เมิ่งอ้ายเย่วเมื่อกลับถึงจวนแม่ทัพก็ตรงเข้าเรือนของนางทันทีวันนี้นางรู้สึกเหนื่อยล้านัก รีบอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวพอหัวถึงหมอนก็หลับลึกทันที
เมิ่งอ้ายเย่วมองเห็นสตรีร่างอวบอ้วนที่ใบหน้าเหมือนนางที่ฟื้นขึ้นมาครั้งแรกนักกำลังเดินมุ่งหน้าไปที่ไหนสักแห่งอย่างรีบร้อนนัก
"ชิงเอ๋อ เจ้าอย่าได้น้อยใจไปเลยอย่างไรใจของพี่ก็เป็นของเจ้า"
เสียงของบุรุษที่รู้สึกคุ้นหูนักเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยนนัก ทำให้เมิ่งอ้ายเย่วที่กำลังเดินมาทางที่มีบุรุษและสตรีรูปโฉมงดงามอ่อนหวานยืนพลอดรักกันอยู่ต้องหลบหลังพุ่มไม้ใหญ่
"พี่สัญญาว่าจะแต่งเจ้าเป็นฮูหยินเอกอย่างแน่นอนพี่ขอเวลาอีกสักนิด เมิ่งอ้ายเย่วนางหลงใหลในตัวพี่นักอย่างไรนางต้องยอมแต่งเป็นฮูหยินรองอย่างแน่นอน ขอแค่นางยอม ท่านพ่อท่านแม่ของพี่มีหรือจะคัดค้านได้"
เสียงของบุรุษที่ดังขึ้นทำให้นางรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างไหลลงมาจากดวงตา เมื่อเอามือแตะดูก็รู้ว่ามันคือน้ำตา นี่นางร้องไห้หรือ ไม่ใช่ นี่ไม่ใช่นาง แต่เป็นเมิ่งอ้ายเย่วคนเก่าต่างหาก ยืนมองสองหนุ่มสาวกกกอดกันอยู่นานโดยฝ่ายสตรีนั้นไม่กล่าวอันใดได้แต่ร้องไห้สะอึกสะอื้นแล้วส่งสายตาอย่างสมเพชมายังนาง ใช่!สตรีนางนั้นเห็นเมิ่งอ้ายเย่วที่ยืนหลบอยู่และมองมาอย่างผู้ชนะ มือของเมิ่งอ้ายเย่วจิกแน่นจนรู้สึกเจ็บ
เมื่อบุรุษเดินออกจากตรงนั้นสองสตรีจึงยืนประจันหน้ากันอย่างเดือดดาลนัก
"ไป๋อี้ชิง เจ้าคิดจะแย่งท่านแม่ทัพไปจากข้าใช่หรือไม่จึงได้ทำมาตีสนิทกับท่านแม่ทัพลับหลังข้า"
สตรีอวบอ้วนกล่าวขึ้นเดือดดาลนัก
สตรีที่ดูงดงามอ่อนหวานแสยะยิ้มอย่างร้ายกาจเอ่ยออกมาน้ำเสียงแข็งกร้าว
"สตรีโง่เง่าอัปลักษณ์เช่นเจ้าช่างไม่เจียมตัวคิดอาจเอื้อมแย่งชิงบุรุษกับข้า ช่างฝันกล้าเทียมฟ้า ภรรยารองหรือแม้แต่หญิงรับใช้อุ่นเตียงก็อย่าได้หวัง"
กล่าวจบก็สาดผงบางอย่างใส่หน้าสตรีตรงหน้าแล้วผลักร่างสตรีที่ร่างใหญ่กว่าตนมากนักเต็มแรงอย่างไม่ทันให้อีกฝ่ายทันได้ตั้งตัว
ตูม!!!
เสียงน้ำที่แตกเป็นวงกว้างดังขึ้นเพราะร่างใหญ่ของสตรีที่ตกลงไปพร้อมเสียงกรีดร้องของร่างบอบบางริมสระบัวขนาดใหญ่ที่ลึกสุดหยั่งร้องขึ้นอย่างตกใจนั้นเรียกให้แม่ทัพหานลู่เหวินที่พึ่งออกมาจากตรงนั้นได้ไม่ไกลนักรีบเร่งกลับไปพบโฉมสะคราญนั่งร้องไห้อยู่จึงได้ไปโอบประคองปลอบประโลมถามขึ้นอย่างห่วงใยนัก
"เกิดอะไรขึ้นชิงเอ๋อ"
"เมิ่งอ้ายเย่วเจ้าค่ะท่านแม่ทัพ นางตั้งใจจะผลักข้าแต่ข้าเบี่ยงตัวหลบนางเลยตกลงไปในสระบัวเจ้าค่ะ"
กล่าวพร้อมสะอื้นให้อย่างเสียขวัญนัก
แม่ทัพหานลู่เหวินที่ได้ยินดังนั้นจึงปล่อยโฉมงามจากอ้อมแขนรีบกระโดดลงน้ำช่วยสตรีที่ตนเกลียดชังอย่างร้อนรนนักโดยไม่รู้ว่าเหตุใดจึงรู้สึกห่วงใยสตรีอัปลักษณ์ผู้นี้ขึ้นมาทันทีที่รู้ว่านางตกน้ำ และเขารู้นางว่ายน้ำไม่เป็น!!
คุณหนูไป๋อี้ชิงที่เห็นบุรุษที่นางหมายตากระโดดลงไปช่วยหญิงอัปลักษณ์นั่นก็จิกมือแน่น ขอให้มันตายๆไปซะ
ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้เมิ่งอ้ายเย่วที่ข้างในนั้นเป็นวิญญาณของนางเบิกตาโพลง
!!!!!!!!
เมิ่งอ้ายเย่วคนเก่าไม่ได้ตกลงไปเอง นางถูกฆ่าตายอย่างโหดร้ายนัก สตรีร้ายกาจหน้าไหว้หลังหลอกใจคอโหดเหี้ยมนัก บุรุษก็โง่งมเชื่อน้ำคำสตรีมากเล่ห์ได้อย่างไร ข้าจะไม่ยอมแต่งให้บุรุษผู้นี้เด็ดขาด!!!
เมิ่งอ้ายเย่วที่สะดุ้งตื่นตอนฟ้าสางนอนลืมตาโพลง สองตาแดงก่ำเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา นางจะต้องหลีกหนีจากบุรุษและสตรีคู่นี้ให้ห่างเมิ่งอ้ายเย่วมาทำให้ข้าเห็นเรื่องราวเหล่านี้เพราะอยากจะเตือนข้าใช่หรือไม่ เจ้าคงไม่คิดให้ข้าแก้แค้นหรอกนะลำพังแค่นี้ข้ายังเอาตัวเองไม่รอดเลย คิดอย่างปลงตกนัก จึงลุกขึ้นเก็บที่นอนเพราะไม่อาจข่มตาหลับอีกต่อไป
จิ้นผิงที่ได้ยินเสียงของคนด้านในจึงรู้ว่านายตนตื่นแล้วจึงได้ยกอ่างล้างหน้าเข้าไปให้
เมิ่งอ้ายเย่วที่หันมาหาบ่าวรับใช้คนสนิทอย่างตัดสินใจ
"จิ้นผิงเจ้าเคยพบเจอ ไป๋อี้ชิงหรือไม่"
จิ้นผิงที่มองหน้าคุณหนูของนางที่วันนี้ตื่นขึ้นมาก็เอ่ยถามถึงศัตรูหัวใจหมายเลขหนึ่งขึ้นมา
"เคยสิเจ้าคะ คุณหนูผู้นั้นตั้งแต่ท่านแม่ทัพได้ช่วยเหลือไว้ก็แวะเวียนมาที่จวนตลอดจนสนิทสนมใกล้ชิดกับท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ"
" แล้วเจ้าว่านางเป็นคนเช่นไร เอาแบบที่เจ้าคิดนะ"
เอ่ยถามอย่างอยากรู้นักว่าสตรีนางนั้นจะเป็นคนเช่นไรในสายตาผู้อื่น
"อืม บ่าวว่าคุณหนูไป๋งดงามมากเจ้าค่ะแต่น้อยกว่าคุณหนูของบ่าวในตอนนี้นัก"
กล่าวแล้วมองหน้าคุณหนูตน นางพูดจริงๆ นะตอนนี้คุณหนูของนางงามกว่าถึงสามส่วนเลยทีเดียว เห็นคุณหนูยิ้มหวานแล้วพยักหน้าให้นางพูดต่อ
"ส่วนนิสัยใจคอนั้นก็เรียบร้อยอ่อนหวาน แต่บ่าวว่าดูเสแสร้งอย่างไรพิกล"
ได้ยินบ่าวตัวน้อยกล่าวจบ ร่างบางถึงกับตบเข่าฉาด
"ใช่ไหม จิ้นผิง เจ้าเห็นใช่ไหมว่ายัยคุณหนูนั่นตอแหลนัก สตอเบอแหลที่สุด เหอะ คงมีแต่บุรุษโง่งมผู้นั้นเหละที่ดูไม่ออก"
เสียงคุณหนูที่กล่าวออกมาอย่างเดือดดาลนักทำให้นางรู้ว่านายตนกำลังโกรธมาก แต่ไอ้คำว่าตอแหล สะตอ สะตอ นี่ความหมายว่าเช่นไรกัน
"จิ้นผิงเดี๋ยวเก็บของทุกอย่างที่เป็นของเราใส่หีบให้หมดเลยนะ เราจะออกจากที่นี่กัน วันนี้ต้องไปติดต่อซื้อจวนหลังนั้นให้ได้ ข้าไม่ขออยู่ร่วมหลังคาเรือนกับบุรุษตาบอดนั่น"
ว่าแล้วสองนายบ่าวก็ช่วยกันเก็บข้าวของลงหีบจนเรียบร้อย แล้วพากันออกมาติดต่อเรื่องซื้อจวนและจ้างวานรถม้าให้มาขนข้าวของในวันรุ่งขึ้นกว่าจะเสร็จเรียบร้อยก็มืดค่ำลงอีกวัน ไว้วันพรุ่งนี้นางค่อยไปแจ้งท่านลุงท่านป้าเรื่องที่จะย้ายออกก็แล้วกัน
"มีคนมาซื้อจวนที่ติดกับวังอย่างนั้นหรือ เป็นใครกัน"เสียงทุ้มที่เอ่ยอย่างราบเรียบไม่บ่งบอกว่าอยู่ในอารมณ์ใดหม่ากงกงพ่อบ้านใหญ่ของวังจันทรากำลังจะอ้าปากแจ้งต้องหุบฉับเพราะเสียงราบเรียบที่เอ่ยขึ้นจากเงาร่างสูงใหญ่ดูสูงส่งแผ่กลิ่นอายของผู้สูงศักดิ์ที่นั่งหันหลังป้อนหนอนตัวน้อยให้เจ้านกแก้วแสนรู้ด้วยท่วงท่าสบายๆ"จะเป็นใครก็ช่างเถอะแค่ไม่มายุ่งวุ่นวายก็พอ"กล่าวพร้อมโบกมือไล่หม่ากงกงเป็นการจบบทสนทนา"ชีวิตในแต่ละวันช่างน่าเบื่อหน่ายนักเจ้าว่าหรือไม่อาฟง"น่าเบื่อ น่าเบื่อเสียงเล็กแหลมของเจ้านกแก้ว นาม อาฟง เอ่ยอย่างแสนรู้นัก จนเจ้าของต้องป้อนเจ้าหนอนเคราะห์ร้ายให้เป็นรางวัลอ้ายเย่วที่จัดการเรื่องขนย้ายข้าวของเรียบร้อยแล้ว จึงมาขอพบท่านลุงท่านป้าเพื่อจะบอกกล่าวและร่ำลาผู้มีพระคุณทั้งสองที่ให้ความช่วยเหลือนางมาตลอดและให้การดูแลนางเป็นอย่างดีอย่างทราบซึ้งในบุญคุณนัก"เย่วเอ๋อเจ้าคิดดีแล้วหรือป้าว่าเจ้าทบทวนดูอีกครั้งดีหรือไม่สตรีที่ไม่มีบุรุษคอยปกป้องคุ้มครองจะไปอยู่กันตามลำพังได้อย่างไร"ฮูหยินของอดีตแม่ทัพพิทักษ์ดินแดนเอ่ยขึ้นอย่างห่วงใยนัก"ลุงเห็นด้วยกับป้าเจ้านะ จะอย่างไรลุงก็รับปากบ
เมิ่งอ้ายเย่วที่ตอนนี้กำลังเดินสำรวจจวนหลังเล็กนี้ ถือว่าจวนหลังนี้น่าอยู่มากเลยทีเดียว เป็นจวนกลางเก่ากลางใหม่ หากปรับปรุงเสียใหม่คาดว่าคงหน้าอยู่นักจวนหลักนั้นแบ่งออกเป็นห้าห้องเลยทีเดียว และห้องโถงก็ดูกว้างปลอดโปร่งนักนางคิดไว้ว่าจะทำเป็นห้องรับแขกแบบผสมผสานกับยุคที่นางจากมา นางใฝ่ฝันมานานว่าอยากมีบ้านที่มีบรรยากาศสงบเงียบ อากาศดีๆ สักหลัง เพราะยุคก่อนนางนั้นอยู่คอนโดสุดหรูที่แพงหูฉี่แต่ไม่มีพื้นที่ให้ปลูกผักปลูกหญ้ามากนัก นางเลือกห้องที่อยู่ทางปีกซ้ายที่ดูเหมือนจะใหญ่กว่าทุกห้องเป็นห้องนอนของนางที่พอเปิดหน้าต่างมองออกไปก็เห็นภูเขาที่อยู่ไกลออกไปสุดลูกหูลูกตา ซึ่งวิวดีนักนางคิดไว้ว่าจะทำแปลงดอกไม้ตรงที่ว่างด้านนี้เพราะพอเปิดหน้าต่างดูจะได้รู้สึกสดชื่น และห้องที่อยู่ติดกันจะทำเป็นห้องหนังสือและไว้สำหรับทำงานถึงตอนนี้จะไม่รู้ว่าจะทำงานอะไรก็เถอะ จิ้นผิงที่เลือกห้องที่อยู่ทางปีกขวาเป็นห้องนอนของนาง ซึ่งนางดูดีใจนักและอีกห้องยกให้สาวใช้ที่นางจะหาเพิ่มอีกคนเพื่อช่วยงานจิ้นผิงทำงาน จวนหลังนี้มีห้องครัวที่แยกออกไปด้านหลังที่ใหญ่ใช้ได้ รอบๆ จวนยังมีพื้นที่ว่างมากนัก นางคิดจะปลูกผักทำสวน แค
เมื่อได้ของที่ต้องการครบแล้วจึงพากันเดินมายังที่จอดรถม้าสำหรับเช่าเพราะถ้าจะให้นางเดินกลับคงไม่ไหวแน่ เฮ่อ! นี่ก็อีกเรื่องนางคงต้องหารถม้าเป็นของตัวเองสักคันเพื่อความสะดวกในการเดินทาง แต่ยังไม่ทันเดินไปถึงจุดหมายปลายทางก็ได้ยินเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นและเสียงด่าทอดังลั่นมาจากบ้านหลังหนึ่ง อ้ายเย่วจึงหันไปมองเห็นสตรีร่างกายอวบอ้วนกำลังถือไม้กวาดไล่ตีเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงตัวเล็กผอมแห้งดูแล้วน่าสงสารนัก ยังไม่ทันได้คิดอะไรขาเจ้ากรรมก็เดินตรงเข้าไปหาต้นเหตุของเสียงเอะอะโวยวาย จิ้นผิงที่เห็นนายตนเดินเข้าไปจึงรีบก้าวตามเพราะกลัวคุณหนูจะได้รับอันตราย"เกิดอะไรขึ้นเหตุใดถึงลงไม้ลงมือกับเด็กตัวเล็กนิดเดียว" เสียงหวานที่เอ่ยถามทำให้สตรีร่างท้วมเจ้าเนื้อหยุดมือ หันมองสตรีหน้าตางดงามตรงหน้าดูจากผิวพรรณแล้วคงเป็นพวกคุณหนูจวนใหญ่"ข้าแค่จะสั่งสอนพวกเด็กเหลือขอนี่เท่านั้น ท่านอย่ามายุ่งเลยจะดีกว่า" เด็กผู้ชายที่กอดเด็กผู้หญิงอย่างหวงแหนรีบเอ่ยขึ้น" ข้าแค่จะให้ท่านป้าตามหมอมาดูเสี่ยวเจินเท่านั้น แต่ท่านป้าไม่ยอมตามหมอให้ เสี่ยวเจินกำลังป่วย" อ้ายเย่วมองมายังเด็กผู้ชายที่ดวงตาแดงก่ำแต่น้ำตานั้นไ
เช้าวันรุ่งขึ้นรถม้าจากร้านรวงต่างๆ ก็มาส่งของตั้งแต่เช้าตรู่ โดยอ้ายเย่วให้ทุกคนช่วยกันทำความสะอาดห้องครัวก่อนจากนั้นจึงให้จิ้นผิงหุงหาอาหารง่ายๆ สำหรับมื้อเช้า เช้านี้จึงมีข้าวต้มและปลาตากแห้งทอด ซึ่งเด็กทั้งสองดูมีความสุขนักกินกันอย่างเอร็ดอร่อย พวกเขาบอกว่ามื้อนี้เป็นอาหารที่ดีที่สุดเท่าที่เคยกินมา เพราะทุกมื้อได้กินแต่น้ำข้าวกับแป้งทอดแข็งๆ เท่านั้น เมื่อกินกันอิ่มก็ช่วยกันทำความสะอาดและนำข้าวของมาเก็บอย่างเป็นระเบียบ อ้ายเย่วยืนมองห้องครัวที่ค่อนข้างจะเล็กแต่สะอาดสะอ้าน คิดว่าจะต่อเติมห้องครัวเสียหน่อยส่วนที่จะต่อเติมออกมาจะทำเป็นครัวแบบเปิดโล่งเหมือนครัวในชนบทที่มองออกไปก็เห็นแปลงผักและพืชผักสวนครัวต่างๆ ที่นางชอบดูในโลกออนไลน์แต่ไม่มีโอกาส วันนี้โอกาสนั้นมาถึงแล้ว "จิ้นผิงหากเราจะต่อเติมจวนต้องทำอย่างไรหรือ" จิ้นผิงที่กำลังเก็บข้าวสารและพวกเครื่องปรุงต่างๆ ให้เป็นระเบียบหันมาตอบคำถามคุณหนูของนาง"ต้องไปติดต่อช่างไม้ในตลาดเจ้าค่ะ บ่าวรู้จักอยู่ที่หนึ่งทำงานละเอียดอ่อนและมีฝีมือมากเจ้าค่ะ" "งั้นดีเลยข้าจะต่อเติมและซ่อมแซมจวนนี้เสียใหม่จะได้น่าอยู่ขึ้น" จากนั้นทั้งหมดก็ช่วยกั
จวนแม่ทัพที่ตอนนี้บ่าวไพร่ต่างอกสั่นขวัญแขวนกันถ้วนหน้าเพราะไม่มีใครเข้าหน้าแม่ทัพของจวนติด บ่าวไพร่โดนสั่งลงโทษเป็นว่าเล่น แม่ทัพลู่เหวินที่รีบร้อนกลับมากลับพบว่าเมิ่งอ้ายเย่วจากไปโดยไม่รอเขา สอบถามบิดามารดาก็ไม่รู้ว่านางไปอยู่ไหน สั่งให้คนสืบหาที่อยู่ของนางผ่านมาหลายวันก็ไม่คืบหน้าช่างเลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆเมิ่งอ้ายเย่วนางกล้าดีอย่างไรจึงขัดคำสั่งเขา เขาจะลากนางกลับมาให้ได้คอยดู คิดจะทิ้งเขามันไม่ง่ายขนาดนี้แน่ต้องเป็นเขาสิที่จะต้องเป็นฝ่ายทิ้งนาง"ท่านแม่ทัพขอรับ" เสียงบ่าวรับใช้ที่ดังขึ้นทำให้ใบหน้าบึ้งตึงของแม่ทัพลู่เหวินตวัดตามองจนคนตรงหน้ารีบคุกเข่ารายงาน"คุณหนูไป๋อี้ชิงมาขอพบขอรับ" แม่ทัพลู่เหวินยกสองมือแกร่งขึ้นรูปใบหน้าอย่างเหนื่อยหน่ายนัก เพราะไป๋อี้ชิงเอาแต่เร่งเร้าให้เขาไปสู่ขอนางเสียที ซึ่งเขายังไม่พร้อมไม่รู้ว่าทำไมแต่เขายังไม่อยากแต่งนางเข้าจวนถึงแม้จะพึงใจในตัวนางนักแต่ภาพของเมิ่งอ้ายเย่วยังตามหลอกหลอนทำให้พยายามบ่ายเบี่ยงเสมอ"เจ้าไปแจ้งนางทีว่าข้าไม่สะดวกให้นางกลับไปก่อน บอกว่ากำลังคุยธุระสำคัญอยู่กับท่านพ่อก็แล้วกัน" กล่าวออกไปพร้อมถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน โบก
สวย สวยมาก ภาพที่ปรากฏตรงหน้าทำให้อ้ายเย่วถึงกับตะลึงและยังกลิ่นหอมสดชื่นของมวลดอกไม้ที่แตะมาโดนจมูกนี่อีก นางอยากมีสวนที่สวยแบบนี้ ไวเท่าความคิดขาเรียวก็ก้าวเดินไปยังทุ่งใช่ต้องเรียกว่าทุ่งดอกไม้ถึงจะถูกเพราะดูกว้างมากๆ มีดอกไม้ที่นางไม่เคยเห็นมาก่อนดูงดงามบานสะพรั่งเต็มไปหมดสีสวยๆ นั้นดูละลานตานักภาพโฉมงามที่กำลังหมุนกายท่ามกลางมวลดอกไม้ ชื่นชมสวนดอกไม้ที่พระองค์ทรงหวงแหนนักที่เห็นอยู่เบื้องหน้าทำให้เล่อชินอ๋องถึงกับตกตะลึงนางช่างงดงามยิ่งนัก พระองค์ที่ทรงประทับอยู่ยังเรือนจันทราซึ่งเป็นเรือนที่พระมารดาทรงโปรดปรานนักตอนยังมีพระชนม์ชีพอยู่ เพราะเรือนนี้ตั้งอยู่บนเนินสามารถมองเห็นภาพสวนดอกไม้นานาพันธุ์ที่ทรงรักนักหนาได้ทุกมุมและยามค่ำคืนก็จะเห็นพระจันทร์ได้ชัดเจนและสวยที่สุดเรือนนี้จึงได้ชื่อว่าเรือนจันทราและเป็นเขตหวงห้ามที่ทรงหวงแหนเพราะเป็นสถานที่ในความทรงจำที่ทรงระลึกถึงพระมารดา เดิมทีเรือนนี้ไม่อนุญาตให้ใครเข้ามาวุ่นวายหากฝ่าฝืนก็จะมีความผิด จะมีก็แต่หม่ากงกงที่จะพาบ่าวไพร่มาทำความสะอาดเท่านั้น แต่กับสตรีตรงหน้าพระองค์กลับไม่มีความรู้สึกไม่พอใจหรือโกรธเคืองใดๆ แต่กลับรู้สึกว่าหั
เมิ่งอ้ายเย่วที่เดินตามหลังร่างสูงมาห่างๆ มองแผ่นหลังกว้างแล้วรู้สึกว่าแก้มนวลนั้นร้อนผ่าว อาการแบบนี้เค้าเรียกว่ารักแรกพบใช่หรือไม่ คิดแล้วก็เขินนัก หากเป็นยุคก่อนนางคงขอแอดไลน์ไปแล้ว เขาเป็นใครกันนะ ดูจากการแต่งตัวและเนื้อผ้าที่สวมใส่คงจะไม่ธรรมดา นางจำได้ว่าจิ้นผิงเคยบอกว่าที่นี่เป็นวังของอ๋องอะไรสักอย่างนี่แหละหรือบุรุษผู้นี้จะเป็นบุตรชายของท่านอ๋องคนนั้นกันปึ๊ก!!!! "โอ้ยยยย" เสียงหวานที่ยกมือคลำจมูกปอยๆ หักไหมวะเนี้ย ช้อนตาขึ้นมองเจ้าของอ้อมแขนที่โอบกอดนางไว้ อ๊ายย ฉากเข้าพระเข้านางฉากยอดฮิตเลยนะนี่ จ้องตากัน แล้วส่งสายตาหวาน ก้มต่ำลงมา ต่ำลงมา จูบเลยไหมคะ"เจ็บมากหรือไม่" เสียงทุ้มที่ดังขึ้นข้างใบหูเล็กทำให้อ้ายเย่วหลุดจากภวังค์"เอ่อ ไม่เจ็บเจ้าค่ะ" ว่าพลางขยับกายออกจากอ้อมแขนอุ่น กลิ่นตัวหอมจังเลย "ขอโทษเจ้าค่ะ ข้าไม่ทันมอง" "ข้าผิดเองที่หยุดเดินกะทันหัน จนทำให้เจ้าต้องเจ็บตัว" อ้ายเย่วจึงยกมือลูบจมูกหน้าแดงก่ำ"ถ้าอย่างนั้นถือว่าเราหายกันนะเจ้าคะ"ว่าพลางพยักพเยิดไปยังคางแกร่งเห็นร่างสูงตรงหน้ายกมือขึ้นลูบคางเบาๆ ก็พากันหัวเราะออกมา พอเห็นใบหน้าหล่อเหลาที่ส่งยิ้มกว้าง
"จ้าวหย่งเล่อ เจ้าของวังจันทราเป็นอนุชาในฮ่องเต้ จ้าวจงเยี่ยน แห่งแคว้นจ้าว มีรูปโฉมอัปลักษณ์น่ากลัว นิสัยใจคอก็โหดเหี้ยมและทรงสวมหน้ากากอยู่ตลอดเวลางั้นหรือ แถมยังไม่มีเมียอีก แล้วพ่อเทพบุตรหน้ามนคนนั้นเป็นใครกัน"ร่างบางที่กำลังครุ่นคิดถึงบุรุษที่ตนพบพานว่าเขาคนนั้นเกี่ยวข้องอันใดกับวังจันทราและเล่อชินอ๋องกัน พูดออกมาราวคนละเมอ "อะไรนะเจ้าคะคุณหนู" จิ้นผิงที่ฟังคุณหนูของนางร่ายเรียงสิ่งที่นางบอกไป แล้วพึมพำอะไรบางอย่างที่นางฟังไม่ค่อยจะชัดนัก" ไม่มีอะไร แล้วพระองค์แก่แล้วหรือยัง"" ยังไม่แก่เจ้าค่ะทรงมีพระชันษายี่สิบหกหรือยี่สิบเจ็ดนี่ละเจ้าค่ะ บ่าวก็จำไม่ค่อยจะได้เพราะชินอ๋องไม่ค่อยจะชอบออกมาจากวังนักหากไม่มีความจำเป็นจริงๆ" ยี่สิบหกยี่สิบเจ็ดงั้นหรืออายุก็คงจะใกล้เคียงกันเพราะบุรุษผู้นั้นก็คงจะประมาณนี้ ตอนนี้นางสิบเจ็ด ห่างกันเป็นสิบปีเลยเหรอนี่ แต่ไม่เป็นไรโบราณว่าไว้ ยิ่งแก่ยิ่งมัน อิอิ จิ้นผิงนั่งมองคุณหนูของนางอย่างโง่งมนักเพราะอยู่ๆ ก็ยิ้มอยู่ๆ ก็หัวเราะ นางไปตามหมอดีหรือไม่"แล้วไม่ทรงมีข่าวกับสตรีบ้างเลยหรือ" "อืม ไม่เคยได้ยินนะเจ้าคะ แต่เคยมีข่าวลือออกมาว่าทรงชมชอบ
"อ่านอะไรอยู่หรือเจ้าคะ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียว"เล่อชินอ๋องที่เงยหน้าขึ้นมองตามเสียงหวานละมุนนั้น รีบวางจดหมายในมือ ตรงเข้าไปโอบประคองร่างอุ้ยอ้ายที่หน้าท้องนั้นใหญ่โตมากของชายารักที่ใกล้คลอดเต็มที ที่เดินลูบหน้าท้องนู้นเข้ามาโดยมีจิ้นผิงคอยประคอง"น้องหญิง ออกมาทำไมกัน"ร่างหนาพูดขึ้นพร้อมโอบประคองร่างอวบอิ่มให้นั่งลงบนตั่งที่ปูด้วยเบาะหนานุ่มอย่างอ่อนโยน ก่อนมือหนาจะลูบบนหน้าท้องนูนสัมผัสถึงแรงกระตุกเบาๆ ของก้อนแป้งน้อยที่กำลังเติบโตอยู่ในครรภ์ของสตรีอันเป็นที่รัก ใบหน้าหล่อเหลานั้นยกยิ้มอย่างยินดีเมื่อเจ้าก้อนแป้งนั้นช่างรู้ความ เพียงบิดาสัมผัสก็จะตอบรับกลับมาเสียทุกครั้ง"จดหมายจากแม่ทัพตงหยวน ส่งมาแจ้งว่าลี่ฟางคลอดบุตรแล้ว เป็นคุณหนูใหญ่""จริงหรือเจ้าคะ น่ายินดีเสียจริง"ใบหน้าหวานนั้นยิ้มละมุนอย่างรู้สึกยินดี มองสวามีที่ก้มลงจูบเบาๆ บริเวณหน้าท้องนูน"เจ้าก้อนแป้งของบิดา เมื่อไหร่เราจะได้เจอกันเสียที"อ้ายเย่วที่ถึงกับยกยิ้มกับความอ่อนโยนนั้น ก่อนใบหน้างามจะขมวดมุ่น เมื่อรู้สึกปวดหน่วงตรงช่วงล่างจนเผลอเกร็งตัวร้องครางออกมา"อ๊ะ!"เล่อชินอ๋องที่เห็นอาการของร่างอวบอิ่มจึงรีบลูบท้อ
เล่อชินอ๋องที่มองร่างงดงามเย้ายวน ผิวขาวดูชุ่มฉ่ำเปล่งปลั่งราวจะคั้นน้ำได้ มือเรียวสวยที่กรีดกรายเขียนอักษรลงบนแผ่นกระดาษ ใบหน้านวลผ่องที่จดจ่อกับแผ่นกระดาษตรงหน้าดูน่าหลงใหลจนต้องลอบกลืนน้ำลาย ร่างอวบอิ่มนั้นทำให้พระองค์หลงใหลทุกครั้งที่ได้ชิดใกล้"น้องหญิงพี่แค่ไปหารือกับรัชทายาทเพียงครู่เดียวเท่านั้น และที่สำคัญก็มีแต่บุรุษ เจ้าจะไปได้อย่างไร เอาไว้พี่จะพาไปเที่ยวชมตลาดวันหลังดีหรือไม่"อ้ายเย่วเอียงหน้ามายิ้มหวานเป็นการตอบรับอย่างน่าเอ็นดูยิ่งนักในสายตาคนมอง แต่หารู้ไม่ว่ายิ้มนั้นมันเคลือบยาพิษเห็นว่าคนข้างๆ ยังให้ความสนใจกับสิ่งที่นางทำอยู่ไม่มีทีท่าว่าจะออกไปจึงเอ่ยถามขึ้น"ไม่เสด็จหรือเจ้าคะ องค์รัชทายาทรอแย่แล้วกระมัง""ยังไม่ถึงเวลานัดหมาย""แล้วนี่เขียนอันใดอยู่หรือ"เล่อชินอ๋องที่หรี่ตามองแผ่นกระดาษตรงหน้าชายารัก"กำลังตอบจดหมายของลี่ฟางเจ้าค่ะ"อ้ายเย่วตอบพร้อมหรี่ตามองบุรุษผู้เป็นสามีก่อนเอ่ยขึ้นอีกว่า"น้องว่าจะชวนนางเปิดกิจการด้วยกัน"เล่อชินอ๋องที่เงยหน้าขึ้นสบตาผู้เป็นชายา "เหตุใดต้องทำให้ตัวเองเหนื่อยกัน สมบัติในวังจันทราแห่งนี้มีให้เจ้าใช้และอยู่อย่างสุขสบายโดยไม่
อ้ายเย่วที่พับจดหมาย จากฮูหยินแม่ทัพแคว้นฉี เสียนลี่ฟาง ที่เขียนมาเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ฟัง ตั้งแต่จากกันวันนั้นจนวันที่นางได้ไปร่วมงานมงคลของทั้งสอง อ้ายเย่วและเสียนลี่ฟางก็ติดต่อกันโดยการเขียนจดหมายติดต่อกันตลอดก่อนจะให้จิ้นผิงพยุงร่างอุ้ยอ้าย มานั่งลงตรงที่นั่งในศาลากลางสวนสวย ตอนนี้อายุครรภ์ของนางย่างเข้าเดือนที่แปดแล้ว อีกไม่นานก็จะได้เจอกับเจ้าก้อนแป้ง ไม่รู้ว่านางหรือลี่ฟางที่จะคลอดก่อนกัน เพราะอายุครรภ์ของทั้งคู่ไล่เลี่ยกัน"จับซาไท้เป้า เจ้าค่ะพระชายา"อ้ายเย่วที่กำลังชื่นชมความงามของหมู่มวลดอกไม้ที่กำลังอวดดอกบานสะพรั่ง หันมารับถ้วยยาจากจิ้นผิง ซึ่งเป็นยาบำรุงครรภ์ ที่สวามีของนางขยันสรรหามาบำรุงนางจับซาไท้เป้า เป็นตำรับยาบำรุงครรภ์รับประทานในช่วงกลางถึงปลายระยะตั้งครรภ์ โดยนิยมเริ่มรับประทานในเดือนที่หกของการตั้งครรภ์ และหยุดรับประทานก่อนคลอดหนึ่งเดือนอ้ายเย่วอดรู้สึกชื่นชมตำรับยาสูตรโบราณนี้ไม่ได้ แม้ยุคนี้จะไม่มีความทันสมัยเหมือนยุคก่อนนางก็ไม่กังวลมากนักสรรพคุณของยาตำรับนี้ก็คือ บำรุงหญิงตั้งครรภ์ให้แข็งแรง ไม่ให้เป็นหวัดง่าย ทำให้ระบบการย่อยของหญิงตั้งครรภ์เป็นปกติ ไ
เมื่อเห็นว่าคนใต้ร่างพยักหน้ารับ ดวงตาฉ่ำหวานที่มีหยาดน้ำตาเอ่อคลออยู่นั้น กะพริบปริบๆ จนหยาดน้ำตาไหลมาทางหางตา จึงใช้หัวแม่มือกรีดออกให้อย่างแผ่วเบา ก้มลงจูบซับอย่างอ่อนโยน ก่อนริมฝีปากหนาจะเคลื่อนมาครอบครองปากเล็กอวบอิ่มที่หวานล้ำ จากจุมพิตอ่อนโยนกลายเป็นเร่าร้อนตามแรงปรารถนา สองร่างที่ก่ายกอดลูบไล้กันต่างตกอยู่ในห้วงอารมณ์แห่งรสกามา ต่างตักตวงความหวานของกันและกันด้วยความถวิลหา ให้สมกับที่ต้องห่างไกลกันแรมเดือนลิ้นร้อนที่บดคลึงจนคนใต้ร่างหอบสะท้าน มือเล็กที่ยันอกแกร่งด้วยใบหน้านวลที่แดงก่ำ ก่อนจะรอบรวมสติที่กระเจิดกระเจิง เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า"ข้ากำลังตั้งครรภ์อยู่นะเจ้าคะ"แม่ทัพตงหยวนที่จูบหน้าผากมนแผ่วเบา เอ่ยกับร่างเย้ายวนที่ตอนนี้อาภรณ์หลุดลุ่ย น้ำเสียงกระเส่า"พี่รู้ พี่จะอ่อนโยน"เพียงไม่นานร่างสองร่างก็เปลือยเปล่า ปากหนาร้อนรุ่มลากไล้ปลายลิ้นสากมาตามลำคอระหง จนมาถึงทรวงอกนุ่มหยุ่นที่ดูจะอวบอิ่มขึ้น จนต้องฝังจมูกลงไปคลอเคลียสูดดมความหอมอ่อนละมุนที่เขาหลงใหล ก่อนจะใช้อุ้งปากเข้าครอบครองสร้างความเสียวซ่านให้เจ้าของที่ดิ้นเร่าอยู่ใต้ร่าง ปาดเลียลิ้นร้อนสลับดูดดุน จนยอดทรวงแ
สัมผัสเปียกชื้นตรงซอกคอขาว ทำให้คนที่กำลังหลับสบายขยับตัวอย่างรำคาญ ก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ แต่ภาพศีรษะที่มีผมดำปกคลุมกำลังเลื่อนลงไป ก้มลงซุกไซร้หน้าอกขาวอวบ ทำให้ร่างบางแข็งทื่อ ปากอวบอิ่มที่กำลังจะกรีดร้องขอความช่วยเหลือกลับเปล่งเสียงร้องออกมาได้เพียงเสียงอู้อี้เมื่อถูกปากหนาของบุรุษต่ำช้าเลื่อนมาประกบ ร่างบางที่เริ่มดิ้นรนต่อสู้ใช้มือเล็กจิกข่วนแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามกำยำอย่างแรงจนแผ่นหลังแกร่งรู้สึกแสบ"หยุดดิ้น"เสียงทุ้มสั่งเสียงกระเส่า พร้อมมือใหญ่ที่รวบเอามือเล็กไว้เหนือศีรษะเพียงมือเดียว ส่วนอีกมือนั้นจับปลายคางมนให้คนตัวเล็กใต้ร่างหันมาสบตาตน "ทะ ท่านแม่ทัพ"ลี่ฟางเมื่อเห็นว่าชายชั่วที่จะย่ำยีนางเป็นใคร ลำคอระหงพลันแห้งผาก หัวใจเต้นแรงแทบทะลุออกจากอก"ปล่อยข้า ท่านคิดจะทำอะไร""แล้วคิดว่าจะทำอันใดเล่า สามีภรรยาไม่เจอกันแรมเดือน เจ้าคิดว่าข้าจะนอนมองเจ้าเฉยๆ หรือ"ลี่ฟางเมื่อฟังคำพูดและมองใบหน้ายียวนของคนเหนือร่างให้นึกเคือง "ปล่อยข้า ข้ามิใช่ภรรยาของท่าน ท่านคงลืมไปแล้วกระมังว่าข้าเป็นองค์หญิงบรรณาการของเล่อชินอ๋อง""เช่นนั้นหรือ... เก่งขึ้นนะ"เสียงท
แล้วเวลาอาหารมื้อเย็นของวันนี้ก็มาถึง อาหารหน้าตาน่าทานต่างถูกลำเลียงมาขึ้นโต๊ะ แต่แขกของจวนยังไม่มีวี่แววว่าจะปรากฏตัวขึ้น จนกระทั่งคนทุกอยู่กันพร้อมหน้า หม่ากงกง จึงได้มารายงานว่า สหายของเจ้าของจวนเดินทางมาถึงแล้ว เล่อชินอ๋อง จึงได้ให้รีบเชิญเข้ามาแต่ภาพของบุรุษที่ปรากฏตัวขึ้น ทำให้สตรี ที่เป็นแขกของจวนอีกผู้หนึ่ง ต้องตกตะลึงจนแทบจะ ระงับอาการสั่นไหวไม่ได้ใบหน้างามนั้นซีดเผือด กับการปรากฏตัวของบิดาของบุตรในครรภ์ของนางแม่ทัพลั่วตงหยวนอ้ายเย่วที่เห็นใบหน้าหล่อเหลาแบบบุรุษหล่อร้ายตรงหน้าได้แต่มองด้วยความโง่งม เพราะบุรุษตรงหน้านั้นเรียกได้ว่าหล่อแบบลุคเถื่อนๆ ช่างกระชากใจนางโดยแท้"หากเจ้ายังมิเลิกมองสหายของพี่ด้วยสายตาเช่นนั้น เห็นทีพี่คงต้องเสียมารยาท พาเจ้าไปทบทวนความจำกันสองต่อสองว่าเจ้านั้นมีสวามีแล้ว และสวามีก็นั่งอยู่ตรงนี้"อ้ายเย่วที่รีบถอนสายตามามองบุรุษที่กำลังมองนางด้วยสายตาคาดโทษ เสียงกระซิบแผ่วเบานั้นเรียกสติของนางจากอาการคลั่งคนหน้าตาดี ให้รีบหันมาส่งยิ้มหวานให้ผู้เป็นสวามี แม้ท่านแม่ทัพผู้นั้นจะหล่อเหลาวัวตายควายล้ม แต่ก็เทียบมิได้เลยกับเล่อชินอ๋องสวามีนาง ที่ความห
องค์หญิงเสียนลี่ฟาง โฉมสะคราญที่กำลังยืนผสานมือบอบบางทั้งสองอยู่ตรงหน้านาง อ้ายเย่วที่สังเกตว่ามือที่ผสานกันอยู่นั้นสั่นน้อยๆ ใบหน้าสวยหวานนั้นดูไม่มั่นใจในตัวเองและมีความกังวลวาบผ่าน "หากทั้งสองพระองค์ไม่สะดวก ก็ไม่เป็นอะไรนะเพคะ หม่อมฉันสามารถอยู่ในวังได้" เสียนลี่ฟางที่กล่าวขึ้นกับเจ้าของจวนทั้งสองที่ยืนอยู่ตรงหน้านาง ตลอดหลายวันที่ผ่านมานางได้ยินผู้คนพูดให้เข้าหูมาตลอดถึงการที่นางจะเข้ามาเป็นชายาอีกคนของเล่อชินอ๋องทั้งที่มันไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย และพระชายาของเล่อชินอ๋องก็คงจะได้ยินข่าวลือพวกนั้นแน่ นางกลัวเหลือเกินว่าจะทำให้ครอบครัวของผู้อื่นร้าวฉานเพราะคำคน และนางนั้นคือสาเหตุอ้ายเย่วที่นึกเอ็นดูสตรีตรงหน้า นางคงจะถูกกดให้ต่ำอยู่เสมอ ขนาดตัวเองมีศักดิ์เป็นถึงองค์หญิงแต่กลับขาดความมั่นใจในตัวเอง"จวนอ๋องแห่งนี้ ยินดีต้อนรับท่าน" เสียงหวานที่เอ่ยขึ้น ทำให้เสียนลี่ฟางที่กำลังก้มหน้าก้มตาอยู่นั้น ถึงกับรีบเงยหน้ามองสตรีเจ้าของจวน จึงพบกับใบหน้างดงามที่กำลังส่งยิ้มมาให้ "ข้ารับรู้เรื่องราวทุกอย่างแล้ว" อ้ายเย่วที่กล่าวไขข้อข้องใจให้องค์หญิงเสียนลี่ฟาง " และข้ายินดีที่ท่านจะมาพ
จิ้นผิงและบ่าวไพร่ที่รอปรนนิบัติอยู่หน้าห้องต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่กใบหน้าแดงก่ำก่อนจะพากันถอยออกมาจากบริเวณหน้าห้องเพราะเสียงแว่วหวานของพระชายาอ้ายเย่วที่ตอนนี้ใบหน้างามแดงก่ำเพราะแรงอารมณ์ที่ถูกคนที่คร่อมทับอยู่เหนือร่างจุดขึ้น เล่อชินอ๋องใช้แขนแกร่งยันเตียงนุ่มโดยไม่ทิ้งน้ำหนักลงบนร่างบาง บดจูบหวานล้ำให้อย่างเอาใจก่อนมือหนาจะดึงรั้งอาภรณ์ออกจากร่างบางจนเปลือยเปล่าและปลดอาภรณ์ของตนออกให้เท่าเทียมกัน ปากหนาที่จูบซับลากไล้มาตามลำคอระหงจนมาครอบครองหน้าอกอิ่มที่ดูอวบตึงขึ้น ขยายใหญ่สู้มือแกร่งที่กำลังนวดคลึงอย่างหลงใหล ร่างงามที่ดูมีน้ำมีนวลหอมกรุ่นดูเย้ายวนปิดเร่า ครวญครางเสียงหวาน ปากร้อนที่ดูดดึงส่งเรียวลิ้นโลมเลียตวัดยอดทรวงสีแดงชูชันเข้ามาในอุ้งปากดุนดันสลับปาดเลียจนขนอ่อนลุกซู่อย่างซ่านสยิว ช่องท้องปั่นป่วนบิดมวน จนบุปผางามหลั่งไหลน้ำหวานซึมออกมา ใบหน้าหล่อเหลาที่ลากไล้ปลายลิ้นมายังหน้าท้องที่ยังแบนราบก่อนจะจูบซับแผ่วเบาทะนุถนอม อ้ายเย่วรู้สึกดังมีผีเสื้อนับพันกระพือปีก ก่อนมือหนาจะจับขาเรียวให้ตั้งชันปรากฏเนินเนื้อโหนกนูนอวบอิ่มขาวผ่องโน้มใบหน้าไปจุมพิตเนื้อโหนกสวยแผ่วเบาก่อนจะลา
ร่างเล็กในอ้อมแขนที่ขยับยุกยิกทำให้เล่อชินอ๋องรู้สึกตัวตื่น"ยังเช้าอยู่เลย นอนต่อเถอะเมื่อคืนก็ดึกมากแล้วกว่าจะได้นอน" กล่าวขึ้นพร้อมกับกระชับอ้อมแขนกอดร่างบางไว้แนบอก"น้องนอนไม่หลับแล้วเจ้าค่ะ อีกอย่างพระองค์ก็บอกว่าวันนี้องค์หญิงผู้นั้นจะมาอยู่ที่นี่มิใช่หรือ" เกิดความเงียบขึ้นชั่วอึดใจก่อนที่ริมฝีปากร้อนของเจ้าของอ้อมกอดอุ่นจะจุมพิตลงบนขมับ" หากน้องหญิงไม่สะดวกก็ให้นางอยู่ในวังไปก่อนก็แล้วกัน พี่ไม่อยากให้เจ้าคิดมาก"" ไม่เลยเจ้าค่ะ ข้ามิได้คิดมากอันใดเลย"เสียงหวานที่รีบเอ่ยบอกทำให้ร่างสูงกระตุกยิ้ม"ไม่คิดมากจริงๆ น่ะหรือ แล้วเมื่อคืนใครกันที่ร้องไห้จนร่ำๆ จะหย่ากับพี่อย่างเดียว" "ก็ ข้านึกว่าท่านพี่จะพานางมาแทนที่ข้านี่เจ้าคะ"เสียงหวานที่เอ่ยอย่างรู้สึกผิด แลดูน่าสงสาร"น้องหญิง จำไว้ ไม่ว่าสิ่งใดจะเกิดขึ้นสิ่งเดียวที่จะคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลงไปคือเจ้าจะเป็นสตรีที่พี่รักเพียงคนเดียวและวังจันทราแห่งนี้จะมีแค่เจ้าเท่านั้นที่เป็นนายหญิงของวัง"น้ำเสียงที่เอ่ยขึ้นอย่างนุ่มนวล ทว่าหนักแน่น ทำให้อ้ายเย่วน้ำตาคลอ" ขอบคุณเจ้าค่ะท่านพี่"ร่างบางที่ซุกซบใบหน้ากับอกอุ่นอย่างรักใคร่หวง