"เมิ่งอ้ายเย่ว" อ้ายเย่วที่หันมามองบุรุษที่เรียกนางผู้มายืนทำหน้าบอกบุญไม่รับแล้วหันมามองบุรุษที่กำลังนั่งมองนางอยู่เช่นกัน ทำไมถึงรู้สึกเหมือนตัวเองได้รับบทเป็นนางเอกที่กำลังต้องเลือกระหว่างพระเอกกับตัวร้ายเลยอะ คนสวยเพลีย หากให้นางเป็นนางเอกนางก็ต้องเลือกพระเอกสิ แต่พระเอกของนางต้องเป็น พ่อเทพบุตรหน้ามนตรงหน้าเท่านั้น บอกเลย"เย่วเอ๋อ รู้จักกับคุณชายท่านนี้หรือ" เสียงทุ้มที่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสบายๆแต่ทำไมนางสังเกตเห็นว่าในดวงตาคนตรงหน้าช่างน่ากลัวนัก"เจ้าค่ะ นี่ท่านแม่ทัพหานลู่เหวินเจ้าค่ะพี่หยางเล่อ" เย่วเอ๋อ พี่หยางเล่อเช่นนั้นหรือสองคนนี้สนิทกันแค่ไหนถึงได้เอ่ยเรียกกันเช่นนี้ แต่เขาเป็นคู่หมายของนางอยากเรียกอย่างไรก็เรียกไปร่างสูงที่ได้รับการแนะนําจึงยืดอกขึ้นหันไปมองบุรุษที่นั่งอยู่อย่างต้องการจะข่มคนตรงหน้าที่มองมายังตนอย่างท้าทายไม่ทุกร้อนถึงกับเกิดความไม่พอใจที่บุรุษผู้นี้มองตนอย่างกับตัวอะไร อ้ายเย่วที่เห็นทั้งสองมองตากันเหมือนมีกระแสไฟกำลังปะทุ อย่านะคงไม่เกิดศึกชิงนางขึ้นใช่หรือไม่ รู้ตัวแหละว่าสวย"เอ่อ ท่านแม่ทัพมีธุระอะไรกับข้าหรือไม่เจ้าคะ" "ทำไม การที่คู่หมั้นคู่
หลังจากมื้ออาหารที่สุดแสนจะอร่อยกว่าทุกมื้อที่เคยกินมาในความรู้สึกของอ้ายเย่วจบลง เสี่ยวเอ้อก็ยกน้ำชากาใหม่มาเปลี่ยนอย่างรู้งานนัก อ้ายเย่วจึงเป็นฝ่ายเปิดการสนทนาอย่างจริงจังเพราะนางอยากไปเดินชมตลาดเต็มที อยากจะออกไปเดินชมบรรยากาศยามค่ำคืนของยุคนี้โดยมีบุรุษรูปงามเดินเคียงคงจะดูโรแมนติกสุดๆ"ท่านแม่ทัพมีอะไรจะพูดกับข้าก็พูดมาเถอะเจ้าค่ะ ข้ามีธุระต้องไปทำต่อ"แม่ทัพหานลู่เหวินที่ฟังสตรีที่เขาให้คนออกตามหาอยู่หลายวันเอ่ยขึ้นอย่างห่างเหินนักรู้สึกเจ็บจุกในอกแปลกๆ จึงสูดลมหายใจลึกเข้าปอดหลับตาลงอย่างตัดสินใจ เขาไม่ยอมเสียนางไปเด็ดขาด"ข้าอยากให้เจ้ากลับไปอยู่ที่จวนแล้วข้าจะจัดพิธีมงคลสมรสระหว่างเราให้เร็วที่สุด ตามที่บิดาของเราได้ตกลงกันไว้ และขอโทษที่ทำให้เจ้าต้องรอมานาน""............"อ้ายเย่วที่ตกตะลึงกับคำกล่าวของแม่ทัพลู่เหวินที่บทจะง่ายก็ง่ายจนใจหาย แล้วหันไปมองหน้าสตรีอีกคนที่เห็นประกายยินดีในแววตาวูบหนึ่งก่อนตาคู่นั้นจะชำเลืองมองไปยังบุรุษอีกคนที่นั่งอยู่ตรงหน้านางด้วยแววตาหวานหยดย้อย แต่บุรุษผู้นั้นกำลังมองมายังนางอย่างรอคอยคำตอบเช่นกัน"ต้องขอโทษท่านแม่ทัพด้วย ข้ามิได้คิดกับท่า
หลังจากออกจากเหลาอาหารอ้ายเย่วและเล่อชินอ๋องก็พากันมาเดินชมตลาดยามค่ำคืนโดยมีบุรุษและสตรีที่ทำตัวเป็นปลิงเกาะไม่ยอมปล่อย ช่างขัดหูขัดตานางนัก นางจะสวีทกับบุรุษข้างกายให้หวานชื่นดังคู่รักพึงกระทำให้ฉ่ำหัวใจเสียหน่อยก็ไม่ได้ คนสวยเซ็ง เดินมาจนถึงร้านเครื่องประดับที่มีเครื่องประดับสำหรับสตรีมากมายนักจนนางมองด้วยแววตาแปร่งประกาย เครื่องประดับยุคโบราณนี้ช่างงดงามดูมีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด"เย่วเอ๋อ ชอบหรือ" เสียงทุ้มที่เอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นสายตาของนาง ร่างบางจึงพยักหน้าหงึกหงักอย่างน่าเอ็นดูนัก"อยากได้ชิ้นใดเลือกได้เลย พี่อยากซื้อเป็นของแทนใจชิ้นแรกระหว่างเรา หากชอบหมดทั้งร้านก็ย่อมได้" ร่างสูงที่เอ่ยขึ้นพร้อมมองสบตานาง หากเจ้าอยากได้สิ่งใดพี่พร้อมจะประเคนให้ แม้แต่ตัวพี่หากเจ้าอยากได้พี่ก็ยินดียิ่งนักสายเปย์เสียด้วยพ่อเทพบุตรของฉัน ภาพบุรุษและสตรีตรงหน้าที่ทำเหมือนรอบกายมีแค่เพียงสองคนสร้างความเดือดดาลให้สตรีที่เดินมาด้านหลังนัก หันมองบุรุษข้างกายที่ทำหน้าเหมือนคนกำลังจะตายแต่ไม่คิดจะทำอะไรสักอย่าง อย่างขัดใจนัก จึงสะบัดหน้าเดินกลับออกไป นางต้องกลับไปตั้งหลักก่อน ขืนอยู่ต่อนางคงต้องแค้
เล่อชินอ๋องที่ได้ทำความรู้จักและสัมผัสนิสัยใจคอของสตรีที่พระองค์พึงใจนั้น ก็รู้สึกได้ว่าพระองค์ไม่อาจถอนตัวถอนใจมาจากนางได้อีกแล้ว ยิ่งได้รู้จักได้ใกล้ชิดพระองค์ก็ยิ่งปักใจรักในตัวนาง อยากมีนางอยู่เคียงข้างตลอดไป เวลานางทำอะไรหรือแสดงความรู้สึกอะไรออกมาช่างดูน่าเอ็นดูนัก สตรีของชินอ๋องจะดูธรรมดาได้อย่างไร พระองค์ที่คอยสังเกตอากัปกิริยาของนางอยู่ตลอด นึกเอ็นดูนางมารน้อยของพระองค์นัก นางช่างร้ายกาจใช่เล่น รู้ทันเล่ห์เหลี่ยมมารยาของผู้อื่นเสมอแต่แกล้งทำหน้าตาใสซื่อจนพระองค์นึกขำ แต่ต้องแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แต่ความจริงนั้นพระองค์ต้องกดข่มไม่ให้เผลอแสดงท่าทีให้นางจับได้"ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ ทำไมพระองค์ถึงไม่บอกแม่นางเมิ่งไปล่ะ ว่าพระองค์คือชินอ๋องจ้าวหย่งเล่อ เดี๋ยวนางมารู้ทีหลังจะพาลโกรธพระองค์เอาได้นะพ่ะย่ะค่ะ"องครักษ์ต้าหลงที่เอ่ยถามขึ้นด้วยความเป็นห่วงเพราะเล่อชินอ๋องนั้นไม่ยอมบอกแม่นางเมิ่งว่าตัวเองเป็นใคร ปล่อยให้นางเข้าใจผิดคิดว่าพระองค์เป็นแค่พระญาติของเล่อชินอ๋องเท่านั้น การเริ่มต้นด้วยการโกหกนั้นไม่ใช่เรื่องดีอย่างยิ่ง"กำลังหาทางบอกอยู่"พระองค์ใช่ว่าจะไม่กลัวว่านางจะโกรธ และพ
วันนี้อ้ายเย่วลุกขึ้นมาแต่เช้าเพื่อช่วยจิ้นผิงและเจ้าลิงทโมนสองพี่น้องนำดอกไม้ลงแปลงจนล่วงเลยมายามบ่ายถึงจะเสร็จเรียบร้อย ยืนมองสวนดอกไม้ของนางที่เป็นรูปเป็นร่างอย่างที่นางออกแบบไว้อย่างภูมิอกภูมิใจนัก รอแค่ให้มันแข็งแรงและออกดอกเท่านั้น ฝีมือการแต่งสวนของนางไม่ธรรมดาเลย คนบ้าอะไรทั้งสวยและเก่งขนาดนี้ เฮ่อ ชอบตัวเองจริงๆ เลยอะ อิอิ แต่ถึงอย่างนั้นก็ทำให้นางถึงกับหมดแรงกันเลยทีเดียว การปลูกดอกไม้ก็เหนื่อยไม่ใช่เล่นเลยนะนี่ ร่างบางที่ยืนชื่นชมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับฝีมือตัวเองอยู่นั้นช่างดูน่ารักน่าเอ็นดูในสายตาบุรุษที่ยืนมองนางอยู่นักถึงแม้ตอนนี้ร่างสตรีตรงหน้าจะดูมอมแมมเต็มไปด้วยเศษดินเศษหญ้าแต่ก็ไม่อาจลดทอนความงดงามของนางลงได้ แต่นางกลับดูน่ารักไปอีกแบบอ้ายเย่วที่กำลังหมุนกายเพื่อจะไปอาบน้ำชำระเหงื่อไคลเพราะตอนนี้รู้สึกเหนียวตัวนักแต่กลับพบกับร่างสูงที่นางเห็นหน้าตลอดหลายวันที่ผ่านมาจนกลายเป็นความคุ้นชินไปเสียแล้วยืนส่งยิ้มมาให้และในอ้อมแขนยังอุ้มเจ้าขนปุยที่นางรู้ว่าเป็นแมวของวังจันทราที่เดี๋ยวนี้กลายเป็นลูกรักของบุรุษหล่อเหลาที่อุ้มมันอยู่ นึกถึงสิ่งที่บุรุษผู้นี้กล่าวเหตุผลที่เอาอกเอ
หลายวันมานี้ชีวิตของอ้ายเย่วช่างสงบเงียบเหงายิ่งนักเพราะพ่อเทพบุตรสุดหล่อของนางต้องไปทำธุระให้เล่อชินอ๋องต่างเมือง ทำให้นางไม่มีคนคุยด้วยและคนพาไปเดินเที่ยว วันนี้นางจึงได้เดินหงอยเหงาอยู่คนเดียว กำลังเดินชมแปลงดอกไม้ที่นางลงมือปลูกกับมือที่ออกดอกบานสะพรั่งอย่างพออกพอใจนักพอมันโตเต็มที่คงงดงามกว่านี้เป็นแน่ไม่เสียแรงที่นางอุตส่าห์ทะนุถนอมรดน้ำพรวนดิน ผลที่ได้เป็นที่น่าปลื้มใจอย่างมาก โดยเฉพาะดอกเหมยกุยฮวาที่ดูงดงามที่สุดออกดอกที่สมบูรณ์เป็นอย่างมากเพราะนางมาดูแลทุกวัน ต้นเหมยกุยต้นนี้นางกับหยางเล่อช่วยกันปลูกเพื่อเป็นตัวแทนแห่งความรักของเรา ช่างดูโรแมนติกนักใช่ไหมล่ะ กำลังชื่นชมดอกเหมยกุยและคิดถึงคนที่ร่วมรดน้ำพรวนดินเพราะไม่เห็นหน้ามาหลายวันทำให้หัวใจนางห่อเหี่ยวยิ่งนัก ความรักนี่ช่างน่ากลัวเสียจริงพอไม่เห็นหน้าก็โหยหาทรมานใจ พออยู่ใกล้ก็ทำให้หัวใจร้อนเร่าลุ่มหลง นางไม่อยากจะคิดเลยว่าหากนางผิดหวังในรักครั้งนี้จะเป็นเช่นไร นางคงเข็ดขยาดไม่กล้ามีรักอีกเป็นแน่"คุณหนูเจ้าคะ จดหมายจากคุณชายโจเจ้าค่ะ" จิ้นผิงที่เดินเอาจดหมายที่มีทหารนายหนึ่งมาส่งให้บอกว่าคุณชายโจหยางเล่อฝากมาให้คุณหนูของ
ร่างบางที่มองไปยังร่างสูงของบุรุษสารเลวที่ก้าวเข้ามาหานางอย่างเชื่องช้าในตาแดงก่ำด้วยแรงอารมณ์นั้นอย่างหมดสิ้นความหวัง พี่หยางเล่อท่านอยู่ไหนช่วยข้าด้วย"กรี๊ดดด" เสียงกรีดร้องที่ดังขึ้นเมื่อสัมผัสได้ถึงมือหยาบกระด้างที่แตะโดนตัว พร้อมกับเห็นร่างสูงของบุรุษที่คิดย่ำยีนางล้มลงไปอีกด้านอย่างแรงด้วยฝีมือของใครบางคน พร้อมกับร่างกายนางที่ไม่อาจจะควบคุมความรู้สึกฝ่ายต่ำได้อีกต่อไป รับรู้ได้แค่อ้อมแขนที่โดนร่างกายนางจนรู้สึกร้อนเร่ากับกลิ่นกายที่ดูคุ้นเคยของบุรุษที่สวมหน้ากากตรงหน้าที่นางอยากให้เขาสัมผัสนางให้มากกว่านี้กดข่มความรู้สึกน่ารังเกียจของตัวเองที่เกิดขึ้นร้องไห้ออกมา"ไม่ปล่อยข้า พี่หยางเล่อช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย" กล่าวได้เพียงแค่นั้นร่างกายที่ร้อนรุ่มก็โถมเข้าหาร่างหนาที่โอบประคองนางอย่างไม่อาจระงับอารมณ์เอาไว้ได้ส่งเรียวปากเล็กที่จูบสะเปะสะปะไปทั่วหน้าอกแกร่งตามอารมณ์กำหนัดที่เกิดขึ้นจากฤทธิ์ยาอย่างไร้สติ เล่อชินอ๋องที่ขบกรามแกร่งจนแน่นไม่อยากคิดเลยว่าหากพระองค์ไม่บังเอิญอยู่ที่นี่จะเกิดอะไรขึ้น ยิ่งเห็นอาการของสตรีในอ้อมแขนพระองค์อยากจะสับบุรุษสารเลวผู้นั้นเป็นหมื่นๆ ชิ้น พระอง
อ้ายเย่วที่รู้สึกตัวตื่นขึ้นในตอนฟ้าสางพร้อมอาการเจ็บร้าวตามร่างกายโดยเฉพาะตรงส่วนนั้นที่รู้สึกถึงความเจ็บหน่วงและความเฉอะแฉะ เรื่องราวที่เกิดขึ้นไหลเวียนเข้ามากระแทกใจนางอย่างแรงจนกายงามเปลือยเปล่าสั่นสะท้านน้ำตาไหลพราก หมดสิ้นแล้วความสาวที่หวงแหนเพื่อมอบให้ชายคนรักต่อไปนี้นางจะสู้หน้าเขาได้อย่างไร รีบพยุงกายบอบช้ำหันมองรอบกายที่ว่างเปล่าเห็นเพียงร่องรอยเปรอะเปื้อนของคราบเลือดและรอยราคีบนเตียงนอนยับย่นที่บ่งบอกให้รู้ว่าเมื่อคืนนี้เตียงนี้ผ่านศึกมารุนแรงเพียงไร ก้มลงหยิบเสื้อผ้ามาสวมใส่อย่างรีบเร่งสายตาพลันหันไปเห็นหน้ากากสีดำที่ตั้งอยู่บนชุดสีดำเนื้อผ้าบ่งบอกถึงยศศักดิ์ผู้เป็นเจ้าของภาพบุรุษสวมหน้ากากก็ลอยเข้ามาในห้วงความคิด"เล่อชินอ๋อง" นางอยากกัดลิ้นตัวเองตายนักพระองค์ยังอยู่ที่นี่ใช่หรือไม่ ดวงตาแดงช้ำที่แฝงไปด้วยความหวาดหวั่นคิดเพียงพาตัวเองออกไปจากที่นี่ จะให้พระองค์เห็นนางไม่ได้หากโจหยางเล่อรู้ว่านางพลาดท่าให้เล่อชินอ๋องผู้เป็นญาติของตนเองจะรู้สึกเช่นไรเขาจะเสียใจแค่ไหนนางไม่อยากจะคิด ร่างบางจึงรีบหลบออกจากห้องที่นางก้าวเข้ามาดุจเจ้าหญิงแต่พอกลับออกไปสภาพดูแทบไม่ได้เล่อชินอ๋
"อ่านอะไรอยู่หรือเจ้าคะ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียว"เล่อชินอ๋องที่เงยหน้าขึ้นมองตามเสียงหวานละมุนนั้น รีบวางจดหมายในมือ ตรงเข้าไปโอบประคองร่างอุ้ยอ้ายที่หน้าท้องนั้นใหญ่โตมากของชายารักที่ใกล้คลอดเต็มที ที่เดินลูบหน้าท้องนู้นเข้ามาโดยมีจิ้นผิงคอยประคอง"น้องหญิง ออกมาทำไมกัน"ร่างหนาพูดขึ้นพร้อมโอบประคองร่างอวบอิ่มให้นั่งลงบนตั่งที่ปูด้วยเบาะหนานุ่มอย่างอ่อนโยน ก่อนมือหนาจะลูบบนหน้าท้องนูนสัมผัสถึงแรงกระตุกเบาๆ ของก้อนแป้งน้อยที่กำลังเติบโตอยู่ในครรภ์ของสตรีอันเป็นที่รัก ใบหน้าหล่อเหลานั้นยกยิ้มอย่างยินดีเมื่อเจ้าก้อนแป้งนั้นช่างรู้ความ เพียงบิดาสัมผัสก็จะตอบรับกลับมาเสียทุกครั้ง"จดหมายจากแม่ทัพตงหยวน ส่งมาแจ้งว่าลี่ฟางคลอดบุตรแล้ว เป็นคุณหนูใหญ่""จริงหรือเจ้าคะ น่ายินดีเสียจริง"ใบหน้าหวานนั้นยิ้มละมุนอย่างรู้สึกยินดี มองสวามีที่ก้มลงจูบเบาๆ บริเวณหน้าท้องนูน"เจ้าก้อนแป้งของบิดา เมื่อไหร่เราจะได้เจอกันเสียที"อ้ายเย่วที่ถึงกับยกยิ้มกับความอ่อนโยนนั้น ก่อนใบหน้างามจะขมวดมุ่น เมื่อรู้สึกปวดหน่วงตรงช่วงล่างจนเผลอเกร็งตัวร้องครางออกมา"อ๊ะ!"เล่อชินอ๋องที่เห็นอาการของร่างอวบอิ่มจึงรีบลูบท้อ
เล่อชินอ๋องที่มองร่างงดงามเย้ายวน ผิวขาวดูชุ่มฉ่ำเปล่งปลั่งราวจะคั้นน้ำได้ มือเรียวสวยที่กรีดกรายเขียนอักษรลงบนแผ่นกระดาษ ใบหน้านวลผ่องที่จดจ่อกับแผ่นกระดาษตรงหน้าดูน่าหลงใหลจนต้องลอบกลืนน้ำลาย ร่างอวบอิ่มนั้นทำให้พระองค์หลงใหลทุกครั้งที่ได้ชิดใกล้"น้องหญิงพี่แค่ไปหารือกับรัชทายาทเพียงครู่เดียวเท่านั้น และที่สำคัญก็มีแต่บุรุษ เจ้าจะไปได้อย่างไร เอาไว้พี่จะพาไปเที่ยวชมตลาดวันหลังดีหรือไม่"อ้ายเย่วเอียงหน้ามายิ้มหวานเป็นการตอบรับอย่างน่าเอ็นดูยิ่งนักในสายตาคนมอง แต่หารู้ไม่ว่ายิ้มนั้นมันเคลือบยาพิษเห็นว่าคนข้างๆ ยังให้ความสนใจกับสิ่งที่นางทำอยู่ไม่มีทีท่าว่าจะออกไปจึงเอ่ยถามขึ้น"ไม่เสด็จหรือเจ้าคะ องค์รัชทายาทรอแย่แล้วกระมัง""ยังไม่ถึงเวลานัดหมาย""แล้วนี่เขียนอันใดอยู่หรือ"เล่อชินอ๋องที่หรี่ตามองแผ่นกระดาษตรงหน้าชายารัก"กำลังตอบจดหมายของลี่ฟางเจ้าค่ะ"อ้ายเย่วตอบพร้อมหรี่ตามองบุรุษผู้เป็นสามีก่อนเอ่ยขึ้นอีกว่า"น้องว่าจะชวนนางเปิดกิจการด้วยกัน"เล่อชินอ๋องที่เงยหน้าขึ้นสบตาผู้เป็นชายา "เหตุใดต้องทำให้ตัวเองเหนื่อยกัน สมบัติในวังจันทราแห่งนี้มีให้เจ้าใช้และอยู่อย่างสุขสบายโดยไม่
อ้ายเย่วที่พับจดหมาย จากฮูหยินแม่ทัพแคว้นฉี เสียนลี่ฟาง ที่เขียนมาเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ฟัง ตั้งแต่จากกันวันนั้นจนวันที่นางได้ไปร่วมงานมงคลของทั้งสอง อ้ายเย่วและเสียนลี่ฟางก็ติดต่อกันโดยการเขียนจดหมายติดต่อกันตลอดก่อนจะให้จิ้นผิงพยุงร่างอุ้ยอ้าย มานั่งลงตรงที่นั่งในศาลากลางสวนสวย ตอนนี้อายุครรภ์ของนางย่างเข้าเดือนที่แปดแล้ว อีกไม่นานก็จะได้เจอกับเจ้าก้อนแป้ง ไม่รู้ว่านางหรือลี่ฟางที่จะคลอดก่อนกัน เพราะอายุครรภ์ของทั้งคู่ไล่เลี่ยกัน"จับซาไท้เป้า เจ้าค่ะพระชายา"อ้ายเย่วที่กำลังชื่นชมความงามของหมู่มวลดอกไม้ที่กำลังอวดดอกบานสะพรั่ง หันมารับถ้วยยาจากจิ้นผิง ซึ่งเป็นยาบำรุงครรภ์ ที่สวามีของนางขยันสรรหามาบำรุงนางจับซาไท้เป้า เป็นตำรับยาบำรุงครรภ์รับประทานในช่วงกลางถึงปลายระยะตั้งครรภ์ โดยนิยมเริ่มรับประทานในเดือนที่หกของการตั้งครรภ์ และหยุดรับประทานก่อนคลอดหนึ่งเดือนอ้ายเย่วอดรู้สึกชื่นชมตำรับยาสูตรโบราณนี้ไม่ได้ แม้ยุคนี้จะไม่มีความทันสมัยเหมือนยุคก่อนนางก็ไม่กังวลมากนักสรรพคุณของยาตำรับนี้ก็คือ บำรุงหญิงตั้งครรภ์ให้แข็งแรง ไม่ให้เป็นหวัดง่าย ทำให้ระบบการย่อยของหญิงตั้งครรภ์เป็นปกติ ไ
เมื่อเห็นว่าคนใต้ร่างพยักหน้ารับ ดวงตาฉ่ำหวานที่มีหยาดน้ำตาเอ่อคลออยู่นั้น กะพริบปริบๆ จนหยาดน้ำตาไหลมาทางหางตา จึงใช้หัวแม่มือกรีดออกให้อย่างแผ่วเบา ก้มลงจูบซับอย่างอ่อนโยน ก่อนริมฝีปากหนาจะเคลื่อนมาครอบครองปากเล็กอวบอิ่มที่หวานล้ำ จากจุมพิตอ่อนโยนกลายเป็นเร่าร้อนตามแรงปรารถนา สองร่างที่ก่ายกอดลูบไล้กันต่างตกอยู่ในห้วงอารมณ์แห่งรสกามา ต่างตักตวงความหวานของกันและกันด้วยความถวิลหา ให้สมกับที่ต้องห่างไกลกันแรมเดือนลิ้นร้อนที่บดคลึงจนคนใต้ร่างหอบสะท้าน มือเล็กที่ยันอกแกร่งด้วยใบหน้านวลที่แดงก่ำ ก่อนจะรอบรวมสติที่กระเจิดกระเจิง เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า"ข้ากำลังตั้งครรภ์อยู่นะเจ้าคะ"แม่ทัพตงหยวนที่จูบหน้าผากมนแผ่วเบา เอ่ยกับร่างเย้ายวนที่ตอนนี้อาภรณ์หลุดลุ่ย น้ำเสียงกระเส่า"พี่รู้ พี่จะอ่อนโยน"เพียงไม่นานร่างสองร่างก็เปลือยเปล่า ปากหนาร้อนรุ่มลากไล้ปลายลิ้นสากมาตามลำคอระหง จนมาถึงทรวงอกนุ่มหยุ่นที่ดูจะอวบอิ่มขึ้น จนต้องฝังจมูกลงไปคลอเคลียสูดดมความหอมอ่อนละมุนที่เขาหลงใหล ก่อนจะใช้อุ้งปากเข้าครอบครองสร้างความเสียวซ่านให้เจ้าของที่ดิ้นเร่าอยู่ใต้ร่าง ปาดเลียลิ้นร้อนสลับดูดดุน จนยอดทรวงแ
สัมผัสเปียกชื้นตรงซอกคอขาว ทำให้คนที่กำลังหลับสบายขยับตัวอย่างรำคาญ ก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ แต่ภาพศีรษะที่มีผมดำปกคลุมกำลังเลื่อนลงไป ก้มลงซุกไซร้หน้าอกขาวอวบ ทำให้ร่างบางแข็งทื่อ ปากอวบอิ่มที่กำลังจะกรีดร้องขอความช่วยเหลือกลับเปล่งเสียงร้องออกมาได้เพียงเสียงอู้อี้เมื่อถูกปากหนาของบุรุษต่ำช้าเลื่อนมาประกบ ร่างบางที่เริ่มดิ้นรนต่อสู้ใช้มือเล็กจิกข่วนแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามกำยำอย่างแรงจนแผ่นหลังแกร่งรู้สึกแสบ"หยุดดิ้น"เสียงทุ้มสั่งเสียงกระเส่า พร้อมมือใหญ่ที่รวบเอามือเล็กไว้เหนือศีรษะเพียงมือเดียว ส่วนอีกมือนั้นจับปลายคางมนให้คนตัวเล็กใต้ร่างหันมาสบตาตน "ทะ ท่านแม่ทัพ"ลี่ฟางเมื่อเห็นว่าชายชั่วที่จะย่ำยีนางเป็นใคร ลำคอระหงพลันแห้งผาก หัวใจเต้นแรงแทบทะลุออกจากอก"ปล่อยข้า ท่านคิดจะทำอะไร""แล้วคิดว่าจะทำอันใดเล่า สามีภรรยาไม่เจอกันแรมเดือน เจ้าคิดว่าข้าจะนอนมองเจ้าเฉยๆ หรือ"ลี่ฟางเมื่อฟังคำพูดและมองใบหน้ายียวนของคนเหนือร่างให้นึกเคือง "ปล่อยข้า ข้ามิใช่ภรรยาของท่าน ท่านคงลืมไปแล้วกระมังว่าข้าเป็นองค์หญิงบรรณาการของเล่อชินอ๋อง""เช่นนั้นหรือ... เก่งขึ้นนะ"เสียงท
แล้วเวลาอาหารมื้อเย็นของวันนี้ก็มาถึง อาหารหน้าตาน่าทานต่างถูกลำเลียงมาขึ้นโต๊ะ แต่แขกของจวนยังไม่มีวี่แววว่าจะปรากฏตัวขึ้น จนกระทั่งคนทุกอยู่กันพร้อมหน้า หม่ากงกง จึงได้มารายงานว่า สหายของเจ้าของจวนเดินทางมาถึงแล้ว เล่อชินอ๋อง จึงได้ให้รีบเชิญเข้ามาแต่ภาพของบุรุษที่ปรากฏตัวขึ้น ทำให้สตรี ที่เป็นแขกของจวนอีกผู้หนึ่ง ต้องตกตะลึงจนแทบจะ ระงับอาการสั่นไหวไม่ได้ใบหน้างามนั้นซีดเผือด กับการปรากฏตัวของบิดาของบุตรในครรภ์ของนางแม่ทัพลั่วตงหยวนอ้ายเย่วที่เห็นใบหน้าหล่อเหลาแบบบุรุษหล่อร้ายตรงหน้าได้แต่มองด้วยความโง่งม เพราะบุรุษตรงหน้านั้นเรียกได้ว่าหล่อแบบลุคเถื่อนๆ ช่างกระชากใจนางโดยแท้"หากเจ้ายังมิเลิกมองสหายของพี่ด้วยสายตาเช่นนั้น เห็นทีพี่คงต้องเสียมารยาท พาเจ้าไปทบทวนความจำกันสองต่อสองว่าเจ้านั้นมีสวามีแล้ว และสวามีก็นั่งอยู่ตรงนี้"อ้ายเย่วที่รีบถอนสายตามามองบุรุษที่กำลังมองนางด้วยสายตาคาดโทษ เสียงกระซิบแผ่วเบานั้นเรียกสติของนางจากอาการคลั่งคนหน้าตาดี ให้รีบหันมาส่งยิ้มหวานให้ผู้เป็นสวามี แม้ท่านแม่ทัพผู้นั้นจะหล่อเหลาวัวตายควายล้ม แต่ก็เทียบมิได้เลยกับเล่อชินอ๋องสวามีนาง ที่ความห
องค์หญิงเสียนลี่ฟาง โฉมสะคราญที่กำลังยืนผสานมือบอบบางทั้งสองอยู่ตรงหน้านาง อ้ายเย่วที่สังเกตว่ามือที่ผสานกันอยู่นั้นสั่นน้อยๆ ใบหน้าสวยหวานนั้นดูไม่มั่นใจในตัวเองและมีความกังวลวาบผ่าน "หากทั้งสองพระองค์ไม่สะดวก ก็ไม่เป็นอะไรนะเพคะ หม่อมฉันสามารถอยู่ในวังได้" เสียนลี่ฟางที่กล่าวขึ้นกับเจ้าของจวนทั้งสองที่ยืนอยู่ตรงหน้านาง ตลอดหลายวันที่ผ่านมานางได้ยินผู้คนพูดให้เข้าหูมาตลอดถึงการที่นางจะเข้ามาเป็นชายาอีกคนของเล่อชินอ๋องทั้งที่มันไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย และพระชายาของเล่อชินอ๋องก็คงจะได้ยินข่าวลือพวกนั้นแน่ นางกลัวเหลือเกินว่าจะทำให้ครอบครัวของผู้อื่นร้าวฉานเพราะคำคน และนางนั้นคือสาเหตุอ้ายเย่วที่นึกเอ็นดูสตรีตรงหน้า นางคงจะถูกกดให้ต่ำอยู่เสมอ ขนาดตัวเองมีศักดิ์เป็นถึงองค์หญิงแต่กลับขาดความมั่นใจในตัวเอง"จวนอ๋องแห่งนี้ ยินดีต้อนรับท่าน" เสียงหวานที่เอ่ยขึ้น ทำให้เสียนลี่ฟางที่กำลังก้มหน้าก้มตาอยู่นั้น ถึงกับรีบเงยหน้ามองสตรีเจ้าของจวน จึงพบกับใบหน้างดงามที่กำลังส่งยิ้มมาให้ "ข้ารับรู้เรื่องราวทุกอย่างแล้ว" อ้ายเย่วที่กล่าวไขข้อข้องใจให้องค์หญิงเสียนลี่ฟาง " และข้ายินดีที่ท่านจะมาพ
จิ้นผิงและบ่าวไพร่ที่รอปรนนิบัติอยู่หน้าห้องต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่กใบหน้าแดงก่ำก่อนจะพากันถอยออกมาจากบริเวณหน้าห้องเพราะเสียงแว่วหวานของพระชายาอ้ายเย่วที่ตอนนี้ใบหน้างามแดงก่ำเพราะแรงอารมณ์ที่ถูกคนที่คร่อมทับอยู่เหนือร่างจุดขึ้น เล่อชินอ๋องใช้แขนแกร่งยันเตียงนุ่มโดยไม่ทิ้งน้ำหนักลงบนร่างบาง บดจูบหวานล้ำให้อย่างเอาใจก่อนมือหนาจะดึงรั้งอาภรณ์ออกจากร่างบางจนเปลือยเปล่าและปลดอาภรณ์ของตนออกให้เท่าเทียมกัน ปากหนาที่จูบซับลากไล้มาตามลำคอระหงจนมาครอบครองหน้าอกอิ่มที่ดูอวบตึงขึ้น ขยายใหญ่สู้มือแกร่งที่กำลังนวดคลึงอย่างหลงใหล ร่างงามที่ดูมีน้ำมีนวลหอมกรุ่นดูเย้ายวนปิดเร่า ครวญครางเสียงหวาน ปากร้อนที่ดูดดึงส่งเรียวลิ้นโลมเลียตวัดยอดทรวงสีแดงชูชันเข้ามาในอุ้งปากดุนดันสลับปาดเลียจนขนอ่อนลุกซู่อย่างซ่านสยิว ช่องท้องปั่นป่วนบิดมวน จนบุปผางามหลั่งไหลน้ำหวานซึมออกมา ใบหน้าหล่อเหลาที่ลากไล้ปลายลิ้นมายังหน้าท้องที่ยังแบนราบก่อนจะจูบซับแผ่วเบาทะนุถนอม อ้ายเย่วรู้สึกดังมีผีเสื้อนับพันกระพือปีก ก่อนมือหนาจะจับขาเรียวให้ตั้งชันปรากฏเนินเนื้อโหนกนูนอวบอิ่มขาวผ่องโน้มใบหน้าไปจุมพิตเนื้อโหนกสวยแผ่วเบาก่อนจะลา
ร่างเล็กในอ้อมแขนที่ขยับยุกยิกทำให้เล่อชินอ๋องรู้สึกตัวตื่น"ยังเช้าอยู่เลย นอนต่อเถอะเมื่อคืนก็ดึกมากแล้วกว่าจะได้นอน" กล่าวขึ้นพร้อมกับกระชับอ้อมแขนกอดร่างบางไว้แนบอก"น้องนอนไม่หลับแล้วเจ้าค่ะ อีกอย่างพระองค์ก็บอกว่าวันนี้องค์หญิงผู้นั้นจะมาอยู่ที่นี่มิใช่หรือ" เกิดความเงียบขึ้นชั่วอึดใจก่อนที่ริมฝีปากร้อนของเจ้าของอ้อมกอดอุ่นจะจุมพิตลงบนขมับ" หากน้องหญิงไม่สะดวกก็ให้นางอยู่ในวังไปก่อนก็แล้วกัน พี่ไม่อยากให้เจ้าคิดมาก"" ไม่เลยเจ้าค่ะ ข้ามิได้คิดมากอันใดเลย"เสียงหวานที่รีบเอ่ยบอกทำให้ร่างสูงกระตุกยิ้ม"ไม่คิดมากจริงๆ น่ะหรือ แล้วเมื่อคืนใครกันที่ร้องไห้จนร่ำๆ จะหย่ากับพี่อย่างเดียว" "ก็ ข้านึกว่าท่านพี่จะพานางมาแทนที่ข้านี่เจ้าคะ"เสียงหวานที่เอ่ยอย่างรู้สึกผิด แลดูน่าสงสาร"น้องหญิง จำไว้ ไม่ว่าสิ่งใดจะเกิดขึ้นสิ่งเดียวที่จะคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลงไปคือเจ้าจะเป็นสตรีที่พี่รักเพียงคนเดียวและวังจันทราแห่งนี้จะมีแค่เจ้าเท่านั้นที่เป็นนายหญิงของวัง"น้ำเสียงที่เอ่ยขึ้นอย่างนุ่มนวล ทว่าหนักแน่น ทำให้อ้ายเย่วน้ำตาคลอ" ขอบคุณเจ้าค่ะท่านพี่"ร่างบางที่ซุกซบใบหน้ากับอกอุ่นอย่างรักใคร่หวง