"ท่านแม่เจ้าขา" เสียงเล็กที่ดังขึ้นอย่างออดอ้อนในขณะที่มือบอบบางของลี่เซียนกำลังสาละวนกับการทำซี่โครงหมูตุ๋นให้ร่างเล็กเป็นมื้อเย็นของวันนี้"หืม ว่าอย่างไรจ๊ะคนเก่ง" ปากกระจับสีชมพูระเรื่อที่ขานรับโดยไม่มองใบหน้าเล็กที่กำลังส่งสายตากับบ่าวคนสนิทอย่างมีเลศนัย "ท่านแม่เจ้าขา หากมีคนมารับสำรับเย็นนี้ด้วยจะได้หรือไม่เจ้าคะ"มือบางที่ปิดฝาหม้อหมูตุ๋นแล้วหันมามองใบหน้าจิ้มลิ้มและดวงตากลมโตใสแจ๋วที่มองมายังนางอย่างรอคอยคำตอบ"ใครหรือจ๊ะ""สหายของลูกเองเจ้าค่ะ"เห็นมารดาทำท่าครุ่นคิดจึงรีบเอ่ยเสียงใส" สหายของลูกกล่าวไว้ว่า หากเป็นสหายกันแล้วการจะมาเยี่ยมเยือนสหายถึงเรือนมิใช่เรื่องแปลก หากแต่เป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจและจริงใจของตนต่อสหายที่คบหาและการมาทำความรู้จักกับผู้ใหญ่คือการให้เกียรติเจ้าค่ะ" อืม ความคิดเข้าท่าช่างเป็นเด็กมีความคิดน่าคบหา ใช้ได้มองเด็กน้อยตรงหน้าแล้วยกยิ้มหวานขึ้นก่อนจะเอ่ยอนุญาต"เอาสิจ๊ะ" "เย้ ท่านแม่ใจดีที่สุดเลย" มือบางจึงยกขึ้นยีผมคนตัวเล็กอย่างมันเขี้ยว มิใช่ว่าแม่หนูน้อยชวนเพื่อนมาก่อนจะมาขออนุญาตนางหรอกหรือวันนี้จึงมาออดอ้อนให้นางทำซี่โครงหมูตุ๋นของชอบข
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารวันนี้ได้ยินเสียงพูดคุยของสหายต่างวัยที่รู้สึกจะคุยกันถูกคอ และดูท่าเสี่ยวซีน้อยจะชอบพอบุรุษผู้เป็นสหายเป็นอย่างมาก จนลี่เซียนต้องจำใจปล่อยเลยตามเลยไปก่อน ไม่รู้ว่าบุรุษผู้นี้ใช้เล่ห์กลใดกับบุตรนางถึงทำให้ซีเอ๋อไว้เนื้อเชื่อใจถึงขนาดให้ความเป็นกันเองขนาดนี้ แถมบุรุษหน้าไม่อายผู้นี้ยังทำตัวสบายๆ เหมือนบ้านตนเองจนน่าหมั่นไส้"บรรยากาศแบบนี้ดูคุ้นๆ นะ เจ้าว่าหรือไม่" ใบหน้างามที่มองมายังบุรุษที่กระซิบกระซาบแล้วมองหน้านางยิ้มๆ คิดว่าเขาจะมาอารมณ์ไหนอีกอยู่ๆ ก็กล่าวขึ้น"เหมือนพ่อ แม่ ลูก อย่างไรอย่างนั้น" ลี่เซียนที่ตวัดตามองบุรุษตรงหน้าใบหน้างามพลันแดงระเรื่อ "นี่ท่าน เหอะ รีบกินแล้วรีบกลับไปได้แล้ว" "ที่เรือนนี้เขาไล่แขกกันอย่างนี้หรือ"" มีแค่ท่านคนเดียว"" ข้าคนเดียวที่มาเป็นแขก" "ท่านคนเดียวที่ข้าไล่" หึหึเสี่ยวซีที่นั่งมองผู้ใหญ่ทั้งสองคนที่จ้องตากันไปจ้องตากันมาอย่างไม่ค่อยจะเข้าใจนัก ได้แต่กินอาหารบนโต๊ะอย่างเอร็ดอร่อยเพราะของชอบของนางทั้งนั้นลี่เซียนที่หลับตาลงแล้วตั้งสติ นางต้องคุยกับบุรุษผู้นี้ให้รู้เรื่องว่าเข้ามาตีสนิทกับบุตรของนางทำไมกันและมีจุดประ
วันนี้ในตลาดคลาคล่ำไปด้วยผู้คนจนลี่เซียนที่เดินทางมายังร้านของนางบ่นมาตลอดทางว่าเหตุใดวันนี้คนถึงได้มาเดินตลาดกันเยอะนัก ดีนะที่ไม่ได้พาเสี่ยวซีของนางติดตามมาด้วย ไม่อย่างนั้นคงได้พลัดหลงกันแน่ จนท่านลุงฉีที่เห็นนายหญิงของตนยกมือเล็กขึ้นปาดเหงื่อที่ซึมบนหน้าผากมนรีบยกน้ำชาชั้นดีมาให้ดับกระหายพร้อมขยายความถึงบรรดาผู้คนที่หลั่งไหลกันมาจนต้องเดินอย่างเบียดเสียดตั้งแต่เช้า"นายหญิงคงจะยังไม่รู้ว่าวันนี้กองทัพของท่านอ๋องสามจะเดินทางผ่านเมืองฉางอันเข้าสู่เมืองหลวง ผู้คนจึงได้รีบมาจับจองพื้นที่เพื่อรอรับเสด็จ บรรดาคุณหนูจวนใหญ่ๆ ทั้งหลายแต่งกายงดงามมารอกันตั้งแต่ย่ำรุ่งเลยนะขอรับ เผื่อบุญพาวาสนาหนุนนำให้ไปถูกตาต้องใจท่านอ๋องสามได้แต่งเข้าจวนอ๋องใครจะไปรู้" " อ๋องสาม ไม่ใช่มั้ง"ลี่เซียนที่ใจคิดไปถึงบุรุษที่หายหน้าหายตาไปตั้งแต่วันนั้นรีบสะบัดศีรษะไล่ความคิดไม่เข้าท่าของตนเสียงแผ่วเบาที่ดังจากปากเล็กทำให้ท่านลุงฉีรีบขยายความ" ท่านอ๋องสามมู่เหยียนหรงแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นเหลียวขอรับ"ลี่เซียนพยักหน้ารับแล้วยกน้ำชาขึ้นจิบ ท่านลุงฉีที่เห็นสายตาของนายหญิงของตนมองไปยังฝั่งหน้าถนนจึงคิดว่านายหญิงคง
ลี่เซียนรู้สึกตัวตื่นด้วยความรู้สึกมึนๆ หลับตาลงอีกครั้งแล้วภาพก่อนที่สติจะดับวูบไปนั้นก็ผุดขึ้นมาในหัว จึงรีบผุดลุกขึ้นจนรู้สึกปวดศีรษะจนเผลอร้องออกมา"โอ้ย"เสียงของสตรีที่ดังขึ้นทำให้ดรุณีน้อยที่กำลังถือถ้วยยาเข้ามารีบวางยาลงบนโต๊ะบนหัวเตียงแล้วเข้ามาช่วยพยุงร่างบาง"ค่อยๆ เจ้าค่ะ"เมื่อเห็นว่านางนั่งในท่าที่สบายขึ้น แม่นางน้อยผู้นั้นจึงนำยามาส่งให้นาง "ดื่มยาก่อนนะเจ้าคะ จะได้รู้สึกดีขึ้น"ลี่เซียนที่รับยามาดื่มอย่างว่าง่าย แล้วยื่นถ้วยยาส่งคืน แล้วเอ่ยถามขึ้น "เกิดอะไรขึ้น แล้วที่นี่ที่ไหน"แม่นางน้อยหน้าตาน่าเอ็นดูนำถ้วยยาวางลงในถาดแล้วรินน้ำชาส่งให้นาง ก่อนจะพูดขึ้น "ท่านเป็นลมเจ้าค่ะ ท่านหมอบอกว่าเกิดจากการที่ท่านเครียดมากเกินไปบวกกับอากาศที่ร้อนอบอ้าวจึงทำให้หมดสติ ท่านอ๋องสามได้ช่วยเอาไว้ แล้วพาท่านมาที่นี่ ตำหนักหยกขาวแห่งนี้เจ้าค่ะ"ตำหนักหยกขาว ตำหนักที่สร้างไว้สำหรับเชื้อพระวงศ์ที่ต้องการมาพำนักนอกวัง ตำหนักที่นางเคยเห็นแต่กำแพงสูงแต่มิเคยเห็นแม้แต่หลังคาของตำหนักน่ะหรือ แต่เดี๋ยวก่อนใครช่วยนางไว้นะ "เจ้าว่าผู้ใดช่วยข้าไว้นะ"ลี่เซียนรีบเอ่ยถามเพื่อยืนยันอีกทีว่านางไ
ลี่เซียนที่นำของทุกอย่างที่เก็บเอาไว้อย่างดีไม่ว่าจะเป็นหยกพกสีแดงเลือด เครื่องประดับที่อยู่ในกล่องไม้ราคาแพงลวดลายบนกล่องใบนี้ล้วนฝังด้วยทองคำและอัญมณี นางคิดว่าราคากล่องคงจะแพงพอๆ กับราคาเครื่องประดับด้านในกระมัง เครื่องประดับที่ว่าคือเครื่องประดับที่ทำจากทองคำและอัญมณีเข้าชุดกันไม่ว่าจะเป็นปิ่นปักผม สร้อยคอ กำไล แหวนล้วนลวดลายเดียวกัน เอ่อ และแหวนหยกอีกวงที่นางขอยืมไปจำนำไว้แต่ตอนนี้ก็ไถ่ถอนมาคืนแล้ว ก็ตอนที่ก่อตั้งร้านต้องใช้เงินจำนวนมาก จึงต้องขอหยิบยืมก่อน บนเครื่องประดับทุกชิ้นล้วนมีอักษรคำว่า"อัน" สลักอยู่คงจะเป็นแซ่ของเจ้าของและผ้าเช็ดหน้าสีขาวที่ตอนนี้กลายเป็นสีหม่นเพราะเก็บไว้นาน แต่ตัวอักษรที่ปักตรงมุมผ้ายังคงชัดเจน ฉางชุน นางได้เข้าไปพัวพันกับเรื่องคอขาดบาดตายอย่างไม่ต้องสงสัย นั่งมองสิ่งของเหล่านี้อยู่เป็นชั่วยามแล้ว ก็ไม่เห็นว่าจะมีหลักฐานอะไรซ่อนอยู่จะเอาออกไปถามใครก็ไม่ได้ จึงตัดสินใจเก็บซ่อนทุกอย่างไว้ตามเดิม พรุ่งนี้จะเป็นวันคล้ายวันเกิดของเสี่ยวซีที่นางตั้งขึ้นเอง เพราะนางเจอเสี่ยวซีในวันนี้เมื่อสองปีก่อน จึงได้ให้วันนี้เป็นวันเกิดของเสี่ยวซีและนางจะได้ทำบุญให้มารด
การปรากฏกายของบุรุษสูงศักดิ์ทำให้เกิดความเงียบขึ้นจนแม้แต่เข็มตกสักเล่มคงจะได้ยิน ลี่เซียนที่เห็นบุรุษตรงหน้าถึงกับยกมือขึ้นขยี้ตาตัวเองคิดว่านางจะเมาสุราของท่านลุงฉีจนตาฝาดมองเห็นบุรุษที่ทำให้นางนอนไม่ค่อยจะหลับทั้งคืนมาอยู่ตรงหน้า แต่เสียงดุๆ ที่ดังขึ้นกับเสียงคุกเข่าของทุกคนที่ค้อมลงทำให้รู้ว่านางไม่ได้ตาฝาด"เปิ่นหวางแค่มาทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับซีเอ๋อว่าจะมาร่วมยินดี ก่อนจะออกเดินทาง เจ้าอย่าได้เข้าใจผิดว่าเปิ่นหวางมายุ่งวุ่นวาย"พูดกับสตรีตรงหน้าที่มองพระองค์หน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างเย็นชา ไม่ต้องแสดงอาการรังเกียจพระองค์ออกหน้าออกตาขนาดนั้นก็ได้ ทรงรู้อยู่แล้วว่าไม่อยากต้อนรับ ก่อนจะบอกให้ทุกคนทำตัวตามสบาย โดยไม่คิดจะหันไปมองสตรีที่ทำให้พระองค์ใจเต้นแรงตั้งแต่เห็นใบหน้างามนั้นแดงก่ำ ตาหวานเยิ้มเย้ายวนคงเป็นเพราะฤทธิ์สุราที่วางเรียงรายอยู่กระมัง ท่านลุงฉีและทุกคนเมื่อหายตกตะลึงเห็นว่าบุรุษสูงศักดิ์ที่พวกตนเทิดทูนและชื่นชมมายืนอยู่ตรงหน้าก็ปลาบปลื้มนักและพระองค์ก็มิได้ถือตนว่าสูงศักดิ์แต่กลับให้ความเป็นกันเองจึงได้คลายอาการเกร็งลงรีบกุลีกุจอเชื้อเชิญพระองค์แทบจะอุ้มเลยก็ว่าได้ ส่วนเสี่
เสียงหัวเราะใสกังวานของลี่เซียนดังขึ้นเมื่อเห็นใบหน้าของท่านโจวซุ่น แล้วจึงเอ่ยขึ้น"เห็นท่าทางของท่านโจวซุ่นแล้ว บุรุษที่จะมาเป็นสามีของข้าในอนาคตนั้นคงยังไม่มีกระมัง"แล้วเสียงหัวเราะของคนทั้งสามก็ดังขึ้นอีกระลอกอ๋องสามที่นั่งเงียบส่งสายตาให้คนสนิทที่ไม่มีทีท่าว่าจะมองมายังพระองค์เลย จึงใช้เท้าเหยียบลงบนหลังเท้าของคนสนิทอย่างแรง" โอ้ยยย"เสียงของโจวซุ่นที่ร้องขึ้นเสียงหลงทำให้ลี่เซียนถามขึ้นอย่างตกใจ" เป็นอะไรไปเจ้าคะท่านโจวซุ่น" "เอ่อ ยุงกัดน่ะขอรับ" เอ่ยกับสตรีตรงหน้าแล้วยิ้มแห้งๆ ส่งไปให้ก่อนจะหันไปมองยุงตัวโตที่กัดเขา เห็นสายตาที่มองมาเหมือนต้องการสื่ออะไรบางอย่าง แต่ไม่ยอมเอ่ยใครจะไปรู้กันเล่า "รินสุราให้ท่านลุงฉีหน่อยสิโจวซุ่น สุราในจอกท่านลุงหมดแล้วไม่เห็นหรืออย่างไร"เสียงทุ้มที่ดังขึ้นเบาๆ ทำให้โจวซุ่นมองผู้เป็นนายทีมองแม่นางลี่เซียนที ท่านอ๋องคงไม่คิดที่จะ... "โจ่วซุ่น" เอ่ยเรียกพร้อมถลึงตามองอย่างเอาเรื่อง" อ๋อ เอ่อ พ่ะย่ะค่ะ ดื่มๆ ท่านลุงดื่ม วันนี้ไม่เมาไม่เลิก"ลี่เซียนที่เห็นสองนายบ่าวกระซิบกระซาบกันก็มองอย่างไม่ค่อยจะไว้ใจนัก จึงเอ่ยขอตัว"นี่ก็ดึกมากแล้วถ้า
แสงที่สาดส่องแยงตาทำให้ลี่เซียนรู้สึกตัวตื่น ขยับกายที่เมื่อยขบพร้อมกับอาการปวดศีรษะ กำลังจะพลิกกายเพื่อลงจากเตียงแต่กลับรู้สึกถึงความหนักที่พาดอยู่ตรงเอวบาง สติที่ยังมาไม่ครบดีในตอนแรกแทบจะวิ่งเข้าร่างนางเมื่อสัมผัสได้ว่าร่างกายนางเปลือยเปล่า ก่อนจะพลิกไปมองด้านข้างที่มีบุรุษคุ้นตานอนหลับอย่างสบายอยู่ เท้าบางจึงยันร่างหนาเต็มแรงด้วยความลืมตัว"โอ้ยยย"เสียงร้องของบุรุษที่กำลังหลับฝันดี ลืมตาอีกทีก็มานอนอยู่บนพื้นด้านล่าง เงยหน้ามองสตรีที่เป็นสาเหตุทำให้พระองค์มานอนกองอย่างหมดสภาพอยู่ตรงนี้ ร่างบางที่เอาผ้าห่มมาคลุมจนถึงคอแต่เท้าเล็กที่โผล่ออกมายังยกค้างอยู่ทำให้พระองค์มองสตรีตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ นางถีบพระองค์ สตรีน่าตาย นี่นางถึงกับกล้าถีบพระองค์เลยหรือเมื่อคืนก็ลงมือกับพระองค์อย่างเลือดเย็นทีนึงแล้ว พอเช้ามากลับถีบพระองค์เสียตกเตียง รู้ไปถึงไหนอายไปถึงนั่น อย่างนี้เห็นทีจะปล่อยเอาไว้ไม่ได้ คงจะต้องสั่งสอนให้หลาบจำเสียแล้ว ว่าแล้วร่างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เห็นใบหน้าสตรีที่มองมาอ้าปากค้างจ้องพระองค์แทบตาถลนจึงมองตามสายตาของนาง "เห้ย"แล้วรีบกระโดดเข้าไปตะ
อ๋องสามมู่เหยียนหรงที่กลับมาจากเข้าเฝ้าฮ่องเต้ รีบสาวเท้าตรงมายังเรือนนอนของตนกับผู้เป็นชายาอย่างเร่งรีบกลายเป็นภาพชินตาของบรรดาบ่าวไพร่ที่จะเห็นภาพเหล่านี้เมื่อวันเวลาสี่วันเวียนมาบรรจบวันนี้พระองค์รีบเร่งสะสางงานเพื่อจะได้รีบกลับมาอยู่กับชายารัก ซึ่งวันนี้เป็นวันของพระองค์หากจะถามว่าเหตุใดจึงกล่าวว่าวันนี้เป็นวันของพระองค์น่ะหรือ เหตุเพราะการแย่งชิงกันที่จะได้นอนกอดมารดาของเจ้าสี่แสบ ทำให้ต้องทำการสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันนอนกับมารดา และผู้เป็นบิดาเช่นพระองค์ก็มิได้รับข้อยกเว้น จำต้องแบ่งวันอยู่กับชายารักเหมือนกับบุตรทั้งสี่ แม้จะได้นอนร่วมเตียงแต่ก็มีบุตรตัวน้อยที่นอนคั่นกลาง ซึ่งวันนี้ก็เวียนมาบรรจบที่พระองค์จะได้อยู่ตามลำพังกับผู้เป็นชายา หลังจากมิได้นอนกอดชายารักมาหลายค่ำคืนเมื่อสาวเท้าข้ามผ่านประตู เห็นชายารักนั่งหวีผมยาวสลวยอยู่หน้ากระจก มองจากการแต่งกายให้รู้ว่านางอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว จนทำให้คิ้วหนาขมวดมุ่น"เหตุใดจึงไม่รออาบพร้อมกัน" ลี่เซียนที่มองสบตาสวามีผ่านกระจก เห็นสายตาร้อนแรงนั้น ให้รู้สึกร้อนวูบวาบนัก"ก็ อากาศมันร้อนอบอ้าวหนิเจ้าคะ" เสียงหวานใสที่เอ่ยขึ้นใบหน้
"ท่านแม่เจ้าขาาา"เสียงเล็กที่ร้องเรียกดังมาแต่ไกล ก่อนจะปรากฏร่างกลมป้อมของเจ้าของเสียงที่สองมือเล็กนั้นถือข้าวของมาเต็มสองมือ ทำให้ลี่เซียนที่กำลังเล่นอยู่กับเจ้าซาลาเปาน้อยทั้งสามต้องเงยหน้าขึ้นมอง"ว่าอย่างไรเจ้าตัวแสบ ดูท่าช่วงนี้จะมั่งคั่งเหลือเกินนะเราน่ะ ไปรับสินบนจากใครมากัน หืม"เจ้าตัวเล็กเห็นสายตาที่มองมาของมารดาถึงกับสะดุ้ง รีบเอ่ยจนปากเล็กสั่นระรัว "สินบนอันใดกันเจ้าคะ ลูกไม่เห็นจะเข้าใจเลย ข้าวของเหล่านี้ เป็นบิดาเมตตาลูกเองทั้งนั้น ลูกมิได้ร้องขอแม้แต่น้อย"ลูกแค่บอกว่าถุงเงินของลูกช่างเบายิ่งนักท่านพ่อก็กุลีกุจอยัดเยียดกุญแจหีบเงินให้ลูก แน่นอนว่าประโยคนี้มิได้หลุดออกไปจากริมฝีปากเล็กใบหน้าเล็กใสซื่อเอ่ยขึ้นในตาใสแจ๋ว"อืมมม บิดาเจ้าช่างประเสริฐแท้"ลี่เซียนที่เอ่ยขึ้นอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ถึงผู้ที่ทำให้นางรู้สึกจุกหน่วงในท้องอยู่ ณ ตอนนี้ แล้วหางตาก็เห็นผู้ประเสริฐกำลังเดินยิ้มร่าเข้ามาแล้วช้อนตัวเจ้าตัวแสบขึ้นอุ้ม พร้อมหอมแก้มย้วยนั้นฟอดใหญ่ มองใบหน้างอง้ำของภรรยาด้วยสายตากรุ้มกริ่ม"เสี่ยวซี ซื้ออันใดมาฝากพ่อบ้าง หืม" " เยอะแยะเลยเจ้าค่ะ มีชาแบบใหม่ด้วยนะเจ้าคะ
ภาพโฉมสะคราญนอนเปลือยแผ่นหลังขาวผ่องอยู่บนตั่งเล็กริมหน้าต่าง ทำให้อ๋องสามยืนมองภาพตรงหน้าด้วยความหลงใหล ช่างงดงามดังเทพธิดาที่ปรมาจารย์ผู้เป็นเอกด้านรูปวาดจรดปลายพู่กันปั้นแต่งความงามเหมาะเจาะลงตัวปรากฏเป็นภาพโฉมสะคราญที่ทำให้ผู้คนหลงใหล เส้นผมดำยาวดุจดังน้ำหมึกที่หลุดลุ่ยคลอเคลียบนกรอบใบหน้าเล็กขาวนวลเนียน คิ้วเรียวดั่งคันศรดำขลับโดยมิต้องเติมแต่ง ดวงตาที่ปิดสนิทเห็นแพขนตางอนยาวทาบทับเปลือกตา จมูกโด่งเล็กรั้นเชิดตรงส่วนปลาย และริมฝีปากอวบอิ่มที่เผยอน้อยๆ ช่างชวนให้อยากสัมผัสความหวานที่พระองค์รู้ดีว่าละมุนเพียงใด สายตาคมดุจพยัคฆ์ไล่สำรวจมายังลำคอและลาดไหล่ขาวละเอียดเห็นเนินอกขาวผ่องรำไรพาลให้ลมหายใจสะดุด แผ่นหลังขาวนวลตัดกับเส้นผมดำยาวที่คลอเคลียไหล่มนจนมาถึงแผ่นหลัง ดึงให้ฝ่ามือหนายกขึ้นปัดป่ายก่อนจะประทับริมฝีปากร้อนลงบนหัวไหล่ไล่พรมจูบมาตามกระดูกสันหลัง มือหนาที่พยายามดึงรั้งให้อาภรณ์ที่เกาะเกี่ยวสะโพกงามงอนให้พ้นทาง ปากร้อนก็จูบพรมไปทั่วแผ่นหลังบอบบาง จนเจ้าของร่างเย้ายวนรู้สึกตัวตื่น สัมผัสแผ่วเบาที่ขยับยุกยิกทางด้านหลังจนทำให้รู้สึกวาบหวิวจนต้องลืมตาฉ่ำน้ำมองสิ่งที่รบกวนการพัก
"ท่านพ่อมีอะไรหรือเจ้าคะ" เสียงเล็กที่กระซิบแผ่วเบากับร่างสูงที่ย่อตัวลงนั่งชันเข่าขึ้นข้างนึงเพื่อให้คุยกับร่างเล็กได้สะดวก "วันนี้ซีเอ๋อไม่อยากออกไปเที่ยวเล่นที่ไหนหรือ" เสี่ยวซีที่ทำท่าครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยขึ้น"อืมมม ไม่เจ้าค่ะ ซีเอ๋ออยากอยู่ปรนนิบัติท่านแม่ เพราะท่านแม่นั้นเหนื่อยมาก" "ให้พ่อช่วยดีหรือไม่ ส่วนซีเอ๋อจะได้ออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก" "ไม่ดีกว่าเจ้าค่ะ ซีเอ๋ออยากอยู่กับท่านแม่"ว่าพลางร่างเล็กก็ทำท่าจะหันหลังกลับเข้าไป อ๋องสามที่รีบคว้าไหล่เล็กเอาไว้ จนไม่ทันสังเกตรอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์ที่ยกขึ้นของเจ้าตัวเล็ก" เมื่อวันก่อนพ่อได้ยินว่าท่านแม่ของเจ้าบ่นว่าอยากกินถังหูลู่ด้วยนะ ถ้าท่านแม่ได้กินคงจะหายเหนื่อยแน่ๆ เอ.. หรือว่าพ่อจะไปซื้อเองนะ แต่หากเสี่ยวซีเป็นคนไปซื้อท่านแม่คงจะชื่นใจจนหายเหนื่อยเป็นแน่"เสี่ยวซีน้อยที่มองใบหน้าของบิดาที่กำลังมองนางสายตาพราวระยับ"ท่านแม่ ไม่ชอบกินของหวาน"เจ้าตัวเล็กที่ใช้มือเล็กกลมยกขึ้นกอดอก"แต่พ่อได้ยินจริงๆ นะ""ท่านพ่อจะหลอกให้ลูกออกไปข้างนอก เพื่อจะได้อยู่กับท่านแม่ตามลำพังใช่หรือไม่เจ้าคะ"OoO! ".... " อ๋องสามที่โดนจับได้ รีบก้มห
หลังจากวันนั้นที่สองพ่อลูกผู้มากเล่ห์ใช้กลเม็ดต่างๆ ขยันหาเรื่องจนนางอดสงสารทั้งสี่คนไม่ได้ ก็ดูเหมือนเรื่องราวของทั้งสี่จะเริ่มชัดเจนขึ้นโดยมีสองพ่อลูกที่เป็นผู้รับหน้าที่ผูกด้ายแดงเชื่อมโยงหนุ่มสาวให้กล้าที่จะยอมรับความรู้สึกของตัวเอง ไม่ปล่อยให้มันสายเกินไปจนยากที่จะแก้ไข แต่กว่าทุกอย่างจะลงเอยได้ด้วยดีก็เล่นเอาบอบช้ำกันไปตามๆ กัน เพราะบรรดาพระเชษฐาของสามีนางจะมีใครธรรมดาได้อย่างไร ตอนนี้ท้องของนางใกล้จะคลอดเต็มที ยิ่งใกล้คลอดนางยิ่งรู้สึกกังวล แต่ก็มีสามีที่คอยอยู่ใกล้ๆ ให้กำลังใจและยังมีเจ้าตัวเล็กที่มักจะมานั่งคุยกับน้องๆ ทั้งสามอยู่เสมอ จนเมื่อถึงวันที่นางเจ็บท้องคลอดทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ท่ามกลางความตื่นเต้นดีใจของบุคคลทั้งสองที่นางรัก ทั้งนางและบุตรตัวน้อยทั้งสามล้วนปลอดภัยและแข็งแรงดี อ๋องสามและเสี่ยวซีที่เห่อเจ้าตัวเล็กทั้งสามจนไม่คิดจะออกห่างไปไหนต่างช่วยกันดูแลนางและเจ้าตัวน้อยทั้งสาม บุตรที่คลอดออกมาคนแรกนั้นเป็นอ๋องน้อยเป็นคุณชายใหญ่ของจวนบิดาให้นามว่า มู่หยวนฟง คนที่สองก็ยังเป็นบุตรชายคุณชายรองนามว่า มู่อวิ๋นซาน ส่วนคนที่สามเป็นท่านหญิงน้อยซึ่งดูจะได้รับความโปร
ตอนนี้บรรยากาศในศาลาเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและเสียงพูดเจี๊ยวจ๊าวของเจ้าตัวเล็กที่ดูจะชอบพี่สาวคนสวยทั้งสองเป็นอย่างมาก จากที่ได้สนทนากันคุณหนูหลิวทั้งสองนั้นน่าคบหามากเลยทีเดียว จนตอนนี้ใช้เวลาเพียงไม่นานลี่เซียนก็สามารถพูดคุยกับทั้งสองอย่างเป็นกันเองอย่างสนิทใจแต่เหตุใดนางรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไป พี่หย่งไท่ที่มักจะพูดคุยหยอกล้อกับเสี่ยวซีกลับเงียบจนผิดปกติจะมีหันมาตอบคำถามบ้างเมื่อมีใครถามเท่านั้นและนางยังไม่เห็นพระองค์พูดกับหลันเอ๋อแม้แต่คำเดียว ส่วนองค์รัชทายาทนั้นที่ปกติมักจะเป็นผู้ฟังที่ดีมาตลอดแต่ก็ยังสนทนากันบ้างวันนี้กลับเงียบจนน่าอึดอัด แต่นางกลับเห็นว่าสายตาคู่นั้นมักจะมองมายังสตรีผู้หนึ่งเสมอ มิใช่คู่หมั้นแต่เป็นน้องสาวของคู่หมั้น แต่เชี่ยนเชี่ยนกลับนิ่งเฉยนางรู้สึกได้ว่าเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกถึงสายตาที่มองมาแต่กลับไม่ยอมหันไปสบตายังคงพูดคุยหยอกล้ออยู่กับเสี่ยวซีด้วยรอยยิ้ม บางครั้งรอยยิ้มสดใสนั้นก็มักมีความเศร้าหมองวาบผ่านโดยที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ตัวว่าเผลอแสดงออกมาฝ่ามืออุ่นที่โอบกระชับรอบเอวทำให้นางหลุดจากภวังค์หันมามองใบหน้าหล่อเหลาของผู้เป็นสามีที่กำลังส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาใ
ภาพบุรุษสูงศักดิ์ผู้เป็นพระเชษฐาองค์รองและสององครักษ์คนสนิทที่กำลังนั่งจิบชาสนทนากันอยู่ในศาลากลางสวนสวย ทำให้ผู้เป็นเจ้าของจวนที่ในอ้อมแขนมีร่างอวบอิ่มของชายารักยกยิ้มขึ้น วันนี้พระองค์ขอเรียกศักดิ์ศรีที่พังยับเยินกลับคืนมาเสียที และขอเอาคืนสักเล็กน้อยเถอะนะโจวเฟิง โจวซุ่นที่อ๋องสามให้หยุดพักหน้าที่องครักษ์จนกว่าฮูหยินของทั้งสองจะคลอด เมื่อเห็นเจ้าของจวนจึงรีบลุกขึ้นทำความเคารพ อ๋องสามที่ประคองร่างอวบอิ่มของชายารักนั่งลงเรียบร้อยพลันยืดอกแกร่งขึ้นอย่างสง่าผ่าเผย ชินอ๋องมู่หย่งไท่ที่เห็นท่าทางเช่นนั้นแล้วรู้สึกหมั่นไส้เป็นยิ่งนัก "ขออภัยที่ปล่อยให้ทุกคนต้องรอ พอดีว่าเมื่อคืนนอนดึกไปหน่อยน่ะ" อ๋องสามที่กล่าวขึ้นพร้อมส่งสายตากรุ้มกริ่มไปให้ชายารักที่ใบหน้านั้นแดงระเรื่อ ลี่เซียนนั้นอยากจะลุกขึ้นตะกุยหน้าแสนร้ายกาจนั้นนักที่ชอบทำให้นางได้อับอายอยู่เรื่อย"เซียนเอ๋ออาการแพ้หายแล้วหรือ"" เพคะ พี่หย่งไท่"ตอบคำถามของบุรุษตรงหน้าด้วยใบหน้าแดงก่ำ"แล้วพี่ใหญ่เล่า" อ๋องสามที่ไม่เห็นพระเชษฐาองค์โตให้ถามขึ้น แต่ไม่เป็นไรสำหรับพี่ใหญ่นั้นพระองค์จะอภัยให้ถึงอย่างไรพี่ใหญ่ก็มิได้เอ่ยคำทิ่มแทงใ
เมื่อรับรู้ถึงแรงขมิบตอดรัดของช่องทางรักแสนคับแน่นกายแกร่งกลับถอดถอนท่อนเอ็นร้อนผ่าวออก จับร่างบางพลิกคว่ำยกสะโพกงอนกระดกขึ้นกลายเป็นท่าคลานเข่า มือหนาจับเข่าเล็กให้อ้าออกกว้างกดแผ่นหลังบางขาวผ่องจนใบหน้าและหน้าอกอวบอิ่มแนบไปกับพื้นเตียงนุ่ม บั้นท้ายงามงอนกระดกขึ้น บุปผางามชุ่มฉ่ำน้ำปรากฏสู่สายตาที่ไฟแห่งราคะกำลังโหมกระพือกลีบดอกอวบอูบสีแดงบวมช้ำจากการถูกลุกลานจากแกนกายใหญ่ล่อลวงให้ส่งลิ้นร้อนหนาสากระคายตวัดไล้เลียโลมลูบปลอบประโลม กดปลายลิ้นอุ่นชื้นไปตรงตุ่มเกสรกลางดอกไม้งาม ดุนดันจนสะโพกผายส่ายเร่าครวญครางเสียงสั่น ก่อนจะถอนปากร้อนออก มือหนาส่งนิ้วเรียวไปบดบี้ตุ้มเกสรแล้วส่งนิ้วยาวใหญ่เข้าไปในช่องทางรักชักเข้าออกจนน้ำหวานติดตามง่ามนิ้วถอดถอนนิ้วเรียวออกมาจากช่องทางรักที่บีบรัดแน่น แล้วใช้สองนิ้วแยกกลีบดอกอวบอูมออกกว้างก่อนจะชอนไชลิ้นหนาสากเข้าไปยังร่องสวาทปาดเลียขึ้นลงตามร่องเปียกแฉะ ก่อนจะกดลึกลงไปตรงแอ่งน้ำน้อยที่กลืนกินเท่าไหร่ก็ไม่เหือดแห้งกลืนกินจนร่างบางครางระงมกระดกปลายลิ้นถี่รัว น้ำหวานหลั่งรินจนเปียกชุ่มไหลเอ่อแอ่งน้ำน้อย "อาาาส์ ได้โปรดไม่ไหวแล้ว อร้ายยย" เสียงครางแว่วหวา
วันนี้ลี่เซียนรู้สึกว่าท้องฟ้าช่างมืดเร็วนัก หลังจากอาบน้ำชำระกายเรียบร้อยก็เตรียมตัวเข้านอน แต่เมื่อก้าวออกมาจากหลังฉากกั้น ก็เห็นร่างของสามีที่นอนตะแคงข้างเปลือยอกที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามนอนรอท่าอยู่บนเตียง เมื่อสายตาคมที่เต็มไปด้วยประกายวาบหวามใช้มือหนาตบที่นอนนุ่มข้างตัวเบาๆ ด้วยท่าทางสบายๆ แต่กลับทำให้หัวใจนางเต้นกระหน่ำค่อยๆ ก้าวขาที่รู้สึกว่าจะอ่อนแรงเสียดื้อๆ ขึ้นลานเชือด ก่อนค่อยๆ ล้มตัวลงนอนข้างๆ บุรุษที่กลิ่นตัวบุรุษเพศของพระองค์ในตอนนี้ช่างทำให้นางถึงกับใจสั่น รู้สึกถึงลมหายใจที่เป่าลดอยู่นั้นมันร้อนรุ่มเหมือนเจ้าของจะจับไข้อ๋องสามที่ได้กลิ่นของเนื้อนวลที่ถวิลหา ทำให้หัวใจแกร่งเต้นระส่ำอยากจะโจนจ้วงเข้าหานางปลดปล่อยอารมณ์รุนแรงที่อัดแน่นอยู่ในกายแกร่ง อารมณ์ปรารถนาสูบฉีดจนเลือดในกายวิ่งพล่าน แต่พยายามข่มอารมณ์ลงเพราะลูกน้อยในครรภ์แม้อยากจะรักนางให้สมกับการรอคอยเพียงใดแต่ก็ต้องหักห้ามใจไม่ให้เผลอทำรุนแรงริมฝีปากหนาและลมหายใจผ่าวร้อนที่ก้มลงมาขบเม้มลำคอหอมกรุ่นขาวผ่องทำให้ขนอ่อนลุกพรึ่บไปทั้งร่าง พร้อมอาการเกร็งตัวขึ้นของสตรีในอ้อมแขน"อย่าเกร็ง" เสียงสั่นแหบพร่าร้องสั่งขึ้น