เช้าวันรุ่งขึ้นรถม้าจากร้านรวงต่างๆ ก็มาส่งของตั้งแต่เช้าตรู่ โดยอ้ายเย่วให้ทุกคนช่วยกันทำความสะอาดห้องครัวก่อนจากนั้นจึงให้จิ้นผิงหุงหาอาหารง่ายๆ สำหรับมื้อเช้า เช้านี้จึงมีข้าวต้มและปลาตากแห้งทอด ซึ่งเด็กทั้งสองดูมีความสุขนักกินกันอย่างเอร็ดอร่อย พวกเขาบอกว่ามื้อนี้เป็นอาหารที่ดีที่สุดเท่าที่เคยกินมา เพราะทุกมื้อได้กินแต่น้ำข้าวกับแป้งทอดแข็งๆ เท่านั้น เมื่อกินกันอิ่มก็ช่วยกันทำความสะอาดและนำข้าวของมาเก็บอย่างเป็นระเบียบ อ้ายเย่วยืนมองห้องครัวที่ค่อนข้างจะเล็กแต่สะอาดสะอ้าน คิดว่าจะต่อเติมห้องครัวเสียหน่อยส่วนที่จะต่อเติมออกมาจะทำเป็นครัวแบบเปิดโล่งเหมือนครัวในชนบทที่มองออกไปก็เห็นแปลงผักและพืชผักสวนครัวต่างๆ ที่นางชอบดูในโลกออนไลน์แต่ไม่มีโอกาส วันนี้โอกาสนั้นมาถึงแล้ว "จิ้นผิงหากเราจะต่อเติมจวนต้องทำอย่างไรหรือ" จิ้นผิงที่กำลังเก็บข้าวสารและพวกเครื่องปรุงต่างๆ ให้เป็นระเบียบหันมาตอบคำถามคุณหนูของนาง"ต้องไปติดต่อช่างไม้ในตลาดเจ้าค่ะ บ่าวรู้จักอยู่ที่หนึ่งทำงานละเอียดอ่อนและมีฝีมือมากเจ้าค่ะ" "งั้นดีเลยข้าจะต่อเติมและซ่อมแซมจวนนี้เสียใหม่จะได้น่าอยู่ขึ้น" จากนั้นทั้งหมดก็ช่วยกั
จวนแม่ทัพที่ตอนนี้บ่าวไพร่ต่างอกสั่นขวัญแขวนกันถ้วนหน้าเพราะไม่มีใครเข้าหน้าแม่ทัพของจวนติด บ่าวไพร่โดนสั่งลงโทษเป็นว่าเล่น แม่ทัพลู่เหวินที่รีบร้อนกลับมากลับพบว่าเมิ่งอ้ายเย่วจากไปโดยไม่รอเขา สอบถามบิดามารดาก็ไม่รู้ว่านางไปอยู่ไหน สั่งให้คนสืบหาที่อยู่ของนางผ่านมาหลายวันก็ไม่คืบหน้าช่างเลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆเมิ่งอ้ายเย่วนางกล้าดีอย่างไรจึงขัดคำสั่งเขา เขาจะลากนางกลับมาให้ได้คอยดู คิดจะทิ้งเขามันไม่ง่ายขนาดนี้แน่ต้องเป็นเขาสิที่จะต้องเป็นฝ่ายทิ้งนาง"ท่านแม่ทัพขอรับ" เสียงบ่าวรับใช้ที่ดังขึ้นทำให้ใบหน้าบึ้งตึงของแม่ทัพลู่เหวินตวัดตามองจนคนตรงหน้ารีบคุกเข่ารายงาน"คุณหนูไป๋อี้ชิงมาขอพบขอรับ" แม่ทัพลู่เหวินยกสองมือแกร่งขึ้นรูปใบหน้าอย่างเหนื่อยหน่ายนัก เพราะไป๋อี้ชิงเอาแต่เร่งเร้าให้เขาไปสู่ขอนางเสียที ซึ่งเขายังไม่พร้อมไม่รู้ว่าทำไมแต่เขายังไม่อยากแต่งนางเข้าจวนถึงแม้จะพึงใจในตัวนางนักแต่ภาพของเมิ่งอ้ายเย่วยังตามหลอกหลอนทำให้พยายามบ่ายเบี่ยงเสมอ"เจ้าไปแจ้งนางทีว่าข้าไม่สะดวกให้นางกลับไปก่อน บอกว่ากำลังคุยธุระสำคัญอยู่กับท่านพ่อก็แล้วกัน" กล่าวออกไปพร้อมถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน โบก
สวย สวยมาก ภาพที่ปรากฏตรงหน้าทำให้อ้ายเย่วถึงกับตะลึงและยังกลิ่นหอมสดชื่นของมวลดอกไม้ที่แตะมาโดนจมูกนี่อีก นางอยากมีสวนที่สวยแบบนี้ ไวเท่าความคิดขาเรียวก็ก้าวเดินไปยังทุ่งใช่ต้องเรียกว่าทุ่งดอกไม้ถึงจะถูกเพราะดูกว้างมากๆ มีดอกไม้ที่นางไม่เคยเห็นมาก่อนดูงดงามบานสะพรั่งเต็มไปหมดสีสวยๆ นั้นดูละลานตานักภาพโฉมงามที่กำลังหมุนกายท่ามกลางมวลดอกไม้ ชื่นชมสวนดอกไม้ที่พระองค์ทรงหวงแหนนักที่เห็นอยู่เบื้องหน้าทำให้เล่อชินอ๋องถึงกับตกตะลึงนางช่างงดงามยิ่งนัก พระองค์ที่ทรงประทับอยู่ยังเรือนจันทราซึ่งเป็นเรือนที่พระมารดาทรงโปรดปรานนักตอนยังมีพระชนม์ชีพอยู่ เพราะเรือนนี้ตั้งอยู่บนเนินสามารถมองเห็นภาพสวนดอกไม้นานาพันธุ์ที่ทรงรักนักหนาได้ทุกมุมและยามค่ำคืนก็จะเห็นพระจันทร์ได้ชัดเจนและสวยที่สุดเรือนนี้จึงได้ชื่อว่าเรือนจันทราและเป็นเขตหวงห้ามที่ทรงหวงแหนเพราะเป็นสถานที่ในความทรงจำที่ทรงระลึกถึงพระมารดา เดิมทีเรือนนี้ไม่อนุญาตให้ใครเข้ามาวุ่นวายหากฝ่าฝืนก็จะมีความผิด จะมีก็แต่หม่ากงกงที่จะพาบ่าวไพร่มาทำความสะอาดเท่านั้น แต่กับสตรีตรงหน้าพระองค์กลับไม่มีความรู้สึกไม่พอใจหรือโกรธเคืองใดๆ แต่กลับรู้สึกว่าหั
เมิ่งอ้ายเย่วที่เดินตามหลังร่างสูงมาห่างๆ มองแผ่นหลังกว้างแล้วรู้สึกว่าแก้มนวลนั้นร้อนผ่าว อาการแบบนี้เค้าเรียกว่ารักแรกพบใช่หรือไม่ คิดแล้วก็เขินนัก หากเป็นยุคก่อนนางคงขอแอดไลน์ไปแล้ว เขาเป็นใครกันนะ ดูจากการแต่งตัวและเนื้อผ้าที่สวมใส่คงจะไม่ธรรมดา นางจำได้ว่าจิ้นผิงเคยบอกว่าที่นี่เป็นวังของอ๋องอะไรสักอย่างนี่แหละหรือบุรุษผู้นี้จะเป็นบุตรชายของท่านอ๋องคนนั้นกันปึ๊ก!!!! "โอ้ยยยย" เสียงหวานที่ยกมือคลำจมูกปอยๆ หักไหมวะเนี้ย ช้อนตาขึ้นมองเจ้าของอ้อมแขนที่โอบกอดนางไว้ อ๊ายย ฉากเข้าพระเข้านางฉากยอดฮิตเลยนะนี่ จ้องตากัน แล้วส่งสายตาหวาน ก้มต่ำลงมา ต่ำลงมา จูบเลยไหมคะ"เจ็บมากหรือไม่" เสียงทุ้มที่ดังขึ้นข้างใบหูเล็กทำให้อ้ายเย่วหลุดจากภวังค์"เอ่อ ไม่เจ็บเจ้าค่ะ" ว่าพลางขยับกายออกจากอ้อมแขนอุ่น กลิ่นตัวหอมจังเลย "ขอโทษเจ้าค่ะ ข้าไม่ทันมอง" "ข้าผิดเองที่หยุดเดินกะทันหัน จนทำให้เจ้าต้องเจ็บตัว" อ้ายเย่วจึงยกมือลูบจมูกหน้าแดงก่ำ"ถ้าอย่างนั้นถือว่าเราหายกันนะเจ้าคะ"ว่าพลางพยักพเยิดไปยังคางแกร่งเห็นร่างสูงตรงหน้ายกมือขึ้นลูบคางเบาๆ ก็พากันหัวเราะออกมา พอเห็นใบหน้าหล่อเหลาที่ส่งยิ้มกว้าง
"จ้าวหย่งเล่อ เจ้าของวังจันทราเป็นอนุชาในฮ่องเต้ จ้าวจงเยี่ยน แห่งแคว้นจ้าว มีรูปโฉมอัปลักษณ์น่ากลัว นิสัยใจคอก็โหดเหี้ยมและทรงสวมหน้ากากอยู่ตลอดเวลางั้นหรือ แถมยังไม่มีเมียอีก แล้วพ่อเทพบุตรหน้ามนคนนั้นเป็นใครกัน"ร่างบางที่กำลังครุ่นคิดถึงบุรุษที่ตนพบพานว่าเขาคนนั้นเกี่ยวข้องอันใดกับวังจันทราและเล่อชินอ๋องกัน พูดออกมาราวคนละเมอ "อะไรนะเจ้าคะคุณหนู" จิ้นผิงที่ฟังคุณหนูของนางร่ายเรียงสิ่งที่นางบอกไป แล้วพึมพำอะไรบางอย่างที่นางฟังไม่ค่อยจะชัดนัก" ไม่มีอะไร แล้วพระองค์แก่แล้วหรือยัง"" ยังไม่แก่เจ้าค่ะทรงมีพระชันษายี่สิบหกหรือยี่สิบเจ็ดนี่ละเจ้าค่ะ บ่าวก็จำไม่ค่อยจะได้เพราะชินอ๋องไม่ค่อยจะชอบออกมาจากวังนักหากไม่มีความจำเป็นจริงๆ" ยี่สิบหกยี่สิบเจ็ดงั้นหรืออายุก็คงจะใกล้เคียงกันเพราะบุรุษผู้นั้นก็คงจะประมาณนี้ ตอนนี้นางสิบเจ็ด ห่างกันเป็นสิบปีเลยเหรอนี่ แต่ไม่เป็นไรโบราณว่าไว้ ยิ่งแก่ยิ่งมัน อิอิ จิ้นผิงนั่งมองคุณหนูของนางอย่างโง่งมนักเพราะอยู่ๆ ก็ยิ้มอยู่ๆ ก็หัวเราะ นางไปตามหมอดีหรือไม่"แล้วไม่ทรงมีข่าวกับสตรีบ้างเลยหรือ" "อืม ไม่เคยได้ยินนะเจ้าคะ แต่เคยมีข่าวลือออกมาว่าทรงชมชอบ
จิ้นผิงที่นั่งมองคุณหนูของนางเดินไปเดินมาตรงที่ว่างด้านข้างจวนตั้งแต่เช้าตรู่เดินแล้วหยุดมองกำแพงจวนแล้วเดินต่อทำอย่างนั้นอยู่ราวสองเค่อแล้วก็ไม่เห็นคุณหนูจะสั่งให้นางทำอะไรเสียทีจึงเอ่ยถามขึ้น"คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูหาอะไรอยู่หรือไม่เจ้าคะ ให้บ่าวช่วยหาหรือไม่" อ้ายเย่วถึงได้หยุดเดินแล้วหันมามองบ่าวคนสนิท"เปล่า ไม่ได้หาอะไรข้าแค่เดินสำรวจหน้าดินเท่านั้นว่าจะหาพันธุ์ไม้มาปลูกเสียหน่อย เจ้ามีอะไรทำก็ไปทำเถอะ" เอ่ยเสร็จก็โบกมือไล่แล้วเริ่มเดินต่อ จิ้นผิงเห็นดังนั้นก็ได้แต่ส่ายหน้า คุณหนูของนางเริ่มจะมีท่าทางประหลาดขึ้นทุกวัน จึงเดินออกไปเงียบๆ ได้แต่คิดว่าคุณหนูอาจจะกำลังหาอะไรทำเพราะคิดถึงท่านแม่ทัพเป็นแน่เพราะที่ผ่านมามักจะทำตัวติดท่านแม่ทัพตลอดคงต้องการเวลาเพื่อทำใจจึงไม่อยากรบกวนปึ๊ก!!! "โอ้ยยยย" อ้ายเย่วที่กำลังคิดหาทางสร้างบุพเพให้ตัวเองเพลินๆ เลยเดินชนคนที่มายืนขวางด้านหน้าอย่างจัง"จิ้นผิงงง บอกแล้วอย่างไรเล่า?" 0o0!!!พ่อเทพบุตรสุดหล่อของฉัน นึกว่าคิดมากจนฝันไปจึงยกมือบางขึ้นขยี้ตาแต่ภาพตรงหน้าก็ยังเหมือนเดิมและสัมผัสอุ่นร้อนของอ้อมแขนที่โอบประคองนางอยู่ทำให้ร่างบางรีบผละออ
ร่างบางที่นอนคว่ำหน้าบนหมอนหนานุ่ม ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างคนที่กำลังตกอยู่ในห้วงแห่งรัก เงยใบหน้างามที่ดูเปล่งปลั่งขึ้นมองบ่าวรับใช้คนสนิทที่เปิดประตูเข้ามา"จิ้นผิง" จิ้นผิงที่หันมามองคุณหนูของนางที่ส่งยิ้มงดงามมาให้อย่างโง่งมนัก คุณหนูของนางยิ่งมองก็ยิ่งงาม"เจ้าคะ" "เจ้าเคยได้ยินนามคุณชายโจหยางเล่อหรือไม่" เอ่ยถามแล้วมองมายังจิ้นผิงด้วยแววตาเต็มไปด้วยความหวังว่าคำตอบของจิ้นผิงจะไม่ทำร้ายจิตใจนางนัก "คุณชายโจหยางเล่อหรือเจ้าคะ อืม ไม่เคยได้ยินนะเจ้าคะ" คำตอบจากปากของจิ้นผิงทำให้ใบหน้างามถึงกับเหงาหงอย บุรุษรูปงามเช่นนั้นไม่รู้จักได้อย่างไรกัน แต่ต้องเงยหน้าขึ้นมองจิ้นผิงอย่างรวดเร็วกับประโยคต่อมา"แต่แซ่โจ นี่คุ้นมากเลยนะเจ้าคะ อ้อ นึกออกแล้วเจ้าค่ะ แซ่โจคือสกุลของอดีตฮองเฮาเจ้าค่ะ"" อดีตฮองเฮาหรือ" "ก็พระมารดาของฮ่องเต้องค์ปัจจุบันและก็เป็นพระมารดาของเล่อชินอ๋องอย่างไรเล่าเจ้าคะ" คำตอบของจิ้นผิงทำให้ดวงตาของอ้ายเย่วพราวระยับเต็มไปด้วยประกายยินดีอย่างปิดไม่มิด" มีอะไรหรือไม่เจ้าคะ แล้วคุณหนูไปรู้จักคุณชายโจหยางเล่อคนนั้นได้อย่างไรกัน" อ้ายเย่วที่มองมายังจิ้นผิงอย่างเขินอายนั
หลังจากที่เล่อชินอ๋องในคราบของคุณชายโจหยางเล่อพาอ้ายเย่วไปเลือกพันธุ์ไม้จนเป็นที่พออกพอใจของนางนัก แล้วจึงพาคนงามมายังเหลาอาหารขึ้นชื่อเป็นอันดับหนึ่งของเมืองหลวงด้วยรถม้าส่วนตัวของวังจันทรา ภาพบุรุษที่ดูหล่อเหลานักรอบกายมีกลิ่นอายของความน่าเกรงขามและสูงส่งจนสัมผัสได้ที่ก้าวลงมาจากรถม้าแล้วยื่นมือหนาไปรับมือบอบบางปรากฏร่างสมส่วนของสตรีที่ดูงดงามเย้ายวน เป็นที่จับตามองของผู้คนเป็นอย่างยิ่ง สองร่างที่เดินเคียงกันเข้ามาทำให้เกิดเป็นเสียงกระซิบว่าทั้งคู่เป็นใครดูจากรถม้าที่ประทับตราของวังจันทราย่อมไม่ธรรมดา เสี่ยวเอ้อที่เข้ามาต้อนรับค้อมกายคำนับอย่างอ่อนน้อมเดินนำไปยังชั้นสองสอบถามว่าต้องการห้องที่เป็นส่วนตัวหรือไม่ บุรุษตรงหน้าหันมามองอ้ายเย่วอย่างจะขอความเห็นจากนาง อ้ายเย่วที่เดินขึ้นมายังชั้นสองสังเกตเห็นสตรีนางหนึ่งที่นั่งอยู่ตรงระเบียงบนชั้นสองช่างดูคุ้นในความรู้สึกและภาพสตรีที่นางเคยเห็นในความฝันก็แวบเข้ามาในหัว ไป๋อี้ชิง "ข้าอยากนั่งชมบรรยากาศตรงระเบียงมากกว่าเจ้าค่ะพี่หยางเล่อ"บอกเสียงอ่อนหวานพลางส่งยิ้มให้บุรุษตรงหน้า อยากอวดมีไรป่ะล่ะเสี่ยวเอ้อจึงเดินนำทั้งสองไปนั่งยังที่ว่า
เสียงสรวลที่ดังลั่นอย่างพอพระทัยจนลอดออกมาจากห้องทรงอักษรของฮ่องเต้จ้าวจงเยี่ยน ผู้เป็นใหญ่ที่สุดของแคว้นจ้าว สร้างความประหลาดใจให้ข้าราชบริพารเป็นอย่างมาก ไม่ใช่ว่าฝ่าบาทกำลังเคร่งเครียดกับข่าวการปล้นสะดมของกองโจรฝั่งชายแดนใต้ถึงขนาดส่งเล่อชินอ๋องไปจัดการหลอกหรือ ฮ่องเต้จ้าวจงเยี่ยนที่ฟังคำรายงานจากองครักษ์ต้าหลงที่กำลังรายงานเรื่องราวเกี่ยวกับพระอนุชาของพระองค์ที่อายุห่างจากพระองค์ถึงสิบห้าชันษาอย่างรู้สึกยินดีนัก พระองค์คิดว่าอนุชาองค์นี้ของพระองค์จะไม่คิดจะออกเรือนแล้วเสียอีก พระองค์เพียรส่งสาวงามเข้าตำหนักอ๋องอยู่หลายครั้งกลับโดนปฏิเสธมาตลอด แต่ตอนนี้บทจะมีน้องสะใภ้ก็ทำเอาพระองค์ไม่ทันตั้งตัว ส่วนเจ้าตัวดีที่ตอนนี้ออกอาการกระฟัดกระเฟียดเพราะพอมีเมียก็มีเรื่องให้ต้องสะสางเสียนี่ จากการรายงานสถานการณ์ทางตอนใต้ของแคว้นที่มีการปล้นสะดมของกลุ่มโจรออกปล้นชาวเมืองจนได้รับความเดือดร้อนนั้น แท้จริงแล้วเมื่อส่งเล่อชินอ๋องไปตรวจสอบกลับพบว่าเป็นเพราะที่นั่นเกิดภัยแล้งและชาวบ้านถูกเจ้าเมืองเอารัดเอาเปรียบจึงรวมตัวกันก่อตั้งกลุ่มโจรออกปล้นพวกเศรษฐีหน้าเลือดเท่านั้น ซึ่งเล่อชินอ๋องได้จัดการกับ
อ้ายเย่วที่รู้สึกตัวตื่นขึ้นในตอนฟ้าสางพร้อมอาการเจ็บร้าวตามร่างกายโดยเฉพาะตรงส่วนนั้นที่รู้สึกถึงความเจ็บหน่วงและความเฉอะแฉะ เรื่องราวที่เกิดขึ้นไหลเวียนเข้ามากระแทกใจนางอย่างแรงจนกายงามเปลือยเปล่าสั่นสะท้านน้ำตาไหลพราก หมดสิ้นแล้วความสาวที่หวงแหนเพื่อมอบให้ชายคนรักต่อไปนี้นางจะสู้หน้าเขาได้อย่างไร รีบพยุงกายบอบช้ำหันมองรอบกายที่ว่างเปล่าเห็นเพียงร่องรอยเปรอะเปื้อนของคราบเลือดและรอยราคีบนเตียงนอนยับย่นที่บ่งบอกให้รู้ว่าเมื่อคืนนี้เตียงนี้ผ่านศึกมารุนแรงเพียงไร ก้มลงหยิบเสื้อผ้ามาสวมใส่อย่างรีบเร่งสายตาพลันหันไปเห็นหน้ากากสีดำที่ตั้งอยู่บนชุดสีดำเนื้อผ้าบ่งบอกถึงยศศักดิ์ผู้เป็นเจ้าของภาพบุรุษสวมหน้ากากก็ลอยเข้ามาในห้วงความคิด"เล่อชินอ๋อง" นางอยากกัดลิ้นตัวเองตายนักพระองค์ยังอยู่ที่นี่ใช่หรือไม่ ดวงตาแดงช้ำที่แฝงไปด้วยความหวาดหวั่นคิดเพียงพาตัวเองออกไปจากที่นี่ จะให้พระองค์เห็นนางไม่ได้หากโจหยางเล่อรู้ว่านางพลาดท่าให้เล่อชินอ๋องผู้เป็นญาติของตนเองจะรู้สึกเช่นไรเขาจะเสียใจแค่ไหนนางไม่อยากจะคิด ร่างบางจึงรีบหลบออกจากห้องที่นางก้าวเข้ามาดุจเจ้าหญิงแต่พอกลับออกไปสภาพดูแทบไม่ได้เล่อชินอ๋
ร่างบางที่มองไปยังร่างสูงของบุรุษสารเลวที่ก้าวเข้ามาหานางอย่างเชื่องช้าในตาแดงก่ำด้วยแรงอารมณ์นั้นอย่างหมดสิ้นความหวัง พี่หยางเล่อท่านอยู่ไหนช่วยข้าด้วย"กรี๊ดดด" เสียงกรีดร้องที่ดังขึ้นเมื่อสัมผัสได้ถึงมือหยาบกระด้างที่แตะโดนตัว พร้อมกับเห็นร่างสูงของบุรุษที่คิดย่ำยีนางล้มลงไปอีกด้านอย่างแรงด้วยฝีมือของใครบางคน พร้อมกับร่างกายนางที่ไม่อาจจะควบคุมความรู้สึกฝ่ายต่ำได้อีกต่อไป รับรู้ได้แค่อ้อมแขนที่โดนร่างกายนางจนรู้สึกร้อนเร่ากับกลิ่นกายที่ดูคุ้นเคยของบุรุษที่สวมหน้ากากตรงหน้าที่นางอยากให้เขาสัมผัสนางให้มากกว่านี้กดข่มความรู้สึกน่ารังเกียจของตัวเองที่เกิดขึ้นร้องไห้ออกมา"ไม่ปล่อยข้า พี่หยางเล่อช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย" กล่าวได้เพียงแค่นั้นร่างกายที่ร้อนรุ่มก็โถมเข้าหาร่างหนาที่โอบประคองนางอย่างไม่อาจระงับอารมณ์เอาไว้ได้ส่งเรียวปากเล็กที่จูบสะเปะสะปะไปทั่วหน้าอกแกร่งตามอารมณ์กำหนัดที่เกิดขึ้นจากฤทธิ์ยาอย่างไร้สติ เล่อชินอ๋องที่ขบกรามแกร่งจนแน่นไม่อยากคิดเลยว่าหากพระองค์ไม่บังเอิญอยู่ที่นี่จะเกิดอะไรขึ้น ยิ่งเห็นอาการของสตรีในอ้อมแขนพระองค์อยากจะสับบุรุษสารเลวผู้นั้นเป็นหมื่นๆ ชิ้น พระอง
หลายวันมานี้ชีวิตของอ้ายเย่วช่างสงบเงียบเหงายิ่งนักเพราะพ่อเทพบุตรสุดหล่อของนางต้องไปทำธุระให้เล่อชินอ๋องต่างเมือง ทำให้นางไม่มีคนคุยด้วยและคนพาไปเดินเที่ยว วันนี้นางจึงได้เดินหงอยเหงาอยู่คนเดียว กำลังเดินชมแปลงดอกไม้ที่นางลงมือปลูกกับมือที่ออกดอกบานสะพรั่งอย่างพออกพอใจนักพอมันโตเต็มที่คงงดงามกว่านี้เป็นแน่ไม่เสียแรงที่นางอุตส่าห์ทะนุถนอมรดน้ำพรวนดิน ผลที่ได้เป็นที่น่าปลื้มใจอย่างมาก โดยเฉพาะดอกเหมยกุยฮวาที่ดูงดงามที่สุดออกดอกที่สมบูรณ์เป็นอย่างมากเพราะนางมาดูแลทุกวัน ต้นเหมยกุยต้นนี้นางกับหยางเล่อช่วยกันปลูกเพื่อเป็นตัวแทนแห่งความรักของเรา ช่างดูโรแมนติกนักใช่ไหมล่ะ กำลังชื่นชมดอกเหมยกุยและคิดถึงคนที่ร่วมรดน้ำพรวนดินเพราะไม่เห็นหน้ามาหลายวันทำให้หัวใจนางห่อเหี่ยวยิ่งนัก ความรักนี่ช่างน่ากลัวเสียจริงพอไม่เห็นหน้าก็โหยหาทรมานใจ พออยู่ใกล้ก็ทำให้หัวใจร้อนเร่าลุ่มหลง นางไม่อยากจะคิดเลยว่าหากนางผิดหวังในรักครั้งนี้จะเป็นเช่นไร นางคงเข็ดขยาดไม่กล้ามีรักอีกเป็นแน่"คุณหนูเจ้าคะ จดหมายจากคุณชายโจเจ้าค่ะ" จิ้นผิงที่เดินเอาจดหมายที่มีทหารนายหนึ่งมาส่งให้บอกว่าคุณชายโจหยางเล่อฝากมาให้คุณหนูของ
วันนี้อ้ายเย่วลุกขึ้นมาแต่เช้าเพื่อช่วยจิ้นผิงและเจ้าลิงทโมนสองพี่น้องนำดอกไม้ลงแปลงจนล่วงเลยมายามบ่ายถึงจะเสร็จเรียบร้อย ยืนมองสวนดอกไม้ของนางที่เป็นรูปเป็นร่างอย่างที่นางออกแบบไว้อย่างภูมิอกภูมิใจนัก รอแค่ให้มันแข็งแรงและออกดอกเท่านั้น ฝีมือการแต่งสวนของนางไม่ธรรมดาเลย คนบ้าอะไรทั้งสวยและเก่งขนาดนี้ เฮ่อ ชอบตัวเองจริงๆ เลยอะ อิอิ แต่ถึงอย่างนั้นก็ทำให้นางถึงกับหมดแรงกันเลยทีเดียว การปลูกดอกไม้ก็เหนื่อยไม่ใช่เล่นเลยนะนี่ ร่างบางที่ยืนชื่นชมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับฝีมือตัวเองอยู่นั้นช่างดูน่ารักน่าเอ็นดูในสายตาบุรุษที่ยืนมองนางอยู่นักถึงแม้ตอนนี้ร่างสตรีตรงหน้าจะดูมอมแมมเต็มไปด้วยเศษดินเศษหญ้าแต่ก็ไม่อาจลดทอนความงดงามของนางลงได้ แต่นางกลับดูน่ารักไปอีกแบบอ้ายเย่วที่กำลังหมุนกายเพื่อจะไปอาบน้ำชำระเหงื่อไคลเพราะตอนนี้รู้สึกเหนียวตัวนักแต่กลับพบกับร่างสูงที่นางเห็นหน้าตลอดหลายวันที่ผ่านมาจนกลายเป็นความคุ้นชินไปเสียแล้วยืนส่งยิ้มมาให้และในอ้อมแขนยังอุ้มเจ้าขนปุยที่นางรู้ว่าเป็นแมวของวังจันทราที่เดี๋ยวนี้กลายเป็นลูกรักของบุรุษหล่อเหลาที่อุ้มมันอยู่ นึกถึงสิ่งที่บุรุษผู้นี้กล่าวเหตุผลที่เอาอกเอ
เล่อชินอ๋องที่ได้ทำความรู้จักและสัมผัสนิสัยใจคอของสตรีที่พระองค์พึงใจนั้น ก็รู้สึกได้ว่าพระองค์ไม่อาจถอนตัวถอนใจมาจากนางได้อีกแล้ว ยิ่งได้รู้จักได้ใกล้ชิดพระองค์ก็ยิ่งปักใจรักในตัวนาง อยากมีนางอยู่เคียงข้างตลอดไป เวลานางทำอะไรหรือแสดงความรู้สึกอะไรออกมาช่างดูน่าเอ็นดูนัก สตรีของชินอ๋องจะดูธรรมดาได้อย่างไร พระองค์ที่คอยสังเกตอากัปกิริยาของนางอยู่ตลอด นึกเอ็นดูนางมารน้อยของพระองค์นัก นางช่างร้ายกาจใช่เล่น รู้ทันเล่ห์เหลี่ยมมารยาของผู้อื่นเสมอแต่แกล้งทำหน้าตาใสซื่อจนพระองค์นึกขำ แต่ต้องแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แต่ความจริงนั้นพระองค์ต้องกดข่มไม่ให้เผลอแสดงท่าทีให้นางจับได้"ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ ทำไมพระองค์ถึงไม่บอกแม่นางเมิ่งไปล่ะ ว่าพระองค์คือชินอ๋องจ้าวหย่งเล่อ เดี๋ยวนางมารู้ทีหลังจะพาลโกรธพระองค์เอาได้นะพ่ะย่ะค่ะ"องครักษ์ต้าหลงที่เอ่ยถามขึ้นด้วยความเป็นห่วงเพราะเล่อชินอ๋องนั้นไม่ยอมบอกแม่นางเมิ่งว่าตัวเองเป็นใคร ปล่อยให้นางเข้าใจผิดคิดว่าพระองค์เป็นแค่พระญาติของเล่อชินอ๋องเท่านั้น การเริ่มต้นด้วยการโกหกนั้นไม่ใช่เรื่องดีอย่างยิ่ง"กำลังหาทางบอกอยู่"พระองค์ใช่ว่าจะไม่กลัวว่านางจะโกรธ และพ
หลังจากออกจากเหลาอาหารอ้ายเย่วและเล่อชินอ๋องก็พากันมาเดินชมตลาดยามค่ำคืนโดยมีบุรุษและสตรีที่ทำตัวเป็นปลิงเกาะไม่ยอมปล่อย ช่างขัดหูขัดตานางนัก นางจะสวีทกับบุรุษข้างกายให้หวานชื่นดังคู่รักพึงกระทำให้ฉ่ำหัวใจเสียหน่อยก็ไม่ได้ คนสวยเซ็ง เดินมาจนถึงร้านเครื่องประดับที่มีเครื่องประดับสำหรับสตรีมากมายนักจนนางมองด้วยแววตาแปร่งประกาย เครื่องประดับยุคโบราณนี้ช่างงดงามดูมีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด"เย่วเอ๋อ ชอบหรือ" เสียงทุ้มที่เอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นสายตาของนาง ร่างบางจึงพยักหน้าหงึกหงักอย่างน่าเอ็นดูนัก"อยากได้ชิ้นใดเลือกได้เลย พี่อยากซื้อเป็นของแทนใจชิ้นแรกระหว่างเรา หากชอบหมดทั้งร้านก็ย่อมได้" ร่างสูงที่เอ่ยขึ้นพร้อมมองสบตานาง หากเจ้าอยากได้สิ่งใดพี่พร้อมจะประเคนให้ แม้แต่ตัวพี่หากเจ้าอยากได้พี่ก็ยินดียิ่งนักสายเปย์เสียด้วยพ่อเทพบุตรของฉัน ภาพบุรุษและสตรีตรงหน้าที่ทำเหมือนรอบกายมีแค่เพียงสองคนสร้างความเดือดดาลให้สตรีที่เดินมาด้านหลังนัก หันมองบุรุษข้างกายที่ทำหน้าเหมือนคนกำลังจะตายแต่ไม่คิดจะทำอะไรสักอย่าง อย่างขัดใจนัก จึงสะบัดหน้าเดินกลับออกไป นางต้องกลับไปตั้งหลักก่อน ขืนอยู่ต่อนางคงต้องแค้
หลังจากมื้ออาหารที่สุดแสนจะอร่อยกว่าทุกมื้อที่เคยกินมาในความรู้สึกของอ้ายเย่วจบลง เสี่ยวเอ้อก็ยกน้ำชากาใหม่มาเปลี่ยนอย่างรู้งานนัก อ้ายเย่วจึงเป็นฝ่ายเปิดการสนทนาอย่างจริงจังเพราะนางอยากไปเดินชมตลาดเต็มที อยากจะออกไปเดินชมบรรยากาศยามค่ำคืนของยุคนี้โดยมีบุรุษรูปงามเดินเคียงคงจะดูโรแมนติกสุดๆ"ท่านแม่ทัพมีอะไรจะพูดกับข้าก็พูดมาเถอะเจ้าค่ะ ข้ามีธุระต้องไปทำต่อ"แม่ทัพหานลู่เหวินที่ฟังสตรีที่เขาให้คนออกตามหาอยู่หลายวันเอ่ยขึ้นอย่างห่างเหินนักรู้สึกเจ็บจุกในอกแปลกๆ จึงสูดลมหายใจลึกเข้าปอดหลับตาลงอย่างตัดสินใจ เขาไม่ยอมเสียนางไปเด็ดขาด"ข้าอยากให้เจ้ากลับไปอยู่ที่จวนแล้วข้าจะจัดพิธีมงคลสมรสระหว่างเราให้เร็วที่สุด ตามที่บิดาของเราได้ตกลงกันไว้ และขอโทษที่ทำให้เจ้าต้องรอมานาน""............"อ้ายเย่วที่ตกตะลึงกับคำกล่าวของแม่ทัพลู่เหวินที่บทจะง่ายก็ง่ายจนใจหาย แล้วหันไปมองหน้าสตรีอีกคนที่เห็นประกายยินดีในแววตาวูบหนึ่งก่อนตาคู่นั้นจะชำเลืองมองไปยังบุรุษอีกคนที่นั่งอยู่ตรงหน้านางด้วยแววตาหวานหยดย้อย แต่บุรุษผู้นั้นกำลังมองมายังนางอย่างรอคอยคำตอบเช่นกัน"ต้องขอโทษท่านแม่ทัพด้วย ข้ามิได้คิดกับท่า
"เมิ่งอ้ายเย่ว" อ้ายเย่วที่หันมามองบุรุษที่เรียกนางผู้มายืนทำหน้าบอกบุญไม่รับแล้วหันมามองบุรุษที่กำลังนั่งมองนางอยู่เช่นกัน ทำไมถึงรู้สึกเหมือนตัวเองได้รับบทเป็นนางเอกที่กำลังต้องเลือกระหว่างพระเอกกับตัวร้ายเลยอะ คนสวยเพลีย หากให้นางเป็นนางเอกนางก็ต้องเลือกพระเอกสิ แต่พระเอกของนางต้องเป็น พ่อเทพบุตรหน้ามนตรงหน้าเท่านั้น บอกเลย"เย่วเอ๋อ รู้จักกับคุณชายท่านนี้หรือ" เสียงทุ้มที่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสบายๆแต่ทำไมนางสังเกตเห็นว่าในดวงตาคนตรงหน้าช่างน่ากลัวนัก"เจ้าค่ะ นี่ท่านแม่ทัพหานลู่เหวินเจ้าค่ะพี่หยางเล่อ" เย่วเอ๋อ พี่หยางเล่อเช่นนั้นหรือสองคนนี้สนิทกันแค่ไหนถึงได้เอ่ยเรียกกันเช่นนี้ แต่เขาเป็นคู่หมายของนางอยากเรียกอย่างไรก็เรียกไปร่างสูงที่ได้รับการแนะนําจึงยืดอกขึ้นหันไปมองบุรุษที่นั่งอยู่อย่างต้องการจะข่มคนตรงหน้าที่มองมายังตนอย่างท้าทายไม่ทุกร้อนถึงกับเกิดความไม่พอใจที่บุรุษผู้นี้มองตนอย่างกับตัวอะไร อ้ายเย่วที่เห็นทั้งสองมองตากันเหมือนมีกระแสไฟกำลังปะทุ อย่านะคงไม่เกิดศึกชิงนางขึ้นใช่หรือไม่ รู้ตัวแหละว่าสวย"เอ่อ ท่านแม่ทัพมีธุระอะไรกับข้าหรือไม่เจ้าคะ" "ทำไม การที่คู่หมั้นคู่