อี้ซินที่รอเวลาให้ไขผึ้งแข็งตัว ก็มากรองน้ำผึ้งใส่ไหแล้วปิดฝาไว้อย่างมิดชิดเก็บเอาไว้ ก่อนจะเห็นว่าไขผึ้งแข็งตัวดีแล้วจึงได้นำมีดมาผ่าไม้ไผ่ ออกท่ามกลางความตื่นเต้นของอี้ฟงที่ลุ้นจนตัวโก่ง เมื่อผ่าไม้ไผ่ออกเป็นสองซีกปรากฏเป็นไขผึ้งที่แข็งตัวเป็นแท่ง ผลที่ออกมาถือว่าน่าพอใจยิ่งนักจากนั้นจึงได้ลองจุดไฟดู ปรากฏว่าใช้งานได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว"โอ้! วิเศษไปเลยขอรับพี่ใหญ่" อี้ฟงที่จ้องมองผลงานของพี่สาวอย่างตื่นเต้น พี่สาวของเขาเก่งที่สุด เขาจะต้องเก่งแบบพี่สาวให้ได้"เทียนไขก็สำเร็จแล้ว ทีนี้เรามาสร้างบ้านของเรากันเถอะฟงเอ๋อ" "สร้างบ้านหรือขอรับ แต่เราไม่มีอะไรเลยนะ เงินก็ไม่มี แล้วจะสร้างได้อย่างไรกัน"อี้ฟงที่คิดไปใบหน้าเล็กนั้นถึงกับเศร้าสลด"เจ้าไม่เชื่อใจพี่สาวผู้นี้แล้วหรือ" อี้ซินที่จ้องมองใบหน้าเล็กอย่างจริงจัง อี้ฟงเมื่อมองสบตาของพี่สาว ไม่เห็นแววล้อเล่นอยู่ในนั้น จึงพยักหน้าอย่างฮึกเหิม" ขอรับ เรามาสร้างบ้านของเรากัน"แล้วสองพี่น้องก็ไปตัดไม้ไผ่แล้วช่วยกันลากมายังกระท่อม ใช้ไม้ไผ่ลำใหญ่ที่สุดมาทำเป็นเสาของบ้าน กว่าจะทำให้เสาทั้งสี่เสาตั้งตรงจนได้ฉากทั้งสี่เสาไม่ใช่เรื่องง่า
เมื่อเช้าวันใหม่มาเยือนสองพี่น้องต่างพากันออกเดินทางไปตลาดตั้งแต่เช้า มุ่งตรงไปยังร้านค้าของท่านป้าหวัง เมื่อไปถึงเห็นท่านป้ากำลังให้คนงานชายขนกระสอบอะไรบางอย่างจำนวนมากเข้าไปยังหลังร้าน จึงเดินเข้าไปหา"สวัสดีเจ้าค่ะ ท่านป้าหวัง" เถ้าแก่เนี่ยหวังที่ได้ยินเสียงเล็กดังขึ้นเมื่อหันมามองเป็นสองพี่น้องให้รู้สึกยินดียิ่งนัก นางรอเด็กทั้งสองเสียหลายวันพร้อมส่งยิ้มกว้างไปให้"สวัสดีขอรับท่านป้า" "อ้าว ซินเอ๋อ ฟงเอ๋อ มากันแล้วหรือ มา มา เข้ามาด้านในกันก่อน" แล้วท่านป้าหวังก็เดินนำเข้าไปในร้านพร้อมกับเอ่ยขึ้น"หายหน้าหายตาไปเสียหลายวันเลยนะ รู้หรือไม่ป้ากำลังรอพวกเจ้าอยู่" เมื่อเข้ามาด้านในร้านก็หันมองเด็กน้อยทั้งสองที่กุลีกุจอนำตะกร้าสะพายลงจากแผ่นหลังเล็ก"ไหนๆเอาของมาดูสิว่ามีอะไรมาขายให้ป้าบ้างวันนี้ รู้หรือไม่ตะกร้าของพวกเจ้าขายดีมากเลยนะขายหมดตั้งแต่วันแรกแล้วยังมีเหล่าลูกค้ามาสั่งไว้หลายลูกทีเดียว" ท่านป้าหวังบอกอย่างยินดีพร้อมเอื้อมมือไปจับตะกร้าและของใช้ที่เด็กๆ นำออกมาวางพิจารณาอย่างสนอกสนใจเพราะนอกจากตะกร้ามีหูหิ้วแบบเมื่อหลายวันก่อนแล้วยังมีของใช้รูปแบบต่างๆ ที่ดูแปลกตาแต่สวยง
เมื่อกลับมาถึงบ้านก็นำข้าวของเข้าไปเก็บอย่างเป็นระเบียบ ซื้อข้าวสารกลับมาถึงหนึ่งกระสอบใหญ่เพราะเอาใส่รถม้ามาจะได้เก็บไว้กินจนสิ้นฤดูหนาว และยังไม่ลืมไปเก็บกวาดเศษผ้าที่ร้านผ้าของพี่สาวคนสวยมาเสียเรียบอีกด้วย ยังมีเวลาเหลืออีกเพียงแค่หนึ่งเดือนเท่านั้นหน้าหนาวก็จะมาเยือน นางคงต้องเร่งมือจัดเตรียมทุกอย่างให้เรียบร้อย ไม่อย่างนั้นนางคงได้ตายอีกรอบแน่ๆ ชาติก่อนที่นางจากมามีเพียงฤดูฝน ฤดูร้อนและฤดูร้อนตับแตกเท่านั้น แค่อากาศเย็นเพียงนิดหน่อยนางก็ทนมิได้แล้ว นางคงเร่งหาวิธีรับมือกับอากาศหนาวจัดของที่นี่และเวลาที่จำกัด และยังมีอาหารที่ต้องกักตุนให้พอสำหรับสองชีวิตในระยะเวลาถึงสามเดือน ตอนนี้มีข้าวสารเพียงพอแล้ว ที่ซื้อมาวันนี้ก็มีแป้งสาลี และพวกเครื่องปรุงรสต่างๆ ปลาที่จับมาได้นางก็นำมาตากแห้งเก็บเอาไว้แต่ยังคงไม่เพียงพอ ตอนนี้ในหัวของนางมีเรื่องให้คิดเต็มไปหมด นางไม่เคยเผชิญหน้ากับอากาศหนาวมาก่อนด้วยจึงไม่รู้ว่าต้องเตรียมอะไรบ้าง ใช้เพียงสัญชาตญาณว่าอากาศหนาวต้องทำอย่างไรให้อยู่รอด อี้ฟงที่เห็นพี่สาวเงียบไปจึงเอ่ยถามขึ้นอย่างห่วงใย"พี่ใหญ่ มีอันใดหรือไม่ขอรับ"อี้ซินที่หลุดจากภวังค์จึงหัน
อี้ซินที่บอกให้อี้ฟงเข้านอนก่อน ส่วนนางนั้นจะเย็บผ้าห่มอีกสักพัก ผ่านไปไม่ถึงหนึ่งเค่อก็ได้ยินเสียงกรนเบาๆ ของร่างเล็กที่นอนขดกายในผ้าห่มผืนบาง แม้ยังไม่เข้าฤดูหนาวแต่อากาศตอนนี้ก็ถือว่าหนาวเย็นมากเลยทีเดียวเพราะลมหนาวเริ่มจะมาแล้ว ขนาดว่าบ้านหลังนี้กันลมได้เป็นอย่างดียังรู้สึกว่าไม่เพียงพอ สายตาพลันกวาดมองไปรอบๆ ห้องสี่เหลี่ยมที่แทบจะไม่มีเครื่องใช้อะไรเลย ส่วนที่หลับที่นอนนั้นคงไม่แปลกที่อี้ฟงจะหนาวเพราะมีแค่ผ้าบางปูรองนอนเท่านั้น ส่วนหมอนหนุนคือแขนเล็กนั่นเอง เห็นภาพตรงหน้าแล้วนางเกิดแรงฮึดสู้ วันข้างหน้านางและน้องจะต้องสบาย สองมือเล็กจึงลงมือเย็บเศษผ้าอย่างแข็งขันเมื่อได้ผ้าที่ใหญ่พอแล้วจึงพับมาทบชายผ้าเข้าด้วยกันก่อนจะเย็บปิดขอบผ้าสองด้าน แล้วนำขนเป็ดที่ได้มายัดใส่ลงไปทางด้านที่ยังไม่เย็บกระจายให้เสมอกันและหนาพอสมควรก่อนจะเย็บปิดปาก แล้วนำเข็มเล่มยาวที่ยืมพี่สาวคนสวยมาปักฝีเข็มไปบนผ้าให้เป็นตารางทั้งผืนเพื่อจะให้ขนเป็ดด้านในไม่มากองรวมอยู่ที่เดียวกัน กว่าจะเสร็จก็ล่วงเข้าสู่วันใหม่พอดี แต่ก็ถือว่าคุ้มเพราะผ้าห่มผืนนี้อุ่นมาก เศษผ้าที่ได้มาก็เป็นผ้าเนื้อดี ยังเหลือเศษผ้าและขนเป็ดอ
เมื่อทานอาหารเช้ากันเสร็จเรียบร้อย อี้ฟงก็อาสาเก็บจานชามไปล้าง นางจึงมานั่งเก็บเศษเชือกหวายเส้นเล็กๆ และเศษไม้ไผ่ที่เหลาเพราะตอนนี้มันเกลื่อนอยู่เต็มพื้น ในหัวก็กำลังคิดว่าจะทำอะไรต่อไปดี ตอนนี้นางมีเงินติดกายอยู่1 ตำลึงกับอีก 700 อีแปะ แต่นางยังต้องใช้เงินอีกมาก หวายที่จะนำมาทำตะกร้าก็เหลืออยู่ไม่เยอะ คงต้องเข้าป่าไปหาต้นหวายอีก และไม่รู้ว่าจะเจอหรือไม่ นางยังไม่เคยเดินลึกเข้าไปด้านในของป่าเลย ยังคงวนเวียนอยู่แถวๆ รอบนอกแต่ก็ยังคงเดินไม่ทั่ว ไว้ค่อยไปเดินสำรวจอีกที คงจะมีอะไรให้นำมาใช้ประโยชน์ได้บ้าง เฮ่อ! จะทำอะไรต่อดีนะ ช่วงนี้นางรู้สึกเครียดมากจริงๆ คิดไปมือก็จับเชือกหวายมาพันๆ ทบๆ กันเป็นรูปสัตว์ต่างๆ ได้หลายตัว "พี่ใหญ่ทำอะไรอยู่หรือขอรับ" อี้ฟงที่กลับมาจากลำธารเห็นพี่สาวกำลังใช้เศษหวายสานขึ้นเป็นรูปสัตว์ตัวเล็กน่ารัก"พี่เห็นว่าเศษหวายเหลือเยอะเลยรู้สึกเสียดาย จึงทำสัตว์พวกนี้ให้เจ้าเล่น เป็นไง ชอบหรือไม่" "ชอบขอรับ ชอบมากๆ เลย มันสวยมาก นี่ถ้าหากทำขายก็ขายได้สบายเลย ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนด้วย"อี้ซินที่มองสัตว์ตัวเล็กที่ทำมาจากเศษหวาย ดูแล้วมันก็สวยและน่ารักมากอย่างที่อี้ฟงพูด
อี้ซินและอี้ฟงเมื่อมาถึงบริเวณที่จัดงานทั้งสองรู้สึกตื่นตาตื่นใจมาก ไม่นึกว่าในเมืองจะจัดงานอย่างยิ่งใหญ่เช่นนี้ ท่านป้าหวังที่มองเด็กทั้งสองมองนั่นมองนี่อย่างตื่นเต้นก็ให้นึกเอ็นดู"อี้ซินพาน้องไปเดินชมงานเถอะลูก ไม่ต้องห่วงทางนี้ ตุ๊กตาของเจ้าเดี๋ยวป้าจะให้เด็กๆ ขายให้" "จะดีหรือเจ้าคะ แค่นี้ข้าก็รบกวนท่านป้ามากแล้ว" "เจ้าอย่าได้คิดมาก แค่เล็กน้อยเท่านั้น ไปเถอะไปเที่ยวเล่นเสียบ้าง" "ขอบคุณมากเจ้าค่ะ ท่านป้า" "อ้อ ซินเอ๋อ ป้าว่าใส่ผ้าคลุมหน้าสักหน่อยดีกว่านะลูก"ท่านป้าหวังที่รักและเอ็นดูนางกล่าวขึ้นก่อนจะหยิบผ้าคลุมหน้าสีฟ้าผืนบางมาปิดหน้าให้นางตั้งแต่สันจมูกลงมาเห็นแค่ดวงตากลมโตงดงามที่สุกสกาวดั่งดวงดาว แม้ว่านางจะยังไม่ถึงวัยปักปิ่นแต่ก็ดูงดงามเกินกว่าจะปล่อยปละละเลย กันไว้ดีกว่าแก้ อี้ซินที่รับรู้ถึงความปรารถนาดีนั้นจึงกล่าวขอบคุณจากใจจริงนางลืมไปเสียสนิทว่าตอนนี้นางไม่ใช่ เจด้า สาวถึกบึกบึนแต่ เป็นสาวน้อยหน้าตางดงาม และดูบอบบางยิ่งนักแล้วทั้งสองก็พากันเดินไปยังถนนเส้นยาวที่สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านรวงที่มาตั้งแผงขายของ ทั้งของกิน ของเล่น ที่ดูแปลกตา ขนมหน้าตาน่ากินเยอะแยะเ
ในที่สุดร้านสุราก็เงียบลงเหตุเพราะสุราหมดไม่เหลือแม้แต่หยดเดียว ร่างสามร่างที่นั่งหลังพิงกันอย่างหมดเรี่ยวหมดแรงยกมือขึ้นปาดเหงื่อก่อนจะพากันหัวเราะเมื่อหันมามองหน้ากันเพราะใบหน้าของแต่ละคนนั้นแดงก่ำแทบจะดูไม่ได้ไม่รู้ว่าเพราะเหนื่อยหรือว่าเมากลิ่นสุรากันแน่ ด้วยลูกค้าที่มารอลิ้มรสสุรากันอย่างเนืองแน่น ทำให้ต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือ อี้ฟงจากที่นั่งดูเฉยๆ ก็กลายเป็นเสี่ยวเออร์ตัวน้อยวิ่งวุ่นกันเลยทีเดียว ส่วนท่านตาที่ทราบชื่อภายหลังว่า ท่านตาซางซุนเหว่ย ชายชราขี้เมาที่ผันตัวมาเปิดร้านสุราประทังชีวิตและมีภรรยาที่ป่วยหนักต้องดูแลโดยการหมักสุราธรรมดาๆ ขึ้นขายเองก็กลายเป็นมือชงมือฉมัง เพียงสองชั่วยามสุราที่ท่านตาซางนำมาขายก็หมดเกลี้ยง"เรามานับเงินกันดีกว่าเจ้าค่ะ" พูดพลางทั้งสามจึงนั่งล้อมวงกันเทเงินอีแปะที่ขายสุราได้ทั้งหมดออกมานับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ใช้เวลานับถึงครึ่งชั่วยามกว่าจะนับหมดและทุกคนต่างยิ้มอย่างยินดีเพราะพวกเขาขายได้ถึงสามหมื่นอีแปะหรือสามสิบตำลึงเลยทีเดียว จากนั้นนางจึงแบ่งสันปันส่วนตามที่ได้ตกลงกันไว้ให้ท่านตาซางสิบสองตำลึงส่วนของนางนั้นสิบแปดตำลึงแต่มือเหี่ยวย่นนั้นกลับหย
เมื่อกลับมาถึงบ้านสองพี่น้องที่มีงานล้นมือ ต่างช่วยกันขนข้าวของเข้าไปเก็บในเรือนแล้วมาช่วยกันปูเบาะรองนอนจัดที่นอนชุดใหม่ด้วยรอยยิ้ม ก่อนจัดข้าวของทุกอย่างเข้าที่เรียบร้อย อี้ซินที่ปล่อยให้น้องชายเกลือกกลิ้งชื่นชมกับเครื่องนอนใหม่ที่แสนนุ่มอุ่นสบายอย่างมีความสุข ส่วนนางนั้นออกมาเดินสำรวจบริเวณรอบบ้านเพื่อวางแผนในการต่อเติมบ้านในวันพรุ่งนี้ นางคิดว่าจะใช้ไม้ไผ่ที่มีจำนวนมากในที่ดินผืนนี้ ที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างเหลือเฟือโดยที่ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่เพียงพอเพราะที่ดินแปลงนี้กว่าครึ่งเป็นป่าไผ่ พรุ่งนี้จะให้คนงานตัดต้นไผ่ออกทั้งหมดเพื่อใช้เป็นวัสดุหลักในการต่อเติมบ้านในเมื่อมีของล้ำค่าอยู่แล้วจะไปไขว่คว้าหาของที่ต้องใช้เงินแรกมาอีกทำไมกัน แล้วเมื่อนำต้นไผ่ออกหมดก็จะมีที่ดินสำหรับไว้ปลูกพืชผักอีกต่างหากมีแต่ได้กับได้เลยนะนี่ นางจะนำไม้ไผ่ที่มีมาต่อเติมห้องครัวต่อจากด้านหลังของตัวบ้านที่นางทำประตูหลังเอาไว้เพื่อจะได้เชื่อมต่อกันโดยผนังกั้นและหลังคาจะใช้เป็นไม้ไผ่ทั้งหมด เพราะหากใช้ใบหวายที่มีอยู่คงจะไม่พอและติดไฟได้ง่าย นางจึงใช้ไม้ไผ่เป็นหลังคาห้องครัวถือว่าเหมาะสมที่สุด และจะแบ่งห้อง
อี้ซินที่กะพริบตาปริบๆ ปรับสายตาให้รับกับแสงสว่างที่สาดกระทบ บิดกายที่เมื่อยขบรู้สึกถึงความปวดหน่วงตรงกลางร่าง ค่อยๆ ปรือตาขึ้นมอง เมื่อสัมผัสได้ถึงความอุ่นร้อนที่แผ่กระจายอบอวลอยู่รอบกายของนาง สิ่งแรกที่เห็นเมื่อลืมตาขึ้น คือแผงอกอุ่นกำยำที่เปลือยเปล่าไม่แตกต่างจากนาง ความร้อนสายหนึ่งพลันแผ่กระจายทั่วใบหน้างามจนแทบผลิแตกภาพความเร่าร้อนที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ พุ่งเข้ามาตีแสกหน้า ก่อนจะไล่สายตามองขึ้นไปตามอกแกร่ง มองดูไหล่ผายกว้างรับกับลำคอแข็งแกร่งที่เต็มไปด้วยรอยเล็บที่เกิดจากฝีมือนาง ตอกย้ำว่าเมื่อคืนนี้ระหว่างคนทั้งสองเร่าร้อนเพียงใดทอดสายตามองสันกรามได้รูป ปากหนาสีระเรื่อที่ช่างร้ายกาจเหลือร้าย รับกับจมูกโด่งสวยราวสวรรค์ปั้นแต่ง ก่อนจะไล่สายตาขึ้นไปเหลือจมูกโด่งนั้นแม้จะรู้อยู่แล้วว่าเขานั้นมีใบหน้าที่หล่อเหลามาก แต่เมื่อได้มองใกล้ๆ เช่นนี้ กลับยิ่งหล่อเหลามีเสน่ห์ขึ้นอีกหลายเท่านัก สายตากลมโตที่ไล่ขึ้นสูงพลันสั่นไหวรุนแรงอย่างเขินอาย เมื่อสบเข้ากับสายตาวาบหวามที่กำลังมองนาง จนต้องรีบหลบสายตาอย่างรนราน มือบางรีบดึงรั้งผ้าห่มขึ้นมาคลุมใบหน้าที่ผ่าวร้อน แต่ต้องตกใจจนกรีดร้อง เมื่
อี้ซินที่สั่นสะท้านผวาเฮือก ขนกายพลันลุกชันทั่วร่าง จิกปลายเท้าลงบนที่นอนหนานุ่ม เมื่อลมหายใจร้อนผ่าวนั้นเป่ารดลงบนกลีบดอกอวบอูมของดอกไม้งามมือหนาของหานตงที่จับเรียวขาสวยแยกออกกว้าง มองดูกลีบดอกบอบบางขาวนวลผลิแยกออกจากกัน ปรากฏภาพความงามล้ำตรงหน้าที่ยากจะถอดถอนสายตา ลิ้นหนาที่แลบออกมาไล้เลียริมฝีปากที่แห้งผาก กลืนก้อนแข็งลงคอ ก่อนจะส่งปลายลิ้นร้อนสากระคาย กระดกลงบนตุ่มเกสรสีแดงระเรื่ออย่างหยอกเย้า จนร่างบางครางฮือ กระดกสะโพกหนั่นแน่นขึ้นอย่างเสียวซ่าน จิกปลายเล็บแหลมลงบนบ่ากว้าง ปากหนาที่เลื่อนมาแตะจูบลงบนต้นขาอ่อนราวจะปลอบประโลมให้นางคลายความหวาดหวั่น แล้วค่อยๆ และเล็มจูบซับมาตามต้นขาขาว ไต่ไล่ระดับมายังเนินเนื้องามอีกครั้ง มือหนายกขาเรียวให้ชันเข่าแบะออกกว้าง ใช้นิ้วเรียวคลี่แย้มกลีบดอกตูมเต่ง ก่อนจะซุกใบหน้าลงดอมดมกุหลาบงาม ชอนไชลิ้นร้อนปาดเลียตรงรอยแยกของกลีบดอกอูม จนอี้ซินต้องกัดปากครางแผ่วเบาสะท้านเฮือกไปทั้งตัว ลิ้นร้อนยังคงชำแรกฉกชิมความหวานของกลีบดอกที่ตูมแต่งขึ้นเพราะอารมณ์กำหนัดที่ถูกปลุกเร้า จนนางต้องบิดส่ายสะโพกไปมาด้วยความซ่านสยิว รู้สึกแปลบปลาบไปทั่วร่างมือบางเอื้อมไป
หานตงที่รู้สึกยินดียิ่งนัก ทั้งกอดทั้งหอมสตรีในอ้อมแขน กว่าจะยอมปล่อยนางแก้มนวลถึงกับช้ำไปหมด เร่งนำข่าวดีนี้มาแจ้งแก่มารดา ให้ส่งแม่สื่อไปสู่ขอนางกับท่านป้าหวัง พร้อมกำหนดวันแต่งให้เร็วที่สุด จนทุกคนได้แต่ส่ายหน้าให้กับคนคลั่งรักที่ยิ้มจนปากจะฉีกถึงใบหู อย่างที่อาฉี กระแนะกระแหน หานตงที่ยังคงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ หากเป็นไปได้เขาก็อยากจะแต่งเสียพรุ่งนี้ ฤกษ์ที่ได้มาถึงแม้จะเป็นฤกษ์ที่ดีที่สุดก็อีกตั้งสิบวันข้างหน้า เขาจึงได้แต่ตั้งตารอให้ถึงวันนั้นเร็วๆวันนี้ก็เป็นวันที่สามแล้วที่ทุกคนต่างวิ่งวุ่นกันเตรียมงานมงคลที่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายนั้นต้องการให้ออกมาดีและเป็นงานแต่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี ให้สมกับการได้เกี่ยวดองกันของตระกูลที่มั่งคั่งทั้งสองตระกูล ผู้คนต่างพากันยินดีและพูดถึงข่าวมงคลนี้และวันนี้ก็มีข่าวที่เกี่ยวกับเรื่องการตายของบิดามารดานาง ที่แพร่สะพัดไปทั่วทั้งเมืองกลบข่าวงานมงคลเสียสนิท ที่ต่างถูกกล่าวถึงไปทั่ว เมื่อได้รับรู้ แม้จะทำให้รู้สึกปวดร้าวจิตใจยิ่งนัก แต่ก็รู้สึกดีที่นางเรียกร้องความยุติธรรมให้เจ้าของร่างได้ อย่างน้อยก็ได้ตอบแทนที่ให้นางได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในร่างนี
ตั้งแต่วันปักปิ่นเป็นต้นมา ข้างกายของอี้ซินก็มีเซี่ยหานตงคอยประกบอยู่ไม่ห่าง แม้ใครจะกล่าวว่าเขาเป็นบุรุษคลั่งรักเขาก็ยินดีน้อมรับ ก็เขาคลั่งรักจริงดังว่าตอนนี้เหลาอาหารก็ดำเนินการไปกว่าครึ่งแล้ว เริ่มจะเห็นเป็นรูปเป็นร่าง ผู้คนต่างร่ำลือถึงเหลาอาหารที่กำลังสร้าง เพราะรูปแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ต่างตั้งหน้าตั้งตารอคอยวันที่เหลาอาหารจะเปิดให้บริการโดยไม่รู้ตัว คาดว่าวันที่เปิดเหลาอาหารผู้คนคงหลั่งไหลเข้ามาอย่างคับคั่งเป็นแน่ ผู้คนที่พบเห็นต่างไม่อยากจะเชื่อเลยว่าไม้ไผ่ที่นอกจากจะนำมาทำเป็นเครื่องจักสานแล้วยังสามารถนำมาสร้างเป็นเหลาอาหารขนาดใหญ่รูปทรงแปลกตาสวยงามและยังแข็งแรงทนทานอีกด้วยอี้ซินนางตั้งใจจะสร้างเหลาอาหารของนางเป็นแบบร้านอาหารที่กำลังเป็นที่นิยมในโลกปัจจุบันแนวรักธรรมชาติ โดยเหลาอาหารของนางนั้นมีสองชั้นและมีมุมที่เปิดโล่ง อากาศถ่ายเทได้สะดวก ให้บรรยากาศที่ดูอบอุ่น ฝาผนังทุกด้านถูกออกแบบให้พับเก็บได้คล้ายประตูบานเลื่อนในยุคปัจจุบัน เพื่อให้สามารถให้บริการได้ในทุกๆ ฤดูกาล หากต้องการชื่นชมบรรยากาศภายนอกก็สามารถเลื่อนประตูให้เปิดออก รอบๆ บริเวณเหลาอาหารก็ล้วนถูกประดับตกแต่งด้
อี้ซินที่กำลังที่นอนพลิกกายไปมาเพราะไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้ มิรู้ว่าเพราะผิดที่หรือเหตุการณ์วาบหวิวที่เกิดขึ้นก่อนหน้ากันแน่ถึงทำให้นางต้องนอนกระสับกระส่ายอยู่แบบนี้ก๊อก ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นทำให้นางหยุดความคิดฟุ้งซ่านทั้งหมดลุกขึ้นมาเอ่ยถามขึ้น"ใครเจ้าคะ""แม่เอง แม่ขอเข้าไปนะ"เป็นหวังจูชิงมารดาบุญธรรมของนางนั่นเอง"เจ้าค่ะ"อี้ซินที่มองมารดาบุญธรรมที่เปิดประตูเข้ามาในมือนั้นมีกล่องลวดลายงดงามเข้ามาด้วย"แม่นำปิ่นที่จะใช้ปักในวันพรุ่งนี้มาให้เจ้าเลือก"เถ้าแก่เนี้ยหวังบอกด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะวางกล่องเครื่องประดับที่ด้านในมีปิ่นปักผมลวดลายงดงามมากมายอี้ซินที่มองปิ่นในกล่อง และเงยหน้ามองมารดาบุญธรรมก่อนจะส่งยิ้มให้อีกฝ่าย เอ่ยออกมาเบาๆใบหน้านั้นแดงก่ำ"เอ่อ ข้ามีปิ่นที่จะใช้ในพิธีอยู่แล้วเจ้าค่ะท่านแม่"พร้อมกับลุกออกไปหยิบกล่องปิ่นปักผมที่นางนำติดตัวมาด้วยส่งให้มารดาบุญธรรม ด้วยมีเรื่องมากมายเกิดขึ้นนางจึงลืมเสียสนิทที่จะนำปิ่นที่จะใช้ปักปิ่นของนางมอบให้มารดาเถ้าแก่เนี้ยหวังที่รับกล่องลวดลายงดงามประณีตขึ้นมาเปิดดู ด้านในเป็นปิ่นปักผมที่งดงามมาก บ่งบอกถึงความใส่ใจของผู้ใ
"ซินเอ๋อ หากป้าจะรับเจ้าและฟงเอ๋อเป็นบุตรบุญธรรมเจ้าจะยินดีหรือไม่"หวังจูชิงที่มองดรุณีน้อยตรงหน้าด้วยสายตาคาดหวัง นางนั้นเป็นหญิงหม้ายไร้บุตรหลาน และรู้สึกรักและเอ็นดูในตัวเด็กสาวและน้องชายตั้งแต่ครั้งแรกที่พบหน้า ยิ่งได้รับรู้ชะตากรรมของเด็กน้อย ยิ่งอยากที่จะอุ้มชูอี้ซินที่มองสตรีวัยกลางคนตรงหน้าอย่างทราบซึ้งถึงความเมตตาที่อีกฝ่ายหยิบยื่นให้ตลอดมา นางและน้องชายนั้นได้รับความรักและเอ็นดูจากสตรีผู้นี้มาตั้งแต่ต้นจึงไม่ลังเลเลยที่จะตอบรับคำนั้นเพื่อต่อไปจะได้เป็นที่พึ่งพิงให้สตรีผู้นี้ "ข้ายินดีเจ้าค่ะ"อี้ฟงที่ถูกตามตัวมาก็ยินดีและตื่นเต้นยิ่งนักที่จะมีมารดาเป็นท่านป้าหวังผู้ใจดีมีเมตตา หานตงที่เห็นดังนั้นจึงเตรียมน้ำชาให้คนรักเพื่อใช้คำนับท่านป้าหวังเป็นมารดาบุญธรรม โดยมีมารดาของตนร่วมเป็นสักขีพยานด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม ต่อไปหวังจูชิงผู้เป็นสหายรักจะได้ไม่เหงาเมื่ออี้ซินและอี้ฟงคำนับหวังจูชิงเป็นมารดาบุญธรรมแล้ว ร้านค้าตระกูลหวังจึงได้จัดงานเลี้ยงเล็กๆร่วมกันรับประทานอาหารเป็นการภายในและเถ้าแก่เนี้ยตระกูลหวังก็ประกาศให้คนในปกครองได้รู้ถึงฐานะของทั้งสองว่าทั้งสองนั้นคือทายาทของต
อี้ซินที่เดินทางมายังร้านค้าของท่านป้าหวังตั้งแต่เช้าเพราะวันพรุ่งนี้จะเป็นวันปักปิ่นของนางแล้ว วันนี้นางจึงต้องมาเตรียมตัวสำหรับวันพรุ่งนี้ คืนนี้นางจะค้างคืนที่นี่ และเข้าพิธีในตอนเช้า โดยมีท่านป้าหวังเป็นผู้ใหญ่จัดการทุกอย่างให้ เพราะท่านป้าหวังเปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่ที่นางนับถือเพียงคนเดียวและนางนั้นรักและเคารพอีกฝ่ายดุจดังมารดา"ซินเอ๋อ มาแล้วหรือ เถ้าแก่เนี่ยกำลังรอเจ้าอยู่ด้านใน"คนงานในร้านที่คุ้นเคยกันดี เมื่อเห็นนางที่ลงมาจากรถม้าก็รีบเข้ามาช่วยถือข้าวของ พร้อมแจ้งว่านายตนกำลังรอท่าอยู่"หืม ท่านป้ารอข้าอยู่หรือ"อี้ซินที่ทำหน้าสงสัย ท่านป้ารอนางด้วยเหตุใด หรือว่าจะเกี่ยวกับพิธีในวันพรุ่งนี้ แต่มันก็ไม่ได้มีอันใดซับซ้อนมิใช่หรอกหรือฝ่ายผู้แจ้งข่าวเมื่อเห็นดรุณีน้อยตรงหน้าทำหน้าครุ่นคิด จึงเอ่ยขึ้น"ได้ยินมาว่า มีคนอยากจะแนะนำให้เจ้ารู้จักน่ะ""อ้อ เช่นนั้นหรอกหรือ ขอบคุณเจ้าค่ะ"กล่าวขอบคุณอีกฝ่ายพร้อมยิ้มให้ ก่อนจะหันกลับไปหาน้องชายที่เดินตามมาด้านหลัง"ฟงเอ๋อ พี่จะไปพบท่านป้าก่อน เจ้าเล่นอยู่แถวนี้อย่าซนนักนะ""ขอรับ พี่ใหญ่"เจ้าตัวเล็กที่ดูเหมือนจะโตขึ้นนิดหน่อย รับคำพร
อี้ซินที่ปล่อยใจไปกับสัมผัสวาบหวามที่บุรุษตรงหน้าเป็นผู้ชักนำ ตอนนี้นางยอมรับแล้วว่าได้ตกหลุมที่เจ้าวัวเฒ่าผู้นี้เป็นคนขุดเรียบร้อยแล้ว หากนางจะลองวางชีวิตของนางและน้องชายไว้ในมือชายผู้ที่นางคิดว่านางอยากมีเขาเดินเคียงข้าง ร่วมฝ่าฟันไปด้วยกัน มิต้องเดินเพียงลำพังอย่างที่ผ่านมา แม้ว่ามันจะเสี่ยง แต่นางก็เป็นผู้เลือกเดินด้วยตัวเอง ได้เพียงแค่หวังว่านางคิดถูกที่ได้มอบหัวใจให้กับชายผู้นี้ เปลือกตาบางปิดลงอย่างยินยอมพร้อมใจ ปล่อยให้ชายอันเป็นที่รักตักตวงความหวานจากริมฝีปากอวบอิ่ม ไม่ว่าจะยุคไหนสมัยไหน ความรักมักมาพร้อมกับความใคร่ หาใช่เรื่องแปลก เรียวลิ้นอุ่นร้อนที่ลุกล้ำเข้ามาในโพลงปากนุ่ม ทำให้กายสาวสั่นไหวจนกายบางสิ้นไร้เรี่ยวแรงจนต้องยกแขนเรียวขึ้นคล้องลำคอแกร่ง จูบเรียกร้องอ่อนหวานแทบทำให้นางขาดใจ ก่อนริมฝีปากหนาจะผละออกให้นางได้หายใจหายคอ ทั้งรู้สึกตื่นเต้นปนหวาดกลัวกับประสบการณ์แปลกใหม่นี้หานตงที่มองสบดวงตาหวานที่กำลังสั่นไหว เห็นเงาของเขาในดวงตาคู่นั้น ดวงตาคู่ที่เขาหลงใหล"มิต้องกลัว พี่จะมิหักหาญน้ำใจเจ้า ขอแค่ชื่นใจเพียงเล็กน้อยเท่านั้น พี่จะรอวันที่แต่งเจ้าเป็นภรรยาอย่างถูกต
วันนี้เป็นอีกวันที่อี้ซินมาดูการสร้างเหลาอาหารตั้งแต่เช้า ยิ่งได้เห็นว่าเหลาอาหารของนางกำลังจะเป็นรูปเป็นร่างใบหน้างามยิ่งดูงดงามสดใสเพราะใบหน้านั้นประดับไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขและความหวัง อีกไม่นานฝันของนางก็จะเป็นจริงแล้ว ร่างบางที่เดินดูคนงานกำลังลำเลียงไม้ไผ่และตัดไม้ไผ่ออกเป็นรูปแบบต่างๆ ตามที่นางสอน ก่อนจะมาหยุดอยู่ตรงที่ที่มีสตรีอายุตั้งแต่ 14-45 ปี จำนวนสิบคนที่กำลังขะมักเขม้นสานไม้ไผ่เป็นลวดลายสวยงามแปลกตาอย่างพออกพอใจ สตรีเหล่านี้เป็นชาวบ้านและภรรยาของชายที่มาเป็นลูกจ้างในการสร้างเหลาอาหารในครั้งนี้ นางได้ว่าจ้างสตรีเหล่านี้มาสานไม้ไผ่ที่จะนำไปประกอบกับการสร้างเหลาอาหาร เพื่อที่ทุกคนจะได้มีรายได้ ฝีมือในการสานนั้นดีมากทีเดียวนางแค่อธิบายและทำเป็นแบบอย่างให้ดูแค่ครั้งเดียวเท่านั้น พวกนางก็สามารถทำได้และออกมางดงามประณีตอีกด้วย สร้างความพอใจให้นางนัก เวลาล่วงเลยมาถึงยามซื่อ (9.00น.-10.59น.) สายตาหวานซึ่งปรายตามองไปบนถนนอยู่เป็นระยะเหมือนกำลังรอใครบางคนที่ไม่เห็นหน้าตั้งแต่เมื่อวานจนตอนนี้ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะปรากฏตัวขึ้น ทำให้คิ้วเรียวขมวดมุ่น ก่อนจะวางมือจากการสานไม้ไผ่ตรงหน