เมื่อ เหยาเหยา ซุปเปอร์สตาร์ดาวร้ายแถวหน้าของวงการประสบอุบัติเหตุจมน้ำเสียชีวิต ในวัยแค่25 ปี ดันมาโผล่ในร่าง คุณหนู เมิ่งอ้ายเย่ว คุณหนูผู้แสนร้ายกาจที่ชะตาอาภัพ บิดา มารดา เสียชีวิต แถมหน้าตาอัปลักษณ์ อ้วนฉุ อารมณ์ร้าย ขี้โมโห ตามหึงหวงจนคู่หมายไม่ปรารถนา รังเกียจเข้าขั้นเกลียดชัง ดีหน่อยที่พ่อแม่ว่าที่สามียังเอ็นดู ไม่อย่างนั้นคงถูกเฉดหัวออกจากจวนแล้วเป็นแน่ เหอะ แต่ใครจะสนใจเล่า อย่ามายุ่งกับข้า ข้าจะแปลงโฉม อ้วนขนาดนี้ข้ารับไม่ได้!!!!
View Moreวันนี้อ้ายเย่วลุกขึ้นมาแต่เช้าเพื่อช่วยจิ้นผิงและเจ้าลิงทโมนสองพี่น้องนำดอกไม้ลงแปลงจนล่วงเลยมายามบ่ายถึงจะเสร็จเรียบร้อย ยืนมองสวนดอกไม้ของนางที่เป็นรูปเป็นร่างอย่างที่นางออกแบบไว้อย่างภูมิอกภูมิใจนัก รอแค่ให้มันแข็งแรงและออกดอกเท่านั้น ฝีมือการแต่งสวนของนางไม่ธรรมดาเลย คนบ้าอะไรทั้งสวยและเก่งขนาดนี้ เฮ่อ ชอบตัวเองจริงๆ เลยอะ อิอิ แต่ถึงอย่างนั้นก็ทำให้นางถึงกับหมดแรงกันเลยทีเดียว การปลูกดอกไม้ก็เหนื่อยไม่ใช่เล่นเลยนะนี่ ร่างบางที่ยืนชื่นชมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับฝีมือตัวเองอยู่นั้นช่างดูน่ารักน่าเอ็นดูในสายตาบุรุษที่ยืนมองนางอยู่นักถึงแม้ตอนนี้ร่างสตรีตรงหน้าจะดูมอมแมมเต็มไปด้วยเศษดินเศษหญ้าแต่ก็ไม่อาจลดทอนความงดงามของนางลงได้ แต่นางกลับดูน่ารักไปอีกแบบอ้ายเย่วที่กำลังหมุนกายเพื่อจะไปอาบน้ำชำระเหงื่อไคลเพราะตอนนี้รู้สึกเหนียวตัวนักแต่กลับพบกับร่างสูงที่นางเห็นหน้าตลอดหลายวันที่ผ่านมาจนกลายเป็นความคุ้นชินไปเสียแล้วยืนส่งยิ้มมาให้และในอ้อมแขนยังอุ้มเจ้าขนปุยที่นางรู้ว่าเป็นแมวของวังจันทราที่เดี๋ยวนี้กลายเป็นลูกรักของบุรุษหล่อเหลาที่อุ้มมันอยู่ นึกถึงสิ่งที่บุรุษผู้นี้กล่าวเหตุผลที่เอาอกเอ
เล่อชินอ๋องที่ได้ทำความรู้จักและสัมผัสนิสัยใจคอของสตรีที่พระองค์พึงใจนั้น ก็รู้สึกได้ว่าพระองค์ไม่อาจถอนตัวถอนใจมาจากนางได้อีกแล้ว ยิ่งได้รู้จักได้ใกล้ชิดพระองค์ก็ยิ่งปักใจรักในตัวนาง อยากมีนางอยู่เคียงข้างตลอดไป เวลานางทำอะไรหรือแสดงความรู้สึกอะไรออกมาช่างดูน่าเอ็นดูนัก สตรีของชินอ๋องจะดูธรรมดาได้อย่างไร พระองค์ที่คอยสังเกตอากัปกิริยาของนางอยู่ตลอด นึกเอ็นดูนางมารน้อยของพระองค์นัก นางช่างร้ายกาจใช่เล่น รู้ทันเล่ห์เหลี่ยมมารยาของผู้อื่นเสมอแต่แกล้งทำหน้าตาใสซื่อจนพระองค์นึกขำ แต่ต้องแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แต่ความจริงนั้นพระองค์ต้องกดข่มไม่ให้เผลอแสดงท่าทีให้นางจับได้"ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ ทำไมพระองค์ถึงไม่บอกแม่นางเมิ่งไปล่ะ ว่าพระองค์คือชินอ๋องจ้าวหย่งเล่อ เดี๋ยวนางมารู้ทีหลังจะพาลโกรธพระองค์เอาได้นะพ่ะย่ะค่ะ"องครักษ์ต้าหลงที่เอ่ยถามขึ้นด้วยความเป็นห่วงเพราะเล่อชินอ๋องนั้นไม่ยอมบอกแม่นางเมิ่งว่าตัวเองเป็นใคร ปล่อยให้นางเข้าใจผิดคิดว่าพระองค์เป็นแค่พระญาติของเล่อชินอ๋องเท่านั้น การเริ่มต้นด้วยการโกหกนั้นไม่ใช่เรื่องดีอย่างยิ่ง"กำลังหาทางบอกอยู่"พระองค์ใช่ว่าจะไม่กลัวว่านางจะโกรธ และพ
หลังจากออกจากเหลาอาหารอ้ายเย่วและเล่อชินอ๋องก็พากันมาเดินชมตลาดยามค่ำคืนโดยมีบุรุษและสตรีที่ทำตัวเป็นปลิงเกาะไม่ยอมปล่อย ช่างขัดหูขัดตานางนัก นางจะสวีทกับบุรุษข้างกายให้หวานชื่นดังคู่รักพึงกระทำให้ฉ่ำหัวใจเสียหน่อยก็ไม่ได้ คนสวยเซ็ง เดินมาจนถึงร้านเครื่องประดับที่มีเครื่องประดับสำหรับสตรีมากมายนักจนนางมองด้วยแววตาแปร่งประกาย เครื่องประดับยุคโบราณนี้ช่างงดงามดูมีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด"เย่วเอ๋อ ชอบหรือ" เสียงทุ้มที่เอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นสายตาของนาง ร่างบางจึงพยักหน้าหงึกหงักอย่างน่าเอ็นดูนัก"อยากได้ชิ้นใดเลือกได้เลย พี่อยากซื้อเป็นของแทนใจชิ้นแรกระหว่างเรา หากชอบหมดทั้งร้านก็ย่อมได้" ร่างสูงที่เอ่ยขึ้นพร้อมมองสบตานาง หากเจ้าอยากได้สิ่งใดพี่พร้อมจะประเคนให้ แม้แต่ตัวพี่หากเจ้าอยากได้พี่ก็ยินดียิ่งนักสายเปย์เสียด้วยพ่อเทพบุตรของฉัน ภาพบุรุษและสตรีตรงหน้าที่ทำเหมือนรอบกายมีแค่เพียงสองคนสร้างความเดือดดาลให้สตรีที่เดินมาด้านหลังนัก หันมองบุรุษข้างกายที่ทำหน้าเหมือนคนกำลังจะตายแต่ไม่คิดจะทำอะไรสักอย่าง อย่างขัดใจนัก จึงสะบัดหน้าเดินกลับออกไป นางต้องกลับไปตั้งหลักก่อน ขืนอยู่ต่อนางคงต้องแค้
หลังจากมื้ออาหารที่สุดแสนจะอร่อยกว่าทุกมื้อที่เคยกินมาในความรู้สึกของอ้ายเย่วจบลง เสี่ยวเอ้อก็ยกน้ำชากาใหม่มาเปลี่ยนอย่างรู้งานนัก อ้ายเย่วจึงเป็นฝ่ายเปิดการสนทนาอย่างจริงจังเพราะนางอยากไปเดินชมตลาดเต็มที อยากจะออกไปเดินชมบรรยากาศยามค่ำคืนของยุคนี้โดยมีบุรุษรูปงามเดินเคียงคงจะดูโรแมนติกสุดๆ"ท่านแม่ทัพมีอะไรจะพูดกับข้าก็พูดมาเถอะเจ้าค่ะ ข้ามีธุระต้องไปทำต่อ"แม่ทัพหานลู่เหวินที่ฟังสตรีที่เขาให้คนออกตามหาอยู่หลายวันเอ่ยขึ้นอย่างห่างเหินนักรู้สึกเจ็บจุกในอกแปลกๆ จึงสูดลมหายใจลึกเข้าปอดหลับตาลงอย่างตัดสินใจ เขาไม่ยอมเสียนางไปเด็ดขาด"ข้าอยากให้เจ้ากลับไปอยู่ที่จวนแล้วข้าจะจัดพิธีมงคลสมรสระหว่างเราให้เร็วที่สุด ตามที่บิดาของเราได้ตกลงกันไว้ และขอโทษที่ทำให้เจ้าต้องรอมานาน""............"อ้ายเย่วที่ตกตะลึงกับคำกล่าวของแม่ทัพลู่เหวินที่บทจะง่ายก็ง่ายจนใจหาย แล้วหันไปมองหน้าสตรีอีกคนที่เห็นประกายยินดีในแววตาวูบหนึ่งก่อนตาคู่นั้นจะชำเลืองมองไปยังบุรุษอีกคนที่นั่งอยู่ตรงหน้านางด้วยแววตาหวานหยดย้อย แต่บุรุษผู้นั้นกำลังมองมายังนางอย่างรอคอยคำตอบเช่นกัน"ต้องขอโทษท่านแม่ทัพด้วย ข้ามิได้คิดกับท่า
"เมิ่งอ้ายเย่ว" อ้ายเย่วที่หันมามองบุรุษที่เรียกนางผู้มายืนทำหน้าบอกบุญไม่รับแล้วหันมามองบุรุษที่กำลังนั่งมองนางอยู่เช่นกัน ทำไมถึงรู้สึกเหมือนตัวเองได้รับบทเป็นนางเอกที่กำลังต้องเลือกระหว่างพระเอกกับตัวร้ายเลยอะ คนสวยเพลีย หากให้นางเป็นนางเอกนางก็ต้องเลือกพระเอกสิ แต่พระเอกของนางต้องเป็น พ่อเทพบุตรหน้ามนตรงหน้าเท่านั้น บอกเลย"เย่วเอ๋อ รู้จักกับคุณชายท่านนี้หรือ" เสียงทุ้มที่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสบายๆแต่ทำไมนางสังเกตเห็นว่าในดวงตาคนตรงหน้าช่างน่ากลัวนัก"เจ้าค่ะ นี่ท่านแม่ทัพหานลู่เหวินเจ้าค่ะพี่หยางเล่อ" เย่วเอ๋อ พี่หยางเล่อเช่นนั้นหรือสองคนนี้สนิทกันแค่ไหนถึงได้เอ่ยเรียกกันเช่นนี้ แต่เขาเป็นคู่หมายของนางอยากเรียกอย่างไรก็เรียกไปร่างสูงที่ได้รับการแนะนําจึงยืดอกขึ้นหันไปมองบุรุษที่นั่งอยู่อย่างต้องการจะข่มคนตรงหน้าที่มองมายังตนอย่างท้าทายไม่ทุกร้อนถึงกับเกิดความไม่พอใจที่บุรุษผู้นี้มองตนอย่างกับตัวอะไร อ้ายเย่วที่เห็นทั้งสองมองตากันเหมือนมีกระแสไฟกำลังปะทุ อย่านะคงไม่เกิดศึกชิงนางขึ้นใช่หรือไม่ รู้ตัวแหละว่าสวย"เอ่อ ท่านแม่ทัพมีธุระอะไรกับข้าหรือไม่เจ้าคะ" "ทำไม การที่คู่หมั้นคู่
หลังจากที่เล่อชินอ๋องในคราบของคุณชายโจหยางเล่อพาอ้ายเย่วไปเลือกพันธุ์ไม้จนเป็นที่พออกพอใจของนางนัก แล้วจึงพาคนงามมายังเหลาอาหารขึ้นชื่อเป็นอันดับหนึ่งของเมืองหลวงด้วยรถม้าส่วนตัวของวังจันทรา ภาพบุรุษที่ดูหล่อเหลานักรอบกายมีกลิ่นอายของความน่าเกรงขามและสูงส่งจนสัมผัสได้ที่ก้าวลงมาจากรถม้าแล้วยื่นมือหนาไปรับมือบอบบางปรากฏร่างสมส่วนของสตรีที่ดูงดงามเย้ายวน เป็นที่จับตามองของผู้คนเป็นอย่างยิ่ง สองร่างที่เดินเคียงกันเข้ามาทำให้เกิดเป็นเสียงกระซิบว่าทั้งคู่เป็นใครดูจากรถม้าที่ประทับตราของวังจันทราย่อมไม่ธรรมดา เสี่ยวเอ้อที่เข้ามาต้อนรับค้อมกายคำนับอย่างอ่อนน้อมเดินนำไปยังชั้นสองสอบถามว่าต้องการห้องที่เป็นส่วนตัวหรือไม่ บุรุษตรงหน้าหันมามองอ้ายเย่วอย่างจะขอความเห็นจากนาง อ้ายเย่วที่เดินขึ้นมายังชั้นสองสังเกตเห็นสตรีนางหนึ่งที่นั่งอยู่ตรงระเบียงบนชั้นสองช่างดูคุ้นในความรู้สึกและภาพสตรีที่นางเคยเห็นในความฝันก็แวบเข้ามาในหัว ไป๋อี้ชิง "ข้าอยากนั่งชมบรรยากาศตรงระเบียงมากกว่าเจ้าค่ะพี่หยางเล่อ"บอกเสียงอ่อนหวานพลางส่งยิ้มให้บุรุษตรงหน้า อยากอวดมีไรป่ะล่ะเสี่ยวเอ้อจึงเดินนำทั้งสองไปนั่งยังที่ว่า
ร่างบางที่นอนคว่ำหน้าบนหมอนหนานุ่ม ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างคนที่กำลังตกอยู่ในห้วงแห่งรัก เงยใบหน้างามที่ดูเปล่งปลั่งขึ้นมองบ่าวรับใช้คนสนิทที่เปิดประตูเข้ามา"จิ้นผิง" จิ้นผิงที่หันมามองคุณหนูของนางที่ส่งยิ้มงดงามมาให้อย่างโง่งมนัก คุณหนูของนางยิ่งมองก็ยิ่งงาม"เจ้าคะ" "เจ้าเคยได้ยินนามคุณชายโจหยางเล่อหรือไม่" เอ่ยถามแล้วมองมายังจิ้นผิงด้วยแววตาเต็มไปด้วยความหวังว่าคำตอบของจิ้นผิงจะไม่ทำร้ายจิตใจนางนัก "คุณชายโจหยางเล่อหรือเจ้าคะ อืม ไม่เคยได้ยินนะเจ้าคะ" คำตอบจากปากของจิ้นผิงทำให้ใบหน้างามถึงกับเหงาหงอย บุรุษรูปงามเช่นนั้นไม่รู้จักได้อย่างไรกัน แต่ต้องเงยหน้าขึ้นมองจิ้นผิงอย่างรวดเร็วกับประโยคต่อมา"แต่แซ่โจ นี่คุ้นมากเลยนะเจ้าคะ อ้อ นึกออกแล้วเจ้าค่ะ แซ่โจคือสกุลของอดีตฮองเฮาเจ้าค่ะ"" อดีตฮองเฮาหรือ" "ก็พระมารดาของฮ่องเต้องค์ปัจจุบันและก็เป็นพระมารดาของเล่อชินอ๋องอย่างไรเล่าเจ้าคะ" คำตอบของจิ้นผิงทำให้ดวงตาของอ้ายเย่วพราวระยับเต็มไปด้วยประกายยินดีอย่างปิดไม่มิด" มีอะไรหรือไม่เจ้าคะ แล้วคุณหนูไปรู้จักคุณชายโจหยางเล่อคนนั้นได้อย่างไรกัน" อ้ายเย่วที่มองมายังจิ้นผิงอย่างเขินอายนั
จิ้นผิงที่นั่งมองคุณหนูของนางเดินไปเดินมาตรงที่ว่างด้านข้างจวนตั้งแต่เช้าตรู่เดินแล้วหยุดมองกำแพงจวนแล้วเดินต่อทำอย่างนั้นอยู่ราวสองเค่อแล้วก็ไม่เห็นคุณหนูจะสั่งให้นางทำอะไรเสียทีจึงเอ่ยถามขึ้น"คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูหาอะไรอยู่หรือไม่เจ้าคะ ให้บ่าวช่วยหาหรือไม่" อ้ายเย่วถึงได้หยุดเดินแล้วหันมามองบ่าวคนสนิท"เปล่า ไม่ได้หาอะไรข้าแค่เดินสำรวจหน้าดินเท่านั้นว่าจะหาพันธุ์ไม้มาปลูกเสียหน่อย เจ้ามีอะไรทำก็ไปทำเถอะ" เอ่ยเสร็จก็โบกมือไล่แล้วเริ่มเดินต่อ จิ้นผิงเห็นดังนั้นก็ได้แต่ส่ายหน้า คุณหนูของนางเริ่มจะมีท่าทางประหลาดขึ้นทุกวัน จึงเดินออกไปเงียบๆ ได้แต่คิดว่าคุณหนูอาจจะกำลังหาอะไรทำเพราะคิดถึงท่านแม่ทัพเป็นแน่เพราะที่ผ่านมามักจะทำตัวติดท่านแม่ทัพตลอดคงต้องการเวลาเพื่อทำใจจึงไม่อยากรบกวนปึ๊ก!!! "โอ้ยยยย" อ้ายเย่วที่กำลังคิดหาทางสร้างบุพเพให้ตัวเองเพลินๆ เลยเดินชนคนที่มายืนขวางด้านหน้าอย่างจัง"จิ้นผิงงง บอกแล้วอย่างไรเล่า?" 0o0!!!พ่อเทพบุตรสุดหล่อของฉัน นึกว่าคิดมากจนฝันไปจึงยกมือบางขึ้นขยี้ตาแต่ภาพตรงหน้าก็ยังเหมือนเดิมและสัมผัสอุ่นร้อนของอ้อมแขนที่โอบประคองนางอยู่ทำให้ร่างบางรีบผละออ
"จ้าวหย่งเล่อ เจ้าของวังจันทราเป็นอนุชาในฮ่องเต้ จ้าวจงเยี่ยน แห่งแคว้นจ้าว มีรูปโฉมอัปลักษณ์น่ากลัว นิสัยใจคอก็โหดเหี้ยมและทรงสวมหน้ากากอยู่ตลอดเวลางั้นหรือ แถมยังไม่มีเมียอีก แล้วพ่อเทพบุตรหน้ามนคนนั้นเป็นใครกัน"ร่างบางที่กำลังครุ่นคิดถึงบุรุษที่ตนพบพานว่าเขาคนนั้นเกี่ยวข้องอันใดกับวังจันทราและเล่อชินอ๋องกัน พูดออกมาราวคนละเมอ "อะไรนะเจ้าคะคุณหนู" จิ้นผิงที่ฟังคุณหนูของนางร่ายเรียงสิ่งที่นางบอกไป แล้วพึมพำอะไรบางอย่างที่นางฟังไม่ค่อยจะชัดนัก" ไม่มีอะไร แล้วพระองค์แก่แล้วหรือยัง"" ยังไม่แก่เจ้าค่ะทรงมีพระชันษายี่สิบหกหรือยี่สิบเจ็ดนี่ละเจ้าค่ะ บ่าวก็จำไม่ค่อยจะได้เพราะชินอ๋องไม่ค่อยจะชอบออกมาจากวังนักหากไม่มีความจำเป็นจริงๆ" ยี่สิบหกยี่สิบเจ็ดงั้นหรืออายุก็คงจะใกล้เคียงกันเพราะบุรุษผู้นั้นก็คงจะประมาณนี้ ตอนนี้นางสิบเจ็ด ห่างกันเป็นสิบปีเลยเหรอนี่ แต่ไม่เป็นไรโบราณว่าไว้ ยิ่งแก่ยิ่งมัน อิอิ จิ้นผิงนั่งมองคุณหนูของนางอย่างโง่งมนักเพราะอยู่ๆ ก็ยิ้มอยู่ๆ ก็หัวเราะ นางไปตามหมอดีหรือไม่"แล้วไม่ทรงมีข่าวกับสตรีบ้างเลยหรือ" "อืม ไม่เคยได้ยินนะเจ้าคะ แต่เคยมีข่าวลือออกมาว่าทรงชมชอบ
เมื่อ เหยาเหยา ซุปเปอร์สตาร์ดาวร้ายแถวหน้าของวงการบันเทิงประสบอุบัติเหตุจมน้ำเสียชีวิต ในวัยแค่25 ปี ดันมาโผล่ในร่าง คุณหนู เมิ่งอ้ายเย่ว ที่พลัดตกน้ำเช่นกันแต่ไม่รู้ว่าเหตุใดนางถึงมาอยู่ในร่างนี้ได้ คุณหนูผู้แสนร้ายกาจที่ชะตาอาภัพ บิดา มารดา ที่เป็นหมอที่มีฝีมือในการรักษาเก่งกาจน่าเสียดายที่มาเสียชีวิตเพราะโดนโจรปล้น แต่เดชะบุญเมื่อครั้งบิดามารดา ยังมีชีวิตได้มีบุญคุณต่ออดีต แม่ทัพพิทักษ์ดินแดนที่โดนลอบทำร้ายจนตกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่สองสามีภรรยามาเจอเข้าและได้นำตัวไปรักษาจนหายเป็นปกติจนเกิดเป็นบุญคุณใหญ่หลวงเพราะหากไม่ได้ทั้งสองคงไม่อาจรอดพ้นจากความตาย ตอนนี้ปลดระวางสืบทอดตำแหน่งให้แก่บุตรชายคนโต หานลู่เหวิน ที่เมิ่งอ้ายเย่วตกหลุมรักทันทีที่สบตา จึงเป็นเหตุให้ทั้งคู่เป็นคู่หมายกัน ด้วยเหตุผลบุญคุณต้องทดแทน ถึงแม้ แม่ทัพรูปงามหานลู่เหวินจะไม่ชมชอบในตัวนางด้วยเหตุนี้เมื่อบิดามารดาจบชีวิตนางจึงเหลือตัวคนเดียวเพราะไร้ญาติขาดมิตร จวนตระกูลหานจึงรับนางเข้าตระกูลในฐานะว่าที่ฮูหยินน้อยจวนแม่ทัพ แต่นางก็สร้างเรื่องสร้างราวไว้มากมายเหลือเกิน จนบ่าวไพร่ในจวนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ ด้วยนางเป็น...
Comments