สองชั่วยามผ่านไป“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”“เจ้าเรียกข้ามาเก้าครั้งแล้ว หากว่าเจ้าเป็นห่วงนางนัก…”เขาพูดไม่ทันจบ เสียงฝนด้านนอกก็ตกลงมา ชิงเยี่ยนที่ยังนั่งอยู่ลานกลางตำหนักมองดูสิ่งที่สู้อุตส่าห์ซื้อมาจากตลาด หวังจะมาตัดชุดให้เขา กลับถูกเผาด้วยมือเขาเอง ในตอนนี้ฝนยังกระหน่ำตกลงมาราวกับจะบอกนางว่าคงถึงเวลาที่นางจะต้องตายแล้ว จึงส่งฝนมาช่วยให้นางได้ตายเร็วขึ้น“หึ แม้แต่สวรรค์ยังรู้เลยว่าไม่อยากอยู่แล้ว”ฟ่างชิงเยี่ยนหัวเราะให้กับโชคชะตาของตนเอง เดิมทีท่านพ่อนางตกลงยกนางให้หมั้นหมายกับจางลู่หยวน เพื่อนในวัยเด็กและเป็นบุตรของรองแม่ทัพของเขาเองจางลู่หยวนนั้นมีใจให้กับฟ่างชิงเยี่ยนมาตั้งแต่เด็กแม้ว่านางจะอยากแต่งกับเขาเพียงเพราะอยากจะออกจากสกุลฟ่างเท่านั้น แต่ใครจะไปคิดว่าชะตาชีวิตเปลี่ยนแปลงรวดเร็วเช่นนี้จากต้องแต่งเข้าสกุลจาง เพียงแค่ราชโองการฉบับเดียว และพี่สาวคนรองที่หนีเอาตัวรอดจากการแต่งงาน บิดาของนางจึงส่งนางมาตายแทนที่พี่รองนางที่นี่ “ที่สุดแล้วอยากให้ข้าตายไปให้พ้นๆนี่เองสินะ”สายตานางพร่าเลือนไปทีละนิด นางไม่รู้ว่ายามใดแล้วเมื่อตานางเริ่มปิด และเห็นเพียงลางๆว่ามีคนวิ่งมาทางนี้ สัม
“พระชายา เหตุใดเจ้าจึงถามเช่นนี้”“พวกเขาบอกข้าว่า…”“บอกว่าอย่างไร”“พวกเขาบอกว่า ท่าน…รักข้าและเป็นห่วงข้ามาก ที่ข้าไม่สบายเพราะตากฝนจนจับไข้ ท่านก็มาเฝ้าข้าทุกวัน หาหมอมารักษาจนข้าฟื้นขึ้นมาเป็นเรื่องจริงหรือ”“จริง….ข้าดีใจที่เจ้าฟื้น”“เช่นนั้น..เราก็รักกันมาสินะเจ้าคะ…เพคะ…เอ่อ…”“ช่างเถอะ เจ้าถนัดพูดเช่นไรก็พูดเช่นนั้น”“เช่นนั้น ข้าชื่อว่า..ลั่วชิงเยี่ยนงั้นหรือเจ้าคะพวกนางบอกข้ามา”คำว่า “ลั่วชิงเยี่ยน” ทำให้เขายิ้มออกมาได้อย่างอบอุ่นใจ แม้นางจะยังจำเขาไม่ได้แต่เขาก็รู้สึกดีใจที่นางพูดขึ้นมา นั่นเท่ากับว่านางยอมรับเขาแล้วครึ่งหนึ่ง นางยอมใช้แซ่ของเขา “ใช่แล้วชิงเยี่ยน เจ้าคือพระชายาที่ข้ารักมากที่สุด เป็นพระชายาอภิเษกเข้ามาในตำหนักนี้ ข้ารักและห่วง หวงเจ้าเป็นที่สุด ยามเจ้าหมดสติอยู่บนเตียงนั่นทำเอาหัวใจข้าแทบขาด เจ้าไม่เพียงทำให้ข้าเป็นห่วงยังทำให้ทุกคนในตำหนักนี้เป็นห่วงเจ้าด้วย”“ท่านพี่”นางเรียกเขาโดยไม่ตะขิดตะขวงใจเลยสักนิด ท่านอ๋องไม่เคยรู้สึกว่าต้องการสิ่งใดมากขนาดนี้ เขาเข้าใจแล้วว่าสามในสี่ยอดบุรุษหนุ่มแห่งต้าเฉินนั้นเหตุใดจึงยอมให้สตรีในดวงใจ นั่นเพราะยอดบุรุษหนุ่
“ในเมื่อสกุลฟ่างมิใช่ที่ที่นางสมควรอยู่ ทั้งที่ถูกทารุณถึงเพียงนั้น เหตุใดนางถึงยังทนอยู่”“เพื่อสืบเรื่องการตายของมารดา นางสงสัยว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือของฮูหยินใหญ่พ่ะย่ะค่ะ นางจึงพยายามหาหลักฐาน แต่ว่า….”“นางตัวคนเดียว อีกทั้งยังถูกกลั่นแกล้งเพียงนั้น จะเอาแรงที่ไหนสืบเรื่องนี้กัน”“พ่ะย่ะค่ะ เมื่อแม่ทัพฟ่างสั่งให้นางมาสมรสกับพระองค์ นางจึงคิดว่านี่เป็นหนทางเดียวที่จะหลุดออกจากสกุลฟ่างได้ เพียงแต่ เมื่อฟางลู่หยวนกลับมา เขารู้ข่าวการสมรส เขาจึงไม่ยอมเมื่อทราบว่าพระชายาออกนอกตำหนัก เขาจึงได้ไปดักพบนางพ่ะย่ะค่ะ”“ที่แท้ข้าเข้าใจนางผิดมาตลอด นางมิได้ชอบเจ้านั่น แค่อยากใช้ประโยชน์ในการแต่งงานครั้งนั้นหนีออกมาจากสกุลฟ่าง เรื่องเลวร้ายเช่นนี้นางเป็นเพียงสตรีตัวคนเดียว เหตุใดจึงทนมาได้ถึงขนาดนี้”“นางมีฟ่างหลิงเทียนคอยดูแลพ่ะย่ะค่ะ เขาเป็นบุตรชายคนโตของแม่ทัพฟ่าง และคุณชายฟ่างจื่อหนาน เป็นพี่สามของนาง ซึ่งพวกเขารักและเอ็นดูนางราวกับน้องสาวแท้ๆ ฮูหยินใหญ่จะทารุณนางมากก็เกรงว่าบุตรชายจะเกลียดชัง นางจึงอยู่ที่นั่นมาได้พ่ะย่ะค่ะ”“เจ้าส่งคนของเรา แทรกซึมเข้าสกุลฟ่าง จับตาดูทุกคนในนั้นและสืบเรื่อ
ชิงเยี่ยนล้มลงในอ้อมกอดของท่านอ๋องอีกครั้ง นางมองไปยังลานที่ว่างเปล่าตรงหน้าด้วยหัวที่หนักอึ้งก่อนจะหมดสติไปอีกครั้งพร้อมกับเสียงร้องเรียกที่นางคุ้นเคย“ชิงเยี่ยน!!”ห้องบรรทมท่านอ๋องชิงเยี่ยนค่อยๆลืมตาขึ้นมา ท่านอ๋องนั่งอยู่ข้างๆ นางเมื่อเห็นนางฟื้น“ชิงเยี่ยน เป็นเช่นไรบ้าง”“ข้า….เป็นอะไรไปเจ้าคะ”“เจ้าสะดุดล้มน่ะ แล้วก็สลบไปตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง”“หม่อมฉันสลบไปหรือเจ้าคะ แล้ว…ท่านพี่ ว่าวหม่อมฉันเล่าเจ้าคะ”ท่านอ๋องมองนางอย่างนึกแปลกใจ นางไม่ถามเรื่องบาดแผลบนตัวนางด้วยซ้ำแต่กลับถามหาว่าวที่ปลิวไปแล้ว“ข้าให้คนเก็บเอาไว้ให้เจ้าแล้ว แต่ตอนนี้เจ้ายังไปเล่นไม่ได้นะ เพราะยังบาดเจ็บอยู่”“เสียดายจัง กำลังเล่นสนุกเลย”“เอาไว้วันหลังค่อยเล่น”“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”“มีสิ่งใด”“จดหมายเชิญจากกรมพิธีการ เรียนเชิญท่านอ๋องและพระชายาเสด็จเปิดงานเทศกาลโคมไฟในเมืองพ่ะย่ะค่ะ”“เทศกาลโคมไฟ ข้าอยากไป!! ท่านพี่ เราไปได้ใช่หรือไม่เจ้าคะ”ท่านอ๋องหันไปมองหน้าจางจื่อพร้อมกับหันมามองหน้านางอีกครั้ง“ย่อมได้ แต่เจ้าต้องรักษาตัวให้หายอย่าได้เล่นซนเป็นเด็กๆอีก และ…ต้องเปลี่ยนคำพูดที่เป็นทางการหากเราต้องออกไปง
“ข้าบอกให้เจ้าหยุดอยู่ตรงนั้น!!”ชิงเยี่ยนหยุดเดินแต่ก็ไม่ได้หันมาหาเขา ท่านอ๋องเดินมาดึงแขนนาง“กลับไปนอน”“ไม่เพคะ หม่อมฉันจะกลับไปที่เรือนหลังของหม่อมฉัน”“พระชายา ข้าสั่งให้เจ้ากลับไปนอน”“ไม่ พระองค์กลับไปเถิดเพคะคืนนี้หม่อมฉัน…”ท่านอ๋องก้มลงอุ้มนางขึ้นมาและไปวางที่เตียง นางจะลุกขึ้นแต่ถูกเขากดเอาไว้“ปล่อยนะเพคะ หากพระองค์ไม่อยากทำเช่นนี้ก็อย่าได้ฝืนพระทัย”“นี่เจ้า..ความทรงจำเจ้ากลับมาแล้วใช่หรือไม่”“จะกลับหรือไม่กลับต่างกันอย่างไรในเมื่อความรู้สึกของพระองค์ก็มิได้เปลี่ยนไป ยังเย็นชาเช่นเดิมปล่อยข้านะ”“เฮ้อ ชิงเยี่ยนเจ้าฟังข้าก่อนเจ้ามาอยู่ที่นี่ร่วมเดือนหากจู่ๆกลับไปคนจะสงสัยเอาได้”“เช่นนั้นคืนนี้หม่อมฉันจะนอนที่นี่ก็ได้ แต่วันพรุ่งนี้หม่อมฉันจะกลับไปเรือนหลังตามพระบัญชาของท่านอ๋อง”“เหตุใดเจ้าจึงไม่มีเหตุผลถึงเพียงนี้”“ก็เพราะเหตุใดพระองค์จึงไม่แสดงความรักกับหม่อมฉันบ้างเล่าเพคะ!!”ท่านอ๋องถึงกับตกใจ นี่นางยังใช่ฟ่างชิงเยี่ยนอยู่หรือไม่ นางกำลังกล่าวต่อว่าเขา ที่เขา…ไม่..“เจ้า…ว่าอย่างไรนะ”“ป้าเจากับคนอื่นๆบอกข้าว่า สามีภรรยาก็ต้องนอนด้วยกัน จูบกันแล้วก็ทำลูกกันแต่ท่าน
ป้าเจาและสาวใช้แม้จะอยากช่วยพระชายาแต่ก็หาได้มีผู้ใดกล้าไม่เพราะตอนนี้อารมณ์ท่านอ๋องแม้จะขุ่นเคืองแต่ใบหน้าของชิงเยี่ยนกลับไม่รู้สึกถึงความโหดร้ายที่กำลังคืบคลานเข้ามา“ข้าถามเจ้า เหตุใดจึงไม่ตอบ ทำไมตื่นไม่รอข้า”“อยากลุกก็ลุก จะตื่นก่อนตื่นหลังมันต่างกันตรงไหนเล่าเพคะ อย่างไรแล้ว…”“นี่เจ้ากำลังยั่วโมโหข้าอยู่ ข้าถามเจ้าดีๆ”“หม่อมฉันก็กำลังจะตอบดีๆเช่นกัน”“ชิงเยี่ยน เรื่องที่เจ้าพูดเมื่อคืน....”“อ๋อ ขอนไม้แข็งกระด้างไร้ชีวิตหรือเพคะ”“ชิงเยี่ยน!!”“รีบกินข้าวเถอะเพคะ หม่อมฉันจะรีบไป..ว๊าย ท่านพี่จะทำอะไร ไปไหนเพคะ ท่านอ๋องปล่อยหม่อมฉันนะ”“ตามข้ามานี่!!”ในเมื่อกล้ายั่วโมโหเขาเช่นนี้ ก็อย่าหาว่าเขาไม่ปรานีนางเช่นกัน มีวิธีเดียวที่จะปราบคนเช่นนางได้ เขาเปิดห้องบรรทมและลงกลอนแน่นก่อนจะลากนางมาที่เตียงและโยนลงไป“ท่านพี่นี่ท่านทำสิ่งใด”“เจ้าอยากให้ข้าทำมิใช่หรือ อยากให้กอดเจ้า จูบเจ้า และร่วมหลับนอนมิใช่หรือ”“นี่ท่าน..อย่าเข้ามานะ ข้ามิได้ต้องการเช่นนี้ไม่เอานะ ออกไปนะคนบ้า”“แควก!!”“ท่านอ๋องอย่านะอย่าทำบ้าๆนะ”เขาฉีกชุดที่นางสวมอยู่จนขาด บัดนี้เหลือเพียงชุดชั้นในอีกเพียงชั้นเดีย
“วะ …ว่าอย่างไรนะ”เขาไม่ตอบนางแต่หันตัวนางลงไปที่เตียงแทนเพื่อให้รับจูบที่เขาส่งไปอีกครั้ง คราวนี้นางยอมหลับตาลงและค่อยๆดันลิ้นออกไปชนกับลิ้นของเขา ไม่นึกว่าท่านอ๋องจะช่ำชองเรื่องเช่นนี้ ใช่สิ ก่อนหน้านี้เขามีพระสนมตั้งเจ็ดคน…“อื้อ ท่านพี่ ปล่อยก่อน”“ชิงเยี่ยน เจ้ากลัวแล้วงั้นหรือ”“ข้า…ท่าน…เหตุใดท่านจูบเก่งปานนี้ ก่อนหน้านี้กับพระสนมทั้งเจ็ดคนนั่น!!”“นี่เจ้าพูดอะไร นี่…เชิงเยี่ยนหรือว่าเจ้า!! พวกเจ้าพูดคุยกันแต่งเรื่องอันใดกันแน่ในตำหนักนี้!!”“ข้า…เปล่านะเพคะ คือว่า ข้าเดาเอา ท่านเก่งถึงเพียงนี้ แสดงว่าพระสนมที่ผ่านมานั่นก็….”“ข้าไม่เคยแตะต้องพวกนาง เอาล่ะ แต่งตัวเถอะ อีกไม่กี่ชั่วยามต้องเตรียมตัวออกไปงานเทศกาลแล้ว”“แล้วท่านจะไปที่ใด”“ข้าจะไปจัดการเรื่องบางอย่าง”“ท่านคงไม่หาเรื่องลงโทษคนในตำหนักหรอกนะเจ้าคะ”“เจ้าเองก็คลุกคลีกับพวกนางให้มันน้อยๆหน่อย เหตุใดชอบฟังแต่เรื่องเหลวไหลที่ไม่มีมูลเช่นนี้อยู่เรื่อย”“ท่านพี่โกรธหรือเจ้าคะ”“ข้า!!….ข้าก็แค่ หากไม่จำเป็นก็อย่าไปฟังมาก หากสงสัยหรืออยากรู้สิ่งใดก็แค่มาถามข้าตรงๆ มันไม่ได้ตอบยากขนาดนั้น”“เช่นนั้น ขอจูบอีกทีได้หรือไม่เจ้
“นางมีสิทธิ์อะไรไปนั่งลอยหน้าอยู่ตรงนั้น นางก็แค่ลูกอนุของท่านพ่อ”“น้องรอง หุบปากเจ้าเสียเดี๋ยวนี้”“พี่ใหญ่ ข้าเพียงพูดความจริง”“ความจริงก็คือ ท่านหนีราชโองการสมรสและหนีออกจากซูโจว ปล่อยให้น้องห้าแต่งงานแทนท่านบัดนี้พี่รองมีสิทธิ์อันใดมาเรียกร้องเช่นนี้”“น้องสาม!! ข้าเป็นพี่เจ้านะ”“นางก็เป็นน้องพวกข้าเช่นกัน น้องรอง เจ้ามันเอาแต่ใจเห็นว่าท่านแม่ตามใจเจ้ามาตั้งแต่เด็กเลยทำสิ่งใดไม่รู้จักคิด”“พี่ใหญ่!! ท่านแม่ พี่ใหญ่เขา…”“หุบปากให้หมด หลิงเทียนพอที เจ้ากลัวว่าผู้อื่นจะไม่ได้ยินเรื่องที่เจ้าพูดหรืออย่างไร ฝูเยว่เจ้าก็หยุดประจานความน่าละอายของตัวเองเสียที นั่งนิ่งๆ หากกล้าพูดเรื่องนี้อีกข้าจะสั่งให้คนพาเจ้ากลับบ้าน”ฟ่างฝูเยว่หันไปกอดมารดาของนาง และหันไปมองที่นั่งด้านบน ฟ่างชิงเยี่ยนนั่งกอดแขนท่านอ๋องอยู่ และเขากำลังลูบหัวนางเบาๆเป็นเชิงปลอบเพราะนางตกใจเสียงไฟที่พ่นออกมาจากการแสดง“หมดหรือยัง ตกใจหมดเลย”“หมดแล้ว ดูเจ้าสิแค่นี้ก็ตื่นตระหนก”“ก็มัน….”“นั่น!! ดูนั่น ท่านอ๋องโลหิตผู้นั้น!!”“หอมแก้มพระชายาต่อหน้าธารกำนัลงั้นหรือ”ครอบครัวสกุลฟ่างเองก็เห็นเช่นกัน ฟ่างหลิงเทียนหันมามอ
ตำหนักท่านอ๋อง“พวกเจ้าไปทำแผลก่อนเถอะ”“พระชายาเพคะ นี่…พวกเจ้าบาดเจ็บมางั้นหรือ พระชายาเล่า”“พระชายาปลอดภัยดี”“ป้าเจา พาพวกนางไปทำแผล ข้าจะพาชิงเยี่ยนกลับห้องแล้ว”“ทะ…ท่านอ๋อง…พะ..พระองค์มาทันเวลา ขอบคุณสวรรค์”“ชิงเยี่ยน ข้าอุ้มเจ้าไปนะ”ชิงเยี่ยนมิได้พูดสิ่งใดแต่ก็ยอมให้ท่านอ๋องอุ้มนางขึ้นไปเงียบเงียบๆ จนนางเข้ามาในห้องกับท่านอ๋อง เขาพานางไปนั่งที่เตียงและนั่งลงข้างๆกาย“ชิงเยี่ยน เจ้า….เป็นอย่างไรบ้าง”“ทุกอย่าง…จบแล้วสินะเพคะท่านแม่ตายตาหลับเสียที”“มันจบแล้ว ชิงเยี่ยนจากนี้ไม่มีสิ่งใดที่เจ้าต้องกังวลอีกต่อไปแล้ว แม่ทัพฟ่างจะให้คนนำป้ายวิญญาณแม่เจ้าไปที่สุสานบรรพชนสกุลฟ่างในวันพรุ่งนี้ หากว่าเจ้าอยากจะไปเคารพศพนาง ข้าจะพาเจ้าไป”“ขอบพระทัยท่านอ๋องที่ทรงจัดการเรื่องทุกอย่างนี้แทนหม่อมฉันนะเพคะ”“เจ้าเป็นพระชายาของข้า เรื่องที่เจ้าไม่สบายใจข้าผู้เป็นพระสวามีย่อมมีหน้าที่ดูแลเจ้า ข้าอยากให้เจ้ายิ้มเหมือนครั้งที่…ในตอนที่เจ้า…”“พระองค์คิดถึงนางสินะเพคะ นางที่จำพระองค์ไม่ได้ และเอาแต่ทำตัวเหมือนเด็กอยู่ข้างๆพระองค์”“ไม่ใช่นะชิงเยี่ยน เจ้า…”“หม่อมฉันอยากแช่น้ำอุ่นเสียหน่อยเพคะ”
ฟ่างฮูหยินสะดุ้งสุดตัวเมื่อรู้ว่าเป็นผู้ใดที่พึ่งก้าวเข้ามา แม้ว่าตาจะมองไม่เห็น แต่ความอำมหิตนี้กลับแผ่กระจายจนนางรู้สึกได้ ฝูเยว่ในยามนี้ทรุดตัวลงกับพื้น ไม่ร้องโวยวายอีกแล้วแม้ว่านิ้วก้อยที่ขาดไปจะเจ็บปางตายเช่นไร “ท่านพี่…ท่าน..”“ชิงเยี่ยน”ท่านอ๋องเดินไปและดึงนางมากอดท่ามกลางสายตาของเหล่าทหารทั้งกองและฟ่างฝูเยว่ที่ได้แต่มองตามเขาไป เหตุใดจึงไม่ใช่นางเหตุใดต้องเป็นฟ่างชิงเยี่ยน…..“ข้าเตือนเจ้าแล้วว่า…”"ข้าดูแลตัวเองดี ไม่บาดเจ็บเพคะแต่ว่าจงลี่ กับ…“เจ้าคิดหรือว่าสาวใช้ในตำหนักอ๋องจะเป็นแค่สาวใช้ธรรมดา พวกนางล้วนฝึกวรยุทธ์และเป็นทหารกล้าที่พร้อมรบได้ทุกเมื่อ เจ้าคิดหรือว่าข้าจะส่งสาวใช้ธรรมดามาอยู่ข้างกายคนที่ข้ารักที่สุด”“พระองค์ปลอดภัย ช่างดียิ่งนัก”“จัดการขยะที่นี่ก่อน กลับตำหนักแล้วค่อยคุยกัน”“เพคะ”“ฟ่างฮูหยิน ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะไม่ได้จดจำเลยสินะถึงได้กล้าลอบสังหารพระชายาของข้าอีก”“มะ…ไม่นะเพคะท่านอ๋อง นาง…นางต่างหากที่พาคนมา…”“หุบปาก!! ฟ่างฝูเยว่เจ้าคิดว่าโง่ที่จะเชื่อคำพูดปลิ้นปล้อนของเจ้าที่พ่นออกมางั้นหรือ ปากสุนัข!!”“ท่านอ๋องเพคะ!!”“หึ เจ้าคิดว่าการที่ข้ามิได
สองชั่วยามผ่านไป หมอหลวงรีบกลับมาแจ้งอาการให้พระชายาทรงทราบว่าบัดนี้แม่ทัพฟ่างมีอาการเหมือนถูกพิษ และเป็นพิษที่ไม่สามารถรักษาได้ และเหลือเวลาอีกไม่นานเท่าใดแล้ว หากว่าพระชายาไปเยี่ยมได้ ในยามนี้ก็ควรจะรีบไปก่อนจะสายเกินแก้“พระชายาเพคะ เช่นนั้น…”“เช่นนั้นเราก็ไปกันเถอะ ไม่ต้องนำขบวนติดตามไปมากเกรงว่าชาวบ้านจะแตกตื่น”“เพคะ”ป้าเจาให้สาวใช้สองคนและทหารองครักษ์สิบคนติดตามพระชายาไปเท่านั้นตามคำสั่งนาง ชิงเยี่ยนเดินขึ้นรถม้าและออกเดินทางไปยังสกุลฟ่างในทันทีจวนสกุลฟ่าง“ฮูหยิน พระชายาเสด็จมาแล้วเพคะ”“มาแล้วสินะ เช่นนั้นเราก็ควรจะไปรับเสด็จนางหน่อยนะฝูเยว่”“ได้สิเจ้าคะ ลูกก็รอรับนางอยู่เช่นกัน”สองแม่ลูกเดินออกไปที่หน้าจวนเพื่อรอรถม้าของพระชายาท่านอ๋องมาจอด เมื่อชิงเยี่ยนเดินลงจากรถม้า ฮูหยินที่ยืนรออยู่ก็เดินเข้ามาหานางทันที“เจ้ามาได้เสียทีสินะ”“บังอาจ เห็นพระชายาแล้วยังไม่รีบคุกเข่าอีก”“จงลี่ ไม่ต้องเกรงว่าคนของที่นี่เป็นไม้แก่ที่ดัดยากเสียแล้ว คงลืมรถแส้ที่ฟาดลงหลังและไม้โบยไปแล้วกระมัง”“นัง…”“ฝูเยว่ ระวังกิริยาเจ้าด้วยพระชายาเสด็จมาเยี่ยมอาการท่านพ่อ เราก็ถือเป็นครอบครัวเดียวกั
ชิงเยี่ยนลุกขึ้นมามองหน้าท่านอ๋องที่นอนตะแคงคุยกับนางอยู่และลุกนั่งข้างๆนางพร้อมกับจับมือเอาไว้“ท่านพ่อเจ้ารู้ว่าฟ่างฮูหยินต้องคิดไม่ดีกับหลุมศพนั้น เขาจึงสั่งให้จื่อหนานย้ายศพแม่เจ้าออก ที่หลุมศพที่ถูกทำลายนั่น มิได้มีร่างผู้ใดอยู่แต่แรกแล้ว”“เช่น…เช่นนั้น….แม่ของข้า…”“พ่อเจ้านำร่างแม่ของเจ้าไปฝังที่สุสานสกุลฟ่างโดยมิได้บอกให้ฮูหยินทราบ เจ้าไม่ต้องห่วงแม่ทัพฟ่างมิใช่ผู้ที่ทำสิ่งใดไม่มีเหตุผลการที่เขาส่งเจ้ามาที่นี่ก็เช่นกัน”“พระองค์ทรงหมายความว่าท่านพ่อ…”“นี่เป็นวิธีเดียวที่จะปกป้องเจ้า ในฐานะพ่อที่เขาพึงจะทำได้ เขาตระหนักรู้ดีว่าเจ้าถูกรังแก จึงหาทางให้เจ้าออกจากจวนนั้นมา เดิมทีคิดว่าสกุลจางจะพึ่งพาได้แต่เพราะเรื่องของข้าเลยทำให้แม่ทัพฟ่างส่งเจ้ามาที่นี่”“แต่ท่านพ่อ..ข่าวลือนั่น..”“เขารู้ดีว่าข่าวลือเป็นเพียงข่าวลือ เขารู้อีกว่าหากข้ากับเจ้าอยู่ร่วมกันไม่ได้ ข้าก็จะปล่อยเจ้าไป พระสนมคนก่อนออกจากตำหนักนี้ไปเพราะข้าให้นางแฝงตัวไปกับกองทัพแม่ทัพฟ่างบิดาของเจ้าน่ะ เขารู้เรื่องนี้ดีเพราะทหารคนรักของนาง อยู่ในกองทัพของบิดาเจ้า”“ที่แท้….มิได้มีเพียงพี่ใหญ่และพี่สาม…”“พี่ใหญ่เจ้าทำ
“แต่ว่าชิงเยี่ยน…”“ไม่นึกว่าแม้แต่ชิงเยี่ยนท่านพ่อก็ไม่กล้าบอก”“เจ้ากำลังจะบอกว่า หลุมศพที่ตั้งบนภูเขานั่น มิได้มี…”“พ่ะย่ะค่ะ ท่านพ่อกระหม่อมนำร่างแม่รองไปฝังที่สุสานบรรพชนสกุลฟ่างโดยมิได้บอกให้ผู้ใดทราบ มีเพียงกระหม่อมที่ทราบเพราะจัดการเรื่องนี้ลับๆ ส่วนหลุมศพบนเขานั่น ก็มีเอาไว้หลอกท่านแม่เท่านั้น แต่นึกไม่ถึงจริงๆว่านางจะกล้าบุกไปทำลาย ท่านพ่อคาดการณ์เอาไว้แม่นยำนัก”“เหตุใดแม่ทัพฟ่าง…จึงไม่บอกเรื่องนี้กับชิงเยี่ยน”“ท่านพ่อนำแม่รองไปฝังเอาไว้โดยมิได้แจ้งชื่อบนหลุมศพ มีเพียงที่นั่นที่จะพ้นข้อสงสัย ท่านแม่ก็จะไม่ตามไปทำลายได้ ท่านพ่อช่างรอบคอบยิ่งนักเพราะเรื่องนี้ พระองค์จึงได้…”“ใช่ ข้าไม่รู้ว่า….”“เรื่องนั้นช่างเถิดพ่ะย่ะค่ะ สกุลฝางหลายปีมานี้ก็ใช่ว่าจะสะอาดนัก พวกเขาแอบทำการค้าผิดกฎหมายเพราะอ้างจวนแม่ทัพอยู่หลายครั้งแต่ท่านพ่อกลับยังทำสิ่งใดไม่ได้ ไฟไหม้คลังสินค้าครานี้คงได้สอบสวนกันอีกยาว”“เรื่องนี้เจ้าควรบอกชิงเยี่ยน”“กระหม่อมมาที่นี่ก็เพื่อจะบอกนางเรื่องนี้ แต่ดูแล้ว…ให้พระองค์บอกนางเองจะดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ ท่านพ่อที่ทำห่างเหินกับนางเพราะเหตุผลนี้ ท่านแม่ข้าเกลียดแม่ของนาง
“สมน้ำหน้า แกล้งเป็นลมดีนักแทนที่จะได้พักกลับถูกเพิ่มโทษ เอาพวกเรามาดูน้ำหน้าคนใจร้ายเร็วทำร้ายผู้อื่นแล้วยังกล้ามาขอความเห็นใจอีก”ฟ่างฮูหยินและฟ่างฝูเยว่ไม่เคยรู้สึกอัปยศและอับอายเช่นนี้มาก่อนในชีวิตนี้ แม้แต่แค่คิดก็ไม่เคยว่าจะตกต่ำได้ถึงเพียงนี้ฝูเยว่ในตอนนี้อย่าว่าแต่กลับไปใช้ชีวิตปกติเลย ข่าวที่แพร่ออกไปในยามนี้จะมีบุรุษใดกล้ามาสู่ขอนางอีกหรือไม่“ขะ…ข้าจะ..ฆ่ามัน…ข้าอยากจะฆ่ามัน..ให้ตายคามือ”“ฝูเยว่ เจ้าหุบปากก่อน”“ท่านแม่…ข้า…เจ็บใจ”“รอให้พวกมันกลับไปก่อน…”เสียงก่นด่าพวกนางดังอย่างไม่หยุดหย่อน บรรดาสาวใช้เองก็เริ่มทนพิษบาดแผลจากการโบยและถูกขว้างปาสิ่งของไม่ไหวก็ทยอยล้มลงแต่มิได้มีผู้ใดถูกน้ำสาดเหมือนสองแม่ลูกสกุลฟ่างจนครบกำหนดเวลา ทหารจึงเดินมาโอบรอบบริเวณหน้าจวนเอาไว้และให้คนพาพวกนางเข้าไป“เอาล่ะ เช่นนั้นก็ได้เวลากลับแล้ว แม่ทัพฟ่าง ขอบคุณที่ให้การรับรองข้าและพระชายาเป็นอย่างดี”“เอ่อ ท่านอ๋องจะเสด็จกลับเลยหรือพ่ะย่ะค่ะ”“พระชายาข้าไม่ค่อยอยากจะอยู่ที่นี่นานเท่าใดนัก เอาเป็นว่าข้า…จะมาเยี่ยมท่านบ่อยๆเมื่อมีโอกาสก็แล้วกัน”“น้อมส่งเสด็จท่านอ๋องและพระชายาพ่ะย่ะค่ะ”“ท่าน
“จื่อหนาน เจ้ากับท่านอ๋องจะออกเดินทางเมื่อใด”“น่าจะอีกห้าวันขอรับ”“เร็วขนาดนั้นเชียวหรือ”“พี่ใหญ่ ท่านอ๋องคงอยากไหว้วานท่านเรื่องพระชายา”“อืม เรื่องนี้ข้ารู้แล้ว มีข้าอยู่จะไม่มีทางให้พระชายาเป็นอันตรายได้ เจ้ากับท่านอ๋องอย่าได้ห่วงมากไปเลย”“ข้ามิได้ห่วงท่านกับชิงเยี่ยนแต่ว่าข้า…”"หึ หากว่าพวกนางหาเรื่องอีก ข้าก็เตือนไปแล้ว ครั้งหน้าข้าคงรั้งชีวิตพวกนางเอาไว้ไม่ได้อีกแล้ว"“ท่านพ่อ…”“หลิงเทียน หลายปีที่ผ่านมาแม้ว่าพ่อจะทำไม่สนใจน้องเจ้าและให้เจ้าสองคนดูแลนางแทนเพื่อมิให้ฮูหยินระแวงและรังแกนางมากขึ้น แต่ดูแล้ว คงจะไม่ได้ผล เช่นนั้นหลังจากนี้หากว่านางกล้ายุ่งกับชิงเยี่ยนอีก ข้าก็จะถือเสียว่า…นางรนหาที่เอง”“แต่ลูกคิดว่าน้องรองกับท่านแม่คงจะ…”“พี่ใหญ่ ท่านไม่ได้ยินนางพูดเมื่อครู่หรือ ขอเพียงแค่นางรู้ว่าท่านอ๋องออกจากซูโจวไป ชิงเยี่ยนจะไม่ปลอดภัยเป็นแน่ซึ่งท่านอ๋องทรงทราบดี ครั้งนี้ท่านอ๋องจะเอาถึงตายหากพวกนางยังกล้าแตะต้องชิงเยี่ยน”“ท่านอ๋องไม่คิดจะปล่อยท่านแม่กับ….”“ท่านเคยเห็นมีผู้ใดรอดชีวิตไปบ้างงั้นหรือหากว่ามีเรื่องกับอ๋องโลหิตผู้นั้น”“น้อง..น้องสาม…”“เช่นนั้นข้าจึงฝากท่
สายตาเย็นเยือกนั้นกวาดมาที่สองแม่ลูกที่นั่งตัวลีบอยู่ที่โต๊ะอาหาร ปากที่ซีดอยู่แล้วเพราะบาดเจ็บในตอนนี้แทบจะไร้ความรู้สึกอีกครั้ง ท่านอ๋องเดินกลับมาที่โต๊ะอาหารที่ไม่มีผู้ใดกล้าแตะต้อง “ส่งผ้าขาดๆไปให้ สั่งลงโทษล้างห้องน้ำ ให้กินหมั่นโถววันละชิ้น หึ เป็นถึงฮูหยินจวนแม่ทัพเจ้าดูแลคนเช่นนี้งั้นหรือ บอกข้ามาสิฟ่างฮูหยินคนอย่างเจ้ามันสมควรถูกลงโทษเช่นไร”“ทะ…ท่านอ๋องเพคะ….หมะ…หม่อม……”“หุบปากเจ้าไปข้าไม่อยากฟัง”แม่ทัพฟ่างทรุดตัวนั่งลงที่โต๊ะพลันหันไปมองหน้าชิงเยี่ยนที่กำมือแน่นบนโต๊ะ ราวกับทุกเหตุการณ์นั้นกลับมาอีกครั้งทั้งๆที่นางพยายามลืมแต่เมื่อถูกพูดถึงอีกครั้ง ครานี้นางก็ไม่มีเหตุผลจะต้องช่วยเหลือผู้ใดอีก ท่านอ๋องตรัสได้ถูกต้องแล้ว นางควรจะลงโทษเสียบ้าง“พระชายาเพคะ…”“ข้าไม่เป็นไร”จงลี่และอู่ผิงเข้ามาคุกเข่ากอดแขนนางเอาไว้พร้อมกับร้องไห้ไปกับนาง พวกนางนึกไม่ถึงว่าพระชายาก่อนหน้านี้จะเจอกับเหตุการณ์เลวร้ายเช่นนี้มาก่อน บัดนี้ผู้ที่แทบจะนั่งไม่ติดที่คือฟ่างฝูเยว่ นางกำลังคิดว่าหากเป็นลมตอนนี้ นางก็คงจะไม่ต้องรับรู้สิ่งใดอีก“หากพวกเจ้าสองคนฟังเรื่องนี้แล้วเกิดเป็นลม และคิดว่าข้าจะ
“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ คือ…”แม่ทัพฟ่างจับมือของบุตรชายคนโตเอาไว้ มือเขานิ่งและมั่นคง สายตายังคงหันไปมองที่ท่านอ๋องที่ยกชาขึ้นมาดื่มอย่างไม่สะทกสะท้าน ชิงเยี่ยนเองก็นั่งนิ่งราวกับว่าถูกปรามมาก่อนแล้วว่าห้ามขัดพระทัย“พ่อ…จะให้คนไปเชิญแม่เจ้ากับน้องเจ้ามาเอง”“ท่านพ่อ แต่ว่า…”“พี่ใหญ่ท่านอยู่เฉยๆเถอะขอรับ”“น้องสาม แต่ว่า….”“นี่นะหรือที่ท่านบอกว่าจะยั้งมือ”“ข้าก็ไม่ได้ทำอะไรเสียหน่อย แค่อยากกินข้าวร่วมกันให้ครบ เป็นการผูกมิตรกับครอบครัว ข้าทำผิดตรงไหนอีกเล่า”“ลั่วหมิงจ้าน นี่ท่าน…”สายตาของพระชายามองท่านอ๋องยิ้มๆ แต่แขนนางบิดเขาไปที่เอวเขาเต็มแรงจนเขาเริ่มทำหน้าบิดเบี้ยวแต่ก็ฝืนยิ้มให้นางด้วยเกรงว่าอีกสองคนตรงข้ามจะจับได้ แต่เรื่องนี้หาได้พ้นสายตาของฟ่างจื่อหนานไม่เขาย่อมรู้อยู่แล้วว่าน้องสาวเขาไม่ยอมปล่อยท่านอ๋องไปแน่ๆ ดูจากสีพระพักตร์ในตอนนี้แล้ว เขาเพียงแค่ยกพัดขึ้นมาปิดรอยยิ้มบนหน้าตัวเองเท่านั้น“วะ…ว่าอย่างไรนะ…นะ…นี่ข้า..กับฝูเยว่ต้อง…”“ฮูหยิน นายท่านสั่งเจ้าค่ะ บ่าว…”“ท่านแม่ เหตุใดท่านอ๋อง…ถึงได้ทรง…โหดร้ายถึงเพียงนี้เจ้าคะ”“เพราะนังจิ้งจอกนั่น!! แม่จะต้องเอาคืนให้สาสม”“น