เธอเข้ามาในห้องนอน ก็เห็นว่าเป็นเตียงเตาที่มีขนาดใหญ่สามารถนอนได้สองคน และรอบๆ ห้องก็ไม่มีสิ่งของอะไรอีก พอตกช่วงกลางคืนอากาศก็จะเริ่มหนาวแล้ว เธอที่อยู่เมืองร้อนมาตลอดไม่ค่อยคุ้นชินกับอากาศที่หนาวเท่าไหร่ เขาจะนอนด้านในหรือด้านนอกกันนะ เธอไม่ถือหรอกถ้าจะนอนเตียงเดียวกัน เธอเป็นหญิงยุคใหม่ และยอมรับอะไรได้ง่ายๆ แค่เขาไม่เข้ามาวุ่นวายกับเธอก็พอแล้ว เธอปูผ้าไปก็หาวิธีหาเงินไปด้วย เธอได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาในห้องก็เป็นเขานั้นเอง
“นั่นท่านจะทำอะไร ท่านต้องไปอาบน้ำก่อน ข้าจะไม่ยอมนอนกับคนที่ไม่อาบน้ำ” “เรื่องของเจ้าแต่ข้าจะนอน ข้าเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว” เขากำลังล้มตัวนอน ก็มีแรงดึงมาที่แขน เป็นนางที่พยายามดึงเขา เพื่อให้เขาออกไปอาบน้ำ ที่จริงตัวเขาก็เป็นคนที่รักความสะอาด แต่วันนี้เขาเหนื่อยล้ามาทั้งวันแล้ว เขาอยากจะนอน แต่นางก็ดึงแขนเขาไม่หยุด เขาจึงต้องลุกขึ้นไปอาบน้ำ เขาจะได้เริ่มนอนเสียที เธอดึงแขนเขาจนเมื่อยแขนไปหมด คนอะไรตัวแข็งขนาดนี้กัน จนสุดท้ายเขาก็ยอมลุกขึ้นไปอาบน้ำ เธอเดินตามออกไป เธออยากรู้ว่าเขาเอาน้ำที่ไหนอาบ “อยากออกมาดูข้าอาบน้ำก็ไม่บอก เจ้ามาอาบน้ำกับข้าก็ได้ ข้าไม่ว่าเจ้าหรอกนะ” “ใครจะอยากดูท่านอาบน้ำกัน ข้าแค่อยากรู้ว่าท่านเอาน้ำที่ไหนอาบ ข้าจะได้มาอาบน้ำได้ถูก” “เจ้าไปอาบน้ำด้านในนั่นละ ที่ห้องครัวมีอ่างสำหรับต้มน้ำอยู่ และด้านข้างมีถังใส่น้ำให้เจ้าพออาบน้ำได้ ส่วนข้าจะไปอาบด้านนอกเอง เจ้าอาบเสร็จค่อยมาเปิดประตูให้ข้าก็แล้วกัน ข้างนอกมันหนาวอย่าอาบนานนักเล่า” เขาบอกนางไปครั้งเดียว เขาจะได้รีบนอนเสียที “ขอบคุณ” เธอรอให้เขาออกไปอาบน้ำ เธอจึงเดินออกมาดูตรงห้องครัว เป็นแบบที่เขาบอกเธอ แต่เธอจุดไฟไม่เป็นพรุ่งนี้ค่อยมาลองทำก็แล้วกัน เธอรีบอาบน้ำโดยที่ไม่ต้มน้ำ น้ำเย็นไม่มากเท่าไหร่แต่เธอก็พออาบได้ เธออาบน้ำไม่นานนัก ดีที่เธอซื้อผ้าเอาไว้สำหรับเช็ดตัวและใส่อาบน้ำไว้ด้วย จะให้เธอแก้ผ้าอาบน้ำเธอก็ไม่กล้า เธอซื้อผ้าผืนยาวสีดำที่ใช้คลุมตัว มาทำผ้าถุง และซื้อผ้าอีกผืนเอาไว้สำหรับเช็ดตัว เธอเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้อง และเอาชุดชั้นในที่ซักแล้ว เธออยากจะเอาไปตากเสียหน่อย เธอไม่รู้ว่าที่นี่เขาใส่ชุดชั้นในแบบไหนกัน แต่เธอไม่อยากให้เขาเห็น เธอเปิดประตูออกไปก็เห็นว่าเขายืนรออยู่หน้าประตูพอดี “ท่านอย่าเพิ่งไป ข้าอยากตากผ้าที่ใส่แล้ว” เขาชี้ไปทางด้านข้างบ้านที่มีไม้ไผ่ยาวๆ ไว้สำหรับตากผ้าอยู่พอดี เธอรีบเดินเอาผ้าพร้อมกับชุดชั้นในไปตากไว้ และตั้งใจว่าพรุ่งนี้เธอจะรีบตื่นขึ้นมาเก็บผ้าที่ตากไว้แต่เช้า หลังจากตากผ้าเสร็จแล้วเธอก็จะเข้าไปนอน เธอเห็นชายหนุ่มนอนหลับไปแล้วด้านนอกของเตียง แสดงว่าเธอต้องนอนด้านในใช่ไหม เธอขึ้นไปนอนบนเตียงด้านใน และเอาผ้าห่มที่ซื้อมาขึ้นมาห่ม และก็หลับไปด้วยความเหนื่อยล้า ทางด้านอี้เฉิงที่เธอคิดว่าหลับไปแล้ว เขาก็ลืมตาตื่นขึ้นมา เขามองไปทางนางที่นอนอยู่ เขารู้ว่านางไม่ได้ความจำเสื่อมนางอาจมีเหตุผลบางอย่าง แต่นางก็ดูไม่เหมือนคนที่นี่ นางแปลกกว่าทุกคนที่เขาเคยพบ ไม่ว่านางจะมาจากที่ไหน ขอแค่นางไม่เป็นอันตรายต่อเขาก็พอแล้ว เช้าวันต่อมาอี้เฉิงรู้สึกว่ามีอะไรนุ่มๆ อยู่ตรงแขนของเขา เขาจึงลืมตาดู เห็นหญิงสาวที่นอนอยู่ด้านข้างเขาที่ใช้ทั้งมือและแขนกอดเขาไว้ และที่เขารู้สึกนุ่มๆ ตรงแขนนั้น ก็น่าจะเป็นหน้าอกของนางนั่นเอง เขาก็รู้สึกตัวร้อนขึ้นมา แต่เขาก็ไม่ได้จับแขนและขาของนางออกจากตัวของเขา และเขาก็แกล้งหลับไป///// เหมยฮวารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในตอนเช้า เธอฝันว่าตัวเองนอนกอดหมอนข้าง ทำให้ตัวเธอหลับสบายเป็นอย่างมาก เธอใช้มือลูบๆ คลำๆ หมอนข้างที่เธอใช้กอดประจำ แต่วันนี้หมอนข้างของเธอนั้นแข็งมาก เธอเอามือลูบตั้งแต่บนจนถึงด้านล่าง ทำไมหมอนข้างลูกนี้ถึงนิ่มแค่จุดเดียวล่ะ เธอลูบๆ คลำๆ ตรงจุดนั้นซ้ำๆ เธอก็นึกได้ว่าตัวเองทะลุเวลามาแล้ว ไม่ได้นอนอยู่บนเตียงของเธออีกต่อไป อี้เฉิงที่นอนอยู่ดีๆ ก็ถูกหญิงสาวลูบตั้งแต่ด้านบน วนลงมาตรงของรักของเขา ทำให้เขารู้สึกแข็งตัวขึ้นมาทันที เขาตื่นขึ้นมาพร้อมกับใบหน้าที่แดงก่ำและรู้สึกร้อนไปทั้งร่างกาย เหมยฮวาลืมตาตื่นขึ้นมาทันที พร้อมกับมองไปที่มือของตัวเองที่กำลังจับอยู่ เป็นบางสิ่งที่อยู่กึ่งกลางของชายหนุ่มหน้าโหดที่นอนอยู่ข้างเธอ เธอรีบเอามือออกจากจุดนั้นทันที “ข้าขอโทษ” เธอถอยหลังจนติดกับผนังของห้องนอนด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ พร้อมกับความอับอายที่เธอได้ทำลงไป ทั้งๆ ที่เธอห้ามเขาอยู่ตลอด แต่เป็นเธอที่ลวนลามเขาก่อน “แค่เจ้ารู้สึกดีข้าก็ยินดี แต่คราวหน้าเจ้าไม่ต้องทำตอนข้าหลับก็ได้ ข้ายินดีให้ความร่วมมือกับเจ้าเสมอ” เขาพูดแกล้งนางออกไป ใบหน้านั้นที่แดงเหมือนผลท้อ มันช่างดูน่ารักยิ่งนัก หลังจากได้ยินคำพูดของอี้เฉิง เหมยฮวาก็ก้มหน้าลงมากกว่าเดิม และเธอคิดว่าจะหาทางออกไปจากห้องนี้ได้อย่างไร “นี่ก็เช้ามากแล้ว ข้าจะออกไปเตรียมอาหารให้ท่านทาน” เธอไม่รอคำตอบของเขา และก็รีบวิ่งลงจากเตียงออกไปด้านนอกของห้องนอนทันที เธอก้มมองไปที่ตัวเอง บ้าจริงชุดชั้นใน เธอก็ไม่ได้ใส่ เธอมั่นใจว่าเมื่อคืนเธอเอาผ้าพันไว้ที่ตัวอย่างแน่นหนาแล้ว ผ้าผืนนั้นไม่รู้หลุดออกจากตัวเธอไปตอนไหน เธอรีบออกไปนอกบ้านและเก็บชุดชั้นในที่ตากอยู่ด้านนอก ดีที่อากาศหนาวและมีลมพัดแรงตลอดทั้งคืนทำให้เสื้อผ้าของเธอแห้งเร็ว เธอมองหาห้องน้ำและเอาชุดชั้นในเข้าไปใส่ให้เรียบร้อย เธอก็เดินกลับเข้ามาในห้องครัว “ท่านทำอะไรอยู่” เธอเจออี้เฉิงนั่งทำอะไรบางอย่างอยู่หน้าเตา “ข้ากลัวว่าเจ้าจะจุดไฟไม่เป็น ข้าเลยเข้ามาจุดไฟไว้ให้ เมื่อคืนเจ้าก็ทนอาบน้ำเย็น เจ้าอย่าอาบน้ำเย็นบ่อยนัก เจ้าอาจจะป่วยไข้ได้” เขาพูดแค่เรื่องจุดไฟโดยข้ามเรื่องที่นางทำเมื่อเช้าไป เขากลัวว่านางจะอายจนทำให้นางไม่กล้าสู้หน้าเขาได้ “ขอบคุณ ครั้งหน้าข้าจะต้มน้ำอาบก่อน ท่านไปทำธุระของท่านเถิด อาหารข้าจะเป็นคนทำเอง” เธอบอกกับเขาและเขาก็เดินออกไปด้านนอกบ้านเธอรีบทำอาหารที่พอทำได้ ดีที่ห้องครัวนี้มีสองเตา เธอจึงใช้หนึ่งเตาหุงข้าวขาวที่มีอยู่เต็มถัง ตอนเด็กเธอเคยอยู่กับยาย ก่อนที่ท่านจะเสียชีวิตเธอก็เคยหุงข้าวบนเตาถ่านแบบนี้อยู่บ้างไม่ใช่เรื่องยากอะไร แถมน้ำข้าวที่ได้ ก็มีประโยชน์อีกด้วย ตอนเช้าเธอหุงข้าว และทำกับข้าวสองอย่าง เธอจุดไฟอีกเตา เธอใช้กระทะแบบมีหูจับสองข้าง เธอหันไปเห็นผักกาดดอง และมีไข่อยู่พอดี เครื่องปรุงของที่นี่ก็ไม่มีอะไรมากนอกจากเกลือและน้ำตาล มีน้ำมันอยู่เต็มถัง เขาเป็นนายพรานสิ่งที่ไม่ขาดแคลนก็คือเนื้อ เธอยังเห็นเนื้อตากแห้ง เธอจึงเริ่มทำผัดผักกาด เธอเอาน้ำมันเทไปบนกระทะ และผัดไข่กับผักกาดปรุงรสแบบง่ายๆ เสร็จแล้วก็ยกลงจากเตา อย่างที่สองเธอนำไข่ที่ตีจนเข้ากันแล้ว นำไปทอดในกระทะให้มีสีเหลืองกรอบดูน่ากินและตักออก เธอยกกระทะลง เธอเอาหม้อที่มีอยู่ในบ้านต้มน้ำใส่เกลือนิดหน่อยปรุงรส เธอใส่เนื้อตากแห้งเคี่ยวจนได้ที่แล้ว ก็เอาไข่ที่ทอดไว้มาหั่นเป็นสี่เหลี่ยม ใส่ลงไปในหม้อ ปิดฝาหม้อและก็เบาไฟลง พร้อมกับข้าวที่สุกพร้อมทานพอดี เธอมองทุกอย่างที่พร้อมแล้ว เธอก็เข้าไปล้างหน้าและเรียกอี้เฉิงให้มากินข้าวพร้อมกัน แต่ที่แห่งนี้ไม่มีแปรงส
เธอตกใจกับค่าแต้มที่ได้มาก ค่าแต้มเสน่หาเธอจะไปทำกับใคร จะไปกอดหรือจูบกับนายพรานหน้าโหดอี้เฉิงนั่นหรือ เธอเปิดดูราคาสินค้าที่เธอต้องการซื้อในตอนนี้ก่อน นั่นคือแปรงสีฟัน เธอทนไม่ได้กับกลิ่นปากของตัวเอง ไม่ใช่เธอมีกลิ่นปากที่เหม็นแต่เธอไม่ชิน ราคาแปรงสีฟันอยู่ที่สามสิบแต้ม และยาสีฟันห้าสิบแต้ม สบู่ห้าสิบแต้ม เธอพักเรื่องการหาแต้มไว้ก่อน เอาไว้เธอจะลองคิดเรื่องนี้อีกที เธอหันไปเห็นอี้เฉิงกำลังเดินมาทางที่เธอนั่งอยู่ เธอรีบเก็บโทรศัพท์ไว้ที่เดิมด้วยการพูดคำว่าเก็บ โทรศัพท์ก็หายไปทันที“ทำไมเจ้าถึงเดินออกมาไกลเช่นนี้ เราต้องไปพบกับผู้ใหญ่บ้านกันแล้ว เจ้าเตรียมตัวให้พร้อม ข้าจะไปรอที่บ้าน” เธอไม่ได้ตอบอะไรเขาไป เธอมัวแต่มองหน้าของเขาอยู่ ถ้าอี้เฉิงโกนหนวดออกไป เขาก็จะเป็นชายที่หน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งเลย ถ้าเขาทำผมให้มันดีๆ ก็คงมีสาวหลายคนยอมที่จะเป็นภรรยาให้เขาแน่อี้เฉิงมองท่าทางเหม่อลอยของเหมยฮวา จึงเรียกเธออีกครั้ง “เจ้าได้ยินที่ข้าพูดหรือเปล่า เจ้าเป็นอะไรกันไม่สบายใช่หรือไม่” เขาเอามือไปจับที่หน้าผากของเหมยฮวาเพื่อวัดไข้ของตัวนาง เพราะเมื่อคืนนางอาบน้ำเย็น นางอาจจะไม่สบายได้เหมยฮวา
“ความจำของข้ากลับมาบ้างแล้ว ตอนข้าไปขายสัตว์ที่ล่าได้ภายในเมือง ข้าเจอเข้ากับภรรยาที่กำลังตามหาข้าอยู่โดยบังเอิญ ข้าจึงพาภรรยาของข้ามาอยู่ด้วย ท่านคงไม่ว่าอะไร” “ข้าจะไปว่าอะไรท่านได้ ข้าดีใจที่ท่านความจำกลับมาบ้างแล้ว แล้วภรรยาของท่านชื่ออะไร” “ข้าชื่อเหมยฮวา ต้องรบกวนเวลาของท่านเสียแล้ว” “พวกเราก็เป็นคนกันเองกันทั้งนั้น มีอะไรช่วยได้ ข้าก็ช่วย วันนี้ข้าว่างอยู่พอดี จะเข้าเมืองเอาชื่อภรรยาของท่านไปลงไว้ที่อำเภอให้” “ขอบคุณท่านผู้ใหญ่บ้านมากขอรับ นี่น้ำใจเล็กๆ น้อยๆ จากข้า ถ้าไม่มีอะไรแล้วข้าขอตัวกลับบ้านก่อน” “น้ำใจอะไร คนกันเองทั้งนั้น” ผู้ใหญ่บ้านจับน้ำหนักของถุงที่ใส่เงิน ก็มีสีหน้าพึงพอใจ เขามองตามหลังของนายพรานอี้เฉิงที่เดินออกจากประตูบ้านไป น่าเสียดายจริงๆ เขาวางแผนไว้ว่าจะให้ลูกสาวคนโตแต่งงานกับนายพรานอี้เฉิง เขาจะได้มีเงินใช้จ่ายไม่ขาดมือ และยังมีเนื้อกินอีกด้วย“ท่านพ่อ นายพรานเขามีภรรยาแล้ว แล้วตัวข้าละ ข้ารอนายพรานอี้เฉิงมาตั้งหลายปีแล้ว ท่านไม่สงสารลูกคนนี้ของท่านบ้างหรือ” หลีถิงพูดเสร็จก็เข้าห้องนอนของเธอไป เธอนั่งร้องให้ เสียใจที่นายพรานที่เธอแอบมีใจให้มีภรรย
“น้องหลีเจียของพี่ หุ่นน้องดีขนาดนี้พี่จะเบาได้อย่างไร” หลีเต๋อใช้มือที่ยังว่างอยู่ลูบไล้ไปทั่วร่างกาย จนถึงจุดกึ่งกลางด้านล่างของหญิงสาว เขาใช้นิ้วมือคลึงจุดเสียวของหลีเจีย จนแม่ม่ายหลีเจียร้องเสียงหลง เขาสอดนิ้วเข้าไปสองนิ้วพร้อมกับคลึงจุดเสียวของแม่ม่ายหลีเจียไปด้วยหลีเจียรู้สึกเสียวเป็นอย่างมาก เธอยกเอวขึ้นสูงและส่ายสะโพกของตัวเองตอบรับนิ้วมือที่แทงเข้ามา เธอรู้สึกว่าใกล้จะเสร็จสมเสียแล้ว เธอจึงส่ายเอวเร็วขึ้น และเธอก็กระตุกตอดไปที่นิ้วของหลีเต๋ออย่างแรง“น้องหลีเจีย ถ้าของน้องดูดนิ้วของพี่แรง นิ้วของพี่อาจจะขาดเอาได้” หลีเจียนอนหอบหายใจแรง หลีเต๋อขยับทั้งสองนิ้วที่อยู่ด้านในของเธอแรงขึ้น ทำให้เธอรู้สึกเสียวกระสันอยากขึ้นมาอีกครั้ง“ของพี่ยังไม่ได้ใส่เข้าไป หลังจากนี้น้องต้องรับของจริงของพี่แล้ว” หลีเต๋อพูดออกมาด้วยเสียงที่แหบพร่าหลีเต๋อจับแท่งเนื้อที่มีขนาดใหญ่เต็มที่แล้ว เขาเอาแท่งเนื้อของเขาที่รู้สึกปาดหนึบขึ้นมา เขาภูมิใจแท่งเนื้อที่มีขนาดใหญ่และยาว เป็นของที่สาวน้อยใหญ่หลายคนติดใจในลีลาของเขา เขาเอาแท่งเนื้อนั้น ใส่เข้าไปที่ปากของแม่ม่ายหลีเจียแม่ม่ายหลีเจียก็รู้ง
เหมยฮวาอยู่บ้านเฉยๆ เธอก็เบื่อมาก เธอลองค้นหาในโทรศัพท์ถึงวิธีทำน้ำหอมแบบง่ายในสมัยก่อน เธอก็เจอวิธีทำเยอะมาก เธอเจอวิธีทำสบู่และยาสระผมด้วย เธอจะทำสิ่งนี้ไว้อย่างละนิดละหน่อย ในตอนที่เธอมีแต้มมากพอที่จะซื้อของจากร้านค้าออนไลน์ นายพรานอี้เฉิงจะได้ไม่สงสัยเธอมากนัก ช่วงนี้อากาศหนาวแล้ว เธอจะลองทำสบู่ที่ใช้ไขมันของสัตว์ทำดู เพราะทำง่ายและยังช่วยให้ความชุ่มชื่นอีกด้วย แต่กลิ่นจะไม่หอม เธออยากได้ใบมะกรูดหรือลูกมะนาวก็ได้ แต่ที่นี่จะมีของที่เธอต้องการหรือไง เธออ่านขั้นตอนการทำจนเข้าใจแล้ว ก็เข้าไปในครัว และเอาขี้เถ้าในเตาถ่านออกมาใส่ไว้ในถังแยกไว้ เธอเลือกแต่ขี้เถ้าที่เป็นสีขาวเท่านั้น อี้เฉิงที่กลับเข้ามาในบ้าน เขามองนางที่กำลังทำอะไรบางอย่างอยู่หน้าเตาถ่าน “เจ้าทำอะไรอยู่หรือ” “ท่านกลับมาแล้วหรือ ข้าอยากลองทำสบู่เอาไว้ถูตัว ข้ารู้สึกว่าอาบน้ำเฉยๆ มันไม่สะอาดเท่าไหร่นัก” สบู่หรือเขาเคยเห็นขายอยู่ตามร้านใหญ่ๆ ที่มีแต่คนที่มีเงินเข้าไปซื้อใช้ และเป็นสิ่งของที่มีราคาแพงและสิ้นเปลืองแต่ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่รักสวยรักงามมักจะชอบใช้กัน “ถ้าเจ้าอยากใช้สบู่ข้าจะเข้าไปซื้อในเมืองมาให้เจ้าใช้
“ได้ ครั้งหน้า ข้าเข้าไปในป่าและจะบอกกับเจ้า” อี้เฉิงกินอาหารจนข้าวหมดไปหนึ่งถ้วย เขาจะเติมข้าวอีก แต่นางไม่ให้เขาเติม นางบอกว่ากลัวเขาจะปวดท้องเพราะมันเย็นมากแล้ว อาหารที่เหลือยังมีอีก เธอจะเก็บไว้ให้เขากินพรุ่งนี้ เขาจึงต้องวางจานลงไว้ที่เดิมด้วยความรู้สึกเสียดาย ขนาดไข่ทอดธรรมดาที่นางทอดให้เขากิน ยังอร่อยเลยเธอเห็นสีหน้าของอี้เฉิงที่มีความเสียดายอย่างปิดไม่มิด “ข้ารู้ว่าเจ้าอยากกินอีก ที่ข้าเตือนเจ้าเพราะว่าข้าเป็นห่วงกลัวว่าเจ้าจะไม่สบายท้อง” เธอพูดจบและมองไปที่หน้าของอี้เฉิง เธอรู้สึกขัดใจกับหนวดเคราบนหน้าเขามาก “ท่านไม่คิดจะตัดหนวดบ้างหรือ ข้าว่าถ้าท่านตัดหนวดออก ท่านคงจะหล่อไม่น้อย” เธอพูดจบก็เดินเอาถ้วยจานออกไปล้างกับน้ำอุ่นที่เธอต้มไว้ เธอใช้ขี้เถ้าล้างจาน เธออยากได้น้ำยาล้างจานจังเลย เธอรู้สึกว่าจานที่ล้างไม่สะอาดเท่าไหร่ เธอล้างเสร็จแล้วก็เอาจานพวกนั้นมาต้มอีกครั้งเพื่อฆ่าเชื้อ ป้องกันไม่ให้ท้องเสีย เธอทำอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอก็ต้มน้ำไว้สองหม้อเต็มๆ เพื่อให้เธอและอี้เฉิงอาบคนละหนึ่งหม้อ หลังจากที่เธอและเขาอาบน้ำเสร็จแล้ว เธอก็เตรียมตัวเข้านอน ตั้งแต่ที่เธอมาอยู่
เหมยฮวาเล่าทุกอย่างเรื่องที่เธอคิดและเรื่องสายตาแปลกๆ ของหลีเต๋อ เธอเล่าทุกเรื่องอย่างละเอียด “เป็นอย่างไร ท่านว่าแปลกใช่ไหม คนที่ไม่ได้สนิทกันไม่ได้รู้จักกัน นางพยายามเข้าหาข้าทำไม ตัวข้าก็ไม่มีอะไรให้นางสนใจ หรือนางอาจจะหึงหวงท่านเป็นแน่” “เจ้าจำที่ข้าเคยบอกกับเจ้าได้ไหม ว่ามีคนเคยปีนกำแพงเข้ามานอนในห้องของข้า คนนั้นก็คือแม่ม่ายหลีเจีย ที่เข้ามานอนรอในห้องข้า ตอนที่ข้าไม่อยู่ในบ้าน และพยายามให้ท่าข้าอีกด้วย เรื่องที่เจ้าคิด ข้าว่าก็มีส่วนที่เจ้าคิดถูก” “ถ้าทั้งสองคนนั้น มีแผนร้ายทำไม่ดีกับข้า เราก็ต้องใช้แผนซ้อนแผน ข้าจะเป็นตัวล่อคนพวกนั้นเอง ท่านก็ต้องช่วยข้า” “ข้าไม่อยากให้เจ้าเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยง มันอันตรายเกินไป ถ้าเกิดเรื่องร้ายๆ ขึ้นกับเจ้า ข้าจะอยู่ได้อย่างไร” อี้เฉิงเขาเริ่มพูดอะไรแปลกๆ อีกแล้ว เธอมั่นใจว่าเธอปกป้องตัวเองได้ “ท่านอย่าคิดมาก ข้าไม่เป็นอะไรหรอก ท่านก็อยู่กับข้าตลอด คนพวกนั้นไม่มีทางทำอะไรข้าได้” เขาไม่อยากให้นางเอาตัวเองไปเสี่ยงจริงๆ แต่ถ้าฝั่งนั้นคิดไม่ดีกับเหมยฮวาจริง เขาคงไม่ปล่อยพวกมันไว้ ตั้งแต่ใช้ชีวิตอยู่กับเหมยฮวาทุกวัน และนอนกอดนางทุกค
“คนสวยของเรา จะมีสามีใหม่เสียแล้ว เจ้าจะมาโทษข้าไม่ได้ เพราะเจ้าแย่งของที่ข้าชอบไป เจ้าอาจจะติดใจผู้ชายคนใหม่จนลืมสามีของเจ้าไปเลยก็ได้” ม่ายหลีเจียหัวเราะออกมาและพยุงตัวของเหมยฮวาไปทางบ้านร้างนั้นอี้เฉิงที่ยืนฟังที่หลีถิงพูดอยู่นาน เขาเริ่มรู้สึกเป็นห่วงเหมยฮวามากขึ้นทุกที จึงพูดตัดบทของหลีถิงออกไปหลีถิงที่ทำใจไม่ได้ นางเศร้าเสียใจและก็วิ่งร้องไห้กลับบ้านไป นางสารภาพรักกับนายพรานอี้เฉิง แต่ไม่คิดว่านายพรานอี้เฉิงจะไม่มีเยื่อใยต่อนางเลย เขาไม่เคยมองนางเป็นหญิงสาวเลยสักครั้งอี้เฉิงก็ไม่ได้สนใจหลีถิงอีก เขาวิ่งกลับไปที่บ้าน และเปิดประตูบ้านแต่ไม่พบกับเหมยฮวา เขายิ่งร้อนใจเพิ่มไปอีก เขารีบวิ่งไปตามรอยเท้าที่ยังเหลืออยู่ เขาเป็นนายพรานเรื่องแกะรอยต่างๆ เขาถนัดอยู่แล้ว เขาตามรอยเท้ามาเรื่อยๆ ก็พบว่ารอยเท้านั้นไปทางบ้านร้างบนเขา พอเขารู้จุดหมายปลายทาง เขาก็รีบวิ่งไปแบบไม่คิดชีวิต เขาเป็นห่วงเหมยฮวาเพิ่มมากขึ้นไปอีก กลัวนางจะเป็นอันตรายเหมยฮวาที่ยังพอมีสติอยู่บ้างเพราะเธอกินน้ำไปแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น สติของเธอช่างเลือนลางเธอจับสเปรย์พริกไทยกำไว้ที่มือแน่น ตอนนี้เธอนอนอยู่ที่ไหนกัน เธ
“ข้าไม่เคยเห็น หรือบางทีข้าอาจจะไม่ได้สนใจพวกมัน เพราะมันก็แค่ดอกไม้ธรรมดา ข้าเข้าป่าก็เพื่อล่าสัตว์เท่านั้น” “ท่านนี่ไม่มีความนุ่มนวลเหมือนผู้หญิงเลย” “ก็ข้าเป็นผู้ชายจะให้นุ่มนิ่มเหมือนผู้หญิงได้อย่างไร แต่บนเตียงข้าก็นุ่มนวลกับเจ้าอยู่นะ เจ้าว่าจริงหรือไม่” “ท่านนี่มันเปลี่ยนเรื่องไปเรื่อยเลย” เธอตีไปที่อกของอี้เฉิงเบาๆ“ถ้าไม่ให้ข้านุ่มนวลกับภรรยา เจ้าจะให้ข้านุ่มนวลกับคนอื่นหรือ” “ถ้าท่านกล้าทำก็ลองดู ข้าจะตอนส่วนล่างของท่านเสีย” อี้เฉิงแกล้งเอามือปิดตรงส่วนล่างของเขา “ข้ากลัวแล้ว แม่เสื่อตัวนี้ดุมาก” “ท่านยังทำเป็นเล่นอยู่อีก ถ้าท่านมองสาวอื่นข้าจะจะโกรธท่าน และข้าขอบอกกับท่านไว้เลยว่า ข้าไม่ขอใช้สามีร่วมกับใครทั้งนั้น” “ใจของข้ามีแค่เจ้าเท่านั้น เจ้าเชื่อใจข้าได้” “ใครจะรู้ ท่านอาจจะมีภรรยาอยู่ที่บ้านท่านแล้วก็ได้” “ไม่คุยเรื่องนี้แล้ว ข้าไม่อยากทำให้เจ้าโกรธ เรามาคุยเรื่องวันเปิดร้านกันดีหรือไม่” เธอเห็นว่าคุยกันไป คุยกันมาจะกลายเป็นว่าทะเลาะกันเสียแล้ว เธอจึงเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นตามที่อี้เฉิงบอก ถ้าเขามีภรรยาอยู่แล้ว เธอจะทำอย่างไร เธอจะเสียใจมากแค่ไหน
“เจ้าเป็นเด็กในหมู่บ้านนี้แห่งนี้หรือ ข้าไม่คุ้นหน้าเจ้าเลย เจ้ามาหาข้ามีเรื่องจะถามข้าหรือ ไม่ต้องกลัวข้าไม่ใช่คนใจร้าย” เธอพยายามพูดกับเด็กตรงหน้าเธอด้วยเสียงที่ดูใจดี ดูท่าทางเด็กคนนี้จะไม่ค่อยได้ออกมาข้างนอกมากนัก เพราะเธอไม่เคยเห็นหน้าเขามาก่อน“ข้าถามท่านได้หรือไม่ ท่านบอกว่าจะรับซื้อดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมทุกชนิดใช่หรือไม่” “ใช่แล้ว ถ้าบ้านของเจ้ามีดอกไม้ที่ตากแห้งแล้วก็นำมาขายให้ข้าได้ เจ้ารู้จักเม็ดของดอกบัวหรือไม่” “ข้ารู้ ข้าเคยเก็บพวกมันไปกินบ่อยๆ แต่กินมากก็จะท้องอืดได้” “เจ้าชื่ออะไรและตอนนี้อยู่บ้านกับใคร ข้าไม่คุ้นหน้าเด็กแบบเจ้ามาก่อนเลย” “ข้าชื่อหลีชาง ข้าอยู่คนเดียวไม่มีพ่อแม่” “การที่เจ้าเข้าไปเก็บดอกบัวจะเป็นอันตรายมาก เจ้าว่ายน้ำเป็นหรือ” “ข้าว่ายน้ำเป็นข้าอายุสิบสองปีแล้ว ข้าอยู่คนเดียวมานานมาก” “ข้ารับซื้อรากของดอกบัวด้วย เจ้ารู้จักหรือไม่ ถ้าวันหนึ่งเจ้าไปเก็บเมล็ดบัวมาอีกเจ้าเก็บรากของดอกบัวมาให้ข้าดู ถ้าเจ้าเก็บรากบัวมาขายให้ข้า ข้าจะรับซื้อเจ้าจินละ2 กวน แต่การเก็บรากบัวจะอันตรายมาก ข้าว่าเจ้าเก็บดอกไม้เอามาขายให้ข้าเหมือนคนอื่นเถอะ” “รากบัวท่า
“เจ้ารอบคอบมาก เรารีบไปกันเถอะ” เขาขับเกวียนม้ามาทางหมู่บ้านป่าเขียว เขาขับเกวียนไปทางบ้านของผู้ใหญ่บ้านหลีอันก่อนอี้เฉิงเดินลงจากเกวียนม้า เขาเคาะไปที่ประตูหน้าบ้านและเรียกชื่อผู้ใหญ่บ้านเสียงดัง“ใครเรียกข้ากัน ข้ามาแล้ว” หลีอันเดินออกมาเปิดประตูหน้าบ้าน“นายพรานอี้เฉิงเองหรือ ท่านมาหาข้ามีธุระอันใด นั่นเกวียนม้าของท่านใช่หรือไม่ ถ้าแบบนั้นข่าวลือที่ชาวบ้านเขาพูดกันก็เป็นเรื่องจริง” “ชาวบ้านเขาพูดกันเรื่องอะไรหรือ” เหมยฮวาถามผู้ใหญ่บ้านออกไป“เขาบอกว่าเจ้าซื้อบ้านใหญ่โต และสร้างกิจการขายของอยู่ในเมือง พวกเจ้าเป็นอย่างที่ชาวบ้านพูดกันหรือไม่” “พวกข้าไม่ได้ร่ำรวยอะไร ก็แค่เอาของที่เคยทำที่บ้านเดิมของข้ามาขาย บังเอิญว่าของนั้นขายได้ดี พวกข้าก็เลยพอมีเงินเก็บนิดหน่อย ไม่ได้ร่ำรวยอะไรหรอก” “แล้ววันนี้พวกเจ้ามาหาข้ามีเรื่องอันใดล่ะ หรือจะมาบอกหนทางรวยให้พวกชาวบ้านบ้าง” เหมยฮวาฟังคำเหน็บแนมของผู้ใหญ่บ้าน เธอก็รู้สึกโมโหนิดหน่อย แต่ก็อย่างว่าถ้าใครได้ดีกว่าคนอื่นก็อิจฉาพวกเธอเป็นเรื่องธรรมดา เธอจึงคิดรับซื้อของจากคนในหมู่บ้านเพื่อไม่ให้คนอื่นพูดว่าเธอและอี้เฉิงได้“ที่พวกข้ามา
“ขอบคุณนายหญิงมากขอรับ” เขาจะรับใช้นายหญิงที่ใจดีกับเขาให้ดีที่สุด“พวกเจ้า เด็กน้อยทั้งสองยังกลัวข้าอยู่หรือไม่ เจ้าเรียกข้าว่าพี่สาวก็ได้ ไม่ต้องเรียกนายหญิงหรอก” เด็กหญิงมองไปที่เหมยฮวาแล้วก็ยิ้มตอบเธอกลับมา “พี่สาว พี่สาวสวยมาก” “ลี่อินจะพูดกับเจ้านายของพวกเราแบบนั้นไม่ได้” ลี่กังดุน้องสาวของเขาเบาๆ“ไม่เป็นอะไรหรอก ข้าก็อยากมีน้องสาวที่น่ารักแบบนี้สักคน และเจ้าก็อย่าดุน้องสาวของเจ้ามากนักลี่กัง” “ข้าแล้วแต่นายหญิง ข้าเหลือน้องสาวคนเดียวข้าไม่อยากให้น้องสาวของข้าทำตัวไม่ดีกับท่านขอรับ” “เจ้ายังเด็กอยู่ใช้ชีวิตที่เหลือให้มีความสุขเถอะ ถ้าพวกท่านทุกคนดีกับข้า ข้าก็จะดีกับพวกท่านกลับไปเหมือนกัน” ///หลังจากที่เธอตั้งชื่อให้พวกเขาแล้ว เธอก็พาทั้งห้าคนไปที่ร้านขายผ้าซิ่วอิง เพื่อเลือกซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่และของใช้จำเป็น เมื่อเธอมาถึงหน้าร้านก็เป็นเวลาที่เย็นมากแล้วเจ้าของร้านซิ่วอิงหันมาเห็นเหมยฮวาที่เดินเข้าร้านมาพอดี “น้องเหมยฮวาเจ้ามาหาพี่เสียเย็นเชียว ข้าได้ข่าวว่าร้านของเจ้าใกล้ที่จะเปิดขายเครื่องหอมแล้ว” “ใช่แล้วพี่ซิ่วอิงข้าเปิดร้านเมื่อไหร่ข้าจะเชิญพี่เป็นคนแรก วัน
“แสดงว่าแต่ละประตูก็จะดูแลแตกต่างกันไป” เธอเดินดูไปทีละห้อง เธอสะดุดตาอยู่ห้องหนึ่งที่มีเด็กชายและเด็กผู้หญิงนั่งกอดกันอยู่ เด็กผู้หญิงนั่งซบหน้าอยู่กับอกของเด็กผู้ชายที่นั่งกอดเธออยู่ แต่สายตาของเด็กผู้ชายที่จ้องตาของเธอดูเป็นคนไม่ยอมใคร เป็นเด็กที่รู้จักปกป้องคนอื่นได้ดี เธอสนใจเด็กสองคนนี้เธอเลือกเอาไว้ในใจก่อน เธอเดินดูตามห้องถัดไปเรื่อยๆ อีกห้องเป็นชายร่างสูงใหญ่อายุประมาณสี่สิบ นั่งก้มหน้าไม่ได้สนใจสิ่งใด แต่เธอสังเกตขาของชายคนนั้นว่ามีผ้าพันไว้ที่ขา เหมือนขาของเขาจะได้รับบาดเจ็บชายคนนั้นเขารู้สึกถึงสายตาว่ามีคนจ้องมองเขาอยู่ เขาจึงเงยหน้าขึ้น เขาเห็นผู้หญิงคนหนึ่งมองมาทางเขาด้วยสายตาสนใจ เขาก็ไม่ได้สนใจอะไร ตัวเขาจะอยู่ที่ไหนก็ได้ทั้งนั้น เขาเลิกสนใจชีวิตตัวเองมานานมากแล้ว และเขาก็ก้มหน้าลงเหมือนเดิม ทำเหมือนไม่รับรู้อะไร“เจ้าสนใจใครบ้างหรือยัง” เขาเห็นเธอมองคนที่อยู่ในห้องขังเหล่านั้น“ข้าสนใจอยู่สามคนเป็นเด็กชายหญิง และผู้ชายคนนั้น แต่ข้ายังอยากได้ผู้หญิงอีกสองคน ไม่รู้จะเจอคนถูกใจหรือไม่” “ยังมีอีกหลายห้องที่เจ้ายังไม่ได้ดู เจ้าลองเดินดูก่อนเถอะค่อยเลือกอีกครั้ง” “ก
ถึงว่าไม่มีคนมาซื้อม้าที่นี่ เพราะมันมีราคาที่แพงมาก “ลดให้ข้าหน่อยได้หรือไม่ ดูม้าตัวนี้ก็ไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่นัก ถ้าพวกข้าไม่ซื้อมันก็คงไม่กินอาหารและป่วยตายก็ได้” เจาฉือเขาจำเป็นต้องขายม้าตัวนี้ออกไปให้เร็วที่สุดก่อนที่มันจะตายเพราะอาการตรอมใจก็ได้ เขามองไปทางด้านข้างของหญิงสาวที่มาซื้อม้า เป็นชายหนุ่มหน้าตาดุดัน เขาก็มีความรู้สึกกลัวขึ้นมา “ข้าขอไปถามเจ้านายของข้าก่อนได้หรือไม่” “ได้ ข้าจะรอเจ้าอยู่ตรงนี้” หลังจากที่เธอพูดจบ ลูกจ้างคนนั้นก็เดินไปทางหน้าร้านและพูดคุยอะไรบางอย่างกับคนที่นั่งเขียนบัญชีอยู่ที่โต๊ะด้านหน้าร้านค้า คนที่ก้มหน้าเขียนบัญชี เขาได้ฟังคำพูดของลูกน้องเขาพูดจนจบ เขาก็เงยหน้ามามองทางเธอที่กำลังมองเขาอยู่พอดี เธอเห็นแบบนั้นจึงหันไปมองทางอื่นแทน เธอรอไปอีกสักพักลูกจ้างคนนั้นก็เดินกลับมาหาเธอ“ข้าถามเจ้านายของข้าแล้ว ลดให้ท่านมากสุดสองตำลึงทอง ขายให้ท่านสามตำลึงทอง ท่านจะซื้อหรือไม่” เธอหันไปมองทางอี้เฉิงเพื่อให้เขาเป็นคนตัดสินใจ อี้เฉิงพยักหน้าให้เธอ บอกว่าตกลง เธอจึงทำการซื้อขายกับร้านค้าสัตว์แห่งนี้ทันที“ไม่ทราบว่าที่นี่มีเกวียนขายหรือไม่” “ร้าน
เอาไว้ตอนที่เธอมีเวลาว่าง และข้อสัญญาอื่นๆ เธอให้อี้เฉิงอ่านให้เธอฟังอีกครั้ง เธอคิดว่าต้องฝึกเรียนภาษาจีนเอาไว้บ้างแล้วตอนนี้ร้านของช่างจางเหว่ยมีคนมาจ้างงานและซื้อโถส้วมแบบใหม่เป็นจำนวนมาก ยิ่งขายได้มากเท่าไหร่ เธอก็จะได้มีเงินมากขึ้นเท่านั้น เธอคิดว่าหลังจากที่เธอเปิดร้านอย่างเป็นทางการเสร็จแล้ว เธอก็จะวาดสิ่งของชิ้นใหม่ให้ร้านสรรค์สร้างได้ทำขึ้นมา แต่ต้องหลังจากที่เธอจัดการเรื่องร้านเครื่องหอมของเธอเสร็จแล้วเสียก่อน“ตอนนี้บ้านและร้านของเจ้าก็เสร็จแล้ว เจ้าคิดชื่อร้านได้หรือยัง” อี้เฉิงถามเหมยฮวาออกไป เขาไม่รู้ว่าเธอมีชื่อร้านไว้บ้างแล้วหรือไม่“ข้าคิดชื่อร้านไว้แล้ว ท่านไม่ต้องห่วง ร้านแห่งนี้ข้าจะขายเครื่องหอมของใช้ประจำวันที่มีกลิ่นหอม และก็ยังมีน้ำหอมหลากหลายกลิ่นอีกด้วย ร้านค้าแห่งนี้ข้าจะตั้งชื่อว่า ร้านเครื่องหอมเหมยฮวา ท่านว่าเพราะหรือไม่” “เป็นชื่อที่เหมาะกับเจ้าดี ชื่อของเจ้าก็เป็นชื่อของดอกไม้อยู่แล้ว แถมของที่เจ้าทำก็มีกลิ่นที่หอม ชื่อนี้ถือว่าดี เจ้าทำของมากมายเช่นนี้ เจ้าจะเอาดอกไม้มาจากไหนมาทำกัน” “ข้าจะรับซื้อดอกไม้จากคนในหมู่บ้าน แต่ข้าต้องเอาเรื่องนี้ไปปร
“ถ้าเจ้าได้คุยกับหนิงอันเจ้าคงจะรู้แล้วว่าตัวข้าจำไม่ได้ เจ้ามาหาข้ามีธุระอันใด ข้าเคยบอกเจ้าไปแล้ว ว่าข้าจะติดต่อกลับไปเองเมื่อความจำของข้ากลับมาแล้ว” “ส่วนหนึ่งข้าแค่อยากมาเจอนายท่าน และอีกเรื่องที่พวกข้าต้องรีบมาหานายท่านก็เพราะว่าข้าจะมาเตือนนายท่าน ตอนนี้ฝ่ายศัตรูของเราเริ่มจะมีการเคลื่อนไหวมาทางเมืองสงบสุขแห่งนี้แล้ว พวกนั้นส่งคนแฝงตัวเข้ามาในเมืองแห่งนี้ถ้าพวกนั้นพบเจอกับนายท่าน พวกนั้นอาจจะทำร้ายนายท่านได้ และภรรยาของนายท่านอาจจะตกอยู่ในอันตราย” “แล้วข้าต้องทำอย่างไร พวกเจ้าคงจะไม่ได้มาเตือนข้าเฉยๆ หรอกใช่หรือไม่” “พวกข้าคุยกันแล้วว่า พวกข้าจะคอยปกป้องคุ้มครองนายท่านและภรรยา ในช่วงที่นายท่านความจำยังไม่กลับมา แต่ข้าอยากให้นายท่านกลับไปที่สำนักของนายท่าน เพื่อตบตาคนที่คิดร้ายต่อนายท่าน“ข้าจะเชื่อพวกเจ้าได้มากแค่ไหน ข้าความจำเสื่อมข้าจำไม่ได้ว่าพวกเจ้าคิดจะทำร้ายข้าหรือมาหลอกข้าหรือไม่” “สิ่งนี้เป็นสิ่งยืนยันว่าพวกข้าภักดีต่อนายท่าน” หนิงอันและหนิงหลง เปิดหน้าอกที่สักลายมังกรสีดำที่มีชื่อตรงมังกรตรงนั้นว่า อี้เฉิง “ถ้าเป็นสิ่งนี้ท่านพอจะเชื่อพวกข้าได้หรือไม่” อี้เฉ
เธอหันมาจัดการกับแม่แพะที่เพิ่งได้มา อี้เฉิงมัดเชือกไว้ที่คอของมัน เธอเดินเข้าไปใกล้แพะตัวนั้น และใช้ผ้าที่เปียกน้ำ เธอเช็ดไปตรงเต้านมของแพะ และเริ่มทำการคั้นน้ำนมแพะใส่ถังที่เธอเตรียมมา เธอคั้นน้ำนมแค่พอให้ลูกแมวกินเท่านั้น พรุ่งนี้เธอค่อยมาคั้นน้ำนมแพะตัวนี้เพิ่ม นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เธอได้ลองคั้นน้ำนมของเพะออกมา เธอก็รู้สึกแปลกใหม่อยู่บ้างเหมือนกันเธอเอานมที่ได้ เข้าไปในครัวใช้หม้อต้มน้ำนมของแพะอีกครั้ง เธอคิดว่าต้องต้มถึงจะปลอดภัย เธอต้มจนน้ำนมเดือดก็เป็นเวลาที่อี้เฉิงอาบน้ำเสร็จพอดี“ท่านอาบน้ำเสร็จแล้วหรือ ทำไมผมท่านถึงเปียกแบบนี้ ท่านรอข้าสักครู่ข้าจะเข้าไปเอาผ้ามาเช็ดผมให้ท่าน” เหมยฮวายกเตาที่ต้มน้ำนมแพะออกพักไว้ให้เย็น เธอเดินเข้าไปในบ้านและเอาผ้าเช็ดผมที่เธอซื้อมาจากร้านค้ามาเช็ดผมให้อี้เฉิง“นี่ผ้าเช็ดผม ท่านเช็ดผมให้แห้งเราจะได้กินข้าวกัน” เธอยื่นผ้าไปตั้งนานแล้ว อี้เฉิงก็ไม่รับผ้าไปจากเธอเสียที“เจ้าเช็ดผมให้ข้าหน่อยได้ไหม วันนี้ข้าเหนื่อยมากเลย” เขาไม่คิดว่าจะมีวันที่เขาต้องใช้เสียงแบบนี้เพื่ออ้อนใครสักคนเธอยิ้มกับความขี้อ้อนที่เพิ่มมากขึ้นของอี้เฉิง “ข้าเช็ดผมให้ท