นักเขียนผู้ไม่อาจแก้ปมตอนจบของนิยายตนได้ จิตสุดท้ายจึงหลุดเข้าสู่ร่างตัวละครในนิยายเพื่อให้เรื่องดำเนินต่อไป ไฉนเข้ามาทั้งทีดันเป็นนางร้ายไม่ใช่นางเอกกันเล่า ซ้ำยังเป็นสตรีที่พระเอกไม่รักเสียด้วย
View Moreโม่จ้าวหยวนวางหน้าแทบไม่ถูก เขามองผ่านหลี่หลานซินไปเบื้องหลัง ขึงสายตามองถิงถิง เมื่ออีกฝ่ายประจันเข้ากับแววตาดุจพญามัจจุราชนางจึงรีบหลุบเปลือกตาลง ร่างกายสั่นระริกโม่จ้าวหยวนระบายลมหายใจด้วยความรู้สึกปลดปลง "หลานซินเจ้ามาได้อย่างไร"ดวงตากระจ่างใสของนางเต็มไปด้วยไฟโทสะ ยิ่งคิดก็ยิ่งฝืนความเจ็บปวดนี้ไม่ไหว"ข้ามาได้อย่างไรหรือ ท่านคิดว่าห้องของเราห่างจากโถงนี้มากหรืออย่างไร!""หลานซิน เจ้าสงบใจก่อน ข้าอธิบายได้" โม่จ้าวหยวนสาวเท้าไปเบื้องหน้า ทว่าหลี่หลานซินกลับถอยร่นไปเบื้องหลัง เจ้าของร่างสูงจึงหยุดฝีเท้าไว้เพียงเท่านั้น"นี่คือฮูหยินท่านหรือ" เสียงสตรีกล่าวตัดบท ท่าทีของนางกลับไม่อนาทรร้อนใจ ซ้ำยังแสดงสีหน้าชวนโมโห"หุบปาก!" โม่จ้าวหยวนตวาดลั่น เขาปรายตามองสตรีที่แอบอ้างว่าตั้งท้องกับตนอย่างเคืองขุ่นโม่จ้าวหยวนรู้สึกคุ้นหน้านางอยู่บ้าง นางใช่คนที่มู่ซือเฉิงเรียกมาปรนนิบัติตนในคืนนั้นหรือไม่ หากเป็นวันดังกล่าวจริง เช่นนั้นเขาคงเมามากจนไร้สติ แล้วกระทำเรื่องน่าอายลงไปน่ะหรือหลี่
โม่จ้าวหยวนกวาดสายตามองใบหน้าหวาน ริมฝีปากสีกุหลาบบวมเจ่ออย่างเห็นได้ชัด เขาลอบยิ้มอย่างนึกเอ็นดู หลี่หลานซินเริ่มขยับตัวแล้ว เปลือกตาบางเปิดปรือเนิบนาบ ดวงตากลมโตช้อนขึ้นเล็กน้อยจึงทันสบประสานเข้ากับนัยน์ตาคมเข้มซึ่งกำลังจับจ้องตนอยู่หลี่หลานซินรีบหลุบลงแก้เขินเพียงนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ใบหน้าเนียนพลันระบายสีชมพูระเรื่อเสียงทุ้มยิ้มขัน ฝ่ามือหยาบระคายช้อนเชยปลายค้างโค้งมนแผ่วเบา ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่ยอมมองตอบเขา"เป็นอะไรหรือ ไฉนไม่ยอมมองหน้าสามีเล่า"แก้มของนางแดงปลั่งจนทำอันใดไม่ถูก "ปะ…เปล่าเจ้าค่ะ"โม่จ้าวหยวนยิ้มบาง เขารู้ดีว่าเมื่อคืนเป็นครั้งแรกของนาง ริมฝีปากได้รูปจรดลงหน้าผากนูนเด่นด้วยความทะนุถนอม เอ่ยถามเสียงแผ่ว "เจ็บหรือไม่"ยิ่งได้ยินวาจาเป็นห่วงเป็นใย ความขวยเขินยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นทบทวีถามอะไรเนี่ย น่าอายชะมัดหลี่หลานซินส่ายหน้าเป็นพัลวัน ดูเหมือนโม่จ้าวหยวนไม่อยากปักใจเชื่อเท่าใด เขารั้งกายของอีกฝ่ายมาสวมกอด เพลานี้เข้าสู่ยามซื่อ
หลี่หลานซินรู้สึกประหม่า ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันจนเกิดอาการห้อเลือด "คือ อันที่จริง ท่านไม่ได้ชอบข้าไม่ใช่หรือ"โม่จ้าวหยวนหัวเราะขัน "เจ้าคิดเช่นนั้นจริง ๆ หรือ นับจากวันนั้นข้าก็เปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อเจ้า เจ้ายังดูไม่ออกอีกหรือ""เดิมทีข้าไม่ควรเป็นฮูหยินของท่าน..." หลี่หลานซินกล่าวอู้อี้นางจะบอกเช่นไรว่าคู่แท้ของโม่จ้าวหยวนคือจูจื่ออี๋ ในเมื่ออีกฝ่ายดันชิงวิวาห์และตั้งครรภ์ไปก่อนแล้ว หลี่หลานซินจึงทำได้เพียงกลืนคำพูดที่เหลือลงคอไปเสียโม่จ้าวหยวนขมวดคิ้ว "ทำไมจึงพูดเช่นนั้นเล่า""ช่างมันเถิด" หลี่หลานซินตัดบททันควัน นางไม่อยากร่ำไรแล้ว อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด ถึงอย่างไรนางก็เป็นภรรยาของเขาอยู่วันยังค่ำ รอดพ้นหนนี้ใช่ว่าสามารถบ่ายเบี่ยงตลอดไป"ข้ารู้สึกว่าเจ้าเป็นฮูหยินข้าก็ไม่เลวทีเดียว การค้าก็เก่ง... ปากหรือก็เก่งด้วยหนา" โม่จ้าวหยวนกล่าวยิ้ม ๆหลี่หลานซินจับน้ำเสียงหยอกล้อขบขันนั้นได้ใบหน้างามจึงแดงระเรื่อขึ้น ไม่รู้ว่าเพราะความโมโหหรือกระดากอายกันแน่ยามขวยเขินแฝงอารมณ์โกรธเคืองกลับเพิ่มความน่าเอ็นดูยิ่ง โม่จ้าวหยวนโน้ม
หลังรอดพ้นจากเหตุการณ์ในครานั้น หลี่หลานซินและโม่จ้าวหยวนดูเข้าอกเข้าใจกันจนน่าประหลาดฮูหยินโม่ก็พลอยปลื้มปริ่มที่ลูกสะใภ้และลูกชายของตนรักใคร่กลมเกลียวกันได้เสียทีวันนี้ทุกคนจึงได้รับประทานอาหารอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา"จ้าวหยวน ซินเอ๋อร์ แม่เห็นว่าพวกเจ้าแต่งงานกันมานานมากแล้ว ได้ข่าวว่าคุณชายเจียงและคุณหนูจื่ออี๋กำลังจะมีทายาท""หา..." หลี่หลานซินถือตะเกียบค้าง อาหารเต็มปากจนแก้มตุ่ย ดวงตากลมโตเบิกกว้าง"ตกใจใดเล่า" โม่จ้าวหยวนแสดงสีหน้าบอกบุญไม่รับหลี่หลานซินยิ้มแหย "ปะ...เปล่าเจ้าค่ะ"หลี่หลานซินหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก เหตุใดนางเอกชิงท้องกับพระรองไปแล้ว เช่นนั้นเรื่องหย่าควรทำอย่างไร กระนั้นตอนนี้คุณชายโม่กลับปฏิบัติต่อนางจากหลังมือเป็นหน้ามือ ปณิธานอันแรงกล้าเคยคิดว่ามั่นคงไม่มีวันสั่นคลอนก็พลอยไม่เชื่อฟังเข้าทุกที"เช่นนั้นพวกเจ้าก็มีหลานให้แม่และท่านพ่อสักคนเถิดนะ"แค่ก แค่กหลี่หลานซินเกิดสำลักอาหารเสียจนหน้าแดงหน้าดำ โม่จ้าวหยวนจึงรีบยื่นน้ำให้นางด้วยความห่วงใย&
หลี่หลานซินนอนไร้สติราวสองวัน โม่จ้าวหยวนจึงส่งจดหมายกลับไปยังจวนเพื่อแจ้งข่าว เพียงทุกฝ่ายรับรู้ว่านางยังปลอดภัยก็ต่างคลายความกังวล แม้ฮูหยินโม่ยืนยันจะส่งรถม้ามารับ ทว่าโม่จ้าวหยวนกลับบอกปฏิเสธ เขายังไม่อยากให้เร่งเดินทางเพลานี้ เกรงว่าบาดแผลของหลี่หลานซินอาจได้รับการกระทบกระเทือน จึงไม่มีผู้ใดคัดค้านอีก รอเพียงพวกเขากลับมาอย่างปลอดภัยไม่บุบสลายใดก็ดียิ่งแล้วเหตุใดชีวิตพวกเขาทั้งสองจึงราวกับเคราะห์ซ้ำกรรมซัดผ่านเรื่องคอขาดบาดตายมาได้หมาด ๆ เพียงชั่วประเดี๋ยวก็ถูกเหตุการณ์เฉกเช่นเดิมกระหน่ำซ้ำหลบพายุแล้วยังเจอฝนครั้งแล้วครั้งเล่าแค่ก แค่ก"นะ...น้ำ"โม่จ้าวหยวนทอดสายตาเหม่อมองออกไปนอกบานหน้าต่าง รีบผินหน้ากลับทันควัน เจ้าของร่างสูงถลันกายเข้ามาอย่างรวดเร็ว ใบหน้าหล่อเหลาประดับไปด้วยความตื่นเต้นระคนดีใจ"หลานซิน"โม่จ้าวหยวนยอบกายลง อ้อมแขนแกร่งโอบประคองหลี่หลานซินให้ลุกขึ้นพิงแผงอกของตน พลางเอื้อมมือยกป้านชาขึ้นรินน้ำอุ่น ๆ ลงไปยังถ้วยชาใบเล็ก ก่อนยื่นป้อนเข้าไปใกล้ริมฝีปากอันซีดเผือดไร้เลือดฝาด
การตะลุมบอนเริ่มขึ้น อีกฝ่ายอาวุธครบมือ ส่วนโม่จ้าวหยวนกลับสู้เพียงลำพังด้วยมือเปล่า หลี่หลานซินร้อนใจอยากเข้าช่วยเหลือ ทว่านางมิอาจฝ่าวงล้อมเข้าไปได้โจรเหล่านั้นช่างดูถูกฝีมือนางยิ่งนัก ชะล่าใจส่งเจ้าลูกสมุนตัวกระจ้อยร้อยมาจัดการหลี่หลานซินเพียงหนึ่งคน ริมฝีปากสีกุหลาบยกโค้งหนึ่งฝั่ง อาภรณ์ที่สวมใส่รุ่มร่ามเหลือแสน แม้นจะนับว่าเป็นอุปสรรค ทว่าการแสดงฝีไม้ลายมือคงไม่เหลือบ่ากว่าแรงของนักกีฬาเทควันโด้สายดำเท่าใด"คิดว่าข้ากลัวโจรกระจอกเช่นพวกเจ้าหรือ จะบอกให้ว่าโจรข้างตึกเก่าที่ดักปล้น ข้าก็จัดการมาแล้ว เข้ามาเลย"หลี่หลานซินตั้งท่าพร้อมจู่โจม นางลอบมองไปอีกด้านซึ่งกำลังซัดกันอุตลุดอกซ้ายพลอยกระตุกวูบด้วยความเป็นห่วงเขากำลังรับมือกับบุรุษร่างล่ำสันกว่าตนถึงห้าคน กระนั้นนับว่าคุณชายเสเพลมีวรยุทธ์อยู่บ้าง จึงยังไม่ถือว่าเป็นฝ่ายเสียเปรียบเท่าใดนัก หลี่หลานซินโล่งใจไปเปาะหนึ่ง เหงื่อเย็นเริ่มผุดซึมตามง่ามนิ้วชายหน้าบากตัวผอมเกร็งแสยะยิ้ม "ข้าไม่เคยเห็นสตรีงดงามทว่าปากดีใจกล้าเช่นนี้มาก่อนเลย มาให้ข้าจับเสียดี ๆ แม่นาง แล้วข้าจะ
เอ่ยยังไม่ทันจบก็ต้องปิดผ้าลงพรึบ เป็นดังเขาคาดไว้ไม่มีผิด นี่สิหนาถึงบอกว่าเป็นช่วงข้าวใหม่ปลามัน สถานที่ใดก็ไม่อาจขวางกั้นความรักหนุ่มสาวได้เลยจริง ๆชายด้านนอกลอบกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ กล่าววาจาละล่ำละลัก "เอ่อ...คุณชายขอรับ รถม้าติดหล่ม เกรงว่าคงไปต่อไม่ได้..."ทั้งคู่ได้ยินเสียงดังจากด้านนอกสติจึงถูกเรียกกลับ เร่งผละกายออกจากกันโดยพร้อมเพรียง ต่างฝ่ายต่างปั้นหน้าไม่ถูก จะวางไม้วางมือไว้ที่ใดล้วนเกะกะเก้งก้างไปเสียหมดโม่จ้าวหยวนกระแอมเบา เขาค่อย ๆ เดินออกไปพลางลอบมองกิริยากระดากอายของหลี่หลานซิน ชายหนุ่มลอบยิ้มขัน เมื่อดวงตาคู่งามเผลอเบนหน้ามองคนตัวสูง ริมฝีปากจึงหุบลงฉับพลันหลี่หลานซินนิ่วหน้าฉงนเขายิ้มหรือหลี่หลานซินสลัดศีรษะไปมาเป็นพัลวัน มองตามแผ่นหลังกว้างหายลับตาไปไม่จริงหรอก คนเช่นเขาหรือจะยิ้มให้ แม้บอกว่าเป็นความฝันก็ยังไม่อยากเชื่ออยู่ ๆ เหตุการณ์ไม่คาดคิดดันเกิดขึ้น หลี่หลานซินได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายดังมาจากด้านนอก ดูเหมือนรถม้าที่ติดหล่มไม่ได้ขยับเคลื่อนไหวแต่อย่างใด นางตัดสินใจตามออก
งานวิจารณ์หนังสือได้มาถึง แม้หลี่หลานซินไม่อยากไปเพียงใด ทว่าโม่จ้าวหยวนกลับลากนางออกมาด้วยจนได้ เกรงว่าสามีในนามของนางคงอยากกลั่นแกล้งเพื่อความสนุกแน่แล้ว ระหว่างทางเป็นไปอย่างเรียบเรื่อยและชวนอึดอัด ช่วงนี้โม่จ้าวหยวนแทบไม่ออกไปเที่ยวเตร่เช่นเคยหลี่หลานซินเองก็ช่วยกิจการของตระกูลโม่อย่างขะมักเขม้น ถึงนางเป็นนักเขียนแต่ก็เรียนจบบัญชีมา การทำงานจึงคล่องแคล่วเสียจนฮูหยินโม่เอ่ยชมไม่ขาดปากโม่จ้าวหยวนจึงมักติดสอยห้อยตามนางไปด้วยเสมอแท้จริงแล้วไม่ได้ต้องการช่วยแบ่งเบาแต่อย่างใด เขาเพียงจ้องจับผิดนางเพราะเกรงว่าหลี่หลานซินคิดจะปอกลอกตระกูลโม่เมื่อใดต่างหากรถม้าเคลื่อนไปเบื้องหน้าเรื่อย ๆ นับวันยิ่งอยู่ร่วมห้อง ยิ่งใกล้ชิดกันกลับทำให้หลี่หลานซินรู้สึกประดักประเดิด ดูเอาเถิดเล่นจ้องนางตาไม่กะพริบแทบทุกฝีก้าว แม้แต่กระดิกปลายนิ้วยังไม่กล้าเรื่องนอนร่วมห้องน่ะหรือ นางต้องยกเตียงนอนนุ่ม ๆ ให้กับเขา ช่วยไม่ได้ในเมื่อนางอาศัยชายคาบ้านคนอื่นอยู่เลยจำยอมเสียสละตนเอง อันตรทานเรือนร่างไปนอนบนตั่งไม้ขนาดกะทัดรัดซึ่งปูด้วยฟูกหยาบ ๆ ธรรมดาเท่านั้น เหตุใดสามีขอ
เจ้าของร่างสูงเดินดุ่ม ๆ เข้ามายังร้านขายผ้าขนาดใหญ่ในเครือตระกูลโม่ ใบหน้าหล่อเหลาบึ้งตึงเสียจนทุกคนพร้อมใจหลุบดวงตาลงฉับ ผู้ดูแลร้านถลันยืนขวางเบื้องหน้าของเขา ชายวัยกลางคนค้อมศีรษะลง ส่งยิ้มฝืดเฝื่อน "เอ่อ...คุณชายมาได้อย่างไรขอรับ"โม่จ้าวหยวนปรายตามอง "ที่นี่เป็นกิจการของบ้านข้า ข้าจะมาไม่ได้เชียวหรือ""ไอหยา...คุณชาย ย่อมได้อยู่แล้วขอรับ เพียงแต่..."เดิมทีโม่จ้าวหยวนแทบไม่เคยย่างกรายเข้าเหยียบพื้นที่ค้าขายสักกระผีกริ้น ซ้ำร้ายวันนี้เขายังเดินดุ่ม ๆ เข้ามาด้วยอาภรณ์ไม่เรียบร้อย"เพียงแต่อะไร...""เอ่อ..." ผู้ดูแลหน้าถอดสี"ผู้ใดมาเอะอะเอ็ดตะโรอยู่หน้าร้านกันเล่า" น้ำเสียงนุ่มนวลดังมาจากด้านใน สตรีวัยกลางคนทว่างดงามสะสวยตามวัยเดินนวยนาด เมื่อพบผู้มาเยือน นางถึงกับต้องขยี้ดวงตาถึงสองสามครา"นี่ข้าตาฝาดหรอกหรือ""ท่านแม่ ตาฝาดอันใดกันเล่า" โม่จ้าวหยวนกล่าวหน้าคว่ำแม้เขาเป็นบุรุษหน้าตาหล่อเหลาดุดัน ทว่าเมื่อบุตรอยู่กับมารดา ไม่ว่าอายุอานามเท่าใดล้วนกลายเป็นคุณชายน้
"หยางหง ทำยังไงดีเนี่ย ทำไมคิดไม่ออกว่าควรจบแบบไหน เฮ้อ..." หลี่หยางหงกุมขมับฟุบหน้าลงบนโต๊ะราวหมดอาลัยตายอยากนิยายดำเนินเรื่องใกล้ถึงตอนสุดท้ายแล้ว ทว่าหลี่หยางหงกลับไม่อาจแก้ปมที่ตนผูกเอาไว้ตั้งแต่ต้นได้ นักเขียนผู้ซึ่งสมองมีคลังความรู้เพียงหางอึ่งต้องการเขียนนิยายให้จบสักเรื่องเหตุใดจึงยากเย็นแสนเข็ญนักเล่า ครั้นจะตัดจบโดยการให้นางร้ายต้องตายอย่างสาสม หลี่หยางหงดันใจไม่แข็งพอ ต่อให้ร้ายกาจเพียงใดก็ไม่ควรมีจุดจบเช่นนี้มิใช่หรือ คนเราย่อมมีความจำเป็นที่หลงผิดไปชั่วขณะ ทว่าหากตัดสินใจเดินอยู่บนเส้นทางอันมืดมน คิดอยากหันหัวเรือกลับก็หาใช่เรื่องง่ายดายแล้ว เช่นนั้นการพลิกผันของตอนจบควรเป็นเช่นไรดีเล่า หลี่หยางหงตระหนักนึกอยู่นานสองนาน เพราะร่างกายไม่ได้รับการพักผ่อนมาเป็นเวลาสองสามวันแล้วจึงเริ่มทำพิษ ความรู้สึกอ่อนเพลียหน้ามืดเกิดขึ้นไม่ทันตั้งตัว"เวียนหัวจัง เฮ้อ...หรือนางร้ายต้องตายจริง ๆ นะ" หลี่หยางหงเอ่ยพึมพำ เปลือกตาบางเริ่มปริ่มปรือลงช้า ๆ สติสัมปชัญญะพลันดับวูบลงในที่สุด .."คุณหนู คุณหนู ตื่นเร็วเจ้าค่ะ"เสียงสตรีร้องตื่นตูม พลางเขย่าร่างผู้เป็นนายซึ่งนอนหลับใหลไร้สติอยู...
Comments