สตรีงดงามที่เดินกรีดกรายเข้าร้านนู้นออกร้านนี้อย่างมีความสุขนัก เกิดเป็นคนสวยและรวยมากมันก็ดีอย่างนี้แหละนะ โชคดีที่ร่างนี้นั้นมีเงิน ทองที่บิดามารดาทิ้งไว้ให้มากมายไม่อย่างนั้นนางไม่อยากจะคิดเลยว่าจะใช้ชีวิตอยู่ในบ้านเมืองนี้ได้อย่างไร นางไม่ได้ข้ามภพมาแล้วมีความเทพทรูเหมือนในละครหรือนิยายเสียด้วยสิ ชีวิตก่อนใช้หน้าตาและความสามารถด้านการแสดงเลี้ยงชีพเท่านั้น เดินชื่นชมสิ่งของสวยๆ งามๆ ที่ดูแปลกตาอยู่นานชักจะหิว จึงได้ชวนจิ้นผิงที่ดูเริงร่านักไปหาอะไรรองท้อง เดินเลือกหาอยู่นานจนมาเจอเหลาอาหารที่ดูท่าจะอร่อยเพราะดูจะครึกครื้นนักเมื่อร่างงามเย้ายวนเดินกรีดกรายเข้าไปดั่งนางพญาที่เดินเชิดหน้าไหล่ตั้งหลังตรงจนติดเป็นนิสัยมาตั้งแต่ภพก่อนเดินเยื้องย่างเข้ามาภายในเหลาอาหารก็เรียกความสนใจจากบรรดาหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ให้หันมามองนางเป็นตาเดียว แต่นางก็หาใส่ใจไม่เพราะเคยชินกับการถูกมองอย่างชื่นชมมาทั้งชีวิต แค่ไม่มองแล้วแบ้ปากใส่เป็นใช้ได้ ไม่เว้นแม้กระทั่งกลุ่มบุรุษสามสี่คนที่นั่งอยู่บนชั้นสองที่สังเกตตั้งแต่ใบหน้างามนวลผ่องโผล่พ้นประตูเข้ามา
"ข้าว่าโฉมงามผู้นี้ดูคุ้นตาอย่างไรอยู่นะ"
"ข้าก็ว่าอย่างนั้นล่ะ"
บุรุษทั้งสี่ต่างพยักพเยิดอย่างเห็นด้วย แต่พอเห็นบ่าวรับใช้ด้านหลังเท่านั้นล่ะ ต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่ก อย่างไม่อยากจะเชื่อ
"เมิ่งอ้ายเย่ว"
ต่างก็เอ่ยขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน
เห็นสตรีหน้าตางดงามผู้นั้นยิ้มหวานให้เสี่ยวเอ้อที่เดินนำขึ้นมายังชั้นสองทุกคนต่างจ้องมองอย่างโง่งมนัก จนกระทั่งนางเดินผ่านโต๊ะที่ทั้งหมดนั่งอยู่แล้วเดินผ่านเลยไปอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้น อย่างฉงนสนเท่ห์นักโดยเฉพาะกับบุรุษรูปงามหน้าตาคมเข้มที่สตรีใดเห็นจำต้องเหลียวมองนางกลับเดินผ่านเลยไปเหมือนคนไม่รู้จักกันทำให้เขาเกิดความไม่พอใจขึ้นอย่างประหลาด ซึ่งความจริงเขาควรดีใจไม่ใช่หรือที่สตรีผู้นั้นไม่มาก่อเรื่องวุ่นวายให้เขาต้องอับอายอีก นี่เขาเป็นบ้าอะไรนี่
เมิ่งอ้ายเย่วเมื่อได้ที่นั่งที่ต้องการก็หย่อนก้นงามงอนลงนั่งอย่างสบายอารมณ์จนเกือบจะยกขาขึ้นนั่งไขว่ห้างอย่างเคยชินดีนะที่ระงับไว้ทันไม่อย่างนั้นคงได้ถูกมองว่าไม่มีความเป็นกุลสตีให้โดนนินทาอีกเป็นแน่ เมื่อนั่งลงเรียบร้อยเหลือบเห็นจิ้นผิงที่ยังยืนอยู่ก็มองอย่างออกคำสั่งว่าให้นั่งลงแต่จิ้นผิงกลับส่ายหน้าปฏิเสธ
"จิ้นผิงนั่งลงเดี๋ยวนี้ นี่เป็นคำสั่ง"
จิ้นผิงจึงได้ยอมนั่งอย่างจนใจ
"ดีมาก"
ส่งยิ้มไปให้แล้วเอ่ยถาม
"กินอะไรดีจิ้นผิง"
"บ่าวก็ไม่รู้เจ้าค่ะ"
เอ่ยตอบพร้อมส่งยิ้มแห้งๆ มาให้นายสาว
"อืม งั้นขอเป็นอาหารขึ้นชื่อของที่นี่สักสามสี่อย่าง ข้าวหนึ่งโถก็แล้วกัน"
" อ้อ ขอสุราที่ดีที่สุดของที่นี่ด้วย"
เอ่ยประโยคยอดนิยมในซีรีส์จีนที่เคยแสดง
"ขอรับคุณหนู รอสักครู่นะขอรับ"
เสี่ยวเอ้อกล่าวพร้อมค้อมหัวให้อย่างนอบน้อมนัก
"คุณหนูสั่งสุรามาทำไมเจ้าคะ"
จิ้นผิงเอ่ยถามอย่างโง่งมนัก คุณหนูของนางไม่เคยดื่มสุรามาก่อนแค่ได้กลิ่นก็บ่นว่าเหม็นแล้ว
" สั่งสุรามาก็ต้องสั่งมาดื่มอย่างไรเล่า เจ้าถามประหลาดนัก"
นางอยากจะลองจิบๆ ดมๆ ดูเท่านั้น ว่ารสชาติจะเป็นอย่างไร ภพก่อนนางเป็นนักดื่มตัวยงเลยนะ
"แต่คุณหนูไม่เคยดื่มนะเจ้าคะ"
"อะไรที่ไม่เคยเราต้องทำให้เคยไว้บ้างนะจิ้นผิง"
"นี่ ลู่เหวิน เจ้าจะไม่ไปกล่าวทักทายนางหน่อยหรือ"
คุณชายจ้าวหย่งฉีเป็นผู้กล่าวขึ้น
"ใช่ๆ ข้ารู้สึกเหมือนนางจะดูเมินๆ เจ้าอย่างชอบกล"
เป็นคุณชายเหอจี้หนานที่กล่าวอย่างเห็นด้วย
" อืม ข้าเห็นด้วยกับสองคนนี้"
คุณชายจางไห่คังผู้ที่พูดน้อยสุดเอ่ยขึ้นอีกคน
มองหน้าสหายทั้งสามแล้วส่ายหน้า
" ไม่ล่ะ เดี๋ยวนางจะหาว่าข้ามีใจให้แล้วตามติดข้าอีก"
บุรุษที่ถูกคะยั้นคะยอกล่าวอย่างไม่ใส่ใจเท่าใดนัก แต่สายตากลับมองไปยังโต๊ะของนางไม่วางตา นางดูเปลี่ยนไปไม่ใช่แค่รูปร่างหน้าตาที่ดูเปลี่ยนไปมาก ดูงดงามยิ่งนัก แต่กิริยาท่าทางนั้นก็ดูเปลี่ยนไปจากเดิมมากเช่นกัน
เมิ่งอ้ายเย่วที่นั่งดูบรรยากาศภายในเหลาอาหารแห่งนี้ แล้วนั่งพิจารณาอย่างสนใจนัก การตกแต่งที่แสนเรียบง่ายดูธรรมดาๆ ไม่ค่อยดึงดูดสายตานัก แต่ร้านอาหารของยุคนี้ส่วนใหญ่ก็จะให้บรรยากาศแบบนี้ อาหารก็เป็นอาหารรสชาติจืดๆ ไม่จัดจ้าน คิดแล้วก็อยากกินพวกส้มตำปูปลาร้านัก หากนางคิดจะเปิดขายอาหารอีสานในยุคจีนโบราณแบบนี้จะเป็นอย่างไรนะ คิดเล่นๆ แล้วก็ขำกับตัวเองนัก เมื่อทานอาหารไปเล็กน้อยนางก็ลองดื่มสุราของที่นี่รู้สึกได้ว่ารสแรงมากแต่ก็หอมดีแล้วจึงยกขึ้นดื่มอีกจอกทำให้ใบหน้านวลนั้นขึ้นสีแดงเปล่งปลั่ง น่ามองนัก "จิ้นผิง ข้าว่าจะออกมาจากจวนแม่ทัพแล้วหาซื้อจวนเล็กๆ ซักหลังเจ้าว่าดีหรือไม่"เอ่ยถามสาวใช้คนสนิทนางคิดเรื่องนี้อยู่หลายวันแล้ว จากที่เห็นทรัพย์สมบัติที่บิดามารเจ้าของร่างทิ้งไว้ให้ก็มีไม่น้อยนางคงอยู่ได้สบายไปหลายปีหากไม่ฟุ่มเฟือยจนเกินไปถึงนางจะทำอะไรไม่ค่อยจะเป็นแต่ก็ต้องหาอะไรทำไม่อย่างนั้นต่อไปคงลำบากแน่ อย่างแรกต้องออกจากจวนแม่ทัพนั่นก่อนไม่ได้เป็นอันใดกันจะอยู่แบบนี้ตลอดไปได้อย่างไรกัน และอีกอย่างหากคิดจะทำอะไรคงไม่สะดวกนัก เพราะคงจะมีคนมาจับตามองแน่"คุณหนูไม่แต่งให้ท่านแม่ทัพแล้วห
"จะยืนจ้องอยู่อีกนานหรือไม่?กลับจวนได้แล้วจะรอให้มีเรื่องอีกหรือไง ข้าไม่ได้ว่างมาช่วยเจ้าทุกครั้งที่ก่อเรื่องหรอกนะ"อ้าว !จีนี่ใครใช้ให้ช่วยกัน รู้หรอกว่าไม่ปลื้มแต่ไม่ต้องแสดงออกขนาดนี้ก็ได้ คิดอย่างไม่พอใจ"ข้ามาเองได้ก็กลับเองได้ ขอบคุณท่านมากที่สอดมือมาช่วย"ได้ยินสตรีตรงหน้ากล่าวออกมาหานลู่เหวินถึงกับกัดฟันกรอดหน้าแดงก่ำ นี่นางหาว่าเขาแส่เองใช่หรือไม่"เมิ่งอ้ายเย่ว!!"ร่างสูงที่ทำท่าจะก้าวมาฉุดกระชากนาง ทำให้นางต้องถอยหลังอย่างรวดเร็วจนบุรุษตรงหน้าชะงัก นี่นางไม่อยากให้เขาแตะต้องตัวถึงขนาดนี้เลยเหรอ"เจ้าคะ ทำไมต้องเสียงดังปานนั้น ข้าไม่ได้หูตึง และท่านก็คงจะไม่หูตึงเช่นกัน ข้า กลับ เอง ได้" กล่าวแล้วสะบัดหน้าเดินออกมาจนจิ้นผิงเดินตามเกือบไม่ทัน"คุณหนูทำอย่างนี้จะดีหรือเจ้าคะ อย่างไรท่านแม่ทัพก็เป็นคู่หมายและยังช่วยเหลือไว้อีกด้วย"จิ้นผิงเมื่อเดินทันคนตัวเล็กที่เดินตัวปลิวเอ่ยท้วงขึ้น"เหอะ แค่คู่หมายไม่ใช่สามีเสียหน่อยข้าไม่สนใจหรอกและอีกอย่างข้าก็ไม่ได้ขอให้ช่วยเสียหน่อย""คุณหนู""พอเถอะจิ้นผิง ข้าว่าเรามาหาที่ซุกหัวนอนดีกว่า กลับไปครั้งนี้อีตานั่นคงโยนข้าวของเราออกจากจว
เมิ่งอ้ายเย่วเมื่อกลับถึงจวนแม่ทัพก็ตรงเข้าเรือนของนางทันทีวันนี้นางรู้สึกเหนื่อยล้านัก รีบอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวพอหัวถึงหมอนก็หลับลึกทันที เมิ่งอ้ายเย่วมองเห็นสตรีร่างอวบอ้วนที่ใบหน้าเหมือนนางที่ฟื้นขึ้นมาครั้งแรกนักกำลังเดินมุ่งหน้าไปที่ไหนสักแห่งอย่างรีบร้อนนัก"ชิงเอ๋อ เจ้าอย่าได้น้อยใจไปเลยอย่างไรใจของพี่ก็เป็นของเจ้า" เสียงของบุรุษที่รู้สึกคุ้นหูนักเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยนนัก ทำให้เมิ่งอ้ายเย่วที่กำลังเดินมาทางที่มีบุรุษและสตรีรูปโฉมงดงามอ่อนหวานยืนพลอดรักกันอยู่ต้องหลบหลังพุ่มไม้ใหญ่"พี่สัญญาว่าจะแต่งเจ้าเป็นฮูหยินเอกอย่างแน่นอนพี่ขอเวลาอีกสักนิด เมิ่งอ้ายเย่วนางหลงใหลในตัวพี่นักอย่างไรนางต้องยอมแต่งเป็นฮูหยินรองอย่างแน่นอน ขอแค่นางยอม ท่านพ่อท่านแม่ของพี่มีหรือจะคัดค้านได้" เสียงของบุรุษที่ดังขึ้นทำให้นางรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างไหลลงมาจากดวงตา เมื่อเอามือแตะดูก็รู้ว่ามันคือน้ำตา นี่นางร้องไห้หรือ ไม่ใช่ นี่ไม่ใช่นาง แต่เป็นเมิ่งอ้ายเย่วคนเก่าต่างหาก ยืนมองสองหนุ่มสาวกกกอดกันอยู่นานโดยฝ่ายสตรีนั้นไม่กล่าวอันใดได้แต่ร้องไห้สะอึกสะอื้นแล้วส่งสายตาอย่างสมเพชมายังนาง ใช่!สตรีนางนั้น
"มีคนมาซื้อจวนที่ติดกับวังอย่างนั้นหรือ เป็นใครกัน"เสียงทุ้มที่เอ่ยอย่างราบเรียบไม่บ่งบอกว่าอยู่ในอารมณ์ใดหม่ากงกงพ่อบ้านใหญ่ของวังจันทรากำลังจะอ้าปากแจ้งต้องหุบฉับเพราะเสียงราบเรียบที่เอ่ยขึ้นจากเงาร่างสูงใหญ่ดูสูงส่งแผ่กลิ่นอายของผู้สูงศักดิ์ที่นั่งหันหลังป้อนหนอนตัวน้อยให้เจ้านกแก้วแสนรู้ด้วยท่วงท่าสบายๆ"จะเป็นใครก็ช่างเถอะแค่ไม่มายุ่งวุ่นวายก็พอ"กล่าวพร้อมโบกมือไล่หม่ากงกงเป็นการจบบทสนทนา"ชีวิตในแต่ละวันช่างน่าเบื่อหน่ายนักเจ้าว่าหรือไม่อาฟง"น่าเบื่อ น่าเบื่อเสียงเล็กแหลมของเจ้านกแก้ว นาม อาฟง เอ่ยอย่างแสนรู้นัก จนเจ้าของต้องป้อนเจ้าหนอนเคราะห์ร้ายให้เป็นรางวัลอ้ายเย่วที่จัดการเรื่องขนย้ายข้าวของเรียบร้อยแล้ว จึงมาขอพบท่านลุงท่านป้าเพื่อจะบอกกล่าวและร่ำลาผู้มีพระคุณทั้งสองที่ให้ความช่วยเหลือนางมาตลอดและให้การดูแลนางเป็นอย่างดีอย่างทราบซึ้งในบุญคุณนัก"เย่วเอ๋อเจ้าคิดดีแล้วหรือป้าว่าเจ้าทบทวนดูอีกครั้งดีหรือไม่สตรีที่ไม่มีบุรุษคอยปกป้องคุ้มครองจะไปอยู่กันตามลำพังได้อย่างไร"ฮูหยินของอดีตแม่ทัพพิทักษ์ดินแดนเอ่ยขึ้นอย่างห่วงใยนัก"ลุงเห็นด้วยกับป้าเจ้านะ จะอย่างไรลุงก็รับปากบ
เมิ่งอ้ายเย่วที่ตอนนี้กำลังเดินสำรวจจวนหลังเล็กนี้ ถือว่าจวนหลังนี้น่าอยู่มากเลยทีเดียว เป็นจวนกลางเก่ากลางใหม่ หากปรับปรุงเสียใหม่คาดว่าคงหน้าอยู่นักจวนหลักนั้นแบ่งออกเป็นห้าห้องเลยทีเดียว และห้องโถงก็ดูกว้างปลอดโปร่งนักนางคิดไว้ว่าจะทำเป็นห้องรับแขกแบบผสมผสานกับยุคที่นางจากมา นางใฝ่ฝันมานานว่าอยากมีบ้านที่มีบรรยากาศสงบเงียบ อากาศดีๆ สักหลัง เพราะยุคก่อนนางนั้นอยู่คอนโดสุดหรูที่แพงหูฉี่แต่ไม่มีพื้นที่ให้ปลูกผักปลูกหญ้ามากนัก นางเลือกห้องที่อยู่ทางปีกซ้ายที่ดูเหมือนจะใหญ่กว่าทุกห้องเป็นห้องนอนของนางที่พอเปิดหน้าต่างมองออกไปก็เห็นภูเขาที่อยู่ไกลออกไปสุดลูกหูลูกตา ซึ่งวิวดีนักนางคิดไว้ว่าจะทำแปลงดอกไม้ตรงที่ว่างด้านนี้เพราะพอเปิดหน้าต่างดูจะได้รู้สึกสดชื่น และห้องที่อยู่ติดกันจะทำเป็นห้องหนังสือและไว้สำหรับทำงานถึงตอนนี้จะไม่รู้ว่าจะทำงานอะไรก็เถอะ จิ้นผิงที่เลือกห้องที่อยู่ทางปีกขวาเป็นห้องนอนของนาง ซึ่งนางดูดีใจนักและอีกห้องยกให้สาวใช้ที่นางจะหาเพิ่มอีกคนเพื่อช่วยงานจิ้นผิงทำงาน จวนหลังนี้มีห้องครัวที่แยกออกไปด้านหลังที่ใหญ่ใช้ได้ รอบๆ จวนยังมีพื้นที่ว่างมากนัก นางคิดจะปลูกผักทำสวน แค
เมื่อได้ของที่ต้องการครบแล้วจึงพากันเดินมายังที่จอดรถม้าสำหรับเช่าเพราะถ้าจะให้นางเดินกลับคงไม่ไหวแน่ เฮ่อ! นี่ก็อีกเรื่องนางคงต้องหารถม้าเป็นของตัวเองสักคันเพื่อความสะดวกในการเดินทาง แต่ยังไม่ทันเดินไปถึงจุดหมายปลายทางก็ได้ยินเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นและเสียงด่าทอดังลั่นมาจากบ้านหลังหนึ่ง อ้ายเย่วจึงหันไปมองเห็นสตรีร่างกายอวบอ้วนกำลังถือไม้กวาดไล่ตีเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงตัวเล็กผอมแห้งดูแล้วน่าสงสารนัก ยังไม่ทันได้คิดอะไรขาเจ้ากรรมก็เดินตรงเข้าไปหาต้นเหตุของเสียงเอะอะโวยวาย จิ้นผิงที่เห็นนายตนเดินเข้าไปจึงรีบก้าวตามเพราะกลัวคุณหนูจะได้รับอันตราย"เกิดอะไรขึ้นเหตุใดถึงลงไม้ลงมือกับเด็กตัวเล็กนิดเดียว" เสียงหวานที่เอ่ยถามทำให้สตรีร่างท้วมเจ้าเนื้อหยุดมือ หันมองสตรีหน้าตางดงามตรงหน้าดูจากผิวพรรณแล้วคงเป็นพวกคุณหนูจวนใหญ่"ข้าแค่จะสั่งสอนพวกเด็กเหลือขอนี่เท่านั้น ท่านอย่ามายุ่งเลยจะดีกว่า" เด็กผู้ชายที่กอดเด็กผู้หญิงอย่างหวงแหนรีบเอ่ยขึ้น" ข้าแค่จะให้ท่านป้าตามหมอมาดูเสี่ยวเจินเท่านั้น แต่ท่านป้าไม่ยอมตามหมอให้ เสี่ยวเจินกำลังป่วย" อ้ายเย่วมองมายังเด็กผู้ชายที่ดวงตาแดงก่ำแต่น้ำตานั้นไ
เช้าวันรุ่งขึ้นรถม้าจากร้านรวงต่างๆ ก็มาส่งของตั้งแต่เช้าตรู่ โดยอ้ายเย่วให้ทุกคนช่วยกันทำความสะอาดห้องครัวก่อนจากนั้นจึงให้จิ้นผิงหุงหาอาหารง่ายๆ สำหรับมื้อเช้า เช้านี้จึงมีข้าวต้มและปลาตากแห้งทอด ซึ่งเด็กทั้งสองดูมีความสุขนักกินกันอย่างเอร็ดอร่อย พวกเขาบอกว่ามื้อนี้เป็นอาหารที่ดีที่สุดเท่าที่เคยกินมา เพราะทุกมื้อได้กินแต่น้ำข้าวกับแป้งทอดแข็งๆ เท่านั้น เมื่อกินกันอิ่มก็ช่วยกันทำความสะอาดและนำข้าวของมาเก็บอย่างเป็นระเบียบ อ้ายเย่วยืนมองห้องครัวที่ค่อนข้างจะเล็กแต่สะอาดสะอ้าน คิดว่าจะต่อเติมห้องครัวเสียหน่อยส่วนที่จะต่อเติมออกมาจะทำเป็นครัวแบบเปิดโล่งเหมือนครัวในชนบทที่มองออกไปก็เห็นแปลงผักและพืชผักสวนครัวต่างๆ ที่นางชอบดูในโลกออนไลน์แต่ไม่มีโอกาส วันนี้โอกาสนั้นมาถึงแล้ว "จิ้นผิงหากเราจะต่อเติมจวนต้องทำอย่างไรหรือ" จิ้นผิงที่กำลังเก็บข้าวสารและพวกเครื่องปรุงต่างๆ ให้เป็นระเบียบหันมาตอบคำถามคุณหนูของนาง"ต้องไปติดต่อช่างไม้ในตลาดเจ้าค่ะ บ่าวรู้จักอยู่ที่หนึ่งทำงานละเอียดอ่อนและมีฝีมือมากเจ้าค่ะ" "งั้นดีเลยข้าจะต่อเติมและซ่อมแซมจวนนี้เสียใหม่จะได้น่าอยู่ขึ้น" จากนั้นทั้งหมดก็ช่วยกั
จวนแม่ทัพที่ตอนนี้บ่าวไพร่ต่างอกสั่นขวัญแขวนกันถ้วนหน้าเพราะไม่มีใครเข้าหน้าแม่ทัพของจวนติด บ่าวไพร่โดนสั่งลงโทษเป็นว่าเล่น แม่ทัพลู่เหวินที่รีบร้อนกลับมากลับพบว่าเมิ่งอ้ายเย่วจากไปโดยไม่รอเขา สอบถามบิดามารดาก็ไม่รู้ว่านางไปอยู่ไหน สั่งให้คนสืบหาที่อยู่ของนางผ่านมาหลายวันก็ไม่คืบหน้าช่างเลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆเมิ่งอ้ายเย่วนางกล้าดีอย่างไรจึงขัดคำสั่งเขา เขาจะลากนางกลับมาให้ได้คอยดู คิดจะทิ้งเขามันไม่ง่ายขนาดนี้แน่ต้องเป็นเขาสิที่จะต้องเป็นฝ่ายทิ้งนาง"ท่านแม่ทัพขอรับ" เสียงบ่าวรับใช้ที่ดังขึ้นทำให้ใบหน้าบึ้งตึงของแม่ทัพลู่เหวินตวัดตามองจนคนตรงหน้ารีบคุกเข่ารายงาน"คุณหนูไป๋อี้ชิงมาขอพบขอรับ" แม่ทัพลู่เหวินยกสองมือแกร่งขึ้นรูปใบหน้าอย่างเหนื่อยหน่ายนัก เพราะไป๋อี้ชิงเอาแต่เร่งเร้าให้เขาไปสู่ขอนางเสียที ซึ่งเขายังไม่พร้อมไม่รู้ว่าทำไมแต่เขายังไม่อยากแต่งนางเข้าจวนถึงแม้จะพึงใจในตัวนางนักแต่ภาพของเมิ่งอ้ายเย่วยังตามหลอกหลอนทำให้พยายามบ่ายเบี่ยงเสมอ"เจ้าไปแจ้งนางทีว่าข้าไม่สะดวกให้นางกลับไปก่อน บอกว่ากำลังคุยธุระสำคัญอยู่กับท่านพ่อก็แล้วกัน" กล่าวออกไปพร้อมถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน โบก
"อ่านอะไรอยู่หรือเจ้าคะ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียว"เล่อชินอ๋องที่เงยหน้าขึ้นมองตามเสียงหวานละมุนนั้น รีบวางจดหมายในมือ ตรงเข้าไปโอบประคองร่างอุ้ยอ้ายที่หน้าท้องนั้นใหญ่โตมากของชายารักที่ใกล้คลอดเต็มที ที่เดินลูบหน้าท้องนู้นเข้ามาโดยมีจิ้นผิงคอยประคอง"น้องหญิง ออกมาทำไมกัน"ร่างหนาพูดขึ้นพร้อมโอบประคองร่างอวบอิ่มให้นั่งลงบนตั่งที่ปูด้วยเบาะหนานุ่มอย่างอ่อนโยน ก่อนมือหนาจะลูบบนหน้าท้องนูนสัมผัสถึงแรงกระตุกเบาๆ ของก้อนแป้งน้อยที่กำลังเติบโตอยู่ในครรภ์ของสตรีอันเป็นที่รัก ใบหน้าหล่อเหลานั้นยกยิ้มอย่างยินดีเมื่อเจ้าก้อนแป้งนั้นช่างรู้ความ เพียงบิดาสัมผัสก็จะตอบรับกลับมาเสียทุกครั้ง"จดหมายจากแม่ทัพตงหยวน ส่งมาแจ้งว่าลี่ฟางคลอดบุตรแล้ว เป็นคุณหนูใหญ่""จริงหรือเจ้าคะ น่ายินดีเสียจริง"ใบหน้าหวานนั้นยิ้มละมุนอย่างรู้สึกยินดี มองสวามีที่ก้มลงจูบเบาๆ บริเวณหน้าท้องนูน"เจ้าก้อนแป้งของบิดา เมื่อไหร่เราจะได้เจอกันเสียที"อ้ายเย่วที่ถึงกับยกยิ้มกับความอ่อนโยนนั้น ก่อนใบหน้างามจะขมวดมุ่น เมื่อรู้สึกปวดหน่วงตรงช่วงล่างจนเผลอเกร็งตัวร้องครางออกมา"อ๊ะ!"เล่อชินอ๋องที่เห็นอาการของร่างอวบอิ่มจึงรีบลูบท้อ
เล่อชินอ๋องที่มองร่างงดงามเย้ายวน ผิวขาวดูชุ่มฉ่ำเปล่งปลั่งราวจะคั้นน้ำได้ มือเรียวสวยที่กรีดกรายเขียนอักษรลงบนแผ่นกระดาษ ใบหน้านวลผ่องที่จดจ่อกับแผ่นกระดาษตรงหน้าดูน่าหลงใหลจนต้องลอบกลืนน้ำลาย ร่างอวบอิ่มนั้นทำให้พระองค์หลงใหลทุกครั้งที่ได้ชิดใกล้"น้องหญิงพี่แค่ไปหารือกับรัชทายาทเพียงครู่เดียวเท่านั้น และที่สำคัญก็มีแต่บุรุษ เจ้าจะไปได้อย่างไร เอาไว้พี่จะพาไปเที่ยวชมตลาดวันหลังดีหรือไม่"อ้ายเย่วเอียงหน้ามายิ้มหวานเป็นการตอบรับอย่างน่าเอ็นดูยิ่งนักในสายตาคนมอง แต่หารู้ไม่ว่ายิ้มนั้นมันเคลือบยาพิษเห็นว่าคนข้างๆ ยังให้ความสนใจกับสิ่งที่นางทำอยู่ไม่มีทีท่าว่าจะออกไปจึงเอ่ยถามขึ้น"ไม่เสด็จหรือเจ้าคะ องค์รัชทายาทรอแย่แล้วกระมัง""ยังไม่ถึงเวลานัดหมาย""แล้วนี่เขียนอันใดอยู่หรือ"เล่อชินอ๋องที่หรี่ตามองแผ่นกระดาษตรงหน้าชายารัก"กำลังตอบจดหมายของลี่ฟางเจ้าค่ะ"อ้ายเย่วตอบพร้อมหรี่ตามองบุรุษผู้เป็นสามีก่อนเอ่ยขึ้นอีกว่า"น้องว่าจะชวนนางเปิดกิจการด้วยกัน"เล่อชินอ๋องที่เงยหน้าขึ้นสบตาผู้เป็นชายา "เหตุใดต้องทำให้ตัวเองเหนื่อยกัน สมบัติในวังจันทราแห่งนี้มีให้เจ้าใช้และอยู่อย่างสุขสบายโดยไม่
อ้ายเย่วที่พับจดหมาย จากฮูหยินแม่ทัพแคว้นฉี เสียนลี่ฟาง ที่เขียนมาเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ฟัง ตั้งแต่จากกันวันนั้นจนวันที่นางได้ไปร่วมงานมงคลของทั้งสอง อ้ายเย่วและเสียนลี่ฟางก็ติดต่อกันโดยการเขียนจดหมายติดต่อกันตลอดก่อนจะให้จิ้นผิงพยุงร่างอุ้ยอ้าย มานั่งลงตรงที่นั่งในศาลากลางสวนสวย ตอนนี้อายุครรภ์ของนางย่างเข้าเดือนที่แปดแล้ว อีกไม่นานก็จะได้เจอกับเจ้าก้อนแป้ง ไม่รู้ว่านางหรือลี่ฟางที่จะคลอดก่อนกัน เพราะอายุครรภ์ของทั้งคู่ไล่เลี่ยกัน"จับซาไท้เป้า เจ้าค่ะพระชายา"อ้ายเย่วที่กำลังชื่นชมความงามของหมู่มวลดอกไม้ที่กำลังอวดดอกบานสะพรั่ง หันมารับถ้วยยาจากจิ้นผิง ซึ่งเป็นยาบำรุงครรภ์ ที่สวามีของนางขยันสรรหามาบำรุงนางจับซาไท้เป้า เป็นตำรับยาบำรุงครรภ์รับประทานในช่วงกลางถึงปลายระยะตั้งครรภ์ โดยนิยมเริ่มรับประทานในเดือนที่หกของการตั้งครรภ์ และหยุดรับประทานก่อนคลอดหนึ่งเดือนอ้ายเย่วอดรู้สึกชื่นชมตำรับยาสูตรโบราณนี้ไม่ได้ แม้ยุคนี้จะไม่มีความทันสมัยเหมือนยุคก่อนนางก็ไม่กังวลมากนักสรรพคุณของยาตำรับนี้ก็คือ บำรุงหญิงตั้งครรภ์ให้แข็งแรง ไม่ให้เป็นหวัดง่าย ทำให้ระบบการย่อยของหญิงตั้งครรภ์เป็นปกติ ไ
เมื่อเห็นว่าคนใต้ร่างพยักหน้ารับ ดวงตาฉ่ำหวานที่มีหยาดน้ำตาเอ่อคลออยู่นั้น กะพริบปริบๆ จนหยาดน้ำตาไหลมาทางหางตา จึงใช้หัวแม่มือกรีดออกให้อย่างแผ่วเบา ก้มลงจูบซับอย่างอ่อนโยน ก่อนริมฝีปากหนาจะเคลื่อนมาครอบครองปากเล็กอวบอิ่มที่หวานล้ำ จากจุมพิตอ่อนโยนกลายเป็นเร่าร้อนตามแรงปรารถนา สองร่างที่ก่ายกอดลูบไล้กันต่างตกอยู่ในห้วงอารมณ์แห่งรสกามา ต่างตักตวงความหวานของกันและกันด้วยความถวิลหา ให้สมกับที่ต้องห่างไกลกันแรมเดือนลิ้นร้อนที่บดคลึงจนคนใต้ร่างหอบสะท้าน มือเล็กที่ยันอกแกร่งด้วยใบหน้านวลที่แดงก่ำ ก่อนจะรอบรวมสติที่กระเจิดกระเจิง เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า"ข้ากำลังตั้งครรภ์อยู่นะเจ้าคะ"แม่ทัพตงหยวนที่จูบหน้าผากมนแผ่วเบา เอ่ยกับร่างเย้ายวนที่ตอนนี้อาภรณ์หลุดลุ่ย น้ำเสียงกระเส่า"พี่รู้ พี่จะอ่อนโยน"เพียงไม่นานร่างสองร่างก็เปลือยเปล่า ปากหนาร้อนรุ่มลากไล้ปลายลิ้นสากมาตามลำคอระหง จนมาถึงทรวงอกนุ่มหยุ่นที่ดูจะอวบอิ่มขึ้น จนต้องฝังจมูกลงไปคลอเคลียสูดดมความหอมอ่อนละมุนที่เขาหลงใหล ก่อนจะใช้อุ้งปากเข้าครอบครองสร้างความเสียวซ่านให้เจ้าของที่ดิ้นเร่าอยู่ใต้ร่าง ปาดเลียลิ้นร้อนสลับดูดดุน จนยอดทรวงแ
สัมผัสเปียกชื้นตรงซอกคอขาว ทำให้คนที่กำลังหลับสบายขยับตัวอย่างรำคาญ ก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ แต่ภาพศีรษะที่มีผมดำปกคลุมกำลังเลื่อนลงไป ก้มลงซุกไซร้หน้าอกขาวอวบ ทำให้ร่างบางแข็งทื่อ ปากอวบอิ่มที่กำลังจะกรีดร้องขอความช่วยเหลือกลับเปล่งเสียงร้องออกมาได้เพียงเสียงอู้อี้เมื่อถูกปากหนาของบุรุษต่ำช้าเลื่อนมาประกบ ร่างบางที่เริ่มดิ้นรนต่อสู้ใช้มือเล็กจิกข่วนแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามกำยำอย่างแรงจนแผ่นหลังแกร่งรู้สึกแสบ"หยุดดิ้น"เสียงทุ้มสั่งเสียงกระเส่า พร้อมมือใหญ่ที่รวบเอามือเล็กไว้เหนือศีรษะเพียงมือเดียว ส่วนอีกมือนั้นจับปลายคางมนให้คนตัวเล็กใต้ร่างหันมาสบตาตน "ทะ ท่านแม่ทัพ"ลี่ฟางเมื่อเห็นว่าชายชั่วที่จะย่ำยีนางเป็นใคร ลำคอระหงพลันแห้งผาก หัวใจเต้นแรงแทบทะลุออกจากอก"ปล่อยข้า ท่านคิดจะทำอะไร""แล้วคิดว่าจะทำอันใดเล่า สามีภรรยาไม่เจอกันแรมเดือน เจ้าคิดว่าข้าจะนอนมองเจ้าเฉยๆ หรือ"ลี่ฟางเมื่อฟังคำพูดและมองใบหน้ายียวนของคนเหนือร่างให้นึกเคือง "ปล่อยข้า ข้ามิใช่ภรรยาของท่าน ท่านคงลืมไปแล้วกระมังว่าข้าเป็นองค์หญิงบรรณาการของเล่อชินอ๋อง""เช่นนั้นหรือ... เก่งขึ้นนะ"เสียงท
แล้วเวลาอาหารมื้อเย็นของวันนี้ก็มาถึง อาหารหน้าตาน่าทานต่างถูกลำเลียงมาขึ้นโต๊ะ แต่แขกของจวนยังไม่มีวี่แววว่าจะปรากฏตัวขึ้น จนกระทั่งคนทุกอยู่กันพร้อมหน้า หม่ากงกง จึงได้มารายงานว่า สหายของเจ้าของจวนเดินทางมาถึงแล้ว เล่อชินอ๋อง จึงได้ให้รีบเชิญเข้ามาแต่ภาพของบุรุษที่ปรากฏตัวขึ้น ทำให้สตรี ที่เป็นแขกของจวนอีกผู้หนึ่ง ต้องตกตะลึงจนแทบจะ ระงับอาการสั่นไหวไม่ได้ใบหน้างามนั้นซีดเผือด กับการปรากฏตัวของบิดาของบุตรในครรภ์ของนางแม่ทัพลั่วตงหยวนอ้ายเย่วที่เห็นใบหน้าหล่อเหลาแบบบุรุษหล่อร้ายตรงหน้าได้แต่มองด้วยความโง่งม เพราะบุรุษตรงหน้านั้นเรียกได้ว่าหล่อแบบลุคเถื่อนๆ ช่างกระชากใจนางโดยแท้"หากเจ้ายังมิเลิกมองสหายของพี่ด้วยสายตาเช่นนั้น เห็นทีพี่คงต้องเสียมารยาท พาเจ้าไปทบทวนความจำกันสองต่อสองว่าเจ้านั้นมีสวามีแล้ว และสวามีก็นั่งอยู่ตรงนี้"อ้ายเย่วที่รีบถอนสายตามามองบุรุษที่กำลังมองนางด้วยสายตาคาดโทษ เสียงกระซิบแผ่วเบานั้นเรียกสติของนางจากอาการคลั่งคนหน้าตาดี ให้รีบหันมาส่งยิ้มหวานให้ผู้เป็นสวามี แม้ท่านแม่ทัพผู้นั้นจะหล่อเหลาวัวตายควายล้ม แต่ก็เทียบมิได้เลยกับเล่อชินอ๋องสวามีนาง ที่ความห
องค์หญิงเสียนลี่ฟาง โฉมสะคราญที่กำลังยืนผสานมือบอบบางทั้งสองอยู่ตรงหน้านาง อ้ายเย่วที่สังเกตว่ามือที่ผสานกันอยู่นั้นสั่นน้อยๆ ใบหน้าสวยหวานนั้นดูไม่มั่นใจในตัวเองและมีความกังวลวาบผ่าน "หากทั้งสองพระองค์ไม่สะดวก ก็ไม่เป็นอะไรนะเพคะ หม่อมฉันสามารถอยู่ในวังได้" เสียนลี่ฟางที่กล่าวขึ้นกับเจ้าของจวนทั้งสองที่ยืนอยู่ตรงหน้านาง ตลอดหลายวันที่ผ่านมานางได้ยินผู้คนพูดให้เข้าหูมาตลอดถึงการที่นางจะเข้ามาเป็นชายาอีกคนของเล่อชินอ๋องทั้งที่มันไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย และพระชายาของเล่อชินอ๋องก็คงจะได้ยินข่าวลือพวกนั้นแน่ นางกลัวเหลือเกินว่าจะทำให้ครอบครัวของผู้อื่นร้าวฉานเพราะคำคน และนางนั้นคือสาเหตุอ้ายเย่วที่นึกเอ็นดูสตรีตรงหน้า นางคงจะถูกกดให้ต่ำอยู่เสมอ ขนาดตัวเองมีศักดิ์เป็นถึงองค์หญิงแต่กลับขาดความมั่นใจในตัวเอง"จวนอ๋องแห่งนี้ ยินดีต้อนรับท่าน" เสียงหวานที่เอ่ยขึ้น ทำให้เสียนลี่ฟางที่กำลังก้มหน้าก้มตาอยู่นั้น ถึงกับรีบเงยหน้ามองสตรีเจ้าของจวน จึงพบกับใบหน้างดงามที่กำลังส่งยิ้มมาให้ "ข้ารับรู้เรื่องราวทุกอย่างแล้ว" อ้ายเย่วที่กล่าวไขข้อข้องใจให้องค์หญิงเสียนลี่ฟาง " และข้ายินดีที่ท่านจะมาพ
จิ้นผิงและบ่าวไพร่ที่รอปรนนิบัติอยู่หน้าห้องต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่กใบหน้าแดงก่ำก่อนจะพากันถอยออกมาจากบริเวณหน้าห้องเพราะเสียงแว่วหวานของพระชายาอ้ายเย่วที่ตอนนี้ใบหน้างามแดงก่ำเพราะแรงอารมณ์ที่ถูกคนที่คร่อมทับอยู่เหนือร่างจุดขึ้น เล่อชินอ๋องใช้แขนแกร่งยันเตียงนุ่มโดยไม่ทิ้งน้ำหนักลงบนร่างบาง บดจูบหวานล้ำให้อย่างเอาใจก่อนมือหนาจะดึงรั้งอาภรณ์ออกจากร่างบางจนเปลือยเปล่าและปลดอาภรณ์ของตนออกให้เท่าเทียมกัน ปากหนาที่จูบซับลากไล้มาตามลำคอระหงจนมาครอบครองหน้าอกอิ่มที่ดูอวบตึงขึ้น ขยายใหญ่สู้มือแกร่งที่กำลังนวดคลึงอย่างหลงใหล ร่างงามที่ดูมีน้ำมีนวลหอมกรุ่นดูเย้ายวนปิดเร่า ครวญครางเสียงหวาน ปากร้อนที่ดูดดึงส่งเรียวลิ้นโลมเลียตวัดยอดทรวงสีแดงชูชันเข้ามาในอุ้งปากดุนดันสลับปาดเลียจนขนอ่อนลุกซู่อย่างซ่านสยิว ช่องท้องปั่นป่วนบิดมวน จนบุปผางามหลั่งไหลน้ำหวานซึมออกมา ใบหน้าหล่อเหลาที่ลากไล้ปลายลิ้นมายังหน้าท้องที่ยังแบนราบก่อนจะจูบซับแผ่วเบาทะนุถนอม อ้ายเย่วรู้สึกดังมีผีเสื้อนับพันกระพือปีก ก่อนมือหนาจะจับขาเรียวให้ตั้งชันปรากฏเนินเนื้อโหนกนูนอวบอิ่มขาวผ่องโน้มใบหน้าไปจุมพิตเนื้อโหนกสวยแผ่วเบาก่อนจะลา
ร่างเล็กในอ้อมแขนที่ขยับยุกยิกทำให้เล่อชินอ๋องรู้สึกตัวตื่น"ยังเช้าอยู่เลย นอนต่อเถอะเมื่อคืนก็ดึกมากแล้วกว่าจะได้นอน" กล่าวขึ้นพร้อมกับกระชับอ้อมแขนกอดร่างบางไว้แนบอก"น้องนอนไม่หลับแล้วเจ้าค่ะ อีกอย่างพระองค์ก็บอกว่าวันนี้องค์หญิงผู้นั้นจะมาอยู่ที่นี่มิใช่หรือ" เกิดความเงียบขึ้นชั่วอึดใจก่อนที่ริมฝีปากร้อนของเจ้าของอ้อมกอดอุ่นจะจุมพิตลงบนขมับ" หากน้องหญิงไม่สะดวกก็ให้นางอยู่ในวังไปก่อนก็แล้วกัน พี่ไม่อยากให้เจ้าคิดมาก"" ไม่เลยเจ้าค่ะ ข้ามิได้คิดมากอันใดเลย"เสียงหวานที่รีบเอ่ยบอกทำให้ร่างสูงกระตุกยิ้ม"ไม่คิดมากจริงๆ น่ะหรือ แล้วเมื่อคืนใครกันที่ร้องไห้จนร่ำๆ จะหย่ากับพี่อย่างเดียว" "ก็ ข้านึกว่าท่านพี่จะพานางมาแทนที่ข้านี่เจ้าคะ"เสียงหวานที่เอ่ยอย่างรู้สึกผิด แลดูน่าสงสาร"น้องหญิง จำไว้ ไม่ว่าสิ่งใดจะเกิดขึ้นสิ่งเดียวที่จะคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลงไปคือเจ้าจะเป็นสตรีที่พี่รักเพียงคนเดียวและวังจันทราแห่งนี้จะมีแค่เจ้าเท่านั้นที่เป็นนายหญิงของวัง"น้ำเสียงที่เอ่ยขึ้นอย่างนุ่มนวล ทว่าหนักแน่น ทำให้อ้ายเย่วน้ำตาคลอ" ขอบคุณเจ้าค่ะท่านพี่"ร่างบางที่ซุกซบใบหน้ากับอกอุ่นอย่างรักใคร่หวง