ในวันสิ้นโลก ฟางเหนียงต่อสู้ดิ้นรนมาอย่างยากลำบาก แม้โลกใกล้จะล่มสลายก็ยังไม่อยากตาย ต่อสู้สังหารทั้งซอมบี้และมนุษย์เพื่อความอยู่รอด แต่ด้วยโชคชะตา ไม่ว่าจะร้ายหรือดี เธอกลับพบกับราชาซอมบี้ ไม่มีโอกาสแม้กระทั่งกลับเข้ามิติสวรรค์ ทว่าการตายของนาง กลับทำให้นางเกิดใหม่ในร่างที่ชื่อแซ่เดียวกับนาง ฐานะยากจนไม่มีแม้กระทั่งข้าวกินนางไม่บ่น ร่างกายผ่ายผอมไม่มีแรงแม้กระทั่งฆ่าไก่นางก็ไม่ว่า แต่เหตุไฉนเจ้าก้อนแป้งคู่นี้คือลูกของนาง? ด้วยความน่ารักน่าชังของเจ้าก้อน สาวโสดขึ้นคานอย่างนางรับได้สบาย ๆ แต่เรื่องราวกับไม่ง่ายดายถึงเพียงนั้นในเมื่อนางได้สามีแถมมาอีกหนึ่งคน ทหารหญิงใช้ชีวิตมาสองชาติ ยังไม่เคยมีความรัก แล้วเรื่องราวของฟางเหนียงจะเป็นอย่างไรนั้น โปรดติดตามในเรื่อง เกิดใหม่ทั้งทีได้ลูกมาสอง แถมสามีอีกหนึ่งคน ได้เลยค่ะ
View Moreตอนพิเศษ ความในใจของฟางเหริน ตั้งแต่วันนั้นที่มารดาตื่นขึ้นมา ฟางเหรินรู้ว่าท่านแม่ของเขาไม่เหมือนเดิม เปลี่ยนไปแทบไม่ใช่คนที่เขาเคยรู้จักแต่ถึงกระนั้นเขากลับเห็นแก่ตัว อยากให้มารดาเป็นคนนี้ตลอดไป แรก ๆ เขายังหวาดระแวง ทว่าความอ่อนโยนที่มอบให้ทำให้เขาพ่ายแพ้ แม้อายุยังน้อย แต่เพราะต้องช่วยเหลือตัวเองกับน้องชายมาหลายปี ทำให้รู้ความมากกว่าเด็กคนอื่น บ้างครั้งเขายังอิจฉาเสี่ยวเปาที่มีมารดาที่ดี มีอาหารให้อิ่มทุกมื้อ ไม่ถูกดุด่าและไม่ลงมือทำร้ายเมื่อไม่ได้ดั่งใจ ทว่าตั้งแต่มารดาคนนี้ฟื้นขึ้นมา พวกเขาก็ไม่ถูกดุด่าอีกเลย มีข้าวกินทุกมื้อและยังอร่อยจนน้ำตาแทบไหล เขาไม่เคยได้กินอาหารอร่อยเช่นนี้มาก่อนเลย มีเสื้อผ้าใหม่ ๆ สวมใส่ มีผ้าห่มผืนหนาได้ห่ม พวกเขาไม่ต้องทนเหน็บหนาวอีกแล้วฟางหรงเองก็เช่นกัน แม้พวกเขาจะรู้สึกว่ามารดาคนนี้ไม่ใช่มารดาคนนั้น แต่ก็ไม่เคยปริปากถามและยอมรับอย่างเงียบ ๆ อาจเพราะพวกเขาเห็นแก่ตัวเกินไป ที่จะเอ่ยถามถึงมารดาคนนั้น และที่ทำให้เขารู้สึกเหลือเชื่อ มารดาคนนี้เหมือนเทพจากสวรรค์ที่ลงมาประทานความรัก ความห่วงใยให้พวกเขา นางมีมิติสวรรค์ที่มีอาหารการกินครบพร้อม ต่อให้ต
ฟางเหนียงไม่รู้ว่าตนเองจะมีชีวิตไปได้อีกนานเท่าไหร่ เธอมองความสิ้นหวังขอมนุษย์ชาติที่ยังมีชีวิตหลงเหลืออยู่ เธอต่อสู้และปกป้องตัวเองมานานนับสิบปี ตั้งแต่วันนั้น วันที่ภัยพิบัติมาเยือน มนุษย์ตายตกกลายเป็นซอมบี้ที่กัดกินมนุษย์ที่ยังมีเลือดเนื้อ พวกมันไม่มีความรู้สึก และยังสามารถเคลื่อนไหวได้แม้ว่าแขนขาของมันจะขาดแล้วก็ตาม จุดอ่อนของมันมีเพียงแค่ตัดศีรษะเท่านั้น และในศีรษะของพวกมันมีผนึกที่สามารถช่วยให้ผู้มีพลังพิเศษแข็งแกร่งขึ้น ในโลกนี้ตอนนี้มีเพียงผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะมีชีวิตรอด และคงต้องขอบคุณตัวเองที่ตัดสินใจเดินเส้นทางทหารถึงทำให้เธออึดและอดทนได้มากเช่นนี้ ก๊อก ๆ ๆ “ฟางเหนียง” เสียงเรียกพร้อมร่างสูงของฟางอวี้เฉิงเปิดประตูเดินเข้ามาหาเธอด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ชายหนุ่มมาพร้อมรถลากมีผ้าคลุมไว้จนมิดชิด เมื่อเข้ามาแล้วจึงปิดประตูตามหลัง ฟางเหนียงเงยหน้าจากการทำความสะอาดอาวุธในมือมองญาติผู้พี่ซึ่งเป็นญาติที่หลงเหลือเพียงคนเดียว ใบหน้าไม่ได้อ่อนเยาว์เช่นกาลก่อนแล้ว เวลานี้มีริ้วรอยที่หางตาเพิ่มขึ้นมาก “มีอะไรหรือเปล่าคะ” ฟางเหนียงเอ่ยถามอย่างแปลกใจ เพราะตั้งแต่ฟางอวี้เฉิงหมด
“เพียงแค่ปล่อยวางอดีต เริ่มต้นชีวิตใหม่เราก็มีความสุขในสิ่งที่เรามีแล้ว เจ้าว่าจริงหรือไม่บุตรสาวข้า” รอยยิ้มอ่อนโยนและคำพูดที่แสนอบอุ่นนั้น ทำให้ฟางเซียนครุ่นคิดตามและส่งยิ้มให้มารดาอย่างเต็มใจ “ข้าเข้าใจแล้วท่านแม่ ขอบคุณเจ้าค่ะ” ฟางเหนียงกอดร่างอวบอ้วนของเด็กน้อยที่กินเก่งแข่งกับพี่ชายไว้ในอ้อมกอด นางรู้สึกดีใจที่คนในอ้อมกอดเข้าใจอะไรง่าย ๆ เช่นนี้ นางไม่จำเป็นต้องบีบคั้นเรื่องในอดีต หากไม่ใช่เรื่องที่ดีก็อยากให้เจ้าตัวลืมไปเสียเถอะ “ท่านแม่ความจริงข้าเคยเป็นหมอปีศาจ ผู้คนเกียจชังข้ามากมาย โลกนั้นเพียงแค่ต้องการของวิเศษของข้า ต่างตามล่าแย่งชิงมันไปจากข้า พวกมันต่างร่วมมือกันจนสามารถสังหารข้าได้ แต่พวกมันไม่มีทางได้ของวิเศษจากข้าไปได้เจ้าค่ะ” ฟางเซียนเอ่ยบอก ในน้ำเสียงของนางยังคงความแค้นเอาไว้ แต่นางรู้ว่าโลกนี้ไม่ใช่โลกเดียวที่นางจากมา มารดานางพูดถูก เพียงแค่นางปล่อยวางนางก็มีความสุข ทันใดนั้นปรากฏร่มสีแดงบนมือเล็ก มันมีกลิ่นอายที่เย็นเยือกราวกับว่ามันได้ดื่มโลหิตมามากเพียงใด “นี่คืออาวุธวิเศษเจ้าค่ะ มันสามารถเปลี่ยนเป็นสิ่งที่ข้าต้องการได้ ข้าเรียกสิ่งนี้ว่าหนิงเฟิ่งหวังว่าพ
วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว และแล้วฟางเหนียงก็ได้มาอยู่ที่นี่ยาวนานถึงหกปี นางมีบุตรสาวเพิ่มมาอีกหนึ่งคนนามว่าฟางเซียนที่แปลว่านางฟ้าผู้มีกลิ่นหอม และด้วยความที่นางคลอดลูกคนนี้ยากทำให้ไม่กล้ามีเพิ่มอีก ซึ่งฟางเหยียนอวี้ก็เห็นด้วยเพราะสงสารภรรยา ฟางเหนียงไม่รู้ว่าร่างเดิมผ่านการคลอดบุตรแฝดมาได้อย่างไร แต่สามีนางบอกว่าฝาแฝดคลอดมานั้นตัวเล็กมากทำให้คลอดง่าย ไม่เหมือนบุตรสาวของพวกเขาที่ขาวอวบอ้วนมาตั้งแต่แรกเกิด น้ำหนักหกชั่งนิด ๆ ทำให้คลอดยากแม้นางเป็นทหารที่ผ่านการบาดเจ็บมานักต่อนัก แต่เมื่อมาเจอการคลอดลูกทำให้นางเข็ดขยาดไปเลยทีเดียว โชคดีที่ฟางเซียนของนางเป็นเด็กดีและรู้ความ แต่เพราะความรู้ความของนางทำให้นางกังวลและแอบสังเกตอยู่บ่อยครั้งจนกระทั่งแน่ใจว่า บุตรสาวของนางเป็นเด็กพิเศษกว่าคนอื่น นั่นคือนางจำอดีตชาติของนางได้ แม้พยายามปกปิดได้มิดชิดจนบิดาและพี่ชายไม่ได้สงสัย แต่นางผู้เป็นมารดาที่ใกล้ชิดตลอดเวลา และยังผ่านเรื่องอัศจรรย์เช่นนี้มาก่อน ทำให้รู้ได้ทันที แต่ไม่ว่าเมื่อก่อนฟางเซียนจะเป็นใคร แต่ตอนนี้เจ้าตัวน้อยตรงหน้านางเวลานี้ก็คือบุตรสาวของนาง “อ่านจบแล้วหรือ” ฟางเหนียงเอ่ยถา
ฟางเหยียนอวี้พาภรรยาสาวมานั่งบนเตียงนอน แล้วลูบหน้าท้องที่นูนออกมาอย่างแผ่วเบาพร้อมน้ำเสียงตำหนิลูกในท้องไปด้วย เขาไม่รู้ว่าเมื่อก่อนฟางเหนียงคนเดิมเป็นเช่นไร แต่สิ่งที่จำได้มีแต่น้ำเสียงเกรี้ยวกราดของนางเท่านั้น คำพูดนั้นทำให้ฟางเหนียงรู้สึกเก้อเขินเล็กน้อย ความอ่อนโยนที่ฟางเหยียนอวี้มอบให้ทำหัวใจอบอุ่น ใบหน้างามระบายยิ้มเบาบาง บ่งความสุขของนางและอารมณ์ตอนนี้นางดีมาก ๆ ที่เห็นนางน้ำตาไหลไม่ใช่อารมณ์อ่อนไหวอะไร แค่อาเจียนจนเหนื่อยและน้ำตาไหลมาเองเท่านั้น “เจ้านอนพักก่อนเดี๋ยวพี่ไปทำอาหารเย็น” ฟางเหยียนอวี้ลูบศีรษะภรรยาสาวอย่างรักใคร่ ช่วงนี้เขาไม่อนุญาตให้นางเข้ามิติสวรรค์ เนื่องจากกลัวว่านางจะเป็นลมอยู่คนเดียวที่นั่น เพราะพวกเขาไม่สามารถรับรู้หรือเข้าไปได้หากฟางเหนียงไม่พาเข้าไป ฟางเหนียงมองตามร่างสูงแล้วรู้สึกว่าตัวเองโชคดี นางเคยใช้ชีวิตที่พึ่งพาแค่ตัวเอง เวลานี้กลับมีคนให้นางพึ่งพาได้ แม้นางไม่ได้อ่อนแอแต่การได้รับการดูแล ก็ทำให้หัวใจมีความสุขได้เช่นกัน นางยกมือลูบท้องแผ่วเบาเวลานี้มีสายใยเพิ่มอีกหนึ่งครอบครัวของนางก็ครบสมบูรณ์แบบ ฟางเหนียงไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีชีวิตที่ดีเช่น
“ไม่ได้ เจ้าอยู่บ้านเถอะ ตอนนี้เจ้ากำลังตั้งครรภ์ ข้ายังมีลูกชายช่วย” ฟางเหยียนอวี้ตอบปฏิเสธพร้อมลูบศีรษะนางอย่างรักใคร่ เขารู้ว่านางค่อนข้างเบื่อที่จะอยู่นิ่ง ๆ แต่เขาก็อดที่จะห่วงใยไม่ได้ ยิ่งช่วงหลัง ๆ มานี่นางแพ้ท้องเกือบทุกวันจนอดที่จะสงสารไม่ได้ ถ้าเป็นไปได้เขาก็อยากจะแพ้ทองแทนเอง ภรรยาเขาจะได้ไม่ต้องเหนื่อยและอ่อนเพลียเช่นนี้ “ข้าแค่ตามไปดูเฉย ๆ เจ้าค่ะ ไม่ได้ลงไปช่วยท่านเสียหน่อย” ฟางเหนียงหน้ามุ่ยเมื่อถูกลูบหัวเหมือนเด็ก ๆ ก่อนจะประท้วงเบา ๆ ตอนนี้นางถูกตามใจจนจะเสียคนอยู่แล้ว ทว่าหัวใจนางกลับรู้สึกอบอุ่นความสุขเอ่อล้นภายในใจ จนต้องเผลอยิ้มออกมาเบาบาง “เด็กดีอย่าดื้อนะ นอนพักมาก ๆ เดี๋ยวพี่จะรีบกลับมา” ฟางเหนียงหน้าร้อนผ่าวเมื่อได้ยินคำพูดของสามี อีกทั้งมือหนาที่ลูบหัวนางเหมือนเด็กนั่นอีก นางได้แต่ถอนหายใจอย่างจนใจ นางแพ้คำพูดอ่อนโยนของฟางเหยียนอวี้เช่นนี้และเขาก็จับจุดได้แล้วนางจะเอาอะไรไปสู้เขา “ดูแลลูก ๆ ด้วยเจ้าค่ะ” ฟางเหนียงเอ่ยบอกอย่างยอมแพ้ ดวงตาคู่คมมองนางจนรู้สึกเก้อเขินจนนางต้องดันหลังอีกฝ่ายเอาไว้ ให้ออกจากบ้าน “ไปได้แล้วเจ้าค่ะ ลูก ๆ รออยู่” ฟางเหยียนอวี้ยกย
“อร่อยมากเจ้าค่ะ” เด็กหญิงสองคนพูดออกมาพร้อมกัน ขณะที่ตักปีกไก่น้ำแดงเข้าปาก ฟางเหนียงมองดูเด็กสองคนอย่างเอ็นดู นางเองก็อยากมีลูกสาวกับเขาบ้างแต่หลายเดือนมานี้ยังไม่มีวี่แวว หรือว่านางจะไม่สามารถมีลูกสาวเพิ่มได้อีก “ท่านแม่ ท่านกินบ้างขอรับ” ฟางเหนียงก้มมองดูเจ้าก้อนแป้งน้อยทั้งคู่แล้วยิ้มอ่อนโยน หากไม่มีก็ไม่เป็นไร แค่พวกเขาสองคนนางก็มีความสุขแล้ว แต่หากมีเพิ่มก็นับว่าดีมาก ๆ “พวกเจ้าก็กินเยอะ ๆ” ฟางเหนียงบอกพร้อมคีบปีกไก่น้ำแดงให้ทั้งคู่บ้าง ก่อนจะพากันกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย ตอนนี้พวกเขาแยกโต๊ะกัน เนื่องจากผู้ชายยังดื่มเหล่าไม่เหมาะให้เด็ก ๆ ไปนั่งด้วย แต่หลังจากกินข้าวจนอิ่มแล้วจึงให้เด็ก ๆ ออกไปเล่นข้างนอก ส่วนนางก็อยู่พูดคุยกับมารดา พี่สาวและพี่สะใภ้ใหญ่เพื่อสร้างความสัมพันธ์ให้มากขึ้น เวลานี้นางมีครอบครัวไม่ได้โดดเดี่ยวแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวกับการผูกมิตรอีก เสียงหัวเราะของพวกผู้ชายดังแว่วมาเป็นระยะ พร้อมเสียงหยอกล้อกันอย่างสนุก หนึ่งในนั้นคือหยอกล้อเรื่องที่อยากให้นางมีบุตรเพิ่มอีกหลาย ๆ คน ฟางเหนียงสังเกตสีหน้าคนตอบไปด้วย ก่อนจะก้มหน้าต่ำปกปิดสายตาของตนเองเอาไว้
ขณะที่พวกเขาอยู่ในวิมานรัก สองฝาแฝดที่เหนื่อยจากการฝึกได้แต่หยุดมองหน้ากันเงียบ ๆ ท่านพ่อพาท่านแม่เข้าบ้านอีกแล้ว หลายครั้งแล้วไม่เห็นมีน้องสาวน้องชายตัวน้อย ๆ มาให้พวกเขาเสียที ทว่าไม่ใช่แค่สองแฝดที่รู้อึดอัดหัวใจ องครักษ์เงาที่ถูกส่งมาอารักขาก็ได้แต่กินอาหารหมา สำหรับคนโสดอย่างอัดอั้นตันใจไม่แพ้กัน ไหนศัตรู? นี่ส่งพวกเขามาดูพวกเขาแสดงความรักกันต่างหากเล่า! วันรุ่งขึ้นฟางเหนียงได้เตรียมอาหารและผักผลไม้ใส่รถเกวียนม้า วันนี้นางตั้งใจจะไปเยี่ยมบ้านมารดา และอยากให้พี่สาวของร่างนี้ลืมความรู้สึกผิดในใจเสียที และหลายเดือนมานี้นางยุ่งวุ่นวายเลยไม่ได้ไปเยี่ยมนานมากแล้ว ตั้งแต่ครั้งก่อนที่ให้เงินไปสร้างบ้าน นางไม่ได้ไปช่วยงานเพราะมีหลายอย่างที่ต้องจัดการ เพราะตอนนั้นนางก็พึ่งมาอยู่ที่นี่ ความทรงจำและการปรับสภาพยังไม่คุ้นเคยมากนัก วันนี้เด็ก ๆ ดูจะตื่นเต้นมาก พวกเขาเตรียมของเล่นและของฝากไปให้ญาติผู้พี่ทางบ้านนั้นด้วย แต่คนที่ใบหน้าเคร่งขรึมกลับเป็นฟางเหยียนอวี้ ที่เหมือนไม่อยากให้นางกลับบ้านเดิมเท่าไหร่นัก “ท่านพี่ไม่อยากไปด้วยรอข้าอยู่ที่นี่ก็ได้นะเจ้าค่ะ” “ไม่! พี่จะไปด้วย” คำตอบหนักแน่นท
“ข้าก็รออยู่เหมือนกันเจ้าค่ะ” ฟางเหนียงเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม ทุกคนที่มาซักผ้าต่างพูดคุยหยอกล้ออย่างสนุกสนานเมื่อมีคนรัก ก็ต้องมีคนอิจฉาริษยาเป็นเรื่องธรรมดา “ว่าแต่เจ้าจะขึ้นเขาอีกหรือไม่ ตอนนี้รวยแล้วนี่ เงินปลดประจำการของเหยียนอวี้คงได้มากกระมัง” ลู่ชิงภรรยาของลู่หลิ่งที่เสียชีวิตเพราะโดนสัตว์ร้ายฆ่าตาย เอ่ยถามอย่างประชดประชัน ดวงตาของนางมีแต่ความริษยาและโกรธแค้นแม้จะรู้ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับฟางเหนียง แต่หากไม่ใช่นางเป็นคนปล่อยข่าวเรื่องสมุนไพร ทุกอย่างก็คงไม่ลงเอ่ยเช่นนี้ “ลู่ชิงเจ้าพูดอย่างนั้นก็ไม่ถูก เงินของเขาเจ้าจะไปเดือดร้อนอะไรด้วย แล้วลู่หลิ่งตายไม่เกี่ยวกับฟางเหนียง มีแต่เจ้าที่บังคับสามีขึ้นเขา ทำไมไม่รู้จักโทษตัวเองบ้าง” ป้าหวังที่อยู่ไม่ไกลเอ่ยตอบโต้อย่างไม่พอใจนัก เพราะอย่างไรหลายเดือนมานี้ฟางเหนียงก็เทียวแบ่งอาหารมาให้นางบ่อยครั้ง จนเดี๋ยวนี้เสี่ยวเปาเริ่มอวบอ้วนขึ้นมากแล้ว “เหอะ! ข้าพูดความจริง รอดูเถอะเดี๋ยวเงินปลดประจำการหมดก็คงทิ้งสามีไปหาคนที่รวยกว่า” ลู่ชิงเค้นเสียงตอบโต้อย่างดูถูก ก่อนจะถือตะกร้ากระแทกเท้าเดินจากไป ทำให้คนแถวนั้นส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ “ฟางเห
“ท่านแม่ตื่น ๆ พวกข้าหิวแล้ว”เสียงร้องเรียกพร้อมร่างที่ถูกเขย่าทำให้ฟางเหนียงลืมตาขึ้น ทว่าดวงตาของนางมีแต่กลิ่นไอสังหาร แม้แต่เด็กน้อยที่ไร้เดียงสายังถอยหลังอย่างหวาดกลัว ดวงตาคู่งามมองก้อนแป้งน้อยอย่างฉงนสงสัย ในยุคที่สิ้นหวังเช่นนี้ไม่ควรมีเด็กน้อยในวัยนี้ นางพยายามลุกขึ้นนั่งมองสถานที่แห่งนี้อย่างไม่เข้าใจ แม้โลกจะใกล้ล่มสลายแต่ไม่ควรทรุดโทรมเช่นนี้ ฟางเหนียงหลับตาแผ่สัมผัสไปรอบรัศมีรอบตัวหนึ่งกิโลเมตร ก็ต้องประหลาดใจยิ่งกว่าเดิม เพราะเวลานี้นางไม่อาจสัมผัสเหล่าซอมบี้ได้เลยแม้แต่น้อย ที่สำคัญสถานที่แห่งนี้ราวกับไม่ใช่โลกที่ใกล้ล่มสลาย แต่เมื่อนึกไปถึงอดีตเวลานี้นางควรตายไปแล้ว เกิดใหม่ ? นั่นเป็นสิ่งที่นางพอคิดได้“ท่านแม่” เด็กน้อยก้อนแป้งเอ่ยเรียกมารดาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ‘ก้อนแป้งคู่นี้คือลูกข้า ?’ฟางเหนียงมองก้อนแป้งแฝดตรงหน้าตาไม่พริบ นางลุกขึ้นยืนเดินวนรอบร่างของก้อนแป้งน้อยอย่างฉงนสงสัย ก่อนจะหยิกแก้มอวบอ้วนของก้อนแป้งอย่างใคร่รู้ หวังว่าเรื่องราวที่ตัวเองกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ จะไม่ใช่แค่ความฝันเท่านั้น เพราะนางเองก็เบื่อที่จะฆ่าสังหารกับซอมบี้ทุกวันแล้วเช่นกัน เนื้อน...
Comments