แม่ทัพหนุ่มรูปงามเปี่ยมเสน่ห์แห่งบุรุษ ไม่ว่าสตรีใดได้เห็นล้วนต้องการเข้าสู่อ้อมแขน ปรารถนามีค่ำคืนวสันต์อันเร่าร้อนกับเขา กระนั้น ชายหนุ่มกลับเป็นคนที่มีนิสัยหวงเนื้อตัวอย่างมาก ไม่คิดมีสัมพันธ์กับสตรีใดง่ายๆ กระทั่งคืนนั้นเขาถูกวางยาปลุกกำหนัดและตื่นขึ้นมาอย่างเปลือยเปล่าไร้อาภรณ์พร้อมสาวน้อยผู้หนึ่ง การแต่งงานเกิดขึ้นอย่างมิอาจปฏิเสธ เขาเข้าใจผิดคิดว่าเป็นแผนการของนางที่ต้องการผูกมัดจึงโกรธเกลียดอย่างยิ่ง หากแต่ท่าทางของนางกลับมิได้ดีใจอะไรเลยแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำยังทำสีหน้าเศร้าสลดและเสียใจตลอดเวลาที่ได้เป็นภรรยาของเขา ทำเอาแม่ทัพหนุ่มยิ่งมีโทสะ เขาคิดว่านางควรยินดีที่ได้ตัวเขาสมใจแต่นางกลับทำท่าทางเช่นนั้น ทั้งยังพร้อมจะไปจากเขาตลอดเวลา ชายหนุ่มจึงแสดงออกอย่างเกรี้ยวกราดโดยไม่รู้ใจตัวเอง ทั้งอารมณ์ร้ายเพราะหึงหวงและตามใจนางอย่างไม่สนใจว่าใครจะเป็นหรือตาย ขอเพียงนางไม่หายไปทางใด
View Moreรอบแรกหลังจากที่ห่างหายกันไปเนิ่นนานปีทั้งยังมีตัวยาปลุกเร้ารุนแรงเยี่ยงนี้ การเล้าโลมเคล้าคลึงจึงไม่จำเป็น หากมัวซุกไซร้เห็นทีว่าภรรยาคงโกรธา เขาจึงไม่เสียเวลามารยารีบปรนเปรอนางในทันทีหลิงเวยถึงกับร้องครางออกมาบ่งบอกถึงความสุขสมเมื่อฟงชินหยางจับท่อนของขานางแยกออกแล้วยกสะโพกของนางให้เข้าที่เพื่อสะโพกของเขากระชับเข้าหา ท่อนกายแกร่งร้อนผ่าวสอดใส่เข้ามาในเนื้อนูนนุ่มชื้นที่กำลังเรียกร้องอย่างไม่มีชักช้า เขาไม่อยากให้นางทรมานมากไปกว่านี้ เพราะว่าเขาเองคล้ายกับจะทรมานยิ่งกว่าหากไม่ทำตามใจนาง "ชินหยาง..." เสียงหวานครางกระเส่าเรียกชื่อบุรุษเหนือร่างทำเอาฟงชินหยางต้องรีบก้มหน้าลงมากดจูบนางในทันทีเขานาบริมฝีปากลากไล้อย่างเร่าร้อนขณะที่กลางลำตัวยังคงควบนางมิให้ขาดช่วงไม่ให้หลุดร่วงออกจากกลางกายนางชายหนุ่มรับรู้ได้ว่านางต้องการเขามากมายปานใดสังเกตได้จากวงแขนเรียวเล็กที่โอบรัด ฝ่ามือนุ่มนิ่มที่ปัดป่าย เรียวนิ้วที่จับตรึงกดจิกไปทั่วเนื้อแน่นของเขาพรุ่งนี้เขาคงต้องให้นางทำแผลเลยทีเดียวนางเสียวกระทั่งเขายังเสียวตาม เรียวขางามๆ ของนางอีกเป็นไร ตวัดรัดรึงรอบเอวของเขาเลยเชียว หากเขาเอวเคล็
ยามค่ำคืนของราตรีกาลอันยาวนาน…ถึงแม้จะมีเสียงของเกือกม้าวิ่งกระทบพื้นอย่างเร็วจนเกิดเสียงดังอื้ออึงอยู่ในใบหูพร้อมกับสายลมรุนแรงโหมเข้าปะทะใบหน้าเสียดสีรุนแรงกับสองข้างแก้มนวลแต่ทว่าหลิงเวยกลับไม่รับรู้ถึงมัน นางกำลังรู้สึกใจสั่นแบบแปลกๆ ตั้งแต่นางดื่มเหล้าจอกแรกจนกระทั่งจอกที่สาม ก่อนหน้านี้นางยังคงมีสติครบถ้วนดูแลฟงชินหยางได้เป็นอย่างดีแต่ทว่าเพียงไม่นานนางก็เริ่มร้อนรุ่มขึ้นมา นางเริ่มครองสติของตนเองเอาไว้ไม่ได้อีกต่อไป นางกำลังรู้สึกล่องลอย สมองของนางคล้ายกับขาวโพลนนางกำลังรู้สึกแบบว่าอยากได้สัมผัสบางอย่าง นางกำลังมีอาการบางอย่าง มันเหมือนกับเมื่อครั้งแรกที่เจอกับฟงชินหยาง ที่โรงเตี๊ยมอี้ฉาง ที่เตียงนอนในห้องพักของเขาในที่ที่มีเพียงสองเรา อา...ความรู้สึกนี้....ฟงชินหยางก้มหน้ามองหลิงเวยมาตลอดทางที่บังคับม้าควบตะบึงมา ก่อนหน้านี้ที่จวนของชินอ๋องหลิงเวยยังคงมีสติปกติดีอยู่มาก แต่แล้วเขาเริ่มรับรู้ได้ว่าร่างบางในอ้อมแขนมีอาการที่เปลี่ยนไป นางกำลังมีอารมณ์บางอย่างหลังจากดื่มเหล้าของเขาเข้าไป นางเริ่มเหม่อมอง เนื้อตัวสั่นเทา ดวงตาหยาดเยิ้ม ฝ่ามือน้อยๆ ยามนี้ปัดป่ายเนื้อตัวของเขา
ฟงลี่หลินที่เริ่มทนไม่ไหวอีกต่อไปจึงเริ่มช่วยตนเองโดยการควานหาน้ำจากบนโต๊ะตรงหน้าไม่ว่าจะเป็นชาเป็นเหล้าเป็นอะไรก็ได้ในยามนี้ นางใกล้ตายเต็มที องค์ชายผู้นี้นั่งบื้ออยู่ได้!เมื่อฝ่ามือเรียวสวยคว้ากาเหล้าเอาไว้ได้แล้วจึงไม่มีการรีรอนางรีบยกขึ้นมาหมายดื่มมันทั้งกาแต่ทว่าฝ่ามือใหญ่หนากลับตีเข้ามาดังเพียะ“...!?”กาเหล้าทั้งกาถึงกับตกกระเด็นไปบนพื้นน้ำเหล้ากระฉอกหกออกหมดไม่มีเหลือ ฟงลี่หลินยิ่งถลึงตาเบิกกว้าง นางใกล้ตายแล้วนะ ไยองค์ชายตรงหน้าถึงทำอย่างนี้ นางช่วยเขาเอาไว้เมื่อครู่นี้มิใช่หรือไร เจ้าองค์ชายบ้า! เจ้าคนชั่วช้าไม่สำนึกบุญคุณ!หญิงสาวด่าเจ้าของตักแกร่งด้วยใบหน้าแดงก่ำ ดวงตาเรียวสวยตวัดความคมเฉี่ยวฟาดใส่ไม่มียั้งโดยไม่มีสรรพเสียงอันใดทั้งสิ้น เพราะขนมติดคออยู่แต่ทว่าชายหนุ่มผู้ถูกด่ากลับเข้าใจมันได้ไม่ยาก หากแต่ในเหล้านั้นอาจจะมียาพิษมิใช่หรือไร สาวงามก่อนหน้าพยายามทำสิ่งใดนางเองก็เห็น ไยไม่คิดให้ดี! ทั้งสองเถียงกันไปมาอย่างรู้ใจรู้ความนัยทางสายตาได้อย่างไม่น่าเชื่ออึดใจฉีเล่อจึงจับกระชับร่างบางบนตักให้นั่งตัวตรงก่อนจะเอื้อมฝ่ามือของเขาขึ้นมาแล้วตบแผ่นหลังให้นางเบาๆ เป็นจั
ข่าวจากทางบ้านบอกว่านางเป็นสะใภ้ที่ดีดูแลบิดามารดาแทนเขา ดูแลน้องๆ แทนเขา เป็นทั้งมารดาและบิดาให้ลูกๆ ทั้งสองเป็นอย่างดี ทำเขาเบาใจอยู่ไม่น้อยแต่ที่ทำให้เขาหนักใจไม่เบาก็คือยามค่ำคืนที่นางเอาแต่นอนร้องไห้แล้วหลับไปทั้งน้ำตากับกองจดหมายของเขาที่นางกอดเอาไว้ไม่ยอมปล่อยการศึกที่กินเวลายาวนานเช่นนี้เขาย่อมชาชินเพราะว่ามันเป็นเยี่ยงนี้มาตลอดกับหน้าที่ทหารชาญศึกเช่นเขา แต่ทว่ากับนางคงเป็นเรื่องยากอยู่ไม่น้อยฟงชินหยางนั่งมองหลิงเวยอย่างเหม่อลอยและลืมตัว ความนุ่มนวลเนิบช้าของนางกำลังครอบงำเขาเหมือนที่เคยเป็นมา ในยามนี้นางจักทำอะไรเขายอมทั้งนั้น เขาพร้อมตามใจนาง หากนางจะปลอมตัวทำเป็นไม่รู้จักกัน เขาย่อมคล้อยตามนางไม่อาจขัดใจ หากแต่คืนนี้นางต้องยอมเป็นสาวงามอุ่นเตียง ให้เขาได้นอนกอดซุกซบกับอกนุ่มๆ ของนางให้หายคิดถึง ชายหนุ่มคิดไปคิดมายังคงวกวนอยู่กับการหมายมาดที่จะกลืนกินภรรยาที่ห่างหายกันไปนานถึงห้าปี ไม่ว่านางจะปลอมตัวเป็นใคร เขาย่อมต้องจับนางมานอนใต้ร่างกระทั่งให้นางนอนบนร่างของเขาให้ฟ้าเหลือง ฟงชินหยางนั่งมองหลิงเวยด้วยความคิดที่มิได้อยู่สุข อึดใจฝ่ามือกรุ่นร้อนจึงเริ่มซุกซน เขา
ค่ำคืนของงานเลี้ยงต้อนรับเดินทางมาถึงเวลายามดึกมากแล้ว เฉินจิ้นเหอจึงเอ่ยปากกับฟงชินหยางให้อยู่ต้อนรับขับสู้องค์ชายฉีเล่อตามลำดับที่ได้จัดสรรเอาไว้ก่อนหน้าแล้วเป็นอย่างดีโดยขุนนางฝ่ายพิธีการมากฝีมือของที่นี่ที่มักจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับบุคคลสำคัญต่างแคว้นมาแต่ไหนแต่ไร เฉินจิ้นเหอกล่าวคำปราศรัยกับฉีเล่ออีกหลายประโยคก่อนจะชักชวนพระชายาของตนให้ลุกขึ้นแล้วพาเรือนกายสูงค่าเดินหายตัวไปในเวลาต่อมาฟงชินหยางรวมทั้งฉีเล่อจึงลุกขึ้นยืนทำความเคารพผู้สูงศักดิ์ทั้งสองตามด้วยข้าราชบริพานทั้งหลายยืนขึ้นแล้วค้อมกายน้อมส่งเจ้าแห่งหัวเมืองจนคล้อยหลังไป ถึงแม้ว่าเจ้าของวังอันยิ่งใหญ่จะเดินหายไปแล้วแต่งานเลี้ยงยังคงดำเนินต่อไปได้ตามปกติโดยที่ใครใคร่อยู่ต่อพึงได้อยู่ ใครที่ใคร่จะกลับบ้านพึงกลับบ้านไป มิใช่เรื่องแปลกใหม่อันใดจินเยว่ชิงยังคงหรี่ตามองไปทางฟงชินหยางกับสตรีอัปลักษณ์ด้านข้างของเขา นางเห็นฟงชินหยางนั่งนิ่งๆ คล้ายกับไม่สนใจนำพาใดๆ กับสตรีนางนั้น ในขณะที่สตรีนางนั้นกำลังนั่งก้มหน้างุดๆ คล้ายอับอายไม่กล้าทำอันใดมากไปกว่าการรินเหล้าแล้วส่งให้เขา แต่เขากลับมิได้สนใจจอกเหล้านั่นเลยแม้แต่น้อยทั้
ภายในงานเลี้ยงต้อนรับอันยาวนานแห่งค่ำคืนของรัตติกาลเพลานี้ฟงลี่หลินยังคงนั่งนิ่งๆ ไม่ไหวติงไปทางใด นางกำลังนั่งมองอาหารหน้าตาน่าทานบนโต๊ะตรงหน้าอย่างนึกชมชอบมันขึ้นมา ระยะเวลาห้าปีมานี้นางมักจะอยู่กับพี่สะใภ้ตลอดเวลา พี่สะใภ้มักจะชอบเข้าครัวทำขนมทำอาหารด้วยตนเองอยู่เสมอเพื่อดูแลคนในครอบครัวไม่ว่าจะเป็นท่านพ่อท่านแม่พี่รองตัวนางเองและหลานชายทั้งสองทั้งนี้ยังมีสาวใช้นามเสี่ยวชุ่ยที่มักจะชมชอบการกินเป็นชีวิตจิตใจไม่ว่าอะไรเข้าปากของเสี่ยวชุ่ยความสุขโดยรอบพลันบังเกิดแผ่ขยายวงกว้างมาถึงนาง หลานชายทั้งสองของนางก็ไม่ต่าง ทำให้นางนึกชมชอบการกินไปด้วย นางติดนิสัยของเสี่ยวชุ่ยมาไม่น้อย อืม...วันนี้นางยังมิได้กินข้าวเย็นเลย เริ่มหิวเสียแล้ว...เสียงหวานใสพลันเอ่ยเมื่อเริ่มทนไม่ไหวกับจานขนมที่หน้าตาน่าทานเหลือเกินบนโต๊ะตรงหน้า "องค์ชายเพคะ"เสียงนั้นของฟงลี่หลินทำเอาบุรุษหนุ่มรูปงามนามฉีเล่อต้องปรายสายตาคมเข้มดำขลับลงมอง "ท่านรับหรือไม่?" หญิงสาวกล่าวพลางชี้นิ้วไปที่ขนมหน้าตาน่าทานจานหนึ่งพร้อมปรายสายตาเรียวสวยโฉบเฉี่ยวขัดกับรอยแผลเป็นบนใบหน้าจ้องมองขนมสลับกับองค์ชายข้างกายฉีเล่อเลิกคิ
หลิงเวยพลันถลึงตามองค้างอ้าปากเล็กน้อยฟงชินหยางเห็นกระต่ายน้อยฝีมืออ่อนด้อยยิ่งนึกถูกใจ เขาย่อมตามใจนางหากนางอยากเล่นสนุก เขาจะทำเป็นไม่รู้จักนางก็ได้แต่จะจับนางขย้ำให้หนำใจไปเลย“เจ้าบรรเลงพิณได้ยอดเยี่ยมมากข้าชมชอบยิ่งนัก” ชายหนุ่มก้มหน้ากระซิบกระซาบกับหญิงสาวข้างกายหมายเกี้ยวนางอย่างนึกสนุกขึ้นมาบ้าง “ท่านคงชมชอบสตรีทุกนางที่เล่นพิณได้” หลิงเวยอดไม่ได้ที่จะประชดประชัน เจอกันแค่วันนี้แต่เอ่ยคำเยี่ยงนั้นหรือ?ลับหลังนางเขาเป็นเช่นนี้ใช่หรือไม่? หลิงเวยมองค้อนคนตัวโตขวับๆ จนแก้มแดงพองออก ดวงตาที่โตอยู่แล้วยิ่งกลมโตเข้าไปอีก ปานแดงกับไฝเม็ดใหญ่มิใช่อุปสรรคกับความน่ารักของนางเลยสักนิดฟงชินหยางก้มหน้ามองคนตัวเล็กอย่างนึกเข่นเขี้ยวเหลือเกินจนต้องขยับกายหนาแน่นเข้าใกล้นางอีกนิดจะได้ใกล้ชิดและแกล้งกันได้ถนัดถนี่มากยิ่งขึ้น "ไม่เลย...ข้าไม่เคยชอบใคร" เสียงกระซิบทุ้มต่ำชิดใบหู“ท่านไม่ควรทำตัวเยี่ยงนี้” หลิงเวยดุออกมาแต่หาได้เบี่ยงหูออกห่าง นางกำลังทำในสิ่งที่ไม่เคยมีใครได้ทำ“ข้าทำตัวอย่างไร” ฟงชินหยางตีหน้ามึนถามออกไป"ท่านไม่ควรตีสนิทกับสตรีอย่างนี้ เรายังไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ" หญิงสาวเ
บรรยากาศงานเลี้ยงยังคงดำเนินต่อไปภายในค่ำคืนรัตติกาลอันยาวนานในยามนี้หลิงเวยกำลังรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่ได้มานั่งเคียงข้างกับฟงชินหยางโดยมิได้คาดฝัน ห้าปีที่ห่างหายกันทำเอานางใจสั่นไม่เบา และยิ่งรู้สึกตื่นเต้นหนักหนาก็คือการปลอมตัวเข้ามาโดยที่ไม่ยอมเปิดเผยนี่มันคือครั้งแรกในชีวิต นางบอกได้เลยว่าตื่นเต้นกับเรื่องแปลกใหม่เยี่ยงนี้มากนักแต่ทว่า นางกำลังรู้สึกสนุกดี นางกำลังชมชอบการทำอะไรอย่างนี้ นางกำลังได้กลั่นแกล้งสามีตัวร้ายของนางหญิงสาวคิดในใจอยู่คนเดียวพลางอมยิ้มแล้วเอียงหน้าน้อยๆ อย่างน่ารักอยู่คนเดียวโดยไม่สนใจชายหนุ่มข้างกายเลยสักนิดว่าเขากำลังรู้สึกนึกคิดอันใดฟงชินหยางที่กำลังนึกโกรธกรุ่นนางผู้เป็นภรรยาที่บังอาจปลอมตัวมาพลันชะงักไปเมื่อมองเห็นกิริยาที่แสนคิดถึงนั่นของนาง จากที่กำลังขัดเคืองขัดใจกลับนึกหวั่นไหวขึ้นมา ความขึงเครียดแข็งกระด้างพลันอ่อนยวบยาบหวามไหวถูกครอบงำโดยนางในแบบที่เคยเป็นมา นางเป็นเสียแบบนี้แล้วเขาจักโกรธนางได้อย่างไรดูท่าทางนึกสนุกนั่นประไร ใครจะกล้าขัดใจได้กัน!เมื่อคิดได้แล้วจึงทำแค่เพียงนั่งนิ่งๆ เป็นรูปปั้นยักษ์ใหญ่ลอบมองภรรยาตัวน้อยว่าจะมาไม้
หลิงเวยก้มหน้าน้อยๆ หลุบตาลงเพื่อซุกซ่อนประกายหวามไหวในดวงตาสุดชีวิตเมื่อได้ใกล้ชิดกับฟงชินหยางเป็นครั้งแรกในรอบห้าปี ห้าปีแล้ว ห้าปีเชียว ห้าปีที่ได้อ่านแต่จดหมาย หาได้เห็นหน้านอนมองตากันและกอดกันไม่หญิงสาวกะพริบตาปริบๆ แอบชำเลืองมองชายหนุ่มข้างกายพลางเม้มปากเอาไว้แน่นพวงแก้มนวลเนียนเริ่มแดงระเรื่อขึ้นเรื่อยๆ นางกำลังเนื้อร้อนไปหมดแล้วในยามนี้ และยิ่งร้อนรุ่มคล้ายเป็นไข้เมื่อรับรู้ถึงความร้อนจากกล้ามเนื้อหนั่นแน่นของเขายามนั่งใกล้กัน ฟงชินหยางยิ่งเพิ่มความร้อนแรงในแววตาเมื่อมองเห็นท่าทางของภรรยาเป็นอย่างนั้นห้าปีแล้ว ห้าปีเชียว ห้าปีที่ได้อ่านแต่จดหมาย หาได้เห็นหน้านอนมองตากันและกอดกันไม่นั่นคือความนัยจากห้วงคำนึงของความคิดถึงที่มิได้นัดหมายของสองสามีภรรยาที่ยามนี้คนหนึ่งปลอมตัวและอีกคนหนึ่งเล่นตามน้ำไปแบบมึนๆ ทั้งสองยังคงนั่งนิ่งๆ ชำเลืองมองหน้ากันไปมาอยู่เงียบๆ ไร้สรรพเสียงใดๆ มีเพียงแต่อารมณ์บางอย่างที่ห่างหายไปนานเริ่มปะทุดุเดือดจนเลือดสูบฉีดแทบพุ่งอยู่ตรงแก่นกลางใจโดยมิได้นัดหมายแต่กำลังเกิดขึ้นพร้อมกันฟงลี่หลินได้แต่ยืนชะงักอยู่กลางอากาศที่จู่ๆ พี่สะใภ้ก็หมุนตัวเดินจาก
ยามราตรีกาลอันมืดมิด สายลมหนาวเหน็บพัดโชยกรีดอากาศเข้าบาดผิวขาวนวลเนียน ทำให้สองข้างแก้มแห้งตึงหลิงเวย อยู่ในอาภรณ์สีดำสนิท กำลังเดินอย่างกล้าๆ กลัวๆ ตามริมระเบียงนอกห้องที่เป็นมุมอับและมืดมิดของโรงเตี๊ยมอี้ฉางสถานที่แห่งนี้อยู่ในตัวเมืองของเขตแดนแคว้นเฉิน ที่ปกครองโดยฮ่องเต้เฉินหยางหมิงเซียน นางแอบย่องเข้ามายังที่แห่งนี้ได้อย่างง่ายดายมิรู้ได้ว่าทำไมโรงเตี๊ยมแห่งนี้ถึงไม่รัดกุมเอาเสียเลยจนสตรีไร้ฝีมือเช่นนางยังสามารถแอบเข้ามาได้โดยง่ายหลิงเวยคิดว่าจะแอบเข้ามาพักเพื่อเอาแรงเสียหน่อย ในเวลานี้นางกำลังรู้สึกเหน็ดเหนื่อยเหลือเกิน เรี่ยวแรงที่ใช้เดินทางเริ่มถดถอย หากจะเข้าพักที่โรงเตี๊ยมแบบโจ่งแจ้ง อาจจะนำมาซึ่งการตามตัวนางให้กลับไป เช่นนั้นแล้วก็มีแต่จะคงต้องใช้วิธีนี้เท่านั้น ในตัวเมืองแห่งนี้โรงเตี๊ยมมีมากมายจนนับไม่ถ้วน ห้องพักย่อมมีมากมายเช่นเดียวกัน มันจึงมิใช่การยากอันใดหากนางจะแอบเข้าไปแล้วแอบเข้าพักห้องใดสักห้องหนึ่ง หากมีคนมาเจอแล้วจับได้ว่านางแอบเข้ามานางเพียงแค่จ่ายเงินไป หากแต่การเข้ามาแบบเปิดเผยอาจจะนำมาซึ่งการถูกถามหาจากคนที่อาจจะแอบตามนางมา ไม่แน่ว่าบิดาของนางอาจจ...
Comments