โม่จ้าวหยวนมาถึงสถานที่เกิดเหตุแล้ว หลี่หลานซินอยู่ด้านในจริง ๆ ดูเหมือนคุณชายเจียงห่ายกวงนั้นช่วยเหลือนางสำเร็จ หลี่หลานซินขดกายอยู่ในอ้อมแขนของเจียงห่ายกวงพลางกระแอมไอเสียยกใหญ่ จากใบหน้าเกลี้ยงเกลางดงามกลับเปื้อนเขรอะไปด้วยคราบเขม่าจนดูไม่จืด โม่จ้าวหยวนหรี่นัยน์ตา ลอบสังเกตความผิดปกติอยู่ชั่วครู่
อาภรณ์สีมรกตตัวนี้คล้ายกับสตรีต้องสงสัยไม่ผิดเพี้ยน นางแอบย้อนกลับมาสร้างเรื่องให้ตนเองต้องเจ็บตัวอย่างนั้นหรือ บ้าระห่ำเกินไปหน่อยหรือไม่ โม่จ้าวหยวนสาวเท้าเข้าใกล้พวกเขา พลางลดดวงตาจ้องหลี่หลานซินเขม็งเกร็ง
หลี่หยางหงในร่างของหลี่หลานซินช้อนดวงตาขึ้นทันได้ประสานเข้ากับนัยน์ตาคมปลาบพอดิบพอดี นางรีบหลุบเปลือกตาลงเดี๋ยวนั้น หัวใจกระเพื่อมไหว เหงื่อกาฬแตกพลั่ก แล้วจึงแสร้งไอเพื่อกลบเกลื่อน
แค่ก แค่ก
ชะ...ใช่หมอนี่หรือเปล่า โม่จ้าวหยวน หน้าตาและท่าทางดูเหมือนจะใช่นะ
หลี่หยางหงตบตีกับความคิดตนอยู่ในใจ ต่อไปนี้นางจะใช้นามของหลี่หยางหงไม่ได้อีกต่อไป คงต้องเปลี่ยนมาใช้หลี่หลานซินเต็มตัว
หลี่หยางหงเป็นนักเขียนถ่ายทอดอารมณ์และลักษณะของตัวละครผ่านตัวอักษรเท่านั้น ใช่นางสามารถมองออกในปราดเดียวว่าผู้ใดเป็นผู้ใด แต่ดูเหมือนคนตัวสูงซึ่งกำลังยืนค้ำหัวเขม้นมองนางอยู่นั้น ศีรษะชี้ขึ้นฟ้า สองเท้าย่ำบนดิน [1] ช่างตรงตามอุดมคติการเป็นพระเอกของนักเขียนไปเสียทุกอย่าง ต้องเป็นเขาไม่ผิดแน่ กระนั้นแววตาแข็งกร้าวเมื่อได้สบดวงตากลับส่งผลให้สันหลังรู้สึกชาวาบโดยไร้สาเหตุ
นี่น่ะหรือพ่อพระเอก สีหน้าเย็นชาชะมัด เราเขียนเขาเป็นคนแบบนี้จริง ๆ เหรอ
นางสลัดความคิดฟุ้งซ่านนั้นทิ้งอย่างรวดเร็ว จะใช่เขาหรือไม่ก็ตาม ตอนนี้เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม ไม่มีนักเขียนที่ชื่อหลี่หยางหงอีกต่อไป
"ทะ...ท่านพ่อเจ้าคะ ข้าหายใจไม่ออก"
"โถ่เอ๊ย หลานซิน หลานซิน ไม่เป็นไรนะลูก ใจเย็น ๆ หายใจเข้าลึก ๆ หายใจออกช้า ๆ " หลี่จิ้งตงพยายามปลอบบุตรสาวของตน นางค่อย ๆ ทำตามแต่โดยดี พยายามหายใจเข้าหายใจออกเนิบช้า
อันที่จริงแล้วนางกำลังสู้อยู่กับจิตใจที่ร้อนรนเมื่อได้ปะทะสายตากับคุณชายโม่เสียมากกว่า หากถูกเขาจับได้ขึ้นมา ชีวิตนางร้ายผู้นี้คงมิอาจรักษาไว้ได้เสียแล้ว ซ้ำยังไม่รู้ว่าหากหลี่หลานซินตายไปจริง ๆ ดวงจิตของหลี่หยางหงจะตายไปด้วยหรือเปล่า เช่นนั้นเพื่อความปลอดภัยนางจะต้องเสแสร้งแกล้งเป็นคุณหนูมารยาร้อยเล่มเกวียนผู้นี้ต่อไปให้ถึงที่สุด
เจียงห่ายกวงปัดป่ายปอยผมที่หล่นปรกหน้าปรกตาออกให้นาง "ไม่เป็นไรนะหลานซิน เจ้าไม่เป็นไรแล้ว"
หลี่หลานซินพยักหน้าหงึกหงัก ทว่านางไม่กล้ามองเลยไปเบื้องหลังสักนิด เพลานี้มีบุรุษผู้หนึ่งยืนปั้นหน้าขมึงทึงราวคาดคั้นนางอยู่ ปากมิได้เปล่งวาจาทว่าดวงตากลับบ่งบอกทุกสิ่ง
โม่จ้าวหยวนผู้นี้เป็นพญามัจจุราชหรืออย่างไร ทำตัวประดุจเตรียมกระชากวิญญาณของนางออกจากร่างไปเดี๋ยวนั้น หากตนกล่าวอธิบายต่อเขาว่าวิญญาณที่อยู่ในกายหยาบนี้ไม่ได้เป็นคนลงมือ คงได้ถูกกล่าวหาว่าทำชั่วจนสติเลอะเลือน
หลี่หลานซิน ไฉนเป็นสตรีดวงกุดเช่นนี้เล่า โชคยังดีที่มีพระรองผู้น่ารักอยู่เคียงข้าง เพียงแต่พระรองก็ต้องห่วงใยนางเอกมิใช่หรือ ไฉนเขาจึงมาช่วยนางร้ายกันเล่า ฉุกนึกมาถึงตรงนี้ก็ให้ต้องเข้าใจ หลี่หลานซินและเจียงห่ายกวงเป็นสหายบ้านใกล้เรือนเคียง สหายจะห่วงกันมีที่ใดแปลกกันเล่า
"นางเป็นเช่นไรบ้าง" เสียงทุ้มเอ่ยเย็นเยียบ
โม่จ้าวหยวนสาวเท้าเข้าใกล้ตั้งแต่เมื่อใดก็สุดจะรู้ ส่งผลให้หลี่หลานซินสะดุ้งโหยง นางหลับตาปี๋และแสร้งเป็นลมล้มตึงทันควัน
เจียงห่ายกวงและหลี่จิ้งตงเบิกตากว้างตะลึงลาน "หลานซิน!"
เจียงห่ายกวงรีบช้อนร่างของนางขึ้น เขาหมุนกายทันได้ประจันหน้ากับโม่จ้าวหยวน "ท่านไม่เห็นหรือคุณชายโม่ นางคงเป็นคนทำกระมัง จึงได้รับบาดเจ็บจนหมดสติไปเช่นนี้"
โม่จ้าวหยวนเลิกคิ้ว เขาลดดวงตามองสตรีบนอ้อมแขนของอีกฝ่าย พลางเดาะลิ้นในปาก "อ้อ นางหมดสติหรือ เช่นนั้นมิสู้ให้นางเข้าไปรักษาตัวที่หอรับรองของข้าก่อนดีหรือไม่"
หลี่หลานซินได้ยินคำเสแสร้งจากชายหนุ่ม หัวใจเกิดเต้นระทึกราวถูกตีกระหน่ำ คิ้วของนางขมวดเข้าด้วยกันเสียจนอีกฝ่ายจับพิรุธได้ โม่จ้าวหยวนยกยิ้มมุมปากด้วยความเจ้าเล่ห์แสนกล
ยิ่งเห็นสีหน้าไม่อนาทรร้อนใจเช่นนั้นอารมณ์ของเจียงห่ายกวงจึงเดือดพล่าน "ไม่จำเป็น! ข้าจะพานางกลับจวนสกุลหลี่"
เจียงห่ายกวงอุ้มคนร่างเล็กไว้บนอ้อมแขน พลันสาวเท้าขึ้นเบื้องหน้าส่งผลให้ไหล่พวกเขากระทบกัน โม่จ้าวหยวนซวนเซเล็กน้อย ทว่าเขากลับยังอารมณ์เย็นประดุจหุบเขาน้ำแข็ง
หลี่จิ้งตงเห็นสถานการณ์ตึงเครียดขึ้นทุกขณะ เขาจึงกล่าวขอโทษขอโพยเสียยกใหญ่ "คุณชายโม่ อย่าได้ถือสาหาความนางเลย ไว้นางหายดีเมื่อใดท่านอยากตรวจสอบอย่างไรก็ย่อมได้"
โม่จ้าวหยวนยิ้มเย็นเยียบ น้ำเสียงคล้ายเป็นมิตรทว่าราวอาบด้วยยาพิษก็ไม่ปาน "เถ้าแก่หลี่เกรงใจไปแล้ว"
เขาเหลียวมองตามแผ่นหลังของเจียงห่ายกวงซึ่งเริ่มห่างไกลไปเรื่อย ๆ หลี่หลานซินคิดว่าตนหลีกพ้นแววตาคมกริบได้แล้ว นางจึงลอบเบิกดวงตาขึ้นหนึ่งฝั่งเพื่อสังเกตสถานการณ์ ผู้ใดจะทันรู้ว่าอีกฝ่ายกลับมองมายังนางเช่นเดียวกัน ดวงตาที่เบิกขึ้นรีบหลับลงเดี๋ยวนั้น
แย่แล้ว หลี่หยางหง ไม่สิแกคือหลี่หลานซินแล้ว หากอีตาคุณชายโม่จับได้จบเห่แน่
เรื่องราวอลหม่านชั่วช้าสามานย์เช่นนี้นางไม่ได้เป็นคนก่อเสียหน่อย ไฉนจำต้องคอยแบกรับกรรมแทนนางร้ายด้วยเล่า ทว่าจะกล่าวเช่นนี้ย่อมไม่ถูกต้องเสียทีเดียว ในเมื่อหลี่หยางหงเป็นผู้สร้างตัวละครขึ้นเองทั้งหมด จะบ่ายเบี่ยงว่าไม่ใช่ความผิดของตนได้อย่างไร นึกไปก็ชวนปวดกบาลนัก สวรรค์กำลังลงทัณฑ์นักเขียนผู้โง่เขลาเช่นนางอยู่หรือ
^ศีรษะชี้ขึ้นฟ้า สองเท้าย้ำบนดิน หมายถึง ใช้บรรยายร่างสูงตระหง่าน มองดูแล้วเป็นคนไม่ธรรมดา
เรื่องเพลิงไหม้ในวันนั้นไม่สามารถจับมือผู้ใดดมได้ บรรดาบ่าวรับใช้ในห้องครัวต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าเกิดจากอุบัติเหตุ ดูเหมือนคุณหนูหลานซินและคุณหนูจื่ออี๋ประสงค์ดีอยากช่วยแบ่งเบา จึงขันอาสาจัดแจงของว่างอยู่ในครัว คาดไม่ถึงว่าคุณหนูทั้งสองไม่มีผู้ใดชำนาญการทำอาหารสักนาง เพียงหยิบโน่นจับนี่ทุกอย่างก็แทบวอดวาย โดยเฉพาะคุณหนูหลานซิน นางไม่สันทัดเรื่องละเอียดอ่อนทำนองนี้เอาเสียเลย ทว่าอุตริอยากออกหน้าเพียงเพราะเห็นคุณหนูจื่ออี๋เข้ามาก็เพียงเท่านั้น อุบัติเหตุจึงบังเกิดขึ้นไม่ทันตั้งตัว เมื่อคุณหนูหลานซินและคุณหนูจื่ออี๋แย่งน้ำมันกัน ทำให้ของเหลวหกเลอะพื้น บ่าวรับใช้ที่อยู่ในนั้นไม่กี่คนต่างตกใจจนหน้าถอดสี บางคนปลีกตัวออกมาเพื่อไปรายงานผู้เป็นนายยังห้องโถงใหญ่ ทว่าบางคนออกหาอุปกรณ์เพื่อทำความสะอาด ผู้ใดจะทันคาดคิด เมื่อหวนมายังห้องครัว เปลวเพลิงกลับลุกลามไปทั่วทั้งห้องจนเกินเยียวยาเสียแล้ว ซ้ำร้ายคุณหนูทั้งสองยังติดอยู่ด้านในอีกด้วยคำให้การของบ่าวรับใช้ทั้งจวนล้วนเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ทำให้โม่จ้าวหยวนไม่อาจปรักปรำผู้อื่นส่งเดช ทุกอย่างกระจ่างชัด คำตัดสินถูกปัดให้กลายเป็นอุบัติเหตุอย
ถิงถิงจำใจหย่อนกายลงนั่งอย่างเชื่อฟัง หลี่หลานซินเริ่มเล่าเรื่องราวของคุณชายโม่ไปต่าง ๆ นานา นางรู้จักชาติตระกูล อุปนิสัยใจคอ รวมถึงรากเหง้าของโม่จ้าวหยวนดีเลยทีเดียว ในเมื่อนางเป็นคนเขียนขึ้นมาเองกับมือ เดิมทีคุณชายโม่เป็นบุรุษเสเพลไม่เอาไหน เห็นว่าบ้านตัวเองรวยเข้าหน่อยเลยไม่เคยสนใจช่วยกิจการพ่อแม่ เที่ยวเตร่ไปวัน ๆ เขาเป็นผู้เป็นคนได้ก็ช่วงที่ได้รู้จักกับคุณหนูจูจื่ออี๋ ซึ่งเป็นนางเอกของเรื่องอย่างไรเล่า"ถิงถิง แท้จริงข้าไม่ได้ชอบเขาเลย แต่จะบอกอย่างไรดี เรื่องนั้นช่างเถอะ ๆ"สิ่งที่นางจะบอกก็คือหลี่หลานซินคนเดิมต่างหากที่ชอบคุณชายโม่จนโงหัวไม่ขึ้น ส่วนนางเป็นเพียงผู้สร้างตัวละครเท่านั้น อธิบายไปถิงถิงคงไม่เข้าใจ"หมอนั่น...เอ่อ...แฮ่ม คุณชายโม่เป็นพวกประเภทเสาะบุปผาหาต้นหลิว [1] เพลบอยจะตาย""พะ..เพน บ่อย คืออะไรเจ้าคะ" ถิงถิงกะพริบดวงตาถี่ มองหลี่หลานซินตาใสแป๋วหลี่หลานซินขำพรืด "เอาล่ะ ข้าขอโทษ เอาใหม่นะ" นางกระแอมหนหนึ่งแล้วจึงเล่าต่อ "เพลบอยก็คือ ผู้ชายเสเพล เกี้ยวผู้หญิงไปเรื่อยซ้ำยังชอบเล่นสนุกไปวัน ๆ ไม่เอาการเอางานอย่างไรเล่า มีแต่เพียงรูปลักษณ์ อย่างอื่นล้วนไม่ได้เรื่อง
หลี่หยางหงติดอยู่ในร่างของหลี่หลานซินเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว นางรู้สึกถอดใจเรื่องหาหนทางกลับไปยังโลกของตน ดูเหมือนมิติอีกด้านคงผลักนางเข้ามาเพื่อให้เนื้อเรื่องในบทสุดท้ายของนิยายได้ดำเนินต่อไปจนถึงตอนจบ หลังจากนี้ควรทำเช่นไรดีเล่าในเมื่อนางเข้ามาเปลี่ยนชะตาตั้งแต่วันที่เกิดเพลิงไหม้แล้ว เช่นนั้นมิสู้ใช้ชีวิต ณ ที่แห่งนี้ไปตามครรลองของมันด้วยจิตใจอันนึกปลดปลงเสียเลยดีกว่า เดิมทีหลี่หลานซินต้องถูกจับได้ ทว่าด้วยสัญชาตญาณเอาตัวรอด หลี่หยางหงที่อยู่ในร่างของนางร้ายกลับพลิกสถานการณ์ให้หลี่หลานซินรอดพ้นจากง้าวปีศาจห่าธนูไปอย่างหวุดหวิด "ตอนจบ ไม่ให้นางร้ายมีอันเป็นไป ถ้าแบบนี้จะทำยังไงดีนะ เข้ามาแล้วก็เหมือนเขียนตอนจบใหม่ ทว่าหมากกระดานนี้มันยากเกินไปแล้ว พระเอกกับนางเอกรักกันหรือยัง ทำไมที่ผ่านมาความสัมพันธ์มันเชื่องช้านักล่ะ" หลี่หลานซินกอดอก มืออีกด้านเกาคางครุ่นคิด หัวคิ้วเริ่มเคลื่อนเข้าหากันแทบผูกเป็นปม ขาเรียวเยื้องย่างเดินวนไปมา ตระหนักอย่างไรก็นึกไม่ตก นางอยู่ที่นี่นานเกินไปแล้ว ทว่ากลับรู้สึกว่าตนกำลังมุ่งสู่ทางตันอีกตามเคยก๊อก ก๊อก "คุณหนู เรียบร้อยหรือยังเจ้าคะ" หลี่หลานซินส
"ว้าว...สวยจัง"หลี่หลานซินเบิกตากว้าง ดีใจราวลิงโลดกับภาพโคมไฟห้อยระย้าประดับเรียงรายตลอดทางจนสุดลูกหูลูกตา พลางแหงนมองโคมไฟที่ลอยอยู่ท่ามกลางท้องนภาช่วยขับเน้นให้ราตรีนี้ดูน่าชมนัก"ชอบหรือ" เจียงห่ายกวงกล่าวยิ้ม ๆหลี่หลานซินพยักหน้าหงึกหงัก คลี่ยิ้มละไมเสียจนคนมองต้องหน้าแดงหูแดงใจเต้นกระหน่ำ "ชอบเจ้าค่ะ"ผู้ติดตามทั้งสองต่างชอบอกชอบใจ เจียงห่ายกวงเหลียวหน้ามองลู่หาน ทั้งสองสบดวงตาราวกับรู้ใจ ลู่หานจึงเอื้อมมือจับข้อมือของถิงถิงถิงถิงตกใจสะดุ้งโหยง "ทะ...ทำอะไรเจ้าคะ""ชู่ว..." ลู่หานยกนิ้วชี้ปรามเสียงของอีกฝ่าย แล้วจึงลากกายของถิงถิงจากไปเดี๋ยวนั้นหลี่หลานซินกำลังให้ความสนใจต่อโคมลอยบนท้องฟ้าจนลืมสังเกตไปว่าบ่าวรับใช้ตนหายไปเสียแล้ว หันมาอีกทีกลับพบเพียงเจียงห่ายกวงยืนอมยิ้มมองตนด้วยแววตาอบอุ่น"ถิงถิง" หลี่หลานซินกะพริบดวงตาถี่ พยายามกวาดมองโดยรอบ"ถิงถิงได้แค่เดินตามพวกเราคงเบื่อแย่แล้ว ข้าเลยให้ลู่หานพาไปเที่ยวชมในงานเสียหน่อย" มุมปากของเขามีรอยยิ้มผุดขึ้นจาง ๆ"อ้อ...เช่นนั้นหรือ" หลี่หลานซินพยักหน้าเข้าใจ ทว่าหัวใจของนางกลับโครมครามขึ้นทันควันต้องอยู่กับเขาสองคนหรอกเหรอ ห
"หยางหง ทำยังไงดีเนี่ย ทำไมคิดไม่ออกว่าควรจบแบบไหน เฮ้อ..." หลี่หยางหงกุมขมับฟุบหน้าลงบนโต๊ะราวหมดอาลัยตายอยากนิยายดำเนินเรื่องใกล้ถึงตอนสุดท้ายแล้ว ทว่าหลี่หยางหงกลับไม่อาจแก้ปมที่ตนผูกเอาไว้ตั้งแต่ต้นได้ นักเขียนผู้ซึ่งสมองมีคลังความรู้เพียงหางอึ่งต้องการเขียนนิยายให้จบสักเรื่องเหตุใดจึงยากเย็นแสนเข็ญนักเล่า ครั้นจะตัดจบโดยการให้นางร้ายต้องตายอย่างสาสม หลี่หยางหงดันใจไม่แข็งพอ ต่อให้ร้ายกาจเพียงใดก็ไม่ควรมีจุดจบเช่นนี้มิใช่หรือ คนเราย่อมมีความจำเป็นที่หลงผิดไปชั่วขณะ ทว่าหากตัดสินใจเดินอยู่บนเส้นทางอันมืดมน คิดอยากหันหัวเรือกลับก็หาใช่เรื่องง่ายดายแล้ว เช่นนั้นการพลิกผันของตอนจบควรเป็นเช่นไรดีเล่า หลี่หยางหงตระหนักนึกอยู่นานสองนาน เพราะร่างกายไม่ได้รับการพักผ่อนมาเป็นเวลาสองสามวันแล้วจึงเริ่มทำพิษ ความรู้สึกอ่อนเพลียหน้ามืดเกิดขึ้นไม่ทันตั้งตัว"เวียนหัวจัง เฮ้อ...หรือนางร้ายต้องตายจริง ๆ นะ" หลี่หยางหงเอ่ยพึมพำ เปลือกตาบางเริ่มปริ่มปรือลงช้า ๆ สติสัมปชัญญะพลันดับวูบลงในที่สุด .."คุณหนู คุณหนู ตื่นเร็วเจ้าค่ะ"เสียงสตรีร้องตื่นตูม พลางเขย่าร่างผู้เป็นนายซึ่งนอนหลับใหลไร้สติอยู
"นายท่าน นายท่านเจ้าคะ" ถิงถิงวิ่งหน้าตั้ง กล่าวละล่ำละลัก ทั่วใบหน้าของนางเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเขม่าดินดำและรอยน้ำตาเขรอะเสียจนดูไม่ได้ ผู้คนที่คลาคล่ำภายในห้องโถงใหญ่ต่างฝ่ายต่างอยู่ในอาการตื่นตระหนก จวนของเศรษฐีโม่เกิดเพลิงไหม้กะทันหันได้อย่างไร หรือว่ามีคนจงใจสร้างเรื่องก่อความวุ่นวายเพื่อดักปล้นผ้าทอล้ำค่าเหล่านี้กันเล่า "ถิงถิง ใจเย็นก่อน แล้วนี่ไฉนจึงมอมแมมเช่นนี้รึ คุณหนูเจ้าไปอยู่ที่ใด" หลี่จิ้งตงตระหนกไม่แพ้กัน เขากวาดสายตามองหาบุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนให้ทั่วทว่ากลับไม่พบกระทั่งเงาของนาง"คะ...คุณหนู คุณหนูหลานซินติดอยู่ในกองเพลิงเจ้าค่ะ!" "หา!..." หลี่จิ้งตงโพล่งเสียงดัง เจียงห่ายกวงซึ่งยืนอยู่ใกล้บริเวณนั้นหูผึ่ง เขารีบถลันกายเข้าหาเพื่อสอบถามทันที "ถิงถิง เจ้าว่าอย่างไนนะ!?"ถิงถิงหน้าซีดเผือด กล่าวเสียงอ้อมแอ้ม "คุณหนูหลานซินติดอยู่ในกองเพลิงเจ้าค่ะ"หลี่จิ้งตงได้ยินอีกคราแทบเกิดลมจับ โชคดียังมีบรรดาผู้คนบริเวณนั้นช่วยกันประคองไว้ได้ ไม่เช่นนั้นร่างอ้วนท้วนนี้คงได้ล้มหงายท้องตึงหมดสติแล้วเป็นแน่ เจียงห่ายกวงขมวดคิ้ว "เมื่อสักครู่ข้าเห็นหลานซินอยู่ตรงนี้ คลาดสายตาเพียงป
"ว้าว...สวยจัง"หลี่หลานซินเบิกตากว้าง ดีใจราวลิงโลดกับภาพโคมไฟห้อยระย้าประดับเรียงรายตลอดทางจนสุดลูกหูลูกตา พลางแหงนมองโคมไฟที่ลอยอยู่ท่ามกลางท้องนภาช่วยขับเน้นให้ราตรีนี้ดูน่าชมนัก"ชอบหรือ" เจียงห่ายกวงกล่าวยิ้ม ๆหลี่หลานซินพยักหน้าหงึกหงัก คลี่ยิ้มละไมเสียจนคนมองต้องหน้าแดงหูแดงใจเต้นกระหน่ำ "ชอบเจ้าค่ะ"ผู้ติดตามทั้งสองต่างชอบอกชอบใจ เจียงห่ายกวงเหลียวหน้ามองลู่หาน ทั้งสองสบดวงตาราวกับรู้ใจ ลู่หานจึงเอื้อมมือจับข้อมือของถิงถิงถิงถิงตกใจสะดุ้งโหยง "ทะ...ทำอะไรเจ้าคะ""ชู่ว..." ลู่หานยกนิ้วชี้ปรามเสียงของอีกฝ่าย แล้วจึงลากกายของถิงถิงจากไปเดี๋ยวนั้นหลี่หลานซินกำลังให้ความสนใจต่อโคมลอยบนท้องฟ้าจนลืมสังเกตไปว่าบ่าวรับใช้ตนหายไปเสียแล้ว หันมาอีกทีกลับพบเพียงเจียงห่ายกวงยืนอมยิ้มมองตนด้วยแววตาอบอุ่น"ถิงถิง" หลี่หลานซินกะพริบดวงตาถี่ พยายามกวาดมองโดยรอบ"ถิงถิงได้แค่เดินตามพวกเราคงเบื่อแย่แล้ว ข้าเลยให้ลู่หานพาไปเที่ยวชมในงานเสียหน่อย" มุมปากของเขามีรอยยิ้มผุดขึ้นจาง ๆ"อ้อ...เช่นนั้นหรือ" หลี่หลานซินพยักหน้าเข้าใจ ทว่าหัวใจของนางกลับโครมครามขึ้นทันควันต้องอยู่กับเขาสองคนหรอกเหรอ ห
หลี่หยางหงติดอยู่ในร่างของหลี่หลานซินเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว นางรู้สึกถอดใจเรื่องหาหนทางกลับไปยังโลกของตน ดูเหมือนมิติอีกด้านคงผลักนางเข้ามาเพื่อให้เนื้อเรื่องในบทสุดท้ายของนิยายได้ดำเนินต่อไปจนถึงตอนจบ หลังจากนี้ควรทำเช่นไรดีเล่าในเมื่อนางเข้ามาเปลี่ยนชะตาตั้งแต่วันที่เกิดเพลิงไหม้แล้ว เช่นนั้นมิสู้ใช้ชีวิต ณ ที่แห่งนี้ไปตามครรลองของมันด้วยจิตใจอันนึกปลดปลงเสียเลยดีกว่า เดิมทีหลี่หลานซินต้องถูกจับได้ ทว่าด้วยสัญชาตญาณเอาตัวรอด หลี่หยางหงที่อยู่ในร่างของนางร้ายกลับพลิกสถานการณ์ให้หลี่หลานซินรอดพ้นจากง้าวปีศาจห่าธนูไปอย่างหวุดหวิด "ตอนจบ ไม่ให้นางร้ายมีอันเป็นไป ถ้าแบบนี้จะทำยังไงดีนะ เข้ามาแล้วก็เหมือนเขียนตอนจบใหม่ ทว่าหมากกระดานนี้มันยากเกินไปแล้ว พระเอกกับนางเอกรักกันหรือยัง ทำไมที่ผ่านมาความสัมพันธ์มันเชื่องช้านักล่ะ" หลี่หลานซินกอดอก มืออีกด้านเกาคางครุ่นคิด หัวคิ้วเริ่มเคลื่อนเข้าหากันแทบผูกเป็นปม ขาเรียวเยื้องย่างเดินวนไปมา ตระหนักอย่างไรก็นึกไม่ตก นางอยู่ที่นี่นานเกินไปแล้ว ทว่ากลับรู้สึกว่าตนกำลังมุ่งสู่ทางตันอีกตามเคยก๊อก ก๊อก "คุณหนู เรียบร้อยหรือยังเจ้าคะ" หลี่หลานซินส
ถิงถิงจำใจหย่อนกายลงนั่งอย่างเชื่อฟัง หลี่หลานซินเริ่มเล่าเรื่องราวของคุณชายโม่ไปต่าง ๆ นานา นางรู้จักชาติตระกูล อุปนิสัยใจคอ รวมถึงรากเหง้าของโม่จ้าวหยวนดีเลยทีเดียว ในเมื่อนางเป็นคนเขียนขึ้นมาเองกับมือ เดิมทีคุณชายโม่เป็นบุรุษเสเพลไม่เอาไหน เห็นว่าบ้านตัวเองรวยเข้าหน่อยเลยไม่เคยสนใจช่วยกิจการพ่อแม่ เที่ยวเตร่ไปวัน ๆ เขาเป็นผู้เป็นคนได้ก็ช่วงที่ได้รู้จักกับคุณหนูจูจื่ออี๋ ซึ่งเป็นนางเอกของเรื่องอย่างไรเล่า"ถิงถิง แท้จริงข้าไม่ได้ชอบเขาเลย แต่จะบอกอย่างไรดี เรื่องนั้นช่างเถอะ ๆ"สิ่งที่นางจะบอกก็คือหลี่หลานซินคนเดิมต่างหากที่ชอบคุณชายโม่จนโงหัวไม่ขึ้น ส่วนนางเป็นเพียงผู้สร้างตัวละครเท่านั้น อธิบายไปถิงถิงคงไม่เข้าใจ"หมอนั่น...เอ่อ...แฮ่ม คุณชายโม่เป็นพวกประเภทเสาะบุปผาหาต้นหลิว [1] เพลบอยจะตาย""พะ..เพน บ่อย คืออะไรเจ้าคะ" ถิงถิงกะพริบดวงตาถี่ มองหลี่หลานซินตาใสแป๋วหลี่หลานซินขำพรืด "เอาล่ะ ข้าขอโทษ เอาใหม่นะ" นางกระแอมหนหนึ่งแล้วจึงเล่าต่อ "เพลบอยก็คือ ผู้ชายเสเพล เกี้ยวผู้หญิงไปเรื่อยซ้ำยังชอบเล่นสนุกไปวัน ๆ ไม่เอาการเอางานอย่างไรเล่า มีแต่เพียงรูปลักษณ์ อย่างอื่นล้วนไม่ได้เรื่อง
เรื่องเพลิงไหม้ในวันนั้นไม่สามารถจับมือผู้ใดดมได้ บรรดาบ่าวรับใช้ในห้องครัวต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าเกิดจากอุบัติเหตุ ดูเหมือนคุณหนูหลานซินและคุณหนูจื่ออี๋ประสงค์ดีอยากช่วยแบ่งเบา จึงขันอาสาจัดแจงของว่างอยู่ในครัว คาดไม่ถึงว่าคุณหนูทั้งสองไม่มีผู้ใดชำนาญการทำอาหารสักนาง เพียงหยิบโน่นจับนี่ทุกอย่างก็แทบวอดวาย โดยเฉพาะคุณหนูหลานซิน นางไม่สันทัดเรื่องละเอียดอ่อนทำนองนี้เอาเสียเลย ทว่าอุตริอยากออกหน้าเพียงเพราะเห็นคุณหนูจื่ออี๋เข้ามาก็เพียงเท่านั้น อุบัติเหตุจึงบังเกิดขึ้นไม่ทันตั้งตัว เมื่อคุณหนูหลานซินและคุณหนูจื่ออี๋แย่งน้ำมันกัน ทำให้ของเหลวหกเลอะพื้น บ่าวรับใช้ที่อยู่ในนั้นไม่กี่คนต่างตกใจจนหน้าถอดสี บางคนปลีกตัวออกมาเพื่อไปรายงานผู้เป็นนายยังห้องโถงใหญ่ ทว่าบางคนออกหาอุปกรณ์เพื่อทำความสะอาด ผู้ใดจะทันคาดคิด เมื่อหวนมายังห้องครัว เปลวเพลิงกลับลุกลามไปทั่วทั้งห้องจนเกินเยียวยาเสียแล้ว ซ้ำร้ายคุณหนูทั้งสองยังติดอยู่ด้านในอีกด้วยคำให้การของบ่าวรับใช้ทั้งจวนล้วนเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ทำให้โม่จ้าวหยวนไม่อาจปรักปรำผู้อื่นส่งเดช ทุกอย่างกระจ่างชัด คำตัดสินถูกปัดให้กลายเป็นอุบัติเหตุอย
โม่จ้าวหยวนมาถึงสถานที่เกิดเหตุแล้ว หลี่หลานซินอยู่ด้านในจริง ๆ ดูเหมือนคุณชายเจียงห่ายกวงนั้นช่วยเหลือนางสำเร็จ หลี่หลานซินขดกายอยู่ในอ้อมแขนของเจียงห่ายกวงพลางกระแอมไอเสียยกใหญ่ จากใบหน้าเกลี้ยงเกลางดงามกลับเปื้อนเขรอะไปด้วยคราบเขม่าจนดูไม่จืด โม่จ้าวหยวนหรี่นัยน์ตา ลอบสังเกตความผิดปกติอยู่ชั่วครู่อาภรณ์สีมรกตตัวนี้คล้ายกับสตรีต้องสงสัยไม่ผิดเพี้ยน นางแอบย้อนกลับมาสร้างเรื่องให้ตนเองต้องเจ็บตัวอย่างนั้นหรือ บ้าระห่ำเกินไปหน่อยหรือไม่ โม่จ้าวหยวนสาวเท้าเข้าใกล้พวกเขา พลางลดดวงตาจ้องหลี่หลานซินเขม็งเกร็งหลี่หยางหงในร่างของหลี่หลานซินช้อนดวงตาขึ้นทันได้ประสานเข้ากับนัยน์ตาคมปลาบพอดิบพอดี นางรีบหลุบเปลือกตาลงเดี๋ยวนั้น หัวใจกระเพื่อมไหว เหงื่อกาฬแตกพลั่ก แล้วจึงแสร้งไอเพื่อกลบเกลื่อนแค่ก แค่กชะ...ใช่หมอนี่หรือเปล่า โม่จ้าวหยวน หน้าตาและท่าทางดูเหมือนจะใช่นะหลี่หยางหงตบตีกับความคิดตนอยู่ในใจ ต่อไปนี้นางจะใช้นามของหลี่หยางหงไม่ได้อีกต่อไป คงต้องเปลี่ยนมาใช้หลี่หลานซินเต็มตัวหลี่หยางหงเป็นนักเขียนถ่ายทอดอารมณ์และลักษณะของตัวละครผ่านตัวอักษรเท่านั้น ใช่นางสามารถมองออกในปราดเดียวว่าผู้
"นายท่าน นายท่านเจ้าคะ" ถิงถิงวิ่งหน้าตั้ง กล่าวละล่ำละลัก ทั่วใบหน้าของนางเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเขม่าดินดำและรอยน้ำตาเขรอะเสียจนดูไม่ได้ ผู้คนที่คลาคล่ำภายในห้องโถงใหญ่ต่างฝ่ายต่างอยู่ในอาการตื่นตระหนก จวนของเศรษฐีโม่เกิดเพลิงไหม้กะทันหันได้อย่างไร หรือว่ามีคนจงใจสร้างเรื่องก่อความวุ่นวายเพื่อดักปล้นผ้าทอล้ำค่าเหล่านี้กันเล่า "ถิงถิง ใจเย็นก่อน แล้วนี่ไฉนจึงมอมแมมเช่นนี้รึ คุณหนูเจ้าไปอยู่ที่ใด" หลี่จิ้งตงตระหนกไม่แพ้กัน เขากวาดสายตามองหาบุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนให้ทั่วทว่ากลับไม่พบกระทั่งเงาของนาง"คะ...คุณหนู คุณหนูหลานซินติดอยู่ในกองเพลิงเจ้าค่ะ!" "หา!..." หลี่จิ้งตงโพล่งเสียงดัง เจียงห่ายกวงซึ่งยืนอยู่ใกล้บริเวณนั้นหูผึ่ง เขารีบถลันกายเข้าหาเพื่อสอบถามทันที "ถิงถิง เจ้าว่าอย่างไนนะ!?"ถิงถิงหน้าซีดเผือด กล่าวเสียงอ้อมแอ้ม "คุณหนูหลานซินติดอยู่ในกองเพลิงเจ้าค่ะ"หลี่จิ้งตงได้ยินอีกคราแทบเกิดลมจับ โชคดียังมีบรรดาผู้คนบริเวณนั้นช่วยกันประคองไว้ได้ ไม่เช่นนั้นร่างอ้วนท้วนนี้คงได้ล้มหงายท้องตึงหมดสติแล้วเป็นแน่ เจียงห่ายกวงขมวดคิ้ว "เมื่อสักครู่ข้าเห็นหลานซินอยู่ตรงนี้ คลาดสายตาเพียงป
"หยางหง ทำยังไงดีเนี่ย ทำไมคิดไม่ออกว่าควรจบแบบไหน เฮ้อ..." หลี่หยางหงกุมขมับฟุบหน้าลงบนโต๊ะราวหมดอาลัยตายอยากนิยายดำเนินเรื่องใกล้ถึงตอนสุดท้ายแล้ว ทว่าหลี่หยางหงกลับไม่อาจแก้ปมที่ตนผูกเอาไว้ตั้งแต่ต้นได้ นักเขียนผู้ซึ่งสมองมีคลังความรู้เพียงหางอึ่งต้องการเขียนนิยายให้จบสักเรื่องเหตุใดจึงยากเย็นแสนเข็ญนักเล่า ครั้นจะตัดจบโดยการให้นางร้ายต้องตายอย่างสาสม หลี่หยางหงดันใจไม่แข็งพอ ต่อให้ร้ายกาจเพียงใดก็ไม่ควรมีจุดจบเช่นนี้มิใช่หรือ คนเราย่อมมีความจำเป็นที่หลงผิดไปชั่วขณะ ทว่าหากตัดสินใจเดินอยู่บนเส้นทางอันมืดมน คิดอยากหันหัวเรือกลับก็หาใช่เรื่องง่ายดายแล้ว เช่นนั้นการพลิกผันของตอนจบควรเป็นเช่นไรดีเล่า หลี่หยางหงตระหนักนึกอยู่นานสองนาน เพราะร่างกายไม่ได้รับการพักผ่อนมาเป็นเวลาสองสามวันแล้วจึงเริ่มทำพิษ ความรู้สึกอ่อนเพลียหน้ามืดเกิดขึ้นไม่ทันตั้งตัว"เวียนหัวจัง เฮ้อ...หรือนางร้ายต้องตายจริง ๆ นะ" หลี่หยางหงเอ่ยพึมพำ เปลือกตาบางเริ่มปริ่มปรือลงช้า ๆ สติสัมปชัญญะพลันดับวูบลงในที่สุด .."คุณหนู คุณหนู ตื่นเร็วเจ้าค่ะ"เสียงสตรีร้องตื่นตูม พลางเขย่าร่างผู้เป็นนายซึ่งนอนหลับใหลไร้สติอยู