หลี่หยางหงติดอยู่ในร่างของหลี่หลานซินเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว นางรู้สึกถอดใจเรื่องหาหนทางกลับไปยังโลกของตน ดูเหมือนมิติอีกด้านคงผลักนางเข้ามาเพื่อให้เนื้อเรื่องในบทสุดท้ายของนิยายได้ดำเนินต่อไปจนถึงตอนจบ หลังจากนี้ควรทำเช่นไรดีเล่าในเมื่อนางเข้ามาเปลี่ยนชะตาตั้งแต่วันที่เกิดเพลิงไหม้แล้ว เช่นนั้นมิสู้ใช้ชีวิต ณ ที่แห่งนี้ไปตามครรลองของมันด้วยจิตใจอันนึกปลดปลงเสียเลยดีกว่า
เดิมทีหลี่หลานซินต้องถูกจับได้ ทว่าด้วยสัญชาตญาณเอาตัวรอด หลี่หยางหงที่อยู่ในร่างของนางร้ายกลับพลิกสถานการณ์ให้หลี่หลานซินรอดพ้นจากง้าวปีศาจห่าธนูไปอย่างหวุดหวิด
"ตอนจบ ไม่ให้นางร้ายมีอันเป็นไป ถ้าแบบนี้จะทำยังไงดีนะ เข้ามาแล้วก็เหมือนเขียนตอนจบใหม่ ทว่าหมากกระดานนี้มันยากเกินไปแล้ว พระเอกกับนางเอกรักกันหรือยัง ทำไมที่ผ่านมาความสัมพันธ์มันเชื่องช้านักล่ะ"
หลี่หลานซินกอดอก มืออีกด้านเกาคางครุ่นคิด หัวคิ้วเริ่มเคลื่อนเข้าหากันแทบผูกเป็นปม ขาเรียวเยื้องย่างเดินวนไปมา ตระหนักอย่างไรก็นึกไม่ตก นางอยู่ที่นี่นานเกินไปแล้ว ทว่ากลับรู้สึกว่าตนกำลังมุ่งสู่ทางตันอีกตามเคย
ก๊อก ก๊อก
"คุณหนู เรียบร้อยหรือยังเจ้าคะ"
หลี่หลานซินสะดุ้งตัวโยนเมื่อได้ยินเสียงสาวใช้ของตนร้องเรียก
"อะ...อ้อ เสร็จแล้ว เสร็จแล้ว"
นางรีบยกกระโปรงสาวเท้าไปที่หน้าบานประตู แล้วจึงเปิดออกเดี๋ยวนั้น
"คุณชายเจียงมารอท่านนานแล้วเจ้าค่ะ"
"อืม" หลี่หลานซินพยักหน้าเข้าใจ
วันนี้คือเทศกาลหยวนเซียว ในที่สุดหลี่หลานซินจะได้เที่ยวชมงานเทศกาลโคมไฟของยุคจีนโบราณตามที่ตนใฝ่ฝันเสียที นางอยากสัมผัสบรรยากาศแปลกใหม่เช่นนี้จนเนื้อเต้น ไม่รู้ด้านนอกนั้นงดงามสมกับจินตนาการของตนหรือไม่
หลายเดือนมานี้ความสัมพันธ์ของหลี่หลานซินและเจียงห่ายกวงเป็นไปในทิศทางอันดี นางคิดว่าตนแอบมีใจให้คุณชายเจียงหน่อย ๆ เสียแล้ว ทว่ากลับยังไม่มั่นใจเท่าใด เอาเป็นว่าคบหาเป็นสหายกันไปพลาง ๆ ก่อนก็แล้วกัน
ถึงแม้นางถูกคุณชายโม่ซึ่งหลี่หลานซินคนเดิมพร่ำเพ้อว่าชอบนักชอบหนารังเกียจเข้าให้ ทว่าหลี่หลานซินคนใหม่มีหรือจะใส่ใจ นักเขียนผู้หนึ่งจับพลัดจับผลูมาอยู่ในร่างนางร้ายล้วนเป็นลิขิตสวรรค์ กระนั้นกลับได้พระเอกส่วนตัวอย่างถูกอกถูกใจนัก ซ้ำยังแสนดีที่หนึ่งอีกด้วย เคยได้ยินหรือไม่ พระเอกเป็นของนางเอก ส่วนพระรองเป็นของทุกคน ทว่าสำนวนในวันนี้คงต้องเปลี่ยนเป็น พระรองเป็นของนางร้ายเช่นนางเสียแล้ว
สตรีเพรียวบางในอาภรณ์สีแดงงดงาม ผิวขาวราวงาช้างสาดสะท้อนเข้าดวงตาชายหนุ่มส่งผลให้ต้องยืนตะลึงอึ้งงั้นไปชั่วขณะ หลี่หลานซินกระโดดโหยงไปเบื้องหน้าคุณชายเจียงราวม้าดีดกะโหลก ช่างดูขัดต่อภาพลักษณ์เสียนี่ปะไร
"คุณชายเจียง" ริมฝีปากสีกุหลาบฉีกยิ้มกว้าง ปัดมือผ่านหน้าหล่อเหลาไปมา
เจียงห่ายกวงกระแอมเบาเมื่อหลุดจากภวังค์ เขาถอยหลังไปหนึ่งก้าวเพื่อเป็นการให้เกียรติอีกฝ่าย
"ไอหยา หลานซิน เจ้าเป็นสตรีทำตัวราวม้าดีดกะโหลกเช่นนั้นได้อย่างไร คุณชายตกใจหมดแล้ว"
หลี่จิ้งตงกล่าวปราม หน้านิ่วคิ้วขมวดส่ายศีรษะเป็นพัลวัน
"ท่านพ่อ ม้าดีดกะโหลกอะไรกันเจ้าคะ ข้าเพียงแค่ตื่นเต้นนิดหน่อย"
"ตื่นเต้นอะไรของเจ้า ใช่ว่าไม่เคยออกไปเที่ยวเทศกาลหยวนเซียวเสียหน่อย พ่อก็พาเจ้าไปทุกปี"
"ไม่เหมือนกันนี่เจ้าคะ"
"ไม่เหมือนอย่างไร...อ้อ...ไม่เหมือน เพราะวันนี้ไม่ได้ไปกับพ่อ ทว่าไปกับบุรุษรูปงามเช่นนั้นหรือ"
หลี่หลานซินเบิกตากว้าง ส่วนเจียงห่ายกวงกลับยืนเก้ ๆ กัง ๆ หูแดงหน้าแดงไปเสียหมด
"ท่านพ่อ พูดจาขายหน้าใดเจ้าคะ นี่ลูกสาวท่านนะเจ้าคะ"
"เจ้ายังรู้ตัวหรือว่าเป็นลูกสาวของข้า คิดว่าลืมไปแล้วเสียอีกว่าตัวเองเป็นสตรี" หลี่จิ้งตงจิ๊ปาก
หลี่หลานซินสาวเท้าเข้าใกล้บิดาตน นางเกาะท่อนแขนอวบอ้วนอย่างนึกออดอ้อน "โถ ท่านพ่อของข้าแสนดีที่หนึ่งหาใครเทียมเทียบ อีกอย่างเราก็ทานถังหยวนด้วยกันแล้วนะเจ้าคะ ซ้ำวันนี้ท่านบอกว่าไม่ว่าง เช่นนั้นข้าก็มีเพียงคุณชายเจียงเป็นสหาย หากไม่ไปกับเขา ท่านจะให้ข้าไปกับสหายสตรีนางใดเล่า ข้ามีสักคนหรือไม่"
หลี่จิ้งตงพ่นลมหายใจอ่อน หลี่หลานซินไร้มิตรสหายเช่นนี้ควรโทษผู้ใดกันเล่า คงต้องโทษตัวเขาเองที่เลี้ยงลูกอย่างตามใจ ไม่ว่าใครล้วนเปรียบนางดั่งคุณหนูขี้วีน ขี้อิจฉา ไม่มีผู้ใดชอบใจ หรืออยากเข้าใกล้นางสักราย เพียงเห็นหน้าของหลี่หลานซิน สตรีเหล่านั้นพลันเข็ดขยาด เกรงว่าภัยร้ายจะมาจวนตัว จึงพากันปลีกกายให้พ้นทางคุณหนูผู้นี้อยู่ร่ำไป
"เอาเถอะ ๆ วันนี้พ่อไม่ได้ไปด้วยก็ดูแลตัวเองดี ๆ เล่า" หลี่จิ้งตงลูบศีรษะบุตรสาวด้วยความรักใคร่ เขาผินหน้ามองบุรุษผู้เป็นสหายเพียงหนึ่งเดียวของหลี่หลานซิน
"คุณชายเจียง ข้าฝากหลานซินไม่กี่ชั่วยาม หวังว่าคงไม่ทำให้ท่านลำบากใจ หากนางดื้อรั้นท่านก็ตำหนินางได้เต็มที่ ขอเพียงอย่างเดียวอย่าได้คลาดสายตาจากนางเป็นพอ"
เจียงห่ายกวงระบายรอยยิ้มอบอุ่น "เถ้าแก่หลี่ไม่ต้องเป็นกังวล ข้าจะดูแลนางอย่างดีขอรับ"
หลี่หลานซินยู่หน้า "ท่านพ่อ สั่งเสียราวจะยกลูกสาวให้คนอื่น จะบ้าหรืออย่างไร ข้าโตแล้วไม่คลาดสายตาอะไรกัน"
"บ๊ะ! เจ้านี่พูดจาไม่อายหรือไร หากคลาดสายตาแล้วเกิดเรื่องใหญ่โตเช่นวันนั้นข้าคงได้ขาดใจเป็นแน่ ไปได้แล้วคุณชายเจียงมารอนานมากแล้ว"
เจียงห่ายกวงยิ่งหน้าแดงเข้าไปใหญ่ หากเป็นไปได้เขาแทบอยากให้เถ้าแก่หลี่ผู้นี้ยกบุตรสาวของตนให้เขาจริง ๆ เจียงห่ายกวงชมชอบหลี่หลานซินมาเนิ่นนานมากแล้ว เพียงแต่นางไม่เคยชายตามองเขาสักครา ผู้ที่อยู่ในสายตาของนางกลับมีเพียงคุณชายโม่เท่านั้น
บางคราเจียงห่ายกวงเคยแอบถอดใจยอมลดสถานะเป็นสหายกับนาง ทว่าหลังจากเหตุการณ์วันนั้น ดูเหมือนหลี่หลานซินมีท่าทีต่อเขาดีขึ้น ซ้ำยังไม่เคยปริปากถึงโม่จ้าวหยวนให้ได้ยินสักคำ ไม่รู้ผีสางตนใดกำลังดลใจนางกันแน่ หากไม่แล้วหลี่หลานซินอาจคิดได้ว่าการรักคนที่เขาไม่รักมันช่างน่าสมเพชเพียงใด เฉกเช่นที่เขากำลังพบเจออย่างไรเล่า เป็นเช่นนี้หัวใจของเขาก็พลอยรู้สึกดีใจเป็นหนักหนา เจียงห่ายกวงจึงคิดว่าตนยังพอมีหวัง แม้อาจดูริบหรี่ก็ตามที
"ไปกันเถอะคุณชายเจียง" หลี่หลานซินส่งยิ้มละไมให้เขา
"อะ...อ้อ...ได้ ไปกันเถิด"
เจียงห่ายกวงหลุดจากภวังค์ เขาเร่งสาวเท้าตามสตรีเบื้องหน้าไปอย่างหน้าชื่นตาบาน ถิงถิงพลันสับเท้าเป็นระวิงตามหลังไปพร้อมกับผู้ติดตามของเจียงห่ายกวงเช่นเดียวกัน
"ว้าว...สวยจัง"หลี่หลานซินเบิกตากว้าง ดีใจราวลิงโลดกับภาพโคมไฟห้อยระย้าประดับเรียงรายตลอดทางจนสุดลูกหูลูกตา พลางแหงนมองโคมไฟที่ลอยอยู่ท่ามกลางท้องนภาช่วยขับเน้นให้ราตรีนี้ดูน่าชมนัก"ชอบหรือ" เจียงห่ายกวงกล่าวยิ้ม ๆหลี่หลานซินพยักหน้าหงึกหงัก คลี่ยิ้มละไมเสียจนคนมองต้องหน้าแดงหูแดงใจเต้นกระหน่ำ "ชอบเจ้าค่ะ"ผู้ติดตามทั้งสองต่างชอบอกชอบใจ เจียงห่ายกวงเหลียวหน้ามองลู่หาน ทั้งสองสบดวงตาราวกับรู้ใจ ลู่หานจึงเอื้อมมือจับข้อมือของถิงถิงถิงถิงตกใจสะดุ้งโหยง "ทะ...ทำอะไรเจ้าคะ""ชู่ว..." ลู่หานยกนิ้วชี้ปรามเสียงของอีกฝ่าย แล้วจึงลากกายของถิงถิงจากไปเดี๋ยวนั้นหลี่หลานซินกำลังให้ความสนใจต่อโคมลอยบนท้องฟ้าจนลืมสังเกตไปว่าบ่าวรับใช้ตนหายไปเสียแล้ว หันมาอีกทีกลับพบเพียงเจียงห่ายกวงยืนอมยิ้มมองตนด้วยแววตาอบอุ่น"ถิงถิง" หลี่หลานซินกะพริบดวงตาถี่ พยายามกวาดมองโดยรอบ"ถิงถิงได้แค่เดินตามพวกเราคงเบื่อแย่แล้ว ข้าเลยให้ลู่หานพาไปเที่ยวชมในงานเสียหน่อย" มุมปากของเขามีรอยยิ้มผุดขึ้นจาง ๆ"อ้อ...เช่นนั้นหรือ" หลี่หลานซินพยักหน้าเข้าใจ ทว่าหัวใจของนางกลับโครมครามขึ้นทันควันต้องอยู่กับเขาสองคนหรอกเหรอ ห
"หยางหง ทำยังไงดีเนี่ย ทำไมคิดไม่ออกว่าควรจบแบบไหน เฮ้อ..." หลี่หยางหงกุมขมับฟุบหน้าลงบนโต๊ะราวหมดอาลัยตายอยากนิยายดำเนินเรื่องใกล้ถึงตอนสุดท้ายแล้ว ทว่าหลี่หยางหงกลับไม่อาจแก้ปมที่ตนผูกเอาไว้ตั้งแต่ต้นได้ นักเขียนผู้ซึ่งสมองมีคลังความรู้เพียงหางอึ่งต้องการเขียนนิยายให้จบสักเรื่องเหตุใดจึงยากเย็นแสนเข็ญนักเล่า ครั้นจะตัดจบโดยการให้นางร้ายต้องตายอย่างสาสม หลี่หยางหงดันใจไม่แข็งพอ ต่อให้ร้ายกาจเพียงใดก็ไม่ควรมีจุดจบเช่นนี้มิใช่หรือ คนเราย่อมมีความจำเป็นที่หลงผิดไปชั่วขณะ ทว่าหากตัดสินใจเดินอยู่บนเส้นทางอันมืดมน คิดอยากหันหัวเรือกลับก็หาใช่เรื่องง่ายดายแล้ว เช่นนั้นการพลิกผันของตอนจบควรเป็นเช่นไรดีเล่า หลี่หยางหงตระหนักนึกอยู่นานสองนาน เพราะร่างกายไม่ได้รับการพักผ่อนมาเป็นเวลาสองสามวันแล้วจึงเริ่มทำพิษ ความรู้สึกอ่อนเพลียหน้ามืดเกิดขึ้นไม่ทันตั้งตัว"เวียนหัวจัง เฮ้อ...หรือนางร้ายต้องตายจริง ๆ นะ" หลี่หยางหงเอ่ยพึมพำ เปลือกตาบางเริ่มปริ่มปรือลงช้า ๆ สติสัมปชัญญะพลันดับวูบลงในที่สุด .."คุณหนู คุณหนู ตื่นเร็วเจ้าค่ะ"เสียงสตรีร้องตื่นตูม พลางเขย่าร่างผู้เป็นนายซึ่งนอนหลับใหลไร้สติอยู
"นายท่าน นายท่านเจ้าคะ" ถิงถิงวิ่งหน้าตั้ง กล่าวละล่ำละลัก ทั่วใบหน้าของนางเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเขม่าดินดำและรอยน้ำตาเขรอะเสียจนดูไม่ได้ ผู้คนที่คลาคล่ำภายในห้องโถงใหญ่ต่างฝ่ายต่างอยู่ในอาการตื่นตระหนก จวนของเศรษฐีโม่เกิดเพลิงไหม้กะทันหันได้อย่างไร หรือว่ามีคนจงใจสร้างเรื่องก่อความวุ่นวายเพื่อดักปล้นผ้าทอล้ำค่าเหล่านี้กันเล่า "ถิงถิง ใจเย็นก่อน แล้วนี่ไฉนจึงมอมแมมเช่นนี้รึ คุณหนูเจ้าไปอยู่ที่ใด" หลี่จิ้งตงตระหนกไม่แพ้กัน เขากวาดสายตามองหาบุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนให้ทั่วทว่ากลับไม่พบกระทั่งเงาของนาง"คะ...คุณหนู คุณหนูหลานซินติดอยู่ในกองเพลิงเจ้าค่ะ!" "หา!..." หลี่จิ้งตงโพล่งเสียงดัง เจียงห่ายกวงซึ่งยืนอยู่ใกล้บริเวณนั้นหูผึ่ง เขารีบถลันกายเข้าหาเพื่อสอบถามทันที "ถิงถิง เจ้าว่าอย่างไนนะ!?"ถิงถิงหน้าซีดเผือด กล่าวเสียงอ้อมแอ้ม "คุณหนูหลานซินติดอยู่ในกองเพลิงเจ้าค่ะ"หลี่จิ้งตงได้ยินอีกคราแทบเกิดลมจับ โชคดียังมีบรรดาผู้คนบริเวณนั้นช่วยกันประคองไว้ได้ ไม่เช่นนั้นร่างอ้วนท้วนนี้คงได้ล้มหงายท้องตึงหมดสติแล้วเป็นแน่ เจียงห่ายกวงขมวดคิ้ว "เมื่อสักครู่ข้าเห็นหลานซินอยู่ตรงนี้ คลาดสายตาเพียงป
โม่จ้าวหยวนมาถึงสถานที่เกิดเหตุแล้ว หลี่หลานซินอยู่ด้านในจริง ๆ ดูเหมือนคุณชายเจียงห่ายกวงนั้นช่วยเหลือนางสำเร็จ หลี่หลานซินขดกายอยู่ในอ้อมแขนของเจียงห่ายกวงพลางกระแอมไอเสียยกใหญ่ จากใบหน้าเกลี้ยงเกลางดงามกลับเปื้อนเขรอะไปด้วยคราบเขม่าจนดูไม่จืด โม่จ้าวหยวนหรี่นัยน์ตา ลอบสังเกตความผิดปกติอยู่ชั่วครู่อาภรณ์สีมรกตตัวนี้คล้ายกับสตรีต้องสงสัยไม่ผิดเพี้ยน นางแอบย้อนกลับมาสร้างเรื่องให้ตนเองต้องเจ็บตัวอย่างนั้นหรือ บ้าระห่ำเกินไปหน่อยหรือไม่ โม่จ้าวหยวนสาวเท้าเข้าใกล้พวกเขา พลางลดดวงตาจ้องหลี่หลานซินเขม็งเกร็งหลี่หยางหงในร่างของหลี่หลานซินช้อนดวงตาขึ้นทันได้ประสานเข้ากับนัยน์ตาคมปลาบพอดิบพอดี นางรีบหลุบเปลือกตาลงเดี๋ยวนั้น หัวใจกระเพื่อมไหว เหงื่อกาฬแตกพลั่ก แล้วจึงแสร้งไอเพื่อกลบเกลื่อนแค่ก แค่กชะ...ใช่หมอนี่หรือเปล่า โม่จ้าวหยวน หน้าตาและท่าทางดูเหมือนจะใช่นะหลี่หยางหงตบตีกับความคิดตนอยู่ในใจ ต่อไปนี้นางจะใช้นามของหลี่หยางหงไม่ได้อีกต่อไป คงต้องเปลี่ยนมาใช้หลี่หลานซินเต็มตัวหลี่หยางหงเป็นนักเขียนถ่ายทอดอารมณ์และลักษณะของตัวละครผ่านตัวอักษรเท่านั้น ใช่นางสามารถมองออกในปราดเดียวว่าผู้
เรื่องเพลิงไหม้ในวันนั้นไม่สามารถจับมือผู้ใดดมได้ บรรดาบ่าวรับใช้ในห้องครัวต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าเกิดจากอุบัติเหตุ ดูเหมือนคุณหนูหลานซินและคุณหนูจื่ออี๋ประสงค์ดีอยากช่วยแบ่งเบา จึงขันอาสาจัดแจงของว่างอยู่ในครัว คาดไม่ถึงว่าคุณหนูทั้งสองไม่มีผู้ใดชำนาญการทำอาหารสักนาง เพียงหยิบโน่นจับนี่ทุกอย่างก็แทบวอดวาย โดยเฉพาะคุณหนูหลานซิน นางไม่สันทัดเรื่องละเอียดอ่อนทำนองนี้เอาเสียเลย ทว่าอุตริอยากออกหน้าเพียงเพราะเห็นคุณหนูจื่ออี๋เข้ามาก็เพียงเท่านั้น อุบัติเหตุจึงบังเกิดขึ้นไม่ทันตั้งตัว เมื่อคุณหนูหลานซินและคุณหนูจื่ออี๋แย่งน้ำมันกัน ทำให้ของเหลวหกเลอะพื้น บ่าวรับใช้ที่อยู่ในนั้นไม่กี่คนต่างตกใจจนหน้าถอดสี บางคนปลีกตัวออกมาเพื่อไปรายงานผู้เป็นนายยังห้องโถงใหญ่ ทว่าบางคนออกหาอุปกรณ์เพื่อทำความสะอาด ผู้ใดจะทันคาดคิด เมื่อหวนมายังห้องครัว เปลวเพลิงกลับลุกลามไปทั่วทั้งห้องจนเกินเยียวยาเสียแล้ว ซ้ำร้ายคุณหนูทั้งสองยังติดอยู่ด้านในอีกด้วยคำให้การของบ่าวรับใช้ทั้งจวนล้วนเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ทำให้โม่จ้าวหยวนไม่อาจปรักปรำผู้อื่นส่งเดช ทุกอย่างกระจ่างชัด คำตัดสินถูกปัดให้กลายเป็นอุบัติเหตุอย
ถิงถิงจำใจหย่อนกายลงนั่งอย่างเชื่อฟัง หลี่หลานซินเริ่มเล่าเรื่องราวของคุณชายโม่ไปต่าง ๆ นานา นางรู้จักชาติตระกูล อุปนิสัยใจคอ รวมถึงรากเหง้าของโม่จ้าวหยวนดีเลยทีเดียว ในเมื่อนางเป็นคนเขียนขึ้นมาเองกับมือ เดิมทีคุณชายโม่เป็นบุรุษเสเพลไม่เอาไหน เห็นว่าบ้านตัวเองรวยเข้าหน่อยเลยไม่เคยสนใจช่วยกิจการพ่อแม่ เที่ยวเตร่ไปวัน ๆ เขาเป็นผู้เป็นคนได้ก็ช่วงที่ได้รู้จักกับคุณหนูจูจื่ออี๋ ซึ่งเป็นนางเอกของเรื่องอย่างไรเล่า"ถิงถิง แท้จริงข้าไม่ได้ชอบเขาเลย แต่จะบอกอย่างไรดี เรื่องนั้นช่างเถอะ ๆ"สิ่งที่นางจะบอกก็คือหลี่หลานซินคนเดิมต่างหากที่ชอบคุณชายโม่จนโงหัวไม่ขึ้น ส่วนนางเป็นเพียงผู้สร้างตัวละครเท่านั้น อธิบายไปถิงถิงคงไม่เข้าใจ"หมอนั่น...เอ่อ...แฮ่ม คุณชายโม่เป็นพวกประเภทเสาะบุปผาหาต้นหลิว [1] เพลบอยจะตาย""พะ..เพน บ่อย คืออะไรเจ้าคะ" ถิงถิงกะพริบดวงตาถี่ มองหลี่หลานซินตาใสแป๋วหลี่หลานซินขำพรืด "เอาล่ะ ข้าขอโทษ เอาใหม่นะ" นางกระแอมหนหนึ่งแล้วจึงเล่าต่อ "เพลบอยก็คือ ผู้ชายเสเพล เกี้ยวผู้หญิงไปเรื่อยซ้ำยังชอบเล่นสนุกไปวัน ๆ ไม่เอาการเอางานอย่างไรเล่า มีแต่เพียงรูปลักษณ์ อย่างอื่นล้วนไม่ได้เรื่อง
"ว้าว...สวยจัง"หลี่หลานซินเบิกตากว้าง ดีใจราวลิงโลดกับภาพโคมไฟห้อยระย้าประดับเรียงรายตลอดทางจนสุดลูกหูลูกตา พลางแหงนมองโคมไฟที่ลอยอยู่ท่ามกลางท้องนภาช่วยขับเน้นให้ราตรีนี้ดูน่าชมนัก"ชอบหรือ" เจียงห่ายกวงกล่าวยิ้ม ๆหลี่หลานซินพยักหน้าหงึกหงัก คลี่ยิ้มละไมเสียจนคนมองต้องหน้าแดงหูแดงใจเต้นกระหน่ำ "ชอบเจ้าค่ะ"ผู้ติดตามทั้งสองต่างชอบอกชอบใจ เจียงห่ายกวงเหลียวหน้ามองลู่หาน ทั้งสองสบดวงตาราวกับรู้ใจ ลู่หานจึงเอื้อมมือจับข้อมือของถิงถิงถิงถิงตกใจสะดุ้งโหยง "ทะ...ทำอะไรเจ้าคะ""ชู่ว..." ลู่หานยกนิ้วชี้ปรามเสียงของอีกฝ่าย แล้วจึงลากกายของถิงถิงจากไปเดี๋ยวนั้นหลี่หลานซินกำลังให้ความสนใจต่อโคมลอยบนท้องฟ้าจนลืมสังเกตไปว่าบ่าวรับใช้ตนหายไปเสียแล้ว หันมาอีกทีกลับพบเพียงเจียงห่ายกวงยืนอมยิ้มมองตนด้วยแววตาอบอุ่น"ถิงถิง" หลี่หลานซินกะพริบดวงตาถี่ พยายามกวาดมองโดยรอบ"ถิงถิงได้แค่เดินตามพวกเราคงเบื่อแย่แล้ว ข้าเลยให้ลู่หานพาไปเที่ยวชมในงานเสียหน่อย" มุมปากของเขามีรอยยิ้มผุดขึ้นจาง ๆ"อ้อ...เช่นนั้นหรือ" หลี่หลานซินพยักหน้าเข้าใจ ทว่าหัวใจของนางกลับโครมครามขึ้นทันควันต้องอยู่กับเขาสองคนหรอกเหรอ ห
หลี่หยางหงติดอยู่ในร่างของหลี่หลานซินเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว นางรู้สึกถอดใจเรื่องหาหนทางกลับไปยังโลกของตน ดูเหมือนมิติอีกด้านคงผลักนางเข้ามาเพื่อให้เนื้อเรื่องในบทสุดท้ายของนิยายได้ดำเนินต่อไปจนถึงตอนจบ หลังจากนี้ควรทำเช่นไรดีเล่าในเมื่อนางเข้ามาเปลี่ยนชะตาตั้งแต่วันที่เกิดเพลิงไหม้แล้ว เช่นนั้นมิสู้ใช้ชีวิต ณ ที่แห่งนี้ไปตามครรลองของมันด้วยจิตใจอันนึกปลดปลงเสียเลยดีกว่า เดิมทีหลี่หลานซินต้องถูกจับได้ ทว่าด้วยสัญชาตญาณเอาตัวรอด หลี่หยางหงที่อยู่ในร่างของนางร้ายกลับพลิกสถานการณ์ให้หลี่หลานซินรอดพ้นจากง้าวปีศาจห่าธนูไปอย่างหวุดหวิด "ตอนจบ ไม่ให้นางร้ายมีอันเป็นไป ถ้าแบบนี้จะทำยังไงดีนะ เข้ามาแล้วก็เหมือนเขียนตอนจบใหม่ ทว่าหมากกระดานนี้มันยากเกินไปแล้ว พระเอกกับนางเอกรักกันหรือยัง ทำไมที่ผ่านมาความสัมพันธ์มันเชื่องช้านักล่ะ" หลี่หลานซินกอดอก มืออีกด้านเกาคางครุ่นคิด หัวคิ้วเริ่มเคลื่อนเข้าหากันแทบผูกเป็นปม ขาเรียวเยื้องย่างเดินวนไปมา ตระหนักอย่างไรก็นึกไม่ตก นางอยู่ที่นี่นานเกินไปแล้ว ทว่ากลับรู้สึกว่าตนกำลังมุ่งสู่ทางตันอีกตามเคยก๊อก ก๊อก "คุณหนู เรียบร้อยหรือยังเจ้าคะ" หลี่หลานซินส
ถิงถิงจำใจหย่อนกายลงนั่งอย่างเชื่อฟัง หลี่หลานซินเริ่มเล่าเรื่องราวของคุณชายโม่ไปต่าง ๆ นานา นางรู้จักชาติตระกูล อุปนิสัยใจคอ รวมถึงรากเหง้าของโม่จ้าวหยวนดีเลยทีเดียว ในเมื่อนางเป็นคนเขียนขึ้นมาเองกับมือ เดิมทีคุณชายโม่เป็นบุรุษเสเพลไม่เอาไหน เห็นว่าบ้านตัวเองรวยเข้าหน่อยเลยไม่เคยสนใจช่วยกิจการพ่อแม่ เที่ยวเตร่ไปวัน ๆ เขาเป็นผู้เป็นคนได้ก็ช่วงที่ได้รู้จักกับคุณหนูจูจื่ออี๋ ซึ่งเป็นนางเอกของเรื่องอย่างไรเล่า"ถิงถิง แท้จริงข้าไม่ได้ชอบเขาเลย แต่จะบอกอย่างไรดี เรื่องนั้นช่างเถอะ ๆ"สิ่งที่นางจะบอกก็คือหลี่หลานซินคนเดิมต่างหากที่ชอบคุณชายโม่จนโงหัวไม่ขึ้น ส่วนนางเป็นเพียงผู้สร้างตัวละครเท่านั้น อธิบายไปถิงถิงคงไม่เข้าใจ"หมอนั่น...เอ่อ...แฮ่ม คุณชายโม่เป็นพวกประเภทเสาะบุปผาหาต้นหลิว [1] เพลบอยจะตาย""พะ..เพน บ่อย คืออะไรเจ้าคะ" ถิงถิงกะพริบดวงตาถี่ มองหลี่หลานซินตาใสแป๋วหลี่หลานซินขำพรืด "เอาล่ะ ข้าขอโทษ เอาใหม่นะ" นางกระแอมหนหนึ่งแล้วจึงเล่าต่อ "เพลบอยก็คือ ผู้ชายเสเพล เกี้ยวผู้หญิงไปเรื่อยซ้ำยังชอบเล่นสนุกไปวัน ๆ ไม่เอาการเอางานอย่างไรเล่า มีแต่เพียงรูปลักษณ์ อย่างอื่นล้วนไม่ได้เรื่อง
เรื่องเพลิงไหม้ในวันนั้นไม่สามารถจับมือผู้ใดดมได้ บรรดาบ่าวรับใช้ในห้องครัวต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าเกิดจากอุบัติเหตุ ดูเหมือนคุณหนูหลานซินและคุณหนูจื่ออี๋ประสงค์ดีอยากช่วยแบ่งเบา จึงขันอาสาจัดแจงของว่างอยู่ในครัว คาดไม่ถึงว่าคุณหนูทั้งสองไม่มีผู้ใดชำนาญการทำอาหารสักนาง เพียงหยิบโน่นจับนี่ทุกอย่างก็แทบวอดวาย โดยเฉพาะคุณหนูหลานซิน นางไม่สันทัดเรื่องละเอียดอ่อนทำนองนี้เอาเสียเลย ทว่าอุตริอยากออกหน้าเพียงเพราะเห็นคุณหนูจื่ออี๋เข้ามาก็เพียงเท่านั้น อุบัติเหตุจึงบังเกิดขึ้นไม่ทันตั้งตัว เมื่อคุณหนูหลานซินและคุณหนูจื่ออี๋แย่งน้ำมันกัน ทำให้ของเหลวหกเลอะพื้น บ่าวรับใช้ที่อยู่ในนั้นไม่กี่คนต่างตกใจจนหน้าถอดสี บางคนปลีกตัวออกมาเพื่อไปรายงานผู้เป็นนายยังห้องโถงใหญ่ ทว่าบางคนออกหาอุปกรณ์เพื่อทำความสะอาด ผู้ใดจะทันคาดคิด เมื่อหวนมายังห้องครัว เปลวเพลิงกลับลุกลามไปทั่วทั้งห้องจนเกินเยียวยาเสียแล้ว ซ้ำร้ายคุณหนูทั้งสองยังติดอยู่ด้านในอีกด้วยคำให้การของบ่าวรับใช้ทั้งจวนล้วนเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ทำให้โม่จ้าวหยวนไม่อาจปรักปรำผู้อื่นส่งเดช ทุกอย่างกระจ่างชัด คำตัดสินถูกปัดให้กลายเป็นอุบัติเหตุอย
โม่จ้าวหยวนมาถึงสถานที่เกิดเหตุแล้ว หลี่หลานซินอยู่ด้านในจริง ๆ ดูเหมือนคุณชายเจียงห่ายกวงนั้นช่วยเหลือนางสำเร็จ หลี่หลานซินขดกายอยู่ในอ้อมแขนของเจียงห่ายกวงพลางกระแอมไอเสียยกใหญ่ จากใบหน้าเกลี้ยงเกลางดงามกลับเปื้อนเขรอะไปด้วยคราบเขม่าจนดูไม่จืด โม่จ้าวหยวนหรี่นัยน์ตา ลอบสังเกตความผิดปกติอยู่ชั่วครู่อาภรณ์สีมรกตตัวนี้คล้ายกับสตรีต้องสงสัยไม่ผิดเพี้ยน นางแอบย้อนกลับมาสร้างเรื่องให้ตนเองต้องเจ็บตัวอย่างนั้นหรือ บ้าระห่ำเกินไปหน่อยหรือไม่ โม่จ้าวหยวนสาวเท้าเข้าใกล้พวกเขา พลางลดดวงตาจ้องหลี่หลานซินเขม็งเกร็งหลี่หยางหงในร่างของหลี่หลานซินช้อนดวงตาขึ้นทันได้ประสานเข้ากับนัยน์ตาคมปลาบพอดิบพอดี นางรีบหลุบเปลือกตาลงเดี๋ยวนั้น หัวใจกระเพื่อมไหว เหงื่อกาฬแตกพลั่ก แล้วจึงแสร้งไอเพื่อกลบเกลื่อนแค่ก แค่กชะ...ใช่หมอนี่หรือเปล่า โม่จ้าวหยวน หน้าตาและท่าทางดูเหมือนจะใช่นะหลี่หยางหงตบตีกับความคิดตนอยู่ในใจ ต่อไปนี้นางจะใช้นามของหลี่หยางหงไม่ได้อีกต่อไป คงต้องเปลี่ยนมาใช้หลี่หลานซินเต็มตัวหลี่หยางหงเป็นนักเขียนถ่ายทอดอารมณ์และลักษณะของตัวละครผ่านตัวอักษรเท่านั้น ใช่นางสามารถมองออกในปราดเดียวว่าผู้
"นายท่าน นายท่านเจ้าคะ" ถิงถิงวิ่งหน้าตั้ง กล่าวละล่ำละลัก ทั่วใบหน้าของนางเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเขม่าดินดำและรอยน้ำตาเขรอะเสียจนดูไม่ได้ ผู้คนที่คลาคล่ำภายในห้องโถงใหญ่ต่างฝ่ายต่างอยู่ในอาการตื่นตระหนก จวนของเศรษฐีโม่เกิดเพลิงไหม้กะทันหันได้อย่างไร หรือว่ามีคนจงใจสร้างเรื่องก่อความวุ่นวายเพื่อดักปล้นผ้าทอล้ำค่าเหล่านี้กันเล่า "ถิงถิง ใจเย็นก่อน แล้วนี่ไฉนจึงมอมแมมเช่นนี้รึ คุณหนูเจ้าไปอยู่ที่ใด" หลี่จิ้งตงตระหนกไม่แพ้กัน เขากวาดสายตามองหาบุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนให้ทั่วทว่ากลับไม่พบกระทั่งเงาของนาง"คะ...คุณหนู คุณหนูหลานซินติดอยู่ในกองเพลิงเจ้าค่ะ!" "หา!..." หลี่จิ้งตงโพล่งเสียงดัง เจียงห่ายกวงซึ่งยืนอยู่ใกล้บริเวณนั้นหูผึ่ง เขารีบถลันกายเข้าหาเพื่อสอบถามทันที "ถิงถิง เจ้าว่าอย่างไนนะ!?"ถิงถิงหน้าซีดเผือด กล่าวเสียงอ้อมแอ้ม "คุณหนูหลานซินติดอยู่ในกองเพลิงเจ้าค่ะ"หลี่จิ้งตงได้ยินอีกคราแทบเกิดลมจับ โชคดียังมีบรรดาผู้คนบริเวณนั้นช่วยกันประคองไว้ได้ ไม่เช่นนั้นร่างอ้วนท้วนนี้คงได้ล้มหงายท้องตึงหมดสติแล้วเป็นแน่ เจียงห่ายกวงขมวดคิ้ว "เมื่อสักครู่ข้าเห็นหลานซินอยู่ตรงนี้ คลาดสายตาเพียงป
"หยางหง ทำยังไงดีเนี่ย ทำไมคิดไม่ออกว่าควรจบแบบไหน เฮ้อ..." หลี่หยางหงกุมขมับฟุบหน้าลงบนโต๊ะราวหมดอาลัยตายอยากนิยายดำเนินเรื่องใกล้ถึงตอนสุดท้ายแล้ว ทว่าหลี่หยางหงกลับไม่อาจแก้ปมที่ตนผูกเอาไว้ตั้งแต่ต้นได้ นักเขียนผู้ซึ่งสมองมีคลังความรู้เพียงหางอึ่งต้องการเขียนนิยายให้จบสักเรื่องเหตุใดจึงยากเย็นแสนเข็ญนักเล่า ครั้นจะตัดจบโดยการให้นางร้ายต้องตายอย่างสาสม หลี่หยางหงดันใจไม่แข็งพอ ต่อให้ร้ายกาจเพียงใดก็ไม่ควรมีจุดจบเช่นนี้มิใช่หรือ คนเราย่อมมีความจำเป็นที่หลงผิดไปชั่วขณะ ทว่าหากตัดสินใจเดินอยู่บนเส้นทางอันมืดมน คิดอยากหันหัวเรือกลับก็หาใช่เรื่องง่ายดายแล้ว เช่นนั้นการพลิกผันของตอนจบควรเป็นเช่นไรดีเล่า หลี่หยางหงตระหนักนึกอยู่นานสองนาน เพราะร่างกายไม่ได้รับการพักผ่อนมาเป็นเวลาสองสามวันแล้วจึงเริ่มทำพิษ ความรู้สึกอ่อนเพลียหน้ามืดเกิดขึ้นไม่ทันตั้งตัว"เวียนหัวจัง เฮ้อ...หรือนางร้ายต้องตายจริง ๆ นะ" หลี่หยางหงเอ่ยพึมพำ เปลือกตาบางเริ่มปริ่มปรือลงช้า ๆ สติสัมปชัญญะพลันดับวูบลงในที่สุด .."คุณหนู คุณหนู ตื่นเร็วเจ้าค่ะ"เสียงสตรีร้องตื่นตูม พลางเขย่าร่างผู้เป็นนายซึ่งนอนหลับใหลไร้สติอยู