เมิ่งอ้ายเย่ว ที่ตอนนี้เหงื่อไหลจนเปียกชุ่มเพราะนางต้องลุกออกมาวิ่งและบริหารร่างกายทุกๆ ยามเหม่า ตอนนี้ก็กินเวลากว่าหนึ่งเดือนแล้ว จนร่างกายดูสมส่วน ส่วนที่ควรมีก็มีส่วนที่ควรเล็กคอดก็คอด ส่วนเว้าส่วนโค้งดูสวยงาม หน้าอกหน้าใจกลมกลึงสร้างความพึงพอใจให้นางนัก
"จิ้นผิงเอาผลซีหงซื่อมาบดแล้วหรือไม่"
"บดแล้วเจ้าค่ะ"
ทุกๆ วันนางจะนำผักผลไม้มาพอกใบหน้าจนตอนนี้หน้านางดูชุ่มชื่นเกลี้ยงเกลาขึ้นมากใช้เวลาเพียงไม่นานคงจะสวยขึ้น คงได้เวลาที่นางร้ายอย่างนางจะลงจออีกครั้ง
หากให้นางร้ายแบบไม่สวยเพอร์เฟคนางทำไม่ได้ แต่ถ้าร้ายแบบดูดีทุกระเบียบนิ้วนางขอสู้ตาย
อยากจะเห็นหน้าว่าที่สามีของร่างนี้นักว่าหล่อสู้พระเอกโอ้ปป้าของนางได้หรือไม่ หากไม่เข้าตานางก็ไม่โอหรอกนะ ขอคัดเลือกบุรุษที่จะเป็นสามีเอง ยังไงๆ นางก็เป็นเจ้าของร่างนี้แล้ว ขอเลือกที่เข้าตาตัวเองก็แล้วกัน สวยแล้วเลือกได้อะนะต้องเข้าใจ
อ้ายเย่วที่ตอนนี้อาบน้ำขัดสีฉวีวรรณจนงามเริ่ด กำลังนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด ไร้รสนิยมอย่างรุนแรง ทำไมเสื้อผ้ามีแต่สีฉูดฉาดขนาดนี้ ใส่เข้าไปได้ยังไง อย่างกับนกแก้วนกขุนทอง เลยตัดสินใจเลือกสีชมพูเรียบๆ มาสวม แต่ก็ดูหลวมมากใส่ออกมาดูคล้ายกับตัวตลก
"จิ้นผิง มีเข็มกับด้ายหรือไม่"
"มีเจ้าค่ะ คุณหนูจะทำอะไรหรือเจ้าคะ"
"ข้าจะเย็บชุดใหม่"
กล่าวพร้อมส่งยิ้มแววตาระยิบระยับไปให้ เห็นนางอย่างนี้ใช่ว่าจะมีดีแค่หน้าตา ความสามารถทางด้านการแสดง ความเป็นกุลสตรีนางก็มีเช่นกัน เรื่องเย็บปักถักร้อยสบายมาก ชาติก่อนนั้นนางชอบการออกแบบชุดสวยๆมาก จนบางครั้งกองถ่ายยังขอชุดที่นางออกแบบเล่นๆ มาทำเป็นชุดในละครก็มี เมื่อจิ้นผิงนำเข็มกับด้ายมาให้ จึงหันไปเลือกชุดที่นำมากองๆ ไว้ หลากสีสันนั้น หยิบเอาชุดสีฟ้าสดใสมาเก็บขอบเย็บให้ดูพอดีตัว ตัดส่วนที่ดูเกินๆ ออก ตรงไหนที่ดูรุ่มร่ามก็ตัดออก นำสีขาวมาเย็บติดขอบด้วยสีน้ำเงินเข้มใช้เป็นผ้าคาดเอว ได้ชุดเรียบๆ หนึ่งชุด แต่ดูดีนัก จิ้นผิงที่เห็นถึงกับมองอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าชุดที่ดูรุ่มร่ามและไร้รสนิยมจะดูดีได้ถึงขนาดนี้
เมื่อเมิ่งอ้ายเย่วลองใส่ดูก็รู้สึกพอใจนัก
"งามเหลือเกินเจ้าค่ะคุณหนู"
จิ้นผิงถึงกับมองอย่างโง่งมนัก คุณหนูของนางช่างงดงามนัก ดูเป็นคุณหนูสูงศักดิ์ที่ดูงดงามนุ่มนวล
"ไป จิ้นผิงไปกัน"
"ไปไหนเจ้าคะ"
"ไปตลาดอย่างไรเล่า งามขนาดนี้แล้วต้องอวดโฉมเสียหน่อย"
"คุณหนูคิดจะทำอะไรอีกแล้วเจ้าคะ"
จิ้นผิงทำหน้าอย่างอยากจะร้องไห้
"ข้าไม่ก่อเรื่องหรอกน่า แค่จะไปหาผ้าสวยๆ ตัดชุดเสียหน่อย เสื้อผ้าพวกนี้ใส่ไม่ได้แล้ว"
"เสื้อผ้าพวกนี้บางตัวท่านยังไม่ใส่เลยนะเจ้าคะ เดี๋ยวบ่าวแก้ให้เล็กลงก็ใส่ได้"
" ไม่อะ ข้าไม่ชอบแล้ว เปลี่ยนใหม่เถอะ หรือเจ้าไม่คิดว่ามันไม่เหมาะกับข้า"
จิ้นผิงมองไปยังเสื้อผ้าเหล่านั้น นางก็ว่าไม่เหมาะกับคุณหนูเป็นอย่างยิ่ง คุณหนูใส่แล้วดูมีอายุกว่าอายุจริงเพราะสีมันแรงมาก สีแดงก็แดงเถือก สีส้มก็ส้มจนแสบตา
" เจ้าค่ะ ไปก็ไป"
สตรีงดงามที่เดินกรีดกรายเข้าร้านนู้นออกร้านนี้อย่างมีความสุขนัก เกิดเป็นคนสวยและรวยมากมันก็ดีอย่างนี้แหละนะ โชคดีที่ร่างนี้นั้นมีเงิน ทองที่บิดามารดาทิ้งไว้ให้มากมายไม่อย่างนั้นนางไม่อยากจะคิดเลยว่าจะใช้ชีวิตอยู่ในบ้านเมืองนี้ได้อย่างไร นางไม่ได้ข้ามภพมาแล้วมีความเทพทรูเหมือนในละครหรือนิยายเสียด้วยสิ ชีวิตก่อนใช้หน้าตาและความสามารถด้านการแสดงเลี้ยงชีพเท่านั้น เดินชื่นชมสิ่งของสวยๆ งามๆ ที่ดูแปลกตาอยู่นานชักจะหิว จึงได้ชวนจิ้นผิงที่ดูเริงร่านักไปหาอะไรรองท้อง เดินเลือกหาอยู่นานจนมาเจอเหลาอาหารที่ดูท่าจะอร่อยเพราะดูจะครึกครื้นนักเมื่อร่างงามเย้ายวนเดินกรีดกรายเข้าไปดั่งนางพญาที่เดินเชิดหน้าไหล่ตั้งหลังตรงจนติดเป็นนิสัยมาตั้งแต่ภพก่อนเดินเยื้องย่างเข้ามาภายในเหลาอาหารก็เรียกความสนใจจากบรรดาหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ให้หันมามองนางเป็นตาเดียว แต่นางก็หาใส่ใจไม่เพราะเคยชินกับการถูกมองอย่างชื่นชมมาทั้งชีวิต แค่ไม่มองแล้วแบ้ปากใส่เป็นใช้ได้ ไม่เว้นแม้กระทั่งกลุ่มบุรุษสามสี่คนที่นั่งอยู่บนชั้นสองที่สังเกตตั้งแต่ใบหน้างามนวลผ่องโผล่พ้นประตูเข้ามา "ข้าว่าโฉมงามผู้นี้ดูคุ้นตาอย่างไรอยู่นะ""ข้าก็ว่าอย่
เมิ่งอ้ายเย่วที่นั่งดูบรรยากาศภายในเหลาอาหารแห่งนี้ แล้วนั่งพิจารณาอย่างสนใจนัก การตกแต่งที่แสนเรียบง่ายดูธรรมดาๆ ไม่ค่อยดึงดูดสายตานัก แต่ร้านอาหารของยุคนี้ส่วนใหญ่ก็จะให้บรรยากาศแบบนี้ อาหารก็เป็นอาหารรสชาติจืดๆ ไม่จัดจ้าน คิดแล้วก็อยากกินพวกส้มตำปูปลาร้านัก หากนางคิดจะเปิดขายอาหารอีสานในยุคจีนโบราณแบบนี้จะเป็นอย่างไรนะ คิดเล่นๆ แล้วก็ขำกับตัวเองนัก เมื่อทานอาหารไปเล็กน้อยนางก็ลองดื่มสุราของที่นี่รู้สึกได้ว่ารสแรงมากแต่ก็หอมดีแล้วจึงยกขึ้นดื่มอีกจอกทำให้ใบหน้านวลนั้นขึ้นสีแดงเปล่งปลั่ง น่ามองนัก "จิ้นผิง ข้าว่าจะออกมาจากจวนแม่ทัพแล้วหาซื้อจวนเล็กๆ ซักหลังเจ้าว่าดีหรือไม่"เอ่ยถามสาวใช้คนสนิทนางคิดเรื่องนี้อยู่หลายวันแล้ว จากที่เห็นทรัพย์สมบัติที่บิดามารเจ้าของร่างทิ้งไว้ให้ก็มีไม่น้อยนางคงอยู่ได้สบายไปหลายปีหากไม่ฟุ่มเฟือยจนเกินไปถึงนางจะทำอะไรไม่ค่อยจะเป็นแต่ก็ต้องหาอะไรทำไม่อย่างนั้นต่อไปคงลำบากแน่ อย่างแรกต้องออกจากจวนแม่ทัพนั่นก่อนไม่ได้เป็นอันใดกันจะอยู่แบบนี้ตลอดไปได้อย่างไรกัน และอีกอย่างหากคิดจะทำอะไรคงไม่สะดวกนัก เพราะคงจะมีคนมาจับตามองแน่"คุณหนูไม่แต่งให้ท่านแม่ทัพแล้วห
"จะยืนจ้องอยู่อีกนานหรือไม่?กลับจวนได้แล้วจะรอให้มีเรื่องอีกหรือไง ข้าไม่ได้ว่างมาช่วยเจ้าทุกครั้งที่ก่อเรื่องหรอกนะ"อ้าว !จีนี่ใครใช้ให้ช่วยกัน รู้หรอกว่าไม่ปลื้มแต่ไม่ต้องแสดงออกขนาดนี้ก็ได้ คิดอย่างไม่พอใจ"ข้ามาเองได้ก็กลับเองได้ ขอบคุณท่านมากที่สอดมือมาช่วย"ได้ยินสตรีตรงหน้ากล่าวออกมาหานลู่เหวินถึงกับกัดฟันกรอดหน้าแดงก่ำ นี่นางหาว่าเขาแส่เองใช่หรือไม่"เมิ่งอ้ายเย่ว!!"ร่างสูงที่ทำท่าจะก้าวมาฉุดกระชากนาง ทำให้นางต้องถอยหลังอย่างรวดเร็วจนบุรุษตรงหน้าชะงัก นี่นางไม่อยากให้เขาแตะต้องตัวถึงขนาดนี้เลยเหรอ"เจ้าคะ ทำไมต้องเสียงดังปานนั้น ข้าไม่ได้หูตึง และท่านก็คงจะไม่หูตึงเช่นกัน ข้า กลับ เอง ได้" กล่าวแล้วสะบัดหน้าเดินออกมาจนจิ้นผิงเดินตามเกือบไม่ทัน"คุณหนูทำอย่างนี้จะดีหรือเจ้าคะ อย่างไรท่านแม่ทัพก็เป็นคู่หมายและยังช่วยเหลือไว้อีกด้วย"จิ้นผิงเมื่อเดินทันคนตัวเล็กที่เดินตัวปลิวเอ่ยท้วงขึ้น"เหอะ แค่คู่หมายไม่ใช่สามีเสียหน่อยข้าไม่สนใจหรอกและอีกอย่างข้าก็ไม่ได้ขอให้ช่วยเสียหน่อย""คุณหนู""พอเถอะจิ้นผิง ข้าว่าเรามาหาที่ซุกหัวนอนดีกว่า กลับไปครั้งนี้อีตานั่นคงโยนข้าวของเราออกจากจว
เมิ่งอ้ายเย่วเมื่อกลับถึงจวนแม่ทัพก็ตรงเข้าเรือนของนางทันทีวันนี้นางรู้สึกเหนื่อยล้านัก รีบอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวพอหัวถึงหมอนก็หลับลึกทันที เมิ่งอ้ายเย่วมองเห็นสตรีร่างอวบอ้วนที่ใบหน้าเหมือนนางที่ฟื้นขึ้นมาครั้งแรกนักกำลังเดินมุ่งหน้าไปที่ไหนสักแห่งอย่างรีบร้อนนัก"ชิงเอ๋อ เจ้าอย่าได้น้อยใจไปเลยอย่างไรใจของพี่ก็เป็นของเจ้า" เสียงของบุรุษที่รู้สึกคุ้นหูนักเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยนนัก ทำให้เมิ่งอ้ายเย่วที่กำลังเดินมาทางที่มีบุรุษและสตรีรูปโฉมงดงามอ่อนหวานยืนพลอดรักกันอยู่ต้องหลบหลังพุ่มไม้ใหญ่"พี่สัญญาว่าจะแต่งเจ้าเป็นฮูหยินเอกอย่างแน่นอนพี่ขอเวลาอีกสักนิด เมิ่งอ้ายเย่วนางหลงใหลในตัวพี่นักอย่างไรนางต้องยอมแต่งเป็นฮูหยินรองอย่างแน่นอน ขอแค่นางยอม ท่านพ่อท่านแม่ของพี่มีหรือจะคัดค้านได้" เสียงของบุรุษที่ดังขึ้นทำให้นางรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างไหลลงมาจากดวงตา เมื่อเอามือแตะดูก็รู้ว่ามันคือน้ำตา นี่นางร้องไห้หรือ ไม่ใช่ นี่ไม่ใช่นาง แต่เป็นเมิ่งอ้ายเย่วคนเก่าต่างหาก ยืนมองสองหนุ่มสาวกกกอดกันอยู่นานโดยฝ่ายสตรีนั้นไม่กล่าวอันใดได้แต่ร้องไห้สะอึกสะอื้นแล้วส่งสายตาอย่างสมเพชมายังนาง ใช่!สตรีนางนั้น
"มีคนมาซื้อจวนที่ติดกับวังอย่างนั้นหรือ เป็นใครกัน"เสียงทุ้มที่เอ่ยอย่างราบเรียบไม่บ่งบอกว่าอยู่ในอารมณ์ใดหม่ากงกงพ่อบ้านใหญ่ของวังจันทรากำลังจะอ้าปากแจ้งต้องหุบฉับเพราะเสียงราบเรียบที่เอ่ยขึ้นจากเงาร่างสูงใหญ่ดูสูงส่งแผ่กลิ่นอายของผู้สูงศักดิ์ที่นั่งหันหลังป้อนหนอนตัวน้อยให้เจ้านกแก้วแสนรู้ด้วยท่วงท่าสบายๆ"จะเป็นใครก็ช่างเถอะแค่ไม่มายุ่งวุ่นวายก็พอ"กล่าวพร้อมโบกมือไล่หม่ากงกงเป็นการจบบทสนทนา"ชีวิตในแต่ละวันช่างน่าเบื่อหน่ายนักเจ้าว่าหรือไม่อาฟง"น่าเบื่อ น่าเบื่อเสียงเล็กแหลมของเจ้านกแก้ว นาม อาฟง เอ่ยอย่างแสนรู้นัก จนเจ้าของต้องป้อนเจ้าหนอนเคราะห์ร้ายให้เป็นรางวัลอ้ายเย่วที่จัดการเรื่องขนย้ายข้าวของเรียบร้อยแล้ว จึงมาขอพบท่านลุงท่านป้าเพื่อจะบอกกล่าวและร่ำลาผู้มีพระคุณทั้งสองที่ให้ความช่วยเหลือนางมาตลอดและให้การดูแลนางเป็นอย่างดีอย่างทราบซึ้งในบุญคุณนัก"เย่วเอ๋อเจ้าคิดดีแล้วหรือป้าว่าเจ้าทบทวนดูอีกครั้งดีหรือไม่สตรีที่ไม่มีบุรุษคอยปกป้องคุ้มครองจะไปอยู่กันตามลำพังได้อย่างไร"ฮูหยินของอดีตแม่ทัพพิทักษ์ดินแดนเอ่ยขึ้นอย่างห่วงใยนัก"ลุงเห็นด้วยกับป้าเจ้านะ จะอย่างไรลุงก็รับปากบ
เมิ่งอ้ายเย่วที่ตอนนี้กำลังเดินสำรวจจวนหลังเล็กนี้ ถือว่าจวนหลังนี้น่าอยู่มากเลยทีเดียว เป็นจวนกลางเก่ากลางใหม่ หากปรับปรุงเสียใหม่คาดว่าคงหน้าอยู่นักจวนหลักนั้นแบ่งออกเป็นห้าห้องเลยทีเดียว และห้องโถงก็ดูกว้างปลอดโปร่งนักนางคิดไว้ว่าจะทำเป็นห้องรับแขกแบบผสมผสานกับยุคที่นางจากมา นางใฝ่ฝันมานานว่าอยากมีบ้านที่มีบรรยากาศสงบเงียบ อากาศดีๆ สักหลัง เพราะยุคก่อนนางนั้นอยู่คอนโดสุดหรูที่แพงหูฉี่แต่ไม่มีพื้นที่ให้ปลูกผักปลูกหญ้ามากนัก นางเลือกห้องที่อยู่ทางปีกซ้ายที่ดูเหมือนจะใหญ่กว่าทุกห้องเป็นห้องนอนของนางที่พอเปิดหน้าต่างมองออกไปก็เห็นภูเขาที่อยู่ไกลออกไปสุดลูกหูลูกตา ซึ่งวิวดีนักนางคิดไว้ว่าจะทำแปลงดอกไม้ตรงที่ว่างด้านนี้เพราะพอเปิดหน้าต่างดูจะได้รู้สึกสดชื่น และห้องที่อยู่ติดกันจะทำเป็นห้องหนังสือและไว้สำหรับทำงานถึงตอนนี้จะไม่รู้ว่าจะทำงานอะไรก็เถอะ จิ้นผิงที่เลือกห้องที่อยู่ทางปีกขวาเป็นห้องนอนของนาง ซึ่งนางดูดีใจนักและอีกห้องยกให้สาวใช้ที่นางจะหาเพิ่มอีกคนเพื่อช่วยงานจิ้นผิงทำงาน จวนหลังนี้มีห้องครัวที่แยกออกไปด้านหลังที่ใหญ่ใช้ได้ รอบๆ จวนยังมีพื้นที่ว่างมากนัก นางคิดจะปลูกผักทำสวน แค
เมื่อได้ของที่ต้องการครบแล้วจึงพากันเดินมายังที่จอดรถม้าสำหรับเช่าเพราะถ้าจะให้นางเดินกลับคงไม่ไหวแน่ เฮ่อ! นี่ก็อีกเรื่องนางคงต้องหารถม้าเป็นของตัวเองสักคันเพื่อความสะดวกในการเดินทาง แต่ยังไม่ทันเดินไปถึงจุดหมายปลายทางก็ได้ยินเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นและเสียงด่าทอดังลั่นมาจากบ้านหลังหนึ่ง อ้ายเย่วจึงหันไปมองเห็นสตรีร่างกายอวบอ้วนกำลังถือไม้กวาดไล่ตีเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงตัวเล็กผอมแห้งดูแล้วน่าสงสารนัก ยังไม่ทันได้คิดอะไรขาเจ้ากรรมก็เดินตรงเข้าไปหาต้นเหตุของเสียงเอะอะโวยวาย จิ้นผิงที่เห็นนายตนเดินเข้าไปจึงรีบก้าวตามเพราะกลัวคุณหนูจะได้รับอันตราย"เกิดอะไรขึ้นเหตุใดถึงลงไม้ลงมือกับเด็กตัวเล็กนิดเดียว" เสียงหวานที่เอ่ยถามทำให้สตรีร่างท้วมเจ้าเนื้อหยุดมือ หันมองสตรีหน้าตางดงามตรงหน้าดูจากผิวพรรณแล้วคงเป็นพวกคุณหนูจวนใหญ่"ข้าแค่จะสั่งสอนพวกเด็กเหลือขอนี่เท่านั้น ท่านอย่ามายุ่งเลยจะดีกว่า" เด็กผู้ชายที่กอดเด็กผู้หญิงอย่างหวงแหนรีบเอ่ยขึ้น" ข้าแค่จะให้ท่านป้าตามหมอมาดูเสี่ยวเจินเท่านั้น แต่ท่านป้าไม่ยอมตามหมอให้ เสี่ยวเจินกำลังป่วย" อ้ายเย่วมองมายังเด็กผู้ชายที่ดวงตาแดงก่ำแต่น้ำตานั้นไ
เช้าวันรุ่งขึ้นรถม้าจากร้านรวงต่างๆ ก็มาส่งของตั้งแต่เช้าตรู่ โดยอ้ายเย่วให้ทุกคนช่วยกันทำความสะอาดห้องครัวก่อนจากนั้นจึงให้จิ้นผิงหุงหาอาหารง่ายๆ สำหรับมื้อเช้า เช้านี้จึงมีข้าวต้มและปลาตากแห้งทอด ซึ่งเด็กทั้งสองดูมีความสุขนักกินกันอย่างเอร็ดอร่อย พวกเขาบอกว่ามื้อนี้เป็นอาหารที่ดีที่สุดเท่าที่เคยกินมา เพราะทุกมื้อได้กินแต่น้ำข้าวกับแป้งทอดแข็งๆ เท่านั้น เมื่อกินกันอิ่มก็ช่วยกันทำความสะอาดและนำข้าวของมาเก็บอย่างเป็นระเบียบ อ้ายเย่วยืนมองห้องครัวที่ค่อนข้างจะเล็กแต่สะอาดสะอ้าน คิดว่าจะต่อเติมห้องครัวเสียหน่อยส่วนที่จะต่อเติมออกมาจะทำเป็นครัวแบบเปิดโล่งเหมือนครัวในชนบทที่มองออกไปก็เห็นแปลงผักและพืชผักสวนครัวต่างๆ ที่นางชอบดูในโลกออนไลน์แต่ไม่มีโอกาส วันนี้โอกาสนั้นมาถึงแล้ว "จิ้นผิงหากเราจะต่อเติมจวนต้องทำอย่างไรหรือ" จิ้นผิงที่กำลังเก็บข้าวสารและพวกเครื่องปรุงต่างๆ ให้เป็นระเบียบหันมาตอบคำถามคุณหนูของนาง"ต้องไปติดต่อช่างไม้ในตลาดเจ้าค่ะ บ่าวรู้จักอยู่ที่หนึ่งทำงานละเอียดอ่อนและมีฝีมือมากเจ้าค่ะ" "งั้นดีเลยข้าจะต่อเติมและซ่อมแซมจวนนี้เสียใหม่จะได้น่าอยู่ขึ้น" จากนั้นทั้งหมดก็ช่วยกั
"อ่านอะไรอยู่หรือเจ้าคะ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียว"เล่อชินอ๋องที่เงยหน้าขึ้นมองตามเสียงหวานละมุนนั้น รีบวางจดหมายในมือ ตรงเข้าไปโอบประคองร่างอุ้ยอ้ายที่หน้าท้องนั้นใหญ่โตมากของชายารักที่ใกล้คลอดเต็มที ที่เดินลูบหน้าท้องนู้นเข้ามาโดยมีจิ้นผิงคอยประคอง"น้องหญิง ออกมาทำไมกัน"ร่างหนาพูดขึ้นพร้อมโอบประคองร่างอวบอิ่มให้นั่งลงบนตั่งที่ปูด้วยเบาะหนานุ่มอย่างอ่อนโยน ก่อนมือหนาจะลูบบนหน้าท้องนูนสัมผัสถึงแรงกระตุกเบาๆ ของก้อนแป้งน้อยที่กำลังเติบโตอยู่ในครรภ์ของสตรีอันเป็นที่รัก ใบหน้าหล่อเหลานั้นยกยิ้มอย่างยินดีเมื่อเจ้าก้อนแป้งนั้นช่างรู้ความ เพียงบิดาสัมผัสก็จะตอบรับกลับมาเสียทุกครั้ง"จดหมายจากแม่ทัพตงหยวน ส่งมาแจ้งว่าลี่ฟางคลอดบุตรแล้ว เป็นคุณหนูใหญ่""จริงหรือเจ้าคะ น่ายินดีเสียจริง"ใบหน้าหวานนั้นยิ้มละมุนอย่างรู้สึกยินดี มองสวามีที่ก้มลงจูบเบาๆ บริเวณหน้าท้องนูน"เจ้าก้อนแป้งของบิดา เมื่อไหร่เราจะได้เจอกันเสียที"อ้ายเย่วที่ถึงกับยกยิ้มกับความอ่อนโยนนั้น ก่อนใบหน้างามจะขมวดมุ่น เมื่อรู้สึกปวดหน่วงตรงช่วงล่างจนเผลอเกร็งตัวร้องครางออกมา"อ๊ะ!"เล่อชินอ๋องที่เห็นอาการของร่างอวบอิ่มจึงรีบลูบท้อ
เล่อชินอ๋องที่มองร่างงดงามเย้ายวน ผิวขาวดูชุ่มฉ่ำเปล่งปลั่งราวจะคั้นน้ำได้ มือเรียวสวยที่กรีดกรายเขียนอักษรลงบนแผ่นกระดาษ ใบหน้านวลผ่องที่จดจ่อกับแผ่นกระดาษตรงหน้าดูน่าหลงใหลจนต้องลอบกลืนน้ำลาย ร่างอวบอิ่มนั้นทำให้พระองค์หลงใหลทุกครั้งที่ได้ชิดใกล้"น้องหญิงพี่แค่ไปหารือกับรัชทายาทเพียงครู่เดียวเท่านั้น และที่สำคัญก็มีแต่บุรุษ เจ้าจะไปได้อย่างไร เอาไว้พี่จะพาไปเที่ยวชมตลาดวันหลังดีหรือไม่"อ้ายเย่วเอียงหน้ามายิ้มหวานเป็นการตอบรับอย่างน่าเอ็นดูยิ่งนักในสายตาคนมอง แต่หารู้ไม่ว่ายิ้มนั้นมันเคลือบยาพิษเห็นว่าคนข้างๆ ยังให้ความสนใจกับสิ่งที่นางทำอยู่ไม่มีทีท่าว่าจะออกไปจึงเอ่ยถามขึ้น"ไม่เสด็จหรือเจ้าคะ องค์รัชทายาทรอแย่แล้วกระมัง""ยังไม่ถึงเวลานัดหมาย""แล้วนี่เขียนอันใดอยู่หรือ"เล่อชินอ๋องที่หรี่ตามองแผ่นกระดาษตรงหน้าชายารัก"กำลังตอบจดหมายของลี่ฟางเจ้าค่ะ"อ้ายเย่วตอบพร้อมหรี่ตามองบุรุษผู้เป็นสามีก่อนเอ่ยขึ้นอีกว่า"น้องว่าจะชวนนางเปิดกิจการด้วยกัน"เล่อชินอ๋องที่เงยหน้าขึ้นสบตาผู้เป็นชายา "เหตุใดต้องทำให้ตัวเองเหนื่อยกัน สมบัติในวังจันทราแห่งนี้มีให้เจ้าใช้และอยู่อย่างสุขสบายโดยไม่
อ้ายเย่วที่พับจดหมาย จากฮูหยินแม่ทัพแคว้นฉี เสียนลี่ฟาง ที่เขียนมาเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ฟัง ตั้งแต่จากกันวันนั้นจนวันที่นางได้ไปร่วมงานมงคลของทั้งสอง อ้ายเย่วและเสียนลี่ฟางก็ติดต่อกันโดยการเขียนจดหมายติดต่อกันตลอดก่อนจะให้จิ้นผิงพยุงร่างอุ้ยอ้าย มานั่งลงตรงที่นั่งในศาลากลางสวนสวย ตอนนี้อายุครรภ์ของนางย่างเข้าเดือนที่แปดแล้ว อีกไม่นานก็จะได้เจอกับเจ้าก้อนแป้ง ไม่รู้ว่านางหรือลี่ฟางที่จะคลอดก่อนกัน เพราะอายุครรภ์ของทั้งคู่ไล่เลี่ยกัน"จับซาไท้เป้า เจ้าค่ะพระชายา"อ้ายเย่วที่กำลังชื่นชมความงามของหมู่มวลดอกไม้ที่กำลังอวดดอกบานสะพรั่ง หันมารับถ้วยยาจากจิ้นผิง ซึ่งเป็นยาบำรุงครรภ์ ที่สวามีของนางขยันสรรหามาบำรุงนางจับซาไท้เป้า เป็นตำรับยาบำรุงครรภ์รับประทานในช่วงกลางถึงปลายระยะตั้งครรภ์ โดยนิยมเริ่มรับประทานในเดือนที่หกของการตั้งครรภ์ และหยุดรับประทานก่อนคลอดหนึ่งเดือนอ้ายเย่วอดรู้สึกชื่นชมตำรับยาสูตรโบราณนี้ไม่ได้ แม้ยุคนี้จะไม่มีความทันสมัยเหมือนยุคก่อนนางก็ไม่กังวลมากนักสรรพคุณของยาตำรับนี้ก็คือ บำรุงหญิงตั้งครรภ์ให้แข็งแรง ไม่ให้เป็นหวัดง่าย ทำให้ระบบการย่อยของหญิงตั้งครรภ์เป็นปกติ ไ
เมื่อเห็นว่าคนใต้ร่างพยักหน้ารับ ดวงตาฉ่ำหวานที่มีหยาดน้ำตาเอ่อคลออยู่นั้น กะพริบปริบๆ จนหยาดน้ำตาไหลมาทางหางตา จึงใช้หัวแม่มือกรีดออกให้อย่างแผ่วเบา ก้มลงจูบซับอย่างอ่อนโยน ก่อนริมฝีปากหนาจะเคลื่อนมาครอบครองปากเล็กอวบอิ่มที่หวานล้ำ จากจุมพิตอ่อนโยนกลายเป็นเร่าร้อนตามแรงปรารถนา สองร่างที่ก่ายกอดลูบไล้กันต่างตกอยู่ในห้วงอารมณ์แห่งรสกามา ต่างตักตวงความหวานของกันและกันด้วยความถวิลหา ให้สมกับที่ต้องห่างไกลกันแรมเดือนลิ้นร้อนที่บดคลึงจนคนใต้ร่างหอบสะท้าน มือเล็กที่ยันอกแกร่งด้วยใบหน้านวลที่แดงก่ำ ก่อนจะรอบรวมสติที่กระเจิดกระเจิง เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า"ข้ากำลังตั้งครรภ์อยู่นะเจ้าคะ"แม่ทัพตงหยวนที่จูบหน้าผากมนแผ่วเบา เอ่ยกับร่างเย้ายวนที่ตอนนี้อาภรณ์หลุดลุ่ย น้ำเสียงกระเส่า"พี่รู้ พี่จะอ่อนโยน"เพียงไม่นานร่างสองร่างก็เปลือยเปล่า ปากหนาร้อนรุ่มลากไล้ปลายลิ้นสากมาตามลำคอระหง จนมาถึงทรวงอกนุ่มหยุ่นที่ดูจะอวบอิ่มขึ้น จนต้องฝังจมูกลงไปคลอเคลียสูดดมความหอมอ่อนละมุนที่เขาหลงใหล ก่อนจะใช้อุ้งปากเข้าครอบครองสร้างความเสียวซ่านให้เจ้าของที่ดิ้นเร่าอยู่ใต้ร่าง ปาดเลียลิ้นร้อนสลับดูดดุน จนยอดทรวงแ
สัมผัสเปียกชื้นตรงซอกคอขาว ทำให้คนที่กำลังหลับสบายขยับตัวอย่างรำคาญ ก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ แต่ภาพศีรษะที่มีผมดำปกคลุมกำลังเลื่อนลงไป ก้มลงซุกไซร้หน้าอกขาวอวบ ทำให้ร่างบางแข็งทื่อ ปากอวบอิ่มที่กำลังจะกรีดร้องขอความช่วยเหลือกลับเปล่งเสียงร้องออกมาได้เพียงเสียงอู้อี้เมื่อถูกปากหนาของบุรุษต่ำช้าเลื่อนมาประกบ ร่างบางที่เริ่มดิ้นรนต่อสู้ใช้มือเล็กจิกข่วนแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามกำยำอย่างแรงจนแผ่นหลังแกร่งรู้สึกแสบ"หยุดดิ้น"เสียงทุ้มสั่งเสียงกระเส่า พร้อมมือใหญ่ที่รวบเอามือเล็กไว้เหนือศีรษะเพียงมือเดียว ส่วนอีกมือนั้นจับปลายคางมนให้คนตัวเล็กใต้ร่างหันมาสบตาตน "ทะ ท่านแม่ทัพ"ลี่ฟางเมื่อเห็นว่าชายชั่วที่จะย่ำยีนางเป็นใคร ลำคอระหงพลันแห้งผาก หัวใจเต้นแรงแทบทะลุออกจากอก"ปล่อยข้า ท่านคิดจะทำอะไร""แล้วคิดว่าจะทำอันใดเล่า สามีภรรยาไม่เจอกันแรมเดือน เจ้าคิดว่าข้าจะนอนมองเจ้าเฉยๆ หรือ"ลี่ฟางเมื่อฟังคำพูดและมองใบหน้ายียวนของคนเหนือร่างให้นึกเคือง "ปล่อยข้า ข้ามิใช่ภรรยาของท่าน ท่านคงลืมไปแล้วกระมังว่าข้าเป็นองค์หญิงบรรณาการของเล่อชินอ๋อง""เช่นนั้นหรือ... เก่งขึ้นนะ"เสียงท
แล้วเวลาอาหารมื้อเย็นของวันนี้ก็มาถึง อาหารหน้าตาน่าทานต่างถูกลำเลียงมาขึ้นโต๊ะ แต่แขกของจวนยังไม่มีวี่แววว่าจะปรากฏตัวขึ้น จนกระทั่งคนทุกอยู่กันพร้อมหน้า หม่ากงกง จึงได้มารายงานว่า สหายของเจ้าของจวนเดินทางมาถึงแล้ว เล่อชินอ๋อง จึงได้ให้รีบเชิญเข้ามาแต่ภาพของบุรุษที่ปรากฏตัวขึ้น ทำให้สตรี ที่เป็นแขกของจวนอีกผู้หนึ่ง ต้องตกตะลึงจนแทบจะ ระงับอาการสั่นไหวไม่ได้ใบหน้างามนั้นซีดเผือด กับการปรากฏตัวของบิดาของบุตรในครรภ์ของนางแม่ทัพลั่วตงหยวนอ้ายเย่วที่เห็นใบหน้าหล่อเหลาแบบบุรุษหล่อร้ายตรงหน้าได้แต่มองด้วยความโง่งม เพราะบุรุษตรงหน้านั้นเรียกได้ว่าหล่อแบบลุคเถื่อนๆ ช่างกระชากใจนางโดยแท้"หากเจ้ายังมิเลิกมองสหายของพี่ด้วยสายตาเช่นนั้น เห็นทีพี่คงต้องเสียมารยาท พาเจ้าไปทบทวนความจำกันสองต่อสองว่าเจ้านั้นมีสวามีแล้ว และสวามีก็นั่งอยู่ตรงนี้"อ้ายเย่วที่รีบถอนสายตามามองบุรุษที่กำลังมองนางด้วยสายตาคาดโทษ เสียงกระซิบแผ่วเบานั้นเรียกสติของนางจากอาการคลั่งคนหน้าตาดี ให้รีบหันมาส่งยิ้มหวานให้ผู้เป็นสวามี แม้ท่านแม่ทัพผู้นั้นจะหล่อเหลาวัวตายควายล้ม แต่ก็เทียบมิได้เลยกับเล่อชินอ๋องสวามีนาง ที่ความห
องค์หญิงเสียนลี่ฟาง โฉมสะคราญที่กำลังยืนผสานมือบอบบางทั้งสองอยู่ตรงหน้านาง อ้ายเย่วที่สังเกตว่ามือที่ผสานกันอยู่นั้นสั่นน้อยๆ ใบหน้าสวยหวานนั้นดูไม่มั่นใจในตัวเองและมีความกังวลวาบผ่าน "หากทั้งสองพระองค์ไม่สะดวก ก็ไม่เป็นอะไรนะเพคะ หม่อมฉันสามารถอยู่ในวังได้" เสียนลี่ฟางที่กล่าวขึ้นกับเจ้าของจวนทั้งสองที่ยืนอยู่ตรงหน้านาง ตลอดหลายวันที่ผ่านมานางได้ยินผู้คนพูดให้เข้าหูมาตลอดถึงการที่นางจะเข้ามาเป็นชายาอีกคนของเล่อชินอ๋องทั้งที่มันไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย และพระชายาของเล่อชินอ๋องก็คงจะได้ยินข่าวลือพวกนั้นแน่ นางกลัวเหลือเกินว่าจะทำให้ครอบครัวของผู้อื่นร้าวฉานเพราะคำคน และนางนั้นคือสาเหตุอ้ายเย่วที่นึกเอ็นดูสตรีตรงหน้า นางคงจะถูกกดให้ต่ำอยู่เสมอ ขนาดตัวเองมีศักดิ์เป็นถึงองค์หญิงแต่กลับขาดความมั่นใจในตัวเอง"จวนอ๋องแห่งนี้ ยินดีต้อนรับท่าน" เสียงหวานที่เอ่ยขึ้น ทำให้เสียนลี่ฟางที่กำลังก้มหน้าก้มตาอยู่นั้น ถึงกับรีบเงยหน้ามองสตรีเจ้าของจวน จึงพบกับใบหน้างดงามที่กำลังส่งยิ้มมาให้ "ข้ารับรู้เรื่องราวทุกอย่างแล้ว" อ้ายเย่วที่กล่าวไขข้อข้องใจให้องค์หญิงเสียนลี่ฟาง " และข้ายินดีที่ท่านจะมาพ
จิ้นผิงและบ่าวไพร่ที่รอปรนนิบัติอยู่หน้าห้องต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่กใบหน้าแดงก่ำก่อนจะพากันถอยออกมาจากบริเวณหน้าห้องเพราะเสียงแว่วหวานของพระชายาอ้ายเย่วที่ตอนนี้ใบหน้างามแดงก่ำเพราะแรงอารมณ์ที่ถูกคนที่คร่อมทับอยู่เหนือร่างจุดขึ้น เล่อชินอ๋องใช้แขนแกร่งยันเตียงนุ่มโดยไม่ทิ้งน้ำหนักลงบนร่างบาง บดจูบหวานล้ำให้อย่างเอาใจก่อนมือหนาจะดึงรั้งอาภรณ์ออกจากร่างบางจนเปลือยเปล่าและปลดอาภรณ์ของตนออกให้เท่าเทียมกัน ปากหนาที่จูบซับลากไล้มาตามลำคอระหงจนมาครอบครองหน้าอกอิ่มที่ดูอวบตึงขึ้น ขยายใหญ่สู้มือแกร่งที่กำลังนวดคลึงอย่างหลงใหล ร่างงามที่ดูมีน้ำมีนวลหอมกรุ่นดูเย้ายวนปิดเร่า ครวญครางเสียงหวาน ปากร้อนที่ดูดดึงส่งเรียวลิ้นโลมเลียตวัดยอดทรวงสีแดงชูชันเข้ามาในอุ้งปากดุนดันสลับปาดเลียจนขนอ่อนลุกซู่อย่างซ่านสยิว ช่องท้องปั่นป่วนบิดมวน จนบุปผางามหลั่งไหลน้ำหวานซึมออกมา ใบหน้าหล่อเหลาที่ลากไล้ปลายลิ้นมายังหน้าท้องที่ยังแบนราบก่อนจะจูบซับแผ่วเบาทะนุถนอม อ้ายเย่วรู้สึกดังมีผีเสื้อนับพันกระพือปีก ก่อนมือหนาจะจับขาเรียวให้ตั้งชันปรากฏเนินเนื้อโหนกนูนอวบอิ่มขาวผ่องโน้มใบหน้าไปจุมพิตเนื้อโหนกสวยแผ่วเบาก่อนจะลา
ร่างเล็กในอ้อมแขนที่ขยับยุกยิกทำให้เล่อชินอ๋องรู้สึกตัวตื่น"ยังเช้าอยู่เลย นอนต่อเถอะเมื่อคืนก็ดึกมากแล้วกว่าจะได้นอน" กล่าวขึ้นพร้อมกับกระชับอ้อมแขนกอดร่างบางไว้แนบอก"น้องนอนไม่หลับแล้วเจ้าค่ะ อีกอย่างพระองค์ก็บอกว่าวันนี้องค์หญิงผู้นั้นจะมาอยู่ที่นี่มิใช่หรือ" เกิดความเงียบขึ้นชั่วอึดใจก่อนที่ริมฝีปากร้อนของเจ้าของอ้อมกอดอุ่นจะจุมพิตลงบนขมับ" หากน้องหญิงไม่สะดวกก็ให้นางอยู่ในวังไปก่อนก็แล้วกัน พี่ไม่อยากให้เจ้าคิดมาก"" ไม่เลยเจ้าค่ะ ข้ามิได้คิดมากอันใดเลย"เสียงหวานที่รีบเอ่ยบอกทำให้ร่างสูงกระตุกยิ้ม"ไม่คิดมากจริงๆ น่ะหรือ แล้วเมื่อคืนใครกันที่ร้องไห้จนร่ำๆ จะหย่ากับพี่อย่างเดียว" "ก็ ข้านึกว่าท่านพี่จะพานางมาแทนที่ข้านี่เจ้าคะ"เสียงหวานที่เอ่ยอย่างรู้สึกผิด แลดูน่าสงสาร"น้องหญิง จำไว้ ไม่ว่าสิ่งใดจะเกิดขึ้นสิ่งเดียวที่จะคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลงไปคือเจ้าจะเป็นสตรีที่พี่รักเพียงคนเดียวและวังจันทราแห่งนี้จะมีแค่เจ้าเท่านั้นที่เป็นนายหญิงของวัง"น้ำเสียงที่เอ่ยขึ้นอย่างนุ่มนวล ทว่าหนักแน่น ทำให้อ้ายเย่วน้ำตาคลอ" ขอบคุณเจ้าค่ะท่านพี่"ร่างบางที่ซุกซบใบหน้ากับอกอุ่นอย่างรักใคร่หวง