“ฟ่างชิงเยี่ยน ข้าขอพูด…เป็นครั้งสุดท้าย…เจ้าจะทำอะไร” “ข้าต้องการท่าน อย่าพูดมาก เข้าหอกันเถอะเร็วเข้า!!” ท่านอ๋องคนสุดท้ายของ 4 ยอดบุรุษหนุ่มแห่งต้าเฉินมาแล้วจ้า.... สตรีที่แต่งเข้าไป 7 คนก่อนหน้านั้น....ตายหมดแล้วน่ะสิ เขาถึงได้ขึ้นชื่อว่าเป็นอ๋องโลหิตไงล่าาา..... เรื่องราวของบุตรท่านแม่ทัพ และ ท่านอ๋องโลหิตจะดุเดือด เผ็ดมันส์ขนาดไหน ฝากติดตามด้วยนะคะ อ๋องของเราท่านนี้ ดุดัน โหดเหี้ยม ฆ่าสตรีนะคะ ( มีเหตุผลนะคะ นางไม่ได้ฆ่าเรื่อยเปื่อย) นางเอกของเรา ฟ่างชิงเยี่ยนเป็นบุตรี (ที่ไม่รัก) ของท่านแม่ทัพจ้า.... พระเอกของเราแต่งงานมาแล้ว 7 ครั้ง ( โอ้แม่เจ้า แต่อย่าตกใจไป มันมีเหตุผลและ.....ตามต่อนะ อิอิ)
ดูเพิ่มเติมจวนสกุลฟ่าง
“เจ้า….เจ้าว่าอย่างไรนะ พูด…พูดใหม่อีกที”
“เรียนฮูหยิน…คุณหนูรอง….หาย…หายตัวไปแล้วเจ้าค่ะ”
“นางหายไปได้อย่างไร!! หายไปเมื่อใดเหตุใดไม่มีคนรู้เห็น”
“บ่าว…บ่าวไม่ทราบเจ้าค่ะ เมื่อเช้าบ่าวไปเคาะเรียกตามปกติ แต่ไม่ได้ยินเสียงตอบรับ จึงได้…เปิดประตูเข้าไปก็เห็นว่าคุณหนูรองไม่อยู่แล้วเจ้าค่ะ”
แม่ทัพฟ่างที่นั่งนิ่งสงบอยู่ไล่สาวใช้ออกไปพร้อมกับหันหน้ามามองที่ฮูหยินรองที่เป็นมารดาของบุตรีที่หายไป นางหันมามองหน้าท่านแม่ทัพราวกับจะขอความช่วยเหลือ
“ท่านพี่เจ้าคะ ได้โปรด…”
“เจ้าไม่ต้องพูดสิ่งใด ข้า…เป็นคนปล่อยให้นางไปจากที่นี่เอง”
“แต่ว่า ราชโองการแจ้งว่าให้นางแต่งเข้าจวนอ๋อง”
“เรามิได้มีบุตรีแค่คนเดียว นางเป็นบุตรของเจ้าและข้า การส่งนางแต่งเข้าจวนอ๋องเจ้าเล่ห์ผู้นั้น ถือว่า….ส่งเนื้อเข้าปากเสือ”
“แต่เราจะทำอย่างไรเจ้าคะ แจ้งไปตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว หากว่าพวกเขาทราบ นี่เป็นอาญาแผ่นดิน ขัดราชโองการหมายถึงตัดหัวนะเจ้าคะท่านพี่”
“ข้า…ย่อมคิดหาวิธีได้จึงวางแผนเช่นนี้”
ฮูหยินหันมามองผู้เป็นสามีที่ยังมีสายตาเรียบสงบนิ่ง
“หรือว่า…ท่านพี่คิดจะ…”
“นี่คือวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดในยามนี้ ส่งฟ่างชิงเยี่ยนไปแต่งแทนฟ่างฝูเยว่ มารดานางสิ้นแล้ว อยู่ในจวนแม่ทัพก็ขาดคนดูแล สรรพวิชาทุกอย่างก็ร่ำเรียนเท่ากันกับพี่ๆน้องๆทั้งห้าคน นางมิได้ด้อยกว่าคนอื่นหรอก ถือว่า..ข้าตอบแทนแม่ของนางไปก็แล้วกัน”
“แล้วฝู่เยว่เล่าเจ้าคะ ลูกของข้าอยู่ที่ใด”
“ข้าให้นางไปที่เจียงหนาน เมื่อเสร็จเรื่องทางนี้แล้วค่อยสั่งให้นางกลับมา ต้องดูให้เรียบร้อยว่าชิงเยี่ยนแต่งเข้าจวนอ๋องนั่นเรียบร้อยก่อน”
“แต่ว่า จวนอ๋องลั่วนั่น ผู้ที่แต่งเข้าไปเห็นว่าไม่มีผู้ใดกลับออกมาสักคน ทั้งพระสนมที่แต่งตั้งโดยฮ่องเต้หรือผู้ที่ต้องการเป็นใหญ่และนำบุตรสาวให้เป็นสนม ทุกคน..ล้วนได้แต่ศพกลับมา….”
“เอาล่ะ ในเมื่อตัดสินใจแล้วก็ให้คนไปเรียกนางมาคุยเถอะ”
“เจ้าค่ะท่านพี่ ….เจ้าน่ะ ไปเรียกคุณหนูห้ามาที่นี่”
“เจ้าค่ะฮูหยิน”
ฟ่างชิงเยี่ยน บุตรีคนที่ห้าของแม่ทัพฟ่างเฉินกับสุ่ยฮวา ภรรยารองคนที่สองของท่านแม่ทัพ หลานของพระสนมสุ่ยในฮ่องเต้องค์ก่อน นางแต่งเข้ามาในจวนแม่ทัพและถือกำเนิดบุตรีเพียงคนเดียว เมื่อชิงเยี่ยนอายุได้สิบปีนางก็จากโลกนี้ไปเพราะโรคประจำตัว
ครั้งนี้จวนแม่ทัพฟ่างได้รับราชโองการแต่งบุตรีพร้อมแต่งตั้งให้นางเป็นถึงพระชายาเอกในลั่วอ๋องแห่งซูโจวเนื่องจากท่านอ๋องลั่วหมิงจ้านผู้นี้กรำศึกมานานและห่างเหินจากสตรี แม้ว่าเขาไม่สนใจเรื่องการสืบทายาทสกุลอ๋อง แต่ฝ่าบาทก็ทรงเป็นห่วงเรื่องคู่ครองของเขา
แต่ข่าวลือแปลกประหลาดเกี่ยวกับตัวเขาก็มีมากมายเหลือเกิน ทั้งคนที่แต่งเข้าตำหนักอ๋องลั่วนั้น จู่ๆก็จะป่วย หรือตายลง หลายครั้งที่เขาแต่งงานแต่ก็ไม่เคยเกินสองเดือน พระสนมแต่ละคนล้วนแต่มีอันเป็นไปทั้งสิ้น
“ผ่านมาเจ็ดคนแล้ว ไม่มีผู้ใดรอดออกมาได้เลยสักคน หรือว่าฉายาอ๋องโลหิตนั่นจะเป็นเรื่องจริงเจ้าคะ”
“เขาเจ้าเล่ห์มากแผนการตั้งแต่เด็ก แม้แต่ฝ่าบาทก็ยังมองเขาไม่ทะลุปรุโปร่ง เขาขอย้ายตัวเองมาที่นี่เพื่อหลีกความวุ่นวายในเมืองหลวง ไม่นึกว่าครั้งนี้จะเป็นจวนของสกุลฟ่างเราที่ฝ่าบาททรงเลือกให้เขา”
“นายท่าน ฮูหยิน คุณหนูห้ามาแล้วเจ้าค่ะ”
ฟ่างชิงเยี่ยนเดินเข้ามาในห้องโถง สตรีในวัยยี่สิบสองเมื่อสามวันก่อนเดินอย่างนอบน้อมเข้ามาคารวะทั้งคู่อย่างนอบน้อม
“คำนับท่านพ่อ ท่านแม่ใหญ่เจ้าค่ะ เรียกลูกมีธุระอันใดเจ้าคะ”
“ชิงเยี่ยน เจ้าคงจะทราบเรื่องราชโองการเรื่องการอภิเษกของลั่วอ๋องแล้วใช่หรือไม่”
“ท่านพ่อหมายจะบอกเรื่องนี้กับลูก หึ เกรงว่าพวกท่านคงกำลังคิดจะส่งลูกไปแทนพี่รองสินะเจ้าคะ”
“นี่เจ้า…กล้าดีเช่นไรมาพูดกับพ่อเจ้าเช่นนี้ ผู้ใหญ่ยังไม่ทัน…”
“อะแฮ่ม!! …ฮูหยิน ให้ข้าคุยกับนางตามลำพังเถอะ”
ฮูหยินเดินมามองหน้าฟ่างชิงเยี่ยน นางเองก็มองกลับด้วยสายตาที่ไม่ยอมแพ้เช่นกัน เรื่องการตายของมารดา นางยังคงสงสัยว่าฟ่างฮูหยินมีส่วนเกี่ยวข้อง แม้จะไม่มีหลักฐานแต่นางก็ไม่เคยเลิกสงสัย
“ชิงเยี่ยน นั่งลงก่อน”
“ท่านพ่ออยากพูดสิ่งใดก็รีบพูดเถอะเจ้าค่ะ ลูกต้องทำเช่นไรบ้าง ตอนนี้คาดว่าพี่ใหญ่คงออกจากซูโจวไปไกลแล้ว ทางเดียวที่จะแก้ไขปัญหาได้คือส่งข้าไปแทน เช่นนั้นท่านก็บอกมาเถิดว่าต้องทำอย่างไร”
“ชิงเยี่ยน…พ่อ…”
“หึ ท่านเลิกแสร้งทำสายตารักและห่วงใยข้าเสียทีเถอะเจ้าค่ะ ข้าอยู่ที่นี่ด้วยความรู้สึกเช่นไร ท่านผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นบิดา ย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ”
“คุณชายใหญ่เจ้าคะ เข้าไปไม่ได้นะเจ้าคะ คุณชายใหญ่”
“ท่านพ่อ…ท่านจะส่ง….เอ่อ…น้องห้า เจ้าก็อยู่ด้วย”
ชิงเยี่ยนหันไปมองผู้ที่พึ่งเดินเข้ามาใหม่ เขาเป็นหนึ่งในสองคนที่ดีกับนางเสมอในจวนนี้ พี่ใหญ่ของสกุลฟ่าง ฟ่างหลิงเทียน อีกคนก็พี่สาม ฟ่างจื่อหนาน ทั้งสองคนเป็นบุตรของฮูหยินฟ่างจินจิน
“พี่ใหญ่”
“ท่านพ่อ โปรดไตร่ตรองก่อนด้วย ท่านจะส่งน้องห้าไปอภิเษกกับลั่วอ๋องผู้นั้นจริงหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“หลิงเทียน เจ้าเองก็รู้ดีว่าตอนนี้น้องรองเจ้ามิได้อยู่ที่นี่ ตอนนี้ในจวนของเราก็มีเพียงชิงเยี่ยนเท่านั้น เราขัดราชโองการนี้หาได้ไม่มิเช่นนั้นต้องถูกตัดหัวทั้งตระกูล ชิงเยี่ยน เรื่องนี้....”
“ข้าทราบแล้ว ข้าจะรีบไปเตรียมตัว สิ่งที่ควรเตรียม ก็ฝากท่านพ่อและฮูหยินของท่านจัดการให้ข้าด้วย วันและเวลาก็ให้คนส่งไปที่เรือนหลังก็แล้วกัน หากไม่มีสิ่งใดแล้ว ข้าขอตัวก่อนเจ้าค่ะ”
“น้องห้า!!…เดี๋ยวสิ…แต่ว่าเรื่องนี้เจ้า..”
“หลิงเทียน!! ไม่ต้อง…พูดสิ่งใดอีก เจ้าก็เร่งเตรียมตัว อีกสามวันเกี้ยวเจ้าสาวก็จะมารับที่หน้าจวนแล้ว”
ชิงเยี่ยนหันหลังเดินออกมาจากห้องโถงนั้นพร้อมกับหลับตาเพื่อไล่น้ำตาแห่งความอดสูนั้นออกไปโดยเร็ว หมดสิ้นกันทีกับสกุลฟ่างที่นางทนอยู่มานาน จะไปที่ใดย่อมไม่ได้ต่างกัน
สกุลฟ่างแห่งนี้ก็ไม่ได้ต่างกับนรกบนดิน นางทนอยู่มาได้นานขนาดนี้ก็นับว่ามากพอแล้ว หากไม่มีพี่ใหญ่และพี่สามอยู่ คิดว่านางคงหนีไปนานแล้ว
“น้องห้า รอก่อนสิ ชิงเยี่ยน!!”
ชิงเยี่ยนหยุดกึกลงเมื่อพี่ใหญ่วิ่งตามนางมาที่สวนตรงกลางจวนระหว่างทางกลับไปยังเรือนพักของนางที่อยู่ด้านในสุดซึ่งเก่าและห่างไกลผู้คนที่สุด
“เหตุใดเจ้า…ไม่ปฏิเสธเรื่องงานแต่งนี้ไป”
“ข้า…มีสิทธิ์ทำเช่นนั้นด้วยหรือเจ้าคะ ข้าก็แค่สินค้าที่รอวันถูกขายสำหรับท่านพ่อ แต่งไปที่ใดก็ไม่ต่างกัน”
“ไม่นะน้องห้า เหตุใดเจ้าจึงด้อยค่าตัวเองเช่นนั้น เจ้าเป็นสตรีงดงามอันดับต้นๆของซีโจว ความสามารถก็โดดเด่นไม่แพ้ใคร ความรู้ก็มีมากกว่าน้องรองเสียอีกเจ้าไม่จำเป็นต้อง…”
“บางที ตำหนักลั่วอ๋อง…อาจจะเลวร้ายกว่าที่นี่ก็ได้ พี่ใหญ่ ข้าขอบคุณท่านที่คอยดูแลข้าตลอดเวลาสิบกว่าปีนี้นะเจ้าคะ หากมีโอกาส ชิงเยี่ยนจะกลับมาตอบแทนบุญคุณของท่านอย่างแน่นอน”
“ชิงเยี่ยน อย่าพูดเช่นนั้น ยิ่งเจ้าพูดเช่นนี้ ข้าซึ่งเป็นพี่ชายเจ้า ยิ่งรู้สึกผิดต่อเจ้าที่ต้องเสียสละเพื่อสกุลฟ่างถึงเพียงนี้”
“หากข้าไม่พูดวันนี้ เกรงว่าวันข้างหน้าที่ยังไม่อาจรู้ได้ จะมีโอกาสหรือไม่”
“นี่เจ้า…..รู้เรื่องอ๋องโลหิตนั่น…แต่ข้าว่า เรื่องนี้เราควรถามน้องสามจะรู้เรื่องมากกว่าผู้ใด เขาน่ะเป็นคนสนิทของลั่วอ๋อง ร่วมทำศึกด้วยกันหลายครั้ง พี่ว่า….”
“จะช้าหรือเร็วข้าก็ต้องออกเรือน พี่ใหญ่ร่วมยินดีให้ข้าดีกว่าเจ้าค่ะ”
ตำหนักท่านอ๋อง“พวกเจ้าไปทำแผลก่อนเถอะ”“พระชายาเพคะ นี่…พวกเจ้าบาดเจ็บมางั้นหรือ พระชายาเล่า”“พระชายาปลอดภัยดี”“ป้าเจา พาพวกนางไปทำแผล ข้าจะพาชิงเยี่ยนกลับห้องแล้ว”“ทะ…ท่านอ๋อง…พะ..พระองค์มาทันเวลา ขอบคุณสวรรค์”“ชิงเยี่ยน ข้าอุ้มเจ้าไปนะ”ชิงเยี่ยนมิได้พูดสิ่งใดแต่ก็ยอมให้ท่านอ๋องอุ้มนางขึ้นไปเงียบเงียบๆ จนนางเข้ามาในห้องกับท่านอ๋อง เขาพานางไปนั่งที่เตียงและนั่งลงข้างๆกาย“ชิงเยี่ยน เจ้า….เป็นอย่างไรบ้าง”“ทุกอย่าง…จบแล้วสินะเพคะท่านแม่ตายตาหลับเสียที”“มันจบแล้ว ชิงเยี่ยนจากนี้ไม่มีสิ่งใดที่เจ้าต้องกังวลอีกต่อไปแล้ว แม่ทัพฟ่างจะให้คนนำป้ายวิญญาณแม่เจ้าไปที่สุสานบรรพชนสกุลฟ่างในวันพรุ่งนี้ หากว่าเจ้าอยากจะไปเคารพศพนาง ข้าจะพาเจ้าไป”“ขอบพระทัยท่านอ๋องที่ทรงจัดการเรื่องทุกอย่างนี้แทนหม่อมฉันนะเพคะ”“เจ้าเป็นพระชายาของข้า เรื่องที่เจ้าไม่สบายใจข้าผู้เป็นพระสวามีย่อมมีหน้าที่ดูแลเจ้า ข้าอยากให้เจ้ายิ้มเหมือนครั้งที่…ในตอนที่เจ้า…”“พระองค์คิดถึงนางสินะเพคะ นางที่จำพระองค์ไม่ได้ และเอาแต่ทำตัวเหมือนเด็กอยู่ข้างๆพระองค์”“ไม่ใช่นะชิงเยี่ยน เจ้า…”“หม่อมฉันอยากแช่น้ำอุ่นเสียหน่อยเพคะ”
ฟ่างฮูหยินสะดุ้งสุดตัวเมื่อรู้ว่าเป็นผู้ใดที่พึ่งก้าวเข้ามา แม้ว่าตาจะมองไม่เห็น แต่ความอำมหิตนี้กลับแผ่กระจายจนนางรู้สึกได้ ฝูเยว่ในยามนี้ทรุดตัวลงกับพื้น ไม่ร้องโวยวายอีกแล้วแม้ว่านิ้วก้อยที่ขาดไปจะเจ็บปางตายเช่นไร “ท่านพี่…ท่าน..”“ชิงเยี่ยน”ท่านอ๋องเดินไปและดึงนางมากอดท่ามกลางสายตาของเหล่าทหารทั้งกองและฟ่างฝูเยว่ที่ได้แต่มองตามเขาไป เหตุใดจึงไม่ใช่นางเหตุใดต้องเป็นฟ่างชิงเยี่ยน…..“ข้าเตือนเจ้าแล้วว่า…”"ข้าดูแลตัวเองดี ไม่บาดเจ็บเพคะแต่ว่าจงลี่ กับ…“เจ้าคิดหรือว่าสาวใช้ในตำหนักอ๋องจะเป็นแค่สาวใช้ธรรมดา พวกนางล้วนฝึกวรยุทธ์และเป็นทหารกล้าที่พร้อมรบได้ทุกเมื่อ เจ้าคิดหรือว่าข้าจะส่งสาวใช้ธรรมดามาอยู่ข้างกายคนที่ข้ารักที่สุด”“พระองค์ปลอดภัย ช่างดียิ่งนัก”“จัดการขยะที่นี่ก่อน กลับตำหนักแล้วค่อยคุยกัน”“เพคะ”“ฟ่างฮูหยิน ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะไม่ได้จดจำเลยสินะถึงได้กล้าลอบสังหารพระชายาของข้าอีก”“มะ…ไม่นะเพคะท่านอ๋อง นาง…นางต่างหากที่พาคนมา…”“หุบปาก!! ฟ่างฝูเยว่เจ้าคิดว่าโง่ที่จะเชื่อคำพูดปลิ้นปล้อนของเจ้าที่พ่นออกมางั้นหรือ ปากสุนัข!!”“ท่านอ๋องเพคะ!!”“หึ เจ้าคิดว่าการที่ข้ามิได
สองชั่วยามผ่านไป หมอหลวงรีบกลับมาแจ้งอาการให้พระชายาทรงทราบว่าบัดนี้แม่ทัพฟ่างมีอาการเหมือนถูกพิษ และเป็นพิษที่ไม่สามารถรักษาได้ และเหลือเวลาอีกไม่นานเท่าใดแล้ว หากว่าพระชายาไปเยี่ยมได้ ในยามนี้ก็ควรจะรีบไปก่อนจะสายเกินแก้“พระชายาเพคะ เช่นนั้น…”“เช่นนั้นเราก็ไปกันเถอะ ไม่ต้องนำขบวนติดตามไปมากเกรงว่าชาวบ้านจะแตกตื่น”“เพคะ”ป้าเจาให้สาวใช้สองคนและทหารองครักษ์สิบคนติดตามพระชายาไปเท่านั้นตามคำสั่งนาง ชิงเยี่ยนเดินขึ้นรถม้าและออกเดินทางไปยังสกุลฟ่างในทันทีจวนสกุลฟ่าง“ฮูหยิน พระชายาเสด็จมาแล้วเพคะ”“มาแล้วสินะ เช่นนั้นเราก็ควรจะไปรับเสด็จนางหน่อยนะฝูเยว่”“ได้สิเจ้าคะ ลูกก็รอรับนางอยู่เช่นกัน”สองแม่ลูกเดินออกไปที่หน้าจวนเพื่อรอรถม้าของพระชายาท่านอ๋องมาจอด เมื่อชิงเยี่ยนเดินลงจากรถม้า ฮูหยินที่ยืนรออยู่ก็เดินเข้ามาหานางทันที“เจ้ามาได้เสียทีสินะ”“บังอาจ เห็นพระชายาแล้วยังไม่รีบคุกเข่าอีก”“จงลี่ ไม่ต้องเกรงว่าคนของที่นี่เป็นไม้แก่ที่ดัดยากเสียแล้ว คงลืมรถแส้ที่ฟาดลงหลังและไม้โบยไปแล้วกระมัง”“นัง…”“ฝูเยว่ ระวังกิริยาเจ้าด้วยพระชายาเสด็จมาเยี่ยมอาการท่านพ่อ เราก็ถือเป็นครอบครัวเดียวกั
ชิงเยี่ยนลุกขึ้นมามองหน้าท่านอ๋องที่นอนตะแคงคุยกับนางอยู่และลุกนั่งข้างๆนางพร้อมกับจับมือเอาไว้“ท่านพ่อเจ้ารู้ว่าฟ่างฮูหยินต้องคิดไม่ดีกับหลุมศพนั้น เขาจึงสั่งให้จื่อหนานย้ายศพแม่เจ้าออก ที่หลุมศพที่ถูกทำลายนั่น มิได้มีร่างผู้ใดอยู่แต่แรกแล้ว”“เช่น…เช่นนั้น….แม่ของข้า…”“พ่อเจ้านำร่างแม่ของเจ้าไปฝังที่สุสานสกุลฟ่างโดยมิได้บอกให้ฮูหยินทราบ เจ้าไม่ต้องห่วงแม่ทัพฟ่างมิใช่ผู้ที่ทำสิ่งใดไม่มีเหตุผลการที่เขาส่งเจ้ามาที่นี่ก็เช่นกัน”“พระองค์ทรงหมายความว่าท่านพ่อ…”“นี่เป็นวิธีเดียวที่จะปกป้องเจ้า ในฐานะพ่อที่เขาพึงจะทำได้ เขาตระหนักรู้ดีว่าเจ้าถูกรังแก จึงหาทางให้เจ้าออกจากจวนนั้นมา เดิมทีคิดว่าสกุลจางจะพึ่งพาได้แต่เพราะเรื่องของข้าเลยทำให้แม่ทัพฟ่างส่งเจ้ามาที่นี่”“แต่ท่านพ่อ..ข่าวลือนั่น..”“เขารู้ดีว่าข่าวลือเป็นเพียงข่าวลือ เขารู้อีกว่าหากข้ากับเจ้าอยู่ร่วมกันไม่ได้ ข้าก็จะปล่อยเจ้าไป พระสนมคนก่อนออกจากตำหนักนี้ไปเพราะข้าให้นางแฝงตัวไปกับกองทัพแม่ทัพฟ่างบิดาของเจ้าน่ะ เขารู้เรื่องนี้ดีเพราะทหารคนรักของนาง อยู่ในกองทัพของบิดาเจ้า”“ที่แท้….มิได้มีเพียงพี่ใหญ่และพี่สาม…”“พี่ใหญ่เจ้าทำ
“แต่ว่าชิงเยี่ยน…”“ไม่นึกว่าแม้แต่ชิงเยี่ยนท่านพ่อก็ไม่กล้าบอก”“เจ้ากำลังจะบอกว่า หลุมศพที่ตั้งบนภูเขานั่น มิได้มี…”“พ่ะย่ะค่ะ ท่านพ่อกระหม่อมนำร่างแม่รองไปฝังที่สุสานบรรพชนสกุลฟ่างโดยมิได้บอกให้ผู้ใดทราบ มีเพียงกระหม่อมที่ทราบเพราะจัดการเรื่องนี้ลับๆ ส่วนหลุมศพบนเขานั่น ก็มีเอาไว้หลอกท่านแม่เท่านั้น แต่นึกไม่ถึงจริงๆว่านางจะกล้าบุกไปทำลาย ท่านพ่อคาดการณ์เอาไว้แม่นยำนัก”“เหตุใดแม่ทัพฟ่าง…จึงไม่บอกเรื่องนี้กับชิงเยี่ยน”“ท่านพ่อนำแม่รองไปฝังเอาไว้โดยมิได้แจ้งชื่อบนหลุมศพ มีเพียงที่นั่นที่จะพ้นข้อสงสัย ท่านแม่ก็จะไม่ตามไปทำลายได้ ท่านพ่อช่างรอบคอบยิ่งนักเพราะเรื่องนี้ พระองค์จึงได้…”“ใช่ ข้าไม่รู้ว่า….”“เรื่องนั้นช่างเถิดพ่ะย่ะค่ะ สกุลฝางหลายปีมานี้ก็ใช่ว่าจะสะอาดนัก พวกเขาแอบทำการค้าผิดกฎหมายเพราะอ้างจวนแม่ทัพอยู่หลายครั้งแต่ท่านพ่อกลับยังทำสิ่งใดไม่ได้ ไฟไหม้คลังสินค้าครานี้คงได้สอบสวนกันอีกยาว”“เรื่องนี้เจ้าควรบอกชิงเยี่ยน”“กระหม่อมมาที่นี่ก็เพื่อจะบอกนางเรื่องนี้ แต่ดูแล้ว…ให้พระองค์บอกนางเองจะดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ ท่านพ่อที่ทำห่างเหินกับนางเพราะเหตุผลนี้ ท่านแม่ข้าเกลียดแม่ของนาง
“สมน้ำหน้า แกล้งเป็นลมดีนักแทนที่จะได้พักกลับถูกเพิ่มโทษ เอาพวกเรามาดูน้ำหน้าคนใจร้ายเร็วทำร้ายผู้อื่นแล้วยังกล้ามาขอความเห็นใจอีก”ฟ่างฮูหยินและฟ่างฝูเยว่ไม่เคยรู้สึกอัปยศและอับอายเช่นนี้มาก่อนในชีวิตนี้ แม้แต่แค่คิดก็ไม่เคยว่าจะตกต่ำได้ถึงเพียงนี้ฝูเยว่ในตอนนี้อย่าว่าแต่กลับไปใช้ชีวิตปกติเลย ข่าวที่แพร่ออกไปในยามนี้จะมีบุรุษใดกล้ามาสู่ขอนางอีกหรือไม่“ขะ…ข้าจะ..ฆ่ามัน…ข้าอยากจะฆ่ามัน..ให้ตายคามือ”“ฝูเยว่ เจ้าหุบปากก่อน”“ท่านแม่…ข้า…เจ็บใจ”“รอให้พวกมันกลับไปก่อน…”เสียงก่นด่าพวกนางดังอย่างไม่หยุดหย่อน บรรดาสาวใช้เองก็เริ่มทนพิษบาดแผลจากการโบยและถูกขว้างปาสิ่งของไม่ไหวก็ทยอยล้มลงแต่มิได้มีผู้ใดถูกน้ำสาดเหมือนสองแม่ลูกสกุลฟ่างจนครบกำหนดเวลา ทหารจึงเดินมาโอบรอบบริเวณหน้าจวนเอาไว้และให้คนพาพวกนางเข้าไป“เอาล่ะ เช่นนั้นก็ได้เวลากลับแล้ว แม่ทัพฟ่าง ขอบคุณที่ให้การรับรองข้าและพระชายาเป็นอย่างดี”“เอ่อ ท่านอ๋องจะเสด็จกลับเลยหรือพ่ะย่ะค่ะ”“พระชายาข้าไม่ค่อยอยากจะอยู่ที่นี่นานเท่าใดนัก เอาเป็นว่าข้า…จะมาเยี่ยมท่านบ่อยๆเมื่อมีโอกาสก็แล้วกัน”“น้อมส่งเสด็จท่านอ๋องและพระชายาพ่ะย่ะค่ะ”“ท่าน
“จื่อหนาน เจ้ากับท่านอ๋องจะออกเดินทางเมื่อใด”“น่าจะอีกห้าวันขอรับ”“เร็วขนาดนั้นเชียวหรือ”“พี่ใหญ่ ท่านอ๋องคงอยากไหว้วานท่านเรื่องพระชายา”“อืม เรื่องนี้ข้ารู้แล้ว มีข้าอยู่จะไม่มีทางให้พระชายาเป็นอันตรายได้ เจ้ากับท่านอ๋องอย่าได้ห่วงมากไปเลย”“ข้ามิได้ห่วงท่านกับชิงเยี่ยนแต่ว่าข้า…”"หึ หากว่าพวกนางหาเรื่องอีก ข้าก็เตือนไปแล้ว ครั้งหน้าข้าคงรั้งชีวิตพวกนางเอาไว้ไม่ได้อีกแล้ว"“ท่านพ่อ…”“หลิงเทียน หลายปีที่ผ่านมาแม้ว่าพ่อจะทำไม่สนใจน้องเจ้าและให้เจ้าสองคนดูแลนางแทนเพื่อมิให้ฮูหยินระแวงและรังแกนางมากขึ้น แต่ดูแล้ว คงจะไม่ได้ผล เช่นนั้นหลังจากนี้หากว่านางกล้ายุ่งกับชิงเยี่ยนอีก ข้าก็จะถือเสียว่า…นางรนหาที่เอง”“แต่ลูกคิดว่าน้องรองกับท่านแม่คงจะ…”“พี่ใหญ่ ท่านไม่ได้ยินนางพูดเมื่อครู่หรือ ขอเพียงแค่นางรู้ว่าท่านอ๋องออกจากซูโจวไป ชิงเยี่ยนจะไม่ปลอดภัยเป็นแน่ซึ่งท่านอ๋องทรงทราบดี ครั้งนี้ท่านอ๋องจะเอาถึงตายหากพวกนางยังกล้าแตะต้องชิงเยี่ยน”“ท่านอ๋องไม่คิดจะปล่อยท่านแม่กับ….”“ท่านเคยเห็นมีผู้ใดรอดชีวิตไปบ้างงั้นหรือหากว่ามีเรื่องกับอ๋องโลหิตผู้นั้น”“น้อง..น้องสาม…”“เช่นนั้นข้าจึงฝากท่
สายตาเย็นเยือกนั้นกวาดมาที่สองแม่ลูกที่นั่งตัวลีบอยู่ที่โต๊ะอาหาร ปากที่ซีดอยู่แล้วเพราะบาดเจ็บในตอนนี้แทบจะไร้ความรู้สึกอีกครั้ง ท่านอ๋องเดินกลับมาที่โต๊ะอาหารที่ไม่มีผู้ใดกล้าแตะต้อง “ส่งผ้าขาดๆไปให้ สั่งลงโทษล้างห้องน้ำ ให้กินหมั่นโถววันละชิ้น หึ เป็นถึงฮูหยินจวนแม่ทัพเจ้าดูแลคนเช่นนี้งั้นหรือ บอกข้ามาสิฟ่างฮูหยินคนอย่างเจ้ามันสมควรถูกลงโทษเช่นไร”“ทะ…ท่านอ๋องเพคะ….หมะ…หม่อม……”“หุบปากเจ้าไปข้าไม่อยากฟัง”แม่ทัพฟ่างทรุดตัวนั่งลงที่โต๊ะพลันหันไปมองหน้าชิงเยี่ยนที่กำมือแน่นบนโต๊ะ ราวกับทุกเหตุการณ์นั้นกลับมาอีกครั้งทั้งๆที่นางพยายามลืมแต่เมื่อถูกพูดถึงอีกครั้ง ครานี้นางก็ไม่มีเหตุผลจะต้องช่วยเหลือผู้ใดอีก ท่านอ๋องตรัสได้ถูกต้องแล้ว นางควรจะลงโทษเสียบ้าง“พระชายาเพคะ…”“ข้าไม่เป็นไร”จงลี่และอู่ผิงเข้ามาคุกเข่ากอดแขนนางเอาไว้พร้อมกับร้องไห้ไปกับนาง พวกนางนึกไม่ถึงว่าพระชายาก่อนหน้านี้จะเจอกับเหตุการณ์เลวร้ายเช่นนี้มาก่อน บัดนี้ผู้ที่แทบจะนั่งไม่ติดที่คือฟ่างฝูเยว่ นางกำลังคิดว่าหากเป็นลมตอนนี้ นางก็คงจะไม่ต้องรับรู้สิ่งใดอีก“หากพวกเจ้าสองคนฟังเรื่องนี้แล้วเกิดเป็นลม และคิดว่าข้าจะ
“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ คือ…”แม่ทัพฟ่างจับมือของบุตรชายคนโตเอาไว้ มือเขานิ่งและมั่นคง สายตายังคงหันไปมองที่ท่านอ๋องที่ยกชาขึ้นมาดื่มอย่างไม่สะทกสะท้าน ชิงเยี่ยนเองก็นั่งนิ่งราวกับว่าถูกปรามมาก่อนแล้วว่าห้ามขัดพระทัย“พ่อ…จะให้คนไปเชิญแม่เจ้ากับน้องเจ้ามาเอง”“ท่านพ่อ แต่ว่า…”“พี่ใหญ่ท่านอยู่เฉยๆเถอะขอรับ”“น้องสาม แต่ว่า….”“นี่นะหรือที่ท่านบอกว่าจะยั้งมือ”“ข้าก็ไม่ได้ทำอะไรเสียหน่อย แค่อยากกินข้าวร่วมกันให้ครบ เป็นการผูกมิตรกับครอบครัว ข้าทำผิดตรงไหนอีกเล่า”“ลั่วหมิงจ้าน นี่ท่าน…”สายตาของพระชายามองท่านอ๋องยิ้มๆ แต่แขนนางบิดเขาไปที่เอวเขาเต็มแรงจนเขาเริ่มทำหน้าบิดเบี้ยวแต่ก็ฝืนยิ้มให้นางด้วยเกรงว่าอีกสองคนตรงข้ามจะจับได้ แต่เรื่องนี้หาได้พ้นสายตาของฟ่างจื่อหนานไม่เขาย่อมรู้อยู่แล้วว่าน้องสาวเขาไม่ยอมปล่อยท่านอ๋องไปแน่ๆ ดูจากสีพระพักตร์ในตอนนี้แล้ว เขาเพียงแค่ยกพัดขึ้นมาปิดรอยยิ้มบนหน้าตัวเองเท่านั้น“วะ…ว่าอย่างไรนะ…นะ…นี่ข้า..กับฝูเยว่ต้อง…”“ฮูหยิน นายท่านสั่งเจ้าค่ะ บ่าว…”“ท่านแม่ เหตุใดท่านอ๋อง…ถึงได้ทรง…โหดร้ายถึงเพียงนี้เจ้าคะ”“เพราะนังจิ้งจอกนั่น!! แม่จะต้องเอาคืนให้สาสม”“น
ความคิดเห็น