เมื่อสาวรูปร่างบึกบึนลูกชาวไร่ชาวสวนต้องมาอยู่ในโลกอีกยุคหนึ่ง ที่แทบจะไม่มีความเทพทรูเหมือนในนิยายที่เคยอ่านเลย มีเพียงความรู้ที่อัดแน่นอยู่ในหัวและสองมือที่ช่างดูบอบบางยิ่งนัก จะสามารถฝ่าฟันอุปสรรคพาตัวเองให้อยู่รอดได้หรือไม่
View Moreเช้าวันต่อมาเมื่อครอบครัวตระกูลลู่มาถึงนางและอี้ฟงก็ออกมาต้อนรับ แต่วันนี้มีเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักรุ่นราวคราวเดียวกันกับอี้ฟงตามมาด้วย "ซินเอ๋อ ฟงเอ๋อ นี่เสี่ยวผิง หลานสาวของลุงเป็นบุตรของอาฟู่" ท่านลุงลู่ที่เอ่ยแนะนำเด็กน้อยที่มายืนอยู่ด้านข้าง ก่อนเสียงเล็กใสจะกล่าวขึ้นอย่างน่ารักน่าเอ็นดู"ผิงเอ๋อคารวะพี่สาวซินเจ้าค่ะ สวัสดีอาฟง" เจ้าตัวเล็กเอ่ยทักทายนางกับอี้ฟงด้วยรอยยิ้มปรากฏลักยิ้มบุ๋มตรงแก้มทั้งสองข้างดูน่ารักก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้อี้ฟงที่ยืนแก้มแดงระเรื่ออยู่ข้างๆ นาง"สวัสดี" เสียงเล็กที่ดังขึ้นอย่างแผ่วเบาของอี้ฟงเรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากทุกคน เพราะดูท่าน้องชายของนางจะกลายเป็นคนขี้อายไปเสียแล้ว"พี่พาผิงเอ๋อมาด้วยเพราะมารดาของนางพาท่านแม่ไปโรงหมอในเมืองยังไม่กลับ จะให้มาเป็นเพื่อนเล่นกับอาฟงเพราะพี่เห็นว่าทั้งสองอายุเท่ากัน เจ้าคงไม่ว่าอะไรใช่หรือไม่" พี่เหวินฟู่บิดาของเด็กน้อยเอ่ยขึ้น"ดีแล้วเจ้าค่ะ ฟงเอ๋อจะได้มีเพื่อนเล่น ข้าก็กังวลอยู่เหมือนกันกลัวว่าฟงเอ๋อจะเหงา"" ฝากด้วยนะผิงเอ๋อ"ตอนแรกนางอยากจะหาสัตว์เลี้ยงอย่างสุนัขมาเลี้ยงเพื่อจะได้ให้ฟงเอ๋อมีเพื่อนเล่นจะได้ไม่รู้
อี้ซินแบ่งหน้าที่การทำงานโดยให้ท่านลุงลู่นั้นเป็นคนไปตัดไผ่เรียงเอาไว้เป็นกองๆ ส่วนพี่ชายทั้งสองนั้นนางให้ขุดหลุมในส่วนที่จะใช้ทำห้องน้ำ โดยขุดหลุมให้ลึกพอประมาณรูปแบบคล้ายๆ ส้วมหลุมของยุคที่นางจากมา นางจะเริ่มจากการทำห้องน้ำก่อนเป็นสิ่งแรกเพราะห้องน้ำนั้นถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันอย่างมากและนางก็ทนทรมานจากการใช้ห้องน้ำแบบธรรมชาติมามากพอแล้ว ส่วนอี้ฟงนั้นได้รับหน้าที่ให้ไปเก็บก้อนหินขนาดเท่ากำปั้นที่ลำธารใส่ตะกร้าเอาไว้ เมื่อพี่ชายทั้งสองขุดหลุมเสร็จเรียบร้อยแล้วนางจึงให้นำแผ่นไม้มาปูทับปิดปากหลุมเว้นช่องสำหรับขับถ่ายตรงกลาง แล้วใช้ดินเหนียวผสมฟางแห้งปูทับให้หนาใช้แทนปูนเพื่อไม่ให้มีกลิ่นไม่พึงประสงค์เกลี่ยให้เสมอกันและใช้ดินเหนียวและแกลบผสมน้ำฉาบทับอีกทีก่อนจะใช้หินที่ให้อี้ฟงเก็บมาจากลำธารมาเรียงลงไปแทนกระเบื้อง ส่วนตรงกลางที่ใช้ขับถ่ายนั้นใช้ไม้ไผ่ทำเป็นโครงร่างรูปกรวยวงกลมใช้ดินเหนียวผสมแกลบฉาบให้มีความเรียบลื่นระหว่างที่รอให้ส่วนของห้องขับถ่ายแห้ง ก็มาทำโครงสร้างของห้อง นางออกแบบห้องน้ำเป็นสองฝั่ง ฝั่งหนึ่งเป็นห้องสำหรับขับถ่ายและอีกฝั่งเป็นห้องอาบน้ำโดยอยู่ห่างจากตัวบ้า
เช้าวันรุ่งขึ้นอี้ซินที่กระวีกระวาดลุกขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นเพราะเมื่อคืนนี้นางร่างแบบที่จะต่อเติมบ้านเอาไว้แล้ว มือบางที่ค่อยๆ หยิบกระดาษที่มีรูปวาดและตัวอักษรยุกยิกที่ถูกขีดเขียนด้วยถ่านออกมาตรวจดูอีกทีว่ามีส่วนไหนที่ขาดตกบกพร่องไปบ้างและยังวางแผนการทำงานเอาไว้อีกด้วย เมื่อลงมือปฏิบัติงานจริงจะได้ทำอย่างเป็นขั้นเป็นตอนโดยไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่า เมื่อวานนี้นางต้องกัดฟันจ่ายเงินถึงหนึ่งตำลึงเพื่อจะซื้อกระดาษหนึ่งพับ พู่กัน จานฝนหมึกและแท่งหมึก แต่ก็เพราะว่าอยากให้อี้ฟงได้หัดคัดอักษรด้วยจึงได้ตัดใจซื้อ แต่ราคานั้นแพงแสนแพงจนนางอยากจะผลิตกระดาษขายเองเสียเหลือเกินแต่ความรู้ที่มีกลับมีเพียงน้อยนิด ไม่เช่นนั้นนางจะผลิตกระดาษขายเองให้สมกับที่แพงนักนางรู้เพียงว่าสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันออก ขุนนางผู้หนึ่งนามว่า ไช่หลุน เป็นผู้ค้นพบวิธีผลิตกระดาษ โดยนำเปลือกไม้ เศษผ้า และตาข่ายดักปลามาต้มแล้วนำไปตำ แล้วจึงใช้ตะแกรงช้อนขึ้นมา จากนั้นก็นำมาตากแห้งจนกลายเป็นแผ่นกระดาษใยธรรมชาติ เรียกกระดาษชนิดนี้ว่า “กระดาษไช่หลุน” แต่ที่นางซื้อมานั้นดูมีคุณภาพกว่าดูล้ำหน้ากว่ากระดาษไช่หลุนมามากแล้ว เมื่อก่อนนางน่าจะ
เมื่อกลับมาถึงบ้านสองพี่น้องที่มีงานล้นมือ ต่างช่วยกันขนข้าวของเข้าไปเก็บในเรือนแล้วมาช่วยกันปูเบาะรองนอนจัดที่นอนชุดใหม่ด้วยรอยยิ้ม ก่อนจัดข้าวของทุกอย่างเข้าที่เรียบร้อย อี้ซินที่ปล่อยให้น้องชายเกลือกกลิ้งชื่นชมกับเครื่องนอนใหม่ที่แสนนุ่มอุ่นสบายอย่างมีความสุข ส่วนนางนั้นออกมาเดินสำรวจบริเวณรอบบ้านเพื่อวางแผนในการต่อเติมบ้านในวันพรุ่งนี้ นางคิดว่าจะใช้ไม้ไผ่ที่มีจำนวนมากในที่ดินผืนนี้ ที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างเหลือเฟือโดยที่ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่เพียงพอเพราะที่ดินแปลงนี้กว่าครึ่งเป็นป่าไผ่ พรุ่งนี้จะให้คนงานตัดต้นไผ่ออกทั้งหมดเพื่อใช้เป็นวัสดุหลักในการต่อเติมบ้านในเมื่อมีของล้ำค่าอยู่แล้วจะไปไขว่คว้าหาของที่ต้องใช้เงินแรกมาอีกทำไมกัน แล้วเมื่อนำต้นไผ่ออกหมดก็จะมีที่ดินสำหรับไว้ปลูกพืชผักอีกต่างหากมีแต่ได้กับได้เลยนะนี่ นางจะนำไม้ไผ่ที่มีมาต่อเติมห้องครัวต่อจากด้านหลังของตัวบ้านที่นางทำประตูหลังเอาไว้เพื่อจะได้เชื่อมต่อกันโดยผนังกั้นและหลังคาจะใช้เป็นไม้ไผ่ทั้งหมด เพราะหากใช้ใบหวายที่มีอยู่คงจะไม่พอและติดไฟได้ง่าย นางจึงใช้ไม้ไผ่เป็นหลังคาห้องครัวถือว่าเหมาะสมที่สุด และจะแบ่งห้อง
ในที่สุดร้านสุราก็เงียบลงเหตุเพราะสุราหมดไม่เหลือแม้แต่หยดเดียว ร่างสามร่างที่นั่งหลังพิงกันอย่างหมดเรี่ยวหมดแรงยกมือขึ้นปาดเหงื่อก่อนจะพากันหัวเราะเมื่อหันมามองหน้ากันเพราะใบหน้าของแต่ละคนนั้นแดงก่ำแทบจะดูไม่ได้ไม่รู้ว่าเพราะเหนื่อยหรือว่าเมากลิ่นสุรากันแน่ ด้วยลูกค้าที่มารอลิ้มรสสุรากันอย่างเนืองแน่น ทำให้ต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือ อี้ฟงจากที่นั่งดูเฉยๆ ก็กลายเป็นเสี่ยวเออร์ตัวน้อยวิ่งวุ่นกันเลยทีเดียว ส่วนท่านตาที่ทราบชื่อภายหลังว่า ท่านตาซางซุนเหว่ย ชายชราขี้เมาที่ผันตัวมาเปิดร้านสุราประทังชีวิตและมีภรรยาที่ป่วยหนักต้องดูแลโดยการหมักสุราธรรมดาๆ ขึ้นขายเองก็กลายเป็นมือชงมือฉมัง เพียงสองชั่วยามสุราที่ท่านตาซางนำมาขายก็หมดเกลี้ยง"เรามานับเงินกันดีกว่าเจ้าค่ะ" พูดพลางทั้งสามจึงนั่งล้อมวงกันเทเงินอีแปะที่ขายสุราได้ทั้งหมดออกมานับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ใช้เวลานับถึงครึ่งชั่วยามกว่าจะนับหมดและทุกคนต่างยิ้มอย่างยินดีเพราะพวกเขาขายได้ถึงสามหมื่นอีแปะหรือสามสิบตำลึงเลยทีเดียว จากนั้นนางจึงแบ่งสันปันส่วนตามที่ได้ตกลงกันไว้ให้ท่านตาซางสิบสองตำลึงส่วนของนางนั้นสิบแปดตำลึงแต่มือเหี่ยวย่นนั้นกลับหย
อี้ซินและอี้ฟงเมื่อมาถึงบริเวณที่จัดงานทั้งสองรู้สึกตื่นตาตื่นใจมาก ไม่นึกว่าในเมืองจะจัดงานอย่างยิ่งใหญ่เช่นนี้ ท่านป้าหวังที่มองเด็กทั้งสองมองนั่นมองนี่อย่างตื่นเต้นก็ให้นึกเอ็นดู"อี้ซินพาน้องไปเดินชมงานเถอะลูก ไม่ต้องห่วงทางนี้ ตุ๊กตาของเจ้าเดี๋ยวป้าจะให้เด็กๆ ขายให้" "จะดีหรือเจ้าคะ แค่นี้ข้าก็รบกวนท่านป้ามากแล้ว" "เจ้าอย่าได้คิดมาก แค่เล็กน้อยเท่านั้น ไปเถอะไปเที่ยวเล่นเสียบ้าง" "ขอบคุณมากเจ้าค่ะ ท่านป้า" "อ้อ ซินเอ๋อ ป้าว่าใส่ผ้าคลุมหน้าสักหน่อยดีกว่านะลูก"ท่านป้าหวังที่รักและเอ็นดูนางกล่าวขึ้นก่อนจะหยิบผ้าคลุมหน้าสีฟ้าผืนบางมาปิดหน้าให้นางตั้งแต่สันจมูกลงมาเห็นแค่ดวงตากลมโตงดงามที่สุกสกาวดั่งดวงดาว แม้ว่านางจะยังไม่ถึงวัยปักปิ่นแต่ก็ดูงดงามเกินกว่าจะปล่อยปละละเลย กันไว้ดีกว่าแก้ อี้ซินที่รับรู้ถึงความปรารถนาดีนั้นจึงกล่าวขอบคุณจากใจจริงนางลืมไปเสียสนิทว่าตอนนี้นางไม่ใช่ เจด้า สาวถึกบึกบึนแต่ เป็นสาวน้อยหน้าตางดงาม และดูบอบบางยิ่งนักแล้วทั้งสองก็พากันเดินไปยังถนนเส้นยาวที่สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านรวงที่มาตั้งแผงขายของ ทั้งของกิน ของเล่น ที่ดูแปลกตา ขนมหน้าตาน่ากินเยอะแยะเ
เมื่อทานอาหารเช้ากันเสร็จเรียบร้อย อี้ฟงก็อาสาเก็บจานชามไปล้าง นางจึงมานั่งเก็บเศษเชือกหวายเส้นเล็กๆ และเศษไม้ไผ่ที่เหลาเพราะตอนนี้มันเกลื่อนอยู่เต็มพื้น ในหัวก็กำลังคิดว่าจะทำอะไรต่อไปดี ตอนนี้นางมีเงินติดกายอยู่1 ตำลึงกับอีก 700 อีแปะ แต่นางยังต้องใช้เงินอีกมาก หวายที่จะนำมาทำตะกร้าก็เหลืออยู่ไม่เยอะ คงต้องเข้าป่าไปหาต้นหวายอีก และไม่รู้ว่าจะเจอหรือไม่ นางยังไม่เคยเดินลึกเข้าไปด้านในของป่าเลย ยังคงวนเวียนอยู่แถวๆ รอบนอกแต่ก็ยังคงเดินไม่ทั่ว ไว้ค่อยไปเดินสำรวจอีกที คงจะมีอะไรให้นำมาใช้ประโยชน์ได้บ้าง เฮ่อ! จะทำอะไรต่อดีนะ ช่วงนี้นางรู้สึกเครียดมากจริงๆ คิดไปมือก็จับเชือกหวายมาพันๆ ทบๆ กันเป็นรูปสัตว์ต่างๆ ได้หลายตัว "พี่ใหญ่ทำอะไรอยู่หรือขอรับ" อี้ฟงที่กลับมาจากลำธารเห็นพี่สาวกำลังใช้เศษหวายสานขึ้นเป็นรูปสัตว์ตัวเล็กน่ารัก"พี่เห็นว่าเศษหวายเหลือเยอะเลยรู้สึกเสียดาย จึงทำสัตว์พวกนี้ให้เจ้าเล่น เป็นไง ชอบหรือไม่" "ชอบขอรับ ชอบมากๆ เลย มันสวยมาก นี่ถ้าหากทำขายก็ขายได้สบายเลย ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนด้วย"อี้ซินที่มองสัตว์ตัวเล็กที่ทำมาจากเศษหวาย ดูแล้วมันก็สวยและน่ารักมากอย่างที่อี้ฟงพูด
อี้ซินที่บอกให้อี้ฟงเข้านอนก่อน ส่วนนางนั้นจะเย็บผ้าห่มอีกสักพัก ผ่านไปไม่ถึงหนึ่งเค่อก็ได้ยินเสียงกรนเบาๆ ของร่างเล็กที่นอนขดกายในผ้าห่มผืนบาง แม้ยังไม่เข้าฤดูหนาวแต่อากาศตอนนี้ก็ถือว่าหนาวเย็นมากเลยทีเดียวเพราะลมหนาวเริ่มจะมาแล้ว ขนาดว่าบ้านหลังนี้กันลมได้เป็นอย่างดียังรู้สึกว่าไม่เพียงพอ สายตาพลันกวาดมองไปรอบๆ ห้องสี่เหลี่ยมที่แทบจะไม่มีเครื่องใช้อะไรเลย ส่วนที่หลับที่นอนนั้นคงไม่แปลกที่อี้ฟงจะหนาวเพราะมีแค่ผ้าบางปูรองนอนเท่านั้น ส่วนหมอนหนุนคือแขนเล็กนั่นเอง เห็นภาพตรงหน้าแล้วนางเกิดแรงฮึดสู้ วันข้างหน้านางและน้องจะต้องสบาย สองมือเล็กจึงลงมือเย็บเศษผ้าอย่างแข็งขันเมื่อได้ผ้าที่ใหญ่พอแล้วจึงพับมาทบชายผ้าเข้าด้วยกันก่อนจะเย็บปิดขอบผ้าสองด้าน แล้วนำขนเป็ดที่ได้มายัดใส่ลงไปทางด้านที่ยังไม่เย็บกระจายให้เสมอกันและหนาพอสมควรก่อนจะเย็บปิดปาก แล้วนำเข็มเล่มยาวที่ยืมพี่สาวคนสวยมาปักฝีเข็มไปบนผ้าให้เป็นตารางทั้งผืนเพื่อจะให้ขนเป็ดด้านในไม่มากองรวมอยู่ที่เดียวกัน กว่าจะเสร็จก็ล่วงเข้าสู่วันใหม่พอดี แต่ก็ถือว่าคุ้มเพราะผ้าห่มผืนนี้อุ่นมาก เศษผ้าที่ได้มาก็เป็นผ้าเนื้อดี ยังเหลือเศษผ้าและขนเป็ดอ
เมื่อกลับมาถึงบ้านก็นำข้าวของเข้าไปเก็บอย่างเป็นระเบียบ ซื้อข้าวสารกลับมาถึงหนึ่งกระสอบใหญ่เพราะเอาใส่รถม้ามาจะได้เก็บไว้กินจนสิ้นฤดูหนาว และยังไม่ลืมไปเก็บกวาดเศษผ้าที่ร้านผ้าของพี่สาวคนสวยมาเสียเรียบอีกด้วย ยังมีเวลาเหลืออีกเพียงแค่หนึ่งเดือนเท่านั้นหน้าหนาวก็จะมาเยือน นางคงต้องเร่งมือจัดเตรียมทุกอย่างให้เรียบร้อย ไม่อย่างนั้นนางคงได้ตายอีกรอบแน่ๆ ชาติก่อนที่นางจากมามีเพียงฤดูฝน ฤดูร้อนและฤดูร้อนตับแตกเท่านั้น แค่อากาศเย็นเพียงนิดหน่อยนางก็ทนมิได้แล้ว นางคงเร่งหาวิธีรับมือกับอากาศหนาวจัดของที่นี่และเวลาที่จำกัด และยังมีอาหารที่ต้องกักตุนให้พอสำหรับสองชีวิตในระยะเวลาถึงสามเดือน ตอนนี้มีข้าวสารเพียงพอแล้ว ที่ซื้อมาวันนี้ก็มีแป้งสาลี และพวกเครื่องปรุงรสต่างๆ ปลาที่จับมาได้นางก็นำมาตากแห้งเก็บเอาไว้แต่ยังคงไม่เพียงพอ ตอนนี้ในหัวของนางมีเรื่องให้คิดเต็มไปหมด นางไม่เคยเผชิญหน้ากับอากาศหนาวมาก่อนด้วยจึงไม่รู้ว่าต้องเตรียมอะไรบ้าง ใช้เพียงสัญชาตญาณว่าอากาศหนาวต้องทำอย่างไรให้อยู่รอด อี้ฟงที่เห็นพี่สาวเงียบไปจึงเอ่ยถามขึ้นอย่างห่วงใย"พี่ใหญ่ มีอันใดหรือไม่ขอรับ"อี้ซินที่หลุดจากภวังค์จึงหัน
"ฮื้อ ฮื้อ ฮื้อ อึก""ไปเลย! พวกเด็กเหลือขอ ออกจากบ้านของข้าไปเดี๋ยวนี้ ไป! ออกไปให้พ้น พวกตัวซวย" โครม! โครม! "ฮื้อ ฮื้อ อึก พี่ใหญ่ตื่น ฮื้อออ พี่ใหญ่" เสียงร้องไห้ที่ดังอยู่ใกล้ๆ สลับเสียงด่าทอแหลมปรี๊ดจนแสบแก้วหูและเสียงโครมครามของสิ่งของกระทบพื้นเรียกให้ร่างผอมบางของเด็กสาวตัวน้อยยังไม่ถึงวัยปักปิ่นลืมตาขึ้น ก่อนจะกวาดตามองไปรอบๆ ตัวที่ดูไม่คุ้นตาเอาเสียเลย ก่อนที่สายตาจะมาปะทะกับร่างผอมจนแก้มซูบตอบของเด็กชายที่ใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำมูกน้ำตา ยิ้มจนเห็นฟันที่เรียงตัวสวยเป็นระเบียบอย่างดีใจ"พี่ใหญ่ ท่านฟื้นแล้ว เจ็บตรงที่ใดหรือไม่ขอรับ" สายตาสับสนงุนงงที่มองฝ่ามือเล็กที่ยกขึ้นลูบเบาๆ สลับกับใบหน้าของเด็กน้อยตรงหน้าด้วยความเหม่อลอยพร้อมด้วยคำถาม เกิดอะไรขึ้น? นักศึกษาสาวจบใหม่ นาม เจด้า ลูกครึ่งไทย จีน อายุ 22 ปี เป็นเด็กต่างจังหวัดพ่อแม่ประกอบอาชีพทำไร่ทำสวน โตมากับดินโคลนและการเพาะปลูก พ่อแม่ส่งมาร่ำเรียนทางด้านการเกษตรเพื่อจะนำความรู้ไปต่อยอดให้กับอาชีพของครอบครัวแต่เมื่อเรียนจบยังไม่ได้ทำตามความฝันของพ่อแม่กลับเกิดอุบัติเหตุขึ้นอย่างไม่คาดฝันเมื่อรถยนต์กระบะที่ไม่...
Comments