เธอและเขาก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีกระหว่างทางที่เกวียนวิ่งไปเรื่อยๆ มีแค่เธอที่มองสองข้างทางอย่างสนอกสนใจ ที่นี่สองข้างทางมีแค่ป่า ทางที่เอาไว้สำหรับใช้เดินทางก็เป็นทางง่ายๆ มีหลุมตลอดทาง เวลาเกวียนวิ่งไปทำให้เธอรู้สึกเจ็บทุกครั้งที่เกวียนวิ่งผ่านหลุมเหล่านั้น เธอคิดในใจว่าเมื่อไหร่จะถึงเสียที
อี้เฉิงมองไปที่หญิงสาวที่มองดูตลอดสองข้างทาง เหมือนคนไม่เคยเห็น และทำหน้าเจ็บปวดทุกครั้งที่เกวียนวัวคันนี้ขับลงหลุมที่มีอยู่ตลอดเส้นทาง เขามองนางและคิดว่านางคงไม่เคยพบเจอกับความลำบากมาก่อนหรือเปล่า เขาคิดอะไรเพลินๆ ก็ถึงประตูเข้าเมือง เขาจ่ายค่าผ่านทางและบอกให้คนขับเกวียนขับไปที่ร้านอาหารตระกูลฉิ่น “ถึงร้านอาหารตระกูลฉิ่นแล้ว” อี้เฉิงเดินลงมาจากรถเกวียนวัว ลูกจ้างที่กำลังทำความสะอาดอยู่หน้าร้านก็วิ่งเข้าไปตามหลงจู๊ออกมา เพราะร้านอาหารตระกูลฉิ่นกับอี้เฉิงซื้อขายกันบ่อยครั้ง “หลงจู๊ขอรับ นายพรานอี้เฉิงมาหาขอรับ” “นายพรานอี้เฉิงมาหรือ เจ้าเรียกเขาเข้ามาข้างในร้านเลย” “ได้ขอรับ” ลูกจ้างเดินออกไปเรียกอี้เฉิงให้เข้ามาคุยภายในร้าน แต่อี้เฉิงบอกว่ามีสินค้าชิ้นใหญ่นำมาขายเอาออกมาวางข้างนอกไม่ได้ “นายพรานอี้เฉิงให้คนขับเกวียนเข้าไปด้านหลังร้านได้เลยขอรับ” “ข้าจะไปรอหลงจู๊ด้านหลังร้าน” อี้เฉิงบอกกับลูกจ้างคนนั้น ลูกจ้างผู้นั้นรีบเดินเข้าไปรายงานหลงจู๊ หลงจู๊ที่ได้ฟังรายงาน ของที่ล่าได้วันนี้ที่นายพรายอี้เฉิงนำมาขายต้องเป็นของหายากอย่างแน่นอน เขาต้องรีบออกไปต้อนรับเสียแล้ว “เจ้าไปรายงานนายท่านว่านายพรานอี้เฉิงมีสินค้าชิ้นใหญ่มาขาย” หลงจู๊สั่งงานกับลูกน้องเสร็จแล้วเขาก็รีบเดินมาด้านหลังร้านทันที “ข้าต้องทำให้รอนานหรือไม่ท่านนายพรายอี้เฉิง วันนี้ท่านมีของดีอะไรมาขายให้ที่ร้านเล็กๆ ของเรากัน” “ท่านก็พูดไป ถ้าร้านของหลงจู๊เล็กก็ไม่มีร้านที่ไหนใหญ่ไปกว่านี้แล้ว” หลงจู๊หัวเราะกับคำตอบของอี้เฉิง “ไม่ทราบว่าสิ่งใดกันที่ท่านนำมาขายให้กับร้านของเรา” “ท่านลองดูเองเถิดว่าสิ่งนี้พอจะเรียกว่าชิ้นใหญ่ได้หรือไม่” หลงจู๊เดินไปดูที่หลังรถเกวียนวัวคันนั้น เขาเปิดใบไม้ที่คลุมอยู่ออก ก็เห็นเป็นหมีตัวใหญ่ เป็นหมีตัวเมีย ถ้าแยกชิ้นส่วนออกขายร้านเขาสามารถทำราคาเพิ่มขึ้นได้ “ของชิ้นใหญ่จริงๆ ตอนนี้ข้าให้ลูกน้องไปเรียกนายท่านเจ้าของร้านมาแล้ว ท่านโปรดรอสักครู่” อี้เฉิงรอไม่นาน ก็เห็นเจ้าของร้านเดินออกมา เจ้าของร้านฉิ่นจางหย่ง เป็นชายหนุ่มหน้าหวานแต่สายตาว่องไว เหมาะสมกับคนทำการค้า “ต้องทำให้ท่านนายพรานอี้เฉิงรอนานแล้ว ข้าขอดูสินค้าของท่านได้หรือไม่” “เชิญท่านฉิ่นจางหย่งลองเปิดดูสินค้าก่อน” จางหย่งเปิดดูสินค้าเป็นหมีตัวใหญ่ เขาก็มีราคาขึ้นมาในหัวทันที เขาต้องการเนื้อหมีอยู่พอดี เพราะอีกไม่กี่วันจะมีคนชั้นสูงมาเปิดห้องที่ร้านอาหารของเขา และต้องการกินเนื้อหมีซึ่งเป็นของหายาก “ข้าขอบอกท่านตามตรง ทางเราก็กำลังต้องการเนื้อหมีอยู่พอดี ท่านเสนอขายในราคาเท่าไหร่” “ข้าให้ท่านเป็นคนเสนอราคาดีกว่า วันนี้ข้าต้องรีบกลับบ้าน เลยไม่ได้ไปที่อื่น มุ่งตรงมาที่ร้านของท่านโดยตรง ท่านคิดว่าควรให้ราคาข้าเท่าไหร่ดี” อี้เฉิงพูดออกไปและบอกถึงเหตุผลที่เขานำหมีมาขายให้ร้านฉิ่น ถ้าเขาแยกชิ้นส่วนขายเขาจะขายได้ราคาที่ดีกว่า จางหยงเข้าใจถึงคำพูดที่อี้เฉิงกล่าวออกมา เขามองไปด้านข้างรถเกวียนวัวก็เห็นหญิงสาวนางหนึ่ง นางมีใบหน้าน่ารัก และตัวขาวผ่อง เขาเผลอมองไปที่นางนานไปหน่อย จนได้ยินเสียงไอเบาๆ ของอี้เฉิงดังขึ้นมา “ข้าขอแนะนำให้ท่านรู้จัก คนนี้ภรรยาของข้าเอง มีนามว่าเหมยฮวา ที่ข้าต้องรีบขายหมีเพราะข้าอยากพานางกลับไปที่บ้านเร็วขึ้น” เหมยฮวามองไปที่อี้เฉิง ส่งสายตาเป็นคำถามว่า ทำไมท่านต้องบอกว่าเธอเป็นภรรยาด้วย? อี้เฉิงเห็นสายตาของเหมยฮวา เขาก็ทำเป็นไม่สนใจ “อ่อ ที่แท้แม่นางคนนี้ก็เป็นภรรยาของท่านนี่เอง ข้าชื่อฉิ่นจางหย่ง ยินดีที่ได้รู้จักกับแม่นางเหมยฮวา” “ข้าเหมยฮวาก็ยินดีที่ได้รู้จักกับท่านฉิ่นจางหย่งเช่นกัน” เธอตอบออกไป พร้อมกับสำรวจชายหนุ่มตรงหน้า เธอคิดในใจว่า ผู้ชายจีนสมัยก่อนต้องหล่อขนาดนี้เลยหรือเนี่ย ผู้ชายที่ชื่อจางหย่งมีหน้าตาที่หล่อเหลาคล้ายบัณฑิต และมีรูปร่างสูงเพรียว จางหย่งรู้สึกเสียดายที่หญิงสาวมีสามีเสียแล้ว เขาไม่ใช่ว่าจะถูกใจหญิงสาวได้ง่าย แต่พอถูกใจหญิงสาวสักคนก็มีเจ้าของเสียแล้ว “ข้าเสนอราคาให้ท่าน หนึ่งร้อยตำลึงทองเป็นอย่างไร” อี้เฉิงคิดราคาไว้ในใจแล้วว่าไม่น่าจะเกินหนึ่งร้อยตำลึงทอง “ตกลง หนึ่งร้อยตำลึงทอง ข้าขอแลกเงินเป็นตำลึงเงินสองร้อยตำลึงเงิน ที่เหลือข้าขอเป็นตั๋วเงินทั้งหมด” “ตกลงตามที่ท่านว่า หลงจู๊ท่านไปนำตั๋วเงินและตำลึงเงินมาสองร้อยตำลึงเงิน และเรียกคนมาขนหมีตัวนี้ลงจากเกวียนวัวคันนี้ด้วย” “ได้ขอรับนายท่าน” หลงจู๊ไปทำตามคำสั่งเจ้านาย และเดินออกมาพร้อมกับส่งตั๋วเงินและตำลึงเงินให้ผู้เป็นนาย จางหย่งส่งตั๋วเงินและตำลึงเงินให้อี้เฉิง อี้เฉิงรับมาก็เก็บเข้ากระเป๋าทันทีโดยไม่ได้นับ “ท่านไม่นับหน่อยหรือ” “ข้าไว้ใจท่าน เรายังต้องทำการค้ากันอีกนาน” จางหย่งหัวเราะ “ดี ข้าชอบคนเช่นท่านจริงๆ ท่านจะเข้าไปทานอาหารด้านในหรือไม่ข้าให้เด็กๆ เตรียมไว้ให้ท่าน “ข้าต้องขอปฏิเสธคำชวนของท่านจางหย่งเสียแล้ว ข้าต้องรีบพาภรรยาของข้ากลับบ้าน เพราะนางคงจะเพลียมาก” อี้เฉิงพูดออกไปพร้อมกับมองไปที่เหมยฮวา เหมยฮวาหน้าแดงขึ้นมาทันที เหนื่อยมากอะไร ใช่เธอเดินทางในป่าเหนื่อยมาก แต่เขาไม่จำเป็นต้องพูดคำพูดกำกวมแบบนี้ก็ได้ อีกอย่างเธอก็หิวมาก ตลอดการเดินทางในป่า เธอได้กินแค่ผลไม้เท่านั้น คนใจร้ายนี่ทำไมไม่พาเธอไปหาอาหารกินบ้าง เธอหิวจะตายอยู่แล้ว “ถ้าแบบนั้นข้าไม่รั้งพวกท่านไว้แล้ว เดินทางกลับอย่างปลอดภัย ไว้พบกันใหม่นายพรานอี้เฉิง และแม่นางเหมยฮวา” “ไว้พบกันใหม่เช่นกัน ท่านจางหย่ง” หลังจากกล่าวลาเสร็จ เธอและอี้เฉิงก็ขึ้นมานั่งบนเกวียนวัว อี้เฉิงจ้างคุณลุงให้ไปส่งที่บ้านต่อ “นี่ข้าหิวจะแย่แล้ว ใจคอนายจะให้ฉันอดตายหรือไง” เธอพูดเบาๆ เพื่อให้อี้เฉิงได้ยิน “เจ้าไม่บอกข้า ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่าเจ้าอยากกินข้าว” เธอรู้สึกโกรธจนอยากร้องไห้ออกมา ผู้ชายคนนี้ช่างใจร้ายนัก ถึงเธอจะจน แต่เธอก็ไม่เคยปล่อยให้ตัวเองอดอยาก อี้เฉิงมองไปทางเหมยฮวา ก็นึกสงสาร เขาแกล้งนางมากเกินไปหรือไม่ เขาหันไปบอกกับคนขับเกวียนวัว ให้แวะร้านขายของกินที่ยังเปิดอยู่ เป็นร้านข้าวปั้นชุบไข่ธรรมดา เขาลงไปซื้อมาหลายชิ้น เขาแบ่งให้คนขับเกวียนวัวไปหนึ่งชิ้น เขาส่งข้าวปั้นที่มีขนาดใหญ่ให้เหมยฮวาไปสองชิ้น เขาคิดว่าเธอต้องหิวข้าวมากแน่ๆ เหมยฮวารับมา ใครว่าเธอจะไม่รับ ถึงเธอจะโกรธแต่เธอก็ไม่อยากอดตายด้วยเช่นกัน “ขอบคุณที่หวังดี ถ้าข้าหาเงินได้ข้าจะใช้คืนท่าน” ผู้หญิงคนนี้เห็นว่าเขาเห็นแก่เงินมากนักหรือไง “ลุงแวะร้านผ้าให้ข้าหน่อย ข้าอยากซื้อผ้านวมสักผืน” “ได้ขอรับ” ลุงขับเกวียนตอบออกไปด้วยอารมณ์ที่ดี วันนี้เขาได้เงินตั้งเยอะ เงินที่ได้เท่ากับเขาขับเกวียนแทบทั้งเดือนเลยด้วยซ้ำ แถมยังได้ข้าวชุบไข่มากินอีกด้วยเธอนั่งเกวียนมาอีกสักพักก็ถึงร้านผ้าแห่งหนึ่ง ตอนนี้ใกล้มืดแล้วร้านค้าเก็บของกันไปหมด มีเหลือไม่กี่ร้านเท่านั้น เธอได้สังเกตภายในเมืองแต่ก็มองไม่ค่อยเห็นมากนักเพราะแสงไฟในเมืองไม่ค่อยมี เอาไว้คราวหน้าถ้าเข้ามาในเมืองแห่งนี้อีกเธอจะต้องเดินดูสิ่งของภายในตลาดแห่งนี้บ้างแล้ว“เจ้าเข้าไปเลือกสิ่งของที่เจ้าต้องใช้มาเถอะ ที่บ้านของข้านั้นมีของใช้แค่ชุดเดียวเท่านั้น” ตัวเธอมาแค่ตัวเปล่าๆ ไม่มีสิ่งของอะไรติดตัวมาด้วย มีแค่เสื้อผ้าชุดเดียวเท่านั้น “ถ้าอย่างนั้น ข้าขอยืมเงินท่านซื้อของพวกนี้ไปก่อน รอข้าหาเงินได้ ข้าจะนำมาคืนท่าน” “เจ้าคิดว่าข้าหน้าเงินมากหรือไรของพวกนี้ข้าให้เจ้า เพราะเจ้าต้องช่วยงานข้า” เธอคิดว่ามันสมเหตุผลแล้ว จึงตกลงและเดินเข้าไปเลือกซื้อสินค้าภายในร้านผ้า ร้านผ้าแห่งนี้เป็นร้านผ้าไม่ใหญ่มากนัก และเป็นร้านผ้าร้านเดียวที่ยังเปิดขายอยู่“ร้านผ้าซิ่วอิง ยินดีต้อนรับ ท่านต้องการซื้อสิ่งใดสอบถามกับข้าได้” เธอเดินเข้ามาในร้านผ้า ก็พบเข้ากับเจ้าของร้าน เป็นผู้หญิงอายุน่าจะสี่สิบกว่าแล้ว แต่นางยังดูสวยอยู่ แต่งตัวสะอาดหน้าตาดูใจดี “อยากดูผ้าห่มสำเร็จรูป และเสื้อผ้า”
เธอเข้ามาในห้องนอน ก็เห็นว่าเป็นเตียงเตาที่มีขนาดใหญ่สามารถนอนได้สองคน และรอบๆ ห้องก็ไม่มีสิ่งของอะไรอีก พอตกช่วงกลางคืนอากาศก็จะเริ่มหนาวแล้ว เธอที่อยู่เมืองร้อนมาตลอดไม่ค่อยคุ้นชินกับอากาศที่หนาวเท่าไหร่ เขาจะนอนด้านในหรือด้านนอกกันนะ เธอไม่ถือหรอกถ้าจะนอนเตียงเดียวกัน เธอเป็นหญิงยุคใหม่ และยอมรับอะไรได้ง่ายๆ แค่เขาไม่เข้ามาวุ่นวายกับเธอก็พอแล้ว เธอปูผ้าไปก็หาวิธีหาเงินไปด้วย เธอได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาในห้องก็เป็นเขานั้นเอง“นั่นท่านจะทำอะไร ท่านต้องไปอาบน้ำก่อน ข้าจะไม่ยอมนอนกับคนที่ไม่อาบน้ำ” “เรื่องของเจ้าแต่ข้าจะนอน ข้าเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว” เขากำลังล้มตัวนอน ก็มีแรงดึงมาที่แขน เป็นนางที่พยายามดึงเขา เพื่อให้เขาออกไปอาบน้ำ ที่จริงตัวเขาก็เป็นคนที่รักความสะอาด แต่วันนี้เขาเหนื่อยล้ามาทั้งวันแล้ว เขาอยากจะนอน แต่นางก็ดึงแขนเขาไม่หยุด เขาจึงต้องลุกขึ้นไปอาบน้ำ เขาจะได้เริ่มนอนเสียทีเธอดึงแขนเขาจนเมื่อยแขนไปหมด คนอะไรตัวแข็งขนาดนี้กัน จนสุดท้ายเขาก็ยอมลุกขึ้นไปอาบน้ำ เธอเดินตามออกไป เธออยากรู้ว่าเขาเอาน้ำที่ไหนอาบ“อยากออกมาดูข้าอาบน้ำก็ไม่บอก เจ้ามาอาบน้ำกับข้าก็ได้ ข้าไม่ว่าเ
เธอรีบทำอาหารที่พอทำได้ ดีที่ห้องครัวนี้มีสองเตา เธอจึงใช้หนึ่งเตาหุงข้าวขาวที่มีอยู่เต็มถัง ตอนเด็กเธอเคยอยู่กับยาย ก่อนที่ท่านจะเสียชีวิตเธอก็เคยหุงข้าวบนเตาถ่านแบบนี้อยู่บ้างไม่ใช่เรื่องยากอะไร แถมน้ำข้าวที่ได้ ก็มีประโยชน์อีกด้วย ตอนเช้าเธอหุงข้าว และทำกับข้าวสองอย่าง เธอจุดไฟอีกเตา เธอใช้กระทะแบบมีหูจับสองข้าง เธอหันไปเห็นผักกาดดอง และมีไข่อยู่พอดี เครื่องปรุงของที่นี่ก็ไม่มีอะไรมากนอกจากเกลือและน้ำตาล มีน้ำมันอยู่เต็มถัง เขาเป็นนายพรานสิ่งที่ไม่ขาดแคลนก็คือเนื้อ เธอยังเห็นเนื้อตากแห้ง เธอจึงเริ่มทำผัดผักกาด เธอเอาน้ำมันเทไปบนกระทะ และผัดไข่กับผักกาดปรุงรสแบบง่ายๆ เสร็จแล้วก็ยกลงจากเตา อย่างที่สองเธอนำไข่ที่ตีจนเข้ากันแล้ว นำไปทอดในกระทะให้มีสีเหลืองกรอบดูน่ากินและตักออก เธอยกกระทะลง เธอเอาหม้อที่มีอยู่ในบ้านต้มน้ำใส่เกลือนิดหน่อยปรุงรส เธอใส่เนื้อตากแห้งเคี่ยวจนได้ที่แล้ว ก็เอาไข่ที่ทอดไว้มาหั่นเป็นสี่เหลี่ยม ใส่ลงไปในหม้อ ปิดฝาหม้อและก็เบาไฟลง พร้อมกับข้าวที่สุกพร้อมทานพอดี เธอมองทุกอย่างที่พร้อมแล้ว เธอก็เข้าไปล้างหน้าและเรียกอี้เฉิงให้มากินข้าวพร้อมกัน แต่ที่แห่งนี้ไม่มีแปรงส
เธอตกใจกับค่าแต้มที่ได้มาก ค่าแต้มเสน่หาเธอจะไปทำกับใคร จะไปกอดหรือจูบกับนายพรานหน้าโหดอี้เฉิงนั่นหรือ เธอเปิดดูราคาสินค้าที่เธอต้องการซื้อในตอนนี้ก่อน นั่นคือแปรงสีฟัน เธอทนไม่ได้กับกลิ่นปากของตัวเอง ไม่ใช่เธอมีกลิ่นปากที่เหม็นแต่เธอไม่ชิน ราคาแปรงสีฟันอยู่ที่สามสิบแต้ม และยาสีฟันห้าสิบแต้ม สบู่ห้าสิบแต้ม เธอพักเรื่องการหาแต้มไว้ก่อน เอาไว้เธอจะลองคิดเรื่องนี้อีกที เธอหันไปเห็นอี้เฉิงกำลังเดินมาทางที่เธอนั่งอยู่ เธอรีบเก็บโทรศัพท์ไว้ที่เดิมด้วยการพูดคำว่าเก็บ โทรศัพท์ก็หายไปทันที“ทำไมเจ้าถึงเดินออกมาไกลเช่นนี้ เราต้องไปพบกับผู้ใหญ่บ้านกันแล้ว เจ้าเตรียมตัวให้พร้อม ข้าจะไปรอที่บ้าน” เธอไม่ได้ตอบอะไรเขาไป เธอมัวแต่มองหน้าของเขาอยู่ ถ้าอี้เฉิงโกนหนวดออกไป เขาก็จะเป็นชายที่หน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งเลย ถ้าเขาทำผมให้มันดีๆ ก็คงมีสาวหลายคนยอมที่จะเป็นภรรยาให้เขาแน่อี้เฉิงมองท่าทางเหม่อลอยของเหมยฮวา จึงเรียกเธออีกครั้ง “เจ้าได้ยินที่ข้าพูดหรือเปล่า เจ้าเป็นอะไรกันไม่สบายใช่หรือไม่” เขาเอามือไปจับที่หน้าผากของเหมยฮวาเพื่อวัดไข้ของตัวนาง เพราะเมื่อคืนนางอาบน้ำเย็น นางอาจจะไม่สบายได้เหมยฮวา
“ความจำของข้ากลับมาบ้างแล้ว ตอนข้าไปขายสัตว์ที่ล่าได้ภายในเมือง ข้าเจอเข้ากับภรรยาที่กำลังตามหาข้าอยู่โดยบังเอิญ ข้าจึงพาภรรยาของข้ามาอยู่ด้วย ท่านคงไม่ว่าอะไร” “ข้าจะไปว่าอะไรท่านได้ ข้าดีใจที่ท่านความจำกลับมาบ้างแล้ว แล้วภรรยาของท่านชื่ออะไร” “ข้าชื่อเหมยฮวา ต้องรบกวนเวลาของท่านเสียแล้ว” “พวกเราก็เป็นคนกันเองกันทั้งนั้น มีอะไรช่วยได้ ข้าก็ช่วย วันนี้ข้าว่างอยู่พอดี จะเข้าเมืองเอาชื่อภรรยาของท่านไปลงไว้ที่อำเภอให้” “ขอบคุณท่านผู้ใหญ่บ้านมากขอรับ นี่น้ำใจเล็กๆ น้อยๆ จากข้า ถ้าไม่มีอะไรแล้วข้าขอตัวกลับบ้านก่อน” “น้ำใจอะไร คนกันเองทั้งนั้น” ผู้ใหญ่บ้านจับน้ำหนักของถุงที่ใส่เงิน ก็มีสีหน้าพึงพอใจ เขามองตามหลังของนายพรานอี้เฉิงที่เดินออกจากประตูบ้านไป น่าเสียดายจริงๆ เขาวางแผนไว้ว่าจะให้ลูกสาวคนโตแต่งงานกับนายพรานอี้เฉิง เขาจะได้มีเงินใช้จ่ายไม่ขาดมือ และยังมีเนื้อกินอีกด้วย“ท่านพ่อ นายพรานเขามีภรรยาแล้ว แล้วตัวข้าละ ข้ารอนายพรานอี้เฉิงมาตั้งหลายปีแล้ว ท่านไม่สงสารลูกคนนี้ของท่านบ้างหรือ” หลีถิงพูดเสร็จก็เข้าห้องนอนของเธอไป เธอนั่งร้องให้ เสียใจที่นายพรานที่เธอแอบมีใจให้มีภรรย
แก้มหอมสาวน้อยอายุสิบแปดปี เธอเป็นเด็กสาวกำพร้า ไม่มีพ่อแม่และญาติพี่น้องที่ไหน ก่อนที่พ่อและแม่ของเธอจะเสียชีวิต ท่านได้ทิ้งเงินไว้ให้เธอหนึ่งก้อนจากประกันชีวิตที่ท่านได้ทำไว้ให้เธอ และยังทิ้งบ้านหนึ่งหลังที่ไม่ใหญ่มาก แต่เธอก็ไม่ต้องเช่าบ้านให้เสียเงิน เธอได้ออกมาทำงานและส่งตัวเองเรียน จึงทำให้เธอมีจิตใจที่เข้มแข็งกว่าเด็กวัยเดียวกันมาก เธอเป็นเด็กสาวที่มีนิสัยร่าเริงและขี้เล่น เธอเป็นที่รักของเพื่อนๆ ในชั้นเรียน แต่ก็มีหลายคนที่ไม่ชอบเธอเช่นกัน ทุกวันจันทร์ถึงวันศุกร์ หลังเลิกเรียนเธอจะต้องออกไปทำงานที่ร้านสะดวกซื้อจนถึงเที่ยงคืน และวันเสาร์อาทิตย์ เธอทำงานในร้านขายเครื่องหอม เธอไม่มีเวลาให้เที่ยวเล่นแบบเพื่อนในวัยเดียวกัน แต่เธอมีหน้าตาที่น่ารักจึงมักมีชายหนุ่มเข้ามาวนเวียนรอบๆ ตัวเธออยู่เสมอจึงมีเพื่อนหลายคนที่ไม่ชอบที่เธอหน้าตาดี และจะคอยหาเรื่องแกล้งเธอ แต่ก็ไม่ได้แกล้งแบบรุนแรงมากนัก เธอจึงไม่ได้เอาเรื่องไปฟ้องกับอาจารย์ เพราะเธอคิดว่าอีกไม่กี่เดือนเธอก็จะเรียนจบแล้ว เธอเองก็มีความฝันเหมือนกัน เธออยากเปิดร้านค้าเป็นของตัวเองสักหนึ่งร้าน เธอชอบน้ำหอมและเครื่องหอมที่เธอได้ทำงา
เธอตื่นมาในช่วงสายของอีกวันใต้ต้นเหมยฮวา เธอกะพริบตาเพื่อปรับภาพให้มองชัดขึ้น สิ่งที่เธอเห็นนั้นก็คือทุ่งดอกไม้ และเธอก็นอนอยู่ใต้ต้นไม้ เธอมองดูชุดที่ใส่ก็เป็นชุดวันที่เธอเรียนจบ ตอนนี้เธออยู่ที่ไหนกัน เธอจำได้ว่าตัวเองถูกรถชนหลังจากที่เธอถูกเพื่อนผลักล้มลงบนถนน ในขณะที่เธอกำลังมึนงง อยู่นั้นก็ได้มองเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่หน้าตาดูน่ากลัวมาก มีหนวดเคราเต็มไปทั่วใบหน้ากำลังมองมาที่เธอ เธอจะต้องทำยังไงในตอนนี้ ในหัวของเธอสับสนไปหมดแล้วอี้เฉิงมองไปทางหญิงสาวที่ใส่ชุดไม่เหมือนกับคนอื่น ชุดแบบนี้เขาเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก เพราะที่แห่งนี้ผู้หญิงจะไม่แต่งตัวที่เปิดให้เห็นมากนัก เขามองจากด้านล่างขึ้นมาด้านบน และมาหยุดมองใบหน้าที่มีหน้าตาน่ารัก เธอเป็นผู้หญิงที่สวยน่ารักมาก เธออาจจะหนีออกมาจากหอนางโลมหรือเปล่า?แก้มหอมมองตามสายตาของชายที่อยู่ตรงหน้าเธอ เขามองอะไร เธอนั่งลงเพื่อปิดบังขาของเธอ เพราะชุดที่เธอใส่อยู่นั้น เป็นชุดกระโปรงนักเรียนในวันที่เธอเรียนจบ “นายมองอะไรไม่ทราบ” เธอตกใจตัวเองเพราะคำพูดที่เธอได้พูดออกไปเป็นภาษาจีนเธอไม่เคยเรียนภาษาจีนมาก่อนเลยด้วยซ้ำทำไมเธอถึงพูดมันได้“ก็ไ
“ฉันบอกนายตามตรง ฉันสูญเสียความทรงจำ ฉันไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครมาจากที่ไหนเลยด้วยซ้ำ แล้วนายจะทิ้งฉันไว้ในที่ ที่ฉันไม่รู้จัก ฉันขออยู่กับนายจนกว่าฉันจะรู้ว่าที่นี่คือที่ไหน และฉันเอาตัวรอดได้ ฉันก็จะไปจากนายทันทีเลย ฉันสัญญาฉันจะไม่ทำอันตรายนายอย่างแน่นอน” “ข้านี่นะ จะกลัวเจ้าทำร้าย เจ้ามาอยู่กับข้า เจ้าไม่กลัวข้าหรือไง ใครๆ เขาก็กลัวข้ากันทั้งนั้น แต่ถ้าเจ้าจะอยู่กับข้าก็ต้องเปลี่ยนแปลงคำพูดที่เจ้าใช้พูด และชุดที่เจ้าใส่มันแปลกเกินไป เจ้ามีชุดอื่นเปลี่ยนอีกหรือไม่” “ข้าไม่มีอะไรติดตัวมาเลย ข้าจะหาชุดมาจากไหน เงินข้าก็ไม่มีสักหยวน เราอยู่ด้วยกันแค่เป็นเพื่อนกันเท่านั้น นายห้ามคิดไม่ดีกับฉันเด็ดขาด แต่ฉันสามารถช่วยนายทำงานบ้านและทำกับข้าวให้นายกินได้ นายคิดว่าดีหรือเปล่า หรือนายมีภรรยาอยู่ที่บ้านแล้ว” “ข้าเป็นชายโสด ข้าไม่รู้ว่าจะเผลอล่วงเกินเจ้าหรือไม่ ก็เจ้าทั้งขาวและน่ารักแบบนี้” เขาแกล้งมองไปที่หญิงสาวด้วยสายตาหื่นกระหาย“นายไม่ทำฉันหรอก ใช่ไหม” เธอทำใจกล้าถามออกไป“ไม่รู้สิ ต้องดูก่อนว่าเจ้าทำตัวดีแค่ไหน ข้าอาจจะสงสารเจ้าบ้างก็ได้” “แสดงว่านายให้ฉันอยู่ด้วยได้ใช่ไหม” ผู้
“ความจำของข้ากลับมาบ้างแล้ว ตอนข้าไปขายสัตว์ที่ล่าได้ภายในเมือง ข้าเจอเข้ากับภรรยาที่กำลังตามหาข้าอยู่โดยบังเอิญ ข้าจึงพาภรรยาของข้ามาอยู่ด้วย ท่านคงไม่ว่าอะไร” “ข้าจะไปว่าอะไรท่านได้ ข้าดีใจที่ท่านความจำกลับมาบ้างแล้ว แล้วภรรยาของท่านชื่ออะไร” “ข้าชื่อเหมยฮวา ต้องรบกวนเวลาของท่านเสียแล้ว” “พวกเราก็เป็นคนกันเองกันทั้งนั้น มีอะไรช่วยได้ ข้าก็ช่วย วันนี้ข้าว่างอยู่พอดี จะเข้าเมืองเอาชื่อภรรยาของท่านไปลงไว้ที่อำเภอให้” “ขอบคุณท่านผู้ใหญ่บ้านมากขอรับ นี่น้ำใจเล็กๆ น้อยๆ จากข้า ถ้าไม่มีอะไรแล้วข้าขอตัวกลับบ้านก่อน” “น้ำใจอะไร คนกันเองทั้งนั้น” ผู้ใหญ่บ้านจับน้ำหนักของถุงที่ใส่เงิน ก็มีสีหน้าพึงพอใจ เขามองตามหลังของนายพรานอี้เฉิงที่เดินออกจากประตูบ้านไป น่าเสียดายจริงๆ เขาวางแผนไว้ว่าจะให้ลูกสาวคนโตแต่งงานกับนายพรานอี้เฉิง เขาจะได้มีเงินใช้จ่ายไม่ขาดมือ และยังมีเนื้อกินอีกด้วย“ท่านพ่อ นายพรานเขามีภรรยาแล้ว แล้วตัวข้าละ ข้ารอนายพรานอี้เฉิงมาตั้งหลายปีแล้ว ท่านไม่สงสารลูกคนนี้ของท่านบ้างหรือ” หลีถิงพูดเสร็จก็เข้าห้องนอนของเธอไป เธอนั่งร้องให้ เสียใจที่นายพรานที่เธอแอบมีใจให้มีภรรย
เธอตกใจกับค่าแต้มที่ได้มาก ค่าแต้มเสน่หาเธอจะไปทำกับใคร จะไปกอดหรือจูบกับนายพรานหน้าโหดอี้เฉิงนั่นหรือ เธอเปิดดูราคาสินค้าที่เธอต้องการซื้อในตอนนี้ก่อน นั่นคือแปรงสีฟัน เธอทนไม่ได้กับกลิ่นปากของตัวเอง ไม่ใช่เธอมีกลิ่นปากที่เหม็นแต่เธอไม่ชิน ราคาแปรงสีฟันอยู่ที่สามสิบแต้ม และยาสีฟันห้าสิบแต้ม สบู่ห้าสิบแต้ม เธอพักเรื่องการหาแต้มไว้ก่อน เอาไว้เธอจะลองคิดเรื่องนี้อีกที เธอหันไปเห็นอี้เฉิงกำลังเดินมาทางที่เธอนั่งอยู่ เธอรีบเก็บโทรศัพท์ไว้ที่เดิมด้วยการพูดคำว่าเก็บ โทรศัพท์ก็หายไปทันที“ทำไมเจ้าถึงเดินออกมาไกลเช่นนี้ เราต้องไปพบกับผู้ใหญ่บ้านกันแล้ว เจ้าเตรียมตัวให้พร้อม ข้าจะไปรอที่บ้าน” เธอไม่ได้ตอบอะไรเขาไป เธอมัวแต่มองหน้าของเขาอยู่ ถ้าอี้เฉิงโกนหนวดออกไป เขาก็จะเป็นชายที่หน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งเลย ถ้าเขาทำผมให้มันดีๆ ก็คงมีสาวหลายคนยอมที่จะเป็นภรรยาให้เขาแน่อี้เฉิงมองท่าทางเหม่อลอยของเหมยฮวา จึงเรียกเธออีกครั้ง “เจ้าได้ยินที่ข้าพูดหรือเปล่า เจ้าเป็นอะไรกันไม่สบายใช่หรือไม่” เขาเอามือไปจับที่หน้าผากของเหมยฮวาเพื่อวัดไข้ของตัวนาง เพราะเมื่อคืนนางอาบน้ำเย็น นางอาจจะไม่สบายได้เหมยฮวา
เธอรีบทำอาหารที่พอทำได้ ดีที่ห้องครัวนี้มีสองเตา เธอจึงใช้หนึ่งเตาหุงข้าวขาวที่มีอยู่เต็มถัง ตอนเด็กเธอเคยอยู่กับยาย ก่อนที่ท่านจะเสียชีวิตเธอก็เคยหุงข้าวบนเตาถ่านแบบนี้อยู่บ้างไม่ใช่เรื่องยากอะไร แถมน้ำข้าวที่ได้ ก็มีประโยชน์อีกด้วย ตอนเช้าเธอหุงข้าว และทำกับข้าวสองอย่าง เธอจุดไฟอีกเตา เธอใช้กระทะแบบมีหูจับสองข้าง เธอหันไปเห็นผักกาดดอง และมีไข่อยู่พอดี เครื่องปรุงของที่นี่ก็ไม่มีอะไรมากนอกจากเกลือและน้ำตาล มีน้ำมันอยู่เต็มถัง เขาเป็นนายพรานสิ่งที่ไม่ขาดแคลนก็คือเนื้อ เธอยังเห็นเนื้อตากแห้ง เธอจึงเริ่มทำผัดผักกาด เธอเอาน้ำมันเทไปบนกระทะ และผัดไข่กับผักกาดปรุงรสแบบง่ายๆ เสร็จแล้วก็ยกลงจากเตา อย่างที่สองเธอนำไข่ที่ตีจนเข้ากันแล้ว นำไปทอดในกระทะให้มีสีเหลืองกรอบดูน่ากินและตักออก เธอยกกระทะลง เธอเอาหม้อที่มีอยู่ในบ้านต้มน้ำใส่เกลือนิดหน่อยปรุงรส เธอใส่เนื้อตากแห้งเคี่ยวจนได้ที่แล้ว ก็เอาไข่ที่ทอดไว้มาหั่นเป็นสี่เหลี่ยม ใส่ลงไปในหม้อ ปิดฝาหม้อและก็เบาไฟลง พร้อมกับข้าวที่สุกพร้อมทานพอดี เธอมองทุกอย่างที่พร้อมแล้ว เธอก็เข้าไปล้างหน้าและเรียกอี้เฉิงให้มากินข้าวพร้อมกัน แต่ที่แห่งนี้ไม่มีแปรงส
เธอเข้ามาในห้องนอน ก็เห็นว่าเป็นเตียงเตาที่มีขนาดใหญ่สามารถนอนได้สองคน และรอบๆ ห้องก็ไม่มีสิ่งของอะไรอีก พอตกช่วงกลางคืนอากาศก็จะเริ่มหนาวแล้ว เธอที่อยู่เมืองร้อนมาตลอดไม่ค่อยคุ้นชินกับอากาศที่หนาวเท่าไหร่ เขาจะนอนด้านในหรือด้านนอกกันนะ เธอไม่ถือหรอกถ้าจะนอนเตียงเดียวกัน เธอเป็นหญิงยุคใหม่ และยอมรับอะไรได้ง่ายๆ แค่เขาไม่เข้ามาวุ่นวายกับเธอก็พอแล้ว เธอปูผ้าไปก็หาวิธีหาเงินไปด้วย เธอได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาในห้องก็เป็นเขานั้นเอง“นั่นท่านจะทำอะไร ท่านต้องไปอาบน้ำก่อน ข้าจะไม่ยอมนอนกับคนที่ไม่อาบน้ำ” “เรื่องของเจ้าแต่ข้าจะนอน ข้าเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว” เขากำลังล้มตัวนอน ก็มีแรงดึงมาที่แขน เป็นนางที่พยายามดึงเขา เพื่อให้เขาออกไปอาบน้ำ ที่จริงตัวเขาก็เป็นคนที่รักความสะอาด แต่วันนี้เขาเหนื่อยล้ามาทั้งวันแล้ว เขาอยากจะนอน แต่นางก็ดึงแขนเขาไม่หยุด เขาจึงต้องลุกขึ้นไปอาบน้ำ เขาจะได้เริ่มนอนเสียทีเธอดึงแขนเขาจนเมื่อยแขนไปหมด คนอะไรตัวแข็งขนาดนี้กัน จนสุดท้ายเขาก็ยอมลุกขึ้นไปอาบน้ำ เธอเดินตามออกไป เธออยากรู้ว่าเขาเอาน้ำที่ไหนอาบ“อยากออกมาดูข้าอาบน้ำก็ไม่บอก เจ้ามาอาบน้ำกับข้าก็ได้ ข้าไม่ว่าเ
เธอนั่งเกวียนมาอีกสักพักก็ถึงร้านผ้าแห่งหนึ่ง ตอนนี้ใกล้มืดแล้วร้านค้าเก็บของกันไปหมด มีเหลือไม่กี่ร้านเท่านั้น เธอได้สังเกตภายในเมืองแต่ก็มองไม่ค่อยเห็นมากนักเพราะแสงไฟในเมืองไม่ค่อยมี เอาไว้คราวหน้าถ้าเข้ามาในเมืองแห่งนี้อีกเธอจะต้องเดินดูสิ่งของภายในตลาดแห่งนี้บ้างแล้ว“เจ้าเข้าไปเลือกสิ่งของที่เจ้าต้องใช้มาเถอะ ที่บ้านของข้านั้นมีของใช้แค่ชุดเดียวเท่านั้น” ตัวเธอมาแค่ตัวเปล่าๆ ไม่มีสิ่งของอะไรติดตัวมาด้วย มีแค่เสื้อผ้าชุดเดียวเท่านั้น “ถ้าอย่างนั้น ข้าขอยืมเงินท่านซื้อของพวกนี้ไปก่อน รอข้าหาเงินได้ ข้าจะนำมาคืนท่าน” “เจ้าคิดว่าข้าหน้าเงินมากหรือไรของพวกนี้ข้าให้เจ้า เพราะเจ้าต้องช่วยงานข้า” เธอคิดว่ามันสมเหตุผลแล้ว จึงตกลงและเดินเข้าไปเลือกซื้อสินค้าภายในร้านผ้า ร้านผ้าแห่งนี้เป็นร้านผ้าไม่ใหญ่มากนัก และเป็นร้านผ้าร้านเดียวที่ยังเปิดขายอยู่“ร้านผ้าซิ่วอิง ยินดีต้อนรับ ท่านต้องการซื้อสิ่งใดสอบถามกับข้าได้” เธอเดินเข้ามาในร้านผ้า ก็พบเข้ากับเจ้าของร้าน เป็นผู้หญิงอายุน่าจะสี่สิบกว่าแล้ว แต่นางยังดูสวยอยู่ แต่งตัวสะอาดหน้าตาดูใจดี “อยากดูผ้าห่มสำเร็จรูป และเสื้อผ้า”
เธอและเขาก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีกระหว่างทางที่เกวียนวิ่งไปเรื่อยๆ มีแค่เธอที่มองสองข้างทางอย่างสนอกสนใจ ที่นี่สองข้างทางมีแค่ป่า ทางที่เอาไว้สำหรับใช้เดินทางก็เป็นทางง่ายๆ มีหลุมตลอดทาง เวลาเกวียนวิ่งไปทำให้เธอรู้สึกเจ็บทุกครั้งที่เกวียนวิ่งผ่านหลุมเหล่านั้น เธอคิดในใจว่าเมื่อไหร่จะถึงเสียทีอี้เฉิงมองไปที่หญิงสาวที่มองดูตลอดสองข้างทาง เหมือนคนไม่เคยเห็น และทำหน้าเจ็บปวดทุกครั้งที่เกวียนวัวคันนี้ขับลงหลุมที่มีอยู่ตลอดเส้นทาง เขามองนางและคิดว่านางคงไม่เคยพบเจอกับความลำบากมาก่อนหรือเปล่า เขาคิดอะไรเพลินๆ ก็ถึงประตูเข้าเมือง เขาจ่ายค่าผ่านทางและบอกให้คนขับเกวียนขับไปที่ร้านอาหารตระกูลฉิ่น“ถึงร้านอาหารตระกูลฉิ่นแล้ว” อี้เฉิงเดินลงมาจากรถเกวียนวัว ลูกจ้างที่กำลังทำความสะอาดอยู่หน้าร้านก็วิ่งเข้าไปตามหลงจู๊ออกมา เพราะร้านอาหารตระกูลฉิ่นกับอี้เฉิงซื้อขายกันบ่อยครั้ง“หลงจู๊ขอรับ นายพรานอี้เฉิงมาหาขอรับ” “นายพรานอี้เฉิงมาหรือ เจ้าเรียกเขาเข้ามาข้างในร้านเลย” “ได้ขอรับ” ลูกจ้างเดินออกไปเรียกอี้เฉิงให้เข้ามาคุยภายในร้าน แต่อี้เฉิงบอกว่ามีสินค้าชิ้นใหญ่นำมาขายเอาออกมาวางข้างนอกไม่ได้
“ฉันบอกนายตามตรง ฉันสูญเสียความทรงจำ ฉันไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครมาจากที่ไหนเลยด้วยซ้ำ แล้วนายจะทิ้งฉันไว้ในที่ ที่ฉันไม่รู้จัก ฉันขออยู่กับนายจนกว่าฉันจะรู้ว่าที่นี่คือที่ไหน และฉันเอาตัวรอดได้ ฉันก็จะไปจากนายทันทีเลย ฉันสัญญาฉันจะไม่ทำอันตรายนายอย่างแน่นอน” “ข้านี่นะ จะกลัวเจ้าทำร้าย เจ้ามาอยู่กับข้า เจ้าไม่กลัวข้าหรือไง ใครๆ เขาก็กลัวข้ากันทั้งนั้น แต่ถ้าเจ้าจะอยู่กับข้าก็ต้องเปลี่ยนแปลงคำพูดที่เจ้าใช้พูด และชุดที่เจ้าใส่มันแปลกเกินไป เจ้ามีชุดอื่นเปลี่ยนอีกหรือไม่” “ข้าไม่มีอะไรติดตัวมาเลย ข้าจะหาชุดมาจากไหน เงินข้าก็ไม่มีสักหยวน เราอยู่ด้วยกันแค่เป็นเพื่อนกันเท่านั้น นายห้ามคิดไม่ดีกับฉันเด็ดขาด แต่ฉันสามารถช่วยนายทำงานบ้านและทำกับข้าวให้นายกินได้ นายคิดว่าดีหรือเปล่า หรือนายมีภรรยาอยู่ที่บ้านแล้ว” “ข้าเป็นชายโสด ข้าไม่รู้ว่าจะเผลอล่วงเกินเจ้าหรือไม่ ก็เจ้าทั้งขาวและน่ารักแบบนี้” เขาแกล้งมองไปที่หญิงสาวด้วยสายตาหื่นกระหาย“นายไม่ทำฉันหรอก ใช่ไหม” เธอทำใจกล้าถามออกไป“ไม่รู้สิ ต้องดูก่อนว่าเจ้าทำตัวดีแค่ไหน ข้าอาจจะสงสารเจ้าบ้างก็ได้” “แสดงว่านายให้ฉันอยู่ด้วยได้ใช่ไหม” ผู้
เธอตื่นมาในช่วงสายของอีกวันใต้ต้นเหมยฮวา เธอกะพริบตาเพื่อปรับภาพให้มองชัดขึ้น สิ่งที่เธอเห็นนั้นก็คือทุ่งดอกไม้ และเธอก็นอนอยู่ใต้ต้นไม้ เธอมองดูชุดที่ใส่ก็เป็นชุดวันที่เธอเรียนจบ ตอนนี้เธออยู่ที่ไหนกัน เธอจำได้ว่าตัวเองถูกรถชนหลังจากที่เธอถูกเพื่อนผลักล้มลงบนถนน ในขณะที่เธอกำลังมึนงง อยู่นั้นก็ได้มองเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่หน้าตาดูน่ากลัวมาก มีหนวดเคราเต็มไปทั่วใบหน้ากำลังมองมาที่เธอ เธอจะต้องทำยังไงในตอนนี้ ในหัวของเธอสับสนไปหมดแล้วอี้เฉิงมองไปทางหญิงสาวที่ใส่ชุดไม่เหมือนกับคนอื่น ชุดแบบนี้เขาเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก เพราะที่แห่งนี้ผู้หญิงจะไม่แต่งตัวที่เปิดให้เห็นมากนัก เขามองจากด้านล่างขึ้นมาด้านบน และมาหยุดมองใบหน้าที่มีหน้าตาน่ารัก เธอเป็นผู้หญิงที่สวยน่ารักมาก เธออาจจะหนีออกมาจากหอนางโลมหรือเปล่า?แก้มหอมมองตามสายตาของชายที่อยู่ตรงหน้าเธอ เขามองอะไร เธอนั่งลงเพื่อปิดบังขาของเธอ เพราะชุดที่เธอใส่อยู่นั้น เป็นชุดกระโปรงนักเรียนในวันที่เธอเรียนจบ “นายมองอะไรไม่ทราบ” เธอตกใจตัวเองเพราะคำพูดที่เธอได้พูดออกไปเป็นภาษาจีนเธอไม่เคยเรียนภาษาจีนมาก่อนเลยด้วยซ้ำทำไมเธอถึงพูดมันได้“ก็ไ
แก้มหอมสาวน้อยอายุสิบแปดปี เธอเป็นเด็กสาวกำพร้า ไม่มีพ่อแม่และญาติพี่น้องที่ไหน ก่อนที่พ่อและแม่ของเธอจะเสียชีวิต ท่านได้ทิ้งเงินไว้ให้เธอหนึ่งก้อนจากประกันชีวิตที่ท่านได้ทำไว้ให้เธอ และยังทิ้งบ้านหนึ่งหลังที่ไม่ใหญ่มาก แต่เธอก็ไม่ต้องเช่าบ้านให้เสียเงิน เธอได้ออกมาทำงานและส่งตัวเองเรียน จึงทำให้เธอมีจิตใจที่เข้มแข็งกว่าเด็กวัยเดียวกันมาก เธอเป็นเด็กสาวที่มีนิสัยร่าเริงและขี้เล่น เธอเป็นที่รักของเพื่อนๆ ในชั้นเรียน แต่ก็มีหลายคนที่ไม่ชอบเธอเช่นกัน ทุกวันจันทร์ถึงวันศุกร์ หลังเลิกเรียนเธอจะต้องออกไปทำงานที่ร้านสะดวกซื้อจนถึงเที่ยงคืน และวันเสาร์อาทิตย์ เธอทำงานในร้านขายเครื่องหอม เธอไม่มีเวลาให้เที่ยวเล่นแบบเพื่อนในวัยเดียวกัน แต่เธอมีหน้าตาที่น่ารักจึงมักมีชายหนุ่มเข้ามาวนเวียนรอบๆ ตัวเธออยู่เสมอจึงมีเพื่อนหลายคนที่ไม่ชอบที่เธอหน้าตาดี และจะคอยหาเรื่องแกล้งเธอ แต่ก็ไม่ได้แกล้งแบบรุนแรงมากนัก เธอจึงไม่ได้เอาเรื่องไปฟ้องกับอาจารย์ เพราะเธอคิดว่าอีกไม่กี่เดือนเธอก็จะเรียนจบแล้ว เธอเองก็มีความฝันเหมือนกัน เธออยากเปิดร้านค้าเป็นของตัวเองสักหนึ่งร้าน เธอชอบน้ำหอมและเครื่องหอมที่เธอได้ทำงา