อ๋องสามมู่เหยียนหรงที่กลับมาถึงตำหนักหยกขาวก็เห็นว่ากำลังทหารที่ติดตามพระองค์อยู่ที่เมืองฉางอันห้าสิบนายที่ล้วนเป็นทหารฝีมือดีที่พระองค์ฝึกมาเองกับมือนั้นตั้งขบวนกันพร้อมแล้วรอเพียงแค่คำสั่งเคลื่อนขบวนจากพระองค์เท่านั้น ก็พร้อมออกเดินทาง แต่ร่างสูงสง่ากลับเดินหน้าตึงเข้าไปในตำหนักโดยไม่สนใจทหารใต้บังคับบัญชาที่มองตามวรกายสูงศักดิ์อย่างไม่เข้าใจว่านายเหนือหัวไปกินรังแตนมาจากไหน อ๋องสามเมื่อเข้ามาภายในห้องบรรทมก็เปลื้องอาภรณ์เดินตรงไปชำระล้างวรกายแข็งแกร่งที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม มือหนาขัดถูสัมผัสและกลิ่นกายของสตรีใจร้ายที่ยังรู้สึกถึงกลิ่นหอมของนางที่ยังติดตรึงอยู่ล้างเพียงใดก็ล้างไม่ออก ก่อนจะเดินออกมาจากห้องอาบน้ำทั้งที่หยดน้ำยังเกาะพราวตามตัวคว้าเอาอาภรณ์มาสวมอย่างลวกๆ โจวเฟิงที่วิ่งกระหอบเข้ามาเมื่อทหารมารายงานว่าท่านอ๋องกลับมาแล้ว เจอโจวซุ่นที่นั่งอยู่ด้านหน้าตำหนักโดยไม่เห็นวรกายของท่านอ๋องจึงเอ่ยถามขึ้น "ท่านอ๋องเล่า""อยู่ข้างใน"โจวซุ่นที่มองสหายที่รีบร้อนเข้าไปอย่างไม่เข้าใจว่ามีเรื่องเร่งด่วนอะไรถึงได้รีบร้อนนัก"ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ""มีอะไร"เสียงขานรับของนายเหนือหัวถึงกับทำใ
ร่างสูงใหญ่ในชุดดำที่ปิดบังใบหน้าถึงกับสะดุดลมหายใจ หัวใจที่เย็นชาเต้นผิดจังหวะไปจังหวะหนึ่ง เมื่อสตรีผู้ที่เขาตามหามากว่าสองปีหันใบหน้างดงามมาทางตน ก่อนจะเอ่ยสั่งเสียงเรียบ ควบคุมความรู้สึกที่แปลกไปของตนเอง"เข้าไปด้านใน เดี๋ยวนี้" ชายชุดดำที่หันปลายกระบี่มาทางนางพูดขึ้น ลี่เซียนที่มองไปรอบๆ แล้วไม่เห็นทางรอดจึงหันหลังเปิดประตูเข้าไปในห้องซึ่งเป็นเรือนนอนของนาง โชคดีเหลือเกินที่ทุกคนออกไปข้างนอก ไม่อย่างนั้นนางไม่อยากจะคิดเลยจริงๆ เมื่อก้าวพ้นประตูมาจึงได้ยินเสียงปิดประตูตามหลังหันไปมองห้องด้านในที่มีชายชุดดำอีกสองคนรื้อค้นข้าวของจนกระจุยกระจาย โดยไม่ต้องบอกนางก็รู้ได้ว่าคนพวกนี้มาที่นี่ด้วยจุดประสงค์ใด เหอะ นางพยายามพาตัวเองและบุตรถอยห่างจากปัญหาและอันตรายแต่สุดท้ายกลับหนีไม่พ้น ต้องมาพัวพันกับเรื่องราวเหล่านี้อยู่ดี หรือการที่นางมาอยู่ที่นี่มาพัวพันกับทุกคนที่เกี่ยวข้องเพราะต้องการให้นางมาคลี่คลายทุกอย่าง แต่นางก็แค่คนธรรมดาคนหนึ่งจะช่วยอะไรได้ ไม่ได้มีวิชาการต่อสู้อะไรเลย หากถูกฆ่าก็ตายจริงๆ เจ็บจริงๆ ไม่ได้มีความเทพอะไรเลย "หลักฐานอยู่ที่ไหน" ลี่เซียนหลุดจากความคิดที่กำลังสับส
"หากกลัวก็บอกมา ว่าหลักฐานอยู่ที่ใด แล้วข้าจะปล่อยเจ้าไป" เสียงทุ้มที่ดังอยู่เหนือศีรษะเล็ก แอบสูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆ ของเส้นผมนุ่ม"เงียบซะข้าไม่ชอบเสียงร้อง" อึก อึก ลี่เซียนที่เงยหน้าขึ้นมองบุรุษที่กักนางไว้ในอ้อมแขนยิ่งมองใกล้ๆ ทำไมถึงได้ดูคุ้นนัก ร่างสูงที่เห็นว่าร่างบางนั้นเงียบไปจึงได้ผละออกเล็กน้อยก้มลงมองใบหน้างามที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา จึงทำให้ใบหน้าทั้งสองห่างกันไม่ถึงคืบตาจ้องตาอย่างมิอาจเลี่ยง ราวมีแรงดึงดูดจากร่างเล็กทำให้ใบหน้าคมเข้มโน้มต่ำลงมา แต่ก่อนที่จะได้ทำอย่างใจปรารถนาพรึ่บ!!! "ท่าน!! คนเลว คนชั่วทำอย่างนี้กับข้าได้อย่างไรกัน" มือเล็กที่ยกขึ้นทุบอกแกร่งด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี แล้วน้ำตาที่อดกลั้นก็พังทลายลงมาอีกครั้งอ๋องสามมู่เหยียนหรงที่ไม่คาดคิดว่านางจะกระชากผ้าปิดหน้าออกถึงกับตกใจ ก่อนจะได้สติเมื่อคนตัวเล็กปล่อยโฮออกมาจนพระองค์ถึงกับทำอะไรไม่ถูก"เซียนเอ๋อ หยุด หยุดก่อน ฟังก่อน" มือหนาที่รวบมือเล็กที่ทุบตีพระองค์ไม่ยั้งแต่แรงคนที่กำลังโกรธกลับมีมากไม่คิดจะหยุดทั้งทุบทั้งตีทั้งข่วนจนคอแกร่งเลือดออกซิบ แต่อ๋องสามกลับมิได้สนใจกลัวแต่ว่านางจะเจ็บมือ จึง
"เห็นทีว่าข้าจะทำตามที่เจ้าต้องการไม่ได้" อ๋องสามกล่าวกับสตรีที่มองพระองค์อย่างไม่พอใจ"ไปเก็บของซะ เจ้าและเสี่ยวซีต้องอยู่ในความดูแลของข้า เราจะเดินทางกลับเมืองหลวงกัน" ลี่เซียนที่มองใบหน้าบุรุษสูงศักดิ์ตรงหน้าที่ไม่มีแววล้อเล่น"ไม่ หม่อมฉันไม่ไปไหนกับพระองค์ทั้งนั้น หม่อมฉันดูแลตัวเองและซีเอ๋อได้ ไม่จำเป็นต้องรบกวนคนอื่น"อ๋องสามมองสตรีตรงหน้าอย่างอดทนอดกลั้น ไม่รู้จะทำอย่างไรกับปากเล็กๆนั่นที่ขยันพ่นวาจาร้ายกาจทำร้ายจิตใจพระองค์ครั้งแล้วครั้งเล่า" ดูแลตัวเองได้อย่างนั้นหรือ แล้วเจ้าไม่คิดหรือว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้หากไม่ใช่ข้าแต่เป็นคนร้ายจริงๆ จะเป็นอย่างไร หากข้ามาไม่ทันเสี่ยวซีจะเป็นอย่างไร ที่สำคัญพวกมันคงไม่ปล่อยให้เจ้าและเสี่ยวซีมีชีวิตรอดหรอกนะ ไม่ห่วงตัวเองก็ห่วงลูกบ้าง ข้าไม่ปล่อยให้บุตรของสหายต้องตกอยู่ในอันตรายเพราะความดื้อรั้นของใครหรอกนะ และข้าไม่ใช่คนอื่น เจ้าอย่าได้ลืมว่าข้ากับสามีเจ้าเป็นสหายกัน"ลี่เซียนที่จ้องตาคมดุนั้นอย่างไม่เกรงกลัว หากนางไม่ใช่มารดาของเสี่ยวซี พระองค์คงจะไม่สนใจไยดีสินะ ได้ อยากจะเข้าใจอย่างนั้นก็เชิญเลย ปากก็พูดว่านางเป็นภรรยาของสหาย
ลี่เซียนเดินตามร่างสูงออกมาด้านนอก เห็นชายชุดดำที่ตอนนี้ถูกเปิดผ้าคลุมหน้าออกนั่งคุกเข่าเอามือไพล่หลังมองมายังอ๋องสามมู่เหยียนหรงและนางด้วยสายตาแข็งกร้าว "โจวซุ่น นำแม่นางลี่เซียนไปรอที่รถม้า" หันมาสั่งคนสนิทที่เดินมารับสัมภาระจากสตรีที่เดินตามหลังพระองค์มาด้วยใบหน้างอง้ำ"พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง เชิญขอรับแม่นางลี่เซียน" ลี่เซียนส่งห่อผ้าให้คนของอ๋องสาม สั่งเสร็จเจ้าตัวก็เดินไปยังกลุ่มของคนชุดดำที่ถูกคุมตัวอยู่โดยไม่หันมามองนาง"ว่าอย่างไรเหวินเชาไม่เจอกันนานเลยนะ แต่เจ้าก็ไม่พัฒนาฝีมือขึ้นเลย ยังคงไม่ได้เรื่องเหมือนเดิม ไม่คิดว่าบิดาเจ้า จะปล่อยให้คนไร้ฝีมือเช่นเจ้ามาทำการใหญ่"อ๋องสามที่ทักทายชายชุดดำที่มองพระองค์อย่างไม่พอใจความจริงชายผู้นี้ก็มีฝีมือไม่เลว แต่เป็นเพราะความอวดดี และความใจร้อนจึงทำให้แพ้ภัยตัวเอง ตลอดระยะเวลาสองปีพระองค์ตามสืบจนล่วงรู้ว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังชนเผ่าเหล่านี้คือเสนาบดีเฒ่า จางกงหยวน แต่ไม่มีหลักฐานที่จะเอาผิด เพราะเฒ่าเจ้าเล่ห์มีอำนาจอยู่ในมือไม่น้อย"อยากจะฆ่าก็ฆ่าไม่ต้องเสียเวลามาพูดให้มากความ"จางเหวินเชาบุตรชายลับๆ ที่เกิดจากเสนาบดีเฒ่า จางกงหยวน กับนา
ลี่เซียนที่เดินทางมายังตำหนักหยกขาว และค้างคืนอยู่ที่นั่นหนึ่งคืนก่อนจะออกเดินทางไปยังเมืองหลวงของแคว้นในวันรุ่งขึ้น ทุกคนต่างวุ่นวายทำหน้าที่และสะสางงานของตนเอง นางนั้นได้ฝากร้านและเรือนให้ท่านลุงฉีและท่านป้า กับสองบ่าวดูแลโดยจะให้หวั่นเอ๋อติดตามไปแค่คนเดียวเท่านั้นเพราะหวั่นเอ๋อดูแลเสี่ยวซีมาตั้งแต่เด็ก ส่วนท่านอ๋องสามก็กำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมการเดินทางและวางแผนรับมือกับเรื่องที่จะจับตัวคนร้ายซึ่งนางก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งวุ่นวาย จนวันนั้นทั้งวันทั้งสองก็ไม่ได้เจอกันเลยเช้าวันรุ่งขึ้นขบวนเดินทางก็พร้อมที่จะออกเดินทาง โดยอ๋องสามได้จัดรถม้าสำหรับพวกนางใช้เวลาในการเดินทางเข้าวังหลวงเพียงแค่สองวันเท่านั้น โดยสองวันที่ผ่านมานั้นนางและท่านอ๋องก็แทบจะไม่พูดคุยกันเลย จนตอนนี้ได้เข้าสู่ประตูเมืองหลวงแล้ว ลี่เซียนที่เปิดผ้าม่านเพียงเล็กน้อยมองออกไปด้านนอกรถม้าที่มีผู้คนมากมายมารับเสด็จอ๋องสามมู่เหยียนหรง นางที่เห็นบรรยากาศคึกคักนั่นอดตื่นเต้นไม่ได้ ที่เมืองหลวงแห่งนี้ใหญ่โตมากทีเดียว ผู้คนต่างแต่งกายงดงามแตกต่างจากเมืองฉางอันที่ผู้คนต่างใช้ชีวิตเรียบง่ายเพราะส่วนมากจะเป็นชาวบ้านธรรมดา มิได้เต็ม
เมื่อทั้งหมดเดินเข้ามายังเรือนรับรองที่บ่าวไพร่เตรียมสำรับน้ำชาเอาไว้อย่างเรียบร้อย อ๋องสามก็รับสั่งให้บ่าวรับใช้นำข้าวของของสตรีที่ดูท่าจะถูกอกถูกใจบุรุษอบอุ่นเช่นพระเชษฐาของพระองค์ไปเก็บยังเรือนพักที่จัดไว้สำหรับนาง ซึ่งพระองค์ได้ส่งทหารมาแจ้งไว้ล่วงหน้าก่อนที่พระองค์จะเดินทางมาถึงมองบุรุษและสตรีที่สนทนากันอยู่อย่างไม่สนใจผู้ใด จึงหันพระพักตร์บึ้งตึงเพื่อจะไปให้พ้นจากตรงนี้ "ท่านอ๋องสามเดี๋ยวก่อนเพคะ"เสียงเล็กที่เรียกไว้ทำให้พระองค์สีหน้าดีขึ้นนิดนึง ยังดีที่นางยังรู้ว่ามีพระองค์ยืนหัวโด่อยู่ด้วยนึกว่าจะไม่เห็นหัวพระองค์ที่เป็นเจ้าของตำหนักแล้วเสียอีก"ส่งซีเอ๋อมาให้หม่อมฉันด้วยเพคะ" "........" คำพูดที่ออกจากปากเล็กนั่นทำให้พระองค์ต้องกัดฟันกรอด ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา"เปิ่นหวางจะพาซีเอ๋อไปพักผ่อน เชิญเจ้าสนทนากับบุรุษให้สบายใจเถอะ ไม่ต้องมาสนใจลูกหรอก" เอ่ยเสร็จก็สะบัดใบหน้าบูดบึ้งเดินออกไปจากห้อง"....... "พรืดดดเสียงหัวเราะของชินอ๋องมู่หย่งไท่ทำให้ลี่เซียนรู้สึกทำหน้าไม่ถูกได้แต่ส่งยิ้มกระดากอายไปให้บุรุษสูงศักดิ์ผู้เป็นพระเชษฐาของบุรุษที่งอนใส่นางจนน่าหมั่นไส้กับพี่ชา
ตอนนี้ลี่เซียนและเสี่ยวซีอาศัยอยู่ในจวนอ๋องสามมาครบหนึ่งสัปดาห์แล้ว และเจ้าของจวนก็หายหน้าหายตาไปตั้งแต่วันนั้น จะมีก็แต่ชินอ๋องมู่หย่งไท่ที่แวะเวียนมาหานางทุกวันและมาอยู่เล่นกับเสี่ยวซีและรับมื้อเย็นก่อนถึงจะกลับ จนนางต้องเอ่ยถามว่าไม่เบื่อบ้างหรือแต่พระองค์กลับบอกว่าสนุกดีที่ได้เห็นคนคลั่ง จนนางได้แต่ส่ายหน้ากับบุรุษตรงหน้าวันนี้นางมีนัดกับชินอ๋องที่บอกว่าจะพานางและซีเอ๋อไปเดินชมตลาด จนซีเอ๋อตื่นเต้นนักยืนรอชินอ๋องอยู่หน้าเรือนชะเง้อคอมองแล้วมองอีก พอเห็นบุรุษที่รอคอยเดินส่งยิ้มละมุนมาให้ เสี่ยวซีน้อยก็รีบวิ่งไปหาอ้อมแขนที่รอรับ เสี่ยวซีที่ตอนนี้ติดชินอ๋องมากไม่ว่าจะทำอะไรมักจะนึกถึงท่านลุงหย่งไท่เสมอชินอ๋องมู่หย่งไท่ที่พาสตรีต่างวัยเที่ยวชมตลาดจนทั่วต่างได้ข้าวของเต็มไม้เต็มมือ และยังมีชุดสวยๆ ที่ได้รับความนิยมจากสตรีเมืองหลวงมาหลายชุด ลี่เซียนที่ตอนนี้อยู่ในชุดสีฟ้าสดใสงดงามราวดรุณีวัยแรกแย้มได้รับคำชมไม่ขาดจากชินอ๋องจนนางรู้สึกเขินอายเมื่อได้ออกไปเที่ยวไปชื่นชมบรรยากาศข้างนอกทำให้ลี่เซียนอารมณ์ปลอดโปร่งขึ้นมาบ้างหลังจากที่นางรู้สึกเคร่งเครียดกับทุกอย่างอยู่หลายวัน และรู้สึกคิด
อ๋องสามมู่เหยียนหรงที่กลับมาจากเข้าเฝ้าฮ่องเต้ รีบสาวเท้าตรงมายังเรือนนอนของตนกับผู้เป็นชายาอย่างเร่งรีบกลายเป็นภาพชินตาของบรรดาบ่าวไพร่ที่จะเห็นภาพเหล่านี้เมื่อวันเวลาสี่วันเวียนมาบรรจบวันนี้พระองค์รีบเร่งสะสางงานเพื่อจะได้รีบกลับมาอยู่กับชายารัก ซึ่งวันนี้เป็นวันของพระองค์หากจะถามว่าเหตุใดจึงกล่าวว่าวันนี้เป็นวันของพระองค์น่ะหรือ เหตุเพราะการแย่งชิงกันที่จะได้นอนกอดมารดาของเจ้าสี่แสบ ทำให้ต้องทำการสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันนอนกับมารดา และผู้เป็นบิดาเช่นพระองค์ก็มิได้รับข้อยกเว้น จำต้องแบ่งวันอยู่กับชายารักเหมือนกับบุตรทั้งสี่ แม้จะได้นอนร่วมเตียงแต่ก็มีบุตรตัวน้อยที่นอนคั่นกลาง ซึ่งวันนี้ก็เวียนมาบรรจบที่พระองค์จะได้อยู่ตามลำพังกับผู้เป็นชายา หลังจากมิได้นอนกอดชายารักมาหลายค่ำคืนเมื่อสาวเท้าข้ามผ่านประตู เห็นชายารักนั่งหวีผมยาวสลวยอยู่หน้ากระจก มองจากการแต่งกายให้รู้ว่านางอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว จนทำให้คิ้วหนาขมวดมุ่น"เหตุใดจึงไม่รออาบพร้อมกัน" ลี่เซียนที่มองสบตาสวามีผ่านกระจก เห็นสายตาร้อนแรงนั้น ให้รู้สึกร้อนวูบวาบนัก"ก็ อากาศมันร้อนอบอ้าวหนิเจ้าคะ" เสียงหวานใสที่เอ่ยขึ้นใบหน้
"ท่านแม่เจ้าขาาา"เสียงเล็กที่ร้องเรียกดังมาแต่ไกล ก่อนจะปรากฏร่างกลมป้อมของเจ้าของเสียงที่สองมือเล็กนั้นถือข้าวของมาเต็มสองมือ ทำให้ลี่เซียนที่กำลังเล่นอยู่กับเจ้าซาลาเปาน้อยทั้งสามต้องเงยหน้าขึ้นมอง"ว่าอย่างไรเจ้าตัวแสบ ดูท่าช่วงนี้จะมั่งคั่งเหลือเกินนะเราน่ะ ไปรับสินบนจากใครมากัน หืม"เจ้าตัวเล็กเห็นสายตาที่มองมาของมารดาถึงกับสะดุ้ง รีบเอ่ยจนปากเล็กสั่นระรัว "สินบนอันใดกันเจ้าคะ ลูกไม่เห็นจะเข้าใจเลย ข้าวของเหล่านี้ เป็นบิดาเมตตาลูกเองทั้งนั้น ลูกมิได้ร้องขอแม้แต่น้อย"ลูกแค่บอกว่าถุงเงินของลูกช่างเบายิ่งนักท่านพ่อก็กุลีกุจอยัดเยียดกุญแจหีบเงินให้ลูก แน่นอนว่าประโยคนี้มิได้หลุดออกไปจากริมฝีปากเล็กใบหน้าเล็กใสซื่อเอ่ยขึ้นในตาใสแจ๋ว"อืมมม บิดาเจ้าช่างประเสริฐแท้"ลี่เซียนที่เอ่ยขึ้นอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ถึงผู้ที่ทำให้นางรู้สึกจุกหน่วงในท้องอยู่ ณ ตอนนี้ แล้วหางตาก็เห็นผู้ประเสริฐกำลังเดินยิ้มร่าเข้ามาแล้วช้อนตัวเจ้าตัวแสบขึ้นอุ้ม พร้อมหอมแก้มย้วยนั้นฟอดใหญ่ มองใบหน้างอง้ำของภรรยาด้วยสายตากรุ้มกริ่ม"เสี่ยวซี ซื้ออันใดมาฝากพ่อบ้าง หืม" " เยอะแยะเลยเจ้าค่ะ มีชาแบบใหม่ด้วยนะเจ้าคะ
ภาพโฉมสะคราญนอนเปลือยแผ่นหลังขาวผ่องอยู่บนตั่งเล็กริมหน้าต่าง ทำให้อ๋องสามยืนมองภาพตรงหน้าด้วยความหลงใหล ช่างงดงามดังเทพธิดาที่ปรมาจารย์ผู้เป็นเอกด้านรูปวาดจรดปลายพู่กันปั้นแต่งความงามเหมาะเจาะลงตัวปรากฏเป็นภาพโฉมสะคราญที่ทำให้ผู้คนหลงใหล เส้นผมดำยาวดุจดังน้ำหมึกที่หลุดลุ่ยคลอเคลียบนกรอบใบหน้าเล็กขาวนวลเนียน คิ้วเรียวดั่งคันศรดำขลับโดยมิต้องเติมแต่ง ดวงตาที่ปิดสนิทเห็นแพขนตางอนยาวทาบทับเปลือกตา จมูกโด่งเล็กรั้นเชิดตรงส่วนปลาย และริมฝีปากอวบอิ่มที่เผยอน้อยๆ ช่างชวนให้อยากสัมผัสความหวานที่พระองค์รู้ดีว่าละมุนเพียงใด สายตาคมดุจพยัคฆ์ไล่สำรวจมายังลำคอและลาดไหล่ขาวละเอียดเห็นเนินอกขาวผ่องรำไรพาลให้ลมหายใจสะดุด แผ่นหลังขาวนวลตัดกับเส้นผมดำยาวที่คลอเคลียไหล่มนจนมาถึงแผ่นหลัง ดึงให้ฝ่ามือหนายกขึ้นปัดป่ายก่อนจะประทับริมฝีปากร้อนลงบนหัวไหล่ไล่พรมจูบมาตามกระดูกสันหลัง มือหนาที่พยายามดึงรั้งให้อาภรณ์ที่เกาะเกี่ยวสะโพกงามงอนให้พ้นทาง ปากร้อนก็จูบพรมไปทั่วแผ่นหลังบอบบาง จนเจ้าของร่างเย้ายวนรู้สึกตัวตื่น สัมผัสแผ่วเบาที่ขยับยุกยิกทางด้านหลังจนทำให้รู้สึกวาบหวิวจนต้องลืมตาฉ่ำน้ำมองสิ่งที่รบกวนการพัก
"ท่านพ่อมีอะไรหรือเจ้าคะ" เสียงเล็กที่กระซิบแผ่วเบากับร่างสูงที่ย่อตัวลงนั่งชันเข่าขึ้นข้างนึงเพื่อให้คุยกับร่างเล็กได้สะดวก "วันนี้ซีเอ๋อไม่อยากออกไปเที่ยวเล่นที่ไหนหรือ" เสี่ยวซีที่ทำท่าครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยขึ้น"อืมมม ไม่เจ้าค่ะ ซีเอ๋ออยากอยู่ปรนนิบัติท่านแม่ เพราะท่านแม่นั้นเหนื่อยมาก" "ให้พ่อช่วยดีหรือไม่ ส่วนซีเอ๋อจะได้ออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก" "ไม่ดีกว่าเจ้าค่ะ ซีเอ๋ออยากอยู่กับท่านแม่"ว่าพลางร่างเล็กก็ทำท่าจะหันหลังกลับเข้าไป อ๋องสามที่รีบคว้าไหล่เล็กเอาไว้ จนไม่ทันสังเกตรอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์ที่ยกขึ้นของเจ้าตัวเล็ก" เมื่อวันก่อนพ่อได้ยินว่าท่านแม่ของเจ้าบ่นว่าอยากกินถังหูลู่ด้วยนะ ถ้าท่านแม่ได้กินคงจะหายเหนื่อยแน่ๆ เอ.. หรือว่าพ่อจะไปซื้อเองนะ แต่หากเสี่ยวซีเป็นคนไปซื้อท่านแม่คงจะชื่นใจจนหายเหนื่อยเป็นแน่"เสี่ยวซีน้อยที่มองใบหน้าของบิดาที่กำลังมองนางสายตาพราวระยับ"ท่านแม่ ไม่ชอบกินของหวาน"เจ้าตัวเล็กที่ใช้มือเล็กกลมยกขึ้นกอดอก"แต่พ่อได้ยินจริงๆ นะ""ท่านพ่อจะหลอกให้ลูกออกไปข้างนอก เพื่อจะได้อยู่กับท่านแม่ตามลำพังใช่หรือไม่เจ้าคะ"OoO! ".... " อ๋องสามที่โดนจับได้ รีบก้มห
หลังจากวันนั้นที่สองพ่อลูกผู้มากเล่ห์ใช้กลเม็ดต่างๆ ขยันหาเรื่องจนนางอดสงสารทั้งสี่คนไม่ได้ ก็ดูเหมือนเรื่องราวของทั้งสี่จะเริ่มชัดเจนขึ้นโดยมีสองพ่อลูกที่เป็นผู้รับหน้าที่ผูกด้ายแดงเชื่อมโยงหนุ่มสาวให้กล้าที่จะยอมรับความรู้สึกของตัวเอง ไม่ปล่อยให้มันสายเกินไปจนยากที่จะแก้ไข แต่กว่าทุกอย่างจะลงเอยได้ด้วยดีก็เล่นเอาบอบช้ำกันไปตามๆ กัน เพราะบรรดาพระเชษฐาของสามีนางจะมีใครธรรมดาได้อย่างไร ตอนนี้ท้องของนางใกล้จะคลอดเต็มที ยิ่งใกล้คลอดนางยิ่งรู้สึกกังวล แต่ก็มีสามีที่คอยอยู่ใกล้ๆ ให้กำลังใจและยังมีเจ้าตัวเล็กที่มักจะมานั่งคุยกับน้องๆ ทั้งสามอยู่เสมอ จนเมื่อถึงวันที่นางเจ็บท้องคลอดทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ท่ามกลางความตื่นเต้นดีใจของบุคคลทั้งสองที่นางรัก ทั้งนางและบุตรตัวน้อยทั้งสามล้วนปลอดภัยและแข็งแรงดี อ๋องสามและเสี่ยวซีที่เห่อเจ้าตัวเล็กทั้งสามจนไม่คิดจะออกห่างไปไหนต่างช่วยกันดูแลนางและเจ้าตัวน้อยทั้งสาม บุตรที่คลอดออกมาคนแรกนั้นเป็นอ๋องน้อยเป็นคุณชายใหญ่ของจวนบิดาให้นามว่า มู่หยวนฟง คนที่สองก็ยังเป็นบุตรชายคุณชายรองนามว่า มู่อวิ๋นซาน ส่วนคนที่สามเป็นท่านหญิงน้อยซึ่งดูจะได้รับความโปร
ตอนนี้บรรยากาศในศาลาเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและเสียงพูดเจี๊ยวจ๊าวของเจ้าตัวเล็กที่ดูจะชอบพี่สาวคนสวยทั้งสองเป็นอย่างมาก จากที่ได้สนทนากันคุณหนูหลิวทั้งสองนั้นน่าคบหามากเลยทีเดียว จนตอนนี้ใช้เวลาเพียงไม่นานลี่เซียนก็สามารถพูดคุยกับทั้งสองอย่างเป็นกันเองอย่างสนิทใจแต่เหตุใดนางรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไป พี่หย่งไท่ที่มักจะพูดคุยหยอกล้อกับเสี่ยวซีกลับเงียบจนผิดปกติจะมีหันมาตอบคำถามบ้างเมื่อมีใครถามเท่านั้นและนางยังไม่เห็นพระองค์พูดกับหลันเอ๋อแม้แต่คำเดียว ส่วนองค์รัชทายาทนั้นที่ปกติมักจะเป็นผู้ฟังที่ดีมาตลอดแต่ก็ยังสนทนากันบ้างวันนี้กลับเงียบจนน่าอึดอัด แต่นางกลับเห็นว่าสายตาคู่นั้นมักจะมองมายังสตรีผู้หนึ่งเสมอ มิใช่คู่หมั้นแต่เป็นน้องสาวของคู่หมั้น แต่เชี่ยนเชี่ยนกลับนิ่งเฉยนางรู้สึกได้ว่าเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกถึงสายตาที่มองมาแต่กลับไม่ยอมหันไปสบตายังคงพูดคุยหยอกล้ออยู่กับเสี่ยวซีด้วยรอยยิ้ม บางครั้งรอยยิ้มสดใสนั้นก็มักมีความเศร้าหมองวาบผ่านโดยที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ตัวว่าเผลอแสดงออกมาฝ่ามืออุ่นที่โอบกระชับรอบเอวทำให้นางหลุดจากภวังค์หันมามองใบหน้าหล่อเหลาของผู้เป็นสามีที่กำลังส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาใ
ภาพบุรุษสูงศักดิ์ผู้เป็นพระเชษฐาองค์รองและสององครักษ์คนสนิทที่กำลังนั่งจิบชาสนทนากันอยู่ในศาลากลางสวนสวย ทำให้ผู้เป็นเจ้าของจวนที่ในอ้อมแขนมีร่างอวบอิ่มของชายารักยกยิ้มขึ้น วันนี้พระองค์ขอเรียกศักดิ์ศรีที่พังยับเยินกลับคืนมาเสียที และขอเอาคืนสักเล็กน้อยเถอะนะโจวเฟิง โจวซุ่นที่อ๋องสามให้หยุดพักหน้าที่องครักษ์จนกว่าฮูหยินของทั้งสองจะคลอด เมื่อเห็นเจ้าของจวนจึงรีบลุกขึ้นทำความเคารพ อ๋องสามที่ประคองร่างอวบอิ่มของชายารักนั่งลงเรียบร้อยพลันยืดอกแกร่งขึ้นอย่างสง่าผ่าเผย ชินอ๋องมู่หย่งไท่ที่เห็นท่าทางเช่นนั้นแล้วรู้สึกหมั่นไส้เป็นยิ่งนัก "ขออภัยที่ปล่อยให้ทุกคนต้องรอ พอดีว่าเมื่อคืนนอนดึกไปหน่อยน่ะ" อ๋องสามที่กล่าวขึ้นพร้อมส่งสายตากรุ้มกริ่มไปให้ชายารักที่ใบหน้านั้นแดงระเรื่อ ลี่เซียนนั้นอยากจะลุกขึ้นตะกุยหน้าแสนร้ายกาจนั้นนักที่ชอบทำให้นางได้อับอายอยู่เรื่อย"เซียนเอ๋ออาการแพ้หายแล้วหรือ"" เพคะ พี่หย่งไท่"ตอบคำถามของบุรุษตรงหน้าด้วยใบหน้าแดงก่ำ"แล้วพี่ใหญ่เล่า" อ๋องสามที่ไม่เห็นพระเชษฐาองค์โตให้ถามขึ้น แต่ไม่เป็นไรสำหรับพี่ใหญ่นั้นพระองค์จะอภัยให้ถึงอย่างไรพี่ใหญ่ก็มิได้เอ่ยคำทิ่มแทงใ
เมื่อรับรู้ถึงแรงขมิบตอดรัดของช่องทางรักแสนคับแน่นกายแกร่งกลับถอดถอนท่อนเอ็นร้อนผ่าวออก จับร่างบางพลิกคว่ำยกสะโพกงอนกระดกขึ้นกลายเป็นท่าคลานเข่า มือหนาจับเข่าเล็กให้อ้าออกกว้างกดแผ่นหลังบางขาวผ่องจนใบหน้าและหน้าอกอวบอิ่มแนบไปกับพื้นเตียงนุ่ม บั้นท้ายงามงอนกระดกขึ้น บุปผางามชุ่มฉ่ำน้ำปรากฏสู่สายตาที่ไฟแห่งราคะกำลังโหมกระพือกลีบดอกอวบอูบสีแดงบวมช้ำจากการถูกลุกลานจากแกนกายใหญ่ล่อลวงให้ส่งลิ้นร้อนหนาสากระคายตวัดไล้เลียโลมลูบปลอบประโลม กดปลายลิ้นอุ่นชื้นไปตรงตุ่มเกสรกลางดอกไม้งาม ดุนดันจนสะโพกผายส่ายเร่าครวญครางเสียงสั่น ก่อนจะถอนปากร้อนออก มือหนาส่งนิ้วเรียวไปบดบี้ตุ้มเกสรแล้วส่งนิ้วยาวใหญ่เข้าไปในช่องทางรักชักเข้าออกจนน้ำหวานติดตามง่ามนิ้วถอดถอนนิ้วเรียวออกมาจากช่องทางรักที่บีบรัดแน่น แล้วใช้สองนิ้วแยกกลีบดอกอวบอูมออกกว้างก่อนจะชอนไชลิ้นหนาสากเข้าไปยังร่องสวาทปาดเลียขึ้นลงตามร่องเปียกแฉะ ก่อนจะกดลึกลงไปตรงแอ่งน้ำน้อยที่กลืนกินเท่าไหร่ก็ไม่เหือดแห้งกลืนกินจนร่างบางครางระงมกระดกปลายลิ้นถี่รัว น้ำหวานหลั่งรินจนเปียกชุ่มไหลเอ่อแอ่งน้ำน้อย "อาาาส์ ได้โปรดไม่ไหวแล้ว อร้ายยย" เสียงครางแว่วหวา
วันนี้ลี่เซียนรู้สึกว่าท้องฟ้าช่างมืดเร็วนัก หลังจากอาบน้ำชำระกายเรียบร้อยก็เตรียมตัวเข้านอน แต่เมื่อก้าวออกมาจากหลังฉากกั้น ก็เห็นร่างของสามีที่นอนตะแคงข้างเปลือยอกที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามนอนรอท่าอยู่บนเตียง เมื่อสายตาคมที่เต็มไปด้วยประกายวาบหวามใช้มือหนาตบที่นอนนุ่มข้างตัวเบาๆ ด้วยท่าทางสบายๆ แต่กลับทำให้หัวใจนางเต้นกระหน่ำค่อยๆ ก้าวขาที่รู้สึกว่าจะอ่อนแรงเสียดื้อๆ ขึ้นลานเชือด ก่อนค่อยๆ ล้มตัวลงนอนข้างๆ บุรุษที่กลิ่นตัวบุรุษเพศของพระองค์ในตอนนี้ช่างทำให้นางถึงกับใจสั่น รู้สึกถึงลมหายใจที่เป่าลดอยู่นั้นมันร้อนรุ่มเหมือนเจ้าของจะจับไข้อ๋องสามที่ได้กลิ่นของเนื้อนวลที่ถวิลหา ทำให้หัวใจแกร่งเต้นระส่ำอยากจะโจนจ้วงเข้าหานางปลดปล่อยอารมณ์รุนแรงที่อัดแน่นอยู่ในกายแกร่ง อารมณ์ปรารถนาสูบฉีดจนเลือดในกายวิ่งพล่าน แต่พยายามข่มอารมณ์ลงเพราะลูกน้อยในครรภ์แม้อยากจะรักนางให้สมกับการรอคอยเพียงใดแต่ก็ต้องหักห้ามใจไม่ให้เผลอทำรุนแรงริมฝีปากหนาและลมหายใจผ่าวร้อนที่ก้มลงมาขบเม้มลำคอหอมกรุ่นขาวผ่องทำให้ขนอ่อนลุกพรึ่บไปทั้งร่าง พร้อมอาการเกร็งตัวขึ้นของสตรีในอ้อมแขน"อย่าเกร็ง" เสียงสั่นแหบพร่าร้องสั่งขึ้น