"จะยืนจ้องอยู่อีกนานหรือไม่?กลับจวนได้แล้วจะรอให้มีเรื่องอีกหรือไง ข้าไม่ได้ว่างมาช่วยเจ้าทุกครั้งที่ก่อเรื่องหรอกนะ"
อ้าว !จีนี่ใครใช้ให้ช่วยกัน รู้หรอกว่าไม่ปลื้มแต่ไม่ต้องแสดงออกขนาดนี้ก็ได้ คิดอย่างไม่พอใจ
"ข้ามาเองได้ก็กลับเองได้ ขอบคุณท่านมากที่สอดมือมาช่วย"
ได้ยินสตรีตรงหน้ากล่าวออกมาหานลู่เหวินถึงกับกัดฟันกรอดหน้าแดงก่ำ นี่นางหาว่าเขาแส่เองใช่หรือไม่
"เมิ่งอ้ายเย่ว!!"
ร่างสูงที่ทำท่าจะก้าวมาฉุดกระชากนาง ทำให้นางต้องถอยหลังอย่างรวดเร็วจนบุรุษตรงหน้าชะงัก นี่นางไม่อยากให้เขาแตะต้องตัวถึงขนาดนี้เลยเหรอ
"เจ้าคะ ทำไมต้องเสียงดังปานนั้น ข้าไม่ได้หูตึง และท่านก็คงจะไม่หูตึงเช่นกัน ข้า กลับ เอง ได้"
กล่าวแล้วสะบัดหน้าเดินออกมาจนจิ้นผิงเดินตามเกือบไม่ทัน
"คุณหนูทำอย่างนี้จะดีหรือเจ้าคะ อย่างไรท่านแม่ทัพก็เป็นคู่หมายและยังช่วยเหลือไว้อีกด้วย"
จิ้นผิงเมื่อเดินทันคนตัวเล็กที่เดินตัวปลิวเอ่ยท้วงขึ้น
"เหอะ แค่คู่หมายไม่ใช่สามีเสียหน่อยข้าไม่สนใจหรอกและอีกอย่างข้าก็ไม่ได้ขอให้ช่วยเสียหน่อย"
"คุณหนู"
"พอเถอะจิ้นผิง ข้าว่าเรามาหาที่ซุกหัวนอนดีกว่า กลับไปครั้งนี้อีตานั่นคงโยนข้าวของเราออกจากจวนเขาแล้วกระมัง อิอิ โดนข้าตอกหน้าหงายไปซะขนาดนั้น"
จิ้นผิงมองคุณหนูของนางอย่างไม่อยากจะเชื่อ ทุกทีคุณหนูกลัวท่านแม่ทัพโกรธจะตายจะพูดจะทำอะไรมักจะมองสีหน้าของอีกฝ่ายก่อนเสมอ แต่วันนี้กลับตอกหน้าท่านแม่ทัพเสียหน้าหงายแล้วยังเดินชมนู่นชมนี่อย่างไม่ทุกข์ร้อนใจอีก คงจะหมดรักในตัวอีกฝ่ายจริงๆเสียแล้วกระมัง
ฝ่ายแม่ทัพหานลู่เหวินที่ตอนนี้โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงกลับจวนก็มานั่งชะเง้อมองว่าเมื่อไหร่คนที่ทำให้เขานั่งไม่ติดอยู่นี่ถึงยังไม่กลับเสียที นี่ก็เย็นมากแล้ว ไม่รู้ว่าไปเดินอวดโฉมให้ผู้ใดชมกันคิดแล้วน่าโมโหนัก หึ พอคิดว่าตัวเองดูดีขึ้นมาจะทำเชิดใส่เขาหรืออย่างไร ใครจะสนกัน จึงเดินกลับเข้าห้องหนังสือไป
อ้ายเย่วที่เดินทอดน่องชมบรรยากาศของยุคโบราณที่ใครก็ไม่มีโอกาสได้มาเห็นกับตามาสัมผัสกับตัวอย่างนาง ที่เมื่อรู้ว่านางมาได้อย่างไรจะมีใครอยากมาหรือไม่ อย่างสบายอารมณ์นัก อากาศก็บริสุทธิ์นัก สามารถสูดความสดชื่นเข้าไปได้เต็มปอดต่างจากยุคที่นางจากมานั้นยากนักที่จะหาอากาศบริสุทธิ์แบบนี้
เดินเรื่อยๆ จนมาเจอจวนจวนหนึ่งดูท่าเจ้าของจวนคงจะร่ำรวยมากเป็นแน่ ก็ดูกำแพงจวนที่สูงลิ่วและป้ายชื่อมี่แขวนตรงประตูจวนที่บานใหญ่มากนั้นสลักด้วยทองคำใช่ทองคำจริงๆ เสียด้วยความอร่ามนั่นทิ่มตานางแทบจะบอด
"วังจันทรา"
ช่างใหญ่โตโออ่านัก อยากเข้าไปชมด้านในจังว่าจะงดงามสักแค่ไหน
เสียงจิ๊ปากของนายสาวทำให้จิ้นผิงรู้ว่าคุณหนูของนางนั้นสนใจจึงขยายความให้ฟัง
"เป็นวังของเล่อชินอ๋องเจ้าค่ะ พระนามว่าจ้าวหย่งเล่อ เป็นอนุชาในฮ่องเต้ จ้าวจงเยี่ยน แห่งแคว้นจ้าว แต่ข่าวลือว่าทรงมีรูปโฉมอัปลักษณ์น่ากลัวนักนิสัยใจคอก็โหดเหี้ยมแค่ศัตรูได้ยินชื่อก็รู้สึกหนาวไปถึงกระดูกบั่นคอศัตรูจนเท้านั้นเหยียบไม่ถึงพื้นดิน จึงไม่มีใครเคยเห็นรูปโฉมที่แท้จริงเพราะทรงสวมหน้ากากอยู่ตลอดเวลาเจ้าค่ะ"
อ้ายเย่วที่ฟังอยู่นั้นแค่พยักหน้ารับรู้เท่านั้น พลันหางตาก็หันไปเห็นจวนเก่าๆ หลังเล็กที่อยู่ติดกันอย่างสนใจนักถึงแม้ว่าจะดูรกร้างไปสักหน่อย
"ข้าอยากซื้อจวนนี้"
บอกบ่าวรับใช้คนสนิทพลางยิ้มกว้างอย่างพอใจนัก
"คุณหนูจะดีหรือเจ้าคะ บ่าวว่าดูวังเวงอย่างไรชอบกล"
"หลังนี้แหละจิ้นผิง ทำเลน่าอยู่มากๆ เจ้าดูข้างหลังจวนสิติดภูเขาด้วย วิวดีโรแมนติกสุดๆ"
จิ้นผิงมองคุณหนูของนางอย่างโง่งมนัก เพราะคุณหนูมักพูดอะไรที่นางฟังไม่ค่อยจะรู้เรื่องจนตอนนี้นางปล่อยเลยตามเลย เอาที่เท่าที่นางเข้าใจก็แล้วกัน
"ถ้าอย่างนั้นบ่าวว่าเรากลับจวนแม่ทัพกันก่อนเถอะนะเจ้าคะ นี่ก็เย็นมากแล้วเดี๋ยวมืดค่ำจะมีอันตรายแล้วค่อยมาใหม่วันพรุ่ง"
"อืม ก็ดีเหมือนกันข้าชักจะปวดขาและเหนื่อยมากๆ"
จะไม่ให้รู้สึกปวดได้อย่างไรกันก็คุณหนูแล่นเดินซะทั่วขนาดนี้ ว่าแล้วสองนายบ่าวจึงได้เช่ารถม้ากลับจวนเพราะคุณหนูของนางนั้นเดินต่อไปไม่ไหวแล้ว
เมิ่งอ้ายเย่วเมื่อกลับถึงจวนแม่ทัพก็ตรงเข้าเรือนของนางทันทีวันนี้นางรู้สึกเหนื่อยล้านัก รีบอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวพอหัวถึงหมอนก็หลับลึกทันที เมิ่งอ้ายเย่วมองเห็นสตรีร่างอวบอ้วนที่ใบหน้าเหมือนนางที่ฟื้นขึ้นมาครั้งแรกนักกำลังเดินมุ่งหน้าไปที่ไหนสักแห่งอย่างรีบร้อนนัก"ชิงเอ๋อ เจ้าอย่าได้น้อยใจไปเลยอย่างไรใจของพี่ก็เป็นของเจ้า" เสียงของบุรุษที่รู้สึกคุ้นหูนักเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยนนัก ทำให้เมิ่งอ้ายเย่วที่กำลังเดินมาทางที่มีบุรุษและสตรีรูปโฉมงดงามอ่อนหวานยืนพลอดรักกันอยู่ต้องหลบหลังพุ่มไม้ใหญ่"พี่สัญญาว่าจะแต่งเจ้าเป็นฮูหยินเอกอย่างแน่นอนพี่ขอเวลาอีกสักนิด เมิ่งอ้ายเย่วนางหลงใหลในตัวพี่นักอย่างไรนางต้องยอมแต่งเป็นฮูหยินรองอย่างแน่นอน ขอแค่นางยอม ท่านพ่อท่านแม่ของพี่มีหรือจะคัดค้านได้" เสียงของบุรุษที่ดังขึ้นทำให้นางรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างไหลลงมาจากดวงตา เมื่อเอามือแตะดูก็รู้ว่ามันคือน้ำตา นี่นางร้องไห้หรือ ไม่ใช่ นี่ไม่ใช่นาง แต่เป็นเมิ่งอ้ายเย่วคนเก่าต่างหาก ยืนมองสองหนุ่มสาวกกกอดกันอยู่นานโดยฝ่ายสตรีนั้นไม่กล่าวอันใดได้แต่ร้องไห้สะอึกสะอื้นแล้วส่งสายตาอย่างสมเพชมายังนาง ใช่!สตรีนางนั้น
"มีคนมาซื้อจวนที่ติดกับวังอย่างนั้นหรือ เป็นใครกัน"เสียงทุ้มที่เอ่ยอย่างราบเรียบไม่บ่งบอกว่าอยู่ในอารมณ์ใดหม่ากงกงพ่อบ้านใหญ่ของวังจันทรากำลังจะอ้าปากแจ้งต้องหุบฉับเพราะเสียงราบเรียบที่เอ่ยขึ้นจากเงาร่างสูงใหญ่ดูสูงส่งแผ่กลิ่นอายของผู้สูงศักดิ์ที่นั่งหันหลังป้อนหนอนตัวน้อยให้เจ้านกแก้วแสนรู้ด้วยท่วงท่าสบายๆ"จะเป็นใครก็ช่างเถอะแค่ไม่มายุ่งวุ่นวายก็พอ"กล่าวพร้อมโบกมือไล่หม่ากงกงเป็นการจบบทสนทนา"ชีวิตในแต่ละวันช่างน่าเบื่อหน่ายนักเจ้าว่าหรือไม่อาฟง"น่าเบื่อ น่าเบื่อเสียงเล็กแหลมของเจ้านกแก้ว นาม อาฟง เอ่ยอย่างแสนรู้นัก จนเจ้าของต้องป้อนเจ้าหนอนเคราะห์ร้ายให้เป็นรางวัลอ้ายเย่วที่จัดการเรื่องขนย้ายข้าวของเรียบร้อยแล้ว จึงมาขอพบท่านลุงท่านป้าเพื่อจะบอกกล่าวและร่ำลาผู้มีพระคุณทั้งสองที่ให้ความช่วยเหลือนางมาตลอดและให้การดูแลนางเป็นอย่างดีอย่างทราบซึ้งในบุญคุณนัก"เย่วเอ๋อเจ้าคิดดีแล้วหรือป้าว่าเจ้าทบทวนดูอีกครั้งดีหรือไม่สตรีที่ไม่มีบุรุษคอยปกป้องคุ้มครองจะไปอยู่กันตามลำพังได้อย่างไร"ฮูหยินของอดีตแม่ทัพพิทักษ์ดินแดนเอ่ยขึ้นอย่างห่วงใยนัก"ลุงเห็นด้วยกับป้าเจ้านะ จะอย่างไรลุงก็รับปากบ
เมิ่งอ้ายเย่วที่ตอนนี้กำลังเดินสำรวจจวนหลังเล็กนี้ ถือว่าจวนหลังนี้น่าอยู่มากเลยทีเดียว เป็นจวนกลางเก่ากลางใหม่ หากปรับปรุงเสียใหม่คาดว่าคงหน้าอยู่นักจวนหลักนั้นแบ่งออกเป็นห้าห้องเลยทีเดียว และห้องโถงก็ดูกว้างปลอดโปร่งนักนางคิดไว้ว่าจะทำเป็นห้องรับแขกแบบผสมผสานกับยุคที่นางจากมา นางใฝ่ฝันมานานว่าอยากมีบ้านที่มีบรรยากาศสงบเงียบ อากาศดีๆ สักหลัง เพราะยุคก่อนนางนั้นอยู่คอนโดสุดหรูที่แพงหูฉี่แต่ไม่มีพื้นที่ให้ปลูกผักปลูกหญ้ามากนัก นางเลือกห้องที่อยู่ทางปีกซ้ายที่ดูเหมือนจะใหญ่กว่าทุกห้องเป็นห้องนอนของนางที่พอเปิดหน้าต่างมองออกไปก็เห็นภูเขาที่อยู่ไกลออกไปสุดลูกหูลูกตา ซึ่งวิวดีนักนางคิดไว้ว่าจะทำแปลงดอกไม้ตรงที่ว่างด้านนี้เพราะพอเปิดหน้าต่างดูจะได้รู้สึกสดชื่น และห้องที่อยู่ติดกันจะทำเป็นห้องหนังสือและไว้สำหรับทำงานถึงตอนนี้จะไม่รู้ว่าจะทำงานอะไรก็เถอะ จิ้นผิงที่เลือกห้องที่อยู่ทางปีกขวาเป็นห้องนอนของนาง ซึ่งนางดูดีใจนักและอีกห้องยกให้สาวใช้ที่นางจะหาเพิ่มอีกคนเพื่อช่วยงานจิ้นผิงทำงาน จวนหลังนี้มีห้องครัวที่แยกออกไปด้านหลังที่ใหญ่ใช้ได้ รอบๆ จวนยังมีพื้นที่ว่างมากนัก นางคิดจะปลูกผักทำสวน แค
เมื่อได้ของที่ต้องการครบแล้วจึงพากันเดินมายังที่จอดรถม้าสำหรับเช่าเพราะถ้าจะให้นางเดินกลับคงไม่ไหวแน่ เฮ่อ! นี่ก็อีกเรื่องนางคงต้องหารถม้าเป็นของตัวเองสักคันเพื่อความสะดวกในการเดินทาง แต่ยังไม่ทันเดินไปถึงจุดหมายปลายทางก็ได้ยินเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นและเสียงด่าทอดังลั่นมาจากบ้านหลังหนึ่ง อ้ายเย่วจึงหันไปมองเห็นสตรีร่างกายอวบอ้วนกำลังถือไม้กวาดไล่ตีเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงตัวเล็กผอมแห้งดูแล้วน่าสงสารนัก ยังไม่ทันได้คิดอะไรขาเจ้ากรรมก็เดินตรงเข้าไปหาต้นเหตุของเสียงเอะอะโวยวาย จิ้นผิงที่เห็นนายตนเดินเข้าไปจึงรีบก้าวตามเพราะกลัวคุณหนูจะได้รับอันตราย"เกิดอะไรขึ้นเหตุใดถึงลงไม้ลงมือกับเด็กตัวเล็กนิดเดียว" เสียงหวานที่เอ่ยถามทำให้สตรีร่างท้วมเจ้าเนื้อหยุดมือ หันมองสตรีหน้าตางดงามตรงหน้าดูจากผิวพรรณแล้วคงเป็นพวกคุณหนูจวนใหญ่"ข้าแค่จะสั่งสอนพวกเด็กเหลือขอนี่เท่านั้น ท่านอย่ามายุ่งเลยจะดีกว่า" เด็กผู้ชายที่กอดเด็กผู้หญิงอย่างหวงแหนรีบเอ่ยขึ้น" ข้าแค่จะให้ท่านป้าตามหมอมาดูเสี่ยวเจินเท่านั้น แต่ท่านป้าไม่ยอมตามหมอให้ เสี่ยวเจินกำลังป่วย" อ้ายเย่วมองมายังเด็กผู้ชายที่ดวงตาแดงก่ำแต่น้ำตานั้นไ
เช้าวันรุ่งขึ้นรถม้าจากร้านรวงต่างๆ ก็มาส่งของตั้งแต่เช้าตรู่ โดยอ้ายเย่วให้ทุกคนช่วยกันทำความสะอาดห้องครัวก่อนจากนั้นจึงให้จิ้นผิงหุงหาอาหารง่ายๆ สำหรับมื้อเช้า เช้านี้จึงมีข้าวต้มและปลาตากแห้งทอด ซึ่งเด็กทั้งสองดูมีความสุขนักกินกันอย่างเอร็ดอร่อย พวกเขาบอกว่ามื้อนี้เป็นอาหารที่ดีที่สุดเท่าที่เคยกินมา เพราะทุกมื้อได้กินแต่น้ำข้าวกับแป้งทอดแข็งๆ เท่านั้น เมื่อกินกันอิ่มก็ช่วยกันทำความสะอาดและนำข้าวของมาเก็บอย่างเป็นระเบียบ อ้ายเย่วยืนมองห้องครัวที่ค่อนข้างจะเล็กแต่สะอาดสะอ้าน คิดว่าจะต่อเติมห้องครัวเสียหน่อยส่วนที่จะต่อเติมออกมาจะทำเป็นครัวแบบเปิดโล่งเหมือนครัวในชนบทที่มองออกไปก็เห็นแปลงผักและพืชผักสวนครัวต่างๆ ที่นางชอบดูในโลกออนไลน์แต่ไม่มีโอกาส วันนี้โอกาสนั้นมาถึงแล้ว "จิ้นผิงหากเราจะต่อเติมจวนต้องทำอย่างไรหรือ" จิ้นผิงที่กำลังเก็บข้าวสารและพวกเครื่องปรุงต่างๆ ให้เป็นระเบียบหันมาตอบคำถามคุณหนูของนาง"ต้องไปติดต่อช่างไม้ในตลาดเจ้าค่ะ บ่าวรู้จักอยู่ที่หนึ่งทำงานละเอียดอ่อนและมีฝีมือมากเจ้าค่ะ" "งั้นดีเลยข้าจะต่อเติมและซ่อมแซมจวนนี้เสียใหม่จะได้น่าอยู่ขึ้น" จากนั้นทั้งหมดก็ช่วยกั
จวนแม่ทัพที่ตอนนี้บ่าวไพร่ต่างอกสั่นขวัญแขวนกันถ้วนหน้าเพราะไม่มีใครเข้าหน้าแม่ทัพของจวนติด บ่าวไพร่โดนสั่งลงโทษเป็นว่าเล่น แม่ทัพลู่เหวินที่รีบร้อนกลับมากลับพบว่าเมิ่งอ้ายเย่วจากไปโดยไม่รอเขา สอบถามบิดามารดาก็ไม่รู้ว่านางไปอยู่ไหน สั่งให้คนสืบหาที่อยู่ของนางผ่านมาหลายวันก็ไม่คืบหน้าช่างเลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆเมิ่งอ้ายเย่วนางกล้าดีอย่างไรจึงขัดคำสั่งเขา เขาจะลากนางกลับมาให้ได้คอยดู คิดจะทิ้งเขามันไม่ง่ายขนาดนี้แน่ต้องเป็นเขาสิที่จะต้องเป็นฝ่ายทิ้งนาง"ท่านแม่ทัพขอรับ" เสียงบ่าวรับใช้ที่ดังขึ้นทำให้ใบหน้าบึ้งตึงของแม่ทัพลู่เหวินตวัดตามองจนคนตรงหน้ารีบคุกเข่ารายงาน"คุณหนูไป๋อี้ชิงมาขอพบขอรับ" แม่ทัพลู่เหวินยกสองมือแกร่งขึ้นรูปใบหน้าอย่างเหนื่อยหน่ายนัก เพราะไป๋อี้ชิงเอาแต่เร่งเร้าให้เขาไปสู่ขอนางเสียที ซึ่งเขายังไม่พร้อมไม่รู้ว่าทำไมแต่เขายังไม่อยากแต่งนางเข้าจวนถึงแม้จะพึงใจในตัวนางนักแต่ภาพของเมิ่งอ้ายเย่วยังตามหลอกหลอนทำให้พยายามบ่ายเบี่ยงเสมอ"เจ้าไปแจ้งนางทีว่าข้าไม่สะดวกให้นางกลับไปก่อน บอกว่ากำลังคุยธุระสำคัญอยู่กับท่านพ่อก็แล้วกัน" กล่าวออกไปพร้อมถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน โบก
สวย สวยมาก ภาพที่ปรากฏตรงหน้าทำให้อ้ายเย่วถึงกับตะลึงและยังกลิ่นหอมสดชื่นของมวลดอกไม้ที่แตะมาโดนจมูกนี่อีก นางอยากมีสวนที่สวยแบบนี้ ไวเท่าความคิดขาเรียวก็ก้าวเดินไปยังทุ่งใช่ต้องเรียกว่าทุ่งดอกไม้ถึงจะถูกเพราะดูกว้างมากๆ มีดอกไม้ที่นางไม่เคยเห็นมาก่อนดูงดงามบานสะพรั่งเต็มไปหมดสีสวยๆ นั้นดูละลานตานักภาพโฉมงามที่กำลังหมุนกายท่ามกลางมวลดอกไม้ ชื่นชมสวนดอกไม้ที่พระองค์ทรงหวงแหนนักที่เห็นอยู่เบื้องหน้าทำให้เล่อชินอ๋องถึงกับตกตะลึงนางช่างงดงามยิ่งนัก พระองค์ที่ทรงประทับอยู่ยังเรือนจันทราซึ่งเป็นเรือนที่พระมารดาทรงโปรดปรานนักตอนยังมีพระชนม์ชีพอยู่ เพราะเรือนนี้ตั้งอยู่บนเนินสามารถมองเห็นภาพสวนดอกไม้นานาพันธุ์ที่ทรงรักนักหนาได้ทุกมุมและยามค่ำคืนก็จะเห็นพระจันทร์ได้ชัดเจนและสวยที่สุดเรือนนี้จึงได้ชื่อว่าเรือนจันทราและเป็นเขตหวงห้ามที่ทรงหวงแหนเพราะเป็นสถานที่ในความทรงจำที่ทรงระลึกถึงพระมารดา เดิมทีเรือนนี้ไม่อนุญาตให้ใครเข้ามาวุ่นวายหากฝ่าฝืนก็จะมีความผิด จะมีก็แต่หม่ากงกงที่จะพาบ่าวไพร่มาทำความสะอาดเท่านั้น แต่กับสตรีตรงหน้าพระองค์กลับไม่มีความรู้สึกไม่พอใจหรือโกรธเคืองใดๆ แต่กลับรู้สึกว่าหั
เมิ่งอ้ายเย่วที่เดินตามหลังร่างสูงมาห่างๆ มองแผ่นหลังกว้างแล้วรู้สึกว่าแก้มนวลนั้นร้อนผ่าว อาการแบบนี้เค้าเรียกว่ารักแรกพบใช่หรือไม่ คิดแล้วก็เขินนัก หากเป็นยุคก่อนนางคงขอแอดไลน์ไปแล้ว เขาเป็นใครกันนะ ดูจากการแต่งตัวและเนื้อผ้าที่สวมใส่คงจะไม่ธรรมดา นางจำได้ว่าจิ้นผิงเคยบอกว่าที่นี่เป็นวังของอ๋องอะไรสักอย่างนี่แหละหรือบุรุษผู้นี้จะเป็นบุตรชายของท่านอ๋องคนนั้นกันปึ๊ก!!!! "โอ้ยยยย" เสียงหวานที่ยกมือคลำจมูกปอยๆ หักไหมวะเนี้ย ช้อนตาขึ้นมองเจ้าของอ้อมแขนที่โอบกอดนางไว้ อ๊ายย ฉากเข้าพระเข้านางฉากยอดฮิตเลยนะนี่ จ้องตากัน แล้วส่งสายตาหวาน ก้มต่ำลงมา ต่ำลงมา จูบเลยไหมคะ"เจ็บมากหรือไม่" เสียงทุ้มที่ดังขึ้นข้างใบหูเล็กทำให้อ้ายเย่วหลุดจากภวังค์"เอ่อ ไม่เจ็บเจ้าค่ะ" ว่าพลางขยับกายออกจากอ้อมแขนอุ่น กลิ่นตัวหอมจังเลย "ขอโทษเจ้าค่ะ ข้าไม่ทันมอง" "ข้าผิดเองที่หยุดเดินกะทันหัน จนทำให้เจ้าต้องเจ็บตัว" อ้ายเย่วจึงยกมือลูบจมูกหน้าแดงก่ำ"ถ้าอย่างนั้นถือว่าเราหายกันนะเจ้าคะ"ว่าพลางพยักพเยิดไปยังคางแกร่งเห็นร่างสูงตรงหน้ายกมือขึ้นลูบคางเบาๆ ก็พากันหัวเราะออกมา พอเห็นใบหน้าหล่อเหลาที่ส่งยิ้มกว้าง
เสียงสรวลที่ดังลั่นอย่างพอพระทัยจนลอดออกมาจากห้องทรงอักษรของฮ่องเต้จ้าวจงเยี่ยน ผู้เป็นใหญ่ที่สุดของแคว้นจ้าว สร้างความประหลาดใจให้ข้าราชบริพารเป็นอย่างมาก ไม่ใช่ว่าฝ่าบาทกำลังเคร่งเครียดกับข่าวการปล้นสะดมของกองโจรฝั่งชายแดนใต้ถึงขนาดส่งเล่อชินอ๋องไปจัดการหลอกหรือ ฮ่องเต้จ้าวจงเยี่ยนที่ฟังคำรายงานจากองครักษ์ต้าหลงที่กำลังรายงานเรื่องราวเกี่ยวกับพระอนุชาของพระองค์ที่อายุห่างจากพระองค์ถึงสิบห้าชันษาอย่างรู้สึกยินดีนัก พระองค์คิดว่าอนุชาองค์นี้ของพระองค์จะไม่คิดจะออกเรือนแล้วเสียอีก พระองค์เพียรส่งสาวงามเข้าตำหนักอ๋องอยู่หลายครั้งกลับโดนปฏิเสธมาตลอด แต่ตอนนี้บทจะมีน้องสะใภ้ก็ทำเอาพระองค์ไม่ทันตั้งตัว ส่วนเจ้าตัวดีที่ตอนนี้ออกอาการกระฟัดกระเฟียดเพราะพอมีเมียก็มีเรื่องให้ต้องสะสางเสียนี่ จากการรายงานสถานการณ์ทางตอนใต้ของแคว้นที่มีการปล้นสะดมของกลุ่มโจรออกปล้นชาวเมืองจนได้รับความเดือดร้อนนั้น แท้จริงแล้วเมื่อส่งเล่อชินอ๋องไปตรวจสอบกลับพบว่าเป็นเพราะที่นั่นเกิดภัยแล้งและชาวบ้านถูกเจ้าเมืองเอารัดเอาเปรียบจึงรวมตัวกันก่อตั้งกลุ่มโจรออกปล้นพวกเศรษฐีหน้าเลือดเท่านั้น ซึ่งเล่อชินอ๋องได้จัดการกับ
อ้ายเย่วที่รู้สึกตัวตื่นขึ้นในตอนฟ้าสางพร้อมอาการเจ็บร้าวตามร่างกายโดยเฉพาะตรงส่วนนั้นที่รู้สึกถึงความเจ็บหน่วงและความเฉอะแฉะ เรื่องราวที่เกิดขึ้นไหลเวียนเข้ามากระแทกใจนางอย่างแรงจนกายงามเปลือยเปล่าสั่นสะท้านน้ำตาไหลพราก หมดสิ้นแล้วความสาวที่หวงแหนเพื่อมอบให้ชายคนรักต่อไปนี้นางจะสู้หน้าเขาได้อย่างไร รีบพยุงกายบอบช้ำหันมองรอบกายที่ว่างเปล่าเห็นเพียงร่องรอยเปรอะเปื้อนของคราบเลือดและรอยราคีบนเตียงนอนยับย่นที่บ่งบอกให้รู้ว่าเมื่อคืนนี้เตียงนี้ผ่านศึกมารุนแรงเพียงไร ก้มลงหยิบเสื้อผ้ามาสวมใส่อย่างรีบเร่งสายตาพลันหันไปเห็นหน้ากากสีดำที่ตั้งอยู่บนชุดสีดำเนื้อผ้าบ่งบอกถึงยศศักดิ์ผู้เป็นเจ้าของภาพบุรุษสวมหน้ากากก็ลอยเข้ามาในห้วงความคิด"เล่อชินอ๋อง" นางอยากกัดลิ้นตัวเองตายนักพระองค์ยังอยู่ที่นี่ใช่หรือไม่ ดวงตาแดงช้ำที่แฝงไปด้วยความหวาดหวั่นคิดเพียงพาตัวเองออกไปจากที่นี่ จะให้พระองค์เห็นนางไม่ได้หากโจหยางเล่อรู้ว่านางพลาดท่าให้เล่อชินอ๋องผู้เป็นญาติของตนเองจะรู้สึกเช่นไรเขาจะเสียใจแค่ไหนนางไม่อยากจะคิด ร่างบางจึงรีบหลบออกจากห้องที่นางก้าวเข้ามาดุจเจ้าหญิงแต่พอกลับออกไปสภาพดูแทบไม่ได้เล่อชินอ๋
ร่างบางที่มองไปยังร่างสูงของบุรุษสารเลวที่ก้าวเข้ามาหานางอย่างเชื่องช้าในตาแดงก่ำด้วยแรงอารมณ์นั้นอย่างหมดสิ้นความหวัง พี่หยางเล่อท่านอยู่ไหนช่วยข้าด้วย"กรี๊ดดด" เสียงกรีดร้องที่ดังขึ้นเมื่อสัมผัสได้ถึงมือหยาบกระด้างที่แตะโดนตัว พร้อมกับเห็นร่างสูงของบุรุษที่คิดย่ำยีนางล้มลงไปอีกด้านอย่างแรงด้วยฝีมือของใครบางคน พร้อมกับร่างกายนางที่ไม่อาจจะควบคุมความรู้สึกฝ่ายต่ำได้อีกต่อไป รับรู้ได้แค่อ้อมแขนที่โดนร่างกายนางจนรู้สึกร้อนเร่ากับกลิ่นกายที่ดูคุ้นเคยของบุรุษที่สวมหน้ากากตรงหน้าที่นางอยากให้เขาสัมผัสนางให้มากกว่านี้กดข่มความรู้สึกน่ารังเกียจของตัวเองที่เกิดขึ้นร้องไห้ออกมา"ไม่ปล่อยข้า พี่หยางเล่อช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย" กล่าวได้เพียงแค่นั้นร่างกายที่ร้อนรุ่มก็โถมเข้าหาร่างหนาที่โอบประคองนางอย่างไม่อาจระงับอารมณ์เอาไว้ได้ส่งเรียวปากเล็กที่จูบสะเปะสะปะไปทั่วหน้าอกแกร่งตามอารมณ์กำหนัดที่เกิดขึ้นจากฤทธิ์ยาอย่างไร้สติ เล่อชินอ๋องที่ขบกรามแกร่งจนแน่นไม่อยากคิดเลยว่าหากพระองค์ไม่บังเอิญอยู่ที่นี่จะเกิดอะไรขึ้น ยิ่งเห็นอาการของสตรีในอ้อมแขนพระองค์อยากจะสับบุรุษสารเลวผู้นั้นเป็นหมื่นๆ ชิ้น พระอง
หลายวันมานี้ชีวิตของอ้ายเย่วช่างสงบเงียบเหงายิ่งนักเพราะพ่อเทพบุตรสุดหล่อของนางต้องไปทำธุระให้เล่อชินอ๋องต่างเมือง ทำให้นางไม่มีคนคุยด้วยและคนพาไปเดินเที่ยว วันนี้นางจึงได้เดินหงอยเหงาอยู่คนเดียว กำลังเดินชมแปลงดอกไม้ที่นางลงมือปลูกกับมือที่ออกดอกบานสะพรั่งอย่างพออกพอใจนักพอมันโตเต็มที่คงงดงามกว่านี้เป็นแน่ไม่เสียแรงที่นางอุตส่าห์ทะนุถนอมรดน้ำพรวนดิน ผลที่ได้เป็นที่น่าปลื้มใจอย่างมาก โดยเฉพาะดอกเหมยกุยฮวาที่ดูงดงามที่สุดออกดอกที่สมบูรณ์เป็นอย่างมากเพราะนางมาดูแลทุกวัน ต้นเหมยกุยต้นนี้นางกับหยางเล่อช่วยกันปลูกเพื่อเป็นตัวแทนแห่งความรักของเรา ช่างดูโรแมนติกนักใช่ไหมล่ะ กำลังชื่นชมดอกเหมยกุยและคิดถึงคนที่ร่วมรดน้ำพรวนดินเพราะไม่เห็นหน้ามาหลายวันทำให้หัวใจนางห่อเหี่ยวยิ่งนัก ความรักนี่ช่างน่ากลัวเสียจริงพอไม่เห็นหน้าก็โหยหาทรมานใจ พออยู่ใกล้ก็ทำให้หัวใจร้อนเร่าลุ่มหลง นางไม่อยากจะคิดเลยว่าหากนางผิดหวังในรักครั้งนี้จะเป็นเช่นไร นางคงเข็ดขยาดไม่กล้ามีรักอีกเป็นแน่"คุณหนูเจ้าคะ จดหมายจากคุณชายโจเจ้าค่ะ" จิ้นผิงที่เดินเอาจดหมายที่มีทหารนายหนึ่งมาส่งให้บอกว่าคุณชายโจหยางเล่อฝากมาให้คุณหนูของ
วันนี้อ้ายเย่วลุกขึ้นมาแต่เช้าเพื่อช่วยจิ้นผิงและเจ้าลิงทโมนสองพี่น้องนำดอกไม้ลงแปลงจนล่วงเลยมายามบ่ายถึงจะเสร็จเรียบร้อย ยืนมองสวนดอกไม้ของนางที่เป็นรูปเป็นร่างอย่างที่นางออกแบบไว้อย่างภูมิอกภูมิใจนัก รอแค่ให้มันแข็งแรงและออกดอกเท่านั้น ฝีมือการแต่งสวนของนางไม่ธรรมดาเลย คนบ้าอะไรทั้งสวยและเก่งขนาดนี้ เฮ่อ ชอบตัวเองจริงๆ เลยอะ อิอิ แต่ถึงอย่างนั้นก็ทำให้นางถึงกับหมดแรงกันเลยทีเดียว การปลูกดอกไม้ก็เหนื่อยไม่ใช่เล่นเลยนะนี่ ร่างบางที่ยืนชื่นชมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับฝีมือตัวเองอยู่นั้นช่างดูน่ารักน่าเอ็นดูในสายตาบุรุษที่ยืนมองนางอยู่นักถึงแม้ตอนนี้ร่างสตรีตรงหน้าจะดูมอมแมมเต็มไปด้วยเศษดินเศษหญ้าแต่ก็ไม่อาจลดทอนความงดงามของนางลงได้ แต่นางกลับดูน่ารักไปอีกแบบอ้ายเย่วที่กำลังหมุนกายเพื่อจะไปอาบน้ำชำระเหงื่อไคลเพราะตอนนี้รู้สึกเหนียวตัวนักแต่กลับพบกับร่างสูงที่นางเห็นหน้าตลอดหลายวันที่ผ่านมาจนกลายเป็นความคุ้นชินไปเสียแล้วยืนส่งยิ้มมาให้และในอ้อมแขนยังอุ้มเจ้าขนปุยที่นางรู้ว่าเป็นแมวของวังจันทราที่เดี๋ยวนี้กลายเป็นลูกรักของบุรุษหล่อเหลาที่อุ้มมันอยู่ นึกถึงสิ่งที่บุรุษผู้นี้กล่าวเหตุผลที่เอาอกเอ
เล่อชินอ๋องที่ได้ทำความรู้จักและสัมผัสนิสัยใจคอของสตรีที่พระองค์พึงใจนั้น ก็รู้สึกได้ว่าพระองค์ไม่อาจถอนตัวถอนใจมาจากนางได้อีกแล้ว ยิ่งได้รู้จักได้ใกล้ชิดพระองค์ก็ยิ่งปักใจรักในตัวนาง อยากมีนางอยู่เคียงข้างตลอดไป เวลานางทำอะไรหรือแสดงความรู้สึกอะไรออกมาช่างดูน่าเอ็นดูนัก สตรีของชินอ๋องจะดูธรรมดาได้อย่างไร พระองค์ที่คอยสังเกตอากัปกิริยาของนางอยู่ตลอด นึกเอ็นดูนางมารน้อยของพระองค์นัก นางช่างร้ายกาจใช่เล่น รู้ทันเล่ห์เหลี่ยมมารยาของผู้อื่นเสมอแต่แกล้งทำหน้าตาใสซื่อจนพระองค์นึกขำ แต่ต้องแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แต่ความจริงนั้นพระองค์ต้องกดข่มไม่ให้เผลอแสดงท่าทีให้นางจับได้"ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ ทำไมพระองค์ถึงไม่บอกแม่นางเมิ่งไปล่ะ ว่าพระองค์คือชินอ๋องจ้าวหย่งเล่อ เดี๋ยวนางมารู้ทีหลังจะพาลโกรธพระองค์เอาได้นะพ่ะย่ะค่ะ"องครักษ์ต้าหลงที่เอ่ยถามขึ้นด้วยความเป็นห่วงเพราะเล่อชินอ๋องนั้นไม่ยอมบอกแม่นางเมิ่งว่าตัวเองเป็นใคร ปล่อยให้นางเข้าใจผิดคิดว่าพระองค์เป็นแค่พระญาติของเล่อชินอ๋องเท่านั้น การเริ่มต้นด้วยการโกหกนั้นไม่ใช่เรื่องดีอย่างยิ่ง"กำลังหาทางบอกอยู่"พระองค์ใช่ว่าจะไม่กลัวว่านางจะโกรธ และพ
หลังจากออกจากเหลาอาหารอ้ายเย่วและเล่อชินอ๋องก็พากันมาเดินชมตลาดยามค่ำคืนโดยมีบุรุษและสตรีที่ทำตัวเป็นปลิงเกาะไม่ยอมปล่อย ช่างขัดหูขัดตานางนัก นางจะสวีทกับบุรุษข้างกายให้หวานชื่นดังคู่รักพึงกระทำให้ฉ่ำหัวใจเสียหน่อยก็ไม่ได้ คนสวยเซ็ง เดินมาจนถึงร้านเครื่องประดับที่มีเครื่องประดับสำหรับสตรีมากมายนักจนนางมองด้วยแววตาแปร่งประกาย เครื่องประดับยุคโบราณนี้ช่างงดงามดูมีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด"เย่วเอ๋อ ชอบหรือ" เสียงทุ้มที่เอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นสายตาของนาง ร่างบางจึงพยักหน้าหงึกหงักอย่างน่าเอ็นดูนัก"อยากได้ชิ้นใดเลือกได้เลย พี่อยากซื้อเป็นของแทนใจชิ้นแรกระหว่างเรา หากชอบหมดทั้งร้านก็ย่อมได้" ร่างสูงที่เอ่ยขึ้นพร้อมมองสบตานาง หากเจ้าอยากได้สิ่งใดพี่พร้อมจะประเคนให้ แม้แต่ตัวพี่หากเจ้าอยากได้พี่ก็ยินดียิ่งนักสายเปย์เสียด้วยพ่อเทพบุตรของฉัน ภาพบุรุษและสตรีตรงหน้าที่ทำเหมือนรอบกายมีแค่เพียงสองคนสร้างความเดือดดาลให้สตรีที่เดินมาด้านหลังนัก หันมองบุรุษข้างกายที่ทำหน้าเหมือนคนกำลังจะตายแต่ไม่คิดจะทำอะไรสักอย่าง อย่างขัดใจนัก จึงสะบัดหน้าเดินกลับออกไป นางต้องกลับไปตั้งหลักก่อน ขืนอยู่ต่อนางคงต้องแค้
หลังจากมื้ออาหารที่สุดแสนจะอร่อยกว่าทุกมื้อที่เคยกินมาในความรู้สึกของอ้ายเย่วจบลง เสี่ยวเอ้อก็ยกน้ำชากาใหม่มาเปลี่ยนอย่างรู้งานนัก อ้ายเย่วจึงเป็นฝ่ายเปิดการสนทนาอย่างจริงจังเพราะนางอยากไปเดินชมตลาดเต็มที อยากจะออกไปเดินชมบรรยากาศยามค่ำคืนของยุคนี้โดยมีบุรุษรูปงามเดินเคียงคงจะดูโรแมนติกสุดๆ"ท่านแม่ทัพมีอะไรจะพูดกับข้าก็พูดมาเถอะเจ้าค่ะ ข้ามีธุระต้องไปทำต่อ"แม่ทัพหานลู่เหวินที่ฟังสตรีที่เขาให้คนออกตามหาอยู่หลายวันเอ่ยขึ้นอย่างห่างเหินนักรู้สึกเจ็บจุกในอกแปลกๆ จึงสูดลมหายใจลึกเข้าปอดหลับตาลงอย่างตัดสินใจ เขาไม่ยอมเสียนางไปเด็ดขาด"ข้าอยากให้เจ้ากลับไปอยู่ที่จวนแล้วข้าจะจัดพิธีมงคลสมรสระหว่างเราให้เร็วที่สุด ตามที่บิดาของเราได้ตกลงกันไว้ และขอโทษที่ทำให้เจ้าต้องรอมานาน""............"อ้ายเย่วที่ตกตะลึงกับคำกล่าวของแม่ทัพลู่เหวินที่บทจะง่ายก็ง่ายจนใจหาย แล้วหันไปมองหน้าสตรีอีกคนที่เห็นประกายยินดีในแววตาวูบหนึ่งก่อนตาคู่นั้นจะชำเลืองมองไปยังบุรุษอีกคนที่นั่งอยู่ตรงหน้านางด้วยแววตาหวานหยดย้อย แต่บุรุษผู้นั้นกำลังมองมายังนางอย่างรอคอยคำตอบเช่นกัน"ต้องขอโทษท่านแม่ทัพด้วย ข้ามิได้คิดกับท่า
"เมิ่งอ้ายเย่ว" อ้ายเย่วที่หันมามองบุรุษที่เรียกนางผู้มายืนทำหน้าบอกบุญไม่รับแล้วหันมามองบุรุษที่กำลังนั่งมองนางอยู่เช่นกัน ทำไมถึงรู้สึกเหมือนตัวเองได้รับบทเป็นนางเอกที่กำลังต้องเลือกระหว่างพระเอกกับตัวร้ายเลยอะ คนสวยเพลีย หากให้นางเป็นนางเอกนางก็ต้องเลือกพระเอกสิ แต่พระเอกของนางต้องเป็น พ่อเทพบุตรหน้ามนตรงหน้าเท่านั้น บอกเลย"เย่วเอ๋อ รู้จักกับคุณชายท่านนี้หรือ" เสียงทุ้มที่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสบายๆแต่ทำไมนางสังเกตเห็นว่าในดวงตาคนตรงหน้าช่างน่ากลัวนัก"เจ้าค่ะ นี่ท่านแม่ทัพหานลู่เหวินเจ้าค่ะพี่หยางเล่อ" เย่วเอ๋อ พี่หยางเล่อเช่นนั้นหรือสองคนนี้สนิทกันแค่ไหนถึงได้เอ่ยเรียกกันเช่นนี้ แต่เขาเป็นคู่หมายของนางอยากเรียกอย่างไรก็เรียกไปร่างสูงที่ได้รับการแนะนําจึงยืดอกขึ้นหันไปมองบุรุษที่นั่งอยู่อย่างต้องการจะข่มคนตรงหน้าที่มองมายังตนอย่างท้าทายไม่ทุกร้อนถึงกับเกิดความไม่พอใจที่บุรุษผู้นี้มองตนอย่างกับตัวอะไร อ้ายเย่วที่เห็นทั้งสองมองตากันเหมือนมีกระแสไฟกำลังปะทุ อย่านะคงไม่เกิดศึกชิงนางขึ้นใช่หรือไม่ รู้ตัวแหละว่าสวย"เอ่อ ท่านแม่ทัพมีธุระอะไรกับข้าหรือไม่เจ้าคะ" "ทำไม การที่คู่หมั้นคู่