เธอลืมตาตื่นขึ้นมาใต้ต้นเหมยฮวา สิ่งแรกที่เธอมองเห็น เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ดูดุร้ายเธอต้องอาศัยอยู่กับเขาในสถานะภรรยา พร้อมตัวช่วยโทรศัพท์ที่ติดตัวเธอมา
View Moreแก้มหอมสาวน้อยอายุสิบแปดปี เธอเป็นเด็กสาวกำพร้า ไม่มีพ่อแม่และญาติพี่น้องที่ไหน ก่อนที่พ่อและแม่ของเธอจะเสียชีวิต ท่านได้ทิ้งเงินไว้ให้เธอหนึ่งก้อนจากประกันชีวิตที่ท่านได้ทำไว้ให้เธอ และยังทิ้งบ้านหนึ่งหลังที่ไม่ใหญ่มาก แต่เธอก็ไม่ต้องเช่าบ้านให้เสียเงิน เธอได้ออกมาทำงานและส่งตัวเองเรียน จึงทำให้เธอมีจิตใจที่เข้มแข็งกว่าเด็กวัยเดียวกันมาก เธอเป็นเด็กสาวที่มีนิสัยร่าเริงและขี้เล่น เธอเป็นที่รักของเพื่อนๆ ในชั้นเรียน แต่ก็มีหลายคนที่ไม่ชอบเธอเช่นกัน ทุกวันจันทร์ถึงวันศุกร์ หลังเลิกเรียนเธอจะต้องออกไปทำงานที่ร้านสะดวกซื้อจนถึงเที่ยงคืน และวันเสาร์อาทิตย์ เธอทำงานในร้านขายเครื่องหอม เธอไม่มีเวลาให้เที่ยวเล่นแบบเพื่อนในวัยเดียวกัน แต่เธอมีหน้าตาที่น่ารักจึงมักมีชายหนุ่มเข้ามาวนเวียนรอบๆ ตัวเธออยู่เสมอ
จึงมีเพื่อนหลายคนที่ไม่ชอบที่เธอหน้าตาดี และจะคอยหาเรื่องแกล้งเธอ แต่ก็ไม่ได้แกล้งแบบรุนแรงมากนัก เธอจึงไม่ได้เอาเรื่องไปฟ้องกับอาจารย์ เพราะเธอคิดว่าอีกไม่กี่เดือนเธอก็จะเรียนจบแล้ว เธอเองก็มีความฝันเหมือนกัน เธออยากเปิดร้านค้าเป็นของตัวเองสักหนึ่งร้าน เธอชอบน้ำหอมและเครื่องหอมที่เธอได้ทำงานอยู่ เธออยากมีร้านค้าแบบนี้บ้าง ช่วงเวลาว่างเธอก็จะทดลองหรือคิดค้นน้ำหอมกลิ่นใหม่ๆ อยู่เสมอ แต่ก็มีบางวันที่เธอรู้สึกท้ออยู่เหมือนกัน อย่างเช่นวันนี้ที่เธอถูกเพื่อนสนิทกล่าวหาว่าเธอแย่งผู้ชายที่เพื่อนสนิทชอบไปทั้งๆ ที่เธอไม่เคยรู้จักกับผู้ชายคนนั้นเลยด้วยซ้ำ เธอพูดไปเยอะแค่ไหน อธิบายไปมากเท่าไหร่ เพื่อนของเธอก็ไม่เชื่อเธอเลย เธอจึงเลือกที่จะเงียบ และให้เธอเป็นคนผิดเอง ที่เธอยอมก็เพราะเธอใกล้ที่จะเรียนจบแล้ว เธอจึงไม่อยากให้มีปัญหาก็แค่นั้น เธอเดินเข้ามาในบ้านที่เคยอบอุ่น เคยมีพ่อและแม่รอเธอกลับมาที่บ้านอยู่เสมอ แต่ตอนนี้บ้านหลังน้อยมันช่างดูกว้างและเงียบเหงามากเหลือเกิน เธอมองไปที่รูปถ่ายของครอบครัว ‘ตอนนี้แก้มหอมใกล้ที่จะเรียนจบแล้ว แก้มหอมเก่งใช่ไหมค่ะ พ่อและแม่ไม่ต้องเป็นห่วงแก้มหอมแล้ว ตอนนี้แก้มหอมดูแลตัวเองได้แล้วนะคะ’ น้อยครั้งที่เธอจะร้องไห้ออกมา เพราะเธอพยายามทำตัวให้เข้มแข็งอยู่เสมอ แต่วันนี้เธอทำไม่ไหวแล้วจริงๆ ทุกครั้งที่เธอเหนื่อยล้าหรือรู้สึกอ่อนแอ เธอก็จะมาระบายความในใจให้กับรูปของพ่อและแม่ฟัง อย่างน้อยก็ยังมีรูปท่านที่คอยรับฟังเธอ ถึงท่านทั้งสองคนจะไม่อยู่กับเธอแล้วก็ตาม ‘เอาน่าต้นหอมเธอมันเข้มแข็งอยู่แล้ว หยุดร้องได้แล้วอีกแค่เดือนเดียวเราก็จะเรียนจบแล้ว สู้ๆ’ เธอให้กำลังใจกับตัวเองและเลิกร้องให้ เธอเป็นคนที่ให้กำลังใจตัวเองเก่งมาก ทุกครั้งที่เธอเศร้า เธอก็จะไม่เสียใจนานมากนัก และวันนี้ก็มาถึง วันที่เธอจบการศึกษา เธอมาเรียนวันสุดท้ายและเข้ารับใบเรียนจบพร้อมกับเพื่อนๆ วันนี้เธอไม่ได้ไปทำงาน เธอขอลาหยุดเพื่อที่จะได้ฉลองเรียนจบกับเพื่อนๆ ด้วยเช่นกัน “นี่ยัยนา เธอไม่ชวนเพื่อนรักเธอไปฉลองเรียนจบด้วยหรือไง เห็นว่าสนิทกัน” “ใครบอกแกว่าฉันสนิทกับยัยแก้มหอมกัน ฉันก็แค่เป็นเพื่อนด้วยเพราะเห็นว่าน่าสงสารหรอก และนางก็หน้าตาดีผู้ชายมองเยอะ ฉันก็เลยลองคบหาดูก็แค่นั้น” “อ๋อเหรอ ฉันเห็นแกทะเลาะกันเรื่องผู้ชายอยู่ไม่ใช่หรือไง” นาได้ฟังที่เพื่อนเธอพูด เธอรู้สึกโกรธมาก ที่เธอเป็นเพื่อนกับแก้มหอม ตลอดเวลาเธอก็มีความอิจฉาที่แก้มหอมได้ดีกว่าเธอในหลายๆ อย่าง เธอมองไปที่แก้มหอมและคิดแผนการร้ายๆ บางอย่าง แก้มหอมเธอตั้งใจหยุดงานในวันนี้ เพราะเธออยากที่จะคืนดีกับเพื่อนสาวของเธอ เธอเห็นนาเพื่อนของเธอหันมาพอดี เธอจึงหันไปยิ้มให้ แต่เพื่อนเธอกลับทำเป็นมองไม่เห็น ทำให้เธอรู้สึกหน้าเสียอยู่บ้าง เธอรอจนกิจกรรมจบก็ไม่มีเพื่อนคนไหนเข้ามาชวนเธอไปฉลองเลยสักคน มีแค่เพื่อนผู้ชายที่เดินเข้ามาพูดคุยและชวนเธอไปฉลองด้วยกัน แต่เธอก็ไม่ได้ไปด้วย ตอนนี้เป็นเวลา หกโมงเย็นแล้ว เธอเดินมาที่ป้ายรถเมล์ เพื่อรอรถกลับบ้าน สุดท้ายเธอก็ยังคงอยู่คนเดียวเหมือนเดิม เธอได้ยินเสียงฟ้าร้อง และฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก ดีที่ตัวเธอเองพกร่มไว้ตลอด เพราะช่วงนี้เป็นหน้าฝน นาที่เดินตามหลังแก้มหอมออกมาโดยที่ไม่ให้แก้มหอมรู้ตัว ที่จริงเธออยากจะให้ผู้ชายมาฉุดยัยแก้มหอมไปซะ ตอนนี้จิตใจของเธอมีแต่ความอิจฉา และหงุดหงิดทุกครั้งที่มองเพื่อนสาวคนนี้ เธอเดินมาอยู่ด้านหลังแก้มหอมที่กำลังยืนรอรถเมล์อยู่พอดี เธอเห็นว่ามีรถที่กำลังวิ่งมาด้วยความเร็ว โดยที่เธอไม่ทันคิด เธอได้ยื่นมือผลักไปที่หลังของแก้มหอม ทำให้เธอล้มลงไปบนถนน แล้วตัวของเธอก็รีบวิ่งหนีไปทันที โดยที่ไม่ได้หันกลับมามองตรงที่แก้มหอมล้มลงไปอีกเลย แก้มหอมที่ยืนรอรถเมล์อยู่คนเดียวตรงป้ายรอรถ เธอรู้สึกว่ามีคนผลักเธอจากด้านหลัง ทำให้เธอล้มลงไปบนถนน เธอหันไปมองคนที่ผลักเธอล้มลง ก็เห็นหลังของคนนั้น เธอก็รู้แล้วว่าใครที่เป็นคนทำร้ายเธอ คนที่เธอคิดว่าเป็นเพื่อน คนที่เธอไว้ใจ เธอได้ยินเสียงเบรกของรถและแสงไฟของหน้ารถที่พุ่งเข้ามาชนไปที่ตัวเธอ สิ่งนั้นคือความจำครั้งสุดท้ายที่เธอจำได้ “แก้มหอม ตื่นได้แล้วลูก” “แม่ แม่เหรอคะ” เธอได้ยินเสียงปลุกที่คุ้นเคยที่เคยปลุกเธอทุกครั้ง “ใช่แล้วนี่แม่เอง ลูกรีบตื่นได้แล้ว แม่และพ่อดีใจกับลูกด้วยที่ลูกเรียนจบแล้ว วันนี้เราจะมาฉลองกัน” แก้มหอมขยี้ไปที่ตา เพื่อเช็กว่าเธอไม่ได้ตาฝาดไป เป็นพ่อและแม่ของเธอจริงๆ เธอรีบวิ่งเข้าไปกอดท่านทั้งสองด้วยความคิดถึง “หนูคิดถึงพ่อกับแม่นะคะ พ่อกับแม่กลับมาอยู่กับแก้มหอมแล้วใช่ไหม เราจะอยู่ด้วยกัน เราจะไม่จากกันอีกแล้วใช่หรือเปล่าคะ” “นี่พ่อกับแม่เอง พ่อกับแม่จะอยู่กับลูกเสมอนะพวกเราคอยมองลูกอยู่ตลอดเวลา” แก้มหอมดีใจมากจนลืมฟังสิ่งที่พ่อและแม่ของเธอพูด “แล้ววันนี้เราจะทำอะไรกินกันดีค่ะ เราฉลองวันที่หนูเรียนจบใช่ไหม” “ใช่แล้ว วันนี้พ่อและแม่เตรียมของกินและของขวัญไว้ให้ลูกสาวของแม่ด้วย มีแต่ของที่ลูกชอบทั้งนั้นเลย รีบลุกขึ้นมากินข้าวได้แล้ว ถ้าไม่อย่างนั้นแม่จะเสียใจเอานะ” แก้มหอมรีบลุกขึ้นมาจากที่นอน เธอวิ่งเข้าไปอาบน้ำและลงไปกินข้าวพร้อมกับครอบครัว “นี่ของขวัญวันเรียนจบของลูก พ่อกับแม่ตั้งใจเลือกมาเป็นพิเศษเพื่อลูกเลย” เธอยื่นมือไปรับของขวัญที่ห่อด้วยกระดาษลายสวยงามสีชมพู “หนูเปิดเลยนะคะ” เธออดใจรอที่จะเปิดของขวัญชิ้นนี้ดูไม่ไหว เธอเปิดออกมาก็เห็นเป็นโทรศัพท์มือถือรุ่นที่เธออยากได้มานาน “พ่อกับแม่ให้โทรศัพท์กับแก้มหอมจริงๆ เหรอคะ โทรศัพท์เครื่องนี้มันแพงมากเลย” “ถึงจะแพงแค่ไหน พ่อและแม่ก็สามารถซื้อให้ลูกสาวคนเดียวของแม่ได้ ลูกอยากได้โทรศัพท์เครื่องนี้มานานแล้วไม่ใช่เหรอ ลูกดีใจหรือเปล่า” “หนูดีใจมากเลยค่ะ ตั้งแต่เกิดมาหนูไม่เคยได้ของขวัญที่ดีขนาดนี้มาก่อนเลย ขอบคุณมากนะคะ” เธอกอดพ่อและแม่พร้อมกัน “พ่อก็รักลูก ลูกเป็นเด็กดีมาก เหนื่อยมากเลยใช่ไหมลูกทำได้ดีมากเลยนะครับ” เธอได้ฟังที่พ่อเธอถามมันทำให้เธอน้ำตาไหลออกมา “หนูไม่เหนื่อยเลยค่ะ หนูแค่เหงามาก แต่ตอนนี้พ่อกับแม่มาอยู่กับแก้มหอมแล้ว แก้มหอมก็จะมีความสุขทุกวันเลยค่ะ ต่อให้ทำงานหนักแค่ไหนแก้มหอมก็ทนได้เสมอ” “เด็กดีของแม่ เข้มแข็งเหมือนแม่เลย” วันนี้เธอมีความสุขมาก เธอได้ของขวัญเป็นโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ที่เธออยากได้มานาน เธอเป็นเด็กสาวที่ชอบของพวกนี้อยู่เหมือนกัน แต่เพราะเงินของเธอไม่ได้มีเยอะ และเธอต้องเตรียมเงินไว้เรียนต่อมหาลัย เธอจึงตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป “พ่อกับแม่รู้ได้ยังไงค่ะ ว่าแก้มหอมอยากได้โทรศัพท์เครื่องนี้อยู่พอดี” “อะไรที่ลูกอยากได้ ทำไมพ่อคนนี้ถึงจะไม่รู้ละ พ่อกับแม่คอยเฝ้าดูลูกอยู่เสมอเลย รีบนอนได้แล้ว” “วันนี้พ่อกับแม่จะนอนกับแก้มหอมใช่ไหมค่ะ ถ้าแก้มหอมตื่นขึ้นมาพ่อกับแม่ก็จะยังคงอยู่กับแก้มหอมใช่ไหม?” “พ่อกับแม่อยู่กับลูกเสมอ อยู่ในนี้ไง” แม่เธอเอามือมาทาบไว้ที่หัวใจของเธอ แก้มหอมน้ำตาไหล เธอนึกออกแล้ว พ่อกับแม่จากเธอไปตั้งนานแล้วตอนนี้ท่านไม่ได้อยู่กับเธออีกแล้ว “ถ้าแก้มหอมนอน และตื่นขึ้นมา แก้มหอมจะไม่เจอพ่อกับแม่แล้วใช่ไหมคะ” เธอพูดไปพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาด้วยความเศร้าเสียใจ “แม่ขอโทษ..พวกเราไม่สามารถอยู่กับลูกได้อีกแล้ว แต่ลูกจะเจอคนที่รักลูกอย่างแน่นอน ดูแลตัวเองดีๆ ลูกสาวคนสวยของแม่เก่งอยู่แล้ว แม่รักลูกมากนะ” “พ่อก็รักลูกเหมือนกัน พ่อจะคอยดูลูกอยู่ตลอดเวลา นางฟ้าตัวน้อยของพ่อ” หลังจากคำพูดที่พ่อของเธอพูดจบไป หนังตาของเธอก็รู้สึกหนักขึ้นมา และเธอก็หลับไปในที่สุดเวลาผ่านไปหนึ่งปีที่เธออยู่เมืองหลวง ตอนนี้ลูกชายของเธอหัดเดินได้สองสามเดือนแล้ว เขาพูดเรียกแม่และพ่อได้เก่งขึ้น แต่ก็ยังพูดไม่ชัดเท่าไหร่นัก เขาซนเป็นอย่างมากในช่วงนี้ เดือนหน้าอี้เฉิงจะพาเธอไปไหว้หลุมศพพ่อกับแม่ของเขา และยังจะพาไปหาท่านลุงของเขาที่เป็นเจ้าสำนักเงาดารา อี้เฉิงได้เล่าให้เธอฟังว่า เขาได้สละตำแหน่งเจ้าสำนักให้ท่านลุงของเขาดูแลไปแล้ว เขาแค่ดูแลสำนักคุ้มภัยทั้งหมดเท่านั้น เขาอยากมีเวลาอยู่กับครอบครัวให้มากขึ้น เขาไม่อยากทำเรื่องที่มันเสี่ยงอันตรายมากเกินไปนักเวลาผ่านมาอีกหนึ่งเดือน อี้เฉิงก็พาเธอ และลูกรวมทั้งป้าลี่ซือเดินทางไปที่สำนักเงาดาราครั้งแรก เธอให้พี่ลี่หลินคอยช่วยงานหลีชางดูแลร้านค้าเครื่องหอมเหมยฮวาที่เมืองหลวง และมีบ่าวรับใช้อีกหลายคนที่เป็นงานแล้วคอยสลับกันไปช่วยอยู่บ่อยครั้ง ส่วนเรื่องการทำสินค้าเธอให้พี่ลี่หลินเป็นคนดูแลทั้งหมด เธอจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เธอจึงเดินทางไปที่อื่นได้อย่างสบายใจเดินทางอยู่สิบห้าวัน เธอก็มาถึงสำนักเงาดารา ท่านเจ้าสำนัก ซึ่งก็คือลุงของอี้เฉิงได้ออกมาต้อนรับพวกเธอ“อี้เฉิง หลานกลับมาแล้ว ลุงได้ข่าวมาว่าหลานได้ลูกชายใช่หรือ
“ข้าไม่ใช่คนที่โลกใบนี้หรอก ข้าเป็นคนที่อยู่ในโลกอนาคตที่แสนไกล ในอีกหลายร้อยปี ข้าเป็นคนที่มาจากประเทศอื่น ที่ไม่ใช่ประเทศจีนแห่งนี้ ที่นั่นข้าพูดอีกภาษาหนึ่ง ไม่ใช่ภาษาที่ข้าพูดอยู่ในตอนนี้ และที่นั้นข้าไม่มีครอบครัว ข้าอยู่ตัวคนเดียว จนวันหนึ่งข้าได้มาอยู่ในที่แห่งนี้ด้วยเหตุผลบางอย่าง” “เหตุผลอะไรหรือ” เขาตั้งใจฟังที่เหมยฮวาพูดให้เขาฟัง เรื่องที่นางเล่าให้เขาฟังมันเป็นเรื่องที่อัศจรรย์มาก“ข้าโดนเพื่อนที่ข้าไว้ใจทำร้าย ข้าคิดว่าตัวเองตายไปแล้ว แต่ข้าก็ได้โอกาสกลับมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ในที่แห่งนี้ ท่านว่าแปลกหรือไม่ เราอยู่คนละที่กันเลย แต่ก็มาพบเจอกันได้ ท่านอาจเป็นคู่ที่ท่านแม่และท่านพ่อของข้า เลือกให้ข้าก็ได้” “ท่านแม่ของเจ้าอาจจะเห็นความดีของข้าก็ได้” “แต่ข้ารู้มาว่า สำนักของท่านเป็นนักฆ่าไม่ใช่หรือ ท่านก็ไม่น่าจะใช่คนดีเท่าไหร่นัก” “แต่ตอนที่เจ้าเจอข้า ข้าเป็นแค่พรานป่าตัวน้อยๆ เท่านั้น” “อี้เฉิง ท่านเข้าใจผิดแล้ว ท่านตัวใหญ่กว่าหมีเสียอีก” เธอขำคำพูดของเขาที่บอกว่าตัวของเขาเล็ก ตอนเจอเขาครั้งแรก เขาน่ากลัวมาก เธอนึกว่าเขาเป็นโจรป่าเสียอีก“ข้าตัวน้อยเสมอเมื่ออยู่กับ
ตอนนี้ลูกชายของเธออายุได้หนึ่งเดือนแล้ว แผลที่เกิดจากการคลอดลูกก็ดีขึ้นมากแล้ว เธอรู้สึกว่าร่างกายของเธอฟื้นฟูกับมาเกือบเป็นปกติแล้ว เธอนั่งเล่นกับลูกน้อยของเธอ ในตอนที่ทุกคนไม่อยู่กับเธอ เธอก็จะเอากล้องที่ใช้แต้มซื้อมาถ่ายรูปเธอและลูกชายของเธอ เธอต้องขอบคุณคุณยายท่านนั้นที่ช่วยให้เธอกลับมาคลอดลูกของเธอได้ ถ้าไม่มีคุณยายในวันนั้น เธอและลูกน้อยก็คงเสียชีวิตไปแล้วลูกชายของเธอที่กินนมจากเต้าของเธอก็แข็งแรงมากขึ้นทุกวัน ตัวเขาอ้วนนัก ใครเห็นก็อยากกอด และเอ็นดูเด็กน้อยคนนี้ อี้เฉิงอยากให้เธอไปกราบไหว้หลุมศพพ่อ และแม่ของเขา เธอคิดว่าก็ดีเหมือนกัน ฮุ่ยหมิ่งจะได้พบ และกราบไหว้หลุมศพคุณตาคุณยาย ให้พวกท่านทั้งสองคุ้มครองครอบครัวของเธอ“เจ้าทำอะไรกันหรือ” อี้เฉิงเดินเข้ามาในห้องเห็นเหมยฮวานั่งเล่นอยู่กับลูกชาย“ข้าก็กำลังเล่นกับลูกอยู่ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง ทำงานเหนื่อยหรือไม่” ตั้งแต่เขากลับมา เธอก็แทบไม่ต้องทำอะไรเลย เพราะเขาจะเป็นคนดูแลครอบครัวทั้งหมด เขาไม่อยากให้เธอไปลำบาก มีบางครั้งที่เธอเข้าไปดูร้านและออกสินค้าใหม่ๆ ออกมาบ้าง“ข้าจะเหนื่อยได้อย่างไร ข้าก็แค่เข้าไปดูบัญชีเท่านั้น” เขา
“ทุกคนปลอดภัยแล้วเจ้าคะ ทั้งเด็กและก็แม่เด็ก” หมอทำคลอดตบก้นเด็กทารกที่เพิ่งคลอดออกมา จนมีเสียงร้องออกมา“เป็นเด็กผู้ชายเจ้าคะ ร่างกายแข็งแรงดีทั้งแม่และลูก” หมอทำคลอดพูดบอกกับคนที่รอฟังข่าวอยู่หน้าห้องเหมยฮวาหลังจากที่ได้ยินเสียงร้องของลูกเธอแล้ว เธอก็หลับลงไปอีกครั้ง ด้วยความเหนื่อยล้าที่เกิดจากการคลอดลูก“เจ้าไปตามหมอมาดูภรรยาของข้า นางหลับไปอีกแล้ว นางจะเป็นอะไรหรือไม่” อี้เฉิงที่อยู่ข้างเหมยฮวาตลอด เขาเห็นว่านางตื่นขึ้นมาและหลับลงไปอีกครั้งหมอทำคลอดที่อยู่ใกล้ ก็จับชีพจรของนายหญิง เธอเห็นว่าปกติดี“นายหญิงเพียงแค่หลับไปเพราะความเหนื่อยล้าจากร่างกายเท่านั้นเจ้าคะ ตอนนี้นายหญิงปลอดภัยแล้ว” เธอบอกอาการของนายหญิงให้นายท่านได้ฟัง เพื่อคลายความเป็นกังวลอี้เฉิงหลังจากที่รับรู้ว่าภรรยาของเขาปลอดภัยแล้ว เขาก็ให้คนเข้ามาเอาผ้าเช็ดตามเนื้อตัวของเหมยฮวา เหมยฮวาไม่ชอบให้ร่างกายตัวเองสกปรกเท่าไหร่นัก หลังจากเปลี่ยนชุดเสร็จแล้ว เขาก็อุ้มนางไปอีกห้อง เพื่อรอให้นางตื่น และทำการอยู่ไฟหลังคลอดหนึ่งเดือน“นายท่านอยากดูนายน้อยหน่อยไหมเจ้าคะ หน้าตาของเขาเหมือนนายหญิงยิ่งนัก” อี้เฉิงได้ยินแ
ลูกชายคงจะโมโหเขา ที่เขารังแกแม่ของเขาไปเสียนาน เขาใส่เสื้อผ้าให้เหมยฮวาและหอมแก้มของนาง และลูกน้อยที่อยู่ในท้อง เขานอนกอดเหมยฮวา และหลับไปพร้อมกันตอนสายของอีกวัน เหมยฮวาตื่นเช้าขึ้นมาก็ไม่เห็นคนที่นอนอยู่ด้านข้างเธอเสียแล้ว เธอรู้สึกปวดเมื่อยร่างกาย และหิวมาก เธอจึงค่อยๆ ลุก และเดินออกมาด้านนอกห้องนอน“นายหญิงตื่นแล้วหรือเจ้าคะ ข้ากำลังเตรียมเอาอาหารไปให้ท่านอยู่พอดี” ลี่หลินที่วันนี้ไม่ได้ไปที่ร้านเครื่องหอมถามนายหญิงที่เดินออกมาจากห้องนอนพอดี“พี่ลี่หลินเองหรือ ท่านไม่ได้ไปร้านเครื่องหอม” “วันนี้ข้าไม่ได้ไปเจ้าคะ เป็นบ่าวอีกคนหนึ่งไปแทนข้า นายหญิงหิวหรือไม่ ท่านตื่นสายเช่นนี้ต้องหิวเป็นแน่ ข้าทำอาหารไว้รอท่านตั้งหลายอย่าง” “ท่านช่างรู้ใจข้าเสียจริง ข้ากำลังหิวอยู่พอดี ข้าขอไปล้างหน้า อาบน้ำเสียหน่อย ข้าจะออกไปกินอาหาร” เธอบอกพี่ลี่หลินเสร็จแล้วก็เดินเข้ามาในห้องนอน เพื่ออาบน้ำล้างหน้า เธอถอดเสื้อผ้าก็เห็นรอยแดงที่อี้เฉิงทำไว้เมื่อคืนนี้ เขานี่ไปอดอยากมาจากที่ไหนกัน แต่เธอยอมมีอะไรกับเขา ก็ดีกว่าให้เขาไปหาสาวอื่นมาปลดปล่อย ดีที่อี้เฉิงตั้งแต่เกิดเรื่องนั้นก็ไม่เคยเห็นเขาชายต
ช่วงนี้เธอใช้ชีวิตอยู่แต่บ้าน ไม่ค่อยได้ออกไปไหนมากนัก แต่ละวันที่ผ่านไปเธอไม่กินก็จะนอน จนเธอจะอ้วนเป็นหมูแล้ว ตั้งแต่ที่เธอท้องก็ทำให้ร่างกายของเธอขยายมากขึ้นไปอีก จากตอนแรกที่เธอผอม ตอนนี้เธอมีน้ำมีนวล เปล่งปลั่งเหมือนสาวน้อยแรกรุ่น ที่จริงเธอก็เพิ่งอายุสิบเก้าเท่านั้น ก็ยังไม่ได้แก่เท่าไหร่นัก แต่คนยุคนี้จะแต่งงานกันตั้งแต่อายุสิบห้ากันแล้ว เกินสิบหกก็จะหาคู่ยาก ไม่เหมือนโลกเก่าของเธอ อายุสิบห้าถือว่ายังเด็กนัก แต่งตอนอายุยี่สิบห้าก็ยังไม่แก่เลยด้วยซ้ำ เธอนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย เธอเพิ่งกินข้าวเสร็จ และเดินวนรอบบ้านไปหนึ่งรอบ โดยอยู่ภายในสายตาของบ่าวรับใช้ที่อยู่ภายในบ้าน และตอนนี้บริเวณรอบบ้าน อี้เฉิงก็ให้คนที่สำนักคุ้มภัยมาคอยเฝ้าที่หน้าร้านและหน้าประตูบ้านอยู่หลายคนเธอเดินจนเหนื่อยแล้ว เธอก็เข้ามาในห้องและนอนหลับไป ตอนที่เธอหลับอยู่เธอรู้สึกว่ามีใครมาจับหน้าอกของเธอ เธอจึงลืมตาตื่นขึ้นก้มลงไปมองตรงหน้าอกของเธอ ก็เห็นว่าเป็นอี้เฉิงนั่นเอง“ท่านทำอะไรอยู่ ใยท่านถึงได้มากวนข้า” เธอถามเขาหลังจากเห็นเขาเอาหน้ามุดเข้ามาในเสื้อของเธอ เพื่อดูดดึงยอดอกที่ขยายใหญ่ขึ้นมาก“ข้าทำเจ้า
“ท่านตื่นแล้วหรือ เป็นอย่างไรบ้าง ยังเจ็บบาดแผลอยู่หรือไม่” เธอถือถ้วยข้าวต้มที่พี่ลี่หลินทำเอาไว้ก่อนที่จะออกไปขายของที่ร้านเครื่องหอม นำมาให้เขาได้กิน“ข้าดีขึ้นมากแล้ว เจ้าไม่โกรธข้าแล้วหรือ” “โกรธสิ ข้าโกรธที่ท่านไม่หลบข้าเมื่อคืนนี้ ท่านอยากตายหรือไร ใยท่านต้องทำถึงขนาดนั้นด้วย” “ใครกันจะอยากตาย แต่เจ้าก็ไม่ฟังเหตุผลของข้าเลย ข้าจึงต้องทำเช่นนั้น ตอนนี้เจ้าให้อภัยข้าได้หรือไม่ ลูกของเราก็กำลังจะเกิดมาแล้ว เขาจำเป็นต้องมีพ่อ” เขาพูดขอโทษกับนางอีกครั้ง เขาไม่คิดว่านางจะใจแข็งเช่นนี้“ข้าให้อภัยท่านก็ได้ แต่ถ้ามีครั้งหน้า ข้าจะพาลูกหนีท่านไม่ให้ท่านหาพวกข้าเจอได้อีก” เขาได้ยินแบบนั้นก็ดีใจมาก เขาดีใจจนลืมไปว่าตัวเองบาดเจ็บอยู่ “โอ้ย! เจ็บ” “ท่านทำไมต้องดีใจขนาดนั้น เป็นอย่างไรบาดแผลของท่านเลือดออกเลย เห็นหรือไม่ ท่านต้องเปลี่ยนผ้าพันแผลใหม่ทุกวัน ท่านหมอบอกมา” “ข้าบาดเจ็บเช่นนี้ เจ้าเปลี่ยนผ้าพันแผลให้ข้าได้หรือไม่” เขาอยากอ้อนนาง เขาดีใจมาก ถือว่าการบาดเจ็บครั้งนี้ของเขาไม่เสียเปล่าแล้ว“ก็ได้ ข้าเห็นว่าท่านบาดเจ็บมาก ข้าจะทำแผลและพันแผลให้ท่านใหม่เอง แต่ท่านต้องกินข้า
“ข้ากลัวว่าข้าจะไม่มีโอกาสนั้น ข้าขอโทษเจ้าจริงๆ ที่จริงข้าอยากบอกกับเจ้าหลายอย่าง ผู้หญิงคนนั้นที่เจ้าเห็น ข้าไม่เคยรักนาง นางเป็นคนที่ทำร้ายข้า ข้ากลัวว่านางจะมาทำร้ายเจ้า ข้าจึงได้ทำเช่นนั้นลงไป ข้ามันโง่เสียจริง หวังว่าเจ้าคงไม่โกรธข้า เจ้าให้อภัยข้าได้หรือไม่” “ข้ารู้แล้ว ข้าไม่โกรธท่านแล้ว ท่านอย่าพูดอีกเลย เดี๋ยวท่านหมอก็มาแล้ว ท่านจะต้องไม่เป็นอะไร” “ข้าง่วงเหลือเกิน ข้าขอนอนสักพักได้หรือไม่” “ไม่ได้! ท่านห้ามหลับเด็ดขาด ถ้าท่านหลับข้าจะไม่ให้อภัยท่าน ลูกก็จะโกรธท่านเช่นกัน” เธอพูดตอบเขาเสียงสั่น เธอไม่น่าเลย ถ้าเธอยอมที่จะพูดคุยกับเขา เขาก็คงไม่เจอเรื่องเช่นนี้“นายหญิงท่านหมอมาแล้วเจ้าคะ” ลี่หลินรีบวิ่งเข้ามาบอกนายหญิง ที่นั่งร้องไห้กอดนายท่านอยู่ภายในห้องนอน“พวกเจ้าออกไปก่อน ข้าจะดูแลคนเจ็บเอง พวกเจ้าเตรียมน้ำอุ่นเอามาให้ข้าด้วย” “ข้าเตรียมน้ำอุ่นมาแล้วท่านหมอ” ลี่ซือเอาน้ำอุ่นที่เตรียมไว้พร้อมผ้าสะอาด นำไปวางไว้ภายในห้องของท่านหมอ“ข้าจะอยู่กับเขา ให้ข้าอยู่กับเขาได้หรือไม่” “เจ้าอยู่กับเขา ก็ไม่สามารถช่วยอะไรเขาได้หรอก เจ้าออกไปอยู่ด้านนอกนั่นแหละ ข้ารักษาเข
เธอส่งไซมอนกลับไปได้สักพักหนึ่งแล้ว เธอช่วยทุกคนเก็บร้านและเตรียมของเอาไว้ขายในวันพรุ่งนี้ กว่าที่เธอจะได้กลับไปพักที่โรงเตี๊ยมก็เป็นยามซวี ท้องของเธอก็แข็งเป็นพักๆ ลูกของเธอคงจะเหนื่อยมากในวันนี้ เธอให้หลีชางไปส่งพวกเธอที่โรงเตี๊ยม และให้เขากลับมานอนเฝ้าที่ร้านเครื่องหอม เธอจึงกลับไปพักกับพี่ลี่หลิน และป้าลี่ซือ ซึ่งสองแม่ลูกก็นอนพักอยู่ในห้องเดียวกัน ทุกคนกินข้าวมาจากที่ร้านเครื่องหอมจนอิ่มแล้ว ก่อนที่จะมาพักในโรงเตี๊ยม จึงแยกย้ายกันไปพักผ่อน“นายหญิงหิวไหมเจ้าคะ เดี๋ยวข้าต้มข้าวต้มและทำกับข้าวไว้ให้ท่านทานยามดึก เผื่อว่าท่านจะหิว” ลี่ซือกลัวว่าถ้านายหญิงหิวตอนกลางดึกจะไม่มีอะไรกิน“ก็ดีเหมือนกัน ท่านไม่ต้องทำไว้เยอะมากก็ได้” เธอตอบป้าลี่ซือกลับไป ที่จริงถ้าเธอหิว เธอก็แค่ซื้อของจากร้านค้าในโทรศัพท์ของเธอมากินก็ได้หลังจากที่ป้าลี่ซือเตรียมอาหารไว้ให้เธอจนเสร็จแล้ว ทุกคนก็เตรียมตัวกันเข้าไปนอนตามห้องของตัวเอง เธออาบน้ำจนสบายตัว และเตรียมตัวจะเข้าไปพักผ่อน แต่ก็แปลกที่วันนี้อี้เฉิงไม่ได้มากวนใจเธอเหมือนอย่างเช่นทุกวัน เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว เขาคงถอดใจไปแล้วก็ได้เธอเปิดเข้ามาในห้องนอ
Comments