เช้าวันรุ่งขึ้นร่างบางที่ขยับกายอย่างเมื่อยขบเห็นร่างเล็กของน้องชายตัวน้อยยังคงหลับอยู่ จึงได้ลุกขึ้นล้างหน้าล้างตาแล้วคว้าตะกร้าสานขาดๆ ที่ยังพอใช้ได้กับมีดเล่มโตที่กลายเป็นเครื่องมือทำมาหากินคู่กายนางไปเสียแล้ว ก่อนจะเดินออกมาสำรวจบริเวณด้านหลังกระท่อมที่นางยังเดินไปไม่ถึง ก่อนจะตาโตอย่างดีใจเมื่อเห็นเห็ดจำนวนมาก ที่นางมั่นใจว่ากินได้อย่างแน่นอน เพราะนางรู้จักเห็ดแทบทุกชนิดและพืชผักที่กินได้ และใช้เป็นยารักษาโรค หากเกี่ยวกับเรื่องการเกษตรและพืชผักขอให้บอก นางเชี่ยวชาญทุกอย่าง จบมาด้วยคะแนนเกียรตินิยมอันดับหนึ่งเชียวนะ จากนั้นจึงใช้มีดตัดใบไม้มารองก้นตะกร้าเพื่อกันเห็ดที่เก็บหล่นออกมาเพราะตะกร้านั้นมีรูอยู่ตรงก้นด้วย มือบางที่เก็บเห็ดอย่างชำนาญได้เกือบครึ่งตะกร้าใบใหญ่ นางจะนำเห็ดพวกนี้ไปตากแห้งเก็บไว้ด้วย ตอนนี้อะไรที่สามารถนำมาแปรรูปเก็บไว้กินนานๆ ได้ นางเก็บมาหมด เพราะดูจากรูปการณ์แล้ว หากจะใช้เงินซื้ออาหารคงจะยากเพราะนางไม่มีเงินติดตัวสักอีแปะ เมื่อหันหลังจะเดินกลับกระท่อมเพราะป่านนี้เจ้าตัวเล็กคงจะตื่นแล้วหางตาก็เหลือบไปเห็นต้นของหวายที่ขึ้นจนแน่นขนัดในตางามพลันวาววับ นางคิดวิธีหาเงินได้แล้ว ก่อนจะรีบเดินกลับกระท่อมเพราะเริ่มรู้สึกหิว คงต้องหาอะไรกินก่อนแล้วค่อยกลับมาตัดหวายนี้อีกที
เมื่อกลับมาถึงกระท่อมเห็นอี้ฟงนั่งชันเข่าก้มหน้าอยู่ตรงประตูกระท่อม
"ฟงเอ๋อ"
อี้ฟงที่ได้ยินเสียงเรียกรีบเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงที่คุ้นเคยตาแดงก่ำ
"พี่ใหญ่ อื้อ อื้อ ท่านกลับมาแล้ว ข้านึกว่าท่านจะทิ้งข้าไว้คนเดียวเสียแล้ว"
ร่างเล็กที่ลุกขึ้นวิ่งมากอดเอวบางตัวสั่นเทา นางจึงยกมือบางขึ้นลูบแผ่นหลังเล็กเบาๆ
"ทำไมถึงคิดเช่นนั้น พี่ไม่มีวันทิ้งเจ้าหรอกนะ หิวแล้วใช่หรือไม่"
กล่าวขึ้นก่อนจะนำตะกร้ามาวางลง
"ดูนี่ วันนี้พี่จะทำต้มเห็ดให้เจ้ากิน"
กล่าวกับร่างเล็กที่ยิ้มทั้งน้ำตาแล้วจึงยกมือขึ้นลูบหัวเด็กน้อยอย่างอ่อนโยน
"ทีหลังอย่าคิดเช่นนี้อีกนะ พี่ไม่มีวันทิ้งเจ้า"
"ขอรับ พี่ใหญ่"
อี้ฟงที่รีบพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม ทำให้อี้ซินต้องยิ้มตอบรอยยิ้มนั้น
"ดีมาก"
อี้ซินที่เดินไปยังกองข้าวของเครื่องใช้เก่าๆ ที่กองรวมกันเอาไว้ตรงด้านข้างกระท่อม ก้มลงหยิบหม้อดินเผาที่ตรงปากนั้นแตกออกไปนิดหน่อย กระบวยไม้ที่ด้ามหักและถ้วยกับตะเกียบเก่าๆ อีกสองชุดมาส่งให้อี้ฟงถือไว้ ก่อนจะหยิบตะกร้าเห็ดขึ้นสะพายบ่า และไม่ลืมหยิบปลาที่นางตากเอาไว้ติดมือไปด้วยอีกหนึ่งตัว
แล้วสองร่างก็พากันเดินไปยังลำธาร นางให้อี้ฟงนั้นล้างเห็ดให้สะอาดแล้วนำมาวางไว้ตรงใบไม้ที่นางตัดรองเอาไว้ส่วนนางนั้นก็ไปก่อกองไฟ แล้วนำหม้อดินเผาและถ้วยไปล้างจนสะอาด ใส่น้ำครึ่งหม้อนำมาตั้งไฟ ก่อนจะนำปลาที่ตากไว้เมื่อวานมาเสียบไม้ปักไว้ข้างๆกองไฟ แล้วหันไปฉีกเห็ดเป็นชิ้นเล็กๆ เตรียมเอาไว้รอน้ำเดือด ก่อนจะนำไม้ไผ่ที่เหลาจนได้ขนาดเหมาะมือมาผูกติดกับกระบวยใช้เถาวัลย์เส้นเล็กมามัดไว้จนแน่น เมื่อเห็นน้ำเดือดดีแล้วจึงใส่เห็ดที่พอสำหรับสองคนที่จะกินสามมื้อ เพราะไม่ต้องทำอาหารอีกในวันนี้ ก่อนจะนำปลาที่ย่างไฟไว้มาฉีกแล้วใส่ตามลงไป รอให้สุกก็กินได้แล้ว จะได้น้ำหวานจากเห็ดและความมันจากปลาแค่นี้ก็อร่อยเหาะ
"เสร็จแล้ว กินแค่นี้ไปก่อนนะฟงเอ๋อพี่จะเร่งหาเงินมาซื้อข้าวให้เจ้าได้กินนะ"
บอกกับน้องน้อยก่อนจะตักต้มเห็ดหอมกรุ่นใส่ด้วยส่งให้
"แค่นี้ก็ดีที่สุดแล้วขอรับ พี่ใหญ่"
อี้ฟงที่รับมาพร้อมรอยยิ้มกว้าง ลงมือทานอย่างเอร็ดอร่อย
"อร่อยมากๆ เลยขอรับ ไม่น่าเชื่อว่าไม่ได้ใส่เครื่องปรุงลงไป น้ำซุปจะหวานขนาดนี้"
เห็นร่างเล็กที่ทานอย่างอร่อย แล้วเอ่ยชมไม่ขาดปาก คนทำจึงถึงกับยิ้มไม่หุบ จากนั้นจึงพากันเก็บล้างแล้วกลับกระท่อม ก่อนจะพากันไปในป่าหลังกระท่อมที่นางไปมาเมื่อเช้า พร้อมมีดและตะกร้าใบเก่า เพื่อไปตัดต้นหวาย นางจะนำหวายมาทำตะกร้าสานและสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ และจะนำไปขายยังตลาด เผื่อขายได้จะได้นำเงินมาซื้อข้าวกิน เพราะกินแค่กับข้าวนั้นคงไม่อยู่ท้องเท่าไหร่นัก
ต้นหวายที่อี้ซินกำลังตัดลักษณะของลำต้นหวายยาวจากโคนถึงยอดและมีขนาดเท่า ๆ กัน หวายมีความเหนียว ยืดหยุ่น แข็งแรง สามารถดัดโค้งงอได้ง่าย นอกจากนี้ยังมีน้ำหนักเบาและทนนาน หวายมีลักษณะเฉพาะตัว คือ มีความสวยงามตามธรรมชาติที่นิยมนำมาทำเครื่องจักสานหรือเครื่องมือเครื่องใช้ เพราะเนื้อและผิวหวายมีลักษณะสวยงามเหนียวทนทาน ส่วนต่าง ๆ ของหวายยังสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง ผิวที่ลอกออกจากลำหวายนำมาจักสานทำเสื่อ ตะกร้า เครื่องดักปลา เก้าอี้ โต๊ะ และเครื่องเรือนเครื่องใช้ต่าง ๆ ใบและใบย่อยใช้ทำแฝกมุงหลังคา เครื่องจักสาน มู่ลี่และใช้แทนเชือกในการผูกมัด ไส้ใช้ในการจักสานและใช้เป็นส่วนเสริมแต่งให้ประดิษฐ์กรรมชนิดต่าง ๆ แลดูสวยงามยิ่งขึ้น ราก ผล และหน่อหวายบางชนิดสามารถนำมาใช้ทำยาและเป็นอาหารของมนุษย์และสัตว์ได้ อี้ฟงที่ยืนมองพี่สาวพยายามตัดหวายด้วยความสงสารเพราะสังเกตเห็นมือบอบบางนั้นมีเลือดไหลแต่เจ้าตัวก็ยังไม่ละความพยายาม จนได้หวายมาจำนวนมาก อี้ซินที่เห็นว่าเยอะพอแล้วจึงลอกเอาเปลือกหวายมาเส้นหนึ่งแล้วมัดเข้าด้วยกันเพื่อง่ายในการพากลับ และเหมือนกับได้โชคสองชั้นเพราะด้านหลังพุ่มต้นหวายแน่นขนัดที่
เช้าวันรุ่งขึ้นอี้ซินที่แม้ว่าเมื่อคืนจะนอนดึกแต่นางก็ยังลุกขึ้นตั้งแต่รุ่งสางเพราะความตื่นเต้นที่จะได้พาตะกร้าที่นางตั้งใจสานอยู่เกือบค่อนคืนไปขายในตลาดจึงลุกขึ้นเตรียมของตั้งแต่ย่ำรุ่ง และยังได้สานเครื่องดักปลาได้อีกถึงสองใบ จึงได้นำไปวางดักปลาเอาไว้ ตอนเย็นถึงจะค่อยแวะมาดู จากนั้นจึงก่อกองไฟเพื่อย่างปลากินเป็นอาหารเช้าก่อนออกเดินทางไปตลาดซึ่งต้องใช้เวลาเดินเท้าถึงครึ่งชั่วยาม(ประมาณ1ชั่วโมง) อี้ฟงที่ได้กลิ่นหอมของปลาย่างจึงงัวเงียลุกขึ้นเดินออกมานอกบ้านเห็นพี่สาวกำลังนั่งย่างปลาอยู่จึงได้เดินเข้าไปหา อี้ซินที่เห็นเจ้าตัวเล็กเดินขยี้ตาเข้ามาจึงส่งยิ้มเอ็นดูไปให้"ตื่นแล้วหรือ ไปล้างหน้าล้างตาไปจะได้มากินปลาย่าง วันนี้เราจะไปตลาดกัน" "ขอรับ พี่ใหญ่" แล้วตั้งสองก็ลงมือกินปลาตากแห้งย่างจนอิ่ม ก่อนที่อี้ซินจะลุกขึ้นสะพายตะกร้าสี่เหลี่ยมใบใหญ่ที่มีตะกร้าใบขนาดย่อมห้าใบอยู่ด้านใน ตะกร้าที่นางทำขึ้นใช้สำหรับใส่ข้าวของหรือถือเดินตลาด สามารถจุของได้พอประมาณ เหมาะสำหรับสตรีที่ต้องการถือเดินซื้อข้าวของแทนการใส่ห่อกระดาษและไม่เกะกะ แล้วสองพี่น้องก็มุ่งหน้าเดินทางเข้าสู่ตลาด ผ่านไปราวๆ ครึ่งชั
อี้ซินที่เดินมายืนอยู่หน้าร้านด้อมๆ มองๆ อยู่นานจนมีท่านป้าท่านหนึ่งเดินออกมาถามไถ่หวังจูชิง สตรีหม้ายอายุปีนี้ปาเข้าไปครึ่งร้อยแล้ว เป็นเจ้าของร้านค้าตระกูลหวังแห่งนี้ ทุกคนในตลาดต่างนับหน้าถือตาเพราะนางเป็นคนดีมีเมตตาและเป็นคนมีฐานะดีมากเลยทีเดียว นางเห็นเด็กผู้หญิงที่สะพายตะกร้าใบใหญ่อายุคงจะประมาณสิบสี่กระมังกับเด็กผู้ชายตัวเล็กผอมสูงแค่ช่วงอกของเด็กหญิงมายืนชะโงกคอมองอยู่นานมากแล้วจึงได้เดินออกมาถามดูเผื่อจะมีอะไร"นี่ แม่หนูมีอะไรหรือเปล่า ข้าเห็นมายืนอยู่นานแล้ว" อี้ซินที่เห็นท่านป้าดูท่าทางใจดี จึงกล่าวออกไปด้วยรอยยิ้ม"ข้ามีของจะมาขายเจ้าค่ะ เถ้าแก่อยู่หรือไม่เจ้าคะ" เถ้าแก่เนี่ยหวังที่มองเด็กน้อยทั้งสองที่แม้เสื้อผ้าจะเก่ามากและมีรอยปะชุนเต็มไปหมดแต่ก็สะอาดสะอ้าน หน้าตาน่าเอ็นดูแม้จะผอมแห้งไปสักหน่อย" ข้านี่แหละเป็นเถ้าแก่เนี่ยของร้านนี้ เจ้ามีอะไรมาขายหรือ มาเข้ามาข้างในก่อนแดดมันร้อน" อี้ซินที่มองท่านป้าตรงหน้าอย่างดีใจรีบจูงมือน้องน้อยเดินตามเข้าไปภายในร้านที่มีข้าวของเครื่องใช้มากมาย มีตั้งโต๊ะ เตียง เก้าอี้ ของใช้ชิ้นเล็กๆ ไปจนถึงชิ้นใหญ่ ทั้งที่ทำจากไม้ หิน กระเบื
อี้ซินที่พาอี้ฟงเดินกลับมายังร้านบะหมี่ร้านที่แวะถาม เห็นว่าคนบางเบาจากในตอนแรกและมีที่ว่างจึงได้เดินเข้าไปนั่ง ก่อนจะสั่งบะหมี่ที่ส่งกลิ่นหอมฉุยเรียกน้ำย่อย"เถ้าแก่บะหมี่สองชามเจ้าค่ะ" เถ้าแก่ที่เหลือบมามองทั้งสองแวบหนึ่งก่อนจะลงมือทำอย่างคล่องแคล่วแล้วยกบะหมี่สองชามมาวางตรงหน้าเด็กน้อยตั้งสองที่มองตามชามบะหมี่ตาเยิ้ม อี้ซินเมื่อเห็นบะหมี่ในชามรีบเงยหน้าขึ้นมองเถ้าแก่เจ้าของร้านที่ส่งยิ้มมาให้ก่อนจะกล่าวขึ้นแล้วกลับไปทำบะหมี่ต่อ"พิเศษ ข้าให้" "ขอบคุณเจ้าค่ะ" ในชามบะหมี่ของนางและน้องมีบะหมี่เกือบเต็มชาม นางจึงรีบมองใบหน้าที่ส่งยิ้มมาให้อย่างมีเมตตา เพราะบะหมี่เยอะขนาดนี้คงไม่ใช่ชามละสิบอีแปะกระมัง จากนั้นจึงลงมือทานบะหมี่รสชาติกลมกล่อมน้ำซุปหอมหวานจนหมดชามไม่เหลือแม้แต่น้ำซุปสักหยด ซึ่งเจ้าตัวเล็กก็เช่นเดียวกันกินจุเหมือนกันนะนี่ ก่อนจะจ่ายเงินให้เถ้าแก่ใจดี"แล้วจะมาอุดหนุนอีกนะเจ้าคะ ขอบคุณมากเจ้าค่ะ" อี้ซินที่คิดว่านางช่างโชคดีที่ผู้คนที่นี่ยังมีคนดีๆ อยู่ ไม่ได้เจอแต่กับคนไม่ดี แต่ไม่ว่าที่ไหนๆ ล้วนมีทั้งคนดีและคนไม่ดีปะปนกันไป นางแค่ต้องใช้ชีวิตอยู่บนความไม่ประมาทก็พอแล้วท
สองพี่น้องที่หอบหิ้วข้าวของกลับบ้านอย่างทุลักทุเลกว่าจะถึงบ้านหลังน้อยต้องใช้เวลาไปเกือบหนึ่งชั่วยามเพราะข้าวของเครื่องใช้ที่พากันทั้งถือทั้งแบก ทำให้ต้องนั่งพักบ่อยๆ แต่ก็ยังดีที่กลับมาถึงบ้านอย่างปลอดภัย อี้ฟงที่มาถึงก็สลบเหมือดอย่างเหนื่อยล้า อี้ซินเมื่อนั่งพักจนหายเหนื่อยก็รื้อข้าวของออกมาดู เงยหน้าขึ้นดูดวงตะวันก็เห็นว่ายังมีเวลาอีกหนึ่งชั่วยามกว่าฟ้าจะมืด จึงคว้ามีดดายหญ้า จอบ และเสียมที่ซื้อมาจากตลาดปรับพื้นที่เพื่อที่นางจะปลูกบ้าน ใช่ นางจะปลูกบ้าน ซึ่งจะปลูกติดกับกระท่อมนี้เลยเพราะมีพื้นที่ว่างและโล่งเตียนอยู่แล้วปรับพื้นดินนิดหน่อยก็ใช้ได้ วันนี้นางได้ข้าวของที่จำเป็นมาเยอะเลยทีเดียวในงบแค่สี่ร้อยอีแปะ อย่างเครื่องมือที่ถืออยู่นี้ก็ได้มาในราคาถูกกว่าราคาจริงครึ่งหนึ่งเพราะนางซื้อของที่ไม่ได้ขนาด และไม่ค่อยจะสมบูรณ์แต่ก็ถือว่าใช้ได้ จึงได้มาในราคาถูกก่อนจะเริ่มลงมือปรับแต่งพื้นดินให้เสมอกันและขุดหลุม โดยจะขุดแค่สี่หลุมก่อนแล้วค่อยขยับขยายทีหลัง หากจะถามว่านางทำเป็นหรือเปล่านั้น บอกไว้ตรงนี้เลยว่าไม่เป็น แต่... นางคือแฟนตัวยงของช่องยูทูปที่สร้างบ้านด้วยดินเหนียวที่นางตามติดทุก
"ฟงเอ๋อ ดูนี่ พี่มีอะไรมาฝากเจ้า" "พี่ใหญ่กลับมาแล้ว" อี้ฟงที่เห็นพี่สาวถือตะกร้าเดินตรงมารีบวิ่งไปรับตะกร้าสะพายหลังใบใหญ่ที่มีรังผึ้งอยู่เต็มแต่ไม่มีน้ำผึ้ง มาวางเอาไว้ ก่อนจะรีบไปดูตะกร้าใบเล็กที่พี่สาววางลงข้างในนั้นอัดแน่นเต็มไปด้วยน้ำหวานและรังของตัวอ่อน"ชิมดูสิ" บอกพลางใช้มีดตัดรังของตัวอ่อนก่อนจะชุบลงไปในน้ำผึ้งเหนียวหวานฉ่ำแล้วส่งเข้าปากเล็กที่อ้ารับ"อร่อยหรือไม่" ใบหน้าเล็กที่มีรังผึ้งอยู่เต็มปากพยักหน้ารับยิ้มจนตาเล็กหยี"ถ้าเช่นนั้นก็กินเยอะๆ" สองพี่น้องที่นั่งกินรังอ่อนของผึ้งอย่างเอร็ดอร่อย เมื่อเห็นว่าอี้ฟงอิ่มแล้วจึงหยิบกระบอกน้ำมาให้เจ้าตัวเล็กล้างไม้ล้างมือบ้วนปากแล้วให้เข้าไปนอนก่อน ส่วนนางจะเก็บน้ำผึ้งสักครู่แล้วค่อยนำมากรองพรุ่งนี้เพราะตอนนี้มองไม่เห็นและไม่มีอะไรจะใส่น้ำผึ้งที่ได้มา ในตอนแรกนางคิดว่าจะได้น้ำผึ้งแค่นิดหน่อยไม่นึกว่าจะได้มาเยอะเช่นนี้ ที่ตั้งใจจะไปในตอนแรกแค่เผื่อจะเจอรังผึ้งร้างเท่านั้น เพราะอยากจะนำเอามาทำเทียนจากไขของรังผึ้งให้แสงสว่างเพราะนางไม่มีเงินมากพอจะซื้อตะเกียง เงินที่ได้มานั้นตอนนี้ไม่มีเหลือสักอีแปะแล้ว ก่อนที่จะเข้านอน พอล้มตั
อี้ซินที่รอเวลาให้ไขผึ้งแข็งตัว ก็มากรองน้ำผึ้งใส่ไหแล้วปิดฝาไว้อย่างมิดชิดเก็บเอาไว้ ก่อนจะเห็นว่าไขผึ้งแข็งตัวดีแล้วจึงได้นำมีดมาผ่าไม้ไผ่ ออกท่ามกลางความตื่นเต้นของอี้ฟงที่ลุ้นจนตัวโก่ง เมื่อผ่าไม้ไผ่ออกเป็นสองซีกปรากฏเป็นไขผึ้งที่แข็งตัวเป็นแท่ง ผลที่ออกมาถือว่าน่าพอใจยิ่งนักจากนั้นจึงได้ลองจุดไฟดู ปรากฏว่าใช้งานได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว"โอ้! วิเศษไปเลยขอรับพี่ใหญ่" อี้ฟงที่จ้องมองผลงานของพี่สาวอย่างตื่นเต้น พี่สาวของเขาเก่งที่สุด เขาจะต้องเก่งแบบพี่สาวให้ได้"เทียนไขก็สำเร็จแล้ว ทีนี้เรามาสร้างบ้านของเรากันเถอะฟงเอ๋อ" "สร้างบ้านหรือขอรับ แต่เราไม่มีอะไรเลยนะ เงินก็ไม่มี แล้วจะสร้างได้อย่างไรกัน"อี้ฟงที่คิดไปใบหน้าเล็กนั้นถึงกับเศร้าสลด"เจ้าไม่เชื่อใจพี่สาวผู้นี้แล้วหรือ" อี้ซินที่จ้องมองใบหน้าเล็กอย่างจริงจัง อี้ฟงเมื่อมองสบตาของพี่สาว ไม่เห็นแววล้อเล่นอยู่ในนั้น จึงพยักหน้าอย่างฮึกเหิม" ขอรับ เรามาสร้างบ้านของเรากัน"แล้วสองพี่น้องก็ไปตัดไม้ไผ่แล้วช่วยกันลากมายังกระท่อม ใช้ไม้ไผ่ลำใหญ่ที่สุดมาทำเป็นเสาของบ้าน กว่าจะทำให้เสาทั้งสี่เสาตั้งตรงจนได้ฉากทั้งสี่เสาไม่ใช่เรื่องง่า
เมื่อเช้าวันใหม่มาเยือนสองพี่น้องต่างพากันออกเดินทางไปตลาดตั้งแต่เช้า มุ่งตรงไปยังร้านค้าของท่านป้าหวัง เมื่อไปถึงเห็นท่านป้ากำลังให้คนงานชายขนกระสอบอะไรบางอย่างจำนวนมากเข้าไปยังหลังร้าน จึงเดินเข้าไปหา"สวัสดีเจ้าค่ะ ท่านป้าหวัง" เถ้าแก่เนี่ยหวังที่ได้ยินเสียงเล็กดังขึ้นเมื่อหันมามองเป็นสองพี่น้องให้รู้สึกยินดียิ่งนัก นางรอเด็กทั้งสองเสียหลายวันพร้อมส่งยิ้มกว้างไปให้"สวัสดีขอรับท่านป้า" "อ้าว ซินเอ๋อ ฟงเอ๋อ มากันแล้วหรือ มา มา เข้ามาด้านในกันก่อน" แล้วท่านป้าหวังก็เดินนำเข้าไปในร้านพร้อมกับเอ่ยขึ้น"หายหน้าหายตาไปเสียหลายวันเลยนะ รู้หรือไม่ป้ากำลังรอพวกเจ้าอยู่" เมื่อเข้ามาด้านในร้านก็หันมองเด็กน้อยทั้งสองที่กุลีกุจอนำตะกร้าสะพายลงจากแผ่นหลังเล็ก"ไหนๆเอาของมาดูสิว่ามีอะไรมาขายให้ป้าบ้างวันนี้ รู้หรือไม่ตะกร้าของพวกเจ้าขายดีมากเลยนะขายหมดตั้งแต่วันแรกแล้วยังมีเหล่าลูกค้ามาสั่งไว้หลายลูกทีเดียว" ท่านป้าหวังบอกอย่างยินดีพร้อมเอื้อมมือไปจับตะกร้าและของใช้ที่เด็กๆ นำออกมาวางพิจารณาอย่างสนอกสนใจเพราะนอกจากตะกร้ามีหูหิ้วแบบเมื่อหลายวันก่อนแล้วยังมีของใช้รูปแบบต่างๆ ที่ดูแปลกตาแต่สวยง
อี้ซินที่กะพริบตาปริบๆ ปรับสายตาให้รับกับแสงสว่างที่สาดกระทบ บิดกายที่เมื่อยขบรู้สึกถึงความปวดหน่วงตรงกลางร่าง ค่อยๆ ปรือตาขึ้นมอง เมื่อสัมผัสได้ถึงความอุ่นร้อนที่แผ่กระจายอบอวลอยู่รอบกายของนาง สิ่งแรกที่เห็นเมื่อลืมตาขึ้น คือแผงอกอุ่นกำยำที่เปลือยเปล่าไม่แตกต่างจากนาง ความร้อนสายหนึ่งพลันแผ่กระจายทั่วใบหน้างามจนแทบผลิแตกภาพความเร่าร้อนที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ พุ่งเข้ามาตีแสกหน้า ก่อนจะไล่สายตามองขึ้นไปตามอกแกร่ง มองดูไหล่ผายกว้างรับกับลำคอแข็งแกร่งที่เต็มไปด้วยรอยเล็บที่เกิดจากฝีมือนาง ตอกย้ำว่าเมื่อคืนนี้ระหว่างคนทั้งสองเร่าร้อนเพียงใดทอดสายตามองสันกรามได้รูป ปากหนาสีระเรื่อที่ช่างร้ายกาจเหลือร้าย รับกับจมูกโด่งสวยราวสวรรค์ปั้นแต่ง ก่อนจะไล่สายตาขึ้นไปเหลือจมูกโด่งนั้นแม้จะรู้อยู่แล้วว่าเขานั้นมีใบหน้าที่หล่อเหลามาก แต่เมื่อได้มองใกล้ๆ เช่นนี้ กลับยิ่งหล่อเหลามีเสน่ห์ขึ้นอีกหลายเท่านัก สายตากลมโตที่ไล่ขึ้นสูงพลันสั่นไหวรุนแรงอย่างเขินอาย เมื่อสบเข้ากับสายตาวาบหวามที่กำลังมองนาง จนต้องรีบหลบสายตาอย่างรนราน มือบางรีบดึงรั้งผ้าห่มขึ้นมาคลุมใบหน้าที่ผ่าวร้อน แต่ต้องตกใจจนกรีดร้อง เมื่
อี้ซินที่สั่นสะท้านผวาเฮือก ขนกายพลันลุกชันทั่วร่าง จิกปลายเท้าลงบนที่นอนหนานุ่ม เมื่อลมหายใจร้อนผ่าวนั้นเป่ารดลงบนกลีบดอกอวบอูมของดอกไม้งามมือหนาของหานตงที่จับเรียวขาสวยแยกออกกว้าง มองดูกลีบดอกบอบบางขาวนวลผลิแยกออกจากกัน ปรากฏภาพความงามล้ำตรงหน้าที่ยากจะถอดถอนสายตา ลิ้นหนาที่แลบออกมาไล้เลียริมฝีปากที่แห้งผาก กลืนก้อนแข็งลงคอ ก่อนจะส่งปลายลิ้นร้อนสากระคาย กระดกลงบนตุ่มเกสรสีแดงระเรื่ออย่างหยอกเย้า จนร่างบางครางฮือ กระดกสะโพกหนั่นแน่นขึ้นอย่างเสียวซ่าน จิกปลายเล็บแหลมลงบนบ่ากว้าง ปากหนาที่เลื่อนมาแตะจูบลงบนต้นขาอ่อนราวจะปลอบประโลมให้นางคลายความหวาดหวั่น แล้วค่อยๆ และเล็มจูบซับมาตามต้นขาขาว ไต่ไล่ระดับมายังเนินเนื้องามอีกครั้ง มือหนายกขาเรียวให้ชันเข่าแบะออกกว้าง ใช้นิ้วเรียวคลี่แย้มกลีบดอกตูมเต่ง ก่อนจะซุกใบหน้าลงดอมดมกุหลาบงาม ชอนไชลิ้นร้อนปาดเลียตรงรอยแยกของกลีบดอกอูม จนอี้ซินต้องกัดปากครางแผ่วเบาสะท้านเฮือกไปทั้งตัว ลิ้นร้อนยังคงชำแรกฉกชิมความหวานของกลีบดอกที่ตูมแต่งขึ้นเพราะอารมณ์กำหนัดที่ถูกปลุกเร้า จนนางต้องบิดส่ายสะโพกไปมาด้วยความซ่านสยิว รู้สึกแปลบปลาบไปทั่วร่างมือบางเอื้อมไป
หานตงที่รู้สึกยินดียิ่งนัก ทั้งกอดทั้งหอมสตรีในอ้อมแขน กว่าจะยอมปล่อยนางแก้มนวลถึงกับช้ำไปหมด เร่งนำข่าวดีนี้มาแจ้งแก่มารดา ให้ส่งแม่สื่อไปสู่ขอนางกับท่านป้าหวัง พร้อมกำหนดวันแต่งให้เร็วที่สุด จนทุกคนได้แต่ส่ายหน้าให้กับคนคลั่งรักที่ยิ้มจนปากจะฉีกถึงใบหู อย่างที่อาฉี กระแนะกระแหน หานตงที่ยังคงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ หากเป็นไปได้เขาก็อยากจะแต่งเสียพรุ่งนี้ ฤกษ์ที่ได้มาถึงแม้จะเป็นฤกษ์ที่ดีที่สุดก็อีกตั้งสิบวันข้างหน้า เขาจึงได้แต่ตั้งตารอให้ถึงวันนั้นเร็วๆวันนี้ก็เป็นวันที่สามแล้วที่ทุกคนต่างวิ่งวุ่นกันเตรียมงานมงคลที่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายนั้นต้องการให้ออกมาดีและเป็นงานแต่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี ให้สมกับการได้เกี่ยวดองกันของตระกูลที่มั่งคั่งทั้งสองตระกูล ผู้คนต่างพากันยินดีและพูดถึงข่าวมงคลนี้และวันนี้ก็มีข่าวที่เกี่ยวกับเรื่องการตายของบิดามารดานาง ที่แพร่สะพัดไปทั่วทั้งเมืองกลบข่าวงานมงคลเสียสนิท ที่ต่างถูกกล่าวถึงไปทั่ว เมื่อได้รับรู้ แม้จะทำให้รู้สึกปวดร้าวจิตใจยิ่งนัก แต่ก็รู้สึกดีที่นางเรียกร้องความยุติธรรมให้เจ้าของร่างได้ อย่างน้อยก็ได้ตอบแทนที่ให้นางได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในร่างนี
ตั้งแต่วันปักปิ่นเป็นต้นมา ข้างกายของอี้ซินก็มีเซี่ยหานตงคอยประกบอยู่ไม่ห่าง แม้ใครจะกล่าวว่าเขาเป็นบุรุษคลั่งรักเขาก็ยินดีน้อมรับ ก็เขาคลั่งรักจริงดังว่าตอนนี้เหลาอาหารก็ดำเนินการไปกว่าครึ่งแล้ว เริ่มจะเห็นเป็นรูปเป็นร่าง ผู้คนต่างร่ำลือถึงเหลาอาหารที่กำลังสร้าง เพราะรูปแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ต่างตั้งหน้าตั้งตารอคอยวันที่เหลาอาหารจะเปิดให้บริการโดยไม่รู้ตัว คาดว่าวันที่เปิดเหลาอาหารผู้คนคงหลั่งไหลเข้ามาอย่างคับคั่งเป็นแน่ ผู้คนที่พบเห็นต่างไม่อยากจะเชื่อเลยว่าไม้ไผ่ที่นอกจากจะนำมาทำเป็นเครื่องจักสานแล้วยังสามารถนำมาสร้างเป็นเหลาอาหารขนาดใหญ่รูปทรงแปลกตาสวยงามและยังแข็งแรงทนทานอีกด้วยอี้ซินนางตั้งใจจะสร้างเหลาอาหารของนางเป็นแบบร้านอาหารที่กำลังเป็นที่นิยมในโลกปัจจุบันแนวรักธรรมชาติ โดยเหลาอาหารของนางนั้นมีสองชั้นและมีมุมที่เปิดโล่ง อากาศถ่ายเทได้สะดวก ให้บรรยากาศที่ดูอบอุ่น ฝาผนังทุกด้านถูกออกแบบให้พับเก็บได้คล้ายประตูบานเลื่อนในยุคปัจจุบัน เพื่อให้สามารถให้บริการได้ในทุกๆ ฤดูกาล หากต้องการชื่นชมบรรยากาศภายนอกก็สามารถเลื่อนประตูให้เปิดออก รอบๆ บริเวณเหลาอาหารก็ล้วนถูกประดับตกแต่งด้
อี้ซินที่กำลังที่นอนพลิกกายไปมาเพราะไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้ มิรู้ว่าเพราะผิดที่หรือเหตุการณ์วาบหวิวที่เกิดขึ้นก่อนหน้ากันแน่ถึงทำให้นางต้องนอนกระสับกระส่ายอยู่แบบนี้ก๊อก ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นทำให้นางหยุดความคิดฟุ้งซ่านทั้งหมดลุกขึ้นมาเอ่ยถามขึ้น"ใครเจ้าคะ""แม่เอง แม่ขอเข้าไปนะ"เป็นหวังจูชิงมารดาบุญธรรมของนางนั่นเอง"เจ้าค่ะ"อี้ซินที่มองมารดาบุญธรรมที่เปิดประตูเข้ามาในมือนั้นมีกล่องลวดลายงดงามเข้ามาด้วย"แม่นำปิ่นที่จะใช้ปักในวันพรุ่งนี้มาให้เจ้าเลือก"เถ้าแก่เนี้ยหวังบอกด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะวางกล่องเครื่องประดับที่ด้านในมีปิ่นปักผมลวดลายงดงามมากมายอี้ซินที่มองปิ่นในกล่อง และเงยหน้ามองมารดาบุญธรรมก่อนจะส่งยิ้มให้อีกฝ่าย เอ่ยออกมาเบาๆใบหน้านั้นแดงก่ำ"เอ่อ ข้ามีปิ่นที่จะใช้ในพิธีอยู่แล้วเจ้าค่ะท่านแม่"พร้อมกับลุกออกไปหยิบกล่องปิ่นปักผมที่นางนำติดตัวมาด้วยส่งให้มารดาบุญธรรม ด้วยมีเรื่องมากมายเกิดขึ้นนางจึงลืมเสียสนิทที่จะนำปิ่นที่จะใช้ปักปิ่นของนางมอบให้มารดาเถ้าแก่เนี้ยหวังที่รับกล่องลวดลายงดงามประณีตขึ้นมาเปิดดู ด้านในเป็นปิ่นปักผมที่งดงามมาก บ่งบอกถึงความใส่ใจของผู้ใ
"ซินเอ๋อ หากป้าจะรับเจ้าและฟงเอ๋อเป็นบุตรบุญธรรมเจ้าจะยินดีหรือไม่"หวังจูชิงที่มองดรุณีน้อยตรงหน้าด้วยสายตาคาดหวัง นางนั้นเป็นหญิงหม้ายไร้บุตรหลาน และรู้สึกรักและเอ็นดูในตัวเด็กสาวและน้องชายตั้งแต่ครั้งแรกที่พบหน้า ยิ่งได้รับรู้ชะตากรรมของเด็กน้อย ยิ่งอยากที่จะอุ้มชูอี้ซินที่มองสตรีวัยกลางคนตรงหน้าอย่างทราบซึ้งถึงความเมตตาที่อีกฝ่ายหยิบยื่นให้ตลอดมา นางและน้องชายนั้นได้รับความรักและเอ็นดูจากสตรีผู้นี้มาตั้งแต่ต้นจึงไม่ลังเลเลยที่จะตอบรับคำนั้นเพื่อต่อไปจะได้เป็นที่พึ่งพิงให้สตรีผู้นี้ "ข้ายินดีเจ้าค่ะ"อี้ฟงที่ถูกตามตัวมาก็ยินดีและตื่นเต้นยิ่งนักที่จะมีมารดาเป็นท่านป้าหวังผู้ใจดีมีเมตตา หานตงที่เห็นดังนั้นจึงเตรียมน้ำชาให้คนรักเพื่อใช้คำนับท่านป้าหวังเป็นมารดาบุญธรรม โดยมีมารดาของตนร่วมเป็นสักขีพยานด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม ต่อไปหวังจูชิงผู้เป็นสหายรักจะได้ไม่เหงาเมื่ออี้ซินและอี้ฟงคำนับหวังจูชิงเป็นมารดาบุญธรรมแล้ว ร้านค้าตระกูลหวังจึงได้จัดงานเลี้ยงเล็กๆร่วมกันรับประทานอาหารเป็นการภายในและเถ้าแก่เนี้ยตระกูลหวังก็ประกาศให้คนในปกครองได้รู้ถึงฐานะของทั้งสองว่าทั้งสองนั้นคือทายาทของต
อี้ซินที่เดินทางมายังร้านค้าของท่านป้าหวังตั้งแต่เช้าเพราะวันพรุ่งนี้จะเป็นวันปักปิ่นของนางแล้ว วันนี้นางจึงต้องมาเตรียมตัวสำหรับวันพรุ่งนี้ คืนนี้นางจะค้างคืนที่นี่ และเข้าพิธีในตอนเช้า โดยมีท่านป้าหวังเป็นผู้ใหญ่จัดการทุกอย่างให้ เพราะท่านป้าหวังเปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่ที่นางนับถือเพียงคนเดียวและนางนั้นรักและเคารพอีกฝ่ายดุจดังมารดา"ซินเอ๋อ มาแล้วหรือ เถ้าแก่เนี่ยกำลังรอเจ้าอยู่ด้านใน"คนงานในร้านที่คุ้นเคยกันดี เมื่อเห็นนางที่ลงมาจากรถม้าก็รีบเข้ามาช่วยถือข้าวของ พร้อมแจ้งว่านายตนกำลังรอท่าอยู่"หืม ท่านป้ารอข้าอยู่หรือ"อี้ซินที่ทำหน้าสงสัย ท่านป้ารอนางด้วยเหตุใด หรือว่าจะเกี่ยวกับพิธีในวันพรุ่งนี้ แต่มันก็ไม่ได้มีอันใดซับซ้อนมิใช่หรอกหรือฝ่ายผู้แจ้งข่าวเมื่อเห็นดรุณีน้อยตรงหน้าทำหน้าครุ่นคิด จึงเอ่ยขึ้น"ได้ยินมาว่า มีคนอยากจะแนะนำให้เจ้ารู้จักน่ะ""อ้อ เช่นนั้นหรอกหรือ ขอบคุณเจ้าค่ะ"กล่าวขอบคุณอีกฝ่ายพร้อมยิ้มให้ ก่อนจะหันกลับไปหาน้องชายที่เดินตามมาด้านหลัง"ฟงเอ๋อ พี่จะไปพบท่านป้าก่อน เจ้าเล่นอยู่แถวนี้อย่าซนนักนะ""ขอรับ พี่ใหญ่"เจ้าตัวเล็กที่ดูเหมือนจะโตขึ้นนิดหน่อย รับคำพร
อี้ซินที่ปล่อยใจไปกับสัมผัสวาบหวามที่บุรุษตรงหน้าเป็นผู้ชักนำ ตอนนี้นางยอมรับแล้วว่าได้ตกหลุมที่เจ้าวัวเฒ่าผู้นี้เป็นคนขุดเรียบร้อยแล้ว หากนางจะลองวางชีวิตของนางและน้องชายไว้ในมือชายผู้ที่นางคิดว่านางอยากมีเขาเดินเคียงข้าง ร่วมฝ่าฟันไปด้วยกัน มิต้องเดินเพียงลำพังอย่างที่ผ่านมา แม้ว่ามันจะเสี่ยง แต่นางก็เป็นผู้เลือกเดินด้วยตัวเอง ได้เพียงแค่หวังว่านางคิดถูกที่ได้มอบหัวใจให้กับชายผู้นี้ เปลือกตาบางปิดลงอย่างยินยอมพร้อมใจ ปล่อยให้ชายอันเป็นที่รักตักตวงความหวานจากริมฝีปากอวบอิ่ม ไม่ว่าจะยุคไหนสมัยไหน ความรักมักมาพร้อมกับความใคร่ หาใช่เรื่องแปลก เรียวลิ้นอุ่นร้อนที่ลุกล้ำเข้ามาในโพลงปากนุ่ม ทำให้กายสาวสั่นไหวจนกายบางสิ้นไร้เรี่ยวแรงจนต้องยกแขนเรียวขึ้นคล้องลำคอแกร่ง จูบเรียกร้องอ่อนหวานแทบทำให้นางขาดใจ ก่อนริมฝีปากหนาจะผละออกให้นางได้หายใจหายคอ ทั้งรู้สึกตื่นเต้นปนหวาดกลัวกับประสบการณ์แปลกใหม่นี้หานตงที่มองสบดวงตาหวานที่กำลังสั่นไหว เห็นเงาของเขาในดวงตาคู่นั้น ดวงตาคู่ที่เขาหลงใหล"มิต้องกลัว พี่จะมิหักหาญน้ำใจเจ้า ขอแค่ชื่นใจเพียงเล็กน้อยเท่านั้น พี่จะรอวันที่แต่งเจ้าเป็นภรรยาอย่างถูกต
วันนี้เป็นอีกวันที่อี้ซินมาดูการสร้างเหลาอาหารตั้งแต่เช้า ยิ่งได้เห็นว่าเหลาอาหารของนางกำลังจะเป็นรูปเป็นร่างใบหน้างามยิ่งดูงดงามสดใสเพราะใบหน้านั้นประดับไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขและความหวัง อีกไม่นานฝันของนางก็จะเป็นจริงแล้ว ร่างบางที่เดินดูคนงานกำลังลำเลียงไม้ไผ่และตัดไม้ไผ่ออกเป็นรูปแบบต่างๆ ตามที่นางสอน ก่อนจะมาหยุดอยู่ตรงที่ที่มีสตรีอายุตั้งแต่ 14-45 ปี จำนวนสิบคนที่กำลังขะมักเขม้นสานไม้ไผ่เป็นลวดลายสวยงามแปลกตาอย่างพออกพอใจ สตรีเหล่านี้เป็นชาวบ้านและภรรยาของชายที่มาเป็นลูกจ้างในการสร้างเหลาอาหารในครั้งนี้ นางได้ว่าจ้างสตรีเหล่านี้มาสานไม้ไผ่ที่จะนำไปประกอบกับการสร้างเหลาอาหาร เพื่อที่ทุกคนจะได้มีรายได้ ฝีมือในการสานนั้นดีมากทีเดียวนางแค่อธิบายและทำเป็นแบบอย่างให้ดูแค่ครั้งเดียวเท่านั้น พวกนางก็สามารถทำได้และออกมางดงามประณีตอีกด้วย สร้างความพอใจให้นางนัก เวลาล่วงเลยมาถึงยามซื่อ (9.00น.-10.59น.) สายตาหวานซึ่งปรายตามองไปบนถนนอยู่เป็นระยะเหมือนกำลังรอใครบางคนที่ไม่เห็นหน้าตั้งแต่เมื่อวานจนตอนนี้ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะปรากฏตัวขึ้น ทำให้คิ้วเรียวขมวดมุ่น ก่อนจะวางมือจากการสานไม้ไผ่ตรงหน