ร้านน้ำเต้าหู้ข้างทางของลี่เซียนได้รับการตอบรับดีเกินคาด แค่ไม่ถึงชั่วยามก็ขายหมดเกลี้ยง วันนี้นางทำน้ำเต้าหู้มาหนึ่งหม้อใหญ่และปาท่องโก๋ทอดห้าสิบคู่แต่ยังไม่เพียงพอกับความต้องการ วันพรุ่งนี้นางคงต้องทำเพิ่ม แม่ค้ามือใหม่ถึงกับยิ้มหน้าบานเมื่อนั่งนับเงินที่ขายได้วันนี้ นางกะว่าจะลองทำโจ๊กหมูขายในวันพรุ่งนี้ด้วย
กิจการขายน้ำเต้าหู้ของลี่เซียนนั้นดำเนินไปในทางที่ดี มีลูกค้าประจำและขาจรแวะเวียนมาอุดหนุนไม่ขาด ทั้งรสชาติของน้ำเต้าหู้ที่หอมอร่อยและใบหน้างดงามเป็นหนึ่งของแม่ค้าคนงามก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ลูกค้าทั้งหลายพูดกันปากต่อปาก จากร้านค้าเพิงข้างทางก็ขยายกิจการขึ้นเรื่อยๆ จากโต๊ะเก้าอี้แค่สามที่นั่ง ตอนนี้มีเพิ่มขึ้นจนต้องขยายที่ทางเพิ่ม
ลี่เซียนตอนนี้กลายเป็นเถ้าแก่เนี้ยร้านอาหาร"ห่าว ชือ" (อร่อย) ที่ขึ้นชื่อในละแวกนี้ ร้านของนางนั้นเปิดขายน้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋ ข้าวต้มทรงเครื่อง และอาหารจานเดียวที่ทำง่ายๆ ซึ่งนางนำมาประยุกต์ให้เข้ากับยุคนี้
"ท่านแม่ ซีเอ๋อหิวจังเลยเจ้าค่ะ"
เสียงเล็กที่ดังขึ้นพร้อมร่างกลมป้อมที่วิ่งตรงมาหานาง มีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นเต็มหน้าผากเล็ก ยกมือเล็กขึ้นลูบท้องอย่างน่าเอ็นดู ด้านหลังมีหวั่นเอ๋อที่วิ่งกระหืดกระหอบตามมา ทำให้นางหลุดจากความคิดหันมามองเด็กน้อยวัยสามหนาว ใช่แล้วตอนนี้นางอาศัยอยู่ที่นี่ได้สองปีกว่าแล้ว ในตอนนี้นางอายุสิบหกปีเต็มกลายเป็นสาวงามสะพรั่ง จนคนในเมืองนี้ไม่มีใครไม่รู้จักแม่ม่ายเนื้อหอมที่มีบรรดาหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่มาขายขนมจีบไม่ขาดสาย ถึงแม้จะมีบุตรแต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหามักมีแม่สื่อมาทาบทามอยู่เสมอ จนนางรู้สึกเบื่อหน่ายนัก ร้านแห่งนี้มีครอบครัวของท่านลุงฉีเป็นผู้ดูแลนางจะแวะมาตรวจบัญชีแค่เดือนละครั้งเท่านั้น ไม่นึกเลยว่าความใฝ่ฝันของนางจะกลายเป็นจริงจากร้านขายน้ำเต้าหู้ข้างทางจะมาไกลถึงเพียงนี้
"คนเก่งทำไมถึงเหงื่อโทรมขนาดนี้ ขอแม่ดมหน่อยว่าเหม็นแล้วหรือยัง"
ร่างเล็กที่เดินมาใช้แขนเล็กกลมคล้องคอขาวผ่องของนางอย่างออดอ้อนจึงก้มลงหอมแก้มแดงฟอดใหญ่
"ยังหอมมากๆ เลย ไปล้างมือก่อนนะคะ แล้วมาทานข้าว จะได้กลับบ้านกัน"
"เจ้าค่ะท่านแม่"
ร่างเล็กที่วิ่งไปหลังร้านเพื่อล้างมือทำให้ลี่เซียนอดมองและยิ้มตามแผ่นหลังเล็กนั้นไม่ได้ นางรู้สึกทั้งรักทั้งหลงเด็กน้อยผู้นี้จนถอนตัวไม่ขึ้น
เมื่อทานข้าวกันเสร็จเรียบร้อยก็ให้ท่านลุงฉีไปส่ง ตอนนี้ครอบครัวของท่านลุงฉีเข้ามาทำงานกับนางอย่างเต็มตัวแล้ว หวั่นเอ๋อที่ตอนนี้อายุสิบสามหนาวกลายมาเป็นบ่าวรับใช้และพี่เลี้ยงคนสนิทของเสี่ยวซีตัวน้อยของนาง ทางผ่านก่อนที่จะถึงเรือนของนางนั้นมีน้ำตกที่สวยมากเดินเท้าเข้าไปเพียงหนึ่งเค่อก็ถึง เจ้าตัวเล็กที่มองนางตาปรอยเมื่อใกล้จะถึงทางเข้าน้ำตกจนนางส่ายหน้าให้กับความซุกซนของเจ้าตัวเล็ก นึกไม่ถึงว่าเด็กน้อยที่เลี้ยงง่ายโตขึ้นมานิดเดียวจะซนเหมือนลิงไปเสียได้ แค่มองท่าทางอ้อนๆ นั้นก็รู้ได้ว่าเจ้าตัวเล็กคงอยากจะไปเล่นน้ำตกเป็นแน่ แต่วันนี้นางรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวนักจึงไม่อนุญาต
"เอาไว้วันหลังดีกว่านะคะ วันนี้แม่รู้สึกเหนื่อยยังไงไม่รู้"
เจ้าตัวเล็กที่หน้างอลงทันตา แต่ก็เอ่ยรับเสียงค่อย
"เจ้าค่ะ"
เมื่อกลับมาถึงเรือนที่ตอนนี้กว้างขวางและสวยงามขึ้นจากแต่ก่อนมาก นางได้ซื้อที่ดินเพิ่มมาอีกหลายหมู่และสร้างเรือนเพิ่มสำหรับครอบครัวลุงฉีและบ่าวรับใช้ที่รับเพิ่มมาอีกสองคนแบ่งแยกอย่างเป็นสัดเป็นส่วน บ่าวรับใช้ที่เพิ่มมาอีกสองคนนั้นเป็นสตรีและทั้งสองก็เป็นพี่น้องกัน ที่นางนั้นได้ช่วยเอาไว้โดยบังเอิญเมื่อปีก่อนให้มาช่วยงานภายในเรือน ชื่อว่า จิวลู่ อายุสิบเจ็ดหนาวกับ จิ่วซิ่น อายุสิบสี่หนาว
ก่อนจะเข้าไปในเรือนนอนของนางก็ไม่ลืมหันไปสั่งเด็กน้อยทั้งสอง
"หวั่นเอ๋อเดี๋ยวข้าจะเข้าไปพักสักครู่ดูแลคุณหนูด้วยนะ"
"เจ้าค่ะนายหญิง"
"ซีเอ๋ออย่าเล่นซนนักนะคะ สงสารพี่หวั่นเอ๋อ"
"เจ้าค่ะ ท่านแม่"
เอ่ยรับอย่างแข็งขันจนนางยกยิ้มกับความน่ารักนั้นแล้วจึงเข้าไปนอนพัก สงสัยอากาศจะร้อนเกินไปจึงทำให้นางรู้สึกไม่สบายตัว
พอลับแผ่นหลังบอบบางของมารดา เด็กน้อยเสี่ยวซีก็รีบดึงมือของพี่เลี้ยงคนสนิทพร้อมยกนิ้วเล็กจรดริมฝีปากตัวเองเพื่อเป็นการบอกไม่ให้พี่เลี้ยงของตนส่งเสียง
ลี่เซียนที่ได้หลับตาลงไปแค่นิดเดียวก็สะดุ้งตื่น จึงเดินออกมานอกเรือนชะเง้อมองหาเจ้าของร่างเล็กกลมป้อมที่มักจะเล่นอยู่แถวหน้าเรือนก็ไม่เห็น"เสี่ยวซี อยู่แถวนี้หรือเปล่า" ..... "ซีเอ๋อ หวั่นเอ๋อ" ..... หันไปเห็นจิ่วซิ่นที่หอบตะกร้าผ้าผ่านมาจึงได้ถามหาเจ้าตัวแสบที่ไม่รู้ไปเล่นซนอยู่ที่ไหน"จิ่วซิ่น เห็นซีเอ๋อหรือไม่" "อืม เห็นเดินไปทางหน้าถนนกับหวั่นเอ๋อเจ้าค่ะ นายหญิง" "อ้อจ๊ะ มีอะไรทำก็ไปทำเถอะ"บอกก่อนจะเดินออกมามุ่งหน้าไปทางถนนหน้าเรือน ไม่บอกก็รู้ว่าเจ้าตัวแสบนั่นไปไหน ทำไมถึงได้ดื้อนักนะ อย่างนี้คงต้องมีการลงโทษกันบ้าง บ่นพลางก้าวเดินมุ่งหน้าไปยังน้ำตกที่คิดว่าทั้งสองคนคงแอบหนีออกมาเล่นน้ำเป็นแน่เมื่อมาถึงบริเวณน้ำตกก็เดินหาทั้งสองคน เห็นมีร่องรอยของเท้าเล็กซึ่งคงจะเป็นของซีเอ๋อและอีกรอยนั้นเป็นของใครไปไม่ได้นอกจากหวั่นเอ๋อ หากมีหวั่นเอ๋อมาด้วยนางไม่ค่อยจะกังวลเท่าไหร่นักเพราะหวั่นเอ๋อเป็นเด็กที่เก่งและมีความสามารถเคยออกไปหาของป่ากับมารดาตั้งแต่เด็กและนางว่ายน้ำแข็งมาก เท้าเล็กจึงเดินตรงไปยังริมฝั่งน้ำตกชะเง้อคอมองลงไปในน้ำว่าเด็กทั้งสองเล่นน้ำอยู่หรือไม่"ซีเอ๋อ หวั่นเอ๋อ"
องค์ชายสามมู่เหยียนหรงหรืออ๋องสาม พยัคฆ์ตัวที่สาม แม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นเหลียว ผู้ซึ่งได้รับฉายาว่าเป็นเทพสังหาร ชมชอบและโปรดปรานสิ่งสวยงาม ทุกสิ่งที่ปรารถนาล้วนแล้วแต่มากองตรงหน้าและต้องเป็นของที่ดีที่สุด นิสัยดิบเถื่อน ซึ่งบางครั้งก็ถึงกับถ่อยต่างจากหน้าตาที่หล่อเหลาดังรูปสลัก เพราะชมชอบการใช้ชีวิตในค่ายทหารมากกว่าวังหลวง มองเรื่องความรักเป็นเรื่องโง่งม ใช้สตรีเปลืองที่สุด สตรีที่เคยใช้แล้วไม่เคยใช้ซ้ำ แต่บรรดาสาวงามต่างอยากลองที่จะเสี่ยงยอมพลีกายให้บุรุษสูงศักดิ์ผู้หล่อเหลาผู้นี้เชยชมอ๋องสามมู่เหยียนหรงที่เดินทางกลับจากการไปปราบปรามชนเผ่าที่กระด้างกระเดื่องสมคบคิดกันก่อกบฏเพื่อที่จะแบ่งแยกดินแดนออกจากแคว้นเหลียว ซึ่งศึกในครั้งนี้ยืดเยื้อมากว่าสองปีจนตอนนี้พระองค์สามารถถอนรากถอนโคนพวกที่ก่อกบฏจนหมดสิ้น ศึกในครั้งนี้ทำให้พระองค์ใช้ชีวิตอยู่ชายแดนถึงสองปี เมื่อเข้าสู่สภาวะปกติจึงถอนกำลังเพื่อกลับเข้าเมืองหลวง แต่พระองค์นั้นเดินทางล่วงหน้ามาก่อนพร้อมผู้ติดตามซึ่งเป็นคนสนิทเพียงสองคนเท่านั้นเพราะไม่ชมชอบการเดินทางที่ล่าช้า จนมาถึงหมู่บ้านผิงอานแห่งนี้จึงคิดจะหยุดพักก่อนออกเดินทางเข้าเมือ
"คุณหนู อ๊ะ! นายหญิง" เสียงของหวั่นเอ๋อที่ดังขึ้นพร้อมกับยกมือปิดปากเพราะสภาพล่อแหลมของนายหญิงของตนและบุรุษที่ อื้อ หล่อจังลี่เซียนที่เห็นหวั่นเอ๋อมองมายังนางด้วยใบหน้าแดงก่ำแล้วบิดกายไปมาอย่างเขินอายนั้นก็รีบสะบัดตัวออกจากอ้อมแขนแกร่ง ซึ่งครั้งนี้เขายอมปล่อยแต่โดยดี" เอ่อคือ คือว่า ข้า"เสียงตะกุกตะกักของสตรีที่กำลังคิดหาข้อแก้ตัวให้ตัวเองเหมือนเด็กที่ทำความผิดและกลัวโดนจับได้ที่มาอยู่ในสภาพไม่น่ามองกับบุรุษแปลกหน้า ทำให้อ๋องสามนึกขำสตรีตรงหน้านัก นี่นางผ่านการมีลูกมีสามีมาแล้วจริงๆ หรือหึหึได้ยินเสียงหัวเราะของบุรุษด้านหลังลี่เซียนถึงกับอยากจะเต้นเร่าๆ"พอดีข้าผ่านมาเห็นนายหญิงของเจ้าพลัดตกน้ำเลยให้ความช่วยเหลือก็เท่านั้น" คำแก้ตัวเอาหน้าของบุรุษที่เดินผ่านหน้านางไปหยัดตัวขึ้นจากน้ำแล้วส่งมือหนามาให้นางจับ นางเงยหน้ามองบุรุษตรงหน้าอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ ตัวเองเป็นสาเหตุที่ทำให้นางตกน้ำแท้ๆ แต่กลับพูดแก้ตัวเสียดูดี นางไม่เคยพบเคยเจอบุรุษหน้าไม่อายแบบนี้มาก่อน ตอนนี้ยังมาทำหน้ายียวนใส่นางอีก อยากจะปัดมือหนาหยาบนั้นออกแต่ดูจากความสูงของตลิ่งแล้ว ให้เขาช่วยสักครั้งคงไม่เป็นไ
โจวซุ่น โจวเฟิง สององครักษ์ คนสนิทคู่พระทัยอ๋องสามที่ร่วมหัวจมท้ายกับอ๋องสามทั้งแต่ยังเป็นองค์ชายน้อยผู้อ่อนโยนจนกลายมาเป็นอ๋องสามเทพสังหารผู้ดิบเถื่อนมองสตรีเป็นแค่เครื่องระบายความกำหนัดของบุรุษ ได้แต่หวังว่าสวรรค์จะประทานสตรีที่เพียบพร้อมมาเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของผู้เป็นนายเสียที เห็นสายตาพยัคฆ์ที่มองตามหลังแม่นางผู้นั้นแล้ว ก็รู้ได้ว่าท่านอ๋องชมชอบนางไม่น้อย ซึ่งน้อยครั้งนักที่จะเห็นพระองค์มองสตรีด้วยสายตาเช่นนี้ แต่น่าเสียดายนักที่สตรีผู้นั้นมีเจ้าของเสียแล้วแถมยังมีพยานรักตัวน้อยแล้วอีกด้วย ถึงนางจะดูงดงามจนยากจะถอนสายตา ท่านอ๋องคงไม่ได้คิดแย่งชิงดวงใจผู้อื่นใช่หรือไม่เพราะทรงรู้ดีว่าการถูกแย่งชิงของรักนั้นเจ็บปวดเพียงใด"ข้าอยากรู้จักนาง" ท่านอ๋อง!!! สององครักษ์คนสนิทถึงกับหันมองหน้านายตนอย่างไม่อยากจะเชื่อ แม้ว่าท่านอ๋องจะใช้สตรีสิ้นเปลืองแค่ไหนแต่ก็ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับภรรยาผู้อื่นมู่เหยียนหรงรู้ว่าคนสนิททั้งสองนั้นกำลังคิดสิ่งใดอยู่ จึงพูดให้ทั้งคู่คลายใจ" นางไร้สามี หากอยากรู้ว่าจริงแท้แค่ไหน เจ้าทั้งสองก็ไปสืบมา" เอ่ยจบก็เดินมุ่งหน้าไปยังที่พักม้าแล้วห้อตะบึงมุ่งหน้าเข้า
เดิมฮ่องเต้แห่งแคว้นเหลียวมีเพียงฮองเฮาคู่พระทัยเพียงแค่องค์เดียว และกำเนิดองค์ชายทั้งหมดสามพระองค์ คือ องค์ชายใหญ่ มู่เหวินเทียน ผู้ดำรงตำแหน่งรัชทายาทในขณะนี้ องค์ชายรอง มู่หย่งไท่ ดำรงตำแหน่งชินอ๋องและ องค์ชายสาม มู่เหยียนหรง ดำรงตำแหน่งจวิ๋นอ๋องและแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นเพราะมีฝีมือในการรบทัพจับศึกต่างจากองค์ชายรองที่แม้จะมีตำแหน่งชินอ๋องแต่ชมชอบในการใช้วาทศิลป์มากกว่าใช้กำลัง ต่อมาฮองเฮาพระมารดาแห่งแผ่นดินก็ได้สิ้นพระชนม์ลงในตอนที่อ๋องสามอายุย่างเข้าสิบห้าหนาวกำลังโตเป็นหนุ่มรูปงาม แล้วเหตุไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเป็นสาเหตุให้องค์ชายสามผู้อ่อนโยนเปลี่ยนไปราวคนละคนเมื่อพระบิดาแต่งตั้งฮองเฮาองค์ใหม่เคียงข้างบัลลังก์ ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติที่จำเป็นต้องมีหงส์เคียงมังกรหากว่าหงส์ตัวนั้น มิใช่สตรีที่องค์ชายสามเฝ้าทะนุถนอมรอวันที่ครบกำหนดไว้อาลัยการจากไปของพระมารดาก็จะสู่ขอนางมาเคียงข้าง แต่นางกลับยอมสะบั้นรักพระองค์เพื่อนั่งตำแหน่งสูงสุดเหนือสตรีทั้งปวง ทำให้องค์ชายสามแบกหัวใจที่บอบช้ำระเห็จตัวเองไปใช้ชีวิตอยู่ในค่ายทหารจนสามารถไต่ขึ้นเป็นแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นด้วยความสามารถล้วนๆ และครั้งนี้เป
"ท่านแม่เจ้าขา" เสียงเล็กที่ดังขึ้นอย่างออดอ้อนในขณะที่มือบอบบางของลี่เซียนกำลังสาละวนกับการทำซี่โครงหมูตุ๋นให้ร่างเล็กเป็นมื้อเย็นของวันนี้"หืม ว่าอย่างไรจ๊ะคนเก่ง" ปากกระจับสีชมพูระเรื่อที่ขานรับโดยไม่มองใบหน้าเล็กที่กำลังส่งสายตากับบ่าวคนสนิทอย่างมีเลศนัย "ท่านแม่เจ้าขา หากมีคนมารับสำรับเย็นนี้ด้วยจะได้หรือไม่เจ้าคะ"มือบางที่ปิดฝาหม้อหมูตุ๋นแล้วหันมามองใบหน้าจิ้มลิ้มและดวงตากลมโตใสแจ๋วที่มองมายังนางอย่างรอคอยคำตอบ"ใครหรือจ๊ะ""สหายของลูกเองเจ้าค่ะ"เห็นมารดาทำท่าครุ่นคิดจึงรีบเอ่ยเสียงใส" สหายของลูกกล่าวไว้ว่า หากเป็นสหายกันแล้วการจะมาเยี่ยมเยือนสหายถึงเรือนมิใช่เรื่องแปลก หากแต่เป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจและจริงใจของตนต่อสหายที่คบหาและการมาทำความรู้จักกับผู้ใหญ่คือการให้เกียรติเจ้าค่ะ" อืม ความคิดเข้าท่าช่างเป็นเด็กมีความคิดน่าคบหา ใช้ได้มองเด็กน้อยตรงหน้าแล้วยกยิ้มหวานขึ้นก่อนจะเอ่ยอนุญาต"เอาสิจ๊ะ" "เย้ ท่านแม่ใจดีที่สุดเลย" มือบางจึงยกขึ้นยีผมคนตัวเล็กอย่างมันเขี้ยว มิใช่ว่าแม่หนูน้อยชวนเพื่อนมาก่อนจะมาขออนุญาตนางหรอกหรือวันนี้จึงมาออดอ้อนให้นางทำซี่โครงหมูตุ๋นของชอบข
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารวันนี้ได้ยินเสียงพูดคุยของสหายต่างวัยที่รู้สึกจะคุยกันถูกคอ และดูท่าเสี่ยวซีน้อยจะชอบพอบุรุษผู้เป็นสหายเป็นอย่างมาก จนลี่เซียนต้องจำใจปล่อยเลยตามเลยไปก่อน ไม่รู้ว่าบุรุษผู้นี้ใช้เล่ห์กลใดกับบุตรนางถึงทำให้ซีเอ๋อไว้เนื้อเชื่อใจถึงขนาดให้ความเป็นกันเองขนาดนี้ แถมบุรุษหน้าไม่อายผู้นี้ยังทำตัวสบายๆ เหมือนบ้านตนเองจนน่าหมั่นไส้"บรรยากาศแบบนี้ดูคุ้นๆ นะ เจ้าว่าหรือไม่" ใบหน้างามที่มองมายังบุรุษที่กระซิบกระซาบแล้วมองหน้านางยิ้มๆ คิดว่าเขาจะมาอารมณ์ไหนอีกอยู่ๆ ก็กล่าวขึ้น"เหมือนพ่อ แม่ ลูก อย่างไรอย่างนั้น" ลี่เซียนที่ตวัดตามองบุรุษตรงหน้าใบหน้างามพลันแดงระเรื่อ "นี่ท่าน เหอะ รีบกินแล้วรีบกลับไปได้แล้ว" "ที่เรือนนี้เขาไล่แขกกันอย่างนี้หรือ"" มีแค่ท่านคนเดียว"" ข้าคนเดียวที่มาเป็นแขก" "ท่านคนเดียวที่ข้าไล่" หึหึเสี่ยวซีที่นั่งมองผู้ใหญ่ทั้งสองคนที่จ้องตากันไปจ้องตากันมาอย่างไม่ค่อยจะเข้าใจนัก ได้แต่กินอาหารบนโต๊ะอย่างเอร็ดอร่อยเพราะของชอบของนางทั้งนั้นลี่เซียนที่หลับตาลงแล้วตั้งสติ นางต้องคุยกับบุรุษผู้นี้ให้รู้เรื่องว่าเข้ามาตีสนิทกับบุตรของนางทำไมกันและมีจุดประ
วันนี้ในตลาดคลาคล่ำไปด้วยผู้คนจนลี่เซียนที่เดินทางมายังร้านของนางบ่นมาตลอดทางว่าเหตุใดวันนี้คนถึงได้มาเดินตลาดกันเยอะนัก ดีนะที่ไม่ได้พาเสี่ยวซีของนางติดตามมาด้วย ไม่อย่างนั้นคงได้พลัดหลงกันแน่ จนท่านลุงฉีที่เห็นนายหญิงของตนยกมือเล็กขึ้นปาดเหงื่อที่ซึมบนหน้าผากมนรีบยกน้ำชาชั้นดีมาให้ดับกระหายพร้อมขยายความถึงบรรดาผู้คนที่หลั่งไหลกันมาจนต้องเดินอย่างเบียดเสียดตั้งแต่เช้า"นายหญิงคงจะยังไม่รู้ว่าวันนี้กองทัพของท่านอ๋องสามจะเดินทางผ่านเมืองฉางอันเข้าสู่เมืองหลวง ผู้คนจึงได้รีบมาจับจองพื้นที่เพื่อรอรับเสด็จ บรรดาคุณหนูจวนใหญ่ๆ ทั้งหลายแต่งกายงดงามมารอกันตั้งแต่ย่ำรุ่งเลยนะขอรับ เผื่อบุญพาวาสนาหนุนนำให้ไปถูกตาต้องใจท่านอ๋องสามได้แต่งเข้าจวนอ๋องใครจะไปรู้" " อ๋องสาม ไม่ใช่มั้ง"ลี่เซียนที่ใจคิดไปถึงบุรุษที่หายหน้าหายตาไปตั้งแต่วันนั้นรีบสะบัดศีรษะไล่ความคิดไม่เข้าท่าของตนเสียงแผ่วเบาที่ดังจากปากเล็กทำให้ท่านลุงฉีรีบขยายความ" ท่านอ๋องสามมู่เหยียนหรงแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นเหลียวขอรับ"ลี่เซียนพยักหน้ารับแล้วยกน้ำชาขึ้นจิบ ท่านลุงฉีที่เห็นสายตาของนายหญิงของตนมองไปยังฝั่งหน้าถนนจึงคิดว่านายหญิงคง
ลี่เซียนเดินตามร่างสูงออกมาด้านนอก เห็นชายชุดดำที่ตอนนี้ถูกเปิดผ้าคลุมหน้าออกนั่งคุกเข่าเอามือไพล่หลังมองมายังอ๋องสามมู่เหยียนหรงและนางด้วยสายตาแข็งกร้าว "โจวซุ่น นำแม่นางลี่เซียนไปรอที่รถม้า" หันมาสั่งคนสนิทที่เดินมารับสัมภาระจากสตรีที่เดินตามหลังพระองค์มาด้วยใบหน้างอง้ำ"พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง เชิญขอรับแม่นางลี่เซียน" ลี่เซียนส่งห่อผ้าให้คนของอ๋องสาม สั่งเสร็จเจ้าตัวก็เดินไปยังกลุ่มของคนชุดดำที่ถูกคุมตัวอยู่โดยไม่หันมามองนาง"ว่าอย่างไรเหวินเชาไม่เจอกันนานเลยนะ แต่เจ้าก็ไม่พัฒนาฝีมือขึ้นเลย ยังคงไม่ได้เรื่องเหมือนเดิม ไม่คิดว่าบิดาเจ้า จะปล่อยให้คนไร้ฝีมือเช่นเจ้ามาทำการใหญ่"อ๋องสามที่ทักทายชายชุดดำที่มองพระองค์อย่างไม่พอใจความจริงชายผู้นี้ก็มีฝีมือไม่เลว แต่เป็นเพราะความอวดดี และความใจร้อนจึงทำให้แพ้ภัยตัวเอง ตลอดระยะเวลาสองปีพระองค์ตามสืบจนล่วงรู้ว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังชนเผ่าเหล่านี้คือเสนาบดีเฒ่า จางกงหยวน แต่ไม่มีหลักฐานที่จะเอาผิด เพราะเฒ่าเจ้าเล่ห์มีอำนาจอยู่ในมือไม่น้อย"อยากจะฆ่าก็ฆ่าไม่ต้องเสียเวลามาพูดให้มากความ"จางเหวินเชาบุตรชายลับๆ ที่เกิดจากเสนาบดีเฒ่า จางกงหยวน กับนา
"เห็นทีว่าข้าจะทำตามที่เจ้าต้องการไม่ได้" อ๋องสามกล่าวกับสตรีที่มองพระองค์อย่างไม่พอใจ"ไปเก็บของซะ เจ้าและเสี่ยวซีต้องอยู่ในความดูแลของข้า เราจะเดินทางกลับเมืองหลวงกัน" ลี่เซียนที่มองใบหน้าบุรุษสูงศักดิ์ตรงหน้าที่ไม่มีแววล้อเล่น"ไม่ หม่อมฉันไม่ไปไหนกับพระองค์ทั้งนั้น หม่อมฉันดูแลตัวเองและซีเอ๋อได้ ไม่จำเป็นต้องรบกวนคนอื่น"อ๋องสามมองสตรีตรงหน้าอย่างอดทนอดกลั้น ไม่รู้จะทำอย่างไรกับปากเล็กๆนั่นที่ขยันพ่นวาจาร้ายกาจทำร้ายจิตใจพระองค์ครั้งแล้วครั้งเล่า" ดูแลตัวเองได้อย่างนั้นหรือ แล้วเจ้าไม่คิดหรือว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้หากไม่ใช่ข้าแต่เป็นคนร้ายจริงๆ จะเป็นอย่างไร หากข้ามาไม่ทันเสี่ยวซีจะเป็นอย่างไร ที่สำคัญพวกมันคงไม่ปล่อยให้เจ้าและเสี่ยวซีมีชีวิตรอดหรอกนะ ไม่ห่วงตัวเองก็ห่วงลูกบ้าง ข้าไม่ปล่อยให้บุตรของสหายต้องตกอยู่ในอันตรายเพราะความดื้อรั้นของใครหรอกนะ และข้าไม่ใช่คนอื่น เจ้าอย่าได้ลืมว่าข้ากับสามีเจ้าเป็นสหายกัน"ลี่เซียนที่จ้องตาคมดุนั้นอย่างไม่เกรงกลัว หากนางไม่ใช่มารดาของเสี่ยวซี พระองค์คงจะไม่สนใจไยดีสินะ ได้ อยากจะเข้าใจอย่างนั้นก็เชิญเลย ปากก็พูดว่านางเป็นภรรยาของสหาย
"หากกลัวก็บอกมา ว่าหลักฐานอยู่ที่ใด แล้วข้าจะปล่อยเจ้าไป" เสียงทุ้มที่ดังอยู่เหนือศีรษะเล็ก แอบสูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆ ของเส้นผมนุ่ม"เงียบซะข้าไม่ชอบเสียงร้อง" อึก อึก ลี่เซียนที่เงยหน้าขึ้นมองบุรุษที่กักนางไว้ในอ้อมแขนยิ่งมองใกล้ๆ ทำไมถึงได้ดูคุ้นนัก ร่างสูงที่เห็นว่าร่างบางนั้นเงียบไปจึงได้ผละออกเล็กน้อยก้มลงมองใบหน้างามที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา จึงทำให้ใบหน้าทั้งสองห่างกันไม่ถึงคืบตาจ้องตาอย่างมิอาจเลี่ยง ราวมีแรงดึงดูดจากร่างเล็กทำให้ใบหน้าคมเข้มโน้มต่ำลงมา แต่ก่อนที่จะได้ทำอย่างใจปรารถนาพรึ่บ!!! "ท่าน!! คนเลว คนชั่วทำอย่างนี้กับข้าได้อย่างไรกัน" มือเล็กที่ยกขึ้นทุบอกแกร่งด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี แล้วน้ำตาที่อดกลั้นก็พังทลายลงมาอีกครั้งอ๋องสามมู่เหยียนหรงที่ไม่คาดคิดว่านางจะกระชากผ้าปิดหน้าออกถึงกับตกใจ ก่อนจะได้สติเมื่อคนตัวเล็กปล่อยโฮออกมาจนพระองค์ถึงกับทำอะไรไม่ถูก"เซียนเอ๋อ หยุด หยุดก่อน ฟังก่อน" มือหนาที่รวบมือเล็กที่ทุบตีพระองค์ไม่ยั้งแต่แรงคนที่กำลังโกรธกลับมีมากไม่คิดจะหยุดทั้งทุบทั้งตีทั้งข่วนจนคอแกร่งเลือดออกซิบ แต่อ๋องสามกลับมิได้สนใจกลัวแต่ว่านางจะเจ็บมือ จึง
ร่างสูงใหญ่ในชุดดำที่ปิดบังใบหน้าถึงกับสะดุดลมหายใจ หัวใจที่เย็นชาเต้นผิดจังหวะไปจังหวะหนึ่ง เมื่อสตรีผู้ที่เขาตามหามากว่าสองปีหันใบหน้างดงามมาทางตน ก่อนจะเอ่ยสั่งเสียงเรียบ ควบคุมความรู้สึกที่แปลกไปของตนเอง"เข้าไปด้านใน เดี๋ยวนี้" ชายชุดดำที่หันปลายกระบี่มาทางนางพูดขึ้น ลี่เซียนที่มองไปรอบๆ แล้วไม่เห็นทางรอดจึงหันหลังเปิดประตูเข้าไปในห้องซึ่งเป็นเรือนนอนของนาง โชคดีเหลือเกินที่ทุกคนออกไปข้างนอก ไม่อย่างนั้นนางไม่อยากจะคิดเลยจริงๆ เมื่อก้าวพ้นประตูมาจึงได้ยินเสียงปิดประตูตามหลังหันไปมองห้องด้านในที่มีชายชุดดำอีกสองคนรื้อค้นข้าวของจนกระจุยกระจาย โดยไม่ต้องบอกนางก็รู้ได้ว่าคนพวกนี้มาที่นี่ด้วยจุดประสงค์ใด เหอะ นางพยายามพาตัวเองและบุตรถอยห่างจากปัญหาและอันตรายแต่สุดท้ายกลับหนีไม่พ้น ต้องมาพัวพันกับเรื่องราวเหล่านี้อยู่ดี หรือการที่นางมาอยู่ที่นี่มาพัวพันกับทุกคนที่เกี่ยวข้องเพราะต้องการให้นางมาคลี่คลายทุกอย่าง แต่นางก็แค่คนธรรมดาคนหนึ่งจะช่วยอะไรได้ ไม่ได้มีวิชาการต่อสู้อะไรเลย หากถูกฆ่าก็ตายจริงๆ เจ็บจริงๆ ไม่ได้มีความเทพอะไรเลย "หลักฐานอยู่ที่ไหน" ลี่เซียนหลุดจากความคิดที่กำลังสับส
อ๋องสามมู่เหยียนหรงที่กลับมาถึงตำหนักหยกขาวก็เห็นว่ากำลังทหารที่ติดตามพระองค์อยู่ที่เมืองฉางอันห้าสิบนายที่ล้วนเป็นทหารฝีมือดีที่พระองค์ฝึกมาเองกับมือนั้นตั้งขบวนกันพร้อมแล้วรอเพียงแค่คำสั่งเคลื่อนขบวนจากพระองค์เท่านั้น ก็พร้อมออกเดินทาง แต่ร่างสูงสง่ากลับเดินหน้าตึงเข้าไปในตำหนักโดยไม่สนใจทหารใต้บังคับบัญชาที่มองตามวรกายสูงศักดิ์อย่างไม่เข้าใจว่านายเหนือหัวไปกินรังแตนมาจากไหน อ๋องสามเมื่อเข้ามาภายในห้องบรรทมก็เปลื้องอาภรณ์เดินตรงไปชำระล้างวรกายแข็งแกร่งที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม มือหนาขัดถูสัมผัสและกลิ่นกายของสตรีใจร้ายที่ยังรู้สึกถึงกลิ่นหอมของนางที่ยังติดตรึงอยู่ล้างเพียงใดก็ล้างไม่ออก ก่อนจะเดินออกมาจากห้องอาบน้ำทั้งที่หยดน้ำยังเกาะพราวตามตัวคว้าเอาอาภรณ์มาสวมอย่างลวกๆ โจวเฟิงที่วิ่งกระหอบเข้ามาเมื่อทหารมารายงานว่าท่านอ๋องกลับมาแล้ว เจอโจวซุ่นที่นั่งอยู่ด้านหน้าตำหนักโดยไม่เห็นวรกายของท่านอ๋องจึงเอ่ยถามขึ้น "ท่านอ๋องเล่า""อยู่ข้างใน"โจวซุ่นที่มองสหายที่รีบร้อนเข้าไปอย่างไม่เข้าใจว่ามีเรื่องเร่งด่วนอะไรถึงได้รีบร้อนนัก"ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ""มีอะไร"เสียงขานรับของนายเหนือหัวถึงกับทำใ
แสงที่สาดส่องแยงตาทำให้ลี่เซียนรู้สึกตัวตื่น ขยับกายที่เมื่อยขบพร้อมกับอาการปวดศีรษะ กำลังจะพลิกกายเพื่อลงจากเตียงแต่กลับรู้สึกถึงความหนักที่พาดอยู่ตรงเอวบาง สติที่ยังมาไม่ครบดีในตอนแรกแทบจะวิ่งเข้าร่างนางเมื่อสัมผัสได้ว่าร่างกายนางเปลือยเปล่า ก่อนจะพลิกไปมองด้านข้างที่มีบุรุษคุ้นตานอนหลับอย่างสบายอยู่ เท้าบางจึงยันร่างหนาเต็มแรงด้วยความลืมตัว"โอ้ยยย"เสียงร้องของบุรุษที่กำลังหลับฝันดี ลืมตาอีกทีก็มานอนอยู่บนพื้นด้านล่าง เงยหน้ามองสตรีที่เป็นสาเหตุทำให้พระองค์มานอนกองอย่างหมดสภาพอยู่ตรงนี้ ร่างบางที่เอาผ้าห่มมาคลุมจนถึงคอแต่เท้าเล็กที่โผล่ออกมายังยกค้างอยู่ทำให้พระองค์มองสตรีตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ นางถีบพระองค์ สตรีน่าตาย นี่นางถึงกับกล้าถีบพระองค์เลยหรือเมื่อคืนก็ลงมือกับพระองค์อย่างเลือดเย็นทีนึงแล้ว พอเช้ามากลับถีบพระองค์เสียตกเตียง รู้ไปถึงไหนอายไปถึงนั่น อย่างนี้เห็นทีจะปล่อยเอาไว้ไม่ได้ คงจะต้องสั่งสอนให้หลาบจำเสียแล้ว ว่าแล้วร่างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เห็นใบหน้าสตรีที่มองมาอ้าปากค้างจ้องพระองค์แทบตาถลนจึงมองตามสายตาของนาง "เห้ย"แล้วรีบกระโดดเข้าไปตะ
เสียงหัวเราะใสกังวานของลี่เซียนดังขึ้นเมื่อเห็นใบหน้าของท่านโจวซุ่น แล้วจึงเอ่ยขึ้น"เห็นท่าทางของท่านโจวซุ่นแล้ว บุรุษที่จะมาเป็นสามีของข้าในอนาคตนั้นคงยังไม่มีกระมัง"แล้วเสียงหัวเราะของคนทั้งสามก็ดังขึ้นอีกระลอกอ๋องสามที่นั่งเงียบส่งสายตาให้คนสนิทที่ไม่มีทีท่าว่าจะมองมายังพระองค์เลย จึงใช้เท้าเหยียบลงบนหลังเท้าของคนสนิทอย่างแรง" โอ้ยยย"เสียงของโจวซุ่นที่ร้องขึ้นเสียงหลงทำให้ลี่เซียนถามขึ้นอย่างตกใจ" เป็นอะไรไปเจ้าคะท่านโจวซุ่น" "เอ่อ ยุงกัดน่ะขอรับ" เอ่ยกับสตรีตรงหน้าแล้วยิ้มแห้งๆ ส่งไปให้ก่อนจะหันไปมองยุงตัวโตที่กัดเขา เห็นสายตาที่มองมาเหมือนต้องการสื่ออะไรบางอย่าง แต่ไม่ยอมเอ่ยใครจะไปรู้กันเล่า "รินสุราให้ท่านลุงฉีหน่อยสิโจวซุ่น สุราในจอกท่านลุงหมดแล้วไม่เห็นหรืออย่างไร"เสียงทุ้มที่ดังขึ้นเบาๆ ทำให้โจวซุ่นมองผู้เป็นนายทีมองแม่นางลี่เซียนที ท่านอ๋องคงไม่คิดที่จะ... "โจ่วซุ่น" เอ่ยเรียกพร้อมถลึงตามองอย่างเอาเรื่อง" อ๋อ เอ่อ พ่ะย่ะค่ะ ดื่มๆ ท่านลุงดื่ม วันนี้ไม่เมาไม่เลิก"ลี่เซียนที่เห็นสองนายบ่าวกระซิบกระซาบกันก็มองอย่างไม่ค่อยจะไว้ใจนัก จึงเอ่ยขอตัว"นี่ก็ดึกมากแล้วถ้า
การปรากฏกายของบุรุษสูงศักดิ์ทำให้เกิดความเงียบขึ้นจนแม้แต่เข็มตกสักเล่มคงจะได้ยิน ลี่เซียนที่เห็นบุรุษตรงหน้าถึงกับยกมือขึ้นขยี้ตาตัวเองคิดว่านางจะเมาสุราของท่านลุงฉีจนตาฝาดมองเห็นบุรุษที่ทำให้นางนอนไม่ค่อยจะหลับทั้งคืนมาอยู่ตรงหน้า แต่เสียงดุๆ ที่ดังขึ้นกับเสียงคุกเข่าของทุกคนที่ค้อมลงทำให้รู้ว่านางไม่ได้ตาฝาด"เปิ่นหวางแค่มาทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับซีเอ๋อว่าจะมาร่วมยินดี ก่อนจะออกเดินทาง เจ้าอย่าได้เข้าใจผิดว่าเปิ่นหวางมายุ่งวุ่นวาย"พูดกับสตรีตรงหน้าที่มองพระองค์หน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างเย็นชา ไม่ต้องแสดงอาการรังเกียจพระองค์ออกหน้าออกตาขนาดนั้นก็ได้ ทรงรู้อยู่แล้วว่าไม่อยากต้อนรับ ก่อนจะบอกให้ทุกคนทำตัวตามสบาย โดยไม่คิดจะหันไปมองสตรีที่ทำให้พระองค์ใจเต้นแรงตั้งแต่เห็นใบหน้างามนั้นแดงก่ำ ตาหวานเยิ้มเย้ายวนคงเป็นเพราะฤทธิ์สุราที่วางเรียงรายอยู่กระมัง ท่านลุงฉีและทุกคนเมื่อหายตกตะลึงเห็นว่าบุรุษสูงศักดิ์ที่พวกตนเทิดทูนและชื่นชมมายืนอยู่ตรงหน้าก็ปลาบปลื้มนักและพระองค์ก็มิได้ถือตนว่าสูงศักดิ์แต่กลับให้ความเป็นกันเองจึงได้คลายอาการเกร็งลงรีบกุลีกุจอเชื้อเชิญพระองค์แทบจะอุ้มเลยก็ว่าได้ ส่วนเสี่
ลี่เซียนที่นำของทุกอย่างที่เก็บเอาไว้อย่างดีไม่ว่าจะเป็นหยกพกสีแดงเลือด เครื่องประดับที่อยู่ในกล่องไม้ราคาแพงลวดลายบนกล่องใบนี้ล้วนฝังด้วยทองคำและอัญมณี นางคิดว่าราคากล่องคงจะแพงพอๆ กับราคาเครื่องประดับด้านในกระมัง เครื่องประดับที่ว่าคือเครื่องประดับที่ทำจากทองคำและอัญมณีเข้าชุดกันไม่ว่าจะเป็นปิ่นปักผม สร้อยคอ กำไล แหวนล้วนลวดลายเดียวกัน เอ่อ และแหวนหยกอีกวงที่นางขอยืมไปจำนำไว้แต่ตอนนี้ก็ไถ่ถอนมาคืนแล้ว ก็ตอนที่ก่อตั้งร้านต้องใช้เงินจำนวนมาก จึงต้องขอหยิบยืมก่อน บนเครื่องประดับทุกชิ้นล้วนมีอักษรคำว่า"อัน" สลักอยู่คงจะเป็นแซ่ของเจ้าของและผ้าเช็ดหน้าสีขาวที่ตอนนี้กลายเป็นสีหม่นเพราะเก็บไว้นาน แต่ตัวอักษรที่ปักตรงมุมผ้ายังคงชัดเจน ฉางชุน นางได้เข้าไปพัวพันกับเรื่องคอขาดบาดตายอย่างไม่ต้องสงสัย นั่งมองสิ่งของเหล่านี้อยู่เป็นชั่วยามแล้ว ก็ไม่เห็นว่าจะมีหลักฐานอะไรซ่อนอยู่จะเอาออกไปถามใครก็ไม่ได้ จึงตัดสินใจเก็บซ่อนทุกอย่างไว้ตามเดิม พรุ่งนี้จะเป็นวันคล้ายวันเกิดของเสี่ยวซีที่นางตั้งขึ้นเอง เพราะนางเจอเสี่ยวซีในวันนี้เมื่อสองปีก่อน จึงได้ให้วันนี้เป็นวันเกิดของเสี่ยวซีและนางจะได้ทำบุญให้มารด