาวต่างมารดาแต่อย่างใด อีกอย่างนางไม่อยากให้เขาต้องคิดมากหรือเป็นกังวล ในแต่ละคืนเขากลับมาก็อ่อนล้ามากเกินพอแล้ว วันนี้ก็อีกเช่นเคยกู้หย่งเฟิงยังคงวุ่นวายเฉกเช่นเดิม ซ่งซูหลานจึงหาอะไรทำแก้เบื่อไปพลาง ๆ"พี่สะใภ้กำลังทำสิ่งใดอยู่หรือ"เสียงทุ้มดังขึ้นที่หน้าศาลาริมแม่น้ำ ซ่งซูหลานละสายตาจากงานในมือ ก็พบว่าเป็นองค์ชายสามกู้เจียฮ่าน นางตั้งท่าลุกขึ้นทว่าอีกฝ่ายกลับปรามไว้เสียก่อน"พี่สะใภ้ตามสบายเถิด ข้าขอนั่งสนทนาคลายความเบื่อหน่ายกับท่านสักครู่ได้หรือไม่"นางเองไม่รู้จะกล่าวปฏิเสธเช่นไร ใบหน้าเกลี้ยงเกลาเหลีย
ตำบลเลี่ยงหลินเป็นพื้นที่ห่างไกลซ้ำยังทุรกันดาร เรื่องเกษตรกรรมการเพาะปลูกล้วนฝืดเคือง ฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาล แม้จะนับว่าอยู่ในเขตการปกครองของแคว้นฮุ่ยเหอซึ่งมากล้นด้วยพืชพรรณธัญญาหารอุดมสมบูรณ์ ทว่าการช่วยเหลือเยียวยาชาวบ้านยามแร้นแค้นกลับได้รับเพียงกะพร่องกะแพร่ง เกรงว่าบรรดาขุนนางที่ดูแลเขตแดนแห่งนี้ ล้วนมีแต่พวกคดโกง อาศัยว่าตนมีอำนาจและตำแหน่งสูงส่งผนวกความรู้มากหน่อย ก็เอาเปรียบชาวบ้านตาดำ ๆ โดยคิดว่าเทพไม่รู้ผีไม่เห็น ซ่งซูหลานก้ม ๆ เงย ๆ อยู่ริมลำธารกลางป่าไผ่ นางเป็นคุณหนูรองตระกูลซ่งทว่าบิดากลับไม่เหลียวแล ส่งตัวของนางมายังตำบลที่แสนอัตคัด เพียงเพราะหลงงมงายในคำทำนายไม่มีมูล แม้ซ่งซูหลานทราบดีว่าเป็นกลอุบายของฮูหยินรองกระนั้นนางก็เป็นลูกที่เกิดมาแล้วทำให้มารดาของตนต้องสิ้นใจจริง ๆ หากบิดาจะเกลียดชังบุตรสาวเช่นนางก็คงสมควรกระมัง "คุณหนูเจ้าคะ ท่านทำเหยาะแหยะเช่นนั้นแล้วเมื่อใดจะเสร็จเล่า ตะวันจะลับขอบฟ้าแล้วเร่งมือเข้าเถิด" เสียงสตรีวัยกลางคนแผดขึ้น ลี่ถังเป็นผู้ดูแลเรือนของที่นี่ ตระกูลซ่งกว้านซื้อที่ดินและเรือนหลายหลังเอาไว้ บิดาของซ่งซูหลานส่งตัวบุตรสาวมาอยู่กับนางตั้ง...
Comments