รอบแรกหลังจากที่ห่างหายกันไปเนิ่นนานปีทั้งยังมีตัวยาปลุกเร้ารุนแรงเยี่ยงนี้ การเล้าโลมเคล้าคลึงจึงไม่จำเป็น หากมัวซุกไซร้เห็นทีว่าภรรยาคงโกรธา เขาจึงไม่เสียเวลามารยารีบปรนเปรอนางในทันที
หลิงเวยถึงกับร้องครางออกมาบ่งบอกถึงความสุขสมเมื่อฟงชินหยางจับท่อนของขานางแยกออกแล้วยกสะโพกของนางให้เข้าที่เพื่อสะโพกของเขากระชับเข้าหา ท่อนกายแกร่งร้อนผ่าวสอดใส่เข้ามาในเนื้อนูนนุ่มชื้นที่กำลังเรียกร้องอย่างไม่มีชักช้า เขาไม่อยากให้นางทรมานมากไปกว่านี้ เพราะว่าเขาเองคล้ายกับจะทรมานยิ่งกว่าหากไม่ทำตามใจนาง
"ชินหยาง..." เสียงหวานครางกระเส่าเรียกชื่อบุรุษเหนือร่างทำเอาฟงชินหยางต้องรีบก้มหน้าลงมากดจูบนางในทันที
เขานาบริมฝีปากลากไล้อย่างเร่าร้อนขณะที่กลางลำตัวยังคงควบนางมิให้ขาดช่วงไม่ให้หลุดร่วงออกจากกลางกายนาง
ชายหนุ่มรับรู้ได้ว่านางต้องการเขามากมายปานใด
สังเกตได้จากวงแขนเรียวเล็กที่โอบรัด ฝ่ามือนุ่มนิ่มที่ปัดป่าย เรียวนิ้วที่จับตรึงกดจิกไปทั่วเนื้อแน่นของเขา
พรุ่งนี้เขาคงต้องให้นางทำแผลเลยทีเดียว
นางเสียวกระทั่งเขายังเสียวตาม เรียวขางามๆ ของนางอีกเป็นไร ตวัดรัดรึงรอบเอวของเขาเลยเชียว
หากเขาเอวเคล็ดจักโทษใคร ไยนางไม่ถนอมกัน
ฟงชินหยางจูบหลิงเวยหนักๆ อยู่หลายทีก่อนจะถอนริมฝีปากออกมาเพื่อให้นางได้หายใจก่อนจะกดจูบเข้าไปใหม่เพื่อระบายอารมณ์ร้อนเร่าของนางและเขาในคราเดียว
หลิงเวยหลับตาพริ้มพร้อมตวัดปลายลิ้นไปมาอยู่ในโพรงปากของฟงชินหยางจนเรียกเสียงครางจากลำคอแกร่งหนา
นางทั้งกดทั้งจิกทั้งตรึงฝ่ามือน้อยๆ ไปมากับช่วงไหล่ลาดชันลากไล้ลงไปตรงกลางแผ่นหลังก่อนจะเอื้อมไปจับขึงเอาไว้มั่นกับเอวสอบของเขาเพื่อช่วยเร่งเร้ากระชับขยับตามจังหวะสะโพกเพรียวของเขาได้ตรงใจ ทำเอาบุรุษเหนือร่างยิ่งเพิ่มอารมณ์กระสันเพิ่มจังหวะหฤหรรษ์ให้กระชั้นถี่รัว เขาย่อมตามใจนางเมื่อสัญญาณมือของนางเดินทางมาจนถึงสะโพกของเขาก่อนลากไล้นวดคลึงและกอบกุมบั้นท้ายของเขาเอาไว้ ความเข้าใจกันและกันในส่วนนี้ย่อมมีอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง มิเช่นนั้นอย่าเรียกเขาว่าสามีเลย
เมื่อจังหวะทั้งหนักทั้งหน่วงทั้งเร่าร้อนและเร่งเร้าเดินทางด้วยความรุนแรงมาไกลโข เสียงครวญคร่ำสั่นพร่าพลันครางลั่น
"ชินหยาง...ไม่ไหวแล้ว"
ฟงชินหยางยิ่งเร่งจังหวะส่งนางไปยังสวรรค์ชั้นฟ้าก่อนหน้าโดยไม่มีรอช้า เขาย่อมใจดีและใจกว้างดั่งแม่น้ำฉางเจียง
"เต็มที่เลย...เมียรัก"
เสียงคล้ายตบมือหนักๆ ยังคงดังลั่น จนในที่สุด
“อา...” ภรรยาใต้ร่างสามีพลันส่งสัญญาณแห่งความสุขสมอย่างหวานล้ำดังออกมา
เมื่อจัดการส่งภรรยารักให้ไปถึงดวงดาวบนฟากฟ้าพร่างพราวจนตัวโยกตัวโยนหัวสั่นหัวคลอน ฟงชินหยางจึงจัดการกับตนเองโดยการจับกระชับนางอย่างแนบแน่นไม่มีปล่อย
เขากลืนกินนางอีกครู่ใหญ่โดยที่นางยังคงตอบสนองเขาอย่างรู้ใจถึงแม้ว่าแขนขาของนางจะอ่อนระทวยระโหยโรยแรง จนกระทั่งนางครางจนคอแหบคอแห้งและหลับใหลคาอกแกร่งของเขาไป
เสียงทุ้มห้าวครางต่ำสั่นพร่าคาซอกคอนางเมื่อเขาเองได้ไล่เกาะฟากฟ้าจนไปถึงยังดวงดาวดวงเดียวกันกับนาง
หลิงเวย...
"เอาคืนมา!"
เสียงขู่คำรามหวานใสของสตรีประหลาดที่ใบหน้างดงามมากแต่กลับเอาแผลเป็นมาติดเอาไว้จนน่าเกลียดยังคงได้ยินมาทางองค์ชายสูงศักดิ์ที่กำลังเดินแยกตัวออกมาจากงานเลี้ยงโดยปล่อยให้ลูกคณะเดินทางของเขาได้ร่ำสุราหาความสำราญกันต่อไปคงเหลือไว้เพียงองครักษ์ฝีมือดีคอยอารักขาอยู่ห่างๆ
"เจ้าหมายถึงสิ่งใด" ฉีเล่อเอ่ยคำเรียบเรื่อยขณะเดินเอามือไขว้หลังมาตามทางเดินภายในอุทยานของวังชินอ๋องด้วยมาดสุขุมนุ่มลึกติดจะเย็นชาแต่นัยน์ตากลับทอประกายสนุกสนานในแบบที่ไม่เคยเป็น
"องค์ชายทรงรู้ว่าหมายถึงสิ่งใด"ฟงลี่หลินเดินตามมาพลางกระซิบกระซาบฝ่าความมืดมิดด้วยเพราะเกรงว่าใครจะได้ยิน “เอามา...”นางกำลังปลอมตัวอยู่นะ มันสำคัญยิ่ง! ฉีเล่อนึกขันเสียจริงกับสตรีข้างกายที่กำลังส่งสายตาเรียวคมสวยเฉียบฟาดใส่เขาอยู่ตลอดเวลา "ข้าไม่รู้ว่าคือสิ่งใด" "องค์ชาย..." ฟงลี่หลินลากเสียงยาวเย็นเยียบอารมณ์เดือดปุดๆ "เอาแผลเป็นของข้าคืนมา" นางกล่าวพลางก้มมองที่ฝ่ามือใหญ่หนาของบุรุษหน้าตายตรงหน้า"..."ฉีเล่อหมดคำพูดกับสตรีแปลกประหลาด นางถูกจับได้ว่าปลอมตัวมาแต่นางยังคงมึนได้ใจ ไยไม่รีบแก้ตัวแล้วหลบหนีไป น่าชังจริง!"หากอยากได้คืน เจ้าแค่บอกกล่าวแก่ข้า" ฉีเล่อเริ่มหว่านล้อมสตรีตรงหน้าที่กำลังก้มหน้ามองฝ่ามือของเขาจนเขาต้องเอาฝ่ามือหลบเอาไว้ที่ด้านหลังทั้งยังกำแผลเป็นของนางเอาไว้แน่นไม่ยอมคืนให้นางง่ายๆ "ข้าไม่มีอะไรจะบอกแก่ท่าน" ฟงลี่หลินขมวดคิ้วขัดใจ นางเตรียมมาแค่เพียงอันเดียว ยังปลอมตัวไม่ทันพ้นคืนเลยมันทำยากด้วยนะ ไยเขาถึงถือวิสาสะลอกมันออกจากใบหน้าของนาง น่าชังนัก!องค์ชายแห่งแคว้นเป่ยฉีเริ่มหรี่ตามองสตรีของแคว้นเฉินที่แปลกคนเหลือเกินในยามนี้แล้วเอ่ยเสียงต่ำใส่หน้านาง "เ
เพลายามรุ่งสางใกล้สว่างมาเยือน...เสียงกระเส่าแหบพร่ายังคงครวญครางแว่วหวานอยู่ใต้ร่างใหญ่หนาของฟงชินหยางเป็นรอบที่เท่าไหร่มิอาจนับ จนกระทั่งนางใต้ร่างหลับลึกไปแล้วชายหนุ่มจึงก้มหน้าลงจรดจมูกคมสันกับไรผมชื้นเหงื่อของนางและแตะไล้เรียวปากเบาๆ สลับหนักๆ ไปตามหน้าผากกลมมนที่มีหยดน้ำพร่างพราวอยู่เต็มวงหน้าของนางก่อนพลิกกายใหญ่หนาลงนอนเคียงข้างนางพลางตวัดวงแขนล่ำสันโอบกอดกระชับนางเอาไว้อย่างแนบแน่น ถึงแม้ว่าหลิงเวยจะหลับใหลไปแล้วแบบไม่รู้สึกตัวตั้งแต่เมื่อยามค่ำคืนจนกระทั่งยามนี้แต่ฟงชินหยางก็ยังคงเป็นสามีที่ดีทำหน้าที่ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องเพื่อชดเชยช่วงเวลาห้าปีที่ห่างหายไป เขาจะทำนางให้สะใจให้หายคิดถึงกันไปเลย แต่ทว่ายิ่งทำก็ยิ่งคึกทำจนหยุดทำไม่ได้ สภาพของภรรยาจึงเป็นอย่างที่เห็น นางคล้ายกับร่างกายขาดน้ำสลบไสลไปเลยทีเดียวเขาควรให้น้ำนางอีก น้ำของเขาช่างมีเหลือเฟือชายหนุ่มก้มหน้ามองหญิงสาวในอ้อมแขนที่กำลังหลับตาพริ้มเหงื่อกาฬไหลเยิ้มริมฝีปากบวมเป่งตามลำตัวขาวนวลมีริ้วรอยฝากรักสีแดงเป็นจ้ำเล็กจ้ำน้อยอย่างถ้วนทั่ว ในขณะที่แผงอกและแผ่นหลังของฝ่ายชายหนุ่มเองก็มีรอยขีดข่วนจากเล็บงามๆ ข
ยามราตรีกาลอันมืดมิด สายลมหนาวเหน็บพัดโชยกรีดอากาศเข้าบาดผิวขาวนวลเนียน ทำให้สองข้างแก้มแห้งตึงหลิงเวย อยู่ในอาภรณ์สีดำสนิท กำลังเดินอย่างกล้าๆ กลัวๆ ตามริมระเบียงนอกห้องที่เป็นมุมอับและมืดมิดของโรงเตี๊ยมอี้ฉางสถานที่แห่งนี้อยู่ในตัวเมืองของเขตแดนแคว้นเฉิน ที่ปกครองโดยฮ่องเต้เฉินหยางหมิงเซียน นางแอบย่องเข้ามายังที่แห่งนี้ได้อย่างง่ายดายมิรู้ได้ว่าทำไมโรงเตี๊ยมแห่งนี้ถึงไม่รัดกุมเอาเสียเลยจนสตรีไร้ฝีมือเช่นนางยังสามารถแอบเข้ามาได้โดยง่ายหลิงเวยคิดว่าจะแอบเข้ามาพักเพื่อเอาแรงเสียหน่อย ในเวลานี้นางกำลังรู้สึกเหน็ดเหนื่อยเหลือเกิน เรี่ยวแรงที่ใช้เดินทางเริ่มถดถอย หากจะเข้าพักที่โรงเตี๊ยมแบบโจ่งแจ้ง อาจจะนำมาซึ่งการตามตัวนางให้กลับไป เช่นนั้นแล้วก็มีแต่จะคงต้องใช้วิธีนี้เท่านั้น ในตัวเมืองแห่งนี้โรงเตี๊ยมมีมากมายจนนับไม่ถ้วน ห้องพักย่อมมีมากมายเช่นเดียวกัน มันจึงมิใช่การยากอันใดหากนางจะแอบเข้าไปแล้วแอบเข้าพักห้องใดสักห้องหนึ่ง หากมีคนมาเจอแล้วจับได้ว่านางแอบเข้ามานางเพียงแค่จ่ายเงินไป หากแต่การเข้ามาแบบเปิดเผยอาจจะนำมาซึ่งการถูกถามหาจากคนที่อาจจะแอบตามนางมา ไม่แน่ว่าบิดาของนางอาจจ
บุรุษหนุ่มรูปร่างใหญ่กำยำเรือนกายเต็มไปด้วยมัดกล้ามในอาภรณ์สีน้ำตาลเข้มเขากำลังเดินเข้ามายังห้องพักห้องหนึ่งภายในโรงเตี๊ยมอี้ฉางขาประจำอย่างใจเย็น ห้องพักห้องนี้เป็นห้องที่เขามักจะมาพักเป็นประจำหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจศึกรบอันหนักหน่วงแล้วเดินทางเข้ามายังเมืองหลวงของแคว้นเฉินเพื่อมารายงานตัวในเมืองหลวงถึงผลงานของตน ห้องพักของโรงเตี๊ยมแห่งนี้เป็นที่ทราบดีว่าถูกจองเอาไว้เพียงเขาและไม่ให้ใครได้เข้ามา เขาจึงเดินเข้ามาด้วยตนเอง หาได้ต้องมีหลงจู๊นำทางให้ไม่ชายหนุ่มเจ้าของใบหน้าหล่อเหลากร้าวแกร่งเจ้าของเรือนร่างสูงใหญ่เกินกว่ามาตรฐานกอปรด้วยไหล่กว้างแผ่นหลังตั้งตรงแลดูงามสง่าทุกสัดส่วนได้รูปสมบูรณ์แบบในอาภรณ์สีน้ำตาลเข้มนามว่า ฟงชินหยาง เขากำลังเดินเข้ามายังห้องพักของโรงเตี๊ยมขาประจำที่อยู่ทางด้านในสุดลึกสุดจากหลายๆ ห้องถัดออกมาจากบริเวณด้านหน้าของโรงเตี๊ยมอี้ฉาง เขาเดินเข้ามาโดยยังไม่สนใจที่จะเดินไปยังเตียงนอนเพื่อหลับใหลแต่อย่างใด เขาเดินทางมาไกลคงต้องอาบน้ำชำระร่างกายเสียหน่อยชายหนุ่มเดินเข้ามาภายในห้องได้เพียงครู่ เขาเริ่มได้กลิ่นเครื่องหอมภายในห้องพักคล้ายกับว่ามันแปลกไปแต่ก็หอมดี.
หลิงเวยที่กำลังหลับใหลอยู่เริ่มสะลึมสะลือปรือตาขึ้นมาด้วยกำลังรู้สึกร้อนแบบแปลกๆก่อนหลับไปนางจำได้ว่าอากาศช่างหนาวเย็น แต่เหตุใดยามนี้ช่างร้อนยิ่งนัก ผ้าห่มที่ควรให้ความอบอุ่นเมื่อร่างกายเหน็บหนาวกลับเกะกะหนาหนักจนนางต้องผลักออกไปอืม...ร้อน...หลิงเวยเริ่มเอื้อมมือขึ้นปัดป่ายไปมาเบาๆ ตามใบหน้าตามเนื้อตัว นางลูบคลำเลื่อนไล้ไปตามลำตัวของตนเองอย่างเหม่อลอยด้วยอารมณ์บางอย่างที่ไม่คุ้ยเคยนางไม่เคยรู้สึกร้อนแบบแปลกๆ เช่นนี้มาก่อนมันคืออันใด?ในขณะที่หญิงสาวกำลังจะสรรหาคำตอบให้กับคำถามบางเบาภายใต้จิตสำนักอันน้อยนิดของตน นางเริ่มรู้สึกร้อนขึ้นเรื่อยๆ ร้อนจนต้องพยายามปลดเปลื้องอาภรณ์ที่ห่อหุ้มร่างกายของตนเองให้ออกไป เพื่อที่ว่ามันจะสามารถคลายความร้อนแบบแปลกๆ นี้ให้เจือจางลงได้นางเคลื่อนฝ่ามือน้อยๆ ลงต่ำมาที่ผ้าผูกเอวแล้วปลดมันออกในขณะที่นัยน์ตายังคงครึ่งหลับครึ่งตื่นมองไม่เห็นสิ่งใด นางเปิดสาบเสื้อของตนออกเพียงนิดเพื่อคลายความร้อนนางมั่นใจว่าเปิดเผยอสาบเสื้อของตนเองแค่เพียงเล็กน้อยก็เท่านั้นแต่ทว่าทำไมถึงได้คล้ายกับว่ามันถูกเปิดออกกว้างมากกว่าที่ควรจะเป็น ทั้งยังคล้ายกับถูกกระชากให้ออกไ
ภายในห้องพักห้องหนึ่งของโรงเตี๊ยมอี้ฉางแห่งนี้กำลังมีหญิงสาวนางหนึ่งในอาภรณ์สีฟ้าครามนั่งอยู่ตรงโต๊ะกลมมุมห้องด้วยลักษณะท่าทางคล้ายใจร้อนคล้ายใจเย็นสลับไปมา โดยมีสตรีอีกนางหนึ่งในอาภรณ์สีม่วงเข้มนั่งจิบชาอยู่ตรงตั่งนั่งข้ามกัน“ใจเย็นเถิด อวี้ถิง จะอย่างไรเสียคืนนี้ก็เป็นคืนของเจ้า”เถ้าแก้เนี๊ยของโรงเตี๊ยมนามว่าเหมยลี่นั่งจิบชาอย่างสบายอารมณ์พลางเอื้อนเอ่ยคำส่งตรงไปยังสตรีในอาภรณ์สีฟ้านามว่าอวี้ถิง“หึ! ข้าย่อมใจเย็น” อวี้ถิงเอ่ยขึ้น “ข้าจะรอจนกว่าเครื่องหอมทั้งภายในห้องและในอ่างอาบน้ำออกฤทธิ์อย่างเข้มข้น”“ดียิ่ง” เหมยลี่ยกยิ้มมุมปากเอ่ยตอบ “โดยเฉพาะถุงเครื่องหอมใต้หมอนนะอันนั้นยิ่งเข้มข้นยิ่งนัก หากเจ้าใจร้อนด่วนได้เข้าไปในห้องนั้นก่อนที่ท่านแม่ทัพจะล้มตัวลงนอนให้ถุงหอมใต้หมอนได้ทำงาน ดีไม่ดี ฤทธิ์ของยาปลุกกำหนัดยังไม่ทันได้ออกฤทธิ์ ท่านแม่ทัพฟงเห็นใบหน้าเจ้าเข้าคงถีบเจ้ากระเด็นออกมาจากห้อง”อวี้ถิงได้ยินพลันถลึงตาจิกกัดเหมยลี่หญิงสาวในอาภรณ์สีม่วงเข้มยิ่งยกยิ้มชอบใจแล้วเอ่ยต่อ“แต่หากเจ้ารอจนยาสำแดงฤทธิ์เดชเต็มที่แล้วเข้าไปปรากฏกายต่อหน้าท่านแม่ทัพฟง ขี้คร้านท่านแม่ทัพจะจับกระชาก
ภายนอกห้องพักด้านในสุดของโรงเตี๊ยมอี้ฉางเหมยลี่กำลังทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยมโดยการพาพยานมายังห้องพักห้องนี้ตามที่ได้นัดหมายกับอวี้ถิงเอาไว้นางช่างโชคดีเหลือเกินที่บังเอิญเจอเข้ากับกลุ่มคนของท่านใต้เท้าหลิง พวกเขาทำท่าทางคล้ายกับตามหาคนอยู่ มิรู้ได้ว่ากำลังตามหาใคร แต่เรื่องนั้นช่างมันเถิด นางเพียงอยากได้พยานให้อวี้ถิงเท่านั้น กลุ่มคนพวกนี้มีจำนวนพอเหมาะที่จะกดดันบุรุษให้รับผิดชอบได้แล้วเหมยลี่คิดอย่างปลื้มปริ่มพลางเดินนวยนาดนำทางกลุ่มผู้คน“พวกเราต้องขอขอบคุณแม่นางที่ให้ความร่วมมือ” เสียงหนึ่งบุรุษท่าทางขึงขังเอ่ยขึ้นมาทางเหมยลี่ เขาเป็นหัวหน้าทหารยามประจำจวนของเสนาบดีกรมคลังได้รับมอบหมายจากใต้เท้าหลิงอี้ถังให้ออกมาตามหาคุณหนูหลิงเวย“มิเป็นไรเลยเจ้าค่ะ” เหมยลี่กล่าวพลางโบกไม้โบกมืออมยิ้มพริ้มเพรา“หากไม่เจอคนที่ตามหาก็อย่าว่ากันเท่านั้นก็พอเจ้าค่ะ”“มิกล้า มิกล้า” ชายผู้นั้นส่งยิ้มเล็กน้อยตอบกลับ“เชิญเจ้าค่ะ ตามข้าน้อยมาเถิด” เหมยลี่ชี้ชวนอย่างชดช้อยมาตามทางเดินของโรงเตี๊ยมอี้ฉางพาเอาเหล่าบุรุษประมาณห้าคนให้เดินตามนางมาอย่างสามัคคีเวลาเพียงครู่เหมยลี่จึงมาถึงห้องพักเป้าหมาย นาง
เสียงเกือกม้าวิ่งกระทบพื้นและเสียงล้อของรถม้าที่กำลังขับเคลื่อนเหยียบดินเหยียบหินเป็นจังหวะโยกคลอนทำเอาหลิงเวยเริ่มมีสติขึ้นมาอีกคราพร้อมอาการปวดหัวและเจ็บหน่วงรุนแรงช่วงกลางลำตัว นางเป็นลมหมดสติไปหลายรอบหลังจากที่ตื่นขึ้นมาบนเตียงนอนให้ห้องพักนั้นแล้วเห็นตนเองอยู่ในสภาพไม่คาดฝัน“อา...เจ็บ” หลิงเวยถึงกับหลุดอุทานออกมาพร้อมกับน้ำตาที่รินไหลเป็นทางยาวสายใหม่ทับถมคราบน้ำตาหลายสายก่อนหน้านี้ นางร้องไห้มาหลายครั้งแล้วตั้งแต่ตื่นลืมตาขึ้นมา“ฟื้นแล้วหรือ” จู่ๆ เสียงทุ้มต่ำทรงพลังพลันดังอยู่ข้างๆ กายกันพาเอาหลิงเวยถึงกับสะดุ้งเฮือกใหญ่ก่อนจะเริ่มได้สติเด่นชัดหลิงเวยยิ่งกะพริบตาปริบๆ เมื่อรับรู้ได้แล้วว่านางกำลังนั่งอยู่ภายในรถม้าคันหนึ่งและข้างกายกันก็เป็นบุรุษลึกลับร่างหนาที่นางเจอบนเตียงนอนนั่น“ท่าน ท่าน ไยถึง...ฮึก...” หญิงสาวเอ่ยคำได้แค่นั้นพลันรู้สึกว่ามีก้อนปริศนาลูกใหญ่ขวางตันอยู่กลางลำคอนางมองชายหนุ่มร่างใหญ่ที่นั่งมาด้วยกันภายในรถม้าอย่างไม่เข้าใจอันใด เขากำลังนั่งกอดอกอยู่ข้างๆ นางและมองมาทางนางด้วยอาการโกรธกรุ่น สันกรามคร้ามแกร่งของเขาขบเข้าหากันแน่นจนเป็นสันนูน สายตาเรียวคมข
เพลายามรุ่งสางใกล้สว่างมาเยือน...เสียงกระเส่าแหบพร่ายังคงครวญครางแว่วหวานอยู่ใต้ร่างใหญ่หนาของฟงชินหยางเป็นรอบที่เท่าไหร่มิอาจนับ จนกระทั่งนางใต้ร่างหลับลึกไปแล้วชายหนุ่มจึงก้มหน้าลงจรดจมูกคมสันกับไรผมชื้นเหงื่อของนางและแตะไล้เรียวปากเบาๆ สลับหนักๆ ไปตามหน้าผากกลมมนที่มีหยดน้ำพร่างพราวอยู่เต็มวงหน้าของนางก่อนพลิกกายใหญ่หนาลงนอนเคียงข้างนางพลางตวัดวงแขนล่ำสันโอบกอดกระชับนางเอาไว้อย่างแนบแน่น ถึงแม้ว่าหลิงเวยจะหลับใหลไปแล้วแบบไม่รู้สึกตัวตั้งแต่เมื่อยามค่ำคืนจนกระทั่งยามนี้แต่ฟงชินหยางก็ยังคงเป็นสามีที่ดีทำหน้าที่ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องเพื่อชดเชยช่วงเวลาห้าปีที่ห่างหายไป เขาจะทำนางให้สะใจให้หายคิดถึงกันไปเลย แต่ทว่ายิ่งทำก็ยิ่งคึกทำจนหยุดทำไม่ได้ สภาพของภรรยาจึงเป็นอย่างที่เห็น นางคล้ายกับร่างกายขาดน้ำสลบไสลไปเลยทีเดียวเขาควรให้น้ำนางอีก น้ำของเขาช่างมีเหลือเฟือชายหนุ่มก้มหน้ามองหญิงสาวในอ้อมแขนที่กำลังหลับตาพริ้มเหงื่อกาฬไหลเยิ้มริมฝีปากบวมเป่งตามลำตัวขาวนวลมีริ้วรอยฝากรักสีแดงเป็นจ้ำเล็กจ้ำน้อยอย่างถ้วนทั่ว ในขณะที่แผงอกและแผ่นหลังของฝ่ายชายหนุ่มเองก็มีรอยขีดข่วนจากเล็บงามๆ ข
"องค์ชายทรงรู้ว่าหมายถึงสิ่งใด"ฟงลี่หลินเดินตามมาพลางกระซิบกระซาบฝ่าความมืดมิดด้วยเพราะเกรงว่าใครจะได้ยิน “เอามา...”นางกำลังปลอมตัวอยู่นะ มันสำคัญยิ่ง! ฉีเล่อนึกขันเสียจริงกับสตรีข้างกายที่กำลังส่งสายตาเรียวคมสวยเฉียบฟาดใส่เขาอยู่ตลอดเวลา "ข้าไม่รู้ว่าคือสิ่งใด" "องค์ชาย..." ฟงลี่หลินลากเสียงยาวเย็นเยียบอารมณ์เดือดปุดๆ "เอาแผลเป็นของข้าคืนมา" นางกล่าวพลางก้มมองที่ฝ่ามือใหญ่หนาของบุรุษหน้าตายตรงหน้า"..."ฉีเล่อหมดคำพูดกับสตรีแปลกประหลาด นางถูกจับได้ว่าปลอมตัวมาแต่นางยังคงมึนได้ใจ ไยไม่รีบแก้ตัวแล้วหลบหนีไป น่าชังจริง!"หากอยากได้คืน เจ้าแค่บอกกล่าวแก่ข้า" ฉีเล่อเริ่มหว่านล้อมสตรีตรงหน้าที่กำลังก้มหน้ามองฝ่ามือของเขาจนเขาต้องเอาฝ่ามือหลบเอาไว้ที่ด้านหลังทั้งยังกำแผลเป็นของนางเอาไว้แน่นไม่ยอมคืนให้นางง่ายๆ "ข้าไม่มีอะไรจะบอกแก่ท่าน" ฟงลี่หลินขมวดคิ้วขัดใจ นางเตรียมมาแค่เพียงอันเดียว ยังปลอมตัวไม่ทันพ้นคืนเลยมันทำยากด้วยนะ ไยเขาถึงถือวิสาสะลอกมันออกจากใบหน้าของนาง น่าชังนัก!องค์ชายแห่งแคว้นเป่ยฉีเริ่มหรี่ตามองสตรีของแคว้นเฉินที่แปลกคนเหลือเกินในยามนี้แล้วเอ่ยเสียงต่ำใส่หน้านาง "เ
รอบแรกหลังจากที่ห่างหายกันไปเนิ่นนานปีทั้งยังมีตัวยาปลุกเร้ารุนแรงเยี่ยงนี้ การเล้าโลมเคล้าคลึงจึงไม่จำเป็น หากมัวซุกไซร้เห็นทีว่าภรรยาคงโกรธา เขาจึงไม่เสียเวลามารยารีบปรนเปรอนางในทันทีหลิงเวยถึงกับร้องครางออกมาบ่งบอกถึงความสุขสมเมื่อฟงชินหยางจับท่อนของขานางแยกออกแล้วยกสะโพกของนางให้เข้าที่เพื่อสะโพกของเขากระชับเข้าหา ท่อนกายแกร่งร้อนผ่าวสอดใส่เข้ามาในเนื้อนูนนุ่มชื้นที่กำลังเรียกร้องอย่างไม่มีชักช้า เขาไม่อยากให้นางทรมานมากไปกว่านี้ เพราะว่าเขาเองคล้ายกับจะทรมานยิ่งกว่าหากไม่ทำตามใจนาง "ชินหยาง..." เสียงหวานครางกระเส่าเรียกชื่อบุรุษเหนือร่างทำเอาฟงชินหยางต้องรีบก้มหน้าลงมากดจูบนางในทันทีเขานาบริมฝีปากลากไล้อย่างเร่าร้อนขณะที่กลางลำตัวยังคงควบนางมิให้ขาดช่วงไม่ให้หลุดร่วงออกจากกลางกายนางชายหนุ่มรับรู้ได้ว่านางต้องการเขามากมายปานใดสังเกตได้จากวงแขนเรียวเล็กที่โอบรัด ฝ่ามือนุ่มนิ่มที่ปัดป่าย เรียวนิ้วที่จับตรึงกดจิกไปทั่วเนื้อแน่นของเขาพรุ่งนี้เขาคงต้องให้นางทำแผลเลยทีเดียวนางเสียวกระทั่งเขายังเสียวตาม เรียวขางามๆ ของนางอีกเป็นไร ตวัดรัดรึงรอบเอวของเขาเลยเชียว หากเขาเอวเคล็
ยามค่ำคืนของราตรีกาลอันยาวนาน…ถึงแม้จะมีเสียงของเกือกม้าวิ่งกระทบพื้นอย่างเร็วจนเกิดเสียงดังอื้ออึงอยู่ในใบหูพร้อมกับสายลมรุนแรงโหมเข้าปะทะใบหน้าเสียดสีรุนแรงกับสองข้างแก้มนวลแต่ทว่าหลิงเวยกลับไม่รับรู้ถึงมัน นางกำลังรู้สึกใจสั่นแบบแปลกๆ ตั้งแต่นางดื่มเหล้าจอกแรกจนกระทั่งจอกที่สาม ก่อนหน้านี้นางยังคงมีสติครบถ้วนดูแลฟงชินหยางได้เป็นอย่างดีแต่ทว่าเพียงไม่นานนางก็เริ่มร้อนรุ่มขึ้นมา นางเริ่มครองสติของตนเองเอาไว้ไม่ได้อีกต่อไป นางกำลังรู้สึกล่องลอย สมองของนางคล้ายกับขาวโพลนนางกำลังรู้สึกแบบว่าอยากได้สัมผัสบางอย่าง นางกำลังมีอาการบางอย่าง มันเหมือนกับเมื่อครั้งแรกที่เจอกับฟงชินหยาง ที่โรงเตี๊ยมอี้ฉาง ที่เตียงนอนในห้องพักของเขาในที่ที่มีเพียงสองเรา อา...ความรู้สึกนี้....ฟงชินหยางก้มหน้ามองหลิงเวยมาตลอดทางที่บังคับม้าควบตะบึงมา ก่อนหน้านี้ที่จวนของชินอ๋องหลิงเวยยังคงมีสติปกติดีอยู่มาก แต่แล้วเขาเริ่มรับรู้ได้ว่าร่างบางในอ้อมแขนมีอาการที่เปลี่ยนไป นางกำลังมีอารมณ์บางอย่างหลังจากดื่มเหล้าของเขาเข้าไป นางเริ่มเหม่อมอง เนื้อตัวสั่นเทา ดวงตาหยาดเยิ้ม ฝ่ามือน้อยๆ ยามนี้ปัดป่ายเนื้อตัวของเขา
ฟงลี่หลินที่เริ่มทนไม่ไหวอีกต่อไปจึงเริ่มช่วยตนเองโดยการควานหาน้ำจากบนโต๊ะตรงหน้าไม่ว่าจะเป็นชาเป็นเหล้าเป็นอะไรก็ได้ในยามนี้ นางใกล้ตายเต็มที องค์ชายผู้นี้นั่งบื้ออยู่ได้!เมื่อฝ่ามือเรียวสวยคว้ากาเหล้าเอาไว้ได้แล้วจึงไม่มีการรีรอนางรีบยกขึ้นมาหมายดื่มมันทั้งกาแต่ทว่าฝ่ามือใหญ่หนากลับตีเข้ามาดังเพียะ“...!?”กาเหล้าทั้งกาถึงกับตกกระเด็นไปบนพื้นน้ำเหล้ากระฉอกหกออกหมดไม่มีเหลือ ฟงลี่หลินยิ่งถลึงตาเบิกกว้าง นางใกล้ตายแล้วนะ ไยองค์ชายตรงหน้าถึงทำอย่างนี้ นางช่วยเขาเอาไว้เมื่อครู่นี้มิใช่หรือไร เจ้าองค์ชายบ้า! เจ้าคนชั่วช้าไม่สำนึกบุญคุณ!หญิงสาวด่าเจ้าของตักแกร่งด้วยใบหน้าแดงก่ำ ดวงตาเรียวสวยตวัดความคมเฉี่ยวฟาดใส่ไม่มียั้งโดยไม่มีสรรพเสียงอันใดทั้งสิ้น เพราะขนมติดคออยู่แต่ทว่าชายหนุ่มผู้ถูกด่ากลับเข้าใจมันได้ไม่ยาก หากแต่ในเหล้านั้นอาจจะมียาพิษมิใช่หรือไร สาวงามก่อนหน้าพยายามทำสิ่งใดนางเองก็เห็น ไยไม่คิดให้ดี! ทั้งสองเถียงกันไปมาอย่างรู้ใจรู้ความนัยทางสายตาได้อย่างไม่น่าเชื่ออึดใจฉีเล่อจึงจับกระชับร่างบางบนตักให้นั่งตัวตรงก่อนจะเอื้อมฝ่ามือของเขาขึ้นมาแล้วตบแผ่นหลังให้นางเบาๆ เป็นจั
ข่าวจากทางบ้านบอกว่านางเป็นสะใภ้ที่ดีดูแลบิดามารดาแทนเขา ดูแลน้องๆ แทนเขา เป็นทั้งมารดาและบิดาให้ลูกๆ ทั้งสองเป็นอย่างดี ทำเขาเบาใจอยู่ไม่น้อยแต่ที่ทำให้เขาหนักใจไม่เบาก็คือยามค่ำคืนที่นางเอาแต่นอนร้องไห้แล้วหลับไปทั้งน้ำตากับกองจดหมายของเขาที่นางกอดเอาไว้ไม่ยอมปล่อยการศึกที่กินเวลายาวนานเช่นนี้เขาย่อมชาชินเพราะว่ามันเป็นเยี่ยงนี้มาตลอดกับหน้าที่ทหารชาญศึกเช่นเขา แต่ทว่ากับนางคงเป็นเรื่องยากอยู่ไม่น้อยฟงชินหยางนั่งมองหลิงเวยอย่างเหม่อลอยและลืมตัว ความนุ่มนวลเนิบช้าของนางกำลังครอบงำเขาเหมือนที่เคยเป็นมา ในยามนี้นางจักทำอะไรเขายอมทั้งนั้น เขาพร้อมตามใจนาง หากนางจะปลอมตัวทำเป็นไม่รู้จักกัน เขาย่อมคล้อยตามนางไม่อาจขัดใจ หากแต่คืนนี้นางต้องยอมเป็นสาวงามอุ่นเตียง ให้เขาได้นอนกอดซุกซบกับอกนุ่มๆ ของนางให้หายคิดถึง ชายหนุ่มคิดไปคิดมายังคงวกวนอยู่กับการหมายมาดที่จะกลืนกินภรรยาที่ห่างหายกันไปนานถึงห้าปี ไม่ว่านางจะปลอมตัวเป็นใคร เขาย่อมต้องจับนางมานอนใต้ร่างกระทั่งให้นางนอนบนร่างของเขาให้ฟ้าเหลือง ฟงชินหยางนั่งมองหลิงเวยด้วยความคิดที่มิได้อยู่สุข อึดใจฝ่ามือกรุ่นร้อนจึงเริ่มซุกซน เขา
ค่ำคืนของงานเลี้ยงต้อนรับเดินทางมาถึงเวลายามดึกมากแล้ว เฉินจิ้นเหอจึงเอ่ยปากกับฟงชินหยางให้อยู่ต้อนรับขับสู้องค์ชายฉีเล่อตามลำดับที่ได้จัดสรรเอาไว้ก่อนหน้าแล้วเป็นอย่างดีโดยขุนนางฝ่ายพิธีการมากฝีมือของที่นี่ที่มักจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับบุคคลสำคัญต่างแคว้นมาแต่ไหนแต่ไร เฉินจิ้นเหอกล่าวคำปราศรัยกับฉีเล่ออีกหลายประโยคก่อนจะชักชวนพระชายาของตนให้ลุกขึ้นแล้วพาเรือนกายสูงค่าเดินหายตัวไปในเวลาต่อมาฟงชินหยางรวมทั้งฉีเล่อจึงลุกขึ้นยืนทำความเคารพผู้สูงศักดิ์ทั้งสองตามด้วยข้าราชบริพานทั้งหลายยืนขึ้นแล้วค้อมกายน้อมส่งเจ้าแห่งหัวเมืองจนคล้อยหลังไป ถึงแม้ว่าเจ้าของวังอันยิ่งใหญ่จะเดินหายไปแล้วแต่งานเลี้ยงยังคงดำเนินต่อไปได้ตามปกติโดยที่ใครใคร่อยู่ต่อพึงได้อยู่ ใครที่ใคร่จะกลับบ้านพึงกลับบ้านไป มิใช่เรื่องแปลกใหม่อันใดจินเยว่ชิงยังคงหรี่ตามองไปทางฟงชินหยางกับสตรีอัปลักษณ์ด้านข้างของเขา นางเห็นฟงชินหยางนั่งนิ่งๆ คล้ายกับไม่สนใจนำพาใดๆ กับสตรีนางนั้น ในขณะที่สตรีนางนั้นกำลังนั่งก้มหน้างุดๆ คล้ายอับอายไม่กล้าทำอันใดมากไปกว่าการรินเหล้าแล้วส่งให้เขา แต่เขากลับมิได้สนใจจอกเหล้านั่นเลยแม้แต่น้อยทั้
ภายในงานเลี้ยงต้อนรับอันยาวนานแห่งค่ำคืนของรัตติกาลเพลานี้ฟงลี่หลินยังคงนั่งนิ่งๆ ไม่ไหวติงไปทางใด นางกำลังนั่งมองอาหารหน้าตาน่าทานบนโต๊ะตรงหน้าอย่างนึกชมชอบมันขึ้นมา ระยะเวลาห้าปีมานี้นางมักจะอยู่กับพี่สะใภ้ตลอดเวลา พี่สะใภ้มักจะชอบเข้าครัวทำขนมทำอาหารด้วยตนเองอยู่เสมอเพื่อดูแลคนในครอบครัวไม่ว่าจะเป็นท่านพ่อท่านแม่พี่รองตัวนางเองและหลานชายทั้งสองทั้งนี้ยังมีสาวใช้นามเสี่ยวชุ่ยที่มักจะชมชอบการกินเป็นชีวิตจิตใจไม่ว่าอะไรเข้าปากของเสี่ยวชุ่ยความสุขโดยรอบพลันบังเกิดแผ่ขยายวงกว้างมาถึงนาง หลานชายทั้งสองของนางก็ไม่ต่าง ทำให้นางนึกชมชอบการกินไปด้วย นางติดนิสัยของเสี่ยวชุ่ยมาไม่น้อย อืม...วันนี้นางยังมิได้กินข้าวเย็นเลย เริ่มหิวเสียแล้ว...เสียงหวานใสพลันเอ่ยเมื่อเริ่มทนไม่ไหวกับจานขนมที่หน้าตาน่าทานเหลือเกินบนโต๊ะตรงหน้า "องค์ชายเพคะ"เสียงนั้นของฟงลี่หลินทำเอาบุรุษหนุ่มรูปงามนามฉีเล่อต้องปรายสายตาคมเข้มดำขลับลงมอง "ท่านรับหรือไม่?" หญิงสาวกล่าวพลางชี้นิ้วไปที่ขนมหน้าตาน่าทานจานหนึ่งพร้อมปรายสายตาเรียวสวยโฉบเฉี่ยวขัดกับรอยแผลเป็นบนใบหน้าจ้องมองขนมสลับกับองค์ชายข้างกายฉีเล่อเลิกคิ
หลิงเวยพลันถลึงตามองค้างอ้าปากเล็กน้อยฟงชินหยางเห็นกระต่ายน้อยฝีมืออ่อนด้อยยิ่งนึกถูกใจ เขาย่อมตามใจนางหากนางอยากเล่นสนุก เขาจะทำเป็นไม่รู้จักนางก็ได้แต่จะจับนางขย้ำให้หนำใจไปเลย“เจ้าบรรเลงพิณได้ยอดเยี่ยมมากข้าชมชอบยิ่งนัก” ชายหนุ่มก้มหน้ากระซิบกระซาบกับหญิงสาวข้างกายหมายเกี้ยวนางอย่างนึกสนุกขึ้นมาบ้าง “ท่านคงชมชอบสตรีทุกนางที่เล่นพิณได้” หลิงเวยอดไม่ได้ที่จะประชดประชัน เจอกันแค่วันนี้แต่เอ่ยคำเยี่ยงนั้นหรือ?ลับหลังนางเขาเป็นเช่นนี้ใช่หรือไม่? หลิงเวยมองค้อนคนตัวโตขวับๆ จนแก้มแดงพองออก ดวงตาที่โตอยู่แล้วยิ่งกลมโตเข้าไปอีก ปานแดงกับไฝเม็ดใหญ่มิใช่อุปสรรคกับความน่ารักของนางเลยสักนิดฟงชินหยางก้มหน้ามองคนตัวเล็กอย่างนึกเข่นเขี้ยวเหลือเกินจนต้องขยับกายหนาแน่นเข้าใกล้นางอีกนิดจะได้ใกล้ชิดและแกล้งกันได้ถนัดถนี่มากยิ่งขึ้น "ไม่เลย...ข้าไม่เคยชอบใคร" เสียงกระซิบทุ้มต่ำชิดใบหู“ท่านไม่ควรทำตัวเยี่ยงนี้” หลิงเวยดุออกมาแต่หาได้เบี่ยงหูออกห่าง นางกำลังทำในสิ่งที่ไม่เคยมีใครได้ทำ“ข้าทำตัวอย่างไร” ฟงชินหยางตีหน้ามึนถามออกไป"ท่านไม่ควรตีสนิทกับสตรีอย่างนี้ เรายังไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ" หญิงสาวเ