อี้ซินที่เดินทางมายังร้านค้าของท่านป้าหวังตั้งแต่เช้าเพราะวันพรุ่งนี้จะเป็นวันปักปิ่นของนางแล้ว วันนี้นางจึงต้องมาเตรียมตัวสำหรับวันพรุ่งนี้ คืนนี้นางจะค้างคืนที่นี่ และเข้าพิธีในตอนเช้า โดยมีท่านป้าหวังเป็นผู้ใหญ่จัดการทุกอย่างให้ เพราะท่านป้าหวังเปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่ที่นางนับถือเพียงคนเดียวและนางนั้นรักและเคารพอีกฝ่ายดุจดังมารดา"ซินเอ๋อ มาแล้วหรือ เถ้าแก่เนี่ยกำลังรอเจ้าอยู่ด้านใน"คนงานในร้านที่คุ้นเคยกันดี เมื่อเห็นนางที่ลงมาจากรถม้าก็รีบเข้ามาช่วยถือข้าวของ พร้อมแจ้งว่านายตนกำลังรอท่าอยู่"หืม ท่านป้ารอข้าอยู่หรือ"อี้ซินที่ทำหน้าสงสัย ท่านป้ารอนางด้วยเหตุใด หรือว่าจะเกี่ยวกับพิธีในวันพรุ่งนี้ แต่มันก็ไม่ได้มีอันใดซับซ้อนมิใช่หรอกหรือฝ่ายผู้แจ้งข่าวเมื่อเห็นดรุณีน้อยตรงหน้าทำหน้าครุ่นคิด จึงเอ่ยขึ้น"ได้ยินมาว่า มีคนอยากจะแนะนำให้เจ้ารู้จักน่ะ""อ้อ เช่นนั้นหรอกหรือ ขอบคุณเจ้าค่ะ"กล่าวขอบคุณอีกฝ่ายพร้อมยิ้มให้ ก่อนจะหันกลับไปหาน้องชายที่เดินตามมาด้านหลัง"ฟงเอ๋อ พี่จะไปพบท่านป้าก่อน เจ้าเล่นอยู่แถวนี้อย่าซนนักนะ""ขอรับ พี่ใหญ่"เจ้าตัวเล็กที่ดูเหมือนจะโตขึ้นนิดหน่อย รับคำพร
"ซินเอ๋อ หากป้าจะรับเจ้าและฟงเอ๋อเป็นบุตรบุญธรรมเจ้าจะยินดีหรือไม่"หวังจูชิงที่มองดรุณีน้อยตรงหน้าด้วยสายตาคาดหวัง นางนั้นเป็นหญิงหม้ายไร้บุตรหลาน และรู้สึกรักและเอ็นดูในตัวเด็กสาวและน้องชายตั้งแต่ครั้งแรกที่พบหน้า ยิ่งได้รับรู้ชะตากรรมของเด็กน้อย ยิ่งอยากที่จะอุ้มชูอี้ซินที่มองสตรีวัยกลางคนตรงหน้าอย่างทราบซึ้งถึงความเมตตาที่อีกฝ่ายหยิบยื่นให้ตลอดมา นางและน้องชายนั้นได้รับความรักและเอ็นดูจากสตรีผู้นี้มาตั้งแต่ต้นจึงไม่ลังเลเลยที่จะตอบรับคำนั้นเพื่อต่อไปจะได้เป็นที่พึ่งพิงให้สตรีผู้นี้ "ข้ายินดีเจ้าค่ะ"อี้ฟงที่ถูกตามตัวมาก็ยินดีและตื่นเต้นยิ่งนักที่จะมีมารดาเป็นท่านป้าหวังผู้ใจดีมีเมตตา หานตงที่เห็นดังนั้นจึงเตรียมน้ำชาให้คนรักเพื่อใช้คำนับท่านป้าหวังเป็นมารดาบุญธรรม โดยมีมารดาของตนร่วมเป็นสักขีพยานด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม ต่อไปหวังจูชิงผู้เป็นสหายรักจะได้ไม่เหงาเมื่ออี้ซินและอี้ฟงคำนับหวังจูชิงเป็นมารดาบุญธรรมแล้ว ร้านค้าตระกูลหวังจึงได้จัดงานเลี้ยงเล็กๆร่วมกันรับประทานอาหารเป็นการภายในและเถ้าแก่เนี้ยตระกูลหวังก็ประกาศให้คนในปกครองได้รู้ถึงฐานะของทั้งสองว่าทั้งสองนั้นคือทายาทของต
อี้ซินที่กำลังที่นอนพลิกกายไปมาเพราะไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้ มิรู้ว่าเพราะผิดที่หรือเหตุการณ์วาบหวิวที่เกิดขึ้นก่อนหน้ากันแน่ถึงทำให้นางต้องนอนกระสับกระส่ายอยู่แบบนี้ก๊อก ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นทำให้นางหยุดความคิดฟุ้งซ่านทั้งหมดลุกขึ้นมาเอ่ยถามขึ้น"ใครเจ้าคะ""แม่เอง แม่ขอเข้าไปนะ"เป็นหวังจูชิงมารดาบุญธรรมของนางนั่นเอง"เจ้าค่ะ"อี้ซินที่มองมารดาบุญธรรมที่เปิดประตูเข้ามาในมือนั้นมีกล่องลวดลายงดงามเข้ามาด้วย"แม่นำปิ่นที่จะใช้ปักในวันพรุ่งนี้มาให้เจ้าเลือก"เถ้าแก่เนี้ยหวังบอกด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะวางกล่องเครื่องประดับที่ด้านในมีปิ่นปักผมลวดลายงดงามมากมายอี้ซินที่มองปิ่นในกล่อง และเงยหน้ามองมารดาบุญธรรมก่อนจะส่งยิ้มให้อีกฝ่าย เอ่ยออกมาเบาๆใบหน้านั้นแดงก่ำ"เอ่อ ข้ามีปิ่นที่จะใช้ในพิธีอยู่แล้วเจ้าค่ะท่านแม่"พร้อมกับลุกออกไปหยิบกล่องปิ่นปักผมที่นางนำติดตัวมาด้วยส่งให้มารดาบุญธรรม ด้วยมีเรื่องมากมายเกิดขึ้นนางจึงลืมเสียสนิทที่จะนำปิ่นที่จะใช้ปักปิ่นของนางมอบให้มารดาเถ้าแก่เนี้ยหวังที่รับกล่องลวดลายงดงามประณีตขึ้นมาเปิดดู ด้านในเป็นปิ่นปักผมที่งดงามมาก บ่งบอกถึงความใส่ใจของผู้ใ
ตั้งแต่วันปักปิ่นเป็นต้นมา ข้างกายของอี้ซินก็มีเซี่ยหานตงคอยประกบอยู่ไม่ห่าง แม้ใครจะกล่าวว่าเขาเป็นบุรุษคลั่งรักเขาก็ยินดีน้อมรับ ก็เขาคลั่งรักจริงดังว่าตอนนี้เหลาอาหารก็ดำเนินการไปกว่าครึ่งแล้ว เริ่มจะเห็นเป็นรูปเป็นร่าง ผู้คนต่างร่ำลือถึงเหลาอาหารที่กำลังสร้าง เพราะรูปแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ต่างตั้งหน้าตั้งตารอคอยวันที่เหลาอาหารจะเปิดให้บริการโดยไม่รู้ตัว คาดว่าวันที่เปิดเหลาอาหารผู้คนคงหลั่งไหลเข้ามาอย่างคับคั่งเป็นแน่ ผู้คนที่พบเห็นต่างไม่อยากจะเชื่อเลยว่าไม้ไผ่ที่นอกจากจะนำมาทำเป็นเครื่องจักสานแล้วยังสามารถนำมาสร้างเป็นเหลาอาหารขนาดใหญ่รูปทรงแปลกตาสวยงามและยังแข็งแรงทนทานอีกด้วยอี้ซินนางตั้งใจจะสร้างเหลาอาหารของนางเป็นแบบร้านอาหารที่กำลังเป็นที่นิยมในโลกปัจจุบันแนวรักธรรมชาติ โดยเหลาอาหารของนางนั้นมีสองชั้นและมีมุมที่เปิดโล่ง อากาศถ่ายเทได้สะดวก ให้บรรยากาศที่ดูอบอุ่น ฝาผนังทุกด้านถูกออกแบบให้พับเก็บได้คล้ายประตูบานเลื่อนในยุคปัจจุบัน เพื่อให้สามารถให้บริการได้ในทุกๆ ฤดูกาล หากต้องการชื่นชมบรรยากาศภายนอกก็สามารถเลื่อนประตูให้เปิดออก รอบๆ บริเวณเหลาอาหารก็ล้วนถูกประดับตกแต่งด้
หานตงที่รู้สึกยินดียิ่งนัก ทั้งกอดทั้งหอมสตรีในอ้อมแขน กว่าจะยอมปล่อยนางแก้มนวลถึงกับช้ำไปหมด เร่งนำข่าวดีนี้มาแจ้งแก่มารดา ให้ส่งแม่สื่อไปสู่ขอนางกับท่านป้าหวัง พร้อมกำหนดวันแต่งให้เร็วที่สุด จนทุกคนได้แต่ส่ายหน้าให้กับคนคลั่งรักที่ยิ้มจนปากจะฉีกถึงใบหู อย่างที่อาฉี กระแนะกระแหน หานตงที่ยังคงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ หากเป็นไปได้เขาก็อยากจะแต่งเสียพรุ่งนี้ ฤกษ์ที่ได้มาถึงแม้จะเป็นฤกษ์ที่ดีที่สุดก็อีกตั้งสิบวันข้างหน้า เขาจึงได้แต่ตั้งตารอให้ถึงวันนั้นเร็วๆวันนี้ก็เป็นวันที่สามแล้วที่ทุกคนต่างวิ่งวุ่นกันเตรียมงานมงคลที่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายนั้นต้องการให้ออกมาดีและเป็นงานแต่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี ให้สมกับการได้เกี่ยวดองกันของตระกูลที่มั่งคั่งทั้งสองตระกูล ผู้คนต่างพากันยินดีและพูดถึงข่าวมงคลนี้และวันนี้ก็มีข่าวที่เกี่ยวกับเรื่องการตายของบิดามารดานาง ที่แพร่สะพัดไปทั่วทั้งเมืองกลบข่าวงานมงคลเสียสนิท ที่ต่างถูกกล่าวถึงไปทั่ว เมื่อได้รับรู้ แม้จะทำให้รู้สึกปวดร้าวจิตใจยิ่งนัก แต่ก็รู้สึกดีที่นางเรียกร้องความยุติธรรมให้เจ้าของร่างได้ อย่างน้อยก็ได้ตอบแทนที่ให้นางได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในร่างนี
อี้ซินที่สั่นสะท้านผวาเฮือก ขนกายพลันลุกชันทั่วร่าง จิกปลายเท้าลงบนที่นอนหนานุ่ม เมื่อลมหายใจร้อนผ่าวนั้นเป่ารดลงบนกลีบดอกอวบอูมของดอกไม้งามมือหนาของหานตงที่จับเรียวขาสวยแยกออกกว้าง มองดูกลีบดอกบอบบางขาวนวลผลิแยกออกจากกัน ปรากฏภาพความงามล้ำตรงหน้าที่ยากจะถอดถอนสายตา ลิ้นหนาที่แลบออกมาไล้เลียริมฝีปากที่แห้งผาก กลืนก้อนแข็งลงคอ ก่อนจะส่งปลายลิ้นร้อนสากระคาย กระดกลงบนตุ่มเกสรสีแดงระเรื่ออย่างหยอกเย้า จนร่างบางครางฮือ กระดกสะโพกหนั่นแน่นขึ้นอย่างเสียวซ่าน จิกปลายเล็บแหลมลงบนบ่ากว้าง ปากหนาที่เลื่อนมาแตะจูบลงบนต้นขาอ่อนราวจะปลอบประโลมให้นางคลายความหวาดหวั่น แล้วค่อยๆ และเล็มจูบซับมาตามต้นขาขาว ไต่ไล่ระดับมายังเนินเนื้องามอีกครั้ง มือหนายกขาเรียวให้ชันเข่าแบะออกกว้าง ใช้นิ้วเรียวคลี่แย้มกลีบดอกตูมเต่ง ก่อนจะซุกใบหน้าลงดอมดมกุหลาบงาม ชอนไชลิ้นร้อนปาดเลียตรงรอยแยกของกลีบดอกอูม จนอี้ซินต้องกัดปากครางแผ่วเบาสะท้านเฮือกไปทั้งตัว ลิ้นร้อนยังคงชำแรกฉกชิมความหวานของกลีบดอกที่ตูมแต่งขึ้นเพราะอารมณ์กำหนัดที่ถูกปลุกเร้า จนนางต้องบิดส่ายสะโพกไปมาด้วยความซ่านสยิว รู้สึกแปลบปลาบไปทั่วร่างมือบางเอื้อมไป
อี้ซินที่กะพริบตาปริบๆ ปรับสายตาให้รับกับแสงสว่างที่สาดกระทบ บิดกายที่เมื่อยขบรู้สึกถึงความปวดหน่วงตรงกลางร่าง ค่อยๆ ปรือตาขึ้นมอง เมื่อสัมผัสได้ถึงความอุ่นร้อนที่แผ่กระจายอบอวลอยู่รอบกายของนาง สิ่งแรกที่เห็นเมื่อลืมตาขึ้น คือแผงอกอุ่นกำยำที่เปลือยเปล่าไม่แตกต่างจากนาง ความร้อนสายหนึ่งพลันแผ่กระจายทั่วใบหน้างามจนแทบผลิแตกภาพความเร่าร้อนที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ พุ่งเข้ามาตีแสกหน้า ก่อนจะไล่สายตามองขึ้นไปตามอกแกร่ง มองดูไหล่ผายกว้างรับกับลำคอแข็งแกร่งที่เต็มไปด้วยรอยเล็บที่เกิดจากฝีมือนาง ตอกย้ำว่าเมื่อคืนนี้ระหว่างคนทั้งสองเร่าร้อนเพียงใดทอดสายตามองสันกรามได้รูป ปากหนาสีระเรื่อที่ช่างร้ายกาจเหลือร้าย รับกับจมูกโด่งสวยราวสวรรค์ปั้นแต่ง ก่อนจะไล่สายตาขึ้นไปเหลือจมูกโด่งนั้นแม้จะรู้อยู่แล้วว่าเขานั้นมีใบหน้าที่หล่อเหลามาก แต่เมื่อได้มองใกล้ๆ เช่นนี้ กลับยิ่งหล่อเหลามีเสน่ห์ขึ้นอีกหลายเท่านัก สายตากลมโตที่ไล่ขึ้นสูงพลันสั่นไหวรุนแรงอย่างเขินอาย เมื่อสบเข้ากับสายตาวาบหวามที่กำลังมองนาง จนต้องรีบหลบสายตาอย่างรนราน มือบางรีบดึงรั้งผ้าห่มขึ้นมาคลุมใบหน้าที่ผ่าวร้อน แต่ต้องตกใจจนกรีดร้อง เมื่
"ฮื้อ ฮื้อ ฮื้อ อึก""ไปเลย! พวกเด็กเหลือขอ ออกจากบ้านของข้าไปเดี๋ยวนี้ ไป! ออกไปให้พ้น พวกตัวซวย" โครม! โครม! "ฮื้อ ฮื้อ อึก พี่ใหญ่ตื่น ฮื้อออ พี่ใหญ่" เสียงร้องไห้ที่ดังอยู่ใกล้ๆ สลับเสียงด่าทอแหลมปรี๊ดจนแสบแก้วหูและเสียงโครมครามของสิ่งของกระทบพื้นเรียกให้ร่างผอมบางของเด็กสาวตัวน้อยยังไม่ถึงวัยปักปิ่นลืมตาขึ้น ก่อนจะกวาดตามองไปรอบๆ ตัวที่ดูไม่คุ้นตาเอาเสียเลย ก่อนที่สายตาจะมาปะทะกับร่างผอมจนแก้มซูบตอบของเด็กชายที่ใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำมูกน้ำตา ยิ้มจนเห็นฟันที่เรียงตัวสวยเป็นระเบียบอย่างดีใจ"พี่ใหญ่ ท่านฟื้นแล้ว เจ็บตรงที่ใดหรือไม่ขอรับ" สายตาสับสนงุนงงที่มองฝ่ามือเล็กที่ยกขึ้นลูบเบาๆ สลับกับใบหน้าของเด็กน้อยตรงหน้าด้วยความเหม่อลอยพร้อมด้วยคำถาม เกิดอะไรขึ้น? นักศึกษาสาวจบใหม่ นาม เจด้า ลูกครึ่งไทย จีน อายุ 22 ปี เป็นเด็กต่างจังหวัดพ่อแม่ประกอบอาชีพทำไร่ทำสวน โตมากับดินโคลนและการเพาะปลูก พ่อแม่ส่งมาร่ำเรียนทางด้านการเกษตรเพื่อจะนำความรู้ไปต่อยอดให้กับอาชีพของครอบครัวแต่เมื่อเรียนจบยังไม่ได้ทำตามความฝันของพ่อแม่กลับเกิดอุบัติเหตุขึ้นอย่างไม่คาดฝันเมื่อรถยนต์กระบะที่ไม่
อี้ซินที่กะพริบตาปริบๆ ปรับสายตาให้รับกับแสงสว่างที่สาดกระทบ บิดกายที่เมื่อยขบรู้สึกถึงความปวดหน่วงตรงกลางร่าง ค่อยๆ ปรือตาขึ้นมอง เมื่อสัมผัสได้ถึงความอุ่นร้อนที่แผ่กระจายอบอวลอยู่รอบกายของนาง สิ่งแรกที่เห็นเมื่อลืมตาขึ้น คือแผงอกอุ่นกำยำที่เปลือยเปล่าไม่แตกต่างจากนาง ความร้อนสายหนึ่งพลันแผ่กระจายทั่วใบหน้างามจนแทบผลิแตกภาพความเร่าร้อนที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ พุ่งเข้ามาตีแสกหน้า ก่อนจะไล่สายตามองขึ้นไปตามอกแกร่ง มองดูไหล่ผายกว้างรับกับลำคอแข็งแกร่งที่เต็มไปด้วยรอยเล็บที่เกิดจากฝีมือนาง ตอกย้ำว่าเมื่อคืนนี้ระหว่างคนทั้งสองเร่าร้อนเพียงใดทอดสายตามองสันกรามได้รูป ปากหนาสีระเรื่อที่ช่างร้ายกาจเหลือร้าย รับกับจมูกโด่งสวยราวสวรรค์ปั้นแต่ง ก่อนจะไล่สายตาขึ้นไปเหลือจมูกโด่งนั้นแม้จะรู้อยู่แล้วว่าเขานั้นมีใบหน้าที่หล่อเหลามาก แต่เมื่อได้มองใกล้ๆ เช่นนี้ กลับยิ่งหล่อเหลามีเสน่ห์ขึ้นอีกหลายเท่านัก สายตากลมโตที่ไล่ขึ้นสูงพลันสั่นไหวรุนแรงอย่างเขินอาย เมื่อสบเข้ากับสายตาวาบหวามที่กำลังมองนาง จนต้องรีบหลบสายตาอย่างรนราน มือบางรีบดึงรั้งผ้าห่มขึ้นมาคลุมใบหน้าที่ผ่าวร้อน แต่ต้องตกใจจนกรีดร้อง เมื่
อี้ซินที่สั่นสะท้านผวาเฮือก ขนกายพลันลุกชันทั่วร่าง จิกปลายเท้าลงบนที่นอนหนานุ่ม เมื่อลมหายใจร้อนผ่าวนั้นเป่ารดลงบนกลีบดอกอวบอูมของดอกไม้งามมือหนาของหานตงที่จับเรียวขาสวยแยกออกกว้าง มองดูกลีบดอกบอบบางขาวนวลผลิแยกออกจากกัน ปรากฏภาพความงามล้ำตรงหน้าที่ยากจะถอดถอนสายตา ลิ้นหนาที่แลบออกมาไล้เลียริมฝีปากที่แห้งผาก กลืนก้อนแข็งลงคอ ก่อนจะส่งปลายลิ้นร้อนสากระคาย กระดกลงบนตุ่มเกสรสีแดงระเรื่ออย่างหยอกเย้า จนร่างบางครางฮือ กระดกสะโพกหนั่นแน่นขึ้นอย่างเสียวซ่าน จิกปลายเล็บแหลมลงบนบ่ากว้าง ปากหนาที่เลื่อนมาแตะจูบลงบนต้นขาอ่อนราวจะปลอบประโลมให้นางคลายความหวาดหวั่น แล้วค่อยๆ และเล็มจูบซับมาตามต้นขาขาว ไต่ไล่ระดับมายังเนินเนื้องามอีกครั้ง มือหนายกขาเรียวให้ชันเข่าแบะออกกว้าง ใช้นิ้วเรียวคลี่แย้มกลีบดอกตูมเต่ง ก่อนจะซุกใบหน้าลงดอมดมกุหลาบงาม ชอนไชลิ้นร้อนปาดเลียตรงรอยแยกของกลีบดอกอูม จนอี้ซินต้องกัดปากครางแผ่วเบาสะท้านเฮือกไปทั้งตัว ลิ้นร้อนยังคงชำแรกฉกชิมความหวานของกลีบดอกที่ตูมแต่งขึ้นเพราะอารมณ์กำหนัดที่ถูกปลุกเร้า จนนางต้องบิดส่ายสะโพกไปมาด้วยความซ่านสยิว รู้สึกแปลบปลาบไปทั่วร่างมือบางเอื้อมไป
หานตงที่รู้สึกยินดียิ่งนัก ทั้งกอดทั้งหอมสตรีในอ้อมแขน กว่าจะยอมปล่อยนางแก้มนวลถึงกับช้ำไปหมด เร่งนำข่าวดีนี้มาแจ้งแก่มารดา ให้ส่งแม่สื่อไปสู่ขอนางกับท่านป้าหวัง พร้อมกำหนดวันแต่งให้เร็วที่สุด จนทุกคนได้แต่ส่ายหน้าให้กับคนคลั่งรักที่ยิ้มจนปากจะฉีกถึงใบหู อย่างที่อาฉี กระแนะกระแหน หานตงที่ยังคงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ หากเป็นไปได้เขาก็อยากจะแต่งเสียพรุ่งนี้ ฤกษ์ที่ได้มาถึงแม้จะเป็นฤกษ์ที่ดีที่สุดก็อีกตั้งสิบวันข้างหน้า เขาจึงได้แต่ตั้งตารอให้ถึงวันนั้นเร็วๆวันนี้ก็เป็นวันที่สามแล้วที่ทุกคนต่างวิ่งวุ่นกันเตรียมงานมงคลที่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายนั้นต้องการให้ออกมาดีและเป็นงานแต่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี ให้สมกับการได้เกี่ยวดองกันของตระกูลที่มั่งคั่งทั้งสองตระกูล ผู้คนต่างพากันยินดีและพูดถึงข่าวมงคลนี้และวันนี้ก็มีข่าวที่เกี่ยวกับเรื่องการตายของบิดามารดานาง ที่แพร่สะพัดไปทั่วทั้งเมืองกลบข่าวงานมงคลเสียสนิท ที่ต่างถูกกล่าวถึงไปทั่ว เมื่อได้รับรู้ แม้จะทำให้รู้สึกปวดร้าวจิตใจยิ่งนัก แต่ก็รู้สึกดีที่นางเรียกร้องความยุติธรรมให้เจ้าของร่างได้ อย่างน้อยก็ได้ตอบแทนที่ให้นางได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในร่างนี
ตั้งแต่วันปักปิ่นเป็นต้นมา ข้างกายของอี้ซินก็มีเซี่ยหานตงคอยประกบอยู่ไม่ห่าง แม้ใครจะกล่าวว่าเขาเป็นบุรุษคลั่งรักเขาก็ยินดีน้อมรับ ก็เขาคลั่งรักจริงดังว่าตอนนี้เหลาอาหารก็ดำเนินการไปกว่าครึ่งแล้ว เริ่มจะเห็นเป็นรูปเป็นร่าง ผู้คนต่างร่ำลือถึงเหลาอาหารที่กำลังสร้าง เพราะรูปแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ต่างตั้งหน้าตั้งตารอคอยวันที่เหลาอาหารจะเปิดให้บริการโดยไม่รู้ตัว คาดว่าวันที่เปิดเหลาอาหารผู้คนคงหลั่งไหลเข้ามาอย่างคับคั่งเป็นแน่ ผู้คนที่พบเห็นต่างไม่อยากจะเชื่อเลยว่าไม้ไผ่ที่นอกจากจะนำมาทำเป็นเครื่องจักสานแล้วยังสามารถนำมาสร้างเป็นเหลาอาหารขนาดใหญ่รูปทรงแปลกตาสวยงามและยังแข็งแรงทนทานอีกด้วยอี้ซินนางตั้งใจจะสร้างเหลาอาหารของนางเป็นแบบร้านอาหารที่กำลังเป็นที่นิยมในโลกปัจจุบันแนวรักธรรมชาติ โดยเหลาอาหารของนางนั้นมีสองชั้นและมีมุมที่เปิดโล่ง อากาศถ่ายเทได้สะดวก ให้บรรยากาศที่ดูอบอุ่น ฝาผนังทุกด้านถูกออกแบบให้พับเก็บได้คล้ายประตูบานเลื่อนในยุคปัจจุบัน เพื่อให้สามารถให้บริการได้ในทุกๆ ฤดูกาล หากต้องการชื่นชมบรรยากาศภายนอกก็สามารถเลื่อนประตูให้เปิดออก รอบๆ บริเวณเหลาอาหารก็ล้วนถูกประดับตกแต่งด้
อี้ซินที่กำลังที่นอนพลิกกายไปมาเพราะไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้ มิรู้ว่าเพราะผิดที่หรือเหตุการณ์วาบหวิวที่เกิดขึ้นก่อนหน้ากันแน่ถึงทำให้นางต้องนอนกระสับกระส่ายอยู่แบบนี้ก๊อก ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นทำให้นางหยุดความคิดฟุ้งซ่านทั้งหมดลุกขึ้นมาเอ่ยถามขึ้น"ใครเจ้าคะ""แม่เอง แม่ขอเข้าไปนะ"เป็นหวังจูชิงมารดาบุญธรรมของนางนั่นเอง"เจ้าค่ะ"อี้ซินที่มองมารดาบุญธรรมที่เปิดประตูเข้ามาในมือนั้นมีกล่องลวดลายงดงามเข้ามาด้วย"แม่นำปิ่นที่จะใช้ปักในวันพรุ่งนี้มาให้เจ้าเลือก"เถ้าแก่เนี้ยหวังบอกด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะวางกล่องเครื่องประดับที่ด้านในมีปิ่นปักผมลวดลายงดงามมากมายอี้ซินที่มองปิ่นในกล่อง และเงยหน้ามองมารดาบุญธรรมก่อนจะส่งยิ้มให้อีกฝ่าย เอ่ยออกมาเบาๆใบหน้านั้นแดงก่ำ"เอ่อ ข้ามีปิ่นที่จะใช้ในพิธีอยู่แล้วเจ้าค่ะท่านแม่"พร้อมกับลุกออกไปหยิบกล่องปิ่นปักผมที่นางนำติดตัวมาด้วยส่งให้มารดาบุญธรรม ด้วยมีเรื่องมากมายเกิดขึ้นนางจึงลืมเสียสนิทที่จะนำปิ่นที่จะใช้ปักปิ่นของนางมอบให้มารดาเถ้าแก่เนี้ยหวังที่รับกล่องลวดลายงดงามประณีตขึ้นมาเปิดดู ด้านในเป็นปิ่นปักผมที่งดงามมาก บ่งบอกถึงความใส่ใจของผู้ใ
"ซินเอ๋อ หากป้าจะรับเจ้าและฟงเอ๋อเป็นบุตรบุญธรรมเจ้าจะยินดีหรือไม่"หวังจูชิงที่มองดรุณีน้อยตรงหน้าด้วยสายตาคาดหวัง นางนั้นเป็นหญิงหม้ายไร้บุตรหลาน และรู้สึกรักและเอ็นดูในตัวเด็กสาวและน้องชายตั้งแต่ครั้งแรกที่พบหน้า ยิ่งได้รับรู้ชะตากรรมของเด็กน้อย ยิ่งอยากที่จะอุ้มชูอี้ซินที่มองสตรีวัยกลางคนตรงหน้าอย่างทราบซึ้งถึงความเมตตาที่อีกฝ่ายหยิบยื่นให้ตลอดมา นางและน้องชายนั้นได้รับความรักและเอ็นดูจากสตรีผู้นี้มาตั้งแต่ต้นจึงไม่ลังเลเลยที่จะตอบรับคำนั้นเพื่อต่อไปจะได้เป็นที่พึ่งพิงให้สตรีผู้นี้ "ข้ายินดีเจ้าค่ะ"อี้ฟงที่ถูกตามตัวมาก็ยินดีและตื่นเต้นยิ่งนักที่จะมีมารดาเป็นท่านป้าหวังผู้ใจดีมีเมตตา หานตงที่เห็นดังนั้นจึงเตรียมน้ำชาให้คนรักเพื่อใช้คำนับท่านป้าหวังเป็นมารดาบุญธรรม โดยมีมารดาของตนร่วมเป็นสักขีพยานด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม ต่อไปหวังจูชิงผู้เป็นสหายรักจะได้ไม่เหงาเมื่ออี้ซินและอี้ฟงคำนับหวังจูชิงเป็นมารดาบุญธรรมแล้ว ร้านค้าตระกูลหวังจึงได้จัดงานเลี้ยงเล็กๆร่วมกันรับประทานอาหารเป็นการภายในและเถ้าแก่เนี้ยตระกูลหวังก็ประกาศให้คนในปกครองได้รู้ถึงฐานะของทั้งสองว่าทั้งสองนั้นคือทายาทของต
อี้ซินที่เดินทางมายังร้านค้าของท่านป้าหวังตั้งแต่เช้าเพราะวันพรุ่งนี้จะเป็นวันปักปิ่นของนางแล้ว วันนี้นางจึงต้องมาเตรียมตัวสำหรับวันพรุ่งนี้ คืนนี้นางจะค้างคืนที่นี่ และเข้าพิธีในตอนเช้า โดยมีท่านป้าหวังเป็นผู้ใหญ่จัดการทุกอย่างให้ เพราะท่านป้าหวังเปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่ที่นางนับถือเพียงคนเดียวและนางนั้นรักและเคารพอีกฝ่ายดุจดังมารดา"ซินเอ๋อ มาแล้วหรือ เถ้าแก่เนี่ยกำลังรอเจ้าอยู่ด้านใน"คนงานในร้านที่คุ้นเคยกันดี เมื่อเห็นนางที่ลงมาจากรถม้าก็รีบเข้ามาช่วยถือข้าวของ พร้อมแจ้งว่านายตนกำลังรอท่าอยู่"หืม ท่านป้ารอข้าอยู่หรือ"อี้ซินที่ทำหน้าสงสัย ท่านป้ารอนางด้วยเหตุใด หรือว่าจะเกี่ยวกับพิธีในวันพรุ่งนี้ แต่มันก็ไม่ได้มีอันใดซับซ้อนมิใช่หรอกหรือฝ่ายผู้แจ้งข่าวเมื่อเห็นดรุณีน้อยตรงหน้าทำหน้าครุ่นคิด จึงเอ่ยขึ้น"ได้ยินมาว่า มีคนอยากจะแนะนำให้เจ้ารู้จักน่ะ""อ้อ เช่นนั้นหรอกหรือ ขอบคุณเจ้าค่ะ"กล่าวขอบคุณอีกฝ่ายพร้อมยิ้มให้ ก่อนจะหันกลับไปหาน้องชายที่เดินตามมาด้านหลัง"ฟงเอ๋อ พี่จะไปพบท่านป้าก่อน เจ้าเล่นอยู่แถวนี้อย่าซนนักนะ""ขอรับ พี่ใหญ่"เจ้าตัวเล็กที่ดูเหมือนจะโตขึ้นนิดหน่อย รับคำพร
อี้ซินที่ปล่อยใจไปกับสัมผัสวาบหวามที่บุรุษตรงหน้าเป็นผู้ชักนำ ตอนนี้นางยอมรับแล้วว่าได้ตกหลุมที่เจ้าวัวเฒ่าผู้นี้เป็นคนขุดเรียบร้อยแล้ว หากนางจะลองวางชีวิตของนางและน้องชายไว้ในมือชายผู้ที่นางคิดว่านางอยากมีเขาเดินเคียงข้าง ร่วมฝ่าฟันไปด้วยกัน มิต้องเดินเพียงลำพังอย่างที่ผ่านมา แม้ว่ามันจะเสี่ยง แต่นางก็เป็นผู้เลือกเดินด้วยตัวเอง ได้เพียงแค่หวังว่านางคิดถูกที่ได้มอบหัวใจให้กับชายผู้นี้ เปลือกตาบางปิดลงอย่างยินยอมพร้อมใจ ปล่อยให้ชายอันเป็นที่รักตักตวงความหวานจากริมฝีปากอวบอิ่ม ไม่ว่าจะยุคไหนสมัยไหน ความรักมักมาพร้อมกับความใคร่ หาใช่เรื่องแปลก เรียวลิ้นอุ่นร้อนที่ลุกล้ำเข้ามาในโพลงปากนุ่ม ทำให้กายสาวสั่นไหวจนกายบางสิ้นไร้เรี่ยวแรงจนต้องยกแขนเรียวขึ้นคล้องลำคอแกร่ง จูบเรียกร้องอ่อนหวานแทบทำให้นางขาดใจ ก่อนริมฝีปากหนาจะผละออกให้นางได้หายใจหายคอ ทั้งรู้สึกตื่นเต้นปนหวาดกลัวกับประสบการณ์แปลกใหม่นี้หานตงที่มองสบดวงตาหวานที่กำลังสั่นไหว เห็นเงาของเขาในดวงตาคู่นั้น ดวงตาคู่ที่เขาหลงใหล"มิต้องกลัว พี่จะมิหักหาญน้ำใจเจ้า ขอแค่ชื่นใจเพียงเล็กน้อยเท่านั้น พี่จะรอวันที่แต่งเจ้าเป็นภรรยาอย่างถูกต
วันนี้เป็นอีกวันที่อี้ซินมาดูการสร้างเหลาอาหารตั้งแต่เช้า ยิ่งได้เห็นว่าเหลาอาหารของนางกำลังจะเป็นรูปเป็นร่างใบหน้างามยิ่งดูงดงามสดใสเพราะใบหน้านั้นประดับไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขและความหวัง อีกไม่นานฝันของนางก็จะเป็นจริงแล้ว ร่างบางที่เดินดูคนงานกำลังลำเลียงไม้ไผ่และตัดไม้ไผ่ออกเป็นรูปแบบต่างๆ ตามที่นางสอน ก่อนจะมาหยุดอยู่ตรงที่ที่มีสตรีอายุตั้งแต่ 14-45 ปี จำนวนสิบคนที่กำลังขะมักเขม้นสานไม้ไผ่เป็นลวดลายสวยงามแปลกตาอย่างพออกพอใจ สตรีเหล่านี้เป็นชาวบ้านและภรรยาของชายที่มาเป็นลูกจ้างในการสร้างเหลาอาหารในครั้งนี้ นางได้ว่าจ้างสตรีเหล่านี้มาสานไม้ไผ่ที่จะนำไปประกอบกับการสร้างเหลาอาหาร เพื่อที่ทุกคนจะได้มีรายได้ ฝีมือในการสานนั้นดีมากทีเดียวนางแค่อธิบายและทำเป็นแบบอย่างให้ดูแค่ครั้งเดียวเท่านั้น พวกนางก็สามารถทำได้และออกมางดงามประณีตอีกด้วย สร้างความพอใจให้นางนัก เวลาล่วงเลยมาถึงยามซื่อ (9.00น.-10.59น.) สายตาหวานซึ่งปรายตามองไปบนถนนอยู่เป็นระยะเหมือนกำลังรอใครบางคนที่ไม่เห็นหน้าตั้งแต่เมื่อวานจนตอนนี้ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะปรากฏตัวขึ้น ทำให้คิ้วเรียวขมวดมุ่น ก่อนจะวางมือจากการสานไม้ไผ่ตรงหน