ลี่เซียนสะดุ้งตื่นเพราะรู้สึกถึงความเหนียวหนืดบนใบหน้า พอลืมตาขึ้นดูก็เห็นใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มนั่งน้ำลายยืดอยู่ด้านข้าง
"เสี่ยวซี หิวหรือคะลูก"
สิ้นเสียงหวานที่เอ่ยถาม ร่างเล็กป้อมก็ไต่ลงจากเตียงแล้วเดินเตาะแตะไปตรงประตูห้อง
"แม่ หม่ำ หม่ำ"
"เดินเก่งแล้วด้วยหรือคะ เก่งจริงๆ"
ลี่เซียนที่เห็นเด็กน้อยลุกขึ้นเดินเอง ในตอนแรกนางนึกว่าแก่เดินยังไม่แข็งหรือเดินยังไม่ได้เสียอีก ดูท่าคงจะหิวมาก นางจึงรีบลุกขึ้นสางผมยาวยุ่งเหยิงของตนให้เข้าที่แล้วเดินไปอุ้มร่างกลมไว้ในอ้อมแขนพาเดินลงไปชั้นล่างของโรงเตี๊ยม สั่งอาหารสองสามอย่างแล้วมารอยังห้องพัก สั่งมากินข้างบนคงจะสะดวกกว่าเพราะบุตรของนางยังเล็กหากจะให้กินด้านล่างกลัวจะรบกวนคนอื่น
เมื่อเสี่ยวเอ้อที่ยกสำรับมาให้ปิดประตูลง ลี่เซียนถึงกับมองอาหารบนโต๊ะตาโต นี่คืออาหารที่ดีที่สุดตั้งแต่นางหลุดมาอยู่ที่นี่เลยก็ว่าได้ จึงรีบลงมือกินอย่างเอร็ดอร่อยและไม่ลืมส่งเข้าปากบุตรสาวตัวน้อยที่ดูจะชมชอบกับการกินอยู่ไม่น้อยทีเดียว
เมื่อกินกันจนอิ่มจึงพากันไปอาบน้ำล้างตัวด้วยรอยยิ้มเปี่ยมสุข คงต้องลงไปซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่สำหรับนางและบุตรเสียก่อนเพราะชุดที่สวมอยู่คือชุดเดียวที่มีติดตัว พรุ่งนี้ค่อยไปดูที่ทางสำหรับปักหลักเป็นที่อยู่อาศัยหากจะใช้โรงเตี๊ยมเป็นที่อยู่ที่กินเห็นทีว่าเงินที่สตรีนางนั้นทิ้งไว้ให้คงจะสูญเปล่า คงต้องหาที่สำหรับอยู่ถาวรลงหลักปักฐานอย่างมั่นคงและหาการหางานทำเลี้ยงดูทั้งตัวเองและบุตร ต่อจากนี้ไปนางคือหลานลี่เซียน หญิงม่ายลูกติดแห่งยุคเอ่อ ยุคอะไรนางก็ไม่รู้เหมือนกันแต่ก็ช่างเถอะจะอยู่ยุคไหนสมัยไหนมันก็ต้องดิ้นรนต่อสู้ปากกัดตีนถีบทั้งนั้น ขอเพียงมีใจสู้คงจะไม่อดตาย จากนั้นจึงอุ้มกระเตงบุตรตัวน้อยลงไปยังร้านตลาดด้านล่างที่มีร้านรวงมากมายเต็มสองข้างทาง ใช้เพียงผ้าผืนบางปิดบังใบหน้าเท่านั้น ถึงแม้นางในตอนนี้จะผอมแห้งแต่ก็ยังคงงดงามอย่างมาก นางไม่อยากจะมีปัญหาอะไรในตอนนี้ เพราะความงามมักจะพ่วงปัญหามากมายตามมาเสมอ
ร่างสูงสง่าดูน่าเกรงขามแผ่กลิ่นอายสูงศักดิ์ที่มองลงมายังตลาดเบื้องล่างเห็นสตรีร่างผอมบางที่อุ้มกระเตงเด็กที่ดูสะดุดตาเพราะใบหน้างามนั้นช่างดึงดูดสายตาอย่างประหลาดจำต้องละความสนใจจากภาพตรงหน้าหันมามองผู้ที่กำลังรายงานเรื่องที่ทำให้ตนต้องเดินทางมาที่นี่อย่างเร่งด่วน
"ว่ามา"
เมื่อได้รับอนุญาตจากร่างสูง บุรุษผู้ได้รับมอบหมายให้ไปปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ถึงกับกำมือแน่น
"ท่านฉางชุน สิ้นแล้วขอรับนายท่าน แต่ฮูหยินและบุตรีนั้นหลบหนีไปได้ ยังตามหาไม่พบ เจอเพียงคลาบเลือดซึ่งคาดว่าคงเป็นของฮูหยินขอรับ"
สิ้นคำรายงานของคนสนิทร่างสูงพลันหลับตาลงปิดบังดวงตาปวดร้าวที่สั่นระริก ตนมาช้าเกินไป มาช้าเกินไปจนสหายที่เป็นดั่งพี่น้องต้องจบชีวิตลงอย่างน่าอนาถ กว่าจะได้ข่าวที่สหายลอบส่งมาขอความช่วยเหลือก็สายไปเสียแล้ว กล้ำกลืนความเจ็บปวดลืมดวงตาพยัคฆ์ที่แดงก่ำสั่งการต่อไป
"สั่งการลงไปให้คนของเราตามหาฮูหยินและบุตรของสหายข้าให้พบ"
"ขอรับ นายท่าน"
ถึงอย่างไรเขาก็ต้องรีบค้นหาครอบครัวของสหายให้เจอ เพื่อจะได้ไม่รู้สึกผิดไปมากกว่านี้ หากเขามาช่วยสหายได้ทันเวลาสหายของเขาคงจะไม่ตายอย่างน่าอนาถ
ลี่เซียนที่อุ้มเจ้าเด็กอ้วนนี่ รับรู้ถึงแขนที่รู้สึกชาไปทั้งแถบ แต่เหมือนร่างเล็กจะรู้ว่าทำให้มารดาลำบากจึงใช้มือเล็กกลมป้อมลูบใบหน้านาง
"แม่ เดิน เดิน"
เอ่ยบอกพร้อมดิ้นดุ้กดิ้กจะลงไปเดินเอง
"จะเดินเองหรือคะ งั้นแวะซื้อรองเท้าร้านข้างหน้านี้ก่อนดีกว่าเนาะ"
หางตานางเหลือบไปเห็นร้านรองเท้าที่อยู่ข้างหน้าพอดีจึงอุ้มหนูน้อยไปซื้อรองเท้าผ้าทั้งของนางที่ขาดจนแทบจะใส่ไม่ได้และของเจ้าตัวน้อยที่ยังไม่มีรองเท้า พอได้รองเท้าจึงพากันเดินจูงมือกันไปซื้อเสื้อผ้าคนละสองชุดและขนมกินเล่นอีกเล็กน้อยจึงพากันกลับโรงเตี๊ยมเพื่อพักผ่อนเอาแรง พรุ่งนี้ต้องรีบตื่นแต่เช้าเพื่อสู้กันต่อ
เช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อจัดการธุระส่วนตัวทั้งตนเองและบุตรเรียบร้อยแล้ว ลี่เซียนจึงพาบุตรตัวน้อยมายังที่จอดรถม้าสำหรับเช่าโดยสาร เพื่อจะไปยังหมู่บ้านผิงอาน สอบถามจากคนขับรถม้า ก็มีท่านลุงคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ที่นั่น นางจึงได้ว่าจ้างให้พานางไปยังบ้านของผู้นำหมู่บ้าน โดยใช้เวลาเดินทางเพียงสองเค่อก็ถึงหมู่บ้าน และเดินทางต่อไปยังบ้านของท่านผู้นำ เมื่อถึงจุดหมายจึงให้ท่านลุงคนขับรถม้ารอนางอยู่แถวนั้นก่อน นางต้องเข้าไปเจรจากับผู้นำหมู่บ้านเรื่องที่จะซื้อที่และคงต้องไปดูสถานที่จริง นางนั้นได้ว่าจ้างรถม้าของท่านลุงไว้ทั้งวัน เพื่อความสะดวกในการเดินทางเพราะต้องไปอีกหลายที่และขากลับจะได้ไม่ต้องลำบากหอบบุตรหาทางกลับโรงเตี๊ยม เมื่อลงจากรถม้าก็จูงมือบุตรเข้าไปยังบ้านของผู้นำหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ด้านหน้า เห็นชายชราหนวดขาวที่ดูท่าทางใจดีกวาดลานบ้านอยู่จึงได้เดินเข้าไปสอบถาม"ขออภัยเจ้าค่ะ ท่านตา ข้ามาขอพบท่านผู้นำเจ้าค่ะ" ชายชราที่หันมามองนางพร้อมส่งยิ้มมาให้อย่างใจดี"ตานี่แหละผู้นำหมู่บ้าน แม่หนูมีธุระอะไรหรือไม่เคยเห็นหน้าค่าตามาก่อน" ลี่เซียนเมื่อรู้ว่าท่านตาใจดีผู้นี้คือผู้นำหมู่บ้านจึงทำความเคารพและบ
"สวัสดีตอนเช้าเจ้าค่ะ ท่านลุง" ลี่เซียนที่เดินจูงมือบุตรตัวน้อยลงมาขึ้นรถม้าของท่านลุงฉีคนบังคับรถม้าที่นางนัดหมายเอาไว้เมื่อวานว่าให้มารับนางด้านล่างของโรงเตี๊ยมที่นางพักเพื่อเดินทางไปที่บ้านท่านตาเหวินผู้นำหมู่บ้านผิงอานเพื่อจะไปพบช่างที่จะมาสร้างบ้านให้นาง ลี่เซียนที่กำลังจะก้าวขึ้นรถม้าสังเกตเห็นสีหน้าของท่านลุงฉีที่ไม่ค่อยจะดีนักจึงเอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัย"มีอันใดหรือไม่เจ้าคะ ท่านลุง" เห็นท่าทางอึกอักเกรงอกเกรงใจของคนตรงหน้าจึงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง"หากมีอันใดท่านลุงบอกแก่ข้าได้นะเจ้าคะ อย่าได้เกรงใจ" ท่านลุงฉีที่มองนางอย่างตัดสินใจจึงเอ่ยขึ้น" เอ่อ คือ แม่นางลุงว่าจะไปส่งแม่นางที่บ้านท่านผู้เฒ่าเหวินแล้วจะกลับไปรับตอนบ่ายๆเลยได้หรือไม่ พอดีบุตรสาวลุงไม่สบายไม่มีใครพาแกไปโรงหมอ ลุงว่าจะพานางไปโรงหมอก่อนแล้วจะมารับแม่นางได้หรือไม่"ท่านลุงฉีกล่าวอย่างเกรงใจเพราะนางนั้นได้ว่าจ้างรถม้าของท่านลุงไว้ทั้งวันได้ฟังดังนั้น จึงได้ส่งยิ้มไปให้แล้วกล่าวอย่างเข้าใจ" ไปเถอะเจ้าค่ะ ท่านอย่าได้คิดมาก อย่างไรเสียข้าก็ไม่ได้ไปที่ไหนต่อ ท่านลุงไปส่งข้าแล้วค่อยมารับเมื่อท่านเสร็จธุระแล้วก็ได้เจ้าค่ะ
ในที่สุดวันที่รอคอยก็มาถึง วันนี้เป็นวันที่บ้านของนางกับเสี่ยวซีเสร็จพร้อมจะเข้าอยู่ วันนี้นางและเสี่ยวซีจึงลุกขึ้นตั้งแต่เช้าเพื่อจะซื้อของใช้เข้าบ้านกัน โดยมีรถม้าของท่านลุงฉีที่ตอนนี้กลายเป็นรถม้าเจ้าประจำของนางไปแล้ว เมื่อซื้อของที่วันนี้เยอะเอาการเสร็จเรียบร้อย นางก็รีบเดินทางกลับบ้านเพื่อจัดของเข้าบ้านอย่างขะมักเขม้นและมีท่านป้าเนี่ยและหวั่นเอ๋อ ภรรยาและบุตรสาววัยสิบหนาวของท่านลุงฉีมาช่วย ครอบครัวของท่านลุงฉีเป็นเพื่อนบ้านครอบครัวแรกที่นางสนิทด้วย และเสี่ยวซีของนางก็ได้หวั่นเอ๋อมาเป็นเพื่อนเล่น วันนี้นางจึงตั้งใจจะทำอาหารเลี้ยงฉลองบ้านหลังใหม่ของนาง โดยเชิญครอบครัวท่านลุงฉีและท่านตาเหวินมาเป็นแขก ถึงวันนี้จะรู้สึกเหนื่อยล้าแต่ก็มีความสุขที่สุด นางและบุตรไม่ต้องเป็นคนเร่ร่อนอีกต่อไปแล้วเมื่อร่วมกันทานอาหารที่วันนี้นางทำอาหารง่ายๆ หลายอย่างเนื่องในวันพิเศษนี้ ต่างก็ได้รับคำชมจากทุกคนถึงรสชาติที่พวกเขาไม่เคยทานและดูแปลกตานัก แต่ทว่าอร่อยเป็นที่ถูกปากของทุกคน บนโต๊ะอาหารจึงเต็มไปด้วยบรรยากาศครื้นเครงและเสียงหัวเราะ เมื่อทานกันเสร็จก็นั่งคุยกันย่อยอาหารจากนั้นจึงแยกย้ายกันกลับ คืนน
ร้านน้ำเต้าหู้ข้างทางของลี่เซียนได้รับการตอบรับดีเกินคาด แค่ไม่ถึงชั่วยามก็ขายหมดเกลี้ยง วันนี้นางทำน้ำเต้าหู้มาหนึ่งหม้อใหญ่และปาท่องโก๋ทอดห้าสิบคู่แต่ยังไม่เพียงพอกับความต้องการ วันพรุ่งนี้นางคงต้องทำเพิ่ม แม่ค้ามือใหม่ถึงกับยิ้มหน้าบานเมื่อนั่งนับเงินที่ขายได้วันนี้ นางกะว่าจะลองทำโจ๊กหมูขายในวันพรุ่งนี้ด้วย กิจการขายน้ำเต้าหู้ของลี่เซียนนั้นดำเนินไปในทางที่ดี มีลูกค้าประจำและขาจรแวะเวียนมาอุดหนุนไม่ขาด ทั้งรสชาติของน้ำเต้าหู้ที่หอมอร่อยและใบหน้างดงามเป็นหนึ่งของแม่ค้าคนงามก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ลูกค้าทั้งหลายพูดกันปากต่อปาก จากร้านค้าเพิงข้างทางก็ขยายกิจการขึ้นเรื่อยๆ จากโต๊ะเก้าอี้แค่สามที่นั่ง ตอนนี้มีเพิ่มขึ้นจนต้องขยายที่ทางเพิ่มลี่เซียนตอนนี้กลายเป็นเถ้าแก่เนี้ยร้านอาหาร"ห่าว ชือ" (อร่อย) ที่ขึ้นชื่อในละแวกนี้ ร้านของนางนั้นเปิดขายน้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋ ข้าวต้มทรงเครื่อง และอาหารจานเดียวที่ทำง่ายๆ ซึ่งนางนำมาประยุกต์ให้เข้ากับยุคนี้ "ท่านแม่ ซีเอ๋อหิวจังเลยเจ้าค่ะ" เสียงเล็กที่ดังขึ้นพร้อมร่างกลมป้อมที่วิ่งตรงมาหานาง มีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นเต็มหน้าผากเล็ก ยกมือเล็กขึ้นลูบท้องอ
ลี่เซียนที่ได้หลับตาลงไปแค่นิดเดียวก็สะดุ้งตื่น จึงเดินออกมานอกเรือนชะเง้อมองหาเจ้าของร่างเล็กกลมป้อมที่มักจะเล่นอยู่แถวหน้าเรือนก็ไม่เห็น"เสี่ยวซี อยู่แถวนี้หรือเปล่า" ..... "ซีเอ๋อ หวั่นเอ๋อ" ..... หันไปเห็นจิ่วซิ่นที่หอบตะกร้าผ้าผ่านมาจึงได้ถามหาเจ้าตัวแสบที่ไม่รู้ไปเล่นซนอยู่ที่ไหน"จิ่วซิ่น เห็นซีเอ๋อหรือไม่" "อืม เห็นเดินไปทางหน้าถนนกับหวั่นเอ๋อเจ้าค่ะ นายหญิง" "อ้อจ๊ะ มีอะไรทำก็ไปทำเถอะ"บอกก่อนจะเดินออกมามุ่งหน้าไปทางถนนหน้าเรือน ไม่บอกก็รู้ว่าเจ้าตัวแสบนั่นไปไหน ทำไมถึงได้ดื้อนักนะ อย่างนี้คงต้องมีการลงโทษกันบ้าง บ่นพลางก้าวเดินมุ่งหน้าไปยังน้ำตกที่คิดว่าทั้งสองคนคงแอบหนีออกมาเล่นน้ำเป็นแน่เมื่อมาถึงบริเวณน้ำตกก็เดินหาทั้งสองคน เห็นมีร่องรอยของเท้าเล็กซึ่งคงจะเป็นของซีเอ๋อและอีกรอยนั้นเป็นของใครไปไม่ได้นอกจากหวั่นเอ๋อ หากมีหวั่นเอ๋อมาด้วยนางไม่ค่อยจะกังวลเท่าไหร่นักเพราะหวั่นเอ๋อเป็นเด็กที่เก่งและมีความสามารถเคยออกไปหาของป่ากับมารดาตั้งแต่เด็กและนางว่ายน้ำแข็งมาก เท้าเล็กจึงเดินตรงไปยังริมฝั่งน้ำตกชะเง้อคอมองลงไปในน้ำว่าเด็กทั้งสองเล่นน้ำอยู่หรือไม่"ซีเอ๋อ หวั่นเอ๋อ"
องค์ชายสามมู่เหยียนหรงหรืออ๋องสาม พยัคฆ์ตัวที่สาม แม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นเหลียว ผู้ซึ่งได้รับฉายาว่าเป็นเทพสังหาร ชมชอบและโปรดปรานสิ่งสวยงาม ทุกสิ่งที่ปรารถนาล้วนแล้วแต่มากองตรงหน้าและต้องเป็นของที่ดีที่สุด นิสัยดิบเถื่อน ซึ่งบางครั้งก็ถึงกับถ่อยต่างจากหน้าตาที่หล่อเหลาดังรูปสลัก เพราะชมชอบการใช้ชีวิตในค่ายทหารมากกว่าวังหลวง มองเรื่องความรักเป็นเรื่องโง่งม ใช้สตรีเปลืองที่สุด สตรีที่เคยใช้แล้วไม่เคยใช้ซ้ำ แต่บรรดาสาวงามต่างอยากลองที่จะเสี่ยงยอมพลีกายให้บุรุษสูงศักดิ์ผู้หล่อเหลาผู้นี้เชยชมอ๋องสามมู่เหยียนหรงที่เดินทางกลับจากการไปปราบปรามชนเผ่าที่กระด้างกระเดื่องสมคบคิดกันก่อกบฏเพื่อที่จะแบ่งแยกดินแดนออกจากแคว้นเหลียว ซึ่งศึกในครั้งนี้ยืดเยื้อมากว่าสองปีจนตอนนี้พระองค์สามารถถอนรากถอนโคนพวกที่ก่อกบฏจนหมดสิ้น ศึกในครั้งนี้ทำให้พระองค์ใช้ชีวิตอยู่ชายแดนถึงสองปี เมื่อเข้าสู่สภาวะปกติจึงถอนกำลังเพื่อกลับเข้าเมืองหลวง แต่พระองค์นั้นเดินทางล่วงหน้ามาก่อนพร้อมผู้ติดตามซึ่งเป็นคนสนิทเพียงสองคนเท่านั้นเพราะไม่ชมชอบการเดินทางที่ล่าช้า จนมาถึงหมู่บ้านผิงอานแห่งนี้จึงคิดจะหยุดพักก่อนออกเดินทางเข้าเมือ
"คุณหนู อ๊ะ! นายหญิง" เสียงของหวั่นเอ๋อที่ดังขึ้นพร้อมกับยกมือปิดปากเพราะสภาพล่อแหลมของนายหญิงของตนและบุรุษที่ อื้อ หล่อจังลี่เซียนที่เห็นหวั่นเอ๋อมองมายังนางด้วยใบหน้าแดงก่ำแล้วบิดกายไปมาอย่างเขินอายนั้นก็รีบสะบัดตัวออกจากอ้อมแขนแกร่ง ซึ่งครั้งนี้เขายอมปล่อยแต่โดยดี" เอ่อคือ คือว่า ข้า"เสียงตะกุกตะกักของสตรีที่กำลังคิดหาข้อแก้ตัวให้ตัวเองเหมือนเด็กที่ทำความผิดและกลัวโดนจับได้ที่มาอยู่ในสภาพไม่น่ามองกับบุรุษแปลกหน้า ทำให้อ๋องสามนึกขำสตรีตรงหน้านัก นี่นางผ่านการมีลูกมีสามีมาแล้วจริงๆ หรือหึหึได้ยินเสียงหัวเราะของบุรุษด้านหลังลี่เซียนถึงกับอยากจะเต้นเร่าๆ"พอดีข้าผ่านมาเห็นนายหญิงของเจ้าพลัดตกน้ำเลยให้ความช่วยเหลือก็เท่านั้น" คำแก้ตัวเอาหน้าของบุรุษที่เดินผ่านหน้านางไปหยัดตัวขึ้นจากน้ำแล้วส่งมือหนามาให้นางจับ นางเงยหน้ามองบุรุษตรงหน้าอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ ตัวเองเป็นสาเหตุที่ทำให้นางตกน้ำแท้ๆ แต่กลับพูดแก้ตัวเสียดูดี นางไม่เคยพบเคยเจอบุรุษหน้าไม่อายแบบนี้มาก่อน ตอนนี้ยังมาทำหน้ายียวนใส่นางอีก อยากจะปัดมือหนาหยาบนั้นออกแต่ดูจากความสูงของตลิ่งแล้ว ให้เขาช่วยสักครั้งคงไม่เป็นไ
โจวซุ่น โจวเฟิง สององครักษ์ คนสนิทคู่พระทัยอ๋องสามที่ร่วมหัวจมท้ายกับอ๋องสามทั้งแต่ยังเป็นองค์ชายน้อยผู้อ่อนโยนจนกลายมาเป็นอ๋องสามเทพสังหารผู้ดิบเถื่อนมองสตรีเป็นแค่เครื่องระบายความกำหนัดของบุรุษ ได้แต่หวังว่าสวรรค์จะประทานสตรีที่เพียบพร้อมมาเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของผู้เป็นนายเสียที เห็นสายตาพยัคฆ์ที่มองตามหลังแม่นางผู้นั้นแล้ว ก็รู้ได้ว่าท่านอ๋องชมชอบนางไม่น้อย ซึ่งน้อยครั้งนักที่จะเห็นพระองค์มองสตรีด้วยสายตาเช่นนี้ แต่น่าเสียดายนักที่สตรีผู้นั้นมีเจ้าของเสียแล้วแถมยังมีพยานรักตัวน้อยแล้วอีกด้วย ถึงนางจะดูงดงามจนยากจะถอนสายตา ท่านอ๋องคงไม่ได้คิดแย่งชิงดวงใจผู้อื่นใช่หรือไม่เพราะทรงรู้ดีว่าการถูกแย่งชิงของรักนั้นเจ็บปวดเพียงใด"ข้าอยากรู้จักนาง" ท่านอ๋อง!!! สององครักษ์คนสนิทถึงกับหันมองหน้านายตนอย่างไม่อยากจะเชื่อ แม้ว่าท่านอ๋องจะใช้สตรีสิ้นเปลืองแค่ไหนแต่ก็ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับภรรยาผู้อื่นมู่เหยียนหรงรู้ว่าคนสนิททั้งสองนั้นกำลังคิดสิ่งใดอยู่ จึงพูดให้ทั้งคู่คลายใจ" นางไร้สามี หากอยากรู้ว่าจริงแท้แค่ไหน เจ้าทั้งสองก็ไปสืบมา" เอ่ยจบก็เดินมุ่งหน้าไปยังที่พักม้าแล้วห้อตะบึงมุ่งหน้าเข้า
อ๋องสามมู่เหยียนหรงที่กลับมาจากเข้าเฝ้าฮ่องเต้ รีบสาวเท้าตรงมายังเรือนนอนของตนกับผู้เป็นชายาอย่างเร่งรีบกลายเป็นภาพชินตาของบรรดาบ่าวไพร่ที่จะเห็นภาพเหล่านี้เมื่อวันเวลาสี่วันเวียนมาบรรจบวันนี้พระองค์รีบเร่งสะสางงานเพื่อจะได้รีบกลับมาอยู่กับชายารัก ซึ่งวันนี้เป็นวันของพระองค์หากจะถามว่าเหตุใดจึงกล่าวว่าวันนี้เป็นวันของพระองค์น่ะหรือ เหตุเพราะการแย่งชิงกันที่จะได้นอนกอดมารดาของเจ้าสี่แสบ ทำให้ต้องทำการสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันนอนกับมารดา และผู้เป็นบิดาเช่นพระองค์ก็มิได้รับข้อยกเว้น จำต้องแบ่งวันอยู่กับชายารักเหมือนกับบุตรทั้งสี่ แม้จะได้นอนร่วมเตียงแต่ก็มีบุตรตัวน้อยที่นอนคั่นกลาง ซึ่งวันนี้ก็เวียนมาบรรจบที่พระองค์จะได้อยู่ตามลำพังกับผู้เป็นชายา หลังจากมิได้นอนกอดชายารักมาหลายค่ำคืนเมื่อสาวเท้าข้ามผ่านประตู เห็นชายารักนั่งหวีผมยาวสลวยอยู่หน้ากระจก มองจากการแต่งกายให้รู้ว่านางอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว จนทำให้คิ้วหนาขมวดมุ่น"เหตุใดจึงไม่รออาบพร้อมกัน" ลี่เซียนที่มองสบตาสวามีผ่านกระจก เห็นสายตาร้อนแรงนั้น ให้รู้สึกร้อนวูบวาบนัก"ก็ อากาศมันร้อนอบอ้าวหนิเจ้าคะ" เสียงหวานใสที่เอ่ยขึ้นใบหน้
"ท่านแม่เจ้าขาาา"เสียงเล็กที่ร้องเรียกดังมาแต่ไกล ก่อนจะปรากฏร่างกลมป้อมของเจ้าของเสียงที่สองมือเล็กนั้นถือข้าวของมาเต็มสองมือ ทำให้ลี่เซียนที่กำลังเล่นอยู่กับเจ้าซาลาเปาน้อยทั้งสามต้องเงยหน้าขึ้นมอง"ว่าอย่างไรเจ้าตัวแสบ ดูท่าช่วงนี้จะมั่งคั่งเหลือเกินนะเราน่ะ ไปรับสินบนจากใครมากัน หืม"เจ้าตัวเล็กเห็นสายตาที่มองมาของมารดาถึงกับสะดุ้ง รีบเอ่ยจนปากเล็กสั่นระรัว "สินบนอันใดกันเจ้าคะ ลูกไม่เห็นจะเข้าใจเลย ข้าวของเหล่านี้ เป็นบิดาเมตตาลูกเองทั้งนั้น ลูกมิได้ร้องขอแม้แต่น้อย"ลูกแค่บอกว่าถุงเงินของลูกช่างเบายิ่งนักท่านพ่อก็กุลีกุจอยัดเยียดกุญแจหีบเงินให้ลูก แน่นอนว่าประโยคนี้มิได้หลุดออกไปจากริมฝีปากเล็กใบหน้าเล็กใสซื่อเอ่ยขึ้นในตาใสแจ๋ว"อืมมม บิดาเจ้าช่างประเสริฐแท้"ลี่เซียนที่เอ่ยขึ้นอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ถึงผู้ที่ทำให้นางรู้สึกจุกหน่วงในท้องอยู่ ณ ตอนนี้ แล้วหางตาก็เห็นผู้ประเสริฐกำลังเดินยิ้มร่าเข้ามาแล้วช้อนตัวเจ้าตัวแสบขึ้นอุ้ม พร้อมหอมแก้มย้วยนั้นฟอดใหญ่ มองใบหน้างอง้ำของภรรยาด้วยสายตากรุ้มกริ่ม"เสี่ยวซี ซื้ออันใดมาฝากพ่อบ้าง หืม" " เยอะแยะเลยเจ้าค่ะ มีชาแบบใหม่ด้วยนะเจ้าคะ
ภาพโฉมสะคราญนอนเปลือยแผ่นหลังขาวผ่องอยู่บนตั่งเล็กริมหน้าต่าง ทำให้อ๋องสามยืนมองภาพตรงหน้าด้วยความหลงใหล ช่างงดงามดังเทพธิดาที่ปรมาจารย์ผู้เป็นเอกด้านรูปวาดจรดปลายพู่กันปั้นแต่งความงามเหมาะเจาะลงตัวปรากฏเป็นภาพโฉมสะคราญที่ทำให้ผู้คนหลงใหล เส้นผมดำยาวดุจดังน้ำหมึกที่หลุดลุ่ยคลอเคลียบนกรอบใบหน้าเล็กขาวนวลเนียน คิ้วเรียวดั่งคันศรดำขลับโดยมิต้องเติมแต่ง ดวงตาที่ปิดสนิทเห็นแพขนตางอนยาวทาบทับเปลือกตา จมูกโด่งเล็กรั้นเชิดตรงส่วนปลาย และริมฝีปากอวบอิ่มที่เผยอน้อยๆ ช่างชวนให้อยากสัมผัสความหวานที่พระองค์รู้ดีว่าละมุนเพียงใด สายตาคมดุจพยัคฆ์ไล่สำรวจมายังลำคอและลาดไหล่ขาวละเอียดเห็นเนินอกขาวผ่องรำไรพาลให้ลมหายใจสะดุด แผ่นหลังขาวนวลตัดกับเส้นผมดำยาวที่คลอเคลียไหล่มนจนมาถึงแผ่นหลัง ดึงให้ฝ่ามือหนายกขึ้นปัดป่ายก่อนจะประทับริมฝีปากร้อนลงบนหัวไหล่ไล่พรมจูบมาตามกระดูกสันหลัง มือหนาที่พยายามดึงรั้งให้อาภรณ์ที่เกาะเกี่ยวสะโพกงามงอนให้พ้นทาง ปากร้อนก็จูบพรมไปทั่วแผ่นหลังบอบบาง จนเจ้าของร่างเย้ายวนรู้สึกตัวตื่น สัมผัสแผ่วเบาที่ขยับยุกยิกทางด้านหลังจนทำให้รู้สึกวาบหวิวจนต้องลืมตาฉ่ำน้ำมองสิ่งที่รบกวนการพัก
"ท่านพ่อมีอะไรหรือเจ้าคะ" เสียงเล็กที่กระซิบแผ่วเบากับร่างสูงที่ย่อตัวลงนั่งชันเข่าขึ้นข้างนึงเพื่อให้คุยกับร่างเล็กได้สะดวก "วันนี้ซีเอ๋อไม่อยากออกไปเที่ยวเล่นที่ไหนหรือ" เสี่ยวซีที่ทำท่าครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยขึ้น"อืมมม ไม่เจ้าค่ะ ซีเอ๋ออยากอยู่ปรนนิบัติท่านแม่ เพราะท่านแม่นั้นเหนื่อยมาก" "ให้พ่อช่วยดีหรือไม่ ส่วนซีเอ๋อจะได้ออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก" "ไม่ดีกว่าเจ้าค่ะ ซีเอ๋ออยากอยู่กับท่านแม่"ว่าพลางร่างเล็กก็ทำท่าจะหันหลังกลับเข้าไป อ๋องสามที่รีบคว้าไหล่เล็กเอาไว้ จนไม่ทันสังเกตรอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์ที่ยกขึ้นของเจ้าตัวเล็ก" เมื่อวันก่อนพ่อได้ยินว่าท่านแม่ของเจ้าบ่นว่าอยากกินถังหูลู่ด้วยนะ ถ้าท่านแม่ได้กินคงจะหายเหนื่อยแน่ๆ เอ.. หรือว่าพ่อจะไปซื้อเองนะ แต่หากเสี่ยวซีเป็นคนไปซื้อท่านแม่คงจะชื่นใจจนหายเหนื่อยเป็นแน่"เสี่ยวซีน้อยที่มองใบหน้าของบิดาที่กำลังมองนางสายตาพราวระยับ"ท่านแม่ ไม่ชอบกินของหวาน"เจ้าตัวเล็กที่ใช้มือเล็กกลมยกขึ้นกอดอก"แต่พ่อได้ยินจริงๆ นะ""ท่านพ่อจะหลอกให้ลูกออกไปข้างนอก เพื่อจะได้อยู่กับท่านแม่ตามลำพังใช่หรือไม่เจ้าคะ"OoO! ".... " อ๋องสามที่โดนจับได้ รีบก้มห
หลังจากวันนั้นที่สองพ่อลูกผู้มากเล่ห์ใช้กลเม็ดต่างๆ ขยันหาเรื่องจนนางอดสงสารทั้งสี่คนไม่ได้ ก็ดูเหมือนเรื่องราวของทั้งสี่จะเริ่มชัดเจนขึ้นโดยมีสองพ่อลูกที่เป็นผู้รับหน้าที่ผูกด้ายแดงเชื่อมโยงหนุ่มสาวให้กล้าที่จะยอมรับความรู้สึกของตัวเอง ไม่ปล่อยให้มันสายเกินไปจนยากที่จะแก้ไข แต่กว่าทุกอย่างจะลงเอยได้ด้วยดีก็เล่นเอาบอบช้ำกันไปตามๆ กัน เพราะบรรดาพระเชษฐาของสามีนางจะมีใครธรรมดาได้อย่างไร ตอนนี้ท้องของนางใกล้จะคลอดเต็มที ยิ่งใกล้คลอดนางยิ่งรู้สึกกังวล แต่ก็มีสามีที่คอยอยู่ใกล้ๆ ให้กำลังใจและยังมีเจ้าตัวเล็กที่มักจะมานั่งคุยกับน้องๆ ทั้งสามอยู่เสมอ จนเมื่อถึงวันที่นางเจ็บท้องคลอดทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ท่ามกลางความตื่นเต้นดีใจของบุคคลทั้งสองที่นางรัก ทั้งนางและบุตรตัวน้อยทั้งสามล้วนปลอดภัยและแข็งแรงดี อ๋องสามและเสี่ยวซีที่เห่อเจ้าตัวเล็กทั้งสามจนไม่คิดจะออกห่างไปไหนต่างช่วยกันดูแลนางและเจ้าตัวน้อยทั้งสาม บุตรที่คลอดออกมาคนแรกนั้นเป็นอ๋องน้อยเป็นคุณชายใหญ่ของจวนบิดาให้นามว่า มู่หยวนฟง คนที่สองก็ยังเป็นบุตรชายคุณชายรองนามว่า มู่อวิ๋นซาน ส่วนคนที่สามเป็นท่านหญิงน้อยซึ่งดูจะได้รับความโปร
ตอนนี้บรรยากาศในศาลาเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและเสียงพูดเจี๊ยวจ๊าวของเจ้าตัวเล็กที่ดูจะชอบพี่สาวคนสวยทั้งสองเป็นอย่างมาก จากที่ได้สนทนากันคุณหนูหลิวทั้งสองนั้นน่าคบหามากเลยทีเดียว จนตอนนี้ใช้เวลาเพียงไม่นานลี่เซียนก็สามารถพูดคุยกับทั้งสองอย่างเป็นกันเองอย่างสนิทใจแต่เหตุใดนางรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไป พี่หย่งไท่ที่มักจะพูดคุยหยอกล้อกับเสี่ยวซีกลับเงียบจนผิดปกติจะมีหันมาตอบคำถามบ้างเมื่อมีใครถามเท่านั้นและนางยังไม่เห็นพระองค์พูดกับหลันเอ๋อแม้แต่คำเดียว ส่วนองค์รัชทายาทนั้นที่ปกติมักจะเป็นผู้ฟังที่ดีมาตลอดแต่ก็ยังสนทนากันบ้างวันนี้กลับเงียบจนน่าอึดอัด แต่นางกลับเห็นว่าสายตาคู่นั้นมักจะมองมายังสตรีผู้หนึ่งเสมอ มิใช่คู่หมั้นแต่เป็นน้องสาวของคู่หมั้น แต่เชี่ยนเชี่ยนกลับนิ่งเฉยนางรู้สึกได้ว่าเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกถึงสายตาที่มองมาแต่กลับไม่ยอมหันไปสบตายังคงพูดคุยหยอกล้ออยู่กับเสี่ยวซีด้วยรอยยิ้ม บางครั้งรอยยิ้มสดใสนั้นก็มักมีความเศร้าหมองวาบผ่านโดยที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ตัวว่าเผลอแสดงออกมาฝ่ามืออุ่นที่โอบกระชับรอบเอวทำให้นางหลุดจากภวังค์หันมามองใบหน้าหล่อเหลาของผู้เป็นสามีที่กำลังส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาใ
ภาพบุรุษสูงศักดิ์ผู้เป็นพระเชษฐาองค์รองและสององครักษ์คนสนิทที่กำลังนั่งจิบชาสนทนากันอยู่ในศาลากลางสวนสวย ทำให้ผู้เป็นเจ้าของจวนที่ในอ้อมแขนมีร่างอวบอิ่มของชายารักยกยิ้มขึ้น วันนี้พระองค์ขอเรียกศักดิ์ศรีที่พังยับเยินกลับคืนมาเสียที และขอเอาคืนสักเล็กน้อยเถอะนะโจวเฟิง โจวซุ่นที่อ๋องสามให้หยุดพักหน้าที่องครักษ์จนกว่าฮูหยินของทั้งสองจะคลอด เมื่อเห็นเจ้าของจวนจึงรีบลุกขึ้นทำความเคารพ อ๋องสามที่ประคองร่างอวบอิ่มของชายารักนั่งลงเรียบร้อยพลันยืดอกแกร่งขึ้นอย่างสง่าผ่าเผย ชินอ๋องมู่หย่งไท่ที่เห็นท่าทางเช่นนั้นแล้วรู้สึกหมั่นไส้เป็นยิ่งนัก "ขออภัยที่ปล่อยให้ทุกคนต้องรอ พอดีว่าเมื่อคืนนอนดึกไปหน่อยน่ะ" อ๋องสามที่กล่าวขึ้นพร้อมส่งสายตากรุ้มกริ่มไปให้ชายารักที่ใบหน้านั้นแดงระเรื่อ ลี่เซียนนั้นอยากจะลุกขึ้นตะกุยหน้าแสนร้ายกาจนั้นนักที่ชอบทำให้นางได้อับอายอยู่เรื่อย"เซียนเอ๋ออาการแพ้หายแล้วหรือ"" เพคะ พี่หย่งไท่"ตอบคำถามของบุรุษตรงหน้าด้วยใบหน้าแดงก่ำ"แล้วพี่ใหญ่เล่า" อ๋องสามที่ไม่เห็นพระเชษฐาองค์โตให้ถามขึ้น แต่ไม่เป็นไรสำหรับพี่ใหญ่นั้นพระองค์จะอภัยให้ถึงอย่างไรพี่ใหญ่ก็มิได้เอ่ยคำทิ่มแทงใ
เมื่อรับรู้ถึงแรงขมิบตอดรัดของช่องทางรักแสนคับแน่นกายแกร่งกลับถอดถอนท่อนเอ็นร้อนผ่าวออก จับร่างบางพลิกคว่ำยกสะโพกงอนกระดกขึ้นกลายเป็นท่าคลานเข่า มือหนาจับเข่าเล็กให้อ้าออกกว้างกดแผ่นหลังบางขาวผ่องจนใบหน้าและหน้าอกอวบอิ่มแนบไปกับพื้นเตียงนุ่ม บั้นท้ายงามงอนกระดกขึ้น บุปผางามชุ่มฉ่ำน้ำปรากฏสู่สายตาที่ไฟแห่งราคะกำลังโหมกระพือกลีบดอกอวบอูบสีแดงบวมช้ำจากการถูกลุกลานจากแกนกายใหญ่ล่อลวงให้ส่งลิ้นร้อนหนาสากระคายตวัดไล้เลียโลมลูบปลอบประโลม กดปลายลิ้นอุ่นชื้นไปตรงตุ่มเกสรกลางดอกไม้งาม ดุนดันจนสะโพกผายส่ายเร่าครวญครางเสียงสั่น ก่อนจะถอนปากร้อนออก มือหนาส่งนิ้วเรียวไปบดบี้ตุ้มเกสรแล้วส่งนิ้วยาวใหญ่เข้าไปในช่องทางรักชักเข้าออกจนน้ำหวานติดตามง่ามนิ้วถอดถอนนิ้วเรียวออกมาจากช่องทางรักที่บีบรัดแน่น แล้วใช้สองนิ้วแยกกลีบดอกอวบอูมออกกว้างก่อนจะชอนไชลิ้นหนาสากเข้าไปยังร่องสวาทปาดเลียขึ้นลงตามร่องเปียกแฉะ ก่อนจะกดลึกลงไปตรงแอ่งน้ำน้อยที่กลืนกินเท่าไหร่ก็ไม่เหือดแห้งกลืนกินจนร่างบางครางระงมกระดกปลายลิ้นถี่รัว น้ำหวานหลั่งรินจนเปียกชุ่มไหลเอ่อแอ่งน้ำน้อย "อาาาส์ ได้โปรดไม่ไหวแล้ว อร้ายยย" เสียงครางแว่วหวา
วันนี้ลี่เซียนรู้สึกว่าท้องฟ้าช่างมืดเร็วนัก หลังจากอาบน้ำชำระกายเรียบร้อยก็เตรียมตัวเข้านอน แต่เมื่อก้าวออกมาจากหลังฉากกั้น ก็เห็นร่างของสามีที่นอนตะแคงข้างเปลือยอกที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามนอนรอท่าอยู่บนเตียง เมื่อสายตาคมที่เต็มไปด้วยประกายวาบหวามใช้มือหนาตบที่นอนนุ่มข้างตัวเบาๆ ด้วยท่าทางสบายๆ แต่กลับทำให้หัวใจนางเต้นกระหน่ำค่อยๆ ก้าวขาที่รู้สึกว่าจะอ่อนแรงเสียดื้อๆ ขึ้นลานเชือด ก่อนค่อยๆ ล้มตัวลงนอนข้างๆ บุรุษที่กลิ่นตัวบุรุษเพศของพระองค์ในตอนนี้ช่างทำให้นางถึงกับใจสั่น รู้สึกถึงลมหายใจที่เป่าลดอยู่นั้นมันร้อนรุ่มเหมือนเจ้าของจะจับไข้อ๋องสามที่ได้กลิ่นของเนื้อนวลที่ถวิลหา ทำให้หัวใจแกร่งเต้นระส่ำอยากจะโจนจ้วงเข้าหานางปลดปล่อยอารมณ์รุนแรงที่อัดแน่นอยู่ในกายแกร่ง อารมณ์ปรารถนาสูบฉีดจนเลือดในกายวิ่งพล่าน แต่พยายามข่มอารมณ์ลงเพราะลูกน้อยในครรภ์แม้อยากจะรักนางให้สมกับการรอคอยเพียงใดแต่ก็ต้องหักห้ามใจไม่ให้เผลอทำรุนแรงริมฝีปากหนาและลมหายใจผ่าวร้อนที่ก้มลงมาขบเม้มลำคอหอมกรุ่นขาวผ่องทำให้ขนอ่อนลุกพรึ่บไปทั้งร่าง พร้อมอาการเกร็งตัวขึ้นของสตรีในอ้อมแขน"อย่าเกร็ง" เสียงสั่นแหบพร่าร้องสั่งขึ้น