“เจ้าคนชั่ว ท่านทำสิ่งใดกับนาง ชิงเยี่ยนถึงได้เป็นเช่นนี้”“ปล่อยข้านะ!!”ชิงเยี่ยนสะบัดมือจากลู่หยวนจนได้ นางวิ่งไปหาลั่วหมิงจ้านในทันทีพร้อมกับกอดเขาเอาไว้แน่น“ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้ากลัว”ท่านอ๋องในวันนี้ตกใจแต่ดีใจจนหัวใจแทบกระโดดออกมา นางเลือกเขา นางเลือกที่จะวิ่งกลับมาหาเขาให้เขาปกป้องนาง เช่นนี้เขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะเก็บคนตรงหน้าเอาไว้“ชิงเยี่ยน เจ้าปลอดภัยหรือไม่”“ท่านพี่ ข้าอยากกลับบ้าน ข้าอยากกลับแล้ว ข้าไม่อยากเห็นหน้าเขา เขาจะ…จะพาข้าไป ข้ากลัว ท่านพี่”“ไม่ต้องกลัว ข้ามาแล้ว”ท่านอ๋องหันไปมองหน้าจางลู่หยวน และจะเดินเข้าไปหาเขาแต่ชิงเยี่ยนดึงเขาไว้ เหมือนครั้งที่แล้ว นางก็ทำเช่นนี้ หรือว่านางจะ….“ท่านพี่ อย่าฆ่าคนเจ้าค่ะ ท่านเป็นอ๋องหากคำร่ำลือนั้นออกไป คนจะกล่าวโทษท่านข้าไม่อยากมีเรื่อง พาข้ากลับเถอะเจ้าค่ะข้าไม่อยากอยู่ที่นี่”“ชิงเยี่ยน ที่เจ้าไม่อยากให้ข้าทำร้ายเข้า เพราะ…”“ข้าไม่อยากให้ท่านเจ็บตัว กลับบ้านเถอะเจ้าค่ะข้าไม่อยากเห็นหน้าเขา”“ได้ เช่นนั้นเราก็กลับบ้านกัน”“ชิงเยี่ยน!! เขากำลังหลอกเจ้า เขาทำสิ่งใดกับเจ้าเหตุใดเจ้าจึงเปลี่ยนไปเช่นนี้ ชิงเยี่ยนลืมตามองข้
“เรื่องนั้น ข้าเองก็ไม่รู้เช่นกัน”“แล้วเหตุใดต้องมากล่าวหาว่าท่านอ๋อง…ทำบางอย่างกับหม่อมฉันเพื่อให้จำเขาไม่ได้”“เพราะเขาไม่รู้ว่าเจ้าความจำเสื่อม ที่จริงเรื่องที่เจ้าป่วย ข้าเองก็มิได้บอกผู้ใดมากนัก มีเพียงพี่ใหญ่และพี่สามเจ้าเท่านั้นที่ข้าบอก”“พี่ใหญ่และพี่สาม”“เจ้าอย่าบอกว่าเจ้าก็ลืมพวกเขา”“ไม่ลืมหรอกเพคะ พวกพี่ๆทั้งสองคนดีกับหม่อมฉันมาตั้งแต่เด็ก จะลืมได้เช่นไร”“แต่เจ้าจำจางลู่หยวนที่เป็นเพื่อนสมัยเด็กไม่ได้งั้นหรือ”“เพื่อนในวัยเด็ก…โอ๊ะ…โอ๊ยย”“ชิงเยี่ยน!! เจ้าปวดหัวอีกแล้วงั้นหรือ”“เพคะ หม่อมฉัน…รู้สึกแปลกๆ ตั้งแต่เจอเขา หากว่าเป็นดังที่เขาพูดเหตุใดเมื่อพบหน้าเขาหม่อมฉันจึงไม่ได้มีความรู้สึกใดๆเลย ไม่เหมือน…”“ไม่เหมือน…เจ้ากำลังจะพูดสิ่งใด”“ไม่เหมือนตอนพบพระองค์ ข้าก็..หลงรักพระองค์ทันที แต่กับชายคนนั้นข้าทั้งกลัวและก็รู้สึกว่า…มีบางอย่างที่…”“ช่างเถอะนะ เจ้าไม่ต้องนึกได้ทุกเรื่องในตอนนี้ก็ได้ เรามีเวลาอีกทั้งชีวิต หรือหากว่าเจ้าไม่อยากจะนึกออกก็ไม่เห็นเป็นไร คนบางคนหลงลืมไปก็ใช่ว่าจะไม่ใช่เรื่องดีเจ้าว่าจริงหรือไม่”“นั่นสิเพคะ ท่านพี่ ข้าง่วงแล้ว ไม่เล่นบทพระชายาแล้ว
แรงกระแทกจากต้นขาที่แข็งแรงและริมฝีปากหน้าที่กำลังพรมจูบไปที่เรียวขาขาวเนียนทำเอาชิงเยี่ยนแทบจะล่องลอยไปอีกรอบ มันทั้งรู้สึกดี และจั๊กจี้ไปพร้อมๆกัน แม้ว่าจะยังอายอยู่บ้าง แต่คนตรงหน้าก็พยายามทำให้นางรู้สึกว่านางไม่สมควรอายกับเรื่องที่มีความสุขเช่นนี้“ท่าน…ท่านพี่….”“ข้ารู้ ข้าจะเปลี่ยนท่าให้นะ”เขาจับนางหันหลังและค่อยๆสอดใส่เข้าไปอีกครั้งพร้อมเสียงร้องครางด้วยความเสียวซ่าน เสียงของเขาทำเอานางรู้สึกสยิวไปด้วยไม่น้อยเพราะมันทั้งเร้าอารมณ์ และเพิ่มต้องการให้มากขึ้น“ชิง…ชิงเยี่ยน อ๊าา!!”เสียงครางของเขาดังคำรามขึ้นเป็นครั้งคราวจนบางครั้งชิงเยี่ยนก็ตกใจ โดยปกติท่านอ๋องจะสุขุมและเป็นคนค่อนข้างนิ่งมาก ไม่นึกว่าเมื่ออยู่บนเตียงเขาจะดุดันและมีพลังมากจนชิงเยี่ยนแทบจะรับมือไม่ไหวเช้าวันถัดมา“วันนี้ท่านพี่ไม่ไปที่ใดหรือเจ้าคะ”“ไม่รีบร้อน เจ้าหิวหรือไม่”“ก่อนหน้านั้นไม่รู้สึกเจ้าค่ะ แต่พอท่านถามขึ้นมาตอนนี้ก็เลยรู้สึกหิวแล้ว”“เช่นนั้นก็รีบไปแต่งตัวแล้วไปกินข้าวกัน วันนี้ข้าจะพาเจ้าออกไปซื้อของข้างนอกอยากได้อะไรหรือไม่”“จริงหรือเจ้าคะ ข้าจะได้ออกไปข้างนอกอีกแล้วหรือเจ้าคะ”“ทำไม ดูเจ้าดี
เขาไม่ได้เพียงแค่พูดแต่หยิบถ้วยยางเปล่านั้นวางบนโต๊ะและดึงตัวนางมากอดทันที ชิงเยี่ยนที่พึ่งจำความได้ถึงกับตกใจและหัวใจเต้นแรงอีกครั้ง“อ๋องโลหิตผู้นี้น่ะหรือจะอ่อนโยนถึงเพียงนี้” นางเพียงแค่นึกในใจ แต่สัมผัสอบอุ่นที่เขาทำในตอนนี้กลับมิใช่เรื่องโกหก“เจ้ายังเจ็บตรงที่ใดอีกหรือไม่ เหตุใดจึงได้เป็นลมไป ข้าเตือนเจ้าแล้วมิใช่หรือว่าให้นอนพักผ่อน เหตุใดยังเที่ยววิ่งเล่นราวเด็กน้อยอีก”“หมะ….ข้า…เพียงแค่อยากทำถุงหอมให้..ท่านพี่เท่านั้นเจ้าค่ะ ก็เลย”“เจ้ากลับไปที่เรือนหลังมางั้นหรือ”“…เจ้าค่ะ”ท่านอ๋องพลันนิ่งไปพร้อมกับคิดบางอย่าง เหมือนว่าเขาเองก็จะรู้ว่าบางทีนี่อาจจะเป็นสิ่งที่กระตุ้นนาง และทำให้นางเป็นลม แต่เขาจะควบคุมสิ่งใดได้ หากว่านางเป็นฟ่างชิงเยี่ยนคนเดิม มีหรือจะยอมให้เขากอดเช่นนี้โดยไม่ผลักเขาออก“เจ้า….เจ้าบอกว่าจะทำสิ่งใดนะ”เขาทราบเรื่องเพราะป้าเจาส่งคนมาแจ้งที่ตำหนักทรงงานในวังว่าพระชายาทรงรื้อของที่เรือนหลังและจะหยิบผ้ามาเย็บเขาจึงได้รีบกลับมา แต่เมื่อเข้าประตูตำหนักมาถึงกับตกใจเมื่อเห็นว่านางกำลังล้มลงตรงหน้าเพราะเป็นลม“หม่อมฉันจะตัดเย็บถุงหอมเพคะ เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าร่างกา
“ใช่ เจ้าอย่าบอกว่าเจ้าลืมนะ ก็เจ้าทำอยู่ทุกคืน”("ข้าทำเช่นนั้นจริงๆหรือ เหตุใดข้าไม่เห็นจำได้เลยเล่า") / ชิงเยี่ยน("ข้าจะดูสิว่าเจ้าจะยังปิดบังข้าไปอีกนานแค่ไหน") / ท่านอ๋อง“เอ่อ หม่อมฉัน….”“เอาล่ะๆ บางทีเจ้าก็เป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะค่อยๆฟื้นความจำเจ้าให้ เมื่อคืนนี้ผู้ใดกันสั่งให้ข้าไม่หยุดรังแกจนรับมือข้าไม่ไหว ผู้ใดที่เดินไม่ไหวจนเป็นลมไป เจ้าทั้งนั้นแล้วยังกล้าบอกว่าอยากออกไปเที่ยวอีก”“คือว่า…อื้มม….ท่าน…อืมมม”ท่านอ๋องก้มจูบนางอีกครั้ง ชิงเยี่ยนทั้งตกใจแต่ก็รีบหลับตาทันทีเพื่อมิให้เขาสังเกตเห็นอาการนี้ นางจำได้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น แต่มิใช่ว่าเขาอยากจะทำอีกหรอกนะเพราะนางยังไม่ทันได้เตรียมใจ…“อืม…ท่าน…ท่านพี่เจ้าคะ อ๊ะ”“อย่าพึ่งพูดสิ หากว่าเจ้าลืมคืนนี้ข้าจะทบทวนความจำให้สักหน่อย แต่ข้าจะไม่รังแกเจ้ามากเกินไปดีหรือไม่”“ท่านพี่บอกว่ายังมีงานต้องทำ”“ไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่าเจ้า พระชายาของข้า”จุมพิตหวานซึ้ง เนิ่นนานถูกส่งมอบให้นาง ชิงเยี่ยนแม้ว่าอยากทักท้วงแต่นางในยามนี้หากบอกเขาว่านางจำได้ทุกสิ่งแล้วจะทำให้เขาสงสัยหรือไม่ นางจะทำเช่นไรได้นอกจากต้องตามใจเขาเพื่อไม่ให้เขาสังเ
“ก็ข่าวลือต่างๆนั่น…”“อ่อ เรื่องนี้นี่เอง พูดแล้วเรื่องนี้…เรื่องมันยาว แต่หากเจ้าอยากจะฟัง…ชิงเยี่ยน….เหตุใดหลับง่ายเช่นนี้เล่า”นางฟุบหลับลงไปที่แผงอกกว้างอบอุ่นนั้นด้วยความคุ้นเคย เขาจึงพลิกตัวนางกลับและห่มผ้าให้พร้อมกับจ้องมองใบหน้างดงามนั้นยามหลับ“แม้ว่าเจ้าจะจำได้หรือไม่ได้ ข้าก็จะไม่มีวันยอมให้เจ้าไปจากข้าอีก ฟ่างชิงเยี่ยน”เขาเอื้อมมือไปหยิบชุดคลุมของเขามาสวม ก่อนจะค่อยๆสวมให้นางด้วยและลุกไปที่โต๊ะอักษรในห้องเพื่ออ่านรายงานที่บอกนางไว้ก่อนหน้านี้ ชิงเยี่ยนที่หันไปอีกทางลืมตาขึ้นด้วยความตื่นเต้น("หรือว่าเขารู้แล้วว่านางจำได้แล้ว เช่นนั้น…ที่เขาพูดจะเป็นความจริงหรือไม่")ชิงเยี่ยนรู้สึกว่าหัวใจนางกำลังกระโดดลอยไปมาเพราะคำพูดนั้น เขาจะไม่ยอมให้นางจากไป เขาอยากอยู่กับนาง เช่นนั้นก่อนหน้านี้ที่นางจำไม่ได้เกิดเรื่องใดขึ้นกันแน่ นางต้องรีบรวบรวมความคิดให้ได้เร็วที่สุดเหตุใดฟ่างชิงเยี่ยนที่จำไม่ได้ถึงได้ทลายกำแพงหนาของอ๋องโลหิตผู้นั้นเข้าไปได้โดยง่าย หรือเขาอาจจะชอบชิงเยี่ยนที่เป็นเช่นนั้นแล้วกับนางที่กลับมาแล้วนางจะต้องทำตัวเช่นไร….“ข้าจะทำเช่นไรดีเล่า”ท่านอ๋องพับรายงานเก็บและเ
ชิงเยี่ยนมองไปที่พระพักตร์ที่มองกลับมาที่นางเช่นกัน สายตาของท่านอ๋องไม่ได้โกหกนางแม้แต่น้อย เขาเชื่อใจนางจริงๆ ท่านอ๋องเดินมาและกอดนางเอาไว้ เขารู้เรื่องของนางและสิ่งที่นางพบเจอที่สกุลฟ่างแล้ว เขาไม่มีทางกล่าวโทษนาง ต่อให้นางจะให้เขาเตรียมผักเน่าหรือมูลสุนัขไปให้สกุลฟ่าง เขาก็จะไม่ขัดขวางนางแม้แต่น้อย“เจ้าสบายใจได้ เจ้าหิวหรือไม่”“หม่อมฉันยังอิ่มบะหมี่นั่นอยู่เลยเพคะ”“เช่นนั้นไปเดินเล่นกัน สูดอากาศเสียหน่อยจะได้สบายใจขึ้น”“เพคะ”ท่านอ๋องพาชิงเยี่ยนเดินออกมาจากเรือนหน้า เขาจงใจพานางเดินผ่านลานกลางตำหนักนั้นอีกครั้งเพื่อจะเดินไปยังสวนด้านหลัง ชิงเยี่ยนมองไปรอบๆ ในตอนนี้ความทรงจำในทุกๆเรื่องทั้งก่อนหน้าที่จะความจำเสื่อม และหลังจากความจำเสื่อมนั้นเด่นชัดทุกเรื่องราวทั้งเรื่องที่นางแอบถามสาวใช้เรื่องรักๆใคร่ๆและเรื่องน่าอายที่นินทากันระหว่างสตรี และยังเรื่องที่นางขอให้เขาจูบนางและบังคับให้เขาครอบครองนางนั่นด้วย“เจ้าเป็นอะไรไป เหตุใดเจ้าจึงเหม่อลอยอีกแล้ว”“เปล่านะเพคะ เพียงแต่ลานนี้ เหตุใดจึงว่างนักเพคะ ไม่มีการฝึกอาวุธหรือทำอย่างอื่นหรือเพคะ”“เดิมทีเอาไว้จัดงาน แต่ข้าไม่ชอบงานเอิ
“ใช่ เดิมทีคิดว่าเป็นแผนของเจ้าและสกุลฟ่าง แต่เพราะความจงรักภักดีของแม่ทัพฟ่าง ข้าจึงไม่เชื่อว่าเขาจะทำร้ายข้า ข้าจึงได้สืบเรื่องนี้”“พระองค์สืบได้หรือไม่เพคะ”“ได้สิ”เขาหันมามองหน้านาง และดูเหมือนชิงเยี่ยนเองก็ทราบดีว่าผู้ใดที่อยู่เบื้องหลังในเรื่องนี้ นางยิ้มให้เขาอย่างนึกอับอาย“ฝีมือฮูหยินฟ่างสินะเพคะ”“เจ้ารู้งั้นหรือ”“ตั้งแต่นางรู้ว่าจะมีราชโองการสมรส พี่รองของข้าก็หายออกจากจวนอย่างน่าสงสัยแต่มิมีผู้ใดอยากตามหา ซึ่งผิดปกติวิสัยของฮูหยิน จะมีผู้ใดที่จะให้บุตรสาวเพียงคนเดียวแต่งมาอยู่ในตำหนักที่เต็มไปด้วยข่าวลือเช่นนี้เล่าเพคะ นางเลยส่งหม่อมฉันมาแทน”“เจ้านึกเสียใจงั้นหรือ”“ไม่เลยสักนิดเพคะ ทูลตามตรงว่าอาจจะเคยคิดโกรธบ้าง แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าอยู่ที่สกุลฟ่าง คนที่นี่ทั้งให้เกียรติหม่อมฉันและมองด้วยสายตาที่เป็นมิตร มากกว่าคนที่สกุลฟ่าง แม้ว่าหม่อมฉันจะรู้ว่าอาจจะต้องตายภายในสามเดือนหกเดือน แต่การอยู่ที่สกุลฟ่างก็ไม่ต่างกับตายแล้วเช่นกัน เช่นนั้นสู้ออกมาตายเอาดาบหน้าดีกว่าจมปลักอยู่ที่นั่น”ท่านอ๋องเองก็กลืนน้ำลายลงคอราวกับมีก้อนแข็งติดอยู่ เขาเองก็เคยคิดจะเลือกวิธีให้นางออกจากตำ
ตำหนักท่านอ๋อง“พวกเจ้าไปทำแผลก่อนเถอะ”“พระชายาเพคะ นี่…พวกเจ้าบาดเจ็บมางั้นหรือ พระชายาเล่า”“พระชายาปลอดภัยดี”“ป้าเจา พาพวกนางไปทำแผล ข้าจะพาชิงเยี่ยนกลับห้องแล้ว”“ทะ…ท่านอ๋อง…พะ..พระองค์มาทันเวลา ขอบคุณสวรรค์”“ชิงเยี่ยน ข้าอุ้มเจ้าไปนะ”ชิงเยี่ยนมิได้พูดสิ่งใดแต่ก็ยอมให้ท่านอ๋องอุ้มนางขึ้นไปเงียบเงียบๆ จนนางเข้ามาในห้องกับท่านอ๋อง เขาพานางไปนั่งที่เตียงและนั่งลงข้างๆกาย“ชิงเยี่ยน เจ้า….เป็นอย่างไรบ้าง”“ทุกอย่าง…จบแล้วสินะเพคะท่านแม่ตายตาหลับเสียที”“มันจบแล้ว ชิงเยี่ยนจากนี้ไม่มีสิ่งใดที่เจ้าต้องกังวลอีกต่อไปแล้ว แม่ทัพฟ่างจะให้คนนำป้ายวิญญาณแม่เจ้าไปที่สุสานบรรพชนสกุลฟ่างในวันพรุ่งนี้ หากว่าเจ้าอยากจะไปเคารพศพนาง ข้าจะพาเจ้าไป”“ขอบพระทัยท่านอ๋องที่ทรงจัดการเรื่องทุกอย่างนี้แทนหม่อมฉันนะเพคะ”“เจ้าเป็นพระชายาของข้า เรื่องที่เจ้าไม่สบายใจข้าผู้เป็นพระสวามีย่อมมีหน้าที่ดูแลเจ้า ข้าอยากให้เจ้ายิ้มเหมือนครั้งที่…ในตอนที่เจ้า…”“พระองค์คิดถึงนางสินะเพคะ นางที่จำพระองค์ไม่ได้ และเอาแต่ทำตัวเหมือนเด็กอยู่ข้างๆพระองค์”“ไม่ใช่นะชิงเยี่ยน เจ้า…”“หม่อมฉันอยากแช่น้ำอุ่นเสียหน่อยเพคะ”
ฟ่างฮูหยินสะดุ้งสุดตัวเมื่อรู้ว่าเป็นผู้ใดที่พึ่งก้าวเข้ามา แม้ว่าตาจะมองไม่เห็น แต่ความอำมหิตนี้กลับแผ่กระจายจนนางรู้สึกได้ ฝูเยว่ในยามนี้ทรุดตัวลงกับพื้น ไม่ร้องโวยวายอีกแล้วแม้ว่านิ้วก้อยที่ขาดไปจะเจ็บปางตายเช่นไร “ท่านพี่…ท่าน..”“ชิงเยี่ยน”ท่านอ๋องเดินไปและดึงนางมากอดท่ามกลางสายตาของเหล่าทหารทั้งกองและฟ่างฝูเยว่ที่ได้แต่มองตามเขาไป เหตุใดจึงไม่ใช่นางเหตุใดต้องเป็นฟ่างชิงเยี่ยน…..“ข้าเตือนเจ้าแล้วว่า…”"ข้าดูแลตัวเองดี ไม่บาดเจ็บเพคะแต่ว่าจงลี่ กับ…“เจ้าคิดหรือว่าสาวใช้ในตำหนักอ๋องจะเป็นแค่สาวใช้ธรรมดา พวกนางล้วนฝึกวรยุทธ์และเป็นทหารกล้าที่พร้อมรบได้ทุกเมื่อ เจ้าคิดหรือว่าข้าจะส่งสาวใช้ธรรมดามาอยู่ข้างกายคนที่ข้ารักที่สุด”“พระองค์ปลอดภัย ช่างดียิ่งนัก”“จัดการขยะที่นี่ก่อน กลับตำหนักแล้วค่อยคุยกัน”“เพคะ”“ฟ่างฮูหยิน ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะไม่ได้จดจำเลยสินะถึงได้กล้าลอบสังหารพระชายาของข้าอีก”“มะ…ไม่นะเพคะท่านอ๋อง นาง…นางต่างหากที่พาคนมา…”“หุบปาก!! ฟ่างฝูเยว่เจ้าคิดว่าโง่ที่จะเชื่อคำพูดปลิ้นปล้อนของเจ้าที่พ่นออกมางั้นหรือ ปากสุนัข!!”“ท่านอ๋องเพคะ!!”“หึ เจ้าคิดว่าการที่ข้ามิได
สองชั่วยามผ่านไป หมอหลวงรีบกลับมาแจ้งอาการให้พระชายาทรงทราบว่าบัดนี้แม่ทัพฟ่างมีอาการเหมือนถูกพิษ และเป็นพิษที่ไม่สามารถรักษาได้ และเหลือเวลาอีกไม่นานเท่าใดแล้ว หากว่าพระชายาไปเยี่ยมได้ ในยามนี้ก็ควรจะรีบไปก่อนจะสายเกินแก้“พระชายาเพคะ เช่นนั้น…”“เช่นนั้นเราก็ไปกันเถอะ ไม่ต้องนำขบวนติดตามไปมากเกรงว่าชาวบ้านจะแตกตื่น”“เพคะ”ป้าเจาให้สาวใช้สองคนและทหารองครักษ์สิบคนติดตามพระชายาไปเท่านั้นตามคำสั่งนาง ชิงเยี่ยนเดินขึ้นรถม้าและออกเดินทางไปยังสกุลฟ่างในทันทีจวนสกุลฟ่าง“ฮูหยิน พระชายาเสด็จมาแล้วเพคะ”“มาแล้วสินะ เช่นนั้นเราก็ควรจะไปรับเสด็จนางหน่อยนะฝูเยว่”“ได้สิเจ้าคะ ลูกก็รอรับนางอยู่เช่นกัน”สองแม่ลูกเดินออกไปที่หน้าจวนเพื่อรอรถม้าของพระชายาท่านอ๋องมาจอด เมื่อชิงเยี่ยนเดินลงจากรถม้า ฮูหยินที่ยืนรออยู่ก็เดินเข้ามาหานางทันที“เจ้ามาได้เสียทีสินะ”“บังอาจ เห็นพระชายาแล้วยังไม่รีบคุกเข่าอีก”“จงลี่ ไม่ต้องเกรงว่าคนของที่นี่เป็นไม้แก่ที่ดัดยากเสียแล้ว คงลืมรถแส้ที่ฟาดลงหลังและไม้โบยไปแล้วกระมัง”“นัง…”“ฝูเยว่ ระวังกิริยาเจ้าด้วยพระชายาเสด็จมาเยี่ยมอาการท่านพ่อ เราก็ถือเป็นครอบครัวเดียวกั
ชิงเยี่ยนลุกขึ้นมามองหน้าท่านอ๋องที่นอนตะแคงคุยกับนางอยู่และลุกนั่งข้างๆนางพร้อมกับจับมือเอาไว้“ท่านพ่อเจ้ารู้ว่าฟ่างฮูหยินต้องคิดไม่ดีกับหลุมศพนั้น เขาจึงสั่งให้จื่อหนานย้ายศพแม่เจ้าออก ที่หลุมศพที่ถูกทำลายนั่น มิได้มีร่างผู้ใดอยู่แต่แรกแล้ว”“เช่น…เช่นนั้น….แม่ของข้า…”“พ่อเจ้านำร่างแม่ของเจ้าไปฝังที่สุสานสกุลฟ่างโดยมิได้บอกให้ฮูหยินทราบ เจ้าไม่ต้องห่วงแม่ทัพฟ่างมิใช่ผู้ที่ทำสิ่งใดไม่มีเหตุผลการที่เขาส่งเจ้ามาที่นี่ก็เช่นกัน”“พระองค์ทรงหมายความว่าท่านพ่อ…”“นี่เป็นวิธีเดียวที่จะปกป้องเจ้า ในฐานะพ่อที่เขาพึงจะทำได้ เขาตระหนักรู้ดีว่าเจ้าถูกรังแก จึงหาทางให้เจ้าออกจากจวนนั้นมา เดิมทีคิดว่าสกุลจางจะพึ่งพาได้แต่เพราะเรื่องของข้าเลยทำให้แม่ทัพฟ่างส่งเจ้ามาที่นี่”“แต่ท่านพ่อ..ข่าวลือนั่น..”“เขารู้ดีว่าข่าวลือเป็นเพียงข่าวลือ เขารู้อีกว่าหากข้ากับเจ้าอยู่ร่วมกันไม่ได้ ข้าก็จะปล่อยเจ้าไป พระสนมคนก่อนออกจากตำหนักนี้ไปเพราะข้าให้นางแฝงตัวไปกับกองทัพแม่ทัพฟ่างบิดาของเจ้าน่ะ เขารู้เรื่องนี้ดีเพราะทหารคนรักของนาง อยู่ในกองทัพของบิดาเจ้า”“ที่แท้….มิได้มีเพียงพี่ใหญ่และพี่สาม…”“พี่ใหญ่เจ้าทำ
“แต่ว่าชิงเยี่ยน…”“ไม่นึกว่าแม้แต่ชิงเยี่ยนท่านพ่อก็ไม่กล้าบอก”“เจ้ากำลังจะบอกว่า หลุมศพที่ตั้งบนภูเขานั่น มิได้มี…”“พ่ะย่ะค่ะ ท่านพ่อกระหม่อมนำร่างแม่รองไปฝังที่สุสานบรรพชนสกุลฟ่างโดยมิได้บอกให้ผู้ใดทราบ มีเพียงกระหม่อมที่ทราบเพราะจัดการเรื่องนี้ลับๆ ส่วนหลุมศพบนเขานั่น ก็มีเอาไว้หลอกท่านแม่เท่านั้น แต่นึกไม่ถึงจริงๆว่านางจะกล้าบุกไปทำลาย ท่านพ่อคาดการณ์เอาไว้แม่นยำนัก”“เหตุใดแม่ทัพฟ่าง…จึงไม่บอกเรื่องนี้กับชิงเยี่ยน”“ท่านพ่อนำแม่รองไปฝังเอาไว้โดยมิได้แจ้งชื่อบนหลุมศพ มีเพียงที่นั่นที่จะพ้นข้อสงสัย ท่านแม่ก็จะไม่ตามไปทำลายได้ ท่านพ่อช่างรอบคอบยิ่งนักเพราะเรื่องนี้ พระองค์จึงได้…”“ใช่ ข้าไม่รู้ว่า….”“เรื่องนั้นช่างเถิดพ่ะย่ะค่ะ สกุลฝางหลายปีมานี้ก็ใช่ว่าจะสะอาดนัก พวกเขาแอบทำการค้าผิดกฎหมายเพราะอ้างจวนแม่ทัพอยู่หลายครั้งแต่ท่านพ่อกลับยังทำสิ่งใดไม่ได้ ไฟไหม้คลังสินค้าครานี้คงได้สอบสวนกันอีกยาว”“เรื่องนี้เจ้าควรบอกชิงเยี่ยน”“กระหม่อมมาที่นี่ก็เพื่อจะบอกนางเรื่องนี้ แต่ดูแล้ว…ให้พระองค์บอกนางเองจะดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ ท่านพ่อที่ทำห่างเหินกับนางเพราะเหตุผลนี้ ท่านแม่ข้าเกลียดแม่ของนาง
“สมน้ำหน้า แกล้งเป็นลมดีนักแทนที่จะได้พักกลับถูกเพิ่มโทษ เอาพวกเรามาดูน้ำหน้าคนใจร้ายเร็วทำร้ายผู้อื่นแล้วยังกล้ามาขอความเห็นใจอีก”ฟ่างฮูหยินและฟ่างฝูเยว่ไม่เคยรู้สึกอัปยศและอับอายเช่นนี้มาก่อนในชีวิตนี้ แม้แต่แค่คิดก็ไม่เคยว่าจะตกต่ำได้ถึงเพียงนี้ฝูเยว่ในตอนนี้อย่าว่าแต่กลับไปใช้ชีวิตปกติเลย ข่าวที่แพร่ออกไปในยามนี้จะมีบุรุษใดกล้ามาสู่ขอนางอีกหรือไม่“ขะ…ข้าจะ..ฆ่ามัน…ข้าอยากจะฆ่ามัน..ให้ตายคามือ”“ฝูเยว่ เจ้าหุบปากก่อน”“ท่านแม่…ข้า…เจ็บใจ”“รอให้พวกมันกลับไปก่อน…”เสียงก่นด่าพวกนางดังอย่างไม่หยุดหย่อน บรรดาสาวใช้เองก็เริ่มทนพิษบาดแผลจากการโบยและถูกขว้างปาสิ่งของไม่ไหวก็ทยอยล้มลงแต่มิได้มีผู้ใดถูกน้ำสาดเหมือนสองแม่ลูกสกุลฟ่างจนครบกำหนดเวลา ทหารจึงเดินมาโอบรอบบริเวณหน้าจวนเอาไว้และให้คนพาพวกนางเข้าไป“เอาล่ะ เช่นนั้นก็ได้เวลากลับแล้ว แม่ทัพฟ่าง ขอบคุณที่ให้การรับรองข้าและพระชายาเป็นอย่างดี”“เอ่อ ท่านอ๋องจะเสด็จกลับเลยหรือพ่ะย่ะค่ะ”“พระชายาข้าไม่ค่อยอยากจะอยู่ที่นี่นานเท่าใดนัก เอาเป็นว่าข้า…จะมาเยี่ยมท่านบ่อยๆเมื่อมีโอกาสก็แล้วกัน”“น้อมส่งเสด็จท่านอ๋องและพระชายาพ่ะย่ะค่ะ”“ท่าน
“จื่อหนาน เจ้ากับท่านอ๋องจะออกเดินทางเมื่อใด”“น่าจะอีกห้าวันขอรับ”“เร็วขนาดนั้นเชียวหรือ”“พี่ใหญ่ ท่านอ๋องคงอยากไหว้วานท่านเรื่องพระชายา”“อืม เรื่องนี้ข้ารู้แล้ว มีข้าอยู่จะไม่มีทางให้พระชายาเป็นอันตรายได้ เจ้ากับท่านอ๋องอย่าได้ห่วงมากไปเลย”“ข้ามิได้ห่วงท่านกับชิงเยี่ยนแต่ว่าข้า…”"หึ หากว่าพวกนางหาเรื่องอีก ข้าก็เตือนไปแล้ว ครั้งหน้าข้าคงรั้งชีวิตพวกนางเอาไว้ไม่ได้อีกแล้ว"“ท่านพ่อ…”“หลิงเทียน หลายปีที่ผ่านมาแม้ว่าพ่อจะทำไม่สนใจน้องเจ้าและให้เจ้าสองคนดูแลนางแทนเพื่อมิให้ฮูหยินระแวงและรังแกนางมากขึ้น แต่ดูแล้ว คงจะไม่ได้ผล เช่นนั้นหลังจากนี้หากว่านางกล้ายุ่งกับชิงเยี่ยนอีก ข้าก็จะถือเสียว่า…นางรนหาที่เอง”“แต่ลูกคิดว่าน้องรองกับท่านแม่คงจะ…”“พี่ใหญ่ ท่านไม่ได้ยินนางพูดเมื่อครู่หรือ ขอเพียงแค่นางรู้ว่าท่านอ๋องออกจากซูโจวไป ชิงเยี่ยนจะไม่ปลอดภัยเป็นแน่ซึ่งท่านอ๋องทรงทราบดี ครั้งนี้ท่านอ๋องจะเอาถึงตายหากพวกนางยังกล้าแตะต้องชิงเยี่ยน”“ท่านอ๋องไม่คิดจะปล่อยท่านแม่กับ….”“ท่านเคยเห็นมีผู้ใดรอดชีวิตไปบ้างงั้นหรือหากว่ามีเรื่องกับอ๋องโลหิตผู้นั้น”“น้อง..น้องสาม…”“เช่นนั้นข้าจึงฝากท่
สายตาเย็นเยือกนั้นกวาดมาที่สองแม่ลูกที่นั่งตัวลีบอยู่ที่โต๊ะอาหาร ปากที่ซีดอยู่แล้วเพราะบาดเจ็บในตอนนี้แทบจะไร้ความรู้สึกอีกครั้ง ท่านอ๋องเดินกลับมาที่โต๊ะอาหารที่ไม่มีผู้ใดกล้าแตะต้อง “ส่งผ้าขาดๆไปให้ สั่งลงโทษล้างห้องน้ำ ให้กินหมั่นโถววันละชิ้น หึ เป็นถึงฮูหยินจวนแม่ทัพเจ้าดูแลคนเช่นนี้งั้นหรือ บอกข้ามาสิฟ่างฮูหยินคนอย่างเจ้ามันสมควรถูกลงโทษเช่นไร”“ทะ…ท่านอ๋องเพคะ….หมะ…หม่อม……”“หุบปากเจ้าไปข้าไม่อยากฟัง”แม่ทัพฟ่างทรุดตัวนั่งลงที่โต๊ะพลันหันไปมองหน้าชิงเยี่ยนที่กำมือแน่นบนโต๊ะ ราวกับทุกเหตุการณ์นั้นกลับมาอีกครั้งทั้งๆที่นางพยายามลืมแต่เมื่อถูกพูดถึงอีกครั้ง ครานี้นางก็ไม่มีเหตุผลจะต้องช่วยเหลือผู้ใดอีก ท่านอ๋องตรัสได้ถูกต้องแล้ว นางควรจะลงโทษเสียบ้าง“พระชายาเพคะ…”“ข้าไม่เป็นไร”จงลี่และอู่ผิงเข้ามาคุกเข่ากอดแขนนางเอาไว้พร้อมกับร้องไห้ไปกับนาง พวกนางนึกไม่ถึงว่าพระชายาก่อนหน้านี้จะเจอกับเหตุการณ์เลวร้ายเช่นนี้มาก่อน บัดนี้ผู้ที่แทบจะนั่งไม่ติดที่คือฟ่างฝูเยว่ นางกำลังคิดว่าหากเป็นลมตอนนี้ นางก็คงจะไม่ต้องรับรู้สิ่งใดอีก“หากพวกเจ้าสองคนฟังเรื่องนี้แล้วเกิดเป็นลม และคิดว่าข้าจะ
“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ คือ…”แม่ทัพฟ่างจับมือของบุตรชายคนโตเอาไว้ มือเขานิ่งและมั่นคง สายตายังคงหันไปมองที่ท่านอ๋องที่ยกชาขึ้นมาดื่มอย่างไม่สะทกสะท้าน ชิงเยี่ยนเองก็นั่งนิ่งราวกับว่าถูกปรามมาก่อนแล้วว่าห้ามขัดพระทัย“พ่อ…จะให้คนไปเชิญแม่เจ้ากับน้องเจ้ามาเอง”“ท่านพ่อ แต่ว่า…”“พี่ใหญ่ท่านอยู่เฉยๆเถอะขอรับ”“น้องสาม แต่ว่า….”“นี่นะหรือที่ท่านบอกว่าจะยั้งมือ”“ข้าก็ไม่ได้ทำอะไรเสียหน่อย แค่อยากกินข้าวร่วมกันให้ครบ เป็นการผูกมิตรกับครอบครัว ข้าทำผิดตรงไหนอีกเล่า”“ลั่วหมิงจ้าน นี่ท่าน…”สายตาของพระชายามองท่านอ๋องยิ้มๆ แต่แขนนางบิดเขาไปที่เอวเขาเต็มแรงจนเขาเริ่มทำหน้าบิดเบี้ยวแต่ก็ฝืนยิ้มให้นางด้วยเกรงว่าอีกสองคนตรงข้ามจะจับได้ แต่เรื่องนี้หาได้พ้นสายตาของฟ่างจื่อหนานไม่เขาย่อมรู้อยู่แล้วว่าน้องสาวเขาไม่ยอมปล่อยท่านอ๋องไปแน่ๆ ดูจากสีพระพักตร์ในตอนนี้แล้ว เขาเพียงแค่ยกพัดขึ้นมาปิดรอยยิ้มบนหน้าตัวเองเท่านั้น“วะ…ว่าอย่างไรนะ…นะ…นี่ข้า..กับฝูเยว่ต้อง…”“ฮูหยิน นายท่านสั่งเจ้าค่ะ บ่าว…”“ท่านแม่ เหตุใดท่านอ๋อง…ถึงได้ทรง…โหดร้ายถึงเพียงนี้เจ้าคะ”“เพราะนังจิ้งจอกนั่น!! แม่จะต้องเอาคืนให้สาสม”“น