ชายหนุ่มใช้นิ้วเรียวยาว แยกกลีบบางออก เพื่อให้เขาได้สัมผัสเม็ดสวาท ได้ถนัดมากขึ้น ชายหนุ่มก้มลงดูดเม้มเกสรอ่อนนุ่ม สลับลากปลายลิ้นขึ้นลงตามร่องสวาท ที่ฉ่ำแฉะไปด้วยน้ำหวาน ซึ่งไหลออกมามิขาดสาย หญิงสาวยกก้นกลมกลึง ขึ้นสวนรับปลายลิ้น ของชายหนุ่มอย่างกระสันเสียว ร่างงามบิดเร้าประหนึ่งงูเลื้อย โดยที่ปากของนางยังคงดูดดึงท่อนเอ็นอุ่นร้อน ของชายหนุ่มอีกคน ที่ยังขยับเข้าออกตามมือบางที่รูดขึ้นลง ตามจังหวะขับเคลื่อน ชายหนุ่มทั้งสองครางเสียงต่ำ เมื่อความเสียวซ่านกระจายไปทั่วทุกอณูขุมขน ร่างสูงผละใบหน้าออกจากเนินเนื้ออวบอูม เปลี่ยนเป็นนั่งคุกเข่า อยู่ตรงหว่างขาเรียวงามแทน มือหยาบจับต้นขาหญิงสาวแยกออกกว้าง ก่อนที่เขาจะขยับให้ท่อนเอ็นอันใหญ่โต แนบชิดกับเนินเนื้อ ชายหนุ่มขยับโยกกายเล็กน้อย ให้ท่อนอุ่นร้อนเสียดสีกับเนินสวาทของนาง “อื้อ!!!”หญิงสาวครางในลำคอ ด้วยปากของนางยังคงไม่ได้รับอิสระ มือหยาบจับที่ท่อนเอ็นของตนเอง แล้วเอามันถูกขึ้นลงตามร่องสวาท เขามิได้เร่งร้อนที่จะสอดมันเข้าไปข้างในเพราะยิ่งเจ้าของร่างงามเสียวซ่านมากเพียงใด น้ำหวานหล่อลื่นจะออกมามากเท่านั้น
ลานที่ตั้งกระโจมพัก สองพี่น้องที่เดินกลับมาถึงที่พัก ได้พากันตรงไปยังกระโจมของต้วนอี้หลางก่อน เพื่อรับตัวของฉู่เมี่ยว ที่อยู่เป็นเพื่อนไฉอ้าย รอพวกเขาไปอาบน้ำกลับมา ชายหนุ่มทั้งสองก้าวเข้าไปภายในกระโจม และสนทนากันเพียงเล็กน้อย หยางอี้หลงก็รีบคว้ามือของฉู่เมี่ยว แล้วก้าวออกจากกระโจมไปอย่างรีบร้อน ปล่อยให้ไฉอ้ายมองตามอย่างงุนงง กับท่าทางของแม่ทัพหนุ่ม ที่ดูจะรีบร้อนจนไม่มีคำกล่าวราตรีสวัสดิ์ เช่นในทุกค่ำคืน “ภรรยา...” ไฉอ้ายหันกลับไปมองสามี ก่อนจะรีบถลาเข้าประคองร่างเขาเอาไว้ เมื่อเห็นใบหน้าที่แดงก่ำ ราวกุ้งถูกน้ำร้อนของเขา ไหนจะอาการหายใจหอบถี่เยี่ยงม้าศึกนั้นอีกเล่า เขากำลังป่วยหรือ “อื้อ...” แต่ยังไม่ทันที่จะได้ถามอะไรออกไป ริมฝีปากอิ่มก็ถูกปิดลง ด้วยเรียวปากหนาของสามี ลมหายใจร้อนผ่าวที่เป่ารดใบหน้า ทำให้หญิงสาวในอ้อมแขน รู้สึกวูบวาบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนร่างงามถูกรวบกอดเอาไว้แน่น จนไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้ ฟึ่บ! เทียนที่ลุกโซนเมื่อครู่ ดับลงด้วยพลังปราณขั้นสูง จากการสะบัดมือเพียงครั้งของชายหนุ่ม เงาร่างที่แนบชิดกันซึ่งสะท้อนให
ณ หุบเขาพิษ ชายแดนเหนือ หญิงสาวผู้เป็นทายาทหนึ่งเดียว ของเจ้าผู้ครอบครองดินแดนแห่งพิษ ได้ส่งยิ้มหวานละมุน ให้แก่ชายหนุ่มผู้เป็นเพียงผู้ดูแลภายในสำนัก และในตอนนี้ เขาคือสามีที่แต่งเข้าของนาง “วันนี้นอกจากจะเป็นวันที่บุตรสาวของข้า แต่งสามีเข้าบ้าน ข้ายังมีข่าวดีที่จะประกาศ บุตรสาวข้าอวี๋เมี่ยว คือประมุขคนใหม่ของเมืองหยินกวง เจ้าผู้ครองหุบเขาพิษคนใหม่” ชายชราจับมือบุตรสาว ชูขึ้นสูงเพื่อประกาศให้ชาวเมืองได้รับรู้ ว่าบัดนี้เก้าอี้ผู้นำ ได้เปลี่ยนคนนั่งแล้ว หญิงสาวโค้งกายให้แก่ทุกคนอย่างนอบน้อม “อวี๋เมี่ยว สัญญาว่าจะดูแลเมืองของเราให้ดีที่สุดเจ้าค่ะ” เสียงโห่ร้องยินดีดังเซ็งแซ่ไปทั้งลานกว้าง เจ้าสาวได้รับการประคองจากบิดา ก้าวไปนั่งยังเก้าอี้ประมุข นางคือบุตรสาวเพียงคนเดียว ซึ่งที่ผ่านมานางก็แสดงความสามารถ ในทุกๆ ด้านได้เป็นอย่างดี ก่อนที่เจ้าบ่าวจะเดินไปยืนเคียงข้างเก้าอี้ผู้นำ พร้อมส่งรอยยิ้มละมุนให้แก่ทุกคน ทว่าเจ้าบ่าวกลับทำให้ชาวเมือง รู้สึกค้านต่อสายตา ในความเหมาะสมของทั้งคู่ ชายหนุ่มนั้นเป็นคนที่มาอาศัยอยู่ในหุบเขาหลายปี และฐานะก็เ
ความหมางเมินของประมุขและสามี ดูจะเป็นที่พอใจของสาวใช้ข้างกายยิ่งนัก จนเวลาที่ล่วงเลยจากเดือนเป็นปี ทุกอย่างดูเหมือนจะเลวร้ายลงกว่าเดิมหลายเท่านัก และวันนี้บุตรชายของทั้งคู่ ก็อายุครบห้าขวบ ในฐานะทายาทเพียงหนึ่งเดียว แน่นอนว่าการเฉลิมฉลอง ย่อมมีขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ อวี๋เมี่ยวแต่งกายด้วยชุดเต็มยศ นางใช้เวลามาหลายปี เพื่อที่จะปรุงยาถอนพิษ ทว่ามันยังคงเกินความสามารถของนางไปมาจริงๆ ไหนจะอุปสรรคจากคนรอบกายของนาง ล้วนแล้วแต่เป็นคนของสามี ไม่เว้นแม้แต่สาวใช้ที่เติบโตมาด้วยกัน ยังแปรพรรคไปแล้วหลายปี ซึ่งทุกอย่าง...ล้วนเป็นความผิดของนางทั้งสิ้น ที่เลือกคนแบบสวี่เทียนเข้ามาในชีวิต คนจรที่นางชุบกายให้เขาให้สูงค่า บัดนี้เป็นเขาที่แว้งกัดนาง ยังดีที่ชาวเมืองยังคงยึดมั่น ต่อสายเลือดและสิ่งยืนยันฐานะ ของประมุขในทุกรุ่น “เสี่ยวไป๋ เจ้าจงมอบมันให้นายน้อย เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ข้าคงอยู่กับเขาและเจ้าได้อีกไม่นานแล้ว” หญิงสาวลูบหัวของหมาป่าคู่ใจ มันย่อมรู้ดีไม่แพ้นาง ว่าลมหายใจที่มีของนาง มันกำลังจะหมดลงในไม่ช้า เช่นเดียวกับที่ตัวตนของสามี ได้แสดงออกมาให้นางได้เห็นในเวลา
ภายในงานเลี้ยง ฉลองวันครบรอบห้าขวบของคุณชายอวี๋มู่หลง มีความบันเทิงมากมายจากหลายสกุล ที่นำมาร่วมแสดง สองแม่ลูกสกุลอวี๋นั่งจับมือกันนิ่ง สายตามองตรงไปยังลานกว้าง ที่มีการแสดงจากสกุลผู้อาวุโส จนเมื่อเสียงดนตรีหยุดลง หญิงสาวยังคงฝืนข่มกลั้นอาการเจ็บร้าวในร่างกายเอาไว้ แล้วลุกขึ้นจูงบุตรชาย ออกไปยืนต่อหน้าทุกคน เพื่อทำให้สิ่งที่นางจะทำได้ ตอนยังหายใจอยู่ “ข้าขอขอบคุณทุกท่าน ที่มาร่วมยินดีกับมู่หลงในวันนี้ และข้าก็ถือโอกาส มอบของขวัญที่ล้ำค่าแก่เขา บุตรชายเพียงคนเดียวของข้าอวี๋เมี่ยว” เด็กชายเงยหน้ามองมารดา แม้เขาจะยังเด็กอยู่ แต่ก็พอรู้ว่ามารดานั้นกำลังเจ็บป่วย และเขาได้จดจำ ทุกคำสอนของนางเอาไว้เป็นอย่างดี เขาคือผู้นำคนต่อไป อย่าได้แสดงทุกความรู้สึกออกมา เหมือนนาง...จนนำพาครอบครัวพังพินาศ แม้เขาจะยังไม่เข้าใจมากนัก ว่าอะไรคือคำว่าพินาศ แต่ก็ไม่เคยคิดที่จะละเลยคำกล่าวของมารดา ยิ่งตอนนี้เขาเห็นเด็กชายหญิง ที่อายุมากกว่าตนเอง ได้รับความสนใจจากบิดา เขาจึงยิ่งต้องการมารดาคอยปลอบขวัญ “ข้าก็เป็นสตรีผู้หนึ่ง ที่ได้มีโอกาสให้กำเนิดบุตร ซึ่งข้ายอมรับอย่า
ใบหน้างามที่ชื้นเหงื่อ ส่ายไปมาน้อยๆ เมื่อรู้สึกได้ถึงความเย็นที่สัมผัสกับใบหน้า ทว่าดวงตานั้นยังคงปิดสนิทอยู่“อี้หลิง”ชายชราเรียกหญิงสาวด้วยความดีใจ กว่ายี่สิบวัน ที่ศิษย์รักของเขาสิ้นสติไป และการมีสติรับรู้ของนางในวันนี้ นับว่าสมุนไพรในกระท่อมลับแห่งนี้ ทรงคุณค่ายิ่งนัก“น้ำ...ขอน้ำ”น้ำเสียงแหบโหยร้องขอน้ำดื่ม ด้วยคอของนางแห้งผาด ราวทะเลทรายอันแห้งแล้ง ทว่าดวงตานั้นยังคงปิดสนิท มีเพียงเปลือกตาที่ขยับน้อยๆ ก่อนจะค่อยๆ เปิดขึ้น แล้วปิดลงอย่างรวดเร็วอีกครั้ง เมื่อสายตาของนาง มิอาจสู้แสงได้อย่างกะทันหัน“นี่...น้ำจากต้นไผ่ มันจะช่วยให้เจ้ารู้สึกชุ่มคอขึ้น”ฮั่วเจ๋อ เอ่ยอย่างใจเย็น รอให้ดวงตาคู่งามของหญิงสาว เปิดขึ้นอีกครั้ง ในฐานะหมอคนหนึ่ง การที่ทำให้คนไข้ พ้นจากมือมัจจุราชได้ นับว่าเป็นความสำเร็จอีกขั้นเมื่อสิบกว่าวันก่อน เขากับอู๋หยางได้ตื่นขึ้นมา ทว่ารอบกายกลับไร้เงาของศิษย์รักทั้งสอง ทำให้เขาสองคนที่อาการยังหนักอยู่ ร้อนใจยิ่งนักยิ่งเมื่อมองสำรวจโดยรอบที่พัก สัมภาระที่ยังเหลือติดตัวของทุกคน ยังคงอยู่ที่เดิม นั่นยิ่งทำให้เขาสองคน ไม่อาจนิ่งดูดายได้ ฝืนกินยาต้องห้าม ที่จะมีฤทธิ์
“น้องชายเจ้ากับอู๋หยาง ทำรางส่งน้ำมาไว้ห้องข้างๆ นี่เอง เจ้าต้องแช่ยาทุกสามชั่วยาม ในช่วงห้าวันแรกของการรักษา อี้หยางดูแลเจ้าไม่ห่างไปไหน อ่อ...วางใจได้ ไม่มีใครได้เห็นในสิ่งไม่ควรทั้งสิ้น”แน่นอนว่าคนที่จัดการทุกอย่างให้แก่พี่สาว ย่อมต้องเป็นเจียงอี้หยาง เด็กน้อยคนนี้ชำนาญนักในการทำแผล ดังนั้นต่อให้หลับตา เขาก็สามารถเปลี่ยนผ้าพันแผลได้อย่างไม่ผิดพลาด และยังมีหลากหลายวิธี ในการเปลี่ยนเสื้อผ้าของคนป่วย โดยไม่เห็นสัดส่วนของคนเจ็บได้การเรียนรู้เหล่านี้ มารดาล้วนสอนพวกนางสี่พี่น้อง และฝึกฝนจนชำนาญ แต่หากเทียบกับอี้หยางแล้ว สามแฝดนับว่าฝีมือห่างชั้นกับน้องชายคนเล็กมากทีเดียว“เช่นนั้นรบกวนท่านปู่ ส่งข้าที่ห้องนั้นได้หรือไม่นะเจ้าคะ”หญิงสาวยิ้มน้อยๆ ด้วยเรี่ยวแรงตอนนี้ มันหดหายไปเกินครึ่งที่มีเลยทีเดียว แม้แต่หายใจยังรู้สึกเหนื่อยตลาดเมืองหยินกวง หุบเขาพิษ ม่อเหลียวที่นั่งดื่มชาอยู่ ชะงักมือเล็กน้อย ก่อนจะหันมองไปยังกลุ่มคนที่ยืนเลือกสิ่งของอยู่ ชายหนุ่มวางถ้วยชาลง ก่อนจะส่งสัญญาณเรียกเจ้าของร้าน เพื่อมาคิดเงินค่าชา ที่เขาดื่มไปเมื่อครู่ ชายหนุ่มจ่ายเงินเรียบร้อย ก็ลุกข
“ไม่คิดว่าจะพบคนจากแดนหนาน” ผู้คุ้มกันเมืองหยินกวง เอ่ยกับชายวันกลางคน ที่ยืนประจันหน้ากับเขาอยู่ในตอนนี้ ซึ่งการที่เขารู้ว่าคนกลุ่มนี้มาจากที่ไหน ก็เพราะการแต่งกาย และใบหน้าที่บ่งบอกเชื้อสายเผ่าพันธุ์ “พวกข้าเป็นเพียงพ่อค้า ที่ต้องการหาสินค้า เพื่อสร้างรายได้ การเข้ามาที่หุบเขา ก็มิได้ผิดต่อกฎของที่นี่แม้แต่ข้อเดียว” คนจากแคว้นหนาน เอ่ยกับผู้คุ้มกันเมือง ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าเวลานี้ ผู้รักษาการแทนประมุข ได้คิดเปลี่ยนแปลงการปกครอง และคิดจะแทรกซึมเข้าสู่แคว้นต่างๆ เพื่อหวังผลที่ยิ่งใหญ่กว่า การเป็นแค่ผู้ปรุงยาแก้พิษ และขายสมุนไพรล้ำค่าเท่านั้น “พวกข้าก็ไม่ได้คิดจะกล่าวหาสิ่งใดพวกท่าน แค่อยากตรวจดูผู้คนเข้าออก เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีกบฏ ที่กำลังหลบหนีซ่อนตัวอยู่ในคณะของพวกท่าน” คำพูดของผู้คุ้มกันเมือง ทำให้อวี๋มู่หลง ที่ซ่อนตัวอยู่ไม่ไกล กำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน เขาคือประมุขที่แท้จริง แต่ไยเวลานี้กลายเป็นเพียงกบฏคนหนึ่งไปได้ “ตามสบาย” ชายผู้นั้นผายมือให้แก่เหล่าผู้คุ้มกันเมือง ก่อนจะชำเลืองมองไปที่ผู้ติดตามของตน ทุกคนจึงขย
สองชั่วยามต่อมา ณ เรือนผู้รักษาการ สองสามีภรรยากำลังนั่งกินขนมจิบชา ด้วยความสำราญ หลังจากบทรักเล่าร้อน ได้จบลงไปได้ครู่ใหญ่แล้ว การหยอกเย้ากันของทั้งคู่ ยังคงมีเป็นปกติ ราวกับพวกเขายังคงเป็นหนุ่มสาว เช่นในวันวานก็มิปาน “เรียนนายท่าน มีของขวัญมาส่งขอรับ” เสียงรายงานจากด้านหน้าประตู ทำให้สองสามีภรรยา ขยับนั่งตัวตรงอย่างมีสง่า “เข้ามา” สวี่เทียนเอ่ยปากอนุญาต ให้คนด้านนอกเข้ามาข้างในได้ เพียงบ่าวชายก้าวพ้นประตูเข้ามา สายตาของเขาก็จับจ้องไปที่กล่องไม้ในมือของบ่างผู้นั้นทันทีใครกันที่ส่งของขวัญมาให้เขากัน ด้วยในช่วงเวลานี้ หาได้มีวันสำคัญ หรือเทศกาลใด ที่ต้องมอบของขวัญของกำนัลต่อกัน หากจะเป็นคนจากภายนอกหุบเขา ก็ไม่น่าจะมีใครส่งมา โดยไม่แจ้งล่วงหน้าถึงการมาเยือน “เป็นของขวัญที่ไม่ทราบที่มาขอรับ ข้าน้อยคิดจะเปิดดู แต่...มิกล้าทำโดยพลการขอรับ” บ่าวชายรีบชี้แจง ต่อการที่เขาไม่อาจบอกถึงสิ่งของข้างในได้ เพราะเคยมีคนเปิดดูของขวัญ เพื่อตรวจสอบก่อนจะนำมาส่งมอบให้แก่ผู้เป็นนาย ผลก็คือบ่าวคนนั้น ได้สิ้นใจภายใต้คมดาบของท่านผู้รักษาการ
“แต่ข้ามีข้อเสนอที่ดีกว่านั้น หากเจ้าตอบรับมัน ข้าจะมิถือสาเรื่องเมื่อครู่นี้” เมื่อมีสิ่งอื่นที่ดึงดูดใจ มากกว่าการที่นางสามหาวต่อบิดา สวี่หวางจึงยื่นข้อเสนอในทันที หญิงสาวตรงหน้าอาจเพียงแค่ อยากเรียกร้องความสนใจจากเขา หาไม่แล้วมีหรือหัวหน้าผู้คุ้มกัน จะพาเขามาที่นี่ “ข้อเสนอ...คนเยี่ยงเจ้า มีข้อเสนอใดกับข้าเช่นนั้นรึ!” น้ำเสียงปนเย้ยหยันของหญิงสาว ทำให้สวี่หวางจำต้องข่มกลั้นเอาไว้ก่อน ในเมื่อหมากกระดานนี้ นางอยากควบคุม เขาก็จะยินยอมเล่นไปกับนางสักหน่อย ค่อยจบมันในหมากตัวสุดท้าย “เป็นอนุของข้า แล้วเรื่องเมื่อครู่ข้าจะปล่อยผ่านไป” “อยากฟังข้อเสนอของข้าบ้างไหม” หญิงสาวย่อนถามกลับ ด้วยน้ำเสียงที่ดูไม่จริงจังเท่าใดนัก “ว่ามาสิ! ข้าคือบุตรชายของประมุขแห่งหุบเขานี้ ไม่มีสิ่งใดที่จะหามิได้” สวี่หวางตบตนเอง พร้อมประกาศให้รู้ถึงอำนาจในมือ เขาคือบุตรชายคนโต ภายหน้าเขาก็คือประมุขผู้มั่งคั่ง เจ้าของหุบเขาแห่งนี้ แค่สตรีต่างถิ่นคนหนึ่ง มีหรือเขาจะเลี้ยงดูนางไม่ได้ “จริงหรือ...บิดาเจ้าแซ่สวี่ ไหนเลยจะเป็นประมุขได้” เมื่อได้ยินพูดของหญิงสาวตรงหน้า สวี่หวางถึงกับหน้าถอดสี หรือนี่จะ
“ข้าน้อยเพียงจะมาแจ้ง ให้ท่านผู้รักษาการทราบ ว่าตอนนี้...มีคนพบเห็น ท่านประมุขน้อยแล้วขอรับ” “ที่ไหน!” สวี่หวางรีบถามด้วยความตื่นเต้น หากวันนี้เขาสามารถทำให้อวี๋มู่หลง หายไปจากโลกนี้เสีย อนาคตของเขา ก็จะได้ไม่ต้องอยู่ภายใต้เงาผู้ใดอีก มารดาที่เป็นภรรยาแรก กลับกลายเป็นได้เพียงอนุ ที่รับเข้าสู่บ้านเท่านั้น ไม่อาจก้าวขึ้นทัดเทียมอดีตประมุข และเขาก็เป็นได้เพียงแค่ลูกที่บิดา ไม่อาจเชิดชูออกหน้าได้แม้คนเหล่านี้ จะให้ความนอบน้อมต่อเขา แต่ความเป็นจริงแล้วพวกมัน ก็ไม่เคยเห็นเขาในสายตาจริงๆ สักครั้ง หากเทียบกับอวี๋มู่หลง เจ้าสวะไร้ค่านั่น! “ในป่าท้อทิศตะวันออกของหุบเขาขอรับ” หัวหนาผู้ดูแล ตอบไปตามหน้าที่ แม้ว่าใจเขามิได้ชื่นชอบอนุและลูกๆ ของนาง ที่อาจหาญทำตัวทัดเทียมท่านประมุขน้อย แต่เขาก็ยังไม่มีอำนาจมากพอ ที่จะต่อกรกับผู้รักษาการได้ จนกว่าท่านประมุขน้อย จะก้าวขึ้นสู่อำนาจอย่างแท้จริง “พาข้าไป!” “แต่...” หัวหน้าผู้คุ้มกัน คิดที่จะปฏิเสธ ทว่า... “ฮึ! หรือเจ้าคิดจะปกป้องคนไร้ค่านั่น” สวี่หวาง พูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเ
สิบห้าวันถัดมา ณ เรือนผู้รักษาการ เมืองหยินกวง เพล้ง! เสียงจอกสุรา ถูกปาลงพื้นจนแตกกระจาย ทำให้สาวใช้หลายนางที่ยืนรอรับใช้อยู่ พากันสะดุ้งจนสุดตัว เมื่อผู้เป็นนายกำลังมีโทสะ ก่อนที่สตรีผู้เป็นอนุของท่านผู้รักษาการ จะเดินเข้ามา แล้วส่งสัญญาให้บรรดาสาวใช้ออกไปเสีย “ท่านพี่ ไยต้องมีโทสะด้วยเจ้าคะ” ฉินชวงเดินไปยืนด้านหลังสามี ก่อนจะวางมือบนไหล่หนา แล้วออกแรงบีบนวด เพื่อให้สามีรู้สึกผ่อนคลาย แม้ว่าการอยู่อย่างไรเกียรติของนาง จะมิใช่สิ่งที่วาดฝัน แต่นางก็ยังอยากให้บุตรชายคนโต เป็นผู้สืบทอดเมืองแห่งนี้ “มีคนพามันหนีไปได้ จนตอนนี้! ข้ายังหามันไม่พบเลย” สวี่เทียนกำหมัดแน่น ยิ่งเมื่อนึกถึงตอนที่บุตรชายคนเล็ก หนีไปพร้อมกับคนแปลกหน้า มันทำให้เขาราวกับถูกตบหน้า นี่มิใช่ครั้งแรก ที่บุตรชายรอดพ้นเงื้อมือเขาไปได้อย่างหวุดหวิดเพราะนับตั้งแต่บุตรชาย ล่วงรู้ความจริงหลายอย่าง ความสัมพันธ์พ่อลูกก็ยิ่งห่างไกล แล้วอย่างไรเล่า ก็ในเมื่อสิ่งที่เขาต้องการ ไม่ใช่ความเป็นพ่อลูก แต่เขาต้องการตราประทับเท่านั้น “อาจเป็นเหล่าผู้อาวุโส ที่แอบช่วยเขาลับหลัง แต่อย่า
“ว๊าย!!! พรู๊ด!!”หญิงสาวถึงกับพ่นชาในปากออกมา เมื่อความร้อนของชาในถ้วย ทำให้นางปากแทบพอง นางลืมไปว่ามันร้อนอยู่ “เจ็บมากหรือไม่!” ม่อเหลียวรีบถามด้วยน้ำเสียงรนราน ก่อนจะล่วงเอาขวดยาเล็กๆ ออกมาจากอกเสื้อ แล้วป้อนเข้าปากหญิงสาว “คราวหน้าต้องระวังให้มากเข้าใจหรือไม่” ชายหนุ่มเอ่ยอย่างอ่อนโยน ซึ่งหากถ้าเป็นสตรีอื่น เขาไม่แม้แต่จะมองเลยด้วยซ้ำ เรื่องนี้ถือว่าเป็นสิ่งคุ้นชิน สำหรับคนทั้งสาม เว้นแต่อวี๋มู่หลงเท่านั้น ที่ยังไม่รู้ถึงเรื่องของหนุ่มสาวคู่นี้ แต่จากสายตาแล้วอวี๋มู่หลงเอง ก็พอจะคาดเดาได้แล้ว ว่าคนทั้งสองนั้น ต้องมีความรู้สึกลึกซึ้งต่อกัน แต่อาจด้วยหลายสิ่งอย่าง ทำให้ทั้งคู่ยังไม่แต่งงาน หรือสานสัมพันธ์รักไปมากกว่านี้ “พี่สาม”เมื่อเห็นพี่สาวไม่ได้เอ่ยสิ่งใดกับตนเองเลย นับตั้งแต่ก้าวเข้ามาถึงกระท่อม อี้หยางจึงเรียกผู้เป็นพี่ ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ใช่เขาริษยาพี่ม่อเหลียว แต่เขาทั้งดีใจและน้อยใจปนกัน ก็ในเมื่อเขายืนหัวโด่อยู่ตรงนี้ พี่สาวก็มองเพียงพี่ม่อเหลียวคนเดียว “เจ้าเป็นผู้นำสกุลเจียงคนต่อไป แค่นี้จะมีน้ำตาได้อย่า
“ไม่คิดว่าจะพบคนจากแดนหนาน” ผู้คุ้มกันเมืองหยินกวง เอ่ยกับชายวันกลางคน ที่ยืนประจันหน้ากับเขาอยู่ในตอนนี้ ซึ่งการที่เขารู้ว่าคนกลุ่มนี้มาจากที่ไหน ก็เพราะการแต่งกาย และใบหน้าที่บ่งบอกเชื้อสายเผ่าพันธุ์ “พวกข้าเป็นเพียงพ่อค้า ที่ต้องการหาสินค้า เพื่อสร้างรายได้ การเข้ามาที่หุบเขา ก็มิได้ผิดต่อกฎของที่นี่แม้แต่ข้อเดียว” คนจากแคว้นหนาน เอ่ยกับผู้คุ้มกันเมือง ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าเวลานี้ ผู้รักษาการแทนประมุข ได้คิดเปลี่ยนแปลงการปกครอง และคิดจะแทรกซึมเข้าสู่แคว้นต่างๆ เพื่อหวังผลที่ยิ่งใหญ่กว่า การเป็นแค่ผู้ปรุงยาแก้พิษ และขายสมุนไพรล้ำค่าเท่านั้น “พวกข้าก็ไม่ได้คิดจะกล่าวหาสิ่งใดพวกท่าน แค่อยากตรวจดูผู้คนเข้าออก เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีกบฏ ที่กำลังหลบหนีซ่อนตัวอยู่ในคณะของพวกท่าน” คำพูดของผู้คุ้มกันเมือง ทำให้อวี๋มู่หลง ที่ซ่อนตัวอยู่ไม่ไกล กำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน เขาคือประมุขที่แท้จริง แต่ไยเวลานี้กลายเป็นเพียงกบฏคนหนึ่งไปได้ “ตามสบาย” ชายผู้นั้นผายมือให้แก่เหล่าผู้คุ้มกันเมือง ก่อนจะชำเลืองมองไปที่ผู้ติดตามของตน ทุกคนจึงขย
“น้องชายเจ้ากับอู๋หยาง ทำรางส่งน้ำมาไว้ห้องข้างๆ นี่เอง เจ้าต้องแช่ยาทุกสามชั่วยาม ในช่วงห้าวันแรกของการรักษา อี้หยางดูแลเจ้าไม่ห่างไปไหน อ่อ...วางใจได้ ไม่มีใครได้เห็นในสิ่งไม่ควรทั้งสิ้น”แน่นอนว่าคนที่จัดการทุกอย่างให้แก่พี่สาว ย่อมต้องเป็นเจียงอี้หยาง เด็กน้อยคนนี้ชำนาญนักในการทำแผล ดังนั้นต่อให้หลับตา เขาก็สามารถเปลี่ยนผ้าพันแผลได้อย่างไม่ผิดพลาด และยังมีหลากหลายวิธี ในการเปลี่ยนเสื้อผ้าของคนป่วย โดยไม่เห็นสัดส่วนของคนเจ็บได้การเรียนรู้เหล่านี้ มารดาล้วนสอนพวกนางสี่พี่น้อง และฝึกฝนจนชำนาญ แต่หากเทียบกับอี้หยางแล้ว สามแฝดนับว่าฝีมือห่างชั้นกับน้องชายคนเล็กมากทีเดียว“เช่นนั้นรบกวนท่านปู่ ส่งข้าที่ห้องนั้นได้หรือไม่นะเจ้าคะ”หญิงสาวยิ้มน้อยๆ ด้วยเรี่ยวแรงตอนนี้ มันหดหายไปเกินครึ่งที่มีเลยทีเดียว แม้แต่หายใจยังรู้สึกเหนื่อยตลาดเมืองหยินกวง หุบเขาพิษ ม่อเหลียวที่นั่งดื่มชาอยู่ ชะงักมือเล็กน้อย ก่อนจะหันมองไปยังกลุ่มคนที่ยืนเลือกสิ่งของอยู่ ชายหนุ่มวางถ้วยชาลง ก่อนจะส่งสัญญาณเรียกเจ้าของร้าน เพื่อมาคิดเงินค่าชา ที่เขาดื่มไปเมื่อครู่ ชายหนุ่มจ่ายเงินเรียบร้อย ก็ลุกข
ใบหน้างามที่ชื้นเหงื่อ ส่ายไปมาน้อยๆ เมื่อรู้สึกได้ถึงความเย็นที่สัมผัสกับใบหน้า ทว่าดวงตานั้นยังคงปิดสนิทอยู่“อี้หลิง”ชายชราเรียกหญิงสาวด้วยความดีใจ กว่ายี่สิบวัน ที่ศิษย์รักของเขาสิ้นสติไป และการมีสติรับรู้ของนางในวันนี้ นับว่าสมุนไพรในกระท่อมลับแห่งนี้ ทรงคุณค่ายิ่งนัก“น้ำ...ขอน้ำ”น้ำเสียงแหบโหยร้องขอน้ำดื่ม ด้วยคอของนางแห้งผาด ราวทะเลทรายอันแห้งแล้ง ทว่าดวงตานั้นยังคงปิดสนิท มีเพียงเปลือกตาที่ขยับน้อยๆ ก่อนจะค่อยๆ เปิดขึ้น แล้วปิดลงอย่างรวดเร็วอีกครั้ง เมื่อสายตาของนาง มิอาจสู้แสงได้อย่างกะทันหัน“นี่...น้ำจากต้นไผ่ มันจะช่วยให้เจ้ารู้สึกชุ่มคอขึ้น”ฮั่วเจ๋อ เอ่ยอย่างใจเย็น รอให้ดวงตาคู่งามของหญิงสาว เปิดขึ้นอีกครั้ง ในฐานะหมอคนหนึ่ง การที่ทำให้คนไข้ พ้นจากมือมัจจุราชได้ นับว่าเป็นความสำเร็จอีกขั้นเมื่อสิบกว่าวันก่อน เขากับอู๋หยางได้ตื่นขึ้นมา ทว่ารอบกายกลับไร้เงาของศิษย์รักทั้งสอง ทำให้เขาสองคนที่อาการยังหนักอยู่ ร้อนใจยิ่งนักยิ่งเมื่อมองสำรวจโดยรอบที่พัก สัมภาระที่ยังเหลือติดตัวของทุกคน ยังคงอยู่ที่เดิม นั่นยิ่งทำให้เขาสองคน ไม่อาจนิ่งดูดายได้ ฝืนกินยาต้องห้าม ที่จะมีฤทธิ์
ภายในงานเลี้ยง ฉลองวันครบรอบห้าขวบของคุณชายอวี๋มู่หลง มีความบันเทิงมากมายจากหลายสกุล ที่นำมาร่วมแสดง สองแม่ลูกสกุลอวี๋นั่งจับมือกันนิ่ง สายตามองตรงไปยังลานกว้าง ที่มีการแสดงจากสกุลผู้อาวุโส จนเมื่อเสียงดนตรีหยุดลง หญิงสาวยังคงฝืนข่มกลั้นอาการเจ็บร้าวในร่างกายเอาไว้ แล้วลุกขึ้นจูงบุตรชาย ออกไปยืนต่อหน้าทุกคน เพื่อทำให้สิ่งที่นางจะทำได้ ตอนยังหายใจอยู่ “ข้าขอขอบคุณทุกท่าน ที่มาร่วมยินดีกับมู่หลงในวันนี้ และข้าก็ถือโอกาส มอบของขวัญที่ล้ำค่าแก่เขา บุตรชายเพียงคนเดียวของข้าอวี๋เมี่ยว” เด็กชายเงยหน้ามองมารดา แม้เขาจะยังเด็กอยู่ แต่ก็พอรู้ว่ามารดานั้นกำลังเจ็บป่วย และเขาได้จดจำ ทุกคำสอนของนางเอาไว้เป็นอย่างดี เขาคือผู้นำคนต่อไป อย่าได้แสดงทุกความรู้สึกออกมา เหมือนนาง...จนนำพาครอบครัวพังพินาศ แม้เขาจะยังไม่เข้าใจมากนัก ว่าอะไรคือคำว่าพินาศ แต่ก็ไม่เคยคิดที่จะละเลยคำกล่าวของมารดา ยิ่งตอนนี้เขาเห็นเด็กชายหญิง ที่อายุมากกว่าตนเอง ได้รับความสนใจจากบิดา เขาจึงยิ่งต้องการมารดาคอยปลอบขวัญ “ข้าก็เป็นสตรีผู้หนึ่ง ที่ได้มีโอกาสให้กำเนิดบุตร ซึ่งข้ายอมรับอย่า