“ฉันบอกนายตามตรง ฉันสูญเสียความทรงจำ ฉันไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครมาจากที่ไหนเลยด้วยซ้ำ แล้วนายจะทิ้งฉันไว้ในที่ ที่ฉันไม่รู้จัก ฉันขออยู่กับนายจนกว่าฉันจะรู้ว่าที่นี่คือที่ไหน และฉันเอาตัวรอดได้ ฉันก็จะไปจากนายทันทีเลย ฉันสัญญาฉันจะไม่ทำอันตรายนายอย่างแน่นอน”
“ข้านี่นะ จะกลัวเจ้าทำร้าย เจ้ามาอยู่กับข้า เจ้าไม่กลัวข้าหรือไง ใครๆ เขาก็กลัวข้ากันทั้งนั้น แต่ถ้าเจ้าจะอยู่กับข้าก็ต้องเปลี่ยนแปลงคำพูดที่เจ้าใช้พูด และชุดที่เจ้าใส่มันแปลกเกินไป เจ้ามีชุดอื่นเปลี่ยนอีกหรือไม่” “ข้าไม่มีอะไรติดตัวมาเลย ข้าจะหาชุดมาจากไหน เงินข้าก็ไม่มีสักหยวน เราอยู่ด้วยกันแค่เป็นเพื่อนกันเท่านั้น นายห้ามคิดไม่ดีกับฉันเด็ดขาด แต่ฉันสามารถช่วยนายทำงานบ้านและทำกับข้าวให้นายกินได้ นายคิดว่าดีหรือเปล่า หรือนายมีภรรยาอยู่ที่บ้านแล้ว” “ข้าเป็นชายโสด ข้าไม่รู้ว่าจะเผลอล่วงเกินเจ้าหรือไม่ ก็เจ้าทั้งขาวและน่ารักแบบนี้” เขาแกล้งมองไปที่หญิงสาวด้วยสายตาหื่นกระหาย “นายไม่ทำฉันหรอก ใช่ไหม” เธอทำใจกล้าถามออกไป “ไม่รู้สิ ต้องดูก่อนว่าเจ้าทำตัวดีแค่ไหน ข้าอาจจะสงสารเจ้าบ้างก็ได้” “แสดงว่านายให้ฉันอยู่ด้วยได้ใช่ไหม” ผู้ชายคนนี้ก็แค่ปากร้ายแต่จิตใจยังดีอยู่ และเขาเป็นตัวเลือกสุดท้ายของเธอแล้วจริงๆ “ข้าไม่ได้จะให้เจ้าอยู่ด้วยเฉยๆ หรอก ถ้าเจ้าจะอยู่กับข้า เจ้าก็ต้องช่วยอะไรข้าบางอย่าง เจ้าจะช่วยข้าได้หรือเปล่า” “นายจะให้ฉันช่วยอะไรนาย ฉันบอกไว้ก่อนเลยนะ ถ้านายให้ฉันช่วยในสิ่งที่ฉันทำไม่ได้ ฉันจะไม่อยู่กับนายเหมือนกัน” “ที่ข้าจะให้เจ้าช่วย ไม่ได้ยากอะไร เอาไว้ถ้าถึงที่หมู่บ้านของข้า ข้าก็จะบอกกับเจ้าเอง ตอนนี้ข้าต้องรีบนำหมีไปขายในเมืองก่อน” หวังว่าสิ่งที่ผู้ชายคนนี้ขอให้เธอช่วยจะไม่ร้ายแรงเกินไปก็พอ “ว่าแต่นายชื่ออะไร” “เจ้าต้องเริ่มหัดพูดภาษาของที่นี่ได้แล้ว ข้าชื่ออี้เฉิง” “ก็ได้ข้าจะพยายามก็แล้วกัน ส่วนข้าชื่อเหมยฮวา มีแค่ชื่อของข้าเท่านั้นที่ข้าจำได้” เธอตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงวิธีพูดของตัวเอง และเปลี่ยนชื่อเธอจากแก้มหอม เป็นเหมยฮวา ถ้าบอกชื่อไทยไปมันก็จะดูแปลก เพราะเธอมาอยู่ในยุคจีนที่เธอไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง เอาไว้ถ้าทุกอย่างเข้าที่แล้ว เธอจะต้องศึกษาประวัติของที่นี่บ้างแล้ว อี้เฉิงทำที่ลากหมีที่ดูแข็งแรง เขาใช้เชือกที่พกมาด้วยมัดเข้ากับไม้ไผ่ ตัดปลายไม้ไผ่ให้เรียวขึ้นแล้วเขาก็ลากหมีตัวใหญ่มาไว้บนไม้ไผ่ที่เขาได้ทำไว้ เท่านี้ก็เสร็จแล้ว เขาลากหมีไปตามเส้นทางที่คุ้นเคย โดยมีผู้ร่วมทางคนใหม่เป็นหญิงสาวหนึ่งคน เขาลากหมีออกมาจากป่าใหญ่ ก็เจอเข้ากับถนน ที่มีเกวียนรับจ้างบังคับเกวียนผ่านไปบ้าง เขายืนรอข้างทางเพื่อรอรถเกวียนวัว ที่มักจะผ่านมาเพื่อรับจ้างขนสัตว์หรือสมุนไพรที่นายพรานได้เข้าป่าไปล่าหรือหาได้ เพื่อนำไปขายในตลาดภายในเมือง เพราะได้ราคาที่แพงกว่า “พวกเรายืนรอตรงนี้หรือ ข้าต้องรออะไร เจ้ามีเสื้อผ้าอีกหรือเปล่า ข้าว่าตัวข้าแต่งตัวแปลกจริงๆ ” เธอรู้แล้วว่าเธอแต่งตัวแปลกยังไง เธอมองชาวบ้านหลายคนที่เดินผ่านไปมา มองกลับมาที่เธอด้วยสายตาแปลกๆ เธอก็สังเกตผู้คนที่เดินผ่านไปมา ไม่มีใครที่แต่งชุดสั้นๆ แบบเธอเลย แต่ละคนแต่งชุดด้วยผ้าหยาบตัวยาว และทำผมทรงแปลกตา เสื้อที่ใส่ก็เป็นผ้าหยาบแขนยาวแบบจีนสมัยก่อน เธอก้มมองตัวเองที่ใส่เสื้อแขนสั้นกับกระโปรงสั้น ที่จริงมันก็ปกติในโลกของเธอ ที่จริงเธอใส่กระโปรงยาวกว่าเพื่อนในห้องเรียนเดียวกันด้วยซ้ำ “พวกเราต้องรออีกนานแค่ไหน ตอนนี้ก็เกือบเย็นแล้วยังจะมีร้านค้าเปิดรับซื้ออยู่หรือไง” “มีสิ ข้าเข้าไปขายในเมืองแห่งนี้บ่อยๆ ” เธอไม่ได้ถามอะไรเขาอีก เธอเข้าไปนั่งไม่ไกลจากหมีที่ตายมากนัก เขาไม่ได้เอาหมีออกไป เพราะหมีตัวใหญ่และอาจทำให้เกิดอันตรายกับพวกเราได้////// เธอนั่งรออยู่สักพัก ก็มีเกวียนวัวขับผ่านมาพอดี เธอเห็นอี้เฉิงตกลงราคาและกำลังขนสัตว์ขึ้นรถ เขาตกลงกันได้อยู่ที่ หนึ่งตำลึงเงิน เพราะหมีตัวใหญ่มาก และนี่ก็เกือบเย็นแล้วด้วย “เจ้าให้ข้าช่วยอะไรไหม” เธอก็อยากช่วยอะไรเขาบ้าง “แค่เจ้าอยู่เฉยๆ ไม่วุ่นวายก็พอแล้ว” เขาและลุงคนขับเกวียนช่วยกันขนหมีตัวใหญ่ขึ้นไปบนเกวียน “เจ้าหนุ่มหมีของเจ้าตัวใหญ่มาก เจ้าช่างดวงดีจริงๆ ดูจากตามตัวของหมีแล้ว เจ้าต้องมีฝีมือดีไม่เบาเลย” ลุงขับเกวียนถามอี้เฉิง แต่อี้เฉิงก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เขาทำเป็นนิ่ง เพราะถ้าใจดีมากไปอันตรายอาจจะมาถึงตัวเขาเสียเอง ลุงขับเกวียนที่ถามออกไป แต่ไม่ได้คำตอบ เขารู้สึกเสียหน้าอยู่บ้าง แต่ล่าหมีตัวใหญ่ได้ก็น่าจะไม่ใช่คนที่เขาจะสามารถคุยด้วยได้ เขามองไปเห็นหญิงสาวที่มาพร้อมกับชายหนุ่ม เธอแต่งชุดไม่เหมือนกับคนอื่น “เจ้าพาภรรยามาล่าสัตว์ด้วยหรือ แต่แต่งตัวสั้นแบบนี้จะทำให้คนอื่นมองภรรยาเจ้าไม่ดีได้ ถ้าเจ้าไม่ว่าอะไรจะซื้อชุดต่อข้าก็ได้พอดีข้ารับชุดจะเข้าไปขายอีกเมืองมานิดหน่อย” เหมยฮวาได้ยินลุงขับรถถาม เธอจะตอบกลับว่าไม่ใช่ภรรยา เสียงอี้เฉิงก็พูดขึ้นมาก่อน เธอต้องจำเป็น ต้องเป็นภรรยาของเขาไปก่อน เอาไว้กลับไปที่บ้านของเขา เธอต้องคุยเรื่องนี้กับเขาอีกครั้ง อี้เฉิงมองไปที่เหมยฮวา เธอจำเป็นต้องมีชุดใหม่จริงๆ “ข้าขอซื้อชุดท่านหนึ่งชุดก็แล้วกัน” “มาลองเลือกดู เจ้าชอบชุดแบบไหน” เขาได้กำไรตั้งสองต่อ ได้ทั้งค่าขนหมีไปขาย และได้ขายเสื้อผ้าที่ขายไม่ค่อยออก ออกไปอีกด้วย “ขอบคุณค่ะคุณลุง แต่ข้าไม่มีเงินหรอก” “เจ้าเข้าไปเลือกมาสักชุดเถอะ ข้าจ่ายเงินให้เจ้าเอง” “เจ้าให้ข้าเลือกชุดพวกนี้จริงๆ นะหรือ ถ้าข้าหาเงินได้ ข้าจะเอาเงินมาคืนเจ้าแน่นอน” เธอพูดเบาๆ กับอี้เฉิงและเดินเข้าไปเลือกชุดมาหนึ่งชุด เสื้อผ้าของลุงที่นำมานั้น เป็นแบบธรรมดา เป็นผ้าหยาบหลากสี และมีผ้าฝ้ายที่ดูใส่สบายปนอยู่บ้าง เธอถูกใจชุดผ้าฝ้ายสีเขียวอ่อนอยู่หนึ่งชุด ดูเรียบๆ ไม่ค่อยสะดุดตาเท่าไหร่ “ข้าเอาชุดนี้ราคาเท่าไหร่” “ชุดนี้ข้าขายให้เจ้าสี่สิบอีแปะก็แล้วกัน เป็นผ้าสีอ่อน ข้าขายไม่ค่อยออกเท่าไหร่” เธอหันไปมองที่อี้เฉิงเพื่อบอกว่าเธอต้องการชุดนี้ เขาก็เดินเข้าไปจ่ายเงินให้ลุงสี่สิบอีแปะ “ข้าขอเข้าป่าไปเปลี่ยนชุดก่อนได้หรือไม่” เขาพยักหน้าตอบเธอ เธอก็วิ่งเข้าไปในป่าหาที่เหมาะๆ และก็เริ่มเปลี่ยนชุด เป็นชุดใหม่ ชุดนี้ใส่ไม่ยากเท่าไหร่ เป็นชุดแยกสองชิ้น เป็นเสื้อแขนยาวลำตัวยาวคลุมถึงเท้าและมีกระโปรงใส่ไว้ด้านในอีกชั้น เธอเลยสวมทับชุดนักเรียนที่เธอใส่มาเสียเลย พอเธอใส่ชุดเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอก็เดินออกมาขึ้นเกวียนวัวที่จอดรอเธออยู่ เธอรู้สึกว่าเกวียนวัวสูงมากเธอไม่มีที่ให้เหยียบขึ้นไป เธอพยายามปีนขึ้นไป ก็ปีนขึ้นไม่ได้เสียที “เจ้าไม่ช่วยภรรยาของเจ้าขึ้นไปบนเกวียนหน่อยหรือ นางตัวเล็กนิดเดียว” อี้เฉิงถอนหายใจเสียงดังแค่ให้เธอได้ยิน “ฉันขึ้นเองได้นายไม่ต้องช่วยก็ได้” แค่ช่วยเธอขึ้นไปบนเกวียนมันยากมากหรือไง ถ้าลำบากใจมากนักเธอจะพยายามปีนขึ้นไปเอง “จับมือข้าไว้ เจ้าทำให้พวกเราเสียเวลามามากพอแล้ว” เธอจึงต้องจำใจจับมือของอี้เฉิงไว้ เขาแกล้งดึงเธอขึ้นมาบนเกวียนด้วยความเร็ว ทำให้เธอไม่ทันตั้งตัวและเสียการทรงตัว เธอก็ล้มไปบนตัวของเขา “เจ้าอยากกอดข้า บอกข้าดีๆ ข้าก็ให้เจ้ากอดอยู่แล้ว” เขาแกล้งกอดนางกลับไป เขาได้กลิ่นหอมมาจากตัวของนาง “ใครอยากจะกอดเจ้ากัน” เธอรีบลุกออกมาจากตัวของเขา และหาที่ว่างนั่งโดยหันหลังให้กับอี้เฉิง “ข้าจะไปแล้ว พวกเจ้านั่งกันดีๆ ข้าจะขับเกวียนเร็วหน่อยเราจะได้ทันเข้าเมืองก่อนที่มันจะมืด”เธอและเขาก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีกระหว่างทางที่เกวียนวิ่งไปเรื่อยๆ มีแค่เธอที่มองสองข้างทางอย่างสนอกสนใจ ที่นี่สองข้างทางมีแค่ป่า ทางที่เอาไว้สำหรับใช้เดินทางก็เป็นทางง่ายๆ มีหลุมตลอดทาง เวลาเกวียนวิ่งไปทำให้เธอรู้สึกเจ็บทุกครั้งที่เกวียนวิ่งผ่านหลุมเหล่านั้น เธอคิดในใจว่าเมื่อไหร่จะถึงเสียทีอี้เฉิงมองไปที่หญิงสาวที่มองดูตลอดสองข้างทาง เหมือนคนไม่เคยเห็น และทำหน้าเจ็บปวดทุกครั้งที่เกวียนวัวคันนี้ขับลงหลุมที่มีอยู่ตลอดเส้นทาง เขามองนางและคิดว่านางคงไม่เคยพบเจอกับความลำบากมาก่อนหรือเปล่า เขาคิดอะไรเพลินๆ ก็ถึงประตูเข้าเมือง เขาจ่ายค่าผ่านทางและบอกให้คนขับเกวียนขับไปที่ร้านอาหารตระกูลฉิ่น“ถึงร้านอาหารตระกูลฉิ่นแล้ว” อี้เฉิงเดินลงมาจากรถเกวียนวัว ลูกจ้างที่กำลังทำความสะอาดอยู่หน้าร้านก็วิ่งเข้าไปตามหลงจู๊ออกมา เพราะร้านอาหารตระกูลฉิ่นกับอี้เฉิงซื้อขายกันบ่อยครั้ง“หลงจู๊ขอรับ นายพรานอี้เฉิงมาหาขอรับ” “นายพรานอี้เฉิงมาหรือ เจ้าเรียกเขาเข้ามาข้างในร้านเลย” “ได้ขอรับ” ลูกจ้างเดินออกไปเรียกอี้เฉิงให้เข้ามาคุยภายในร้าน แต่อี้เฉิงบอกว่ามีสินค้าชิ้นใหญ่นำมาขายเอาออกมาวางข้างนอกไม่ได้
เธอนั่งเกวียนมาอีกสักพักก็ถึงร้านผ้าแห่งหนึ่ง ตอนนี้ใกล้มืดแล้วร้านค้าเก็บของกันไปหมด มีเหลือไม่กี่ร้านเท่านั้น เธอได้สังเกตภายในเมืองแต่ก็มองไม่ค่อยเห็นมากนักเพราะแสงไฟในเมืองไม่ค่อยมี เอาไว้คราวหน้าถ้าเข้ามาในเมืองแห่งนี้อีกเธอจะต้องเดินดูสิ่งของภายในตลาดแห่งนี้บ้างแล้ว“เจ้าเข้าไปเลือกสิ่งของที่เจ้าต้องใช้มาเถอะ ที่บ้านของข้านั้นมีของใช้แค่ชุดเดียวเท่านั้น” ตัวเธอมาแค่ตัวเปล่าๆ ไม่มีสิ่งของอะไรติดตัวมาด้วย มีแค่เสื้อผ้าชุดเดียวเท่านั้น “ถ้าอย่างนั้น ข้าขอยืมเงินท่านซื้อของพวกนี้ไปก่อน รอข้าหาเงินได้ ข้าจะนำมาคืนท่าน” “เจ้าคิดว่าข้าหน้าเงินมากหรือไรของพวกนี้ข้าให้เจ้า เพราะเจ้าต้องช่วยงานข้า” เธอคิดว่ามันสมเหตุผลแล้ว จึงตกลงและเดินเข้าไปเลือกซื้อสินค้าภายในร้านผ้า ร้านผ้าแห่งนี้เป็นร้านผ้าไม่ใหญ่มากนัก และเป็นร้านผ้าร้านเดียวที่ยังเปิดขายอยู่“ร้านผ้าซิ่วอิง ยินดีต้อนรับ ท่านต้องการซื้อสิ่งใดสอบถามกับข้าได้” เธอเดินเข้ามาในร้านผ้า ก็พบเข้ากับเจ้าของร้าน เป็นผู้หญิงอายุน่าจะสี่สิบกว่าแล้ว แต่นางยังดูสวยอยู่ แต่งตัวสะอาดหน้าตาดูใจดี “อยากดูผ้าห่มสำเร็จรูป และเสื้อผ้า”
เธอเข้ามาในห้องนอน ก็เห็นว่าเป็นเตียงเตาที่มีขนาดใหญ่สามารถนอนได้สองคน และรอบๆ ห้องก็ไม่มีสิ่งของอะไรอีก พอตกช่วงกลางคืนอากาศก็จะเริ่มหนาวแล้ว เธอที่อยู่เมืองร้อนมาตลอดไม่ค่อยคุ้นชินกับอากาศที่หนาวเท่าไหร่ เขาจะนอนด้านในหรือด้านนอกกันนะ เธอไม่ถือหรอกถ้าจะนอนเตียงเดียวกัน เธอเป็นหญิงยุคใหม่ และยอมรับอะไรได้ง่ายๆ แค่เขาไม่เข้ามาวุ่นวายกับเธอก็พอแล้ว เธอปูผ้าไปก็หาวิธีหาเงินไปด้วย เธอได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาในห้องก็เป็นเขานั้นเอง“นั่นท่านจะทำอะไร ท่านต้องไปอาบน้ำก่อน ข้าจะไม่ยอมนอนกับคนที่ไม่อาบน้ำ” “เรื่องของเจ้าแต่ข้าจะนอน ข้าเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว” เขากำลังล้มตัวนอน ก็มีแรงดึงมาที่แขน เป็นนางที่พยายามดึงเขา เพื่อให้เขาออกไปอาบน้ำ ที่จริงตัวเขาก็เป็นคนที่รักความสะอาด แต่วันนี้เขาเหนื่อยล้ามาทั้งวันแล้ว เขาอยากจะนอน แต่นางก็ดึงแขนเขาไม่หยุด เขาจึงต้องลุกขึ้นไปอาบน้ำ เขาจะได้เริ่มนอนเสียทีเธอดึงแขนเขาจนเมื่อยแขนไปหมด คนอะไรตัวแข็งขนาดนี้กัน จนสุดท้ายเขาก็ยอมลุกขึ้นไปอาบน้ำ เธอเดินตามออกไป เธออยากรู้ว่าเขาเอาน้ำที่ไหนอาบ“อยากออกมาดูข้าอาบน้ำก็ไม่บอก เจ้ามาอาบน้ำกับข้าก็ได้ ข้าไม่ว่าเ
เธอรีบทำอาหารที่พอทำได้ ดีที่ห้องครัวนี้มีสองเตา เธอจึงใช้หนึ่งเตาหุงข้าวขาวที่มีอยู่เต็มถัง ตอนเด็กเธอเคยอยู่กับยาย ก่อนที่ท่านจะเสียชีวิตเธอก็เคยหุงข้าวบนเตาถ่านแบบนี้อยู่บ้างไม่ใช่เรื่องยากอะไร แถมน้ำข้าวที่ได้ ก็มีประโยชน์อีกด้วย ตอนเช้าเธอหุงข้าว และทำกับข้าวสองอย่าง เธอจุดไฟอีกเตา เธอใช้กระทะแบบมีหูจับสองข้าง เธอหันไปเห็นผักกาดดอง และมีไข่อยู่พอดี เครื่องปรุงของที่นี่ก็ไม่มีอะไรมากนอกจากเกลือและน้ำตาล มีน้ำมันอยู่เต็มถัง เขาเป็นนายพรานสิ่งที่ไม่ขาดแคลนก็คือเนื้อ เธอยังเห็นเนื้อตากแห้ง เธอจึงเริ่มทำผัดผักกาด เธอเอาน้ำมันเทไปบนกระทะ และผัดไข่กับผักกาดปรุงรสแบบง่ายๆ เสร็จแล้วก็ยกลงจากเตา อย่างที่สองเธอนำไข่ที่ตีจนเข้ากันแล้ว นำไปทอดในกระทะให้มีสีเหลืองกรอบดูน่ากินและตักออก เธอยกกระทะลง เธอเอาหม้อที่มีอยู่ในบ้านต้มน้ำใส่เกลือนิดหน่อยปรุงรส เธอใส่เนื้อตากแห้งเคี่ยวจนได้ที่แล้ว ก็เอาไข่ที่ทอดไว้มาหั่นเป็นสี่เหลี่ยม ใส่ลงไปในหม้อ ปิดฝาหม้อและก็เบาไฟลง พร้อมกับข้าวที่สุกพร้อมทานพอดี เธอมองทุกอย่างที่พร้อมแล้ว เธอก็เข้าไปล้างหน้าและเรียกอี้เฉิงให้มากินข้าวพร้อมกัน แต่ที่แห่งนี้ไม่มีแปรงส
เธอตกใจกับค่าแต้มที่ได้มาก ค่าแต้มเสน่หาเธอจะไปทำกับใคร จะไปกอดหรือจูบกับนายพรานหน้าโหดอี้เฉิงนั่นหรือ เธอเปิดดูราคาสินค้าที่เธอต้องการซื้อในตอนนี้ก่อน นั่นคือแปรงสีฟัน เธอทนไม่ได้กับกลิ่นปากของตัวเอง ไม่ใช่เธอมีกลิ่นปากที่เหม็นแต่เธอไม่ชิน ราคาแปรงสีฟันอยู่ที่สามสิบแต้ม และยาสีฟันห้าสิบแต้ม สบู่ห้าสิบแต้ม เธอพักเรื่องการหาแต้มไว้ก่อน เอาไว้เธอจะลองคิดเรื่องนี้อีกที เธอหันไปเห็นอี้เฉิงกำลังเดินมาทางที่เธอนั่งอยู่ เธอรีบเก็บโทรศัพท์ไว้ที่เดิมด้วยการพูดคำว่าเก็บ โทรศัพท์ก็หายไปทันที“ทำไมเจ้าถึงเดินออกมาไกลเช่นนี้ เราต้องไปพบกับผู้ใหญ่บ้านกันแล้ว เจ้าเตรียมตัวให้พร้อม ข้าจะไปรอที่บ้าน” เธอไม่ได้ตอบอะไรเขาไป เธอมัวแต่มองหน้าของเขาอยู่ ถ้าอี้เฉิงโกนหนวดออกไป เขาก็จะเป็นชายที่หน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งเลย ถ้าเขาทำผมให้มันดีๆ ก็คงมีสาวหลายคนยอมที่จะเป็นภรรยาให้เขาแน่อี้เฉิงมองท่าทางเหม่อลอยของเหมยฮวา จึงเรียกเธออีกครั้ง “เจ้าได้ยินที่ข้าพูดหรือเปล่า เจ้าเป็นอะไรกันไม่สบายใช่หรือไม่” เขาเอามือไปจับที่หน้าผากของเหมยฮวาเพื่อวัดไข้ของตัวนาง เพราะเมื่อคืนนางอาบน้ำเย็น นางอาจจะไม่สบายได้เหมยฮวา
“ความจำของข้ากลับมาบ้างแล้ว ตอนข้าไปขายสัตว์ที่ล่าได้ภายในเมือง ข้าเจอเข้ากับภรรยาที่กำลังตามหาข้าอยู่โดยบังเอิญ ข้าจึงพาภรรยาของข้ามาอยู่ด้วย ท่านคงไม่ว่าอะไร” “ข้าจะไปว่าอะไรท่านได้ ข้าดีใจที่ท่านความจำกลับมาบ้างแล้ว แล้วภรรยาของท่านชื่ออะไร” “ข้าชื่อเหมยฮวา ต้องรบกวนเวลาของท่านเสียแล้ว” “พวกเราก็เป็นคนกันเองกันทั้งนั้น มีอะไรช่วยได้ ข้าก็ช่วย วันนี้ข้าว่างอยู่พอดี จะเข้าเมืองเอาชื่อภรรยาของท่านไปลงไว้ที่อำเภอให้” “ขอบคุณท่านผู้ใหญ่บ้านมากขอรับ นี่น้ำใจเล็กๆ น้อยๆ จากข้า ถ้าไม่มีอะไรแล้วข้าขอตัวกลับบ้านก่อน” “น้ำใจอะไร คนกันเองทั้งนั้น” ผู้ใหญ่บ้านจับน้ำหนักของถุงที่ใส่เงิน ก็มีสีหน้าพึงพอใจ เขามองตามหลังของนายพรานอี้เฉิงที่เดินออกจากประตูบ้านไป น่าเสียดายจริงๆ เขาวางแผนไว้ว่าจะให้ลูกสาวคนโตแต่งงานกับนายพรานอี้เฉิง เขาจะได้มีเงินใช้จ่ายไม่ขาดมือ และยังมีเนื้อกินอีกด้วย“ท่านพ่อ นายพรานเขามีภรรยาแล้ว แล้วตัวข้าละ ข้ารอนายพรานอี้เฉิงมาตั้งหลายปีแล้ว ท่านไม่สงสารลูกคนนี้ของท่านบ้างหรือ” หลีถิงพูดเสร็จก็เข้าห้องนอนของเธอไป เธอนั่งร้องให้ เสียใจที่นายพรานที่เธอแอบมีใจให้มีภรรย
“น้องหลีเจียของพี่ หุ่นน้องดีขนาดนี้พี่จะเบาได้อย่างไร” หลีเต๋อใช้มือที่ยังว่างอยู่ลูบไล้ไปทั่วร่างกาย จนถึงจุดกึ่งกลางด้านล่างของหญิงสาว เขาใช้นิ้วมือคลึงจุดเสียวของหลีเจีย จนแม่ม่ายหลีเจียร้องเสียงหลง เขาสอดนิ้วเข้าไปสองนิ้วพร้อมกับคลึงจุดเสียวของแม่ม่ายหลีเจียไปด้วยหลีเจียรู้สึกเสียวเป็นอย่างมาก เธอยกเอวขึ้นสูงและส่ายสะโพกของตัวเองตอบรับนิ้วมือที่แทงเข้ามา เธอรู้สึกว่าใกล้จะเสร็จสมเสียแล้ว เธอจึงส่ายเอวเร็วขึ้น และเธอก็กระตุกตอดไปที่นิ้วของหลีเต๋ออย่างแรง“น้องหลีเจีย ถ้าของน้องดูดนิ้วของพี่แรง นิ้วของพี่อาจจะขาดเอาได้” หลีเจียนอนหอบหายใจแรง หลีเต๋อขยับทั้งสองนิ้วที่อยู่ด้านในของเธอแรงขึ้น ทำให้เธอรู้สึกเสียวกระสันอยากขึ้นมาอีกครั้ง“ของพี่ยังไม่ได้ใส่เข้าไป หลังจากนี้น้องต้องรับของจริงของพี่แล้ว” หลีเต๋อพูดออกมาด้วยเสียงที่แหบพร่าหลีเต๋อจับแท่งเนื้อที่มีขนาดใหญ่เต็มที่แล้ว เขาเอาแท่งเนื้อของเขาที่รู้สึกปาดหนึบขึ้นมา เขาภูมิใจแท่งเนื้อที่มีขนาดใหญ่และยาว เป็นของที่สาวน้อยใหญ่หลายคนติดใจในลีลาของเขา เขาเอาแท่งเนื้อนั้น ใส่เข้าไปที่ปากของแม่ม่ายหลีเจียแม่ม่ายหลีเจียก็รู้ง
เหมยฮวาอยู่บ้านเฉยๆ เธอก็เบื่อมาก เธอลองค้นหาในโทรศัพท์ถึงวิธีทำน้ำหอมแบบง่ายในสมัยก่อน เธอก็เจอวิธีทำเยอะมาก เธอเจอวิธีทำสบู่และยาสระผมด้วย เธอจะทำสิ่งนี้ไว้อย่างละนิดละหน่อย ในตอนที่เธอมีแต้มมากพอที่จะซื้อของจากร้านค้าออนไลน์ นายพรานอี้เฉิงจะได้ไม่สงสัยเธอมากนัก ช่วงนี้อากาศหนาวแล้ว เธอจะลองทำสบู่ที่ใช้ไขมันของสัตว์ทำดู เพราะทำง่ายและยังช่วยให้ความชุ่มชื่นอีกด้วย แต่กลิ่นจะไม่หอม เธออยากได้ใบมะกรูดหรือลูกมะนาวก็ได้ แต่ที่นี่จะมีของที่เธอต้องการหรือไง เธออ่านขั้นตอนการทำจนเข้าใจแล้ว ก็เข้าไปในครัว และเอาขี้เถ้าในเตาถ่านออกมาใส่ไว้ในถังแยกไว้ เธอเลือกแต่ขี้เถ้าที่เป็นสีขาวเท่านั้น อี้เฉิงที่กลับเข้ามาในบ้าน เขามองนางที่กำลังทำอะไรบางอย่างอยู่หน้าเตาถ่าน “เจ้าทำอะไรอยู่หรือ” “ท่านกลับมาแล้วหรือ ข้าอยากลองทำสบู่เอาไว้ถูตัว ข้ารู้สึกว่าอาบน้ำเฉยๆ มันไม่สะอาดเท่าไหร่นัก” สบู่หรือเขาเคยเห็นขายอยู่ตามร้านใหญ่ๆ ที่มีแต่คนที่มีเงินเข้าไปซื้อใช้ และเป็นสิ่งของที่มีราคาแพงและสิ้นเปลืองแต่ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่รักสวยรักงามมักจะชอบใช้กัน “ถ้าเจ้าอยากใช้สบู่ข้าจะเข้าไปซื้อในเมืองมาให้เจ้าใช้
“ข้าไม่เคยเห็น หรือบางทีข้าอาจจะไม่ได้สนใจพวกมัน เพราะมันก็แค่ดอกไม้ธรรมดา ข้าเข้าป่าก็เพื่อล่าสัตว์เท่านั้น” “ท่านนี่ไม่มีความนุ่มนวลเหมือนผู้หญิงเลย” “ก็ข้าเป็นผู้ชายจะให้นุ่มนิ่มเหมือนผู้หญิงได้อย่างไร แต่บนเตียงข้าก็นุ่มนวลกับเจ้าอยู่นะ เจ้าว่าจริงหรือไม่” “ท่านนี่มันเปลี่ยนเรื่องไปเรื่อยเลย” เธอตีไปที่อกของอี้เฉิงเบาๆ“ถ้าไม่ให้ข้านุ่มนวลกับภรรยา เจ้าจะให้ข้านุ่มนวลกับคนอื่นหรือ” “ถ้าท่านกล้าทำก็ลองดู ข้าจะตอนส่วนล่างของท่านเสีย” อี้เฉิงแกล้งเอามือปิดตรงส่วนล่างของเขา “ข้ากลัวแล้ว แม่เสื่อตัวนี้ดุมาก” “ท่านยังทำเป็นเล่นอยู่อีก ถ้าท่านมองสาวอื่นข้าจะจะโกรธท่าน และข้าขอบอกกับท่านไว้เลยว่า ข้าไม่ขอใช้สามีร่วมกับใครทั้งนั้น” “ใจของข้ามีแค่เจ้าเท่านั้น เจ้าเชื่อใจข้าได้” “ใครจะรู้ ท่านอาจจะมีภรรยาอยู่ที่บ้านท่านแล้วก็ได้” “ไม่คุยเรื่องนี้แล้ว ข้าไม่อยากทำให้เจ้าโกรธ เรามาคุยเรื่องวันเปิดร้านกันดีหรือไม่” เธอเห็นว่าคุยกันไป คุยกันมาจะกลายเป็นว่าทะเลาะกันเสียแล้ว เธอจึงเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นตามที่อี้เฉิงบอก ถ้าเขามีภรรยาอยู่แล้ว เธอจะทำอย่างไร เธอจะเสียใจมากแค่ไหน
“เจ้าเป็นเด็กในหมู่บ้านนี้แห่งนี้หรือ ข้าไม่คุ้นหน้าเจ้าเลย เจ้ามาหาข้ามีเรื่องจะถามข้าหรือ ไม่ต้องกลัวข้าไม่ใช่คนใจร้าย” เธอพยายามพูดกับเด็กตรงหน้าเธอด้วยเสียงที่ดูใจดี ดูท่าทางเด็กคนนี้จะไม่ค่อยได้ออกมาข้างนอกมากนัก เพราะเธอไม่เคยเห็นหน้าเขามาก่อน“ข้าถามท่านได้หรือไม่ ท่านบอกว่าจะรับซื้อดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมทุกชนิดใช่หรือไม่” “ใช่แล้ว ถ้าบ้านของเจ้ามีดอกไม้ที่ตากแห้งแล้วก็นำมาขายให้ข้าได้ เจ้ารู้จักเม็ดของดอกบัวหรือไม่” “ข้ารู้ ข้าเคยเก็บพวกมันไปกินบ่อยๆ แต่กินมากก็จะท้องอืดได้” “เจ้าชื่ออะไรและตอนนี้อยู่บ้านกับใคร ข้าไม่คุ้นหน้าเด็กแบบเจ้ามาก่อนเลย” “ข้าชื่อหลีชาง ข้าอยู่คนเดียวไม่มีพ่อแม่” “การที่เจ้าเข้าไปเก็บดอกบัวจะเป็นอันตรายมาก เจ้าว่ายน้ำเป็นหรือ” “ข้าว่ายน้ำเป็นข้าอายุสิบสองปีแล้ว ข้าอยู่คนเดียวมานานมาก” “ข้ารับซื้อรากของดอกบัวด้วย เจ้ารู้จักหรือไม่ ถ้าวันหนึ่งเจ้าไปเก็บเมล็ดบัวมาอีกเจ้าเก็บรากของดอกบัวมาให้ข้าดู ถ้าเจ้าเก็บรากบัวมาขายให้ข้า ข้าจะรับซื้อเจ้าจินละ2 กวน แต่การเก็บรากบัวจะอันตรายมาก ข้าว่าเจ้าเก็บดอกไม้เอามาขายให้ข้าเหมือนคนอื่นเถอะ” “รากบัวท่า
“เจ้ารอบคอบมาก เรารีบไปกันเถอะ” เขาขับเกวียนม้ามาทางหมู่บ้านป่าเขียว เขาขับเกวียนไปทางบ้านของผู้ใหญ่บ้านหลีอันก่อนอี้เฉิงเดินลงจากเกวียนม้า เขาเคาะไปที่ประตูหน้าบ้านและเรียกชื่อผู้ใหญ่บ้านเสียงดัง“ใครเรียกข้ากัน ข้ามาแล้ว” หลีอันเดินออกมาเปิดประตูหน้าบ้าน“นายพรานอี้เฉิงเองหรือ ท่านมาหาข้ามีธุระอันใด นั่นเกวียนม้าของท่านใช่หรือไม่ ถ้าแบบนั้นข่าวลือที่ชาวบ้านเขาพูดกันก็เป็นเรื่องจริง” “ชาวบ้านเขาพูดกันเรื่องอะไรหรือ” เหมยฮวาถามผู้ใหญ่บ้านออกไป“เขาบอกว่าเจ้าซื้อบ้านใหญ่โต และสร้างกิจการขายของอยู่ในเมือง พวกเจ้าเป็นอย่างที่ชาวบ้านพูดกันหรือไม่” “พวกข้าไม่ได้ร่ำรวยอะไร ก็แค่เอาของที่เคยทำที่บ้านเดิมของข้ามาขาย บังเอิญว่าของนั้นขายได้ดี พวกข้าก็เลยพอมีเงินเก็บนิดหน่อย ไม่ได้ร่ำรวยอะไรหรอก” “แล้ววันนี้พวกเจ้ามาหาข้ามีเรื่องอันใดล่ะ หรือจะมาบอกหนทางรวยให้พวกชาวบ้านบ้าง” เหมยฮวาฟังคำเหน็บแนมของผู้ใหญ่บ้าน เธอก็รู้สึกโมโหนิดหน่อย แต่ก็อย่างว่าถ้าใครได้ดีกว่าคนอื่นก็อิจฉาพวกเธอเป็นเรื่องธรรมดา เธอจึงคิดรับซื้อของจากคนในหมู่บ้านเพื่อไม่ให้คนอื่นพูดว่าเธอและอี้เฉิงได้“ที่พวกข้ามา
“ขอบคุณนายหญิงมากขอรับ” เขาจะรับใช้นายหญิงที่ใจดีกับเขาให้ดีที่สุด“พวกเจ้า เด็กน้อยทั้งสองยังกลัวข้าอยู่หรือไม่ เจ้าเรียกข้าว่าพี่สาวก็ได้ ไม่ต้องเรียกนายหญิงหรอก” เด็กหญิงมองไปที่เหมยฮวาแล้วก็ยิ้มตอบเธอกลับมา “พี่สาว พี่สาวสวยมาก” “ลี่อินจะพูดกับเจ้านายของพวกเราแบบนั้นไม่ได้” ลี่กังดุน้องสาวของเขาเบาๆ“ไม่เป็นอะไรหรอก ข้าก็อยากมีน้องสาวที่น่ารักแบบนี้สักคน และเจ้าก็อย่าดุน้องสาวของเจ้ามากนักลี่กัง” “ข้าแล้วแต่นายหญิง ข้าเหลือน้องสาวคนเดียวข้าไม่อยากให้น้องสาวของข้าทำตัวไม่ดีกับท่านขอรับ” “เจ้ายังเด็กอยู่ใช้ชีวิตที่เหลือให้มีความสุขเถอะ ถ้าพวกท่านทุกคนดีกับข้า ข้าก็จะดีกับพวกท่านกลับไปเหมือนกัน” ///หลังจากที่เธอตั้งชื่อให้พวกเขาแล้ว เธอก็พาทั้งห้าคนไปที่ร้านขายผ้าซิ่วอิง เพื่อเลือกซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่และของใช้จำเป็น เมื่อเธอมาถึงหน้าร้านก็เป็นเวลาที่เย็นมากแล้วเจ้าของร้านซิ่วอิงหันมาเห็นเหมยฮวาที่เดินเข้าร้านมาพอดี “น้องเหมยฮวาเจ้ามาหาพี่เสียเย็นเชียว ข้าได้ข่าวว่าร้านของเจ้าใกล้ที่จะเปิดขายเครื่องหอมแล้ว” “ใช่แล้วพี่ซิ่วอิงข้าเปิดร้านเมื่อไหร่ข้าจะเชิญพี่เป็นคนแรก วัน
“แสดงว่าแต่ละประตูก็จะดูแลแตกต่างกันไป” เธอเดินดูไปทีละห้อง เธอสะดุดตาอยู่ห้องหนึ่งที่มีเด็กชายและเด็กผู้หญิงนั่งกอดกันอยู่ เด็กผู้หญิงนั่งซบหน้าอยู่กับอกของเด็กผู้ชายที่นั่งกอดเธออยู่ แต่สายตาของเด็กผู้ชายที่จ้องตาของเธอดูเป็นคนไม่ยอมใคร เป็นเด็กที่รู้จักปกป้องคนอื่นได้ดี เธอสนใจเด็กสองคนนี้เธอเลือกเอาไว้ในใจก่อน เธอเดินดูตามห้องถัดไปเรื่อยๆ อีกห้องเป็นชายร่างสูงใหญ่อายุประมาณสี่สิบ นั่งก้มหน้าไม่ได้สนใจสิ่งใด แต่เธอสังเกตขาของชายคนนั้นว่ามีผ้าพันไว้ที่ขา เหมือนขาของเขาจะได้รับบาดเจ็บชายคนนั้นเขารู้สึกถึงสายตาว่ามีคนจ้องมองเขาอยู่ เขาจึงเงยหน้าขึ้น เขาเห็นผู้หญิงคนหนึ่งมองมาทางเขาด้วยสายตาสนใจ เขาก็ไม่ได้สนใจอะไร ตัวเขาจะอยู่ที่ไหนก็ได้ทั้งนั้น เขาเลิกสนใจชีวิตตัวเองมานานมากแล้ว และเขาก็ก้มหน้าลงเหมือนเดิม ทำเหมือนไม่รับรู้อะไร“เจ้าสนใจใครบ้างหรือยัง” เขาเห็นเธอมองคนที่อยู่ในห้องขังเหล่านั้น“ข้าสนใจอยู่สามคนเป็นเด็กชายหญิง และผู้ชายคนนั้น แต่ข้ายังอยากได้ผู้หญิงอีกสองคน ไม่รู้จะเจอคนถูกใจหรือไม่” “ยังมีอีกหลายห้องที่เจ้ายังไม่ได้ดู เจ้าลองเดินดูก่อนเถอะค่อยเลือกอีกครั้ง” “ก
ถึงว่าไม่มีคนมาซื้อม้าที่นี่ เพราะมันมีราคาที่แพงมาก “ลดให้ข้าหน่อยได้หรือไม่ ดูม้าตัวนี้ก็ไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่นัก ถ้าพวกข้าไม่ซื้อมันก็คงไม่กินอาหารและป่วยตายก็ได้” เจาฉือเขาจำเป็นต้องขายม้าตัวนี้ออกไปให้เร็วที่สุดก่อนที่มันจะตายเพราะอาการตรอมใจก็ได้ เขามองไปทางด้านข้างของหญิงสาวที่มาซื้อม้า เป็นชายหนุ่มหน้าตาดุดัน เขาก็มีความรู้สึกกลัวขึ้นมา “ข้าขอไปถามเจ้านายของข้าก่อนได้หรือไม่” “ได้ ข้าจะรอเจ้าอยู่ตรงนี้” หลังจากที่เธอพูดจบ ลูกจ้างคนนั้นก็เดินไปทางหน้าร้านและพูดคุยอะไรบางอย่างกับคนที่นั่งเขียนบัญชีอยู่ที่โต๊ะด้านหน้าร้านค้า คนที่ก้มหน้าเขียนบัญชี เขาได้ฟังคำพูดของลูกน้องเขาพูดจนจบ เขาก็เงยหน้ามามองทางเธอที่กำลังมองเขาอยู่พอดี เธอเห็นแบบนั้นจึงหันไปมองทางอื่นแทน เธอรอไปอีกสักพักลูกจ้างคนนั้นก็เดินกลับมาหาเธอ“ข้าถามเจ้านายของข้าแล้ว ลดให้ท่านมากสุดสองตำลึงทอง ขายให้ท่านสามตำลึงทอง ท่านจะซื้อหรือไม่” เธอหันไปมองทางอี้เฉิงเพื่อให้เขาเป็นคนตัดสินใจ อี้เฉิงพยักหน้าให้เธอ บอกว่าตกลง เธอจึงทำการซื้อขายกับร้านค้าสัตว์แห่งนี้ทันที“ไม่ทราบว่าที่นี่มีเกวียนขายหรือไม่” “ร้าน
เอาไว้ตอนที่เธอมีเวลาว่าง และข้อสัญญาอื่นๆ เธอให้อี้เฉิงอ่านให้เธอฟังอีกครั้ง เธอคิดว่าต้องฝึกเรียนภาษาจีนเอาไว้บ้างแล้วตอนนี้ร้านของช่างจางเหว่ยมีคนมาจ้างงานและซื้อโถส้วมแบบใหม่เป็นจำนวนมาก ยิ่งขายได้มากเท่าไหร่ เธอก็จะได้มีเงินมากขึ้นเท่านั้น เธอคิดว่าหลังจากที่เธอเปิดร้านอย่างเป็นทางการเสร็จแล้ว เธอก็จะวาดสิ่งของชิ้นใหม่ให้ร้านสรรค์สร้างได้ทำขึ้นมา แต่ต้องหลังจากที่เธอจัดการเรื่องร้านเครื่องหอมของเธอเสร็จแล้วเสียก่อน“ตอนนี้บ้านและร้านของเจ้าก็เสร็จแล้ว เจ้าคิดชื่อร้านได้หรือยัง” อี้เฉิงถามเหมยฮวาออกไป เขาไม่รู้ว่าเธอมีชื่อร้านไว้บ้างแล้วหรือไม่“ข้าคิดชื่อร้านไว้แล้ว ท่านไม่ต้องห่วง ร้านแห่งนี้ข้าจะขายเครื่องหอมของใช้ประจำวันที่มีกลิ่นหอม และก็ยังมีน้ำหอมหลากหลายกลิ่นอีกด้วย ร้านค้าแห่งนี้ข้าจะตั้งชื่อว่า ร้านเครื่องหอมเหมยฮวา ท่านว่าเพราะหรือไม่” “เป็นชื่อที่เหมาะกับเจ้าดี ชื่อของเจ้าก็เป็นชื่อของดอกไม้อยู่แล้ว แถมของที่เจ้าทำก็มีกลิ่นที่หอม ชื่อนี้ถือว่าดี เจ้าทำของมากมายเช่นนี้ เจ้าจะเอาดอกไม้มาจากไหนมาทำกัน” “ข้าจะรับซื้อดอกไม้จากคนในหมู่บ้าน แต่ข้าต้องเอาเรื่องนี้ไปปร
“ถ้าเจ้าได้คุยกับหนิงอันเจ้าคงจะรู้แล้วว่าตัวข้าจำไม่ได้ เจ้ามาหาข้ามีธุระอันใด ข้าเคยบอกเจ้าไปแล้ว ว่าข้าจะติดต่อกลับไปเองเมื่อความจำของข้ากลับมาแล้ว” “ส่วนหนึ่งข้าแค่อยากมาเจอนายท่าน และอีกเรื่องที่พวกข้าต้องรีบมาหานายท่านก็เพราะว่าข้าจะมาเตือนนายท่าน ตอนนี้ฝ่ายศัตรูของเราเริ่มจะมีการเคลื่อนไหวมาทางเมืองสงบสุขแห่งนี้แล้ว พวกนั้นส่งคนแฝงตัวเข้ามาในเมืองแห่งนี้ถ้าพวกนั้นพบเจอกับนายท่าน พวกนั้นอาจจะทำร้ายนายท่านได้ และภรรยาของนายท่านอาจจะตกอยู่ในอันตราย” “แล้วข้าต้องทำอย่างไร พวกเจ้าคงจะไม่ได้มาเตือนข้าเฉยๆ หรอกใช่หรือไม่” “พวกข้าคุยกันแล้วว่า พวกข้าจะคอยปกป้องคุ้มครองนายท่านและภรรยา ในช่วงที่นายท่านความจำยังไม่กลับมา แต่ข้าอยากให้นายท่านกลับไปที่สำนักของนายท่าน เพื่อตบตาคนที่คิดร้ายต่อนายท่าน“ข้าจะเชื่อพวกเจ้าได้มากแค่ไหน ข้าความจำเสื่อมข้าจำไม่ได้ว่าพวกเจ้าคิดจะทำร้ายข้าหรือมาหลอกข้าหรือไม่” “สิ่งนี้เป็นสิ่งยืนยันว่าพวกข้าภักดีต่อนายท่าน” หนิงอันและหนิงหลง เปิดหน้าอกที่สักลายมังกรสีดำที่มีชื่อตรงมังกรตรงนั้นว่า อี้เฉิง “ถ้าเป็นสิ่งนี้ท่านพอจะเชื่อพวกข้าได้หรือไม่” อี้เฉ
เธอหันมาจัดการกับแม่แพะที่เพิ่งได้มา อี้เฉิงมัดเชือกไว้ที่คอของมัน เธอเดินเข้าไปใกล้แพะตัวนั้น และใช้ผ้าที่เปียกน้ำ เธอเช็ดไปตรงเต้านมของแพะ และเริ่มทำการคั้นน้ำนมแพะใส่ถังที่เธอเตรียมมา เธอคั้นน้ำนมแค่พอให้ลูกแมวกินเท่านั้น พรุ่งนี้เธอค่อยมาคั้นน้ำนมแพะตัวนี้เพิ่ม นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เธอได้ลองคั้นน้ำนมของเพะออกมา เธอก็รู้สึกแปลกใหม่อยู่บ้างเหมือนกันเธอเอานมที่ได้ เข้าไปในครัวใช้หม้อต้มน้ำนมของแพะอีกครั้ง เธอคิดว่าต้องต้มถึงจะปลอดภัย เธอต้มจนน้ำนมเดือดก็เป็นเวลาที่อี้เฉิงอาบน้ำเสร็จพอดี“ท่านอาบน้ำเสร็จแล้วหรือ ทำไมผมท่านถึงเปียกแบบนี้ ท่านรอข้าสักครู่ข้าจะเข้าไปเอาผ้ามาเช็ดผมให้ท่าน” เหมยฮวายกเตาที่ต้มน้ำนมแพะออกพักไว้ให้เย็น เธอเดินเข้าไปในบ้านและเอาผ้าเช็ดผมที่เธอซื้อมาจากร้านค้ามาเช็ดผมให้อี้เฉิง“นี่ผ้าเช็ดผม ท่านเช็ดผมให้แห้งเราจะได้กินข้าวกัน” เธอยื่นผ้าไปตั้งนานแล้ว อี้เฉิงก็ไม่รับผ้าไปจากเธอเสียที“เจ้าเช็ดผมให้ข้าหน่อยได้ไหม วันนี้ข้าเหนื่อยมากเลย” เขาไม่คิดว่าจะมีวันที่เขาต้องใช้เสียงแบบนี้เพื่ออ้อนใครสักคนเธอยิ้มกับความขี้อ้อนที่เพิ่มมากขึ้นของอี้เฉิง “ข้าเช็ดผมให้ท