ลี่เซียนที่เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ให้เจ้าตัวเล็กเพราะอากาศตอนนี้ช่างหนาวนักใช้ผ้าชุดเก่ามาปูรองให้เด็กน้อยนั้นนอนไปก่อนกล่อมเด็กน้อยจนหลับใหล นางนั่งมองใบหน้าจิ้มลิ้มนั้นอย่างเอ็นดูนัก บิดามารดาของเด็กคนนี้คงหน้าตาดีมาก นางเห็นใบหน้าซีดขาวของสตรีคนนั้นถึงจะมีคราบเลือดและดินสกปรกแต่เค้าหน้านั้นงดงามมาก ใครกันช่างใจร้ายใจดำตามสังหารสตรีอ่อนแอและเด็กตัวแค่นิดเดียวได้ลงคอ
"ไม่เป็นไรนะ ต่อไปมารดาผู้นี้จะปกป้องเจ้าเอง เสี่ยวซี แม่ขอตั้งชื่อให้เจ้าว่าเสี่ยวซีแล้วกัน ต่อแต่นี้ไปเจ้าคือ หลานเสี่ยวซี ของแม่"
กล่าวกับร่างเล็กที่หลับสนิทอย่างรักใคร่ แล้วผละออกมาก่อกองไฟเล็กๆ เพื่อให้ความอบอุ่นและกันอันตรายจากสัตว์ ดีที่นางยังพอมีความสามารถเล็กๆ น้อยๆ กับการก่อไฟในยุคนี้ไม่อย่างนั้นคงจะลำบากไม่น้อย หันไปมองเสี่ยวซีที่ยังคงหลับสนิทนางคงต้องจัดการตัวเองเสียหน่อยหากเข้าไปในเมืองในสภาพเช่นนี้คงจะโดนคิดว่าเป็นขอทานอีกแน่จะทำอะไรก็คงจะไม่สะดวก ตอนนี้นางมีเด็กน้อยพ่วงมาด้วยหากจะมัวแต่อาลัยอาวรณ์ชีวิตเก่าที่จากมาคงจะไม่สามารถดูแลเด็กคนนี้ให้อยู่รอดได้ นางจะต้องทิ้งชีวิตในอดีตไปเสียแล้วเริ่มต้นเป็นหลานลี่เซียนคนใหม่ในชีวิตใหม่นี้และยุคที่แม้จะไม่คุ้นเคยแต่ก็ต้องอยู่ให้ได้ ผ่านมาตั้งสองภพสองชาติคงไม่มีอะไรยากเกินไปกระมัง คิดได้ดังนั้นจึงเดินไปยังลำธารใกล้ๆ ที่มองเห็นเพิงพักอยู่ในระยะสายตา นางไม่อยากทิ้งบุตรสาวไว้ลำพัง จึงเดินมาที่ลำธารใกล้ๆ ถึงแม้น้ำจะตื้นแต่ยังพออาบได้ โดยไม่ลืมหยิบชุดของสตรีนางนั้นติดมือมาด้วย ชุดที่นางสวมอยู่ไม่ต่างจากผ้าขี้ริ้วเท่าใดนัก ก่อนหน้านี้เพราะรู้สึกหมดอาลัยในชีวิตจึงไม่ได้ใส่ใจสภาพของตัวเองเท่าใดนัก แต่พอเห็นสารรูปในตอนนี้ อยู่มาตั้งหลายวันทนกับความเหม็นของตัวเองได้อย่างไรกันนะ เมื่อถึงลำธารจึงถอดชุดตัวนอกออก ฉีกชายกระโปรงตัวเก่ามาขยี้ขนสะอาด แล้วนำมาขัดถูเนื้อตัวที่กระดำกระด่าง ขี้ไคลเต็มตัวไปหมดผ่านไปครึ่งชั่วยาม ก็ดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาบ้าง ดูจากสภาพผิวของร่างนี้หรือว่าได้รับการเอาใจใส่จากเจ้าของเป็นอย่างดี เพราะผิวขาวนั่นดูนวลเนียนเป็นอย่างมากแม้จะผอมแห้งไปเสียหน่อย ถ้าได้บำรุงอีกสักนิด รูปร่างคงจะงดงามสมส่วนไม่หยอก ส่วนหน้าตานั้นไม่รู้ว่าอยู่ในสภาพไหนเพราะมืดเลยมองไม่ค่อยชัดนัก เมื่อเสร็จเรียบร้อยก็ปล่อยผมยาวสลวยที่ยาวถึงบั้นเอวให้แห้งก่อนจะใช้เศษผ้าตัวเก่ารัดผมยาวเอาไว้ไม่ให้ดูรุ่มร่ามเกินไปนัก เปลี่ยนชุดจนเสร็จเรียบร้อยก็เดินกลับมาที่เพิงพักล้มตัวลงนอนข้างบุตรสาวตัวน้อยที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่น ช่างเลี้ยงง่ายอะไรเช่นนี้ นอนมองหน้าเจ้าตัวน้อยแล้วได้แต่ครุ่นคิดว่าจะเอาอย่างไรต่อไปในวันพรุ่งนี้ นางคงจะใช้ชีวิตอยู่แบบนี้ไม่ได้คงต้องหาที่อยู่ที่มั่นคงถาวรและลงหลักปักฐานอย่างจริงจังเสียที หาที่อยู่ได้แล้วค่อยคิดอีกทีว่าจะทำอะไรต่อไป ดีที่มารดาของเสี่ยวซีทิ้งเงินทองไว้ให้ไม่อย่างนั้นนางก็คงไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปเหมือนกัน คิดไปคิดมาด้วยความที่เหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันจึงหลับไปอ้อมแขนเรียวเล็กก็กระชับกอดร่างอ้วนกลมไว้อย่างหวงแหน
แสงอาทิตย์ที่สาดส่องเข้ามาแยงตาทำให้ร่างสตรีบอบบางรู้สึกตัวตื่นก้มลงมองเจ้าตัวเล็กในอ้อมแขนที่ยังหลับตาพริ้ม ยกศีรษะเล็กที่นอนหนุนแขนนางต่างหมอนออกจากแขนแล้วลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตา ใบหน้างามที่สะท้อนบนผิวน้ำทำให้นางถึงกับตกตะลึงใช้มือเล็กขาวยกขึ้นรูปใบหน้านั้นอย่างหลงใหล แม้รูปหน้าจะซูบผอมแต่ก็ยังคงงดงามนัก หากได้รับการดูแลและมีเนื้อมีหนังกว่านี้นางคงคว้าตำแหน่งนางงามมาครอบครองอย่างแน่นอน แต่หากเป็นยุคสมัยนี้คงต้องกล่าวว่างามล่มบ้านล่มเมือง ไม่ใช่สิ คงต้องงามล่มแคว้นถึงจะถูกนี่ขนาดยังอยู่ในวัยเพียงสิบสี่หนาวเท่านั้นหากเป็นสาวสะพรั่งคาดว่าคงงดงามเป็นอย่างมากกำลังชื่นชมความงามของร่างนี้ที่ตอนนี้คือตัวเองอย่างปลาบปลื้มก็ได้ยินเสียงร้องไห้จ้าของหนูน้อยจึงรีบวิ่งไปหาบุตรตัวน้อยทันที เห็นหนูน้อยที่ลุกขึ้นนั่ง คงตื่นแล้วไม่พบใครถึงได้ร้องไห้จึงรีบเข้าไปโอบอุ้มร่างน้อยมาแนบอกจนหยุดร้องไห้ จึงบดกล้วยป่าที่เก็บไว้เมื่อวานให้เสี่ยวซีน้อยกินรองท้องไปก่อน เมื่อเสร็จเรียบร้อยจึงได้พากันออกจากป่ามุ่งหน้าเข้าสู่ตัวเมือง
ลี่เซียนที่อุ้มเสี่ยวซีน้อยเดินมาจนเจอถนนเส้นหนึ่งที่มีร่องรอยของรถม้าวิ่งผ่านจึงเดินเรียบไปตามทางเรื่อยๆ หากเจอชาวบ้านที่ผ่านมาจะได้ไถ่ถาม เดินไปเพียงไม่นานก็มีคนผ่านมาจริงๆ เป็นชายหญิงวัยกลางคนคู่หนึ่งที่ใช้วัวเทียมเกวียนบรรทุกผักและของป่าผ่านมา นางจึงได้เรียกเอาไว้ เมื่อเห็นทั้งสองหยุดเกวียนจึงกล่าวขึ้น"ขออภัยเจ้าค่ะ ท่านลุงท่านป้า" สองสามีภรรยาเมื่อเห็นว่ามีสตรีที่อุ้มเด็กน้อยมายืนเรียกอยู่ข้างทางจึงหยุดเกวียนพร้อมไถ่ถาม"มีอะไรหรือนังหนู แล้วนี่มาจากไหนกันรึ" หญิงผู้เป็นภรรยาเอ่ยถามขึ้นลี่เซียนที่เห็นว่าข้างหลังยังพอมีที่ว่างพอให้นางและบุตรอาศัยไปได้จึงเอ่ยบอกด้วยใบหน้าเศร้าหมองน้ำตานองหน้า หากจะให้เดินต่อไปเห็นทีว่าจะไม่ไหวนี่ก็ใกล้จะเที่ยงแล้ว หิวก็หิวร้อนก็ร้อน คงต้องสวมวิญญาณสตรีอ่อนแอบอบบางเสียแล้ว"ข้าและบุตรเดินทางมาจากต่างเมืองเจ้าค่ะ ด้วยสามีข้านั้นมีอาชีพค้าขายแต่ถูกโจรปล้นและโดนฆ่าตาย ตัวข้าและบุตรีไม่เป็นที่ต้องการของบ้านสามีจึงโดนขับไล่ออกจากจวน เพราะไม่มีหลายชายไว้สืบสกุลจึงร่อนเร่มาจนถึงที่นี่เผื่อจะมีหนทางทำกินเจ้าค่ะ อยากจะถามท่านลุงท่านป้าว่าที่นี่คือที่ใดหร
ลี่เซียนสะดุ้งตื่นเพราะรู้สึกถึงความเหนียวหนืดบนใบหน้า พอลืมตาขึ้นดูก็เห็นใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มนั่งน้ำลายยืดอยู่ด้านข้าง"เสี่ยวซี หิวหรือคะลูก" สิ้นเสียงหวานที่เอ่ยถาม ร่างเล็กป้อมก็ไต่ลงจากเตียงแล้วเดินเตาะแตะไปตรงประตูห้อง"แม่ หม่ำ หม่ำ" "เดินเก่งแล้วด้วยหรือคะ เก่งจริงๆ" ลี่เซียนที่เห็นเด็กน้อยลุกขึ้นเดินเอง ในตอนแรกนางนึกว่าแก่เดินยังไม่แข็งหรือเดินยังไม่ได้เสียอีก ดูท่าคงจะหิวมาก นางจึงรีบลุกขึ้นสางผมยาวยุ่งเหยิงของตนให้เข้าที่แล้วเดินไปอุ้มร่างกลมไว้ในอ้อมแขนพาเดินลงไปชั้นล่างของโรงเตี๊ยม สั่งอาหารสองสามอย่างแล้วมารอยังห้องพัก สั่งมากินข้างบนคงจะสะดวกกว่าเพราะบุตรของนางยังเล็กหากจะให้กินด้านล่างกลัวจะรบกวนคนอื่น เมื่อเสี่ยวเอ้อที่ยกสำรับมาให้ปิดประตูลง ลี่เซียนถึงกับมองอาหารบนโต๊ะตาโต นี่คืออาหารที่ดีที่สุดตั้งแต่นางหลุดมาอยู่ที่นี่เลยก็ว่าได้ จึงรีบลงมือกินอย่างเอร็ดอร่อยและไม่ลืมส่งเข้าปากบุตรสาวตัวน้อยที่ดูจะชมชอบกับการกินอยู่ไม่น้อยทีเดียวเมื่อกินกันจนอิ่มจึงพากันไปอาบน้ำล้างตัวด้วยรอยยิ้มเปี่ยมสุข คงต้องลงไปซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่สำหรับนางและบุตรเสียก่อนเพราะชุดที่สวมอยู่คื
เช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อจัดการธุระส่วนตัวทั้งตนเองและบุตรเรียบร้อยแล้ว ลี่เซียนจึงพาบุตรตัวน้อยมายังที่จอดรถม้าสำหรับเช่าโดยสาร เพื่อจะไปยังหมู่บ้านผิงอาน สอบถามจากคนขับรถม้า ก็มีท่านลุงคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ที่นั่น นางจึงได้ว่าจ้างให้พานางไปยังบ้านของผู้นำหมู่บ้าน โดยใช้เวลาเดินทางเพียงสองเค่อก็ถึงหมู่บ้าน และเดินทางต่อไปยังบ้านของท่านผู้นำ เมื่อถึงจุดหมายจึงให้ท่านลุงคนขับรถม้ารอนางอยู่แถวนั้นก่อน นางต้องเข้าไปเจรจากับผู้นำหมู่บ้านเรื่องที่จะซื้อที่และคงต้องไปดูสถานที่จริง นางนั้นได้ว่าจ้างรถม้าของท่านลุงไว้ทั้งวัน เพื่อความสะดวกในการเดินทางเพราะต้องไปอีกหลายที่และขากลับจะได้ไม่ต้องลำบากหอบบุตรหาทางกลับโรงเตี๊ยม เมื่อลงจากรถม้าก็จูงมือบุตรเข้าไปยังบ้านของผู้นำหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ด้านหน้า เห็นชายชราหนวดขาวที่ดูท่าทางใจดีกวาดลานบ้านอยู่จึงได้เดินเข้าไปสอบถาม"ขออภัยเจ้าค่ะ ท่านตา ข้ามาขอพบท่านผู้นำเจ้าค่ะ" ชายชราที่หันมามองนางพร้อมส่งยิ้มมาให้อย่างใจดี"ตานี่แหละผู้นำหมู่บ้าน แม่หนูมีธุระอะไรหรือไม่เคยเห็นหน้าค่าตามาก่อน" ลี่เซียนเมื่อรู้ว่าท่านตาใจดีผู้นี้คือผู้นำหมู่บ้านจึงทำความเคารพและบ
"สวัสดีตอนเช้าเจ้าค่ะ ท่านลุง" ลี่เซียนที่เดินจูงมือบุตรตัวน้อยลงมาขึ้นรถม้าของท่านลุงฉีคนบังคับรถม้าที่นางนัดหมายเอาไว้เมื่อวานว่าให้มารับนางด้านล่างของโรงเตี๊ยมที่นางพักเพื่อเดินทางไปที่บ้านท่านตาเหวินผู้นำหมู่บ้านผิงอานเพื่อจะไปพบช่างที่จะมาสร้างบ้านให้นาง ลี่เซียนที่กำลังจะก้าวขึ้นรถม้าสังเกตเห็นสีหน้าของท่านลุงฉีที่ไม่ค่อยจะดีนักจึงเอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัย"มีอันใดหรือไม่เจ้าคะ ท่านลุง" เห็นท่าทางอึกอักเกรงอกเกรงใจของคนตรงหน้าจึงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง"หากมีอันใดท่านลุงบอกแก่ข้าได้นะเจ้าคะ อย่าได้เกรงใจ" ท่านลุงฉีที่มองนางอย่างตัดสินใจจึงเอ่ยขึ้น" เอ่อ คือ แม่นางลุงว่าจะไปส่งแม่นางที่บ้านท่านผู้เฒ่าเหวินแล้วจะกลับไปรับตอนบ่ายๆเลยได้หรือไม่ พอดีบุตรสาวลุงไม่สบายไม่มีใครพาแกไปโรงหมอ ลุงว่าจะพานางไปโรงหมอก่อนแล้วจะมารับแม่นางได้หรือไม่"ท่านลุงฉีกล่าวอย่างเกรงใจเพราะนางนั้นได้ว่าจ้างรถม้าของท่านลุงไว้ทั้งวันได้ฟังดังนั้น จึงได้ส่งยิ้มไปให้แล้วกล่าวอย่างเข้าใจ" ไปเถอะเจ้าค่ะ ท่านอย่าได้คิดมาก อย่างไรเสียข้าก็ไม่ได้ไปที่ไหนต่อ ท่านลุงไปส่งข้าแล้วค่อยมารับเมื่อท่านเสร็จธุระแล้วก็ได้เจ้าค่ะ
ในที่สุดวันที่รอคอยก็มาถึง วันนี้เป็นวันที่บ้านของนางกับเสี่ยวซีเสร็จพร้อมจะเข้าอยู่ วันนี้นางและเสี่ยวซีจึงลุกขึ้นตั้งแต่เช้าเพื่อจะซื้อของใช้เข้าบ้านกัน โดยมีรถม้าของท่านลุงฉีที่ตอนนี้กลายเป็นรถม้าเจ้าประจำของนางไปแล้ว เมื่อซื้อของที่วันนี้เยอะเอาการเสร็จเรียบร้อย นางก็รีบเดินทางกลับบ้านเพื่อจัดของเข้าบ้านอย่างขะมักเขม้นและมีท่านป้าเนี่ยและหวั่นเอ๋อ ภรรยาและบุตรสาววัยสิบหนาวของท่านลุงฉีมาช่วย ครอบครัวของท่านลุงฉีเป็นเพื่อนบ้านครอบครัวแรกที่นางสนิทด้วย และเสี่ยวซีของนางก็ได้หวั่นเอ๋อมาเป็นเพื่อนเล่น วันนี้นางจึงตั้งใจจะทำอาหารเลี้ยงฉลองบ้านหลังใหม่ของนาง โดยเชิญครอบครัวท่านลุงฉีและท่านตาเหวินมาเป็นแขก ถึงวันนี้จะรู้สึกเหนื่อยล้าแต่ก็มีความสุขที่สุด นางและบุตรไม่ต้องเป็นคนเร่ร่อนอีกต่อไปแล้วเมื่อร่วมกันทานอาหารที่วันนี้นางทำอาหารง่ายๆ หลายอย่างเนื่องในวันพิเศษนี้ ต่างก็ได้รับคำชมจากทุกคนถึงรสชาติที่พวกเขาไม่เคยทานและดูแปลกตานัก แต่ทว่าอร่อยเป็นที่ถูกปากของทุกคน บนโต๊ะอาหารจึงเต็มไปด้วยบรรยากาศครื้นเครงและเสียงหัวเราะ เมื่อทานกันเสร็จก็นั่งคุยกันย่อยอาหารจากนั้นจึงแยกย้ายกันกลับ คืนน
ร้านน้ำเต้าหู้ข้างทางของลี่เซียนได้รับการตอบรับดีเกินคาด แค่ไม่ถึงชั่วยามก็ขายหมดเกลี้ยง วันนี้นางทำน้ำเต้าหู้มาหนึ่งหม้อใหญ่และปาท่องโก๋ทอดห้าสิบคู่แต่ยังไม่เพียงพอกับความต้องการ วันพรุ่งนี้นางคงต้องทำเพิ่ม แม่ค้ามือใหม่ถึงกับยิ้มหน้าบานเมื่อนั่งนับเงินที่ขายได้วันนี้ นางกะว่าจะลองทำโจ๊กหมูขายในวันพรุ่งนี้ด้วย กิจการขายน้ำเต้าหู้ของลี่เซียนนั้นดำเนินไปในทางที่ดี มีลูกค้าประจำและขาจรแวะเวียนมาอุดหนุนไม่ขาด ทั้งรสชาติของน้ำเต้าหู้ที่หอมอร่อยและใบหน้างดงามเป็นหนึ่งของแม่ค้าคนงามก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ลูกค้าทั้งหลายพูดกันปากต่อปาก จากร้านค้าเพิงข้างทางก็ขยายกิจการขึ้นเรื่อยๆ จากโต๊ะเก้าอี้แค่สามที่นั่ง ตอนนี้มีเพิ่มขึ้นจนต้องขยายที่ทางเพิ่มลี่เซียนตอนนี้กลายเป็นเถ้าแก่เนี้ยร้านอาหาร"ห่าว ชือ" (อร่อย) ที่ขึ้นชื่อในละแวกนี้ ร้านของนางนั้นเปิดขายน้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋ ข้าวต้มทรงเครื่อง และอาหารจานเดียวที่ทำง่ายๆ ซึ่งนางนำมาประยุกต์ให้เข้ากับยุคนี้ "ท่านแม่ ซีเอ๋อหิวจังเลยเจ้าค่ะ" เสียงเล็กที่ดังขึ้นพร้อมร่างกลมป้อมที่วิ่งตรงมาหานาง มีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นเต็มหน้าผากเล็ก ยกมือเล็กขึ้นลูบท้องอ
ลี่เซียนที่ได้หลับตาลงไปแค่นิดเดียวก็สะดุ้งตื่น จึงเดินออกมานอกเรือนชะเง้อมองหาเจ้าของร่างเล็กกลมป้อมที่มักจะเล่นอยู่แถวหน้าเรือนก็ไม่เห็น"เสี่ยวซี อยู่แถวนี้หรือเปล่า" ..... "ซีเอ๋อ หวั่นเอ๋อ" ..... หันไปเห็นจิ่วซิ่นที่หอบตะกร้าผ้าผ่านมาจึงได้ถามหาเจ้าตัวแสบที่ไม่รู้ไปเล่นซนอยู่ที่ไหน"จิ่วซิ่น เห็นซีเอ๋อหรือไม่" "อืม เห็นเดินไปทางหน้าถนนกับหวั่นเอ๋อเจ้าค่ะ นายหญิง" "อ้อจ๊ะ มีอะไรทำก็ไปทำเถอะ"บอกก่อนจะเดินออกมามุ่งหน้าไปทางถนนหน้าเรือน ไม่บอกก็รู้ว่าเจ้าตัวแสบนั่นไปไหน ทำไมถึงได้ดื้อนักนะ อย่างนี้คงต้องมีการลงโทษกันบ้าง บ่นพลางก้าวเดินมุ่งหน้าไปยังน้ำตกที่คิดว่าทั้งสองคนคงแอบหนีออกมาเล่นน้ำเป็นแน่เมื่อมาถึงบริเวณน้ำตกก็เดินหาทั้งสองคน เห็นมีร่องรอยของเท้าเล็กซึ่งคงจะเป็นของซีเอ๋อและอีกรอยนั้นเป็นของใครไปไม่ได้นอกจากหวั่นเอ๋อ หากมีหวั่นเอ๋อมาด้วยนางไม่ค่อยจะกังวลเท่าไหร่นักเพราะหวั่นเอ๋อเป็นเด็กที่เก่งและมีความสามารถเคยออกไปหาของป่ากับมารดาตั้งแต่เด็กและนางว่ายน้ำแข็งมาก เท้าเล็กจึงเดินตรงไปยังริมฝั่งน้ำตกชะเง้อคอมองลงไปในน้ำว่าเด็กทั้งสองเล่นน้ำอยู่หรือไม่"ซีเอ๋อ หวั่นเอ๋อ"
องค์ชายสามมู่เหยียนหรงหรืออ๋องสาม พยัคฆ์ตัวที่สาม แม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นเหลียว ผู้ซึ่งได้รับฉายาว่าเป็นเทพสังหาร ชมชอบและโปรดปรานสิ่งสวยงาม ทุกสิ่งที่ปรารถนาล้วนแล้วแต่มากองตรงหน้าและต้องเป็นของที่ดีที่สุด นิสัยดิบเถื่อน ซึ่งบางครั้งก็ถึงกับถ่อยต่างจากหน้าตาที่หล่อเหลาดังรูปสลัก เพราะชมชอบการใช้ชีวิตในค่ายทหารมากกว่าวังหลวง มองเรื่องความรักเป็นเรื่องโง่งม ใช้สตรีเปลืองที่สุด สตรีที่เคยใช้แล้วไม่เคยใช้ซ้ำ แต่บรรดาสาวงามต่างอยากลองที่จะเสี่ยงยอมพลีกายให้บุรุษสูงศักดิ์ผู้หล่อเหลาผู้นี้เชยชมอ๋องสามมู่เหยียนหรงที่เดินทางกลับจากการไปปราบปรามชนเผ่าที่กระด้างกระเดื่องสมคบคิดกันก่อกบฏเพื่อที่จะแบ่งแยกดินแดนออกจากแคว้นเหลียว ซึ่งศึกในครั้งนี้ยืดเยื้อมากว่าสองปีจนตอนนี้พระองค์สามารถถอนรากถอนโคนพวกที่ก่อกบฏจนหมดสิ้น ศึกในครั้งนี้ทำให้พระองค์ใช้ชีวิตอยู่ชายแดนถึงสองปี เมื่อเข้าสู่สภาวะปกติจึงถอนกำลังเพื่อกลับเข้าเมืองหลวง แต่พระองค์นั้นเดินทางล่วงหน้ามาก่อนพร้อมผู้ติดตามซึ่งเป็นคนสนิทเพียงสองคนเท่านั้นเพราะไม่ชมชอบการเดินทางที่ล่าช้า จนมาถึงหมู่บ้านผิงอานแห่งนี้จึงคิดจะหยุดพักก่อนออกเดินทางเข้าเมือ
อ๋องสามมู่เหยียนหรงที่กลับมาจากเข้าเฝ้าฮ่องเต้ รีบสาวเท้าตรงมายังเรือนนอนของตนกับผู้เป็นชายาอย่างเร่งรีบกลายเป็นภาพชินตาของบรรดาบ่าวไพร่ที่จะเห็นภาพเหล่านี้เมื่อวันเวลาสี่วันเวียนมาบรรจบวันนี้พระองค์รีบเร่งสะสางงานเพื่อจะได้รีบกลับมาอยู่กับชายารัก ซึ่งวันนี้เป็นวันของพระองค์หากจะถามว่าเหตุใดจึงกล่าวว่าวันนี้เป็นวันของพระองค์น่ะหรือ เหตุเพราะการแย่งชิงกันที่จะได้นอนกอดมารดาของเจ้าสี่แสบ ทำให้ต้องทำการสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันนอนกับมารดา และผู้เป็นบิดาเช่นพระองค์ก็มิได้รับข้อยกเว้น จำต้องแบ่งวันอยู่กับชายารักเหมือนกับบุตรทั้งสี่ แม้จะได้นอนร่วมเตียงแต่ก็มีบุตรตัวน้อยที่นอนคั่นกลาง ซึ่งวันนี้ก็เวียนมาบรรจบที่พระองค์จะได้อยู่ตามลำพังกับผู้เป็นชายา หลังจากมิได้นอนกอดชายารักมาหลายค่ำคืนเมื่อสาวเท้าข้ามผ่านประตู เห็นชายารักนั่งหวีผมยาวสลวยอยู่หน้ากระจก มองจากการแต่งกายให้รู้ว่านางอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว จนทำให้คิ้วหนาขมวดมุ่น"เหตุใดจึงไม่รออาบพร้อมกัน" ลี่เซียนที่มองสบตาสวามีผ่านกระจก เห็นสายตาร้อนแรงนั้น ให้รู้สึกร้อนวูบวาบนัก"ก็ อากาศมันร้อนอบอ้าวหนิเจ้าคะ" เสียงหวานใสที่เอ่ยขึ้นใบหน้
"ท่านแม่เจ้าขาาา"เสียงเล็กที่ร้องเรียกดังมาแต่ไกล ก่อนจะปรากฏร่างกลมป้อมของเจ้าของเสียงที่สองมือเล็กนั้นถือข้าวของมาเต็มสองมือ ทำให้ลี่เซียนที่กำลังเล่นอยู่กับเจ้าซาลาเปาน้อยทั้งสามต้องเงยหน้าขึ้นมอง"ว่าอย่างไรเจ้าตัวแสบ ดูท่าช่วงนี้จะมั่งคั่งเหลือเกินนะเราน่ะ ไปรับสินบนจากใครมากัน หืม"เจ้าตัวเล็กเห็นสายตาที่มองมาของมารดาถึงกับสะดุ้ง รีบเอ่ยจนปากเล็กสั่นระรัว "สินบนอันใดกันเจ้าคะ ลูกไม่เห็นจะเข้าใจเลย ข้าวของเหล่านี้ เป็นบิดาเมตตาลูกเองทั้งนั้น ลูกมิได้ร้องขอแม้แต่น้อย"ลูกแค่บอกว่าถุงเงินของลูกช่างเบายิ่งนักท่านพ่อก็กุลีกุจอยัดเยียดกุญแจหีบเงินให้ลูก แน่นอนว่าประโยคนี้มิได้หลุดออกไปจากริมฝีปากเล็กใบหน้าเล็กใสซื่อเอ่ยขึ้นในตาใสแจ๋ว"อืมมม บิดาเจ้าช่างประเสริฐแท้"ลี่เซียนที่เอ่ยขึ้นอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ถึงผู้ที่ทำให้นางรู้สึกจุกหน่วงในท้องอยู่ ณ ตอนนี้ แล้วหางตาก็เห็นผู้ประเสริฐกำลังเดินยิ้มร่าเข้ามาแล้วช้อนตัวเจ้าตัวแสบขึ้นอุ้ม พร้อมหอมแก้มย้วยนั้นฟอดใหญ่ มองใบหน้างอง้ำของภรรยาด้วยสายตากรุ้มกริ่ม"เสี่ยวซี ซื้ออันใดมาฝากพ่อบ้าง หืม" " เยอะแยะเลยเจ้าค่ะ มีชาแบบใหม่ด้วยนะเจ้าคะ
ภาพโฉมสะคราญนอนเปลือยแผ่นหลังขาวผ่องอยู่บนตั่งเล็กริมหน้าต่าง ทำให้อ๋องสามยืนมองภาพตรงหน้าด้วยความหลงใหล ช่างงดงามดังเทพธิดาที่ปรมาจารย์ผู้เป็นเอกด้านรูปวาดจรดปลายพู่กันปั้นแต่งความงามเหมาะเจาะลงตัวปรากฏเป็นภาพโฉมสะคราญที่ทำให้ผู้คนหลงใหล เส้นผมดำยาวดุจดังน้ำหมึกที่หลุดลุ่ยคลอเคลียบนกรอบใบหน้าเล็กขาวนวลเนียน คิ้วเรียวดั่งคันศรดำขลับโดยมิต้องเติมแต่ง ดวงตาที่ปิดสนิทเห็นแพขนตางอนยาวทาบทับเปลือกตา จมูกโด่งเล็กรั้นเชิดตรงส่วนปลาย และริมฝีปากอวบอิ่มที่เผยอน้อยๆ ช่างชวนให้อยากสัมผัสความหวานที่พระองค์รู้ดีว่าละมุนเพียงใด สายตาคมดุจพยัคฆ์ไล่สำรวจมายังลำคอและลาดไหล่ขาวละเอียดเห็นเนินอกขาวผ่องรำไรพาลให้ลมหายใจสะดุด แผ่นหลังขาวนวลตัดกับเส้นผมดำยาวที่คลอเคลียไหล่มนจนมาถึงแผ่นหลัง ดึงให้ฝ่ามือหนายกขึ้นปัดป่ายก่อนจะประทับริมฝีปากร้อนลงบนหัวไหล่ไล่พรมจูบมาตามกระดูกสันหลัง มือหนาที่พยายามดึงรั้งให้อาภรณ์ที่เกาะเกี่ยวสะโพกงามงอนให้พ้นทาง ปากร้อนก็จูบพรมไปทั่วแผ่นหลังบอบบาง จนเจ้าของร่างเย้ายวนรู้สึกตัวตื่น สัมผัสแผ่วเบาที่ขยับยุกยิกทางด้านหลังจนทำให้รู้สึกวาบหวิวจนต้องลืมตาฉ่ำน้ำมองสิ่งที่รบกวนการพัก
"ท่านพ่อมีอะไรหรือเจ้าคะ" เสียงเล็กที่กระซิบแผ่วเบากับร่างสูงที่ย่อตัวลงนั่งชันเข่าขึ้นข้างนึงเพื่อให้คุยกับร่างเล็กได้สะดวก "วันนี้ซีเอ๋อไม่อยากออกไปเที่ยวเล่นที่ไหนหรือ" เสี่ยวซีที่ทำท่าครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยขึ้น"อืมมม ไม่เจ้าค่ะ ซีเอ๋ออยากอยู่ปรนนิบัติท่านแม่ เพราะท่านแม่นั้นเหนื่อยมาก" "ให้พ่อช่วยดีหรือไม่ ส่วนซีเอ๋อจะได้ออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก" "ไม่ดีกว่าเจ้าค่ะ ซีเอ๋ออยากอยู่กับท่านแม่"ว่าพลางร่างเล็กก็ทำท่าจะหันหลังกลับเข้าไป อ๋องสามที่รีบคว้าไหล่เล็กเอาไว้ จนไม่ทันสังเกตรอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์ที่ยกขึ้นของเจ้าตัวเล็ก" เมื่อวันก่อนพ่อได้ยินว่าท่านแม่ของเจ้าบ่นว่าอยากกินถังหูลู่ด้วยนะ ถ้าท่านแม่ได้กินคงจะหายเหนื่อยแน่ๆ เอ.. หรือว่าพ่อจะไปซื้อเองนะ แต่หากเสี่ยวซีเป็นคนไปซื้อท่านแม่คงจะชื่นใจจนหายเหนื่อยเป็นแน่"เสี่ยวซีน้อยที่มองใบหน้าของบิดาที่กำลังมองนางสายตาพราวระยับ"ท่านแม่ ไม่ชอบกินของหวาน"เจ้าตัวเล็กที่ใช้มือเล็กกลมยกขึ้นกอดอก"แต่พ่อได้ยินจริงๆ นะ""ท่านพ่อจะหลอกให้ลูกออกไปข้างนอก เพื่อจะได้อยู่กับท่านแม่ตามลำพังใช่หรือไม่เจ้าคะ"OoO! ".... " อ๋องสามที่โดนจับได้ รีบก้มห
หลังจากวันนั้นที่สองพ่อลูกผู้มากเล่ห์ใช้กลเม็ดต่างๆ ขยันหาเรื่องจนนางอดสงสารทั้งสี่คนไม่ได้ ก็ดูเหมือนเรื่องราวของทั้งสี่จะเริ่มชัดเจนขึ้นโดยมีสองพ่อลูกที่เป็นผู้รับหน้าที่ผูกด้ายแดงเชื่อมโยงหนุ่มสาวให้กล้าที่จะยอมรับความรู้สึกของตัวเอง ไม่ปล่อยให้มันสายเกินไปจนยากที่จะแก้ไข แต่กว่าทุกอย่างจะลงเอยได้ด้วยดีก็เล่นเอาบอบช้ำกันไปตามๆ กัน เพราะบรรดาพระเชษฐาของสามีนางจะมีใครธรรมดาได้อย่างไร ตอนนี้ท้องของนางใกล้จะคลอดเต็มที ยิ่งใกล้คลอดนางยิ่งรู้สึกกังวล แต่ก็มีสามีที่คอยอยู่ใกล้ๆ ให้กำลังใจและยังมีเจ้าตัวเล็กที่มักจะมานั่งคุยกับน้องๆ ทั้งสามอยู่เสมอ จนเมื่อถึงวันที่นางเจ็บท้องคลอดทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ท่ามกลางความตื่นเต้นดีใจของบุคคลทั้งสองที่นางรัก ทั้งนางและบุตรตัวน้อยทั้งสามล้วนปลอดภัยและแข็งแรงดี อ๋องสามและเสี่ยวซีที่เห่อเจ้าตัวเล็กทั้งสามจนไม่คิดจะออกห่างไปไหนต่างช่วยกันดูแลนางและเจ้าตัวน้อยทั้งสาม บุตรที่คลอดออกมาคนแรกนั้นเป็นอ๋องน้อยเป็นคุณชายใหญ่ของจวนบิดาให้นามว่า มู่หยวนฟง คนที่สองก็ยังเป็นบุตรชายคุณชายรองนามว่า มู่อวิ๋นซาน ส่วนคนที่สามเป็นท่านหญิงน้อยซึ่งดูจะได้รับความโปร
ตอนนี้บรรยากาศในศาลาเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและเสียงพูดเจี๊ยวจ๊าวของเจ้าตัวเล็กที่ดูจะชอบพี่สาวคนสวยทั้งสองเป็นอย่างมาก จากที่ได้สนทนากันคุณหนูหลิวทั้งสองนั้นน่าคบหามากเลยทีเดียว จนตอนนี้ใช้เวลาเพียงไม่นานลี่เซียนก็สามารถพูดคุยกับทั้งสองอย่างเป็นกันเองอย่างสนิทใจแต่เหตุใดนางรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไป พี่หย่งไท่ที่มักจะพูดคุยหยอกล้อกับเสี่ยวซีกลับเงียบจนผิดปกติจะมีหันมาตอบคำถามบ้างเมื่อมีใครถามเท่านั้นและนางยังไม่เห็นพระองค์พูดกับหลันเอ๋อแม้แต่คำเดียว ส่วนองค์รัชทายาทนั้นที่ปกติมักจะเป็นผู้ฟังที่ดีมาตลอดแต่ก็ยังสนทนากันบ้างวันนี้กลับเงียบจนน่าอึดอัด แต่นางกลับเห็นว่าสายตาคู่นั้นมักจะมองมายังสตรีผู้หนึ่งเสมอ มิใช่คู่หมั้นแต่เป็นน้องสาวของคู่หมั้น แต่เชี่ยนเชี่ยนกลับนิ่งเฉยนางรู้สึกได้ว่าเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกถึงสายตาที่มองมาแต่กลับไม่ยอมหันไปสบตายังคงพูดคุยหยอกล้ออยู่กับเสี่ยวซีด้วยรอยยิ้ม บางครั้งรอยยิ้มสดใสนั้นก็มักมีความเศร้าหมองวาบผ่านโดยที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ตัวว่าเผลอแสดงออกมาฝ่ามืออุ่นที่โอบกระชับรอบเอวทำให้นางหลุดจากภวังค์หันมามองใบหน้าหล่อเหลาของผู้เป็นสามีที่กำลังส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาใ
ภาพบุรุษสูงศักดิ์ผู้เป็นพระเชษฐาองค์รองและสององครักษ์คนสนิทที่กำลังนั่งจิบชาสนทนากันอยู่ในศาลากลางสวนสวย ทำให้ผู้เป็นเจ้าของจวนที่ในอ้อมแขนมีร่างอวบอิ่มของชายารักยกยิ้มขึ้น วันนี้พระองค์ขอเรียกศักดิ์ศรีที่พังยับเยินกลับคืนมาเสียที และขอเอาคืนสักเล็กน้อยเถอะนะโจวเฟิง โจวซุ่นที่อ๋องสามให้หยุดพักหน้าที่องครักษ์จนกว่าฮูหยินของทั้งสองจะคลอด เมื่อเห็นเจ้าของจวนจึงรีบลุกขึ้นทำความเคารพ อ๋องสามที่ประคองร่างอวบอิ่มของชายารักนั่งลงเรียบร้อยพลันยืดอกแกร่งขึ้นอย่างสง่าผ่าเผย ชินอ๋องมู่หย่งไท่ที่เห็นท่าทางเช่นนั้นแล้วรู้สึกหมั่นไส้เป็นยิ่งนัก "ขออภัยที่ปล่อยให้ทุกคนต้องรอ พอดีว่าเมื่อคืนนอนดึกไปหน่อยน่ะ" อ๋องสามที่กล่าวขึ้นพร้อมส่งสายตากรุ้มกริ่มไปให้ชายารักที่ใบหน้านั้นแดงระเรื่อ ลี่เซียนนั้นอยากจะลุกขึ้นตะกุยหน้าแสนร้ายกาจนั้นนักที่ชอบทำให้นางได้อับอายอยู่เรื่อย"เซียนเอ๋ออาการแพ้หายแล้วหรือ"" เพคะ พี่หย่งไท่"ตอบคำถามของบุรุษตรงหน้าด้วยใบหน้าแดงก่ำ"แล้วพี่ใหญ่เล่า" อ๋องสามที่ไม่เห็นพระเชษฐาองค์โตให้ถามขึ้น แต่ไม่เป็นไรสำหรับพี่ใหญ่นั้นพระองค์จะอภัยให้ถึงอย่างไรพี่ใหญ่ก็มิได้เอ่ยคำทิ่มแทงใ
เมื่อรับรู้ถึงแรงขมิบตอดรัดของช่องทางรักแสนคับแน่นกายแกร่งกลับถอดถอนท่อนเอ็นร้อนผ่าวออก จับร่างบางพลิกคว่ำยกสะโพกงอนกระดกขึ้นกลายเป็นท่าคลานเข่า มือหนาจับเข่าเล็กให้อ้าออกกว้างกดแผ่นหลังบางขาวผ่องจนใบหน้าและหน้าอกอวบอิ่มแนบไปกับพื้นเตียงนุ่ม บั้นท้ายงามงอนกระดกขึ้น บุปผางามชุ่มฉ่ำน้ำปรากฏสู่สายตาที่ไฟแห่งราคะกำลังโหมกระพือกลีบดอกอวบอูบสีแดงบวมช้ำจากการถูกลุกลานจากแกนกายใหญ่ล่อลวงให้ส่งลิ้นร้อนหนาสากระคายตวัดไล้เลียโลมลูบปลอบประโลม กดปลายลิ้นอุ่นชื้นไปตรงตุ่มเกสรกลางดอกไม้งาม ดุนดันจนสะโพกผายส่ายเร่าครวญครางเสียงสั่น ก่อนจะถอนปากร้อนออก มือหนาส่งนิ้วเรียวไปบดบี้ตุ้มเกสรแล้วส่งนิ้วยาวใหญ่เข้าไปในช่องทางรักชักเข้าออกจนน้ำหวานติดตามง่ามนิ้วถอดถอนนิ้วเรียวออกมาจากช่องทางรักที่บีบรัดแน่น แล้วใช้สองนิ้วแยกกลีบดอกอวบอูมออกกว้างก่อนจะชอนไชลิ้นหนาสากเข้าไปยังร่องสวาทปาดเลียขึ้นลงตามร่องเปียกแฉะ ก่อนจะกดลึกลงไปตรงแอ่งน้ำน้อยที่กลืนกินเท่าไหร่ก็ไม่เหือดแห้งกลืนกินจนร่างบางครางระงมกระดกปลายลิ้นถี่รัว น้ำหวานหลั่งรินจนเปียกชุ่มไหลเอ่อแอ่งน้ำน้อย "อาาาส์ ได้โปรดไม่ไหวแล้ว อร้ายยย" เสียงครางแว่วหวา
วันนี้ลี่เซียนรู้สึกว่าท้องฟ้าช่างมืดเร็วนัก หลังจากอาบน้ำชำระกายเรียบร้อยก็เตรียมตัวเข้านอน แต่เมื่อก้าวออกมาจากหลังฉากกั้น ก็เห็นร่างของสามีที่นอนตะแคงข้างเปลือยอกที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามนอนรอท่าอยู่บนเตียง เมื่อสายตาคมที่เต็มไปด้วยประกายวาบหวามใช้มือหนาตบที่นอนนุ่มข้างตัวเบาๆ ด้วยท่าทางสบายๆ แต่กลับทำให้หัวใจนางเต้นกระหน่ำค่อยๆ ก้าวขาที่รู้สึกว่าจะอ่อนแรงเสียดื้อๆ ขึ้นลานเชือด ก่อนค่อยๆ ล้มตัวลงนอนข้างๆ บุรุษที่กลิ่นตัวบุรุษเพศของพระองค์ในตอนนี้ช่างทำให้นางถึงกับใจสั่น รู้สึกถึงลมหายใจที่เป่าลดอยู่นั้นมันร้อนรุ่มเหมือนเจ้าของจะจับไข้อ๋องสามที่ได้กลิ่นของเนื้อนวลที่ถวิลหา ทำให้หัวใจแกร่งเต้นระส่ำอยากจะโจนจ้วงเข้าหานางปลดปล่อยอารมณ์รุนแรงที่อัดแน่นอยู่ในกายแกร่ง อารมณ์ปรารถนาสูบฉีดจนเลือดในกายวิ่งพล่าน แต่พยายามข่มอารมณ์ลงเพราะลูกน้อยในครรภ์แม้อยากจะรักนางให้สมกับการรอคอยเพียงใดแต่ก็ต้องหักห้ามใจไม่ให้เผลอทำรุนแรงริมฝีปากหนาและลมหายใจผ่าวร้อนที่ก้มลงมาขบเม้มลำคอหอมกรุ่นขาวผ่องทำให้ขนอ่อนลุกพรึ่บไปทั้งร่าง พร้อมอาการเกร็งตัวขึ้นของสตรีในอ้อมแขน"อย่าเกร็ง" เสียงสั่นแหบพร่าร้องสั่งขึ้น