‘สวรรค์หรือโชคชะตาที่เล่นตลก คนอื่นทะลุมิติมามีแต่คนรุมรัก ทว่าตั้งแต่ข้าฟื้นมามีแต่คนอยากจะฆ่า ในเมื่อข้าอยากเป็นเพียงคุณหนูเสพสุขไปวัน ๆ แต่บารมีไม่ถึงวาสนาไม่อำนวย เช่นนั้นข้าจะทำตามลิขิตฟ้า กลายเป็นนางร้ายอย่างที่สวรรค์ต้องการ’
View More“หากยังดื่มไปเรื่อย ๆ เช่นนี้ก็คงยืดเยื้อกินเวลาอีกเป็นชั่วยาม เช่นนั้นเรามาดวลกันไปเลยดีหรือไม่ จะได้ไม่เสียเวลาไปมากกว่านี้ เพราะหากยังดื่มกันแบบนี้ดูท่าแล้วพระอาทิตย์ตกดินพวกเจ้าก็คงไม่ยอมแพ้เสียที” เว่ยเหวินเซียนตอบกลับหลานชายหน้านิ่ง ไม่แม้แต่จะหันไปมอง“หม่อมฉันยอมแพ้เพคะ” เผยตั้นเยี่ยนรู้ตัวดีว่าสุขภาพยังไม่แข็งแรงดีดั่งเดิม แต่ที่ยอมร่วมแข่งขันด้วยเนื่องจากอยากร่วมสนุกกับสหายเท่านั้น“หม่อมฉันก็ขอยอมแพ้เช่นกันเพคะ หากดื่มมากไปกว่านี้กลัวว่าสภาพที่กลับไปถึงจวนคงทำให้ตระกูลขายหน้าแล้ว” เผยตั้นเหม่ยกลัวว่าหากเมาอาจทำเรื่องน่าขายหน้าต่อหน้าบุรุษผู้สูงศักดิ์แล้วจะส่งผลไปถึงวงศ์ตระกูลเว่ยหลิงเฮ่อกับเผิงเจียวเจี๋ยได้ยินบุตรีคนรองตระกูลเผยกล่าวก็คิดขึ้นมาได้ หากพวกเขายังคิดเอาชนะเว่ยชินอ๋องอีก นอกจากจะอับอายเพราะพ่ายแพ้ยังอาจจะต้องอับอายเพราะเผลอทำเรื่องขายขี้หน้าเนื่องจากไม่มีสติอีกด้วย‘หากยังดื่มต่อเราเองก็อาจทำตัวเสียอาการต่อหน้าพวกนาง ถึงอย่างไรจะเอาชนะคนที่มีท่าทางราวกับดื่มน้ำเปล่าคงเป็นไปได้ยาก’
“การแข่งขันในครั้งนี้ไม่เร่งร้อนหาผู้ชนะ ขอเพียงตลอดงานเลี้ยงในวันนี้ผู้ใดที่ดื่มสุราได้มากที่สุดก็จะถือเป็นผู้ชนะ แต่หากผู้ใดอาเจียนหรือสลบไปก่อนจะถือว่าแพ้ทันที เช่นนั้นหวังว่าทุกคนจะประมาณตนเองได้ ส่วนรางวัลของผู้ชนะคือจะมีสิทธิ์ขออะไรก็ได้จากคนแพ้โดยที่คนแพ้จะต้องห้ามปฏิเสธ และทำตามคำขออย่างเต็มใจไม่คิดแค้นต่อกันในภายหลัง มิทราบว่ามีผู้ใดไม่พอใจกับกฎการแข่งขันนี้หรือไม่ หรือว่ามีผู้ใดรู้ตัวว่าจะแพ้และกลัวจะต้องทำตามคำขอของผู้ชนะ ก็สามารถถอนตัวก่อนที่จะเริ่มแข่งขันได้เลยนะเจ้าคะ” เผิงซิ่วอิงเอ่ยพลางกวาดตามองเหล่าบุรุษทั้งสามหญิงสาวจากตระกูลเผิงรู้ว่าบุรุษทั้งสามต้องยอมรับกติกาอย่างแน่นอน เพราะหากไม่ยอมรับก็จะเท่ากับตนเองแพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มแข่ง บุรุษทุกคนล้วนกลัวเสียหน้ามีหรือจะไม่เห็นด้วยกับกฎและรางวัลที่นางตั้งขึ้นซึ่งการที่สตรีแซ่เผิงตั้งกฎนี้ขึ้นมา นางก็ได้คำนวณทุกอย่างเอาไว้แล้ว อีกทั้งยังหาวิธีให้พี่ชายของนางชนะการดวลสุราในครั้งนี้อีกด้วย เผิงซิ่วอิงใช้ช่วงเวลาที่กำลังปรับเปลี่ยนสถานที่ใหม่ ไปหาฉุยฉุยเพื่อถามหายาที่ช่วยให้ไม่เมา ซึ่งถือว่าสวร
เผิงซิ่วอิงเห็นสีหน้าของเว่ยหลิงเฮ่อที่แสดงออกชัดว่าไม่พอใจ ที่พี่ชายของนางให้ความสำคัญกับเว่ยชินอ๋องมากกว่า จึงเอ่ยเพื่อปลอบใจ“องค์รัชทายาทเพคะ อยากโกรธไปเลยเพคะ พี่รองของหม่อมฉันมิได้เห็นว่าท่านอ๋องสำคัญกว่าองค์รัชทายาทหรอกเพคะ เพียงแต่พี่รองรู้ว่าหากเชิญท่านไปพร้อมท่านอ๋อง ทั้งสองพระองค์ก็จะทะเลาะกันไม่จบไม่สิ้น แต่หากจะให้หม่อมฉันเป็นคนนำทางท่านอ๋อง ก็กลัวหม่อมฉันประหม่าเพราะระหว่างท่านอ๋องกับองค์รัชทายาท หม่อมฉันคุ้นเคยกับองค์รัชทายาทมากกว่าเพคะ” คุณหนูแซ่เผิงพยายามเอ่ยอย่างสตรีในห้องหอเมื่อไตร่ตรองตามคำพูดของเผิงซิ่วอิง เว่ยหลิงเฮ่อก็พอเข้าใจได้ทว่าในใจก็ยังรู้สึกฉุนเฉียวอยู่หลายส่วน “เข้าใจแล้ว” เขาตอบห้วน ๆ“ท่านนี่ไม่ต่างจากแต่ก่อนเลยนะเพคะ” น้ำเสียงของเผิงซิ่วอิงบ่งบอกถึงความไม่พอใจ‘ในเมื่อเจ้ามิคิดพูดจากับข้าเหมือนสตรีทั่วไป เช่นนั้นข้าก็มิจำเป็นจะต้องใช้คำพูดอ่อนโยนกับเจ้าเช่นกัน’ คุณหนูสามตระกูลเผิงรู้สึกหงุดหงิดที่ตนเองพยายามอ่อนโยน แต่บุรุษตรงหน้ากลับพูดเหมือนไม่พอใจนาง อีกทั
คำพูดของสตรีตรงหน้าบวกกับน้ำเสียงน้อยอกน้อยใจ ทำให้บุรุษตัวสูงราวถูกตบอย่างแรงจากบุรุษร่างกำยำ ความรู้สึกผิดถาโถมเข้ามาจนจุกอยู่ในอก เขารู้ว่าต่อให้พร่ำขอโทษนางเป็นร้อยเป็นพันครั้ง นางก็ไม่ยินดีที่จะฟังและไม่คิดยกโทษให้ เนื่องจากครั้งนี้มิใช่ครั้งแรกที่เขาทำผิดต่อนาง เว่ยเหวินเซียนจึงคิดใช้การกระทำเป็นเครื่องพิสูจน์ เพราะคงเป็นการดีกว่ามานั่งอธิบายให้เอ่ยคำทำร้ายจิตใจกันไปเรื่อย ๆ เช่นตอนนี้เผยตั้นเยี่ยนเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้โต้ตอบกลับจึงเอ่ยต่อ “อีกอย่างเมื่อวานตอนที่เสวี่ยเฟิงมารายงานหม่อมฉัน ท่านอ๋องก็ทรงได้ยินความชั่วของหม่อมฉันในวัยเด็กไปแล้วมิใช่หรือเพคะ เช่นนั้นครั้งนี้หม่อมฉันลงมือเองน่าจะเป็นผลดีต่อท่านอ๋องนะเพคะ เมื่อถึงเวลาที่ท่านอ๋องสังหารหม่อมฉันจะได้ไม่ต้องเสียเวลาหาข้ออ้างมาอธิบายให้ไทเฮาและเหล่าขุนนางฟัง ท่านอ๋องเพียงบอกไปว่าหม่อมฉันเป็นสตรีที่อกตัญญูเผาบ้านทำลายทรัพย์สินตระกูล อีกทั้งยังฟ้องศาลเอาผิดบิดาผู้ให้กำเนิดและมารดาผู้เลี้ยงดู มิเพียงเท่านั้นยังเป็นสตรีจิตใจชั่วช้าพาน้องสาววัยเยาว์ไปปล่อยทิ้งให้หลงทาง สตรีเช่นนี้ย่อมไม่สมควรได้เป็นพระชายา แต่เพรา
ครั้นม้าของเว่ยเหวินเซียนเหยียบเข้าเมืองหลวง เขาก็ขอพระเชษฐาแยกไปยังจวนของตนเองทันที เจ้าของบัลลังก์ไม่คิดห้ามเพราะรู้ว่าพรุ่งนี้พระอนุชาของเขายังมีเรื่องสำคัญต้องทำอีกเนื่องจากมาถึงเมืองหลวงพระอาทิตย์ก็ตกดินไปแล้ว หากเว่ยเหวินเซียนยังไปที่จวนตระกูลเผยก็กลัวคนจะพูดกันไปต่าง ๆ นานาจึงมิได้ไปหาเผยตั้นเยี่ยน ทว่าก็ยังมิวายเรียกคนของตนให้มารายงานอาการของนางวันต่อมาเว่ยเหวินเซียนนำรถม้าประจำตำแหน่งมารับเผยตั้นเยี่ยนกับเผยตั้นเหม่ยที่หน้าจวน เพื่อจะไปยังเรือนนอกเมืองของตระกูลเผิงตามที่คุณหนูใหญ่เผยกับคุณหนูสามเผิงได้ตกลงกันไว้ ที่เขานำรถม้าส่วนตัวมาในครั้งนี้เพื่อประกาศให้ทุกคนได้ล่วงรู้ว่าเขาไปที่ใดและมีผู้ใดไปด้วยบ้าง และอีกหนึ่งเหตุผลคือเขาอยากร่วมนั่งในรถม้าไปกับพระชายาของตนเอง เพราะหากนั่งกันสามคนรถม้าทั่วไปคงเล็กเกินกว่าที่จะให้บุรุษอย่างเขานั่งร่วมไปกับสตรีทั้งสองเพียงรถม้าของเว่ยเหวินเซียนมาจอดหน้าจวนตระกูลเผยได้ไม่นาน เผิงซิ่วอิงกับเผิงเจียวเจี๋ยและเว่ยหลิงเฮ่อก็มาถึงจวนตระกูลเผยเช่นกันเผยตั้นเหม่ยยังคงรู้สึกหวาดกลัวเว่ยเหวินเซียนกับเรื่องที่เขาลงท
เว่ยเหวินเซียนมองดูทหารองครักษ์พาตัวหานสิงเวยไป ก่อนจะลุกจากเก้าอี้แล้วใช้สายตากวาดมองไปรอบ ๆ ก่อนจะมาหยุดสายตาที่สามคนพ่อแม่ลูกแซ่เผย“ในอดีตที่เกิดขึ้นหากพระชายาของข้ามิเอาความ ข้าเองก็ไม่ถือสา แต่นับจากบัดนี้เป็นต้นไป มิว่าผู้ใดทำให้พระชายาของข้าต้องเจ็บปวดจะทางกายก็ดีทางใจก็ดี ข้าจะลากมันผู้นั้นมาลงโทษด้วยตนเอง และมิเพียงเท่านั้นข้าจะจับมันผู้นั้นแห่ให้ทุกคนในเมืองหลวงได้รับรู้ ถึงความกล้าหาญที่กล้าทำร้ายสตรีของข้า” พูดจบเว่ยเหวินเซียนก็สะบัดแขนเสื้อแล้วเดินกลับไปยังเรือนนอนของเผยตั้นเยี่ยนทันทีเมื่อเขาเข้ามาในห้องนอนของภรรยาตัวน้อย บุรุษหนุ่มเห็นฉุยฉุยกำลังนั่งซับเหงื่อให้กับสตรีที่นอนหลับไม่รู้สึกตัวอยู่บนเตียง จึงได้ให้สาวรับใช้ถอยออกมาแล้วตนเองเข้าไปนั่งแทนที่เพื่อเช็ดซับเหงื่อให้เผยตั้นเยี่ยน“พระชายาของข้าความจำเสื่อมตั้งแต่เมื่อใด” เว่ยเหวินเซียนเอ่ยถามออกมาตรง ๆ ในขณะที่มือกำลังซับเหงื่อให้สตรีที่หลับใหลอยู่ เพราะเขาคิดว่าในบรรดาคนรับใช้ทั้งสามฉุยฉุยน่าจะรู้เรื่องของเผยตั้นเยี่ยนมากที่สุด“ทูลท่านอ๋อง ตั้งแต่วันท
สามเค่อ [1] ก่อนที่เผยตั้นเยี่ยนจะตื่นเว่ยเหวินเซียนให้ฉุยฉุยคอยดูแลเผยตั้นเยี่ยน ก่อนที่เขาจะเรียกหานสิงเวยและทหารองครักษ์ที่ดักโจมตีสตรีของเขาไปยังลานจวนตระกูลเผย เขาเลือกช่วงเวลาที่หญิงสาวหลับ เพราะกลัวว่าจะทำให้นางลำบากใจที่เห็นหานสิงเวยโดนลงโทษเพราะนางสาเหตุที่อ๋องหนุ่มลงโทษคนทั้งหมดที่ลานจวนตระกูลเผย มิใช่จงใจจะประจานลูกน้องตนเองให้ผู้อื่นเห็น เพียงแต่เขาอยากให้คนในจวนตระกูลเผยทั้งนายและบ่าวได้เห็นว่าแม้แต่องครักษ์คนสนิทของเขา หากทำให้สตรีอันเป็นที่รักของเขาได้รับบาดเจ็บ ก็ถูกลงทัณฑ์ไม่มีข้อยกเว้น เช่นนั้นคนอื่นที่ไม่สนิทก็อย่าได้คิดร้องขอความเมตตาหากทำร้ายพระชายาของเขาเว่ยชินอ๋องรอให้สองพ่อลูกตระกูลเผยกลับมาจากที่ทำงาน แล้วจึงเรียกทุกคนมาดูการลงทัณฑ์ ไม่เว้นแม้กระทั่งคนที่เฝ้ายามอยู่หน้าประตูจวน“พวกเจ้าทุกคนดูเอาไว้ หากวันหน้าผู้ใดกล้าทำให้พระชายาของข้าต้องเจ็บแม้เพียงเล็กน้อย โทษที่มันผู้นั้นจะได้รับจะมากกว่าพวกเขาเป็นสิบเท่า” สุรเสียงทรงอำนาจประกาศดังก้องตรัสจบเว่ยเหวินเซียนก็พยักหน้าให้กั
“เจ้านำแบบพวกนี้ไปให้ท่านพี่ชิงหยางเลือกเถอะ ตอนที่ข้าให้ฉุยฉุยไปบอกกับท่านลุงว่าข้าต้องการให้ท่านลุงหาขนสุนัขจิ้งจอกดำให้ ฉุยฉุยบอกกับข้าว่าท่านพี่ชิงหยางก็ให้ท่านลุงหามาตั้งนานแล้วแต่ยังไม่พบสักที เช่นนั้นขนสุนัขจิ้งจอกดำนี้ก็ให้กับคนที่ต้องการมันเถอะ” หญิงสาวเอ่ยพร้อมยิ้มอ่อน ๆเดิมที่เผยตั้นเยี่ยนเห็นว่าเว่ยเหวินเซียนมักชอบไปทำเรื่องเสี่ยงด้วยตนเองบ่อยครั้ง และการแอบแฝงตัวหรือปกปิดตัวตนมักต้องใส่เสื้อผ้าสีดำสนิท และอีกไม่นานจะเข้าเหมันตฤดูแล้ว นางจึงอยากทำชุดคลุมสีดำให้กับเว่ยเหวินเซียนทว่ายามนี้เผยตั้นเยี่ยนคิดว่าหากให้ไปก็เกรงว่าเวยชินอ๋องจะเผาเสียคลุมทิ้ง จึงคิดว่าของที่หายากเช่นนี้อีกทั้งยังแลกมาด้วยชีวิต ถึงจะเป็นชีวิตของสัตว์ก็ตาม ก็ควรจะให้กับผู้ที่เห็นคุณค่าของมันเสวี่ยเฟิงมองหน้าคุณหนูของตนอย่างงุนงงสงสัย จนหัวคิ้วทั้งสองของเขาแทบชนกัน เพราะไม่ง่ายเลยที่จะได้ขนสุนัขจิ้งจอกดำสนิทมา แต่คุณหนูเผยตั้นเยี่ยนกลับยกให้ลูกพี่ลูกน้องอย่างไม่มีท่าทีลังเลเลยแม้แต่น้อย แต่ในเมื่อเป็นคำสั่งของนาย เขาจึงตอบรับโดยไม่คิดถาม“ขอรับ เช่นนั้
เว่ยเหวินเซียนยื่นมือไปจับมือเผยตั้นเยี่ยน แต่นางกลับหลบมือหนีไม่ยอมให้เขาแตะต้อง อ๋องหนุ่มอ้าปากหมายจะอธิบาย แต่ทว่าฉุยฉุยกลับส่งเสียงขออนุญาตนำอาหารเข้ามาให้เสียก่อน ถึงบุรุษหนุ่มจะไม่เอ่ยตอบกลับเพราะอยากพูดกับภรรยาตัวน้อยตรงหน้าให้รู้เรื่องทว่าเผยตั้นเยี่ยนกลับเป็นคนอนุญาตให้สาวรับใช้ของตนเข้ามาโดยไม่สนใจว่าบุรุษตรงหน้าจะเอ่ยอันใด เพราะยามนี้คำพูดของเขาไม่ต่างอะไรกับยาพิษที่ทำให้คนกระอักเลือดได้ นางจึงไม่อยากได้ยินคำพูดของเขาแม้เพียงครึ่งคำเผยตั้นเยี่ยนทานอาหารที่ฉุยฉุยนำมาไม่กี่คำก็ให้สาวรับใช้คนสนิทยกสำรับออกไป ทว่าไม่ทันที่สาวใช้ข้างกายจะออกไปจากห้อง เสวี่ยเฟิงก็ตะโกนเสียงดังเพื่อขออนุญาตเจ้าของห้องก่อนเข้ามา แน่นอนว่าเผยตั้นเยี่ยนรู้ดีว่าคนของตนต้องมีความคืบหน้าบางอย่างมารายงาน จึงได้ตอบรับให้บ่าวรับใช้คนสนิทเขามาอย่างรวดเร็วเมื่อเสวี่ยเฟิงเข้ามาฉุยฉุยก็เดินออกไป ครั้นบ่าวรับใช้คนสนิทของเผยตั้นเยี่ยนเห็นเว่ยเหวินเซียนก็มิกล้ารายงานเรื่องที่ไปสืบมาได้เผยตั้นเยี่ยนเห็นสีหน้าคนของตนก็เข้าใจได้ในทันทีทันใด เพราะช่วงนี้เสวี่ยเฟิงต้องไปสืบเรื่องในอดี
จันทรากลมโตบนนภาสาดแสงส่องลงมากระทบบุรุษที่ยืนอยู่ข้างริมหน้าต่าง บุรุษใบหน้าสง่างามรูปร่างสูงโปร่งท่วงท่าดูองอาจสุขุม ดวงตาของเขานุ่มลึกชวนให้คนยกย่อง แต่ทว่าผิวของเขากลับขาวดั่งหยกประหนึ่งคุณชายเจ้าสำราญบุรุษท่าทางองอาจรอคอยการมาของสตรีนางหนึ่งอยู่ในห้องที่ไม่ใหญ่นัก เขาทอดสายตามองออกมาทางหน้าต่างเพื่อมองทางเพียงเส้นทางเดียวที่จะมาถึงยังเรือนหลังนี้อย่างใจจดใจจ่อเวลาผ่านไปไม่ถึงสองเค่อ [1] ก็มีรถม้าวิ่งมาตามทางที่บุรุษสูงศักดิ์คอยมองอยู่ การรอคอยของเขาจบสิ้นเสียที เขาเดินไปนั่งพร้อมยกถ้วยชาที่มีไอร้อนลอยขึ้นมาจากถ้วยแล้วค่อย ๆ จิบอย่างช้า ๆ ยามนี้ในใจของเขาได้แต่คาดหวังว่านางจะมาพร้อมกับสิ่งที่เขาต้องการ“องค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ คุณหนูสกุลเผยมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้กระหม่อมให้นางรออยู่ที่โถงรับแขกแล้วพ่ะย่ะค่ะ” เติ้งจื่ออวี๋องครักษ์คนสนิทของเว่ยหลิงเฮ่อรีบเข้ามารายงานผู้เป็นนาย“นางได้ตราพยัคฆ์มาหรือไม่” เว่ยหลิงเฮ่อสุรเสียงราบเรียบ“ได้มาพ่ะย่ะค่ะ พระองค์จะเสด็จไปหานางหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”เว่ยหลิงเฮ่อเมื่อได้ยินคำตอบจากองครักษ์ข้างกายมุมปากของเขาก็ยกโค้งขึ้น “ใยข้าจะต้องไปหานางด้วย เ...
Comments