ยี่สิบวันต่อมา ณ โรงหมอสกุลต้วน
ร่างผอมแห้ง ยังคงนอนหายใจรวยรินอยู่บนเตียง โดยมีสายตาของหมอชราคอยเฝ้ามอง ยี่สิบวันก่อน ไม่รู้เพราะคำของหลวงจีนชรา หรือเพราะอยากพิสูจน์ คำพูดของหลวงจีน ที่ได้บอกแก่เขา
ว่าหากอยากมีทายาท ที่นำพาความรุ่งโรจน์มาให้ จงไปที่ตรอกท้ายตลาด เมื่อมีผู้ตกทุกข์อย่านิ่งนอนใจ ให้ยื่นมือช่วยเหลือ คนจากทางไกลตื่นมาเมื่อไหร่ จะนำพาให้เขาและภรรยามั่งมีไปจนชีวิตจะหาไม่
วันนั้นเขาและภรรยา จึงเดินไปตามคำบอกเล่านั้น ถือเสียว่าไปเดินเล่นรับลมกัน และได้เห็นขุนนางจากเมืองหลวง กับภรรยา กำลังสั่งให้คนทุบตีขอทานแม่ลูกอย่างโหดร้าย เขาจึงได้ยื่นมือเข้าช่วย โดยอ้างกฎหมายบ้านเมือง จึงทำให้สามีภรรยาใจอำมหิตนั้นล่าถอยไป
แต่ก็ยังมิวายที่จะมีคน มาคอยสอดส่องความเป็นไปในโรงหมอของเขาอยู่เป็นระยะ จนได้รู้ถึงที่มาของขอทานแม่ลูก จากปากของหญิงชราคนหนึ่ง ที่ได้มาอ้างตน ว่าเป็นแม่นมของขอทานสาว และเด็กอีกสองคน คือคู่แฝดของลูกชายขอทาน
และที่เขายินยอมเชื่อ เพราะเด็กอีกสองคน มีใบหน้าพิมพ์เดียวกันกับเด็กที่บาดเจ็บ ยิ่งเมื่อรู้สาเหตุของเรื่องราว ความสงสารต่อคนทั้งห้าก็มีมากขึ้นไปอีก เขาจึงยินดีรักษานาง โดยให้หญิงชราและเด็กแฝด มาช่วยงานที่โรงหมอ
แม้เขาไม่มีเงินทองอะไรมากมาย แต่ก็ยังไม่ถึงกับอดอยาก ข้าวปลาอาหารก็พอแบ่งกันให้อิ่มท้องได้ครบทุกคน ยิ่งเมื่อนึกถึงคำของหลวงจีนชรา เขาก็อดคิดตามไม่ได้
ประวัติของหญิงขอทาน นับว่ามีพื้นฐานชีวิตที่ดีมาก่อน มิว่าความรู้หรือมารยาท ย่อมถอดแบบชนชั้นสูงมา บางทีนี่อาจทำให้เขาสมหวังในเรื่องผู้สืบสกุล อย่างน้อยๆ นางก็มีบุตรชายถึงสองคน ภรรยาของเขาจะได้รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง หลังจากกล่าวโทษตนเองมานานหลายสิบปี
“ท่านพี่ นางสองแม่ลูก จะผ่านคืนนี้ไปได้ไหมเจ้าคะ”
ต้วนฮูหยินเอ่ยถามสามี นางเองก็ได้ฟังเรื่องที่ไต้ซือหลงอ้ายบอกแก่สามีเช่นกัน แต่ดูจากอาการของหญิงขอทาน กับบุตรชายแล้ว มันห่างไกลคำว่าจะตื่นขึ้นมายิ่งนัก
“สิ่งที่ไต้ซือบอกมานั้น คือความหวังของเรา แต่ในฐานะหมอแล้ว ข้าอยากทำให้เต็มที่”
“อันที่จริงเราอยู่กันสองคนผัวเมีย ก็มิลำบากอันใด ความมั่งมีที่ว่ามา มันก็ไม่ได้จำเป็นสักนิด”
ใช่ว่านางไม่คาดหวัง แต่นางก็กลัวว่าสองแม่ลูก จะต่อสู้กับชะตาต่อไม่ไหว จึงไม่อยากที่จะวาดหวังให้มากจนเกินไป เลยต้องแสร้งพูด เหมือนไม่เชื่อในคำของหลวงจีน ทั้งที่ในใจลึกๆ นางก็อยากให้สองแม่ลูกตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
“ข้ารู้ว่าเจ้ากลัวความผิดหวัง หากนางสองแม่ลูกไม่อาจสู้ต่อชะตาได้ เด็กน้อยอีกสองคนนั่นเล่า เจ้าไม่คิดว่าพวกเขา จะเป็นคนที่ไต้ซือบอกเราหรือ”
ชายชราพูดกับภรรยา ด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่ม ใบหน้าระบายยิ้มให้นางด้วยความรักใคร่ ทว่าต้วนฮูหยินกลับก้มหน้าเล็กน้อย นางรู้ดีว่าการที่ไร้ทายาทสืบสกุล ทำให้สามีต้องถูกหยามหมิ่น จากครอบครัวมากเพียงใด จนในที่สุดก็ถูกมอบหนังสือแยกบ้านจากพ่อสามี ความผิดทั้งหมดหาใช่เกิดที่เขา แต่เป็นตัวนางที่มิอาจมีลูกได้
เพราะความรักทั้งสิ้น ทำให้สามีไม่รับอนุ ไม่ยอมให้หญิงใดมาแทรกระหว่างนางกับเขา ชีวิตของเขาต้องตกต่ำ เพราะนางเพียงคนเดียวจริงๆ
“ยายแก่ เจ้าคิดสิ่งใดเรื่อยเปื่อยอีกแล้ว”
ชายชราใช้มือช้อนคางภรรยา ให้เงยหน้าขึ้นสบตากับเขา ตลอดสามสิบปีมานี้ เขาไม่เคยคิดว่ามันคือความผิดของนางเลย
“ข้าแค่...แค่รู้สึกว่าเรื่องทั้งหมด มันมาจากข้าเจ้าค่ะ”
“อย่าคิดไร้สาระ การเลี้ยงเด็กคนหนึ่งยากยิ่งนัก สู้เรามีลูกที่โตแล้วเยี่ยงนาง หรือคู่แฝดนั่น ไม่ดีกว่าหรอกหรือ”
ต้วนฮูหยิน มองไปทางขอทานสาว ที่นอนไร้สติอยู่บนเตียง ก่อนจะหันกลับมามองสามี ด้วยมิอยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
“นางมีสภาพเช่นนี้ ท่านยังคาดหวังอีกหรือเจ้าคะ”
“หึๆ ภรรยาข้า โลกนี้ไม่มีสิ่งใดเป็นไปไม่ได้ แม้ว่าบางเรื่องมันจะเหนือความคาดหมายก็ตามที”
“แค่กๆ”
ทว่าเสียงไอแห้งๆ จากคนที่หายใจรวยรินมากว่ายี่สิบวัน พลันเรียกให้สองสามีภรรยา ให้ลุกขึ้นก้าวไปที่เตียงนอน ด้วยหัวใจอันพองโต เพราะความหวัง มันเริ่มเป็นรูปร่างขึ้นมาบ้างแล้ว
“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
คำถามที่ใช้ภาษาและสำเนียง แตกต่างจากความคุ้นเคย ทำให้คนที่เพิ่งลืมตาตื่น ต้องหันมองด้วยความรู้สึกงุนงง แต่ก็ยังคงนิ่งเอาไว้ก่อน เธอหลุดมาในโลกของนิยายเหรอ เพราะความตายที่เธอได้รับ มันไม่มีทางเป็นความฝันอย่างแน่นอน
ถ้าหลับแล้วตื่นขึ้นในบ้านเดิม จากโลกยุคอนาคต เธอถึงจะเชื่อว่าเรื่องของสามีกับน้องชาย มันเป็นแค่เธอฝันไปเท่านั้น แต่ตราบใดที่เธอยังรู้สึกว่าตัวเองยังหายใจอยู่ และไม่ได้อยู่ในยุคเดิมที่คุ้นเคย มันคืออีกชีวิตหลังความตายสำหรับเธอ
และในจังหวะนั้นเอง ความทรงจำมากมายของหญิงสาวอีกคน พลันหลั่งไหลเข้ามาเหมือนสายน้ำเชี่ยว ไม่มีตรงไหนที่เรียกว่าความสุขเลย สำหรับผู้หญิงคนนี้ ตอนเด็กก็ถูกอบรมอย่างเข้มงวด เช่นผู้หญิงชนชั้นสูงของยุคโบราณ แต่พอแม่ตายไป ทุกอย่างก็ถูกช่วงชิง และพังทลายลงไปยิ่งกว่าดิ่งหัวลงสู่ก้นเหว มีลูกแฝดสามทั้งชายและหญิง มีแม่นมที่ภักดีอีกหนึ่งคน ที่สำคัญไปกว่านั้น เจ้าของความทรงจำ ไม่ใช่ลูกที่ถูกสับเปลี่ยนมารักษาสถานะ อย่างที่ถูกกล่าวหา แต่เป็นบุตรสาวตัวจริง ที่มารดาได้ฟูมฟักมาเป็นอย่างดี ยังคงหัวสมัยเก่าเต็มร้อยสินะ! จริงเท็จก็ได้แต่ก้มหน้ายอมรับ ถ้าเธอต้องมาใช้ร่างกายนี้ดำเนินชีวิตต่อไป ไม่มีคำว่ายาจกในสารระบบของเธอ แม้แต่เสี้ยวเดียวอย่างแน่นอน “อี้หรู เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง เจ้ายังได้ยินข้าอยู่หรือไม่” เมื่อเห็นอาการเหมอลอยของหญิงสาว ท่านหมอต้วนจึงเอ่ยถามย้ำต่อนางอีกครั้ง เพราะจากร่างกายที่เจ็บสาหัส หากจะมีอาการมึนงงไปบ้าง ย่อมมิใช่เรื่องแปลกอันใด “ที่นี่คือ...แล้วท่านทั้งสองคือผู้ใดกันเจ้าคะ แค่กๆ” หญิงสาวเอ่ยถามออกไป ด้วยน้ำเสียงแห
ต้วนฮูหยินช่วยพยุงหญิงสาว ให้ลงจากเตียงนอนอย่างอ่อนโยน ประหนึ่งมารดาดูแลบุตร“ฮูหยิน”“ว่าอย่างไร”“ข้ายังมีแม่นม กับบุตรชายหญิงอีกสองคนเจ้าค่ะ”“เจ้าวางใจ พวกเขาอยู่ที่โรงหมอนี้เช่นกัน ประเดี๋ยวคงพากันมาหาเจ้า แม่นมหวังกำลังเฝ้าบุตรชายเจ้าอยู่อีกห้อง”“ข้าน้อยมิรู้จะตอบแทนเมตตานี้ ของท่านหมอกับฮูหยินเช่นไรได้เจ้าค่ะ”“รู้อ่อนน้อมนัก มาเถอะข้าจะช่วยเจ้าเอง เสื้อผ้าของเจ้าข้าจะให้คนนำมาให้”อี้หรู รู้ดีว่ายุคสมัยนี้ คนที่จะก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง ต้องรู้ก้มหน้าในยามอับจน ต่อให้เป็นชนชั้นสูงก็ต้องรู้ถ่อมตัว เจ้าของร่างชำนาญในแบบสตรีในหอห้อง แต่นางมีความรู้รอบด้าน เมื่ออยู่ในโรงหมอแล้วเช่นนี้ ก็ต้องใช้ความรู้หางานทำเสียเลยมีงานก็มีเงิน ความอดยากก็จะเริ่มหายไปเอง ชีวิตเดิมนางก็มิได้ร่ำรวยแต่แรก ต้องสู้ฝ่าฟันเพื่อลบคำว่าลูกสาว ไม่มีคุณค่า ในชีวิตใหม่ต่างโลก นางจะต้องทำให้ตัวเองมีคุณค่า ที่บุรุษมิอาจเอื้อมเช่นกันอี้หรู ค่อยๆ ก้าวลงไปในอ่างน้ำ ที่ใหญ่พอให้ลงแช่ได้ถึงสองคน ความอุ่นซ่านที่แผ่กระจายไปตามร่าง ที่ค่อยๆ จมลงไปในน้ำจนมิดศีรษะ หญิงสาวซึมซับความอุ่นร้อนนั้น เพื่อตอกย้ำว่าตัวเอ
หลังจากทุกคนร่วมกันกินอาหารเสร็จ อี้หรูขอที่จะนอนเฝ้าบุตรชาย เพราะถ้าเป็นเจ้าของร่าง ก็คงทำเช่นเดียวกับนางในตอนนี้ คงมีแค่แม่ของนางในอีกโลก ที่ไม่เคยเห็นนางในสายตา ฉะนั้นนางจะต้องทำให้ลูกๆ ในชีวิตใหม่ เป็นคนที่ไม่หยามเหยียดเพศสตรี “คุณหนูบ่าวยังไหวเจ้าค่ะ” แม่นมหวังนั้น ห่วงว่าผู้เป็นนายที่เพิ่งฟื้น จะล้มเจ็บลงอีก จึงเลือกที่จะเสนอตัวในการดูแลคุณชายใหญ่ต่อเอง “ข้าอยู่ด้วย แม่นมหวังจะได้พักผ่อนบ้าง อีกอย่างข้าอยากให้อี้หลางตื่นมา เห็นหน้าข้าที่เป็นแม่ก่อนผู้ใด เขาจะได้รู้ว่าความกล้าหาญของเขามิได้เสียเปล่า” “ไม่ต้องห่วงไปแม่นมหวัง ข้าได้ตรวจชีพจรของอี้หรูแล้ว นางไม่ล้มเจ็บลงอีกง่ายๆ อย่างแน่นอน ขอแค่นางไม่ทำสิ่งใดเกินกำลัง” ท่านหมอต้วนยืนยันอีกเสียง เมื่อเห็นในความตั้งใจของหญิงสาว และเข้าใจหัวอกคนเป็นแม่ ไหนเลยจะอยากห่างลูก เมื่อยามลูกเจ็บป่วยเช่นนี้ “ขอบคุณท่านหมออีกครั้งนะเจ้าคะ ที่เมตตาเราทั้งห้าคน หากมิได้ท่านหมอกับฮูหยินช่วยเหลือ เราแม่ลูกคงไม่อาจมีชีวิตรอด โปรดรับการคำนับจากเราด้วยเจ้าค่ะ” หญิงสาวกำลังจะคุกเข่าล
“ต่อไปนี้เจ้าคือต้วนอี้หรู และหลานๆ ของข้าก็ล้วนเป็นคนสกุลต้วน ที่สำคัญเจ้าคือบุตรสาว ที่ออกเรือนไปอยู่ไกล ได้หย่าร้างกลับมาอยู่กับพ่อแม่ หาใช่บุตรสาวบุญธรรม เข้าใจหรือไม่” “อี้หรูทราบแล้วเจ้าค่ะ ท่านพ่อ” หญิงสาวคลี่ยิ้มกว้าง ความระแวดระวังนั้นใช่หายไปจากสมอง แต่เวลานี้นางต้องเลือกหาที่คุ้มหัวก่อน อย่างอื่นค่อยว่ากันในภายหลัง แค่กๆ ทว่าเสียงไอจากคนบนเตียง ทำให้ทุกคนที่กำลังยินดี ต่อสถานะใหม่ในโรงหมอ ต่างพากันหันกลับไปมองที่เตียง แม่นมหวังรีบพยุงนายสาวให้ลุกขึ้น เพื่อไปดูอาการของคุณชายใหญ่ หมอชรารีบเข้าไปนั่งยังขอบเตียง แล้วตรวจดูอาการของหลานชายหมาดๆ โดยมีต้วนฮูหยิน ถือถ้วยน้ำติดตามไปด้วย ช่างเป็นวาสนาร่วมกันยิ่งนัก ได้บุตรสาวมิทันถึงชั่วอึดใจ หลานชายที่สิ้นสติมาหลายวัน ได้ตื่นขึ้นมาเสียที สวรรค์ช่างเมตตายายแก่เยี่ยงนาง ให้มีความชุ่มชื่นหัวใจในวัยใกล้ฝั่ง “หลานตาเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” ชายชราเอ่ยถามหลานชาย ที่ตอนนี้นอนนิ่งจ้องหน้าเขา ราวกับคนกำลังตกอยู่ในห้วงของความคิด เด็กชายกระพริบตาถี่ๆ ก่อนจะค่อยๆ หันมองไปที่คนอื่นๆ
ต้วนอี้หลาง เดินเข้ามาช่วยบีบไหล่ให้มารดา เพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้าให้แก่นาง เด็กชายรู้ดีว่ามารดา ต้องการให้พวกตน มีชีวิตที่ไม่ต้องเร่ร่อน จึงตอบรับเป็นบุตรสาวบุญธรรม ของท่านตาท่านยาย และลงมือทำงานอย่างหนัก “อี้หลาง ขอแค่เรามีโอกาสที่จะลืมตาอ้าปาก คำว่าเหน็ดเหนื่อยมันไม่มีในหัวแม่เลยรู้ไหม แม้เจ้ายังเด็กอยู่ ก็ต้องมั่นที่จะหาความรู้ให้มาก เพื่ออนาคตที่ดีรู้ไหม ภายหน้าไร้แม่คอยคุ้มภัย เจ้าจะได้ดูแลตนเองได้” หญิงสาวลูบมือน้อยๆ ของบุตรชาย ด้วยความรักใคร่ นี่หรือคำว่าแม่ที่นางเคยใฝ่ฝันอยากเป็น ก็ดีนางไม่ต้องทนเจ็บปวดตอนคลอด ยุคนี้ไม่มีเครื่องมือทำคลอด หากต้องมาอุ้มท้องและคลอดเอง นางคงคิดหนักไม่น้อย “ข้าจะปกป้องพวกเขาแทนเจ้าอี้หรู เจ้าเก่งมากในฐานะแม่ ที่สู้เพื่อพวกเขาจนลมหายใจสุดท้าย” หญิงสาวบอกกล่าว แก่คนที่จากไปแล้วอยู่ภายในใจ คงไม่มีสิ่งใดสำคัญเท่าการมีชีวิตอยู่ เพื่อมองอนาคตของลูกๆ “ข้าจะทำทุกอย่าง ให้ครอบครัวของเรามีความสุขขอรับ” แก๊ก! เด็กชายตวัดสายตา ไปยังเสียงแปลกปลอมในทันที กิ่งไม้แห้งที่อยู่ด้านนอก ถูกเหยียบหัก แม้จะเบ
แต่เด็กเพียงสิบขวบเท่านั้น ไยจึงทำได้ขนาดนี้ พลังต้องมากพอ จึงสามารถแทงจนทะลุข้อมือของเขาได้ ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! ลูกดอกถูกปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ชายชุดดำ คิดจะถอยไปตั้งหลักฟิ้ว! เคร้ง! ฉึก! ในจังหวะที่ลูกดอกพุ่งออกมาเฉียดใกล้เขา เด็กชายตวัดเหล็กแหลมในมือเพียงเล็กน้อย ลูกดอกที่ควรเลยผ่านไป กลับพุ่งเข้ากลางลำคอของเขาในทันที ยากนักที่เขาจะหลบเลี่ยงได้ทัน“เจ้าเป็นใครกัน...”เป็นคำถามสุดท้าย ที่ไม่มีโอกาสได้ฟังคำตอบ ด้วยเขาสิ้นใจไปเสียก่อน เด็กชายรีบทิ้งเหล็กแหลมในมือ วิ่งเข้าสวมกอดมารดาเอาไว้แน่น ร่างกายของเด็กชายสั่นเทา ด้วยความหวาดกลัว“แม่ขอโทษที่มาช้า ทำให้เจ้าตกอยู่ในอันตราย”หญิงสาวปลอบโยนบุตรชาย พร้อมใช้มือลูบแผ่นหลังสั่นเทานั้นให้คลายกังวล หากไม่ตอบโต้ก็คงต้องหลบซ่อนไปชั่วชีวิต ไม่ต่างจากเต่าที่หดหัวแค่ในกระดอง สู้เป็นสุนัขจนตรอก ที่พร้อมหันหน้าสู้จนตัวตาย เมื่อบีบคันไม่ดีกว่าหรือ“เกิดเรื่องใดขึ้น อี้หรู อี้หลาง พวกเจ้าปลอดภัยหรือไม่”ชายชราวิ่งเข้ามาภายในห้อง ด้วยใบหน้าตื่นตระหนก เขาตื่นมาเพื่อผลัดเปลี่ยนกับบุตรสาว ในการเคี่ยวยาส่งให้บ้านสกุลชูในตอนเช้า แต่ไม่คิดว่าจะเห็น
ตลาดชายแดนตะวันออก ณ ตรอกเล็กๆ ขอทานหญิงในชุดมอซอ กำลังพยายามคลานหนี จากการถูกทำร้าย ตุบ! ตับ! ไม้ท่อนพอดีมือ ตีลงบนแผ่นหลังผอมแห้งอย่างไร้ปราณี หญิงสาวเจ็บร้าวเจียนตาย ทว่าก็มิอาจทำสิ่งใดได้เลย ขอทานตัวเหม็นเยี่ยงนางหรือ จะสู้ลูกหลานของขุนนางได้ “เจ้ามันหนังเหนียวนักนะอี้หรู ผ่านมาหลายปี เจ้ายังไม่ยอมที่จะตายไปเสียที” จางหย๋าชิน พูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความชิงชัง นางวางใจมาตั้งหลายปี ว่าอดีตภรรยาของสามี จะตายไปแล้วพร้อมลูกในท้อง แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะยังชะตาไม่ขาด มีชีวิตรอดมาได้จนทุกวันนี้ “ข้ายอมมอบทุกอย่างให้เจ้าแล้ว ไยยังต้องตามติดทำร้ายข้าอยู่อีกเล่า” หยางอี้หรู ถามภรรยาใหม่ของสามี สตรีผู้ช่วงชิงแม้แต่ตัวตนของนาง เพียงเพราะนางถูกกล่าวหา ว่าเป็นลูกที่มารดานำมาสวมรอย เพื่อให้ฐานะฮูหยินใหญ่มั่นคง พอมารดาสิ้นใจ นางก็ถูกขับออกจากสกุล สามีที่เคยรักใคร่ ก็ยื่นหนังสือหย่าให้อย่างมิคิดใยดี ปล่อยนางที่กำลังตั้งครรภ์แก่ใกล้คลอด ต้องออกมาเผชิญชีวิตอย่างยากแค้น “ลมหายใจของเจ้าอย่างไรเล่า ที่เจ้ายังไม่ให้มันกับข้า!” “ชีว
สามีกำลังเปลือยกาย แสดงท่าของคนทำเรื่องอย่างนั้น โดยน้องชายของเธออยู่ในท่าของคนรับ สายตาทั้งคู่มองมาที่เธอ ด้วยความขุ่นเคือง มากกว่าจะตกใจ “ทำไม...” เป็นเพียงคำเดียว ที่หญิงสาวสามารถจะเอ่ยออกมาได้ “คุณไม่ควรเข้ามา” น้ำเสียงเย็นชาของสามี ช่างบาดลึกหัวใจของหญิงสาวเหลือเกิน เพราะก่อนหน้านั้นเขาเอาอกเอาใจเธอ จนไม่มีคำว่าหวาดระแวง หึๆ ถึงว่าเขาไม่สนใจผู้หญิงคนไหนเลย เพราะเขาไม่เคยชื่นชอบในผู้หญิงนี่เอง... “ใส่เสื้อผ้าแล้วออกไปจากที่นี่ซะ! ใบหย่าฉันจะให้เลขาไปส่งให้คุณที่บ้านสกุลโจว” เมื่อไม่รู้จะพูดอะไรได้อีก ภาพมันตำตาเสียขนาดนี้ ก็คงมีเพียงการเลิกราเท่านั้น ที่เธอจะคิดได้ในตอนนี้ เพราะไม่ว่ายังไงเธอกับเขา คงกลับมาเหมือนเดิมไม่ได้ ถ้าคนที่นอนกับเขาตอนนี้เป็นผู้หญิง มันยังพอตกลงกันได้ แต่นี่คือน้องชาย ชัดเจนว่าใจเขากายเขาไม่ได้ชื่นชอบผู้หญิง รั้งไปจะได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา ร่างสูงใหญ่ ขยับถอยออกจากร่างของหยางจิ้ง ก่อนจะคว้ากางเกงมาสวมลวกๆ แล้วรับเสื้อมาจากน้องชายภรรยา ก่อนที่เขาจะหันไปเชยคางของหยางจิ้ง ให้เงยขึ้นรับจูบของเขา มัน
แต่เด็กเพียงสิบขวบเท่านั้น ไยจึงทำได้ขนาดนี้ พลังต้องมากพอ จึงสามารถแทงจนทะลุข้อมือของเขาได้ ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! ลูกดอกถูกปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ชายชุดดำ คิดจะถอยไปตั้งหลักฟิ้ว! เคร้ง! ฉึก! ในจังหวะที่ลูกดอกพุ่งออกมาเฉียดใกล้เขา เด็กชายตวัดเหล็กแหลมในมือเพียงเล็กน้อย ลูกดอกที่ควรเลยผ่านไป กลับพุ่งเข้ากลางลำคอของเขาในทันที ยากนักที่เขาจะหลบเลี่ยงได้ทัน“เจ้าเป็นใครกัน...”เป็นคำถามสุดท้าย ที่ไม่มีโอกาสได้ฟังคำตอบ ด้วยเขาสิ้นใจไปเสียก่อน เด็กชายรีบทิ้งเหล็กแหลมในมือ วิ่งเข้าสวมกอดมารดาเอาไว้แน่น ร่างกายของเด็กชายสั่นเทา ด้วยความหวาดกลัว“แม่ขอโทษที่มาช้า ทำให้เจ้าตกอยู่ในอันตราย”หญิงสาวปลอบโยนบุตรชาย พร้อมใช้มือลูบแผ่นหลังสั่นเทานั้นให้คลายกังวล หากไม่ตอบโต้ก็คงต้องหลบซ่อนไปชั่วชีวิต ไม่ต่างจากเต่าที่หดหัวแค่ในกระดอง สู้เป็นสุนัขจนตรอก ที่พร้อมหันหน้าสู้จนตัวตาย เมื่อบีบคันไม่ดีกว่าหรือ“เกิดเรื่องใดขึ้น อี้หรู อี้หลาง พวกเจ้าปลอดภัยหรือไม่”ชายชราวิ่งเข้ามาภายในห้อง ด้วยใบหน้าตื่นตระหนก เขาตื่นมาเพื่อผลัดเปลี่ยนกับบุตรสาว ในการเคี่ยวยาส่งให้บ้านสกุลชูในตอนเช้า แต่ไม่คิดว่าจะเห็น
ต้วนอี้หลาง เดินเข้ามาช่วยบีบไหล่ให้มารดา เพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้าให้แก่นาง เด็กชายรู้ดีว่ามารดา ต้องการให้พวกตน มีชีวิตที่ไม่ต้องเร่ร่อน จึงตอบรับเป็นบุตรสาวบุญธรรม ของท่านตาท่านยาย และลงมือทำงานอย่างหนัก “อี้หลาง ขอแค่เรามีโอกาสที่จะลืมตาอ้าปาก คำว่าเหน็ดเหนื่อยมันไม่มีในหัวแม่เลยรู้ไหม แม้เจ้ายังเด็กอยู่ ก็ต้องมั่นที่จะหาความรู้ให้มาก เพื่ออนาคตที่ดีรู้ไหม ภายหน้าไร้แม่คอยคุ้มภัย เจ้าจะได้ดูแลตนเองได้” หญิงสาวลูบมือน้อยๆ ของบุตรชาย ด้วยความรักใคร่ นี่หรือคำว่าแม่ที่นางเคยใฝ่ฝันอยากเป็น ก็ดีนางไม่ต้องทนเจ็บปวดตอนคลอด ยุคนี้ไม่มีเครื่องมือทำคลอด หากต้องมาอุ้มท้องและคลอดเอง นางคงคิดหนักไม่น้อย “ข้าจะปกป้องพวกเขาแทนเจ้าอี้หรู เจ้าเก่งมากในฐานะแม่ ที่สู้เพื่อพวกเขาจนลมหายใจสุดท้าย” หญิงสาวบอกกล่าว แก่คนที่จากไปแล้วอยู่ภายในใจ คงไม่มีสิ่งใดสำคัญเท่าการมีชีวิตอยู่ เพื่อมองอนาคตของลูกๆ “ข้าจะทำทุกอย่าง ให้ครอบครัวของเรามีความสุขขอรับ” แก๊ก! เด็กชายตวัดสายตา ไปยังเสียงแปลกปลอมในทันที กิ่งไม้แห้งที่อยู่ด้านนอก ถูกเหยียบหัก แม้จะเบ
“ต่อไปนี้เจ้าคือต้วนอี้หรู และหลานๆ ของข้าก็ล้วนเป็นคนสกุลต้วน ที่สำคัญเจ้าคือบุตรสาว ที่ออกเรือนไปอยู่ไกล ได้หย่าร้างกลับมาอยู่กับพ่อแม่ หาใช่บุตรสาวบุญธรรม เข้าใจหรือไม่” “อี้หรูทราบแล้วเจ้าค่ะ ท่านพ่อ” หญิงสาวคลี่ยิ้มกว้าง ความระแวดระวังนั้นใช่หายไปจากสมอง แต่เวลานี้นางต้องเลือกหาที่คุ้มหัวก่อน อย่างอื่นค่อยว่ากันในภายหลัง แค่กๆ ทว่าเสียงไอจากคนบนเตียง ทำให้ทุกคนที่กำลังยินดี ต่อสถานะใหม่ในโรงหมอ ต่างพากันหันกลับไปมองที่เตียง แม่นมหวังรีบพยุงนายสาวให้ลุกขึ้น เพื่อไปดูอาการของคุณชายใหญ่ หมอชรารีบเข้าไปนั่งยังขอบเตียง แล้วตรวจดูอาการของหลานชายหมาดๆ โดยมีต้วนฮูหยิน ถือถ้วยน้ำติดตามไปด้วย ช่างเป็นวาสนาร่วมกันยิ่งนัก ได้บุตรสาวมิทันถึงชั่วอึดใจ หลานชายที่สิ้นสติมาหลายวัน ได้ตื่นขึ้นมาเสียที สวรรค์ช่างเมตตายายแก่เยี่ยงนาง ให้มีความชุ่มชื่นหัวใจในวัยใกล้ฝั่ง “หลานตาเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” ชายชราเอ่ยถามหลานชาย ที่ตอนนี้นอนนิ่งจ้องหน้าเขา ราวกับคนกำลังตกอยู่ในห้วงของความคิด เด็กชายกระพริบตาถี่ๆ ก่อนจะค่อยๆ หันมองไปที่คนอื่นๆ
หลังจากทุกคนร่วมกันกินอาหารเสร็จ อี้หรูขอที่จะนอนเฝ้าบุตรชาย เพราะถ้าเป็นเจ้าของร่าง ก็คงทำเช่นเดียวกับนางในตอนนี้ คงมีแค่แม่ของนางในอีกโลก ที่ไม่เคยเห็นนางในสายตา ฉะนั้นนางจะต้องทำให้ลูกๆ ในชีวิตใหม่ เป็นคนที่ไม่หยามเหยียดเพศสตรี “คุณหนูบ่าวยังไหวเจ้าค่ะ” แม่นมหวังนั้น ห่วงว่าผู้เป็นนายที่เพิ่งฟื้น จะล้มเจ็บลงอีก จึงเลือกที่จะเสนอตัวในการดูแลคุณชายใหญ่ต่อเอง “ข้าอยู่ด้วย แม่นมหวังจะได้พักผ่อนบ้าง อีกอย่างข้าอยากให้อี้หลางตื่นมา เห็นหน้าข้าที่เป็นแม่ก่อนผู้ใด เขาจะได้รู้ว่าความกล้าหาญของเขามิได้เสียเปล่า” “ไม่ต้องห่วงไปแม่นมหวัง ข้าได้ตรวจชีพจรของอี้หรูแล้ว นางไม่ล้มเจ็บลงอีกง่ายๆ อย่างแน่นอน ขอแค่นางไม่ทำสิ่งใดเกินกำลัง” ท่านหมอต้วนยืนยันอีกเสียง เมื่อเห็นในความตั้งใจของหญิงสาว และเข้าใจหัวอกคนเป็นแม่ ไหนเลยจะอยากห่างลูก เมื่อยามลูกเจ็บป่วยเช่นนี้ “ขอบคุณท่านหมออีกครั้งนะเจ้าคะ ที่เมตตาเราทั้งห้าคน หากมิได้ท่านหมอกับฮูหยินช่วยเหลือ เราแม่ลูกคงไม่อาจมีชีวิตรอด โปรดรับการคำนับจากเราด้วยเจ้าค่ะ” หญิงสาวกำลังจะคุกเข่าล
ต้วนฮูหยินช่วยพยุงหญิงสาว ให้ลงจากเตียงนอนอย่างอ่อนโยน ประหนึ่งมารดาดูแลบุตร“ฮูหยิน”“ว่าอย่างไร”“ข้ายังมีแม่นม กับบุตรชายหญิงอีกสองคนเจ้าค่ะ”“เจ้าวางใจ พวกเขาอยู่ที่โรงหมอนี้เช่นกัน ประเดี๋ยวคงพากันมาหาเจ้า แม่นมหวังกำลังเฝ้าบุตรชายเจ้าอยู่อีกห้อง”“ข้าน้อยมิรู้จะตอบแทนเมตตานี้ ของท่านหมอกับฮูหยินเช่นไรได้เจ้าค่ะ”“รู้อ่อนน้อมนัก มาเถอะข้าจะช่วยเจ้าเอง เสื้อผ้าของเจ้าข้าจะให้คนนำมาให้”อี้หรู รู้ดีว่ายุคสมัยนี้ คนที่จะก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง ต้องรู้ก้มหน้าในยามอับจน ต่อให้เป็นชนชั้นสูงก็ต้องรู้ถ่อมตัว เจ้าของร่างชำนาญในแบบสตรีในหอห้อง แต่นางมีความรู้รอบด้าน เมื่ออยู่ในโรงหมอแล้วเช่นนี้ ก็ต้องใช้ความรู้หางานทำเสียเลยมีงานก็มีเงิน ความอดยากก็จะเริ่มหายไปเอง ชีวิตเดิมนางก็มิได้ร่ำรวยแต่แรก ต้องสู้ฝ่าฟันเพื่อลบคำว่าลูกสาว ไม่มีคุณค่า ในชีวิตใหม่ต่างโลก นางจะต้องทำให้ตัวเองมีคุณค่า ที่บุรุษมิอาจเอื้อมเช่นกันอี้หรู ค่อยๆ ก้าวลงไปในอ่างน้ำ ที่ใหญ่พอให้ลงแช่ได้ถึงสองคน ความอุ่นซ่านที่แผ่กระจายไปตามร่าง ที่ค่อยๆ จมลงไปในน้ำจนมิดศีรษะ หญิงสาวซึมซับความอุ่นร้อนนั้น เพื่อตอกย้ำว่าตัวเอ
และในจังหวะนั้นเอง ความทรงจำมากมายของหญิงสาวอีกคน พลันหลั่งไหลเข้ามาเหมือนสายน้ำเชี่ยว ไม่มีตรงไหนที่เรียกว่าความสุขเลย สำหรับผู้หญิงคนนี้ ตอนเด็กก็ถูกอบรมอย่างเข้มงวด เช่นผู้หญิงชนชั้นสูงของยุคโบราณ แต่พอแม่ตายไป ทุกอย่างก็ถูกช่วงชิง และพังทลายลงไปยิ่งกว่าดิ่งหัวลงสู่ก้นเหว มีลูกแฝดสามทั้งชายและหญิง มีแม่นมที่ภักดีอีกหนึ่งคน ที่สำคัญไปกว่านั้น เจ้าของความทรงจำ ไม่ใช่ลูกที่ถูกสับเปลี่ยนมารักษาสถานะ อย่างที่ถูกกล่าวหา แต่เป็นบุตรสาวตัวจริง ที่มารดาได้ฟูมฟักมาเป็นอย่างดี ยังคงหัวสมัยเก่าเต็มร้อยสินะ! จริงเท็จก็ได้แต่ก้มหน้ายอมรับ ถ้าเธอต้องมาใช้ร่างกายนี้ดำเนินชีวิตต่อไป ไม่มีคำว่ายาจกในสารระบบของเธอ แม้แต่เสี้ยวเดียวอย่างแน่นอน “อี้หรู เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง เจ้ายังได้ยินข้าอยู่หรือไม่” เมื่อเห็นอาการเหมอลอยของหญิงสาว ท่านหมอต้วนจึงเอ่ยถามย้ำต่อนางอีกครั้ง เพราะจากร่างกายที่เจ็บสาหัส หากจะมีอาการมึนงงไปบ้าง ย่อมมิใช่เรื่องแปลกอันใด “ที่นี่คือ...แล้วท่านทั้งสองคือผู้ใดกันเจ้าคะ แค่กๆ” หญิงสาวเอ่ยถามออกไป ด้วยน้ำเสียงแห
ยี่สิบวันต่อมา ณ โรงหมอสกุลต้วน ร่างผอมแห้ง ยังคงนอนหายใจรวยรินอยู่บนเตียง โดยมีสายตาของหมอชราคอยเฝ้ามอง ยี่สิบวันก่อน ไม่รู้เพราะคำของหลวงจีนชรา หรือเพราะอยากพิสูจน์ คำพูดของหลวงจีน ที่ได้บอกแก่เขาว่าหากอยากมีทายาท ที่นำพาความรุ่งโรจน์มาให้ จงไปที่ตรอกท้ายตลาด เมื่อมีผู้ตกทุกข์อย่านิ่งนอนใจ ให้ยื่นมือช่วยเหลือ คนจากทางไกลตื่นมาเมื่อไหร่ จะนำพาให้เขาและภรรยามั่งมีไปจนชีวิตจะหาไม่ วันนั้นเขาและภรรยา จึงเดินไปตามคำบอกเล่านั้น ถือเสียว่าไปเดินเล่นรับลมกัน และได้เห็นขุนนางจากเมืองหลวง กับภรรยา กำลังสั่งให้คนทุบตีขอทานแม่ลูกอย่างโหดร้าย เขาจึงได้ยื่นมือเข้าช่วย โดยอ้างกฎหมายบ้านเมือง จึงทำให้สามีภรรยาใจอำมหิตนั้นล่าถอยไป แต่ก็ยังมิวายที่จะมีคน มาคอยสอดส่องความเป็นไปในโรงหมอของเขาอยู่เป็นระยะ จนได้รู้ถึงที่มาของขอทานแม่ลูก จากปากของหญิงชราคนหนึ่ง ที่ได้มาอ้างตน ว่าเป็นแม่นมของขอทานสาว และเด็กอีกสองคน คือคู่แฝดของลูกชายขอทาน และที่เขายินยอมเชื่อ เพราะเด็กอีกสองคน มีใบหน้าพิมพ์เดียวกันกับเด็กที่บาดเจ็บ ยิ่งเมื่อรู้สาเหตุของเรื่องราว ความสงสารต่อคนทั้งห
สามีกำลังเปลือยกาย แสดงท่าของคนทำเรื่องอย่างนั้น โดยน้องชายของเธออยู่ในท่าของคนรับ สายตาทั้งคู่มองมาที่เธอ ด้วยความขุ่นเคือง มากกว่าจะตกใจ “ทำไม...” เป็นเพียงคำเดียว ที่หญิงสาวสามารถจะเอ่ยออกมาได้ “คุณไม่ควรเข้ามา” น้ำเสียงเย็นชาของสามี ช่างบาดลึกหัวใจของหญิงสาวเหลือเกิน เพราะก่อนหน้านั้นเขาเอาอกเอาใจเธอ จนไม่มีคำว่าหวาดระแวง หึๆ ถึงว่าเขาไม่สนใจผู้หญิงคนไหนเลย เพราะเขาไม่เคยชื่นชอบในผู้หญิงนี่เอง... “ใส่เสื้อผ้าแล้วออกไปจากที่นี่ซะ! ใบหย่าฉันจะให้เลขาไปส่งให้คุณที่บ้านสกุลโจว” เมื่อไม่รู้จะพูดอะไรได้อีก ภาพมันตำตาเสียขนาดนี้ ก็คงมีเพียงการเลิกราเท่านั้น ที่เธอจะคิดได้ในตอนนี้ เพราะไม่ว่ายังไงเธอกับเขา คงกลับมาเหมือนเดิมไม่ได้ ถ้าคนที่นอนกับเขาตอนนี้เป็นผู้หญิง มันยังพอตกลงกันได้ แต่นี่คือน้องชาย ชัดเจนว่าใจเขากายเขาไม่ได้ชื่นชอบผู้หญิง รั้งไปจะได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา ร่างสูงใหญ่ ขยับถอยออกจากร่างของหยางจิ้ง ก่อนจะคว้ากางเกงมาสวมลวกๆ แล้วรับเสื้อมาจากน้องชายภรรยา ก่อนที่เขาจะหันไปเชยคางของหยางจิ้ง ให้เงยขึ้นรับจูบของเขา มัน
ตลาดชายแดนตะวันออก ณ ตรอกเล็กๆ ขอทานหญิงในชุดมอซอ กำลังพยายามคลานหนี จากการถูกทำร้าย ตุบ! ตับ! ไม้ท่อนพอดีมือ ตีลงบนแผ่นหลังผอมแห้งอย่างไร้ปราณี หญิงสาวเจ็บร้าวเจียนตาย ทว่าก็มิอาจทำสิ่งใดได้เลย ขอทานตัวเหม็นเยี่ยงนางหรือ จะสู้ลูกหลานของขุนนางได้ “เจ้ามันหนังเหนียวนักนะอี้หรู ผ่านมาหลายปี เจ้ายังไม่ยอมที่จะตายไปเสียที” จางหย๋าชิน พูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความชิงชัง นางวางใจมาตั้งหลายปี ว่าอดีตภรรยาของสามี จะตายไปแล้วพร้อมลูกในท้อง แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะยังชะตาไม่ขาด มีชีวิตรอดมาได้จนทุกวันนี้ “ข้ายอมมอบทุกอย่างให้เจ้าแล้ว ไยยังต้องตามติดทำร้ายข้าอยู่อีกเล่า” หยางอี้หรู ถามภรรยาใหม่ของสามี สตรีผู้ช่วงชิงแม้แต่ตัวตนของนาง เพียงเพราะนางถูกกล่าวหา ว่าเป็นลูกที่มารดานำมาสวมรอย เพื่อให้ฐานะฮูหยินใหญ่มั่นคง พอมารดาสิ้นใจ นางก็ถูกขับออกจากสกุล สามีที่เคยรักใคร่ ก็ยื่นหนังสือหย่าให้อย่างมิคิดใยดี ปล่อยนางที่กำลังตั้งครรภ์แก่ใกล้คลอด ต้องออกมาเผชิญชีวิตอย่างยากแค้น “ลมหายใจของเจ้าอย่างไรเล่า ที่เจ้ายังไม่ให้มันกับข้า!” “ชีว