เรื่องเพลิงไหม้ในวันนั้นไม่สามารถจับมือผู้ใดดมได้ บรรดาบ่าวรับใช้ในห้องครัวต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าเกิดจากอุบัติเหตุ ดูเหมือนคุณหนูหลานซินและคุณหนูจื่ออี๋ประสงค์ดีอยากช่วยแบ่งเบา จึงขันอาสาจัดแจงของว่างอยู่ในครัว คาดไม่ถึงว่าคุณหนูทั้งสองไม่มีผู้ใดชำนาญการทำอาหารสักนาง เพียงหยิบโน่นจับนี่ทุกอย่างก็แทบวอดวาย โดยเฉพาะคุณหนูหลานซิน นางไม่สันทัดเรื่องละเอียดอ่อนทำนองนี้เอาเสียเลย ทว่าอุตริอยากออกหน้าเพียงเพราะเห็นคุณหนูจื่ออี๋เข้ามาก็เพียงเท่านั้น
อุบัติเหตุจึงบังเกิดขึ้นไม่ทันตั้งตัว เมื่อคุณหนูหลานซินและคุณหนูจื่ออี๋แย่งน้ำมันกัน ทำให้ของเหลวหกเลอะพื้น บ่าวรับใช้ที่อยู่ในนั้นไม่กี่คนต่างตกใจจนหน้าถอดสี บางคนปลีกตัวออกมาเพื่อไปรายงานผู้เป็นนายยังห้องโถงใหญ่ ทว่าบางคนออกหาอุปกรณ์เพื่อทำความสะอาด ผู้ใดจะทันคาดคิด เมื่อหวนมายังห้องครัว เปลวเพลิงกลับลุกลามไปทั่วทั้งห้องจนเกินเยียวยาเสียแล้ว ซ้ำร้ายคุณหนูทั้งสองยังติดอยู่ด้านในอีกด้วย
คำให้การของบ่าวรับใช้ทั้งจวนล้วนเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ทำให้โม่จ้าวหยวนไม่อาจปรักปรำผู้อื่นส่งเดช ทุกอย่างกระจ่างชัด คำตัดสินถูกปัดให้กลายเป็นอุบัติเหตุอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทว่าโม่จ้าวหยวนไม่อาจแสร้งหลับหูหลับตา เขาไม่มีทางเชื่อเด็ดขาดว่าคุณหนูหลานซินเป็นเพียงผู้ประสบเหตุร่วมด้วยเท่านั้น
"คุณหนูท่านเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ" ถิงถิงเอ่ยหน้าตื่นเมื่อพบว่าหลี่หลานซินนอนไม่กระดิกตัวเลยสักนิด
จู่ ๆ ขาเรียวพลันวาดโค้งกลางอากาศ หลี่หลานซินลุกพรวดขึ้นนั่ง พลางสะบัดศีรษะไปมา นางกวาดสายตามองโดยรอบแล้วจึงพ่นลมหายใจอ่อน ใบหน้างามห่อเหี่ยวสิ้นหวัง
"ไม่ได้ฝันสินะ"
ถิงถิงเบิกตากว้าง "คุณหนู ทำอะไรเจ้าคะ ไฉนเป็นสาวเป็นนางจึงกางแขนกางขาเช่นนั้นเล่า แล้วนี่ท่านหายดีแล้วหรือ"
หลี่หลานซินยู่หน้า ร่างบอบบางทิ้งกายลงบนฟูกนอนราวหมดอาลัยตายอยาก นัยน์ตาจ้องมองเพดานเลื่อนลอย กล่าวเสียงเนิบนาบ "ถิงถิง ข้าไม่เป็นไร แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่าคุณหนูจื่ออี๋เป็นอย่างไรบ้าง"
"ตอนนี้คุณหนูจื่ออี๋ไม่เป็นไรแล้วเจ้าค่ะ เห็นว่าคุณชายโม่ถึงกับไปขอโทษนางด้วยตนเองถึงจวน ทว่าจวนเรากลับ..." กล่าวถึงตรงนี้ก็ได้แต่อ้ำอึ้ง ปากหนักประดุจถูกก้อนหินถ่วงดุล
"เอาล่ะ เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ข้ารู้น่า" หลี่หลานซินพลิกกายมองบ่าวของตน นางยิ้มแฉ่งราวไม่รู้สึกรู้สาใด "ไม่เห็นเป็นไรเลย เขาสองคนคู่กันอยู่แล้ว ข้าว่ามีชีวิตให้สนุกไปวัน ๆ ดีกว่าเป็นไหน ๆ"
"หา..." ถิงถิงงงงัน
โดยปกติหากหลี่หลานซินทราบว่าคุณชายโม่ให้ความสำคัญกับคุณหนูจูจื่ออี๋มากกว่า ป่านฉะนี้นางต้องอาละวาดเสียจนบ้านแตก แม้แต่เสาสักต้น คงเรียกว่าพังครืนไม่เหลือหลอ ทว่าหลังจากเรื่องไฟไหม้เมื่อวันก่อน กลับทำให้หลี่หลานซินนิสัยพลิกกลับจากหลังมือเป็นหน้ามืออย่างน่าเหลือเชื่อ
"เจ้าทำหน้าเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร"
"เอ่อ...ปะเปล่าเจ้าค่ะ แล้วคุณหนูไม่ชอบคุณชายโม่แล้วหรือเจ้าคะ" ถิงถิงกะพริบดวงตาถี่ นิ้วมือหมุนวนขึ้นลงด้วยความประหม่า หากอยู่ ๆ กล่าววาจาไม่รื่นหูหลี่หลานซินขึ้นมา นางคงถูกตวาดเสียจนหัวหดแน่ หรือไม่ก็อาจได้แผลแตกยับบนหน้าผากสักสองสามรอย จากการขว้างปาข้าวของเพื่อระบายอารมณ์
หลี่หลานซินงุนงง นางครุ่นคิดชั่วครู่แล้วจึงเข้าใจ "อ้อ...ข้าว่านะคุณชายโม่ไม่เห็นมีอะไรดี นอกจากหน้าตา อย่างอื่นก็แย่ทีเดียว กว่าจะเป็นคนดีคงต้องให้ฮูหยินเขาดัดนิสัย"
ถิงถิงช้อนดวงตาขึ้น สีหน้าประดับไปด้วยคำถาม "ทำไมหรือเจ้าคะ อีกอย่างคุณชายโม่ยังไม่แต่งงาน จะมีฮูหยินได้อย่างไรหรือ"
หลี่หลานซินซู้ดปาก พลางยกมือขึ้นราวทำท่าขบคิด นางกวักมือเรียกถิงถิงหย็อย ๆ ถิงถิงจึงสาวเท้าไปเบื้องหน้าเนิบนาบ แขนขาสั่นเทาด้วยอาการประหวั่น
"ไอหยา ถิงถิง ชักช้าลีลา"
ท่วงท่ายืดยาดไม่ได้ดั่งใจนัก หลี่หลานซินจึงเอื้อมคว้าข้อมือของอีกฝ่าย ออกแรงลากสตรีตัวเล็กทันควัน ถิงถิงนั่งแหมะลงบนเตียงเดียวกันกับผู้เป็นนายเดี๋ยวนั้น นางถึงกับตกใจดีดกายผึงประดุจตุ๊กตาจักรกล
"คะ...คุณหนู ขออภัยเจ้าค่ะ"
"ขออภัยอะไรเล่า เจ้ามานั่งตรงนี้ ข้าจะเล่าอะไรให้ฟัง" หลี่หลานซินตบมือลงบนฟูกข้างตนเปาะแปะ
"แต่..." ถิงถิงทำท่าทีอึกอัก
หลี่หลานซินเห็นอาการลังเลชวนอึดอัดก็พลอยเสียอารมณ์ ไม้อ่อนไม่ได้ผลเช่นนั้นต้องเจอไม้แข็ง หลี่หลานซินตัดสินใจถลึงดวงตาเพื่อข่มขู่สาวรับใช้ของตนเสียเลย ผู้ใดใช้ให้เกรงกลัวนางกันเล่า
ปั๊ดโธ่เอ๊ย หลี่หลานซินเจ้านี่ช่างเป็นสตรีน่ากลัวโดยแท้เชียว
ถิงถิงจำใจหย่อนกายลงนั่งอย่างเชื่อฟัง หลี่หลานซินเริ่มเล่าเรื่องราวของคุณชายโม่ไปต่าง ๆ นานา นางรู้จักชาติตระกูล อุปนิสัยใจคอ รวมถึงรากเหง้าของโม่จ้าวหยวนดีเลยทีเดียว ในเมื่อนางเป็นคนเขียนขึ้นมาเองกับมือ เดิมทีคุณชายโม่เป็นบุรุษเสเพลไม่เอาไหน เห็นว่าบ้านตัวเองรวยเข้าหน่อยเลยไม่เคยสนใจช่วยกิจการพ่อแม่ เที่ยวเตร่ไปวัน ๆ เขาเป็นผู้เป็นคนได้ก็ช่วงที่ได้รู้จักกับคุณหนูจูจื่ออี๋ ซึ่งเป็นนางเอกของเรื่องอย่างไรเล่า"ถิงถิง แท้จริงข้าไม่ได้ชอบเขาเลย แต่จะบอกอย่างไรดี เรื่องนั้นช่างเถอะ ๆ"สิ่งที่นางจะบอกก็คือหลี่หลานซินคนเดิมต่างหากที่ชอบคุณชายโม่จนโงหัวไม่ขึ้น ส่วนนางเป็นเพียงผู้สร้างตัวละครเท่านั้น อธิบายไปถิงถิงคงไม่เข้าใจ"หมอนั่น...เอ่อ...แฮ่ม คุณชายโม่เป็นพวกประเภทเสาะบุปผาหาต้นหลิว [1] เพลบอยจะตาย""พะ..เพน บ่อย คืออะไรเจ้าคะ" ถิงถิงกะพริบดวงตาถี่ มองหลี่หลานซินตาใสแป๋วหลี่หลานซินขำพรืด "เอาล่ะ ข้าขอโทษ เอาใหม่นะ" นางกระแอมหนหนึ่งแล้วจึงเล่าต่อ "เพลบอยก็คือ ผู้ชายเสเพล เกี้ยวผู้หญิงไปเรื่อยซ้ำยังชอบเล่นสนุกไปวัน ๆ ไม่เอาการเอางานอย่างไรเล่า มีแต่เพียงรูปลักษณ์ อย่างอื่นล้วนไม่ได้เรื่อง
หลี่หยางหงติดอยู่ในร่างของหลี่หลานซินเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว นางรู้สึกถอดใจเรื่องหาหนทางกลับไปยังโลกของตน ดูเหมือนมิติอีกด้านคงผลักนางเข้ามาเพื่อให้เนื้อเรื่องในบทสุดท้ายของนิยายได้ดำเนินต่อไปจนถึงตอนจบ หลังจากนี้ควรทำเช่นไรดีเล่าในเมื่อนางเข้ามาเปลี่ยนชะตาตั้งแต่วันที่เกิดเพลิงไหม้แล้ว เช่นนั้นมิสู้ใช้ชีวิต ณ ที่แห่งนี้ไปตามครรลองของมันด้วยจิตใจอันนึกปลดปลงเสียเลยดีกว่า เดิมทีหลี่หลานซินต้องถูกจับได้ ทว่าด้วยสัญชาตญาณเอาตัวรอด หลี่หยางหงที่อยู่ในร่างของนางร้ายกลับพลิกสถานการณ์ให้หลี่หลานซินรอดพ้นจากง้าวปีศาจห่าธนูไปอย่างหวุดหวิด "ตอนจบ ไม่ให้นางร้ายมีอันเป็นไป ถ้าแบบนี้จะทำยังไงดีนะ เข้ามาแล้วก็เหมือนเขียนตอนจบใหม่ ทว่าหมากกระดานนี้มันยากเกินไปแล้ว พระเอกกับนางเอกรักกันหรือยัง ทำไมที่ผ่านมาความสัมพันธ์มันเชื่องช้านักล่ะ" หลี่หลานซินกอดอก มืออีกด้านเกาคางครุ่นคิด หัวคิ้วเริ่มเคลื่อนเข้าหากันแทบผูกเป็นปม ขาเรียวเยื้องย่างเดินวนไปมา ตระหนักอย่างไรก็นึกไม่ตก นางอยู่ที่นี่นานเกินไปแล้ว ทว่ากลับรู้สึกว่าตนกำลังมุ่งสู่ทางตันอีกตามเคยก๊อก ก๊อก "คุณหนู เรียบร้อยหรือยังเจ้าคะ" หลี่หลานซินส
"ว้าว...สวยจัง"หลี่หลานซินเบิกตากว้าง ดีใจราวลิงโลดกับภาพโคมไฟห้อยระย้าประดับเรียงรายตลอดทางจนสุดลูกหูลูกตา พลางแหงนมองโคมไฟที่ลอยอยู่ท่ามกลางท้องนภาช่วยขับเน้นให้ราตรีนี้ดูน่าชมนัก"ชอบหรือ" เจียงห่ายกวงกล่าวยิ้ม ๆหลี่หลานซินพยักหน้าหงึกหงัก คลี่ยิ้มละไมเสียจนคนมองต้องหน้าแดงหูแดงใจเต้นกระหน่ำ "ชอบเจ้าค่ะ"ผู้ติดตามทั้งสองต่างชอบอกชอบใจ เจียงห่ายกวงเหลียวหน้ามองลู่หาน ทั้งสองสบดวงตาราวกับรู้ใจ ลู่หานจึงเอื้อมมือจับข้อมือของถิงถิงถิงถิงตกใจสะดุ้งโหยง "ทะ...ทำอะไรเจ้าคะ""ชู่ว..." ลู่หานยกนิ้วชี้ปรามเสียงของอีกฝ่าย แล้วจึงลากกายของถิงถิงจากไปเดี๋ยวนั้นหลี่หลานซินกำลังให้ความสนใจต่อโคมลอยบนท้องฟ้าจนลืมสังเกตไปว่าบ่าวรับใช้ตนหายไปเสียแล้ว หันมาอีกทีกลับพบเพียงเจียงห่ายกวงยืนอมยิ้มมองตนด้วยแววตาอบอุ่น"ถิงถิง" หลี่หลานซินกะพริบดวงตาถี่ พยายามกวาดมองโดยรอบ"ถิงถิงได้แค่เดินตามพวกเราคงเบื่อแย่แล้ว ข้าเลยให้ลู่หานพาไปเที่ยวชมในงานเสียหน่อย" มุมปากของเขามีรอยยิ้มผุดขึ้นจาง ๆ"อ้อ...เช่นนั้นหรือ" หลี่หลานซินพยักหน้าเข้าใจ ทว่าหัวใจของนางกลับโครมครามขึ้นทันควันต้องอยู่กับเขาสองคนหรอกเหรอ ห
หลี่หลานซินจ้องอีกฝ่ายเขม็ง ไม่รู้เช่นกันว่าเขาทราบสิ่งที่นางเคยกล่าวได้อย่างไร ในเมื่อวันนี้โม่จ้าวหยวนอยากดวลกับนางผู้ซึ่งเขียนนิยายขึ้นเองกับมือ เช่นนั้นหลี่หลานซินยินดีสั่งสอนพ่อพระเอก ให้รู้สำนึกเสียใจที่คิดพิเรนทร์เอามือแหย่รังแตนทั้งสองปะทะสายตากันอยู่ชั่วครู่ เรียกได้ว่าแทบไม่กะพริบ หากเป็นปลากัดต้องมีคนท้องโย้ขึ้นเป็นแน่เชียว ผู้คนซึ่งยืนล้อมวงต่างตั้งหน้าตั้งตารอชมอย่างใจจดใจจ่อ บุรุษผู้หนึ่งโพล่งขึ้นเมื่อพบว่าศึกชิงโคมไฟครานี้ประวิงเวลาไม่เริ่มเสียที"ตกลงแล้วพวกท่านจะเอาเช่นไร หากไม่ทายก็หลบไป ผู้อื่นเขาจะได้เข้ามาเล่นแทน" บรรดาชาวบ้านซึ่งกำลังมุงดูอยู่จึงต่างร้องแรกแหกกระเชอ เออออห่อหมกไปตาม ๆ กัน เมื่อเรื่องเริ่มวุ่นวายเถ้าแก่ร้านจึงเอ่ยปรามขึ้น "เอาล่ะ เอาล่ะ ทุกท่าน ดูเหมือนคุณชายกับคุณหนูผู้นี้ต้องการทายปริศนาโคมไฟจริง ๆ พวกท่านก็รอเขาสักประเดี๋ยวเถิด" "เถ้าแก่วันนี้ข้าจะเอาโคมไฟแมวน้อยนั่นกลับบ้านให้ได้ ท่านทายมาเลยว่ามีปริศนาใด" หลี่หลานซินเชิดหน้าขึ้นอย่างถือดี นัยน์ตาเขม็งเกร็งไม่คิดละจากคนตัวสูงเบื้องหน้าแม้เพียงกระผีกริ้น โม่จ้าวหยวนคลี่ยิ้มเยือกเย็นราวต้อง
เจียงห่ายกวงรีบปล่อยมือทันควัน จูจื่ออี๋ตื่นตกใจไม่ต่างกัน ร่างบางเซถลาเล็กน้อย ทว่าพวกเขาไม่มีเวลาให้อึ้งงันนานนัก เนื่องจากโจรภูเขาราวห้าหกคนกำลังดาหน้าจวนประชิดตัวอยู่รอมร่อเจียงห่ายกวงจึงรีบดึงมืออีกฝ่ายให้ออกวิ่งตามมาติด ๆ ถึงไม่ใช่ผู้ที่ตนต้องการพามาด้วยอย่างไรทั้งคู่ล้วนลงเรือลำเดียวกันแล้ว หลังจากหลุดพ้นไว้ค่อยคิดหนทางตามหาหลี่หลานซินคงนับว่ายังไม่สาย ทว่าอยู่ ๆ จูจื่ออี๋กลับหยุดวิ่งอีกครา"คุณหนูจื่ออี๋ เราไม่มีเวลามากแล้ว เจ้ามัวยืนบื้ออยู่ตรงนี้ให้ถูกจับไปหรืออย่างไร!?"จูจื่ออี๋ช้อนดวงตามองตอบเขาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีเท่าใด "คุณชายทิ้งข้าไว้เถิดเจ้าค่ะ ตอนนี้ข้าวิ่งไม่ไหวแล้ว""วิ่งไม่ไหว ไฉนจึงกล่าวเช่นนั้นเล่า จะให้ข้าทิ้งสตรีได้อย่างไร" เจียงห่ายกวงรู้สึกไม่สบอารมณ์นัก เขาพ่นลมหายใจอ่อนเขาไม่ได้ต้องการลากคุณหนูอ่อนแอผู้นี้ให้ตามมาเสียหน่อย เพียงแต่ดันคว้าผิดคน ทั้งที่คิดว่ามองดีแล้วแท้ ๆ ยิ่งหงุดหงิดเส้นเลือดบนขมับก็ยิ่งปวดตื้อขึ้นมา"คือว่า... คุณชาย ข้าข้อเท้าแพลงเจ้าค่ะ" จูจื่ออี๋เอ่ยด้วยความประหม่า นางเองมิได้อยากเป็นภาระผู้อื่นเช่นกัน"หา...ขะ...ข้อเท้าแพลง!?" เจียงห
หลี่หลานซินจูงมือโม่จ้าวหยวนออกวิ่งไม่คิดชีวิต ด้านหน้ามีเพียงความมืดมนอนธการประดุจคนตามืดบอดคลำทางสะเปะสะปะเมื่อสักครู่นางซัดฝุ่นผงออกไปใช่ว่าตนไม่โดน ทำให้นัยน์ตาของหลี่หลานซินแอบระคายเคืองเช่นเดียวกันขณะกำลังโผทะยานสับฝีเท้าอยู่ดี ๆ เจ้าของร่างบอบบางเกือบล้มหน้าคะมำ มือที่ดึงคนเบื้องหลังเอาไว้พลอยลื่นพรืด ทว่าโม่จ้าวหยวนนั้นพลิกฝ่ามือของตนกลับ เปลี่ยนเป็นฝ่ายรั้งหลี่หลานซินบ้าง นางจึงหมุนถลาสู่อ้อมแขนของเขา แต่เนื่องจากความอ่อนล้าในการวิ่งติดกันเป็นระยะเวลานานทำให้การทรงตัวมิได้มั่นคงนัก กระทั่งหลี่หลานซินโถมกายเข้าหาร่างสูงทั้งตัวพวกเขาจึงอยู่ในท่วงท่ากอดกันกลม ทิ้งกายม้วนตลบลงพื้นแสนสกปรกไปเดี๋ยวนั้น"โอ๊ย!" โม่จ้าวหยวนร้องเสียงหลงเมื่อต้นแขนของเขากระแทกเข้ากับบางอย่างซึ่งมีลักษณะแข็งกระด้างทั้งคู่กลิ้งหลุน ๆ เข้าใกล้ริมหน้าผา นับว่าโชคยังเข้าข้าง เพราะโม่จ้าวหยวนสามารถคว้าเอาขอบเหวไว้ได้ทันการณ์ ทว่าอ้อมแขนอีกด้านของเขากลับยังต้องประคองเอวของสตรีเอาไว้ จึงทำให้เรี่ยวแรงซึ่งหลงเหลือกะพร่องกะแพร่งลดลงอีกหลายส่วนหากเขาหมดกำลังเมื่อใดนา
เอ๋...ยังไม่ตายหรอกหรือโม่จ้าวหยวนหลุบดวงตามองคนในอ้อมแขน ตอนนี้เขาไร้เรี่ยวแรงจะทานทนแล้ว ใบหน้าหล่อเหลาซีดขาวไร้เลือดฝาด ศีรษะชาหนึบแทบสิ้นสติ"จะ...เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง" เสียงทุ้มกล่าวกระท่อนกระแท่นหลี่หลานซินส่ายหน้าเป็นพัลวัน "ข้าไม่เป็นไร""ดี ไม่เป็นไรก็ดี"เอ่ยเพียงเท่านั้น อยู่ ๆ สติสัมปชัญญะของโม่จ้าวหยวนพลันดับวูบ พร้อมกับร่างของทั้งสองร่วงดิ่งลงสู่พื้นในที่สุด"เหวอ..."หลี่หลานซินประคองความรู้สึกอยู่ได้ไม่นาน กายอันหนักอึ้งของบุรุษดันหล่นทับลงมาบนตัวของนางจนปวดจุก โชคดียิ่งที่ต้นไม้มิได้สูงมากนัก ไม่เช่นนั้นซี่โครงอาจต้องหักไปหลายท่อนแน่อึ้ก!"มะ...โม่จ้าวหยวน คะ...คนบ้า หล่นลงมาดะ..."ดวงตากลมโตปริ่มปรือเชื่องช้า คำพูดไม่ทันจบสิ้น นางก็พลันหมดสติไปอีกราย.."ไอหยา ท่านว่าอย่างไรนะ หลานซินหายตัวไปพร้อมกับคุณชายโม่ทั้งคืนอย่างนั้นหรือ" หลี่จิ้งตงตื่นตระหนก ร่างท้วมเดินกระวนกระวาย มืออีกด้านกอดอก ส่วนอีกด้านกุมขมับเคร่งเครียดเจียงห่ายกวงก้มหน้างุดรู
บรรดาบ่าวรับใช้ของจวนตระกูลโม่และจวนตระกูลหลี่ต่างเร่งออกค้นหาคุณหนูคุณชายอย่างมืดฟ้ามัวดินเจียงห่ายกวงขันอาสานำบ่าวรับใช้ช่วยอีกแรง ทว่าร่างกายของเขาดูแล้วคงได้รับบาดเจ็บอยู่ไม่น้อย หลี่จิ้งตงจึงให้เขากลับไปรักษาตัวที่จวนตนเองก่อน และแจ้งใต้เท้าจูให้พาบุตรสาวกลับจวนตระกูลจูเช่นเดียวกัน เรื่องของเด็ก ๆ หลังจากพ้นความวุ่นวายไปแล้วอาจต้องมีการหารืออีกคราในภายหลังการออกตามหาเป็นไปอย่างลำบากยิ่ง พยายามแทบพลิกผืนป่าตั้งแต่เช้าจรดค่ำกลับไม่พบแม้แต่ร่องรอย บ่าวไพร่จึงพากันคาดการณ์ไปต่าง ๆ นานาว่าคุณหนูหลี่หลานซินและคุณชายโม่จ้าวหยวนนั้นถูกโจรภูเขาจับตัวไว้ หรือไม่อาจตกลงไปในเหว มิรู้เบื้องล่างมีสัตว์ร้ายใดบ้าง เกรงว่าหากทั้งสองไร้ลมหายใจ แล้วกายหยาบจะยังเหลือให้พบหรือคงมิถูกสัตว์เหล่านั้นฉีกทึ้งแยกส่วนบดกระดูกลงท้องหมดแล้วกระมัง"ตรงนี้ ตรงนี้ขอรับ" หลี่จิ้งตงรีบวิ่งกระหืดกระหอบตามเสียงร้องตะโกนขอบหน้าผาซึ่งเต็มไปด้วยรอยเท้านับสิบและคราบโลหิตแห้งกรังไปแล้ว ทั้งเถ้าแก่โม่และหลี่จิ้งตงได้เห็นอย่างนั้นก็ลมแทบจับเถ้าแก่โม
"หยวนเอ๋อร์ วันนี้เจ้าทั้งสองไม่ต้องไปช่วยงานหรอกนะ" ฮูหยินโม่กล่าวขณะกำลังคีบอาหารส่งให้บุตรชายและหลี่หลานซินโม่จ้าวหยวนงุนงง "ทำไมเล่าขอรับ"หลี่หลานซินก็อยากรู้เช่นกัน ตะเกียบซึ่งกำลังส่งเข้าปากจึงหยุดชะงักลง เจ้าของใบหน้าสะสวยตามวัยแย้มยิ้ม กวาดสายตามองทั้งสอง "พวกเจ้าแต่งงานกันมากี่เดือนแล้ว"โม่จ้าวหยวน "ท่านแม่ นี่ท่านจำไม่ได้เชียวหรือขอรับ น่าจะหกเดือนแล้วกระมัง""นั่นปะไร ตั้งหกเดือน เรื่องที่แม่และพ่อของเจ้าขอเอาไว้ เมื่อใดกันเล่า"โม่จ้าวหยวนและหลี่หลานซินเหลียวมองหน้ากัน ต่างฝ่ายต่างขมวดคิ้วด้วยความงุนงง "เรื่องใดหรือขอรับ""นี่น่ะ เจ้าทั้งสองมัวแต่ยุ่งกับงานที่บ้าน แทบไม่ได้พักผ่อน ร่างกายเลยไม่แข็งแรง เช่นนั้นก็หยุดหลาย ๆ วัน แม่ซื้อบ้านและที่ดินใกล้ธารน้ำตกเอาไว้ เจ้าพาน้องไปเที่ยวด้วยกันเถิด"โม่จ้าวหยวนคลี่ยิ้ม หลี่หลานซินก็เช่นกัน "โธ่ ท่านแม่ ข้าก็คิดว่าเรื่องใด ไปเที่ยวหรอกหรือ แต่ตอนนี้ที่ร้านยุ่งนัก""ยุ่งแล้วอย่างไร ตั้งแต่มีเมียก็กลายเป็นคนขยันขันแข็งเลยหรือ" เสียงทุ้มโพล่งตัดบท&
หลี่หลานซินสังเกตเห็นสีหน้าสตรีฝั่งตรงข้ามเศร้าหมองลง จึงทราบได้ทันทีว่าเปาลี่หม่านรู้สึกเช่นไร"ลี่หม่าน""...""ลี่หมาน""จะ...เจ้าคะ" เปาลี่หม่านสะดุ้งโหยง"เด็กในท้องของเจ้า วางแผนอนาคตเขาไว้เช่นไรหรือ" หลี่หลานซินเอ่ยถามเปาลี่หม่านส่ายศีรษะ "ข้าเองก็ยังไม่รู้เช่นเดียวกันเจ้าค่ะ""เช่นนั้นเอาอย่างนี้หรือไม่ ข้ายินดีรับเขาเป็นบุตรบุญธรรม และส่งเสียให้เขาได้เรียนสูง ๆ" หลี่หลานซินเอ่ยจบจึงเหลียวมองโม่จ้าวหยวน "ดีหรือไม่เจ้าคะท่านพี่"โม่จ้าวหยวนมิได้คัดค้าน เขายิ้มตอบ "ดีจ๊ะ"ฮูหยินบอกซ้ายสามีเช่นเขาก็ต้องไปทางซ้าย จะหักหลบเลี้ยวผิดทางได้เช่นไร มีหวังแม่แมวน้อยได้อาละวาดบ้านแตกเป็นแน่แล้วทว่าเปาลี่หม่านกลับลุกพรวดขึ้น นางยอบกายลงคุกเข่าทันควัน อาการบาดเจ็บที่มีมลายหายไปสิ้น "ฮูหยินน้อย คุณชายโม่ ข้ารู้สึกละอายยิ่งนักที่คิดทำลายความรักของท่านทั้งสอง ข้าจะมีหน้าให้บุตรของตนสร้างความลำบากแก่พวกท่านอีกได้อย่างไร"หลี่หลานซินดีดกายยืนขึ้น นางรีบสาวเท้าตรงไปยังสตรีที่โขกศีรษะบนพื้นด้วยความเร่งร้อน พลางโอบประค
ยามเช้าวันรุ่งขึ้นเปาลี่หม่านไปพบโม่จ้าวหยวนที่จวนสกุลโม่จริงดังที่รับปากเจียฮ่าวซึ่งรอนางอยู่ก่อนแล้วจึงพานางตรงไปยังจวนสกุลหลี่ตามที่นายของตนฝากฝังเอาไว้ณ จวนสกุลหลี่"คุณชายโม่ ฮูหยินน้อยโม่ เถ้าแก่หลี่"เปาลี่หม่านค้อมศรีษะลงเพื่อเป็นการทักทายหลี่หลานซินเอ่ย "เจ้านั่งลงเถิด กำลังท้องกำลังไส้ เดินเหินต้องระวังหน่อยเล่า"เปาลี่หม่านได้ยินวาจาเป็นห่วงเป็นใยจากปากของหลี่หลานซิน ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีพลันย้อนขึ้นเสียจนจุกอก ริมฝีปากพลอยหนักอึ้งราวถูกถ่วงดุล "ขะ...ขอบคุณท่าน ฮูหยินน้อยโม่"ท่อนขาเรียวก้าวย่างกะโผลกกะเผลกไปยังเก้าอี้หลี่หลานซินนิ่วหน้า "ลี่หม่าน ขาเจ้า..."เปาลี่หม่านชะงักฝีเท้าลง นางเหลียวหน้ามองหลี่หลานซิน ใบหน้างดงามระบายรอยยิ้มอ่อน "ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ"เท้าอันบาดเจ็บค่อย ๆ ออกเดินต่อหลี่หลานซินรู้สึกเวทนานางนัก จึงพยักหน้าให้ถิงถิงช่วยพยุงอีกฝ่ายจนถึงที่หมาย ทุกคนล้วนจับจ้องเปาลี่หม่านเป็นตาเดียวทำให้นางรู้สึกประหม่าอยู่บ้าง"คุณชายโม่ ฮูหยินน
เวลาล่วงเลยจนถึงยามโฉ่ว [1] มีเพียงความเงียบสงบท่ามกลางราตรีกาลอันหนาวเหน็บคอยปลอบประโลม หลี่หลานซินรู้สึกอ่อนเพลียจนม่อยหลับไปเมื่อใดก็สุดจะรู้ผ่านไปราวครึ่งชั่วยามหลี่หลานซินพลันสะดุ้งตื่น นางดีดกายลุกขึ้นทันควันนัยน์ตาคู่งามลอบมองผ่านช่องบานประตู กวาดสายตาเหลือบซ้ายแลขวาทว่ากลับพบเพียงความว่างเปล่าหลี่หลานซินยิ้มเยาะ "เหอะ! นี่หรือที่บอกจะไม่ยอมจากไป คำพูดของบุรุษเชื่อถือไม่ได้เลยสินะ"หลี่หลานซินตัดสินใจเปิดประตูเพื่อมองดูว่าอีกฝ่ายกลับไปแล้วจริงหรือไม่ ขาเรียวสาวเท้าออกมาด้านนอก สอดส่ายสายตามองผ่านความมืดมิด แววตาของนางเต็มไปด้วยความผิดหวังระคนน้อยใจ พลันรู้สึกว่าตนเองช่างงี่เง่านัก บนโลกใบนี้จะมีผู้ใดโง่งมไปกว่านางอีกกันเล่า วาจาบุรุษดั่งผายลม ยังกล้าเชื่อถือคนลิ้นสองแฉกหลี่หลานซินหมุนกายเตรียมย้อนกลับไปด้านใน จังหวะนั้นเองนางจึงพบอีกฝ่ายยืนตัวสูงโปร่งอยู่ขนาบข้าง ในมือถือดอกไม้ช่อหนึ่ง เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาคลี่ยิ้มพราย"ยังไม่นอนอีกหรือ""ทะ...ท่
คิ้วเข้มขมวดมุ่น "ท่านแม่ นี่ท่านใจเย็นได้อีกหรือขอรับ ลูกสะใภ้สุดหวงของท่านหายไป ท่านไม่ร้อนใจ แต่ข้าร้อนใจนะขอรับ"ฮูหยินโม่ระบายรอยยิ้มบาง "เจ้านี่นา เหมือนพ่อไม่มีผิด นางขออนุญาตกลับไปเยี่ยมบ้านเท่านั้นเอง""กลับไปเยี่ยมบ้าน ไปโดยไม่มีข้าได้อย่างไร""แล้วเจ้าก่อเรื่องใดไว้ เป็นลูกผู้ชายเรียนผูกก็ต้องเรียนแก้เอาเอง เอาล่ะ แม่ว่าเจ้าปล่อยให้นางสงบใจก่อนเถิด เจ้าเองคงเหนื่อยมาทั้งวัน ดูเอาเถิดไปมีเรื่องกับใครมาเล่า ไฉนเนื้อตัวมอมแมมเพียงนี้" ผู้เป็นมารดาจับใบหน้าบุตรชาย กวาดมองเรือนกายกำยำซึ่งสูงกว่าตนมากโขด้วยสีหน้าเป็นห่วง"ท่านแม่ ข้าไม่เป็นไรขอรับ ข้าจะไปตามหลานซิน""ดึกแล้ว นางคงนอนไปแล้วกระมัง อย่าใจร้อน วันพรุ่งไปก็ยังไม่สาย""แต่สำหรับข้าแค่ไม่กี่ชั่วยามก็สายแล้วขอรับ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้" โม่จ้าวหยวนเบนหน้ามองเจียฮ่าว "เจียฮ่าว คืนนี้เจ้าไม่ต้องตามข้าไป พรุ่งนี้สตรีนางนั้นจะมาพบข้า หากมาแล้วให้เจ้าพานางไปที่จวนสกุลหลี่""ขอรับ"กล่าวจบโม่จ้าวหยวนจึงผละกาย กระโดดขึ้นหลังม้าอย่างร้อนรนพลางควบออกไปราวพายุหอบหนึ่ง ผู้เป็นมารด
โม่จ้าวหยวนโยนถุงเงินให้นาง พลันหมุนกายกระโดดขึ้นหลังอาชาด้วยความชำนาญ"บ้านของเจ้าอยู่ที่ไหน""อยู่ไม่ไกลนักเจ้าค่ะ""ดี! เช่นนั้นคงกลับเองได้กระมัง"นางพยักหน้าหงึกหงัก "ขะ...ข้าไม่รบกวนคุณชายแล้วเจ้าค่ะ ขอบคุณท่านมาก วันพรุ่งข้าจะรีบไปที่จวนตระกูลโม่เพื่ออธิบายต่อฮูหยินของท่าน""แน่นอนว่าหากเจ้าไม่ไป ข้าจะตามมาลากคอของเจ้า ไม่ว่าเจ้าหนีไปสุดหล้าฟ้าเขียว ข้าก็จะพลิกแผ่นดินหาเจ้าให้เจอ หรือหากเจ้ากล้าชิงหนีลงปรโลกข้าก็จะลงไปกระชากวิญญาณของเจ้ากลับมาอธิบายกับนางให้ได้"เปาลี่หม่านพยักหน้าระรัว นางหวาดหวั่นจนต้องหลบดวงตาของเขา ยิ่งเกรงกลัวเท่าใด วาจาที่เปล่งออกมาก็ยิ่งติดขัดมากขึ้นเท่านั้น"ขะ...ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ วันพรุ่งท่านจะเห็นข้าอย่างแน่นอน""หึ!"โม่จ้าวหยวนแค่นยิ้มชายหนุ่มควบม้าจากไปเดี๋ยวนั้น เปาลี่หม่านค่อย ๆ ประคองกายตนลุกขึ้น เท้าของนางได้รับบาดเจ็บ ร่างบางพยายามหอบสังขารกะโผลกกะเผลกเดินไปอีกด้านด้วยใบหน้าเปื้อนคราบฝุ่นปนรอยน้ำตาโชคดียิ่งที่จวนของนางอยู่ไม่ไกลมาก
โม่จ้าวหยวนควบม้าเพื่อออกตามหาเปาลี่หม่าน เขาต้องรู้ความจริงให้ได้ว่านางประสงค์สิ่งใดกันแน่ ไฉนจำต้องใส่ความเขาจนเกิดบ้านแตกสาแหรกขาดความอนธการปกคลุมท้องฟ้าจนมืดสนิทแล้ว เขาเร่งตะบึงม้ามุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ระหว่างทางโม่จ้าวหยวนได้ยินเสียงร่ำไห้เบาหวิว ทว่าเมื่อเขาเงี่ยหูฟังเสียงนั้นกลับเป็นการร้องขอความช่วยเหลืออย่างชัดถนัดหูถึงแม้ร้อนใจเพียงใดก็ตามทว่าคุณธรรมย่อมต้องมีในหมู่เพื่อนมนุษย์ ฝ่ามือแกร่งดึงบังเหียน ควบม้าหันหลังกลับ กีบเท้าทั้งสี่ห้อตะบึงไปยังเส้นทางที่คนเบื้องบนกำลังควบคุมนัยน์ตาคมปลาบหรี่มองระยะไกล เขาเห็นกลุ่มชายฉกรรจ์ราวสามสี่คนกำลังยืนล้อมวงและทุบตีพลางฉีกทึ้งอาภรณ์คนผู้หนึ่งอาชาสีนิลยกกีบเท้าหน้าขึ้นก่อนหยุดลง ฝุ่นผงลอยคละคลุ้งตลบอบอวล“พวกเจ้ากำลังทำสิ่งใด!?”ชายฉกรรจ์ทั้งสามแหงนมองผู้มาเยือนพลางถ่มถุยน้ำลายด้วยความถ่อย“ไอ้หน้าอ่อนนี่เป็นใคร เรื่องของเจ้าหนี้ลูกหนี้ คนนอกไม่ต้องมายุ่ง”โม่จ้าวหยวนกดยิ้มมุมปาก เขาปรายสายตามองผู้ถูกกระทำเป็นสตรีเช่นนั้นหรือ
หลังจากหอบทองได้หนึ่งกำมือ เมื่อเห็นว่าหลี่หลานซินเดินลับตาไปแล้ว ส่วนโม่จ้าวหยวนก็มัวแต่ยืนนิ่งจังงัง สตรีนางนั้นจึงรีบพุ่งตัวออกทางบานประตูด้วยความรวดเร็วปานพายุหอบหนึ่ง"หยุดนะ!" เจียฮ่าวตะโกนเสียงดังเขาตั้งท่าออกวิ่งตามนางทว่าโม่จ้าวหยวนกลับร้องปรามขึ้น"เจียฮ่าว ปล่อยนางไป""แต่ว่า... หากปล่อยนางไปแล้วหาตัวนางไม่พบ ฮูหยินน้อยคงไม่มีทางให้อภัยท่าน""ข้ารู้แล้วว่าควรไปพบผู้ใด เตรียมม้าให้ข้า" เจ้าของใบหน้าคมสันเคร่งขรึม เขาพยายามระงับอารามร้อนรนซึ่งปะทุอยู่ภายในใจกลับลงไป เรื่องอลหม่านกระจ่างเมื่อใดเขาจะรีบกลับมาปรับความเข้าใจกับนางทันที"ขอรับ"เจียฮ่าวค้อมศีรษะ พลันสับเท้าไว ๆ ออกไปเดี๋ยวนั้นค่ำคืนนี้เขาไม่อาจข่มตานอนหรือคิดพักผ่อนได้จริง ๆ เรื่องเข้าใจผิดไม่ควรประวิงเวลาจำต้องรีบแก้ไขโดยเร็ว ขณะเดียวกันโม่จ้าวหยวนกลับไม่รู้เลยว่า ห้องนอนล้วนว่างเปล่าประดุจสถานที่เปลี่ยวร้างไปเสียแล้ว ภรรยาของเขาไม่ได้อยู่ที่นั่น นางกำลังหอบจิตใจอันบอบช้ำกลับตระกูลของตน
โม่จ้าวหยวนวางหน้าแทบไม่ถูก เขามองผ่านหลี่หลานซินไปเบื้องหลัง ขึงสายตามองถิงถิง เมื่ออีกฝ่ายประจันเข้ากับแววตาดุจพญามัจจุราชนางจึงรีบหลุบเปลือกตาลง ร่างกายสั่นระริกโม่จ้าวหยวนระบายลมหายใจด้วยความรู้สึกปลดปลง "หลานซินเจ้ามาได้อย่างไร"ดวงตากระจ่างใสของนางเต็มไปด้วยไฟโทสะ ยิ่งคิดก็ยิ่งฝืนความเจ็บปวดนี้ไม่ไหว"ข้ามาได้อย่างไรหรือ ท่านคิดว่าห้องของเราห่างจากโถงนี้มากหรืออย่างไร!""หลานซิน เจ้าสงบใจก่อน ข้าอธิบายได้" โม่จ้าวหยวนสาวเท้าไปเบื้องหน้า ทว่าหลี่หลานซินกลับถอยร่นไปเบื้องหลัง เจ้าของร่างสูงจึงหยุดฝีเท้าไว้เพียงเท่านั้น"นี่คือฮูหยินท่านหรือ" เสียงสตรีกล่าวตัดบท ท่าทีของนางกลับไม่อนาทรร้อนใจ ซ้ำยังแสดงสีหน้าชวนโมโห"หุบปาก!" โม่จ้าวหยวนตวาดลั่น เขาปรายตามองสตรีที่แอบอ้างว่าตั้งท้องกับตนอย่างเคืองขุ่นโม่จ้าวหยวนรู้สึกคุ้นหน้านางอยู่บ้าง นางใช่คนที่มู่ซือเฉิงเรียกมาปรนนิบัติตนในคืนนั้นหรือไม่ หากเป็นวันดังกล่าวจริง เช่นนั้นเขาคงเมามากจนไร้สติ แล้วกระทำเรื่องน่าอายลงไปน่ะหรือหลี่