เมื่อ เหยาเหยา ซุปเปอร์สตาร์ดาวร้ายแถวหน้าของวงการบันเทิงประสบอุบัติเหตุจมน้ำเสียชีวิต ในวัยแค่25 ปี ดันมาโผล่ในร่าง คุณหนู เมิ่งอ้ายเย่ว ที่พลัดตกน้ำเช่นกันแต่ไม่รู้ว่าเหตุใดนางถึงมาอยู่ในร่างนี้ได้ คุณหนูผู้แสนร้ายกาจที่ชะตาอาภัพ บิดา มารดา ที่เป็นหมอที่มีฝีมือในการรักษาเก่งกาจน่าเสียดายที่มาเสียชีวิตเพราะโดนโจรปล้น แต่เดชะบุญเมื่อครั้งบิดามารดา ยังมีชีวิตได้มีบุญคุณต่ออดีต แม่ทัพพิทักษ์ดินแดนที่โดนลอบทำร้ายจนตกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่สองสามีภรรยามาเจอเข้าและได้นำตัวไปรักษาจนหายเป็นปกติจนเกิดเป็นบุญคุณใหญ่หลวงเพราะหากไม่ได้ทั้งสองคงไม่อาจรอดพ้นจากความตาย ตอนนี้ปลดระวางสืบทอดตำแหน่งให้แก่บุตรชายคนโต หานลู่เหวิน ที่เมิ่งอ้ายเย่วตกหลุมรักทันทีที่สบตา จึงเป็นเหตุให้ทั้งคู่เป็นคู่หมายกัน ด้วยเหตุผลบุญคุณต้องทดแทน ถึงแม้ แม่ทัพรูปงามหานลู่เหวินจะไม่ชมชอบในตัวนาง
ด้วยเหตุนี้เมื่อบิดามารดาจบชีวิตนางจึงเหลือตัวคนเดียวเพราะไร้ญาติขาดมิตร จวนตระกูลหานจึงรับนางเข้าตระกูลในฐานะว่าที่ฮูหยินน้อยจวนแม่ทัพ แต่นางก็สร้างเรื่องสร้างราวไว้มากมายเหลือเกิน จนบ่าวไพร่ในจวนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ ด้วยนางเป็นคนอารมณ์ร้าย ขี้โมโห ตามหึงหวงท่านแม่ทัพลู่เหวินจนเป็นที่รังเกียจของท่านแม่ทัพจนหาทางหลบเลี่ยงที่จะไม่แต่งนาง ทั้งที่นางนั้นเลยวัยปักปิ่นมาสองปีแล้ว จนนางตามอาละวาดสตรีทุกคนที่เข้าใกล้ และเหตุที่นางตกน้ำนั้นก็เพราะ คุณหนูไป๋อี้ชิง คุณหนูคนงามเรียบร้อยอ่อนหวาน สมเป็นบุตรีของ เจ้ากรมพิธีการ ไป๋อี้ถัง ที่นำขนมมาขอบคุณท่านแม่ทัพที่จวนเนื่องจากได้ช่วยนางจากการโดนขโมยถุงเงินในตลาดเมื่อหลายวันก่อน เมิ่งอ้ายเย่ว ที่รู้เข้าเลยตั้งใจที่จะผลักคุณหนูไป๋ ให้ตกน้ำ ไม่รู้ว่าผลักท่าไหนตัวเองจึงตกลงไปแทน
เมิ่งอ้ายเย่ว มาอาศัยอยู่ในจวนตระกูลหานเป็นเวลาสองเดือนกว่าแล้วนางมีสาวใช้ที่จงรักภักดีต่อนางอยู่เพียงคนเดียวที่อยู่ข้างกายนางมาตลอดตั้งแต่เด็ก นาม จิ้นผิง ที่รักคุณหนูของนางนัก แม้คุณหนูของนางจะร้ายกาจและอารมณ์ร้ายจนนางมักจะโดนลงโทษอยู่เสมอ นางก็ไม่เคยโกรธ เพราะชีวิตนี้นางได้ยกให้คุณหนูเป็นเจ้าของ ตั้งแต่ที่คุณหนูนำนางออกมาจากขุมนรกนั่น ที่โดนเฆี่ยนตีเหมือนไม่ใช่คนหากไม่ยอมทำตามที่พวกมันปรารถนา นางที่ตอนนั้นอายุแค่สิบสามหนาวกำลังจะถูกส่งเข้าไปในหอสุขสม แต่นางไม่ยอมจึงถูกเฆี่ยนตีเกือบตาย แต่ได้คุณหนูที่ตอนนั้นอายุแค่ห้าหนาวและนายท่านทั้งสองช่วยเหลือจึงได้รอดชีวิต เดิมทีคุณหนูของ จิ้นผิงไม่ใช่สตรีร้ายกาจ ทั้งอ่อนโยนแและมีเมตตาเป็นอย่างมาก แต่เพราะ ตอนอายุได้สิบสามหนาวคุณหนูโดนพิษจากแมลงประหลาดต่อยจนเกิดเป็นผื่นตามใบหน้าจนกลายเป็นตุ่ม จนโดนล้อว่าอัปลักษณ์ นายท่านกับฮูหยินถึงแม้จะพยายามอย่างหนักที่จะหาทางรักษาก็ไม่หาย จนทำให้คุณหนูเป็นคนอารมณ์ร้ายขึ้นเมื่อเห็นใบหน้าตนเองก็จะยิ่งโมโห และร่างกายก็ไม่ได้เพรียวบางเหมือนคุณหนูคนอื่น ดีอยู่อย่างที่ถึงแม้ใบหน้าจะเป็นตุ่ม แต่ผิวกายคุณหนูงามนัก นุ่มละมุนมือ ขาวเรียบเนียนดังน้ำนม
เฮ้อ!! เหยาเหยา ที่นั่งคิดถึงเรื่องราวความเป็นมาของร่างนี้รู้สึกอยากจะตายอีกรอบนัก นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน ตื่นมาแทนที่จะได้ไปนรกหรือสวรรค์ ดันมาอยู่ในร่างของสตรีนางนี้พร้อมเรื่องราวต่างๆที่ไหลเข้ามาในหัว นางมาอาศัยอยู่ในร่างนี้วันนี้เข้าวันที่สิบพอดีเป๊ะ เริ่มที่จะทำใจได้บ้างแล้ว แต่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มใช้ชีวิตอย่างไรต่อดี จึงเอาแต่นั่งๆนอนๆตั้งหลักก่อน ในตอนที่นอนเป็นผักอยู่สองสามวันก็มีนายท่านอดีตแม่ทัพและฮูหยินมาเยี่ยมเยียนตลอด แต่บุตรชายว่าที่สามีในอนาคตนางจนถึงวันนี้ยังไม่เห็นโผล่หัวมาเลย ก็ว่าอยู่หรอกนะที่หมอนั่นจะไม่อยากแต่งด้วย ก็ร่างนี้ออกจะ เฮ่อ!! ทำไมถึงไม่รู้จักดูแลตัวเองบ้างปล่อยให้เป็นป้าแบบนี้ได้ยังไง ตอนลุกขึ้นส่องกระจกอยากจะกรีดร้องนัก ไม่ได้การถ้าหากตื่นมาเห็นสภาพนี้ทุกวัน อดีตนางร้ายที่สวยและหุ่นดีที่สุดอย่างนางได้อกแตกตายแน่ คงต้องเริ่มจากดูแลร่างกายนี้ให้อยู่ในสภาพที่เริ่ดกว่านี้ก่อน แล้วค่อยว่ากันต่อไป
"คุณหนูเจ้าคะ มาทานข้าวเถอะเจ้าค่ะ"
เสียงจิ้นผิงดังขึ้นทำให้นางแบกร่างอุ้ยอ้ายลุกจากตั่งริมหน้าต่าง มาที่โต๊ะที่ใช้กินข้าว ตั้งแต่ลุกขึ้นมานางไม่ได้ย่างเท้าออกไปจากบริเวณห้องนี้เลย
เห็นข้าวโถใหญ่กับผัดผักหนึ่งจาน หมูตุ๋นและผัดเปรี้ยวหวาน ว่าแล้วทำไมถึงได้อ้วนฉุขนาดนี้ นี่คืออาหารมื้อแรกที่หายป่วยหลังจากที่กินเพียงข้าวต้มกับซุปผักมาหลายวัน
"จิ้นผิง มื้ออาหารหลังจากนี้ ขอข้าวแค่โถเล็กๆ นะ กับซุปผักและไข่ต้มแค่หนึ่งใบ ก็พอแล้ว"
"คุณหนูจะอิ่มท้องหรือเจ้าคะ"
"ไม่อิ่มก็ต้องอิ่ม จากตกน้ำแล้วไม่ตาย ข้าอาจจะตายเพราะโรคไขมันอุดตันก็ได้"
"โรคอะไรกันเจ้าคะ บ่าวไม่เคยได้ยิน"
"ก็โรคอ้วนอย่างไรเล่า"
" โรคอ้วน บ่าวไม่เคยได้ยินว่าเคยมีคนตายเพราะอ้วนมาก่อนเลยเจ้าค่ะคุณหนู"
" เอ่อ ช่างเถอะ มานั่งมา ทานข้าวเป็นเพื่อนหน่อยสิ"
" ไม่ดีกระมังเจ้าคะ เป็นบ่าวจะนั่งร่วมโต๊ะกับนายได้เยี่ยงไร"
กล่าวพร้อมส่ายหัวไม่ยินยอม
" ข้าบอกให้นั่งก็นั่งเถอะน่า เร็วๆหิวแล้ว"
อ้ายเย่วจงใจใช้น้ำเสียงหงุดหงิดนั่นแหละถึงได้ยอมนั่ง
" เจ้าค่ะ"
อ้ายเย่วจึงได้ส่งยิ้มพอใจมาให้
" ดีมาก ต่อไปมานั่งกินข้าวเป็นเพื่อนข้า ข้าไม่อยากนั่งกินคนเดียว มันเหงา"
อ้ายเย่วที่สังเกตว่านางนั้นร่างกายสมบูรณ์จนเกินไปมาก แต่เหตุใดจิ้นผิงถึงเหมือนจะขาดสารอาหารไปได้เล่า ช่างแปลกนัก
"ข้าเปลี่ยนใจแล้ว ต่อไปให้นำอาหารมาเหมือนเดิมแต่เพิ่มไข่ต้ม และซุปผักมาด้วยทุกมื้อ"
" เจ้าค่ะ"
" เอ้า ตักข้าวสิ ของข้าไม่ต้องตักเยอะ"
ว่าแล้วจิ้นผิงก็ลงมือตักข้าว
"บอกว่าอย่าเยอะ เอาออกอีกนิด แค่นั้นพอ"
เมื่อได้ในปริมาณที่ต้องการเลยลงมือทานนางนั้นเน้นกินเฉพาะผัก หันไปมองจิ้นผิงที่เอาแต่คีบข้าวเปล่าเข้าปาก จึงหันไปคีบหมูตุ๋นวางลงบนถ้วยของจิ้นผิง
" กินเยอะๆ กินแต่ข้าวเปล่าจะอิ่มได้เยี่ยงไร"
"คุณหนู"
มองหน้าจิ้นผิงที่ตอนนี้ตาแดงก่ำกลั้นสะอื้น
"ร้องไห้ทำไมกัน ต่อแต่นี้ไปไม่ต้องร้องไห้อีกแล้ว ข้าจะดูแลเจ้าให้ดี ที่ผ่านมาลืมมันไปได้หรือไม่"
จิ้นผิงที่สะอื้นออกมานางดีใจนักที่คุณหนูของนางกลับมาเป็นคนที่ใจดีมีเมตตาเหมือนเดิม
" เอ้า เลิกร้องไห้ได้แล้ว เดี๋ยวกับข้าวเย็นชืดจะไม่อร่อย"
"เจ้าค่ะ"
จิ้นผิงที่รีบเช็ดน้ำตาเหมือนเด็กๆ เรียกเสียงหัวเราะกังวานใสจากผู้เป็นนาย มื้ออาหารมื้อนี้จึงเต็มไปด้วยรอยยิ้มมีความสุขของสองนายบ่าว
เสียงหัวเราะสดใสและเสียงพูดคุยที่ดูมีความสุขนั้น ทำให้แม่ทัพหานลู่เหวินที่ตั้งใจแวะมาดูนางตามคำสั่งของมารดาหยุดชะงักแล้วหันหลังเดินจากไปไม่คิดเข้าไปขัดขวางความสำราญของทั้งสอง
อ้ายเย่วนั่งพิจารณาใบหน้าของตัวเองอย่างละเอียด ตุ่มนี่ดูคล้ายกับสิวอักเสบของภพก่อน แล้วนางจะรักษาอย่างไรกัน"จิ้นผิง ตุ่มนี่เคยผ่านการรักษาอย่างไรมาบ้างหรือ"อ้ายเย่วลองเอานิ้วรูปบริเวณตุ่มเก่าที่ดีหน่อยที่ไม่ทิ้งแผลเป็นแค่ตกสะเก็ด และมีตุ่มใหม่ขึ้นมาอีก"กินยาหลายขนานอยู่นะเจ้าคะ ตั้งแต่นายท่านทั้งสองยังอยู่ก็รักษามาตลอด ทั้งกินทั้งพอกก็ไม่หาย"จิ้นผิงมองใบหน้าคุณหนูอย่างสงสารนัก หากไม่เป็นโรคประหลาดนี้คุณหนูของนางคงงามนักเพราะใบหน้าคุณหนูนั้นงดงามมาตั้งเเต่เด็ก"อย่าคิดมากเลยจิ้นผิงเดี๋ยวก็หายแล้ว"เห็นจิ้นผิงเงียบไปเลยรู้ว่าคงกำลังคิดมากเรื่องนางอยู่" คุณหนูมีทางรักษาแล้วหรือเจ้าคะ""อึ ไม่อะ แต่จะลองไปเรื่อยๆ ก่อน"อ้ายเย่วพยายามนึกว่าสมุนไพรในยุคก่อนที่นำมาพอกและรักษาใบหน้ามีอะไรบ้างเห้อ หากเป็นยุคก่อนหน้านี้ นางคงบินไปเกาหลีคงจะง่ายกว่ามากนักเป็นสิวอักเสบ ลองใช้ขมิ้นชันเป็นอันดับแรกก็แล้วกัน"จิ้นผิง มีเจียงหวงตากแห้งบดละเอียดหรือไม่"" ต้องไปซื้อที่ร้านยาสมุนไพรเจ้าค่ะ""งั้นเจ้าช่วยไปซื้อมาสักครึ่งจินนะ""เจ้าค่ะ คุณหนู"ความจริงอ้ายเย่วนางก็อยากออกไปด้วยนักจะได้ออกไปเปิดหู
เมิ่งอ้ายเย่ว ที่ตอนนี้เหงื่อไหลจนเปียกชุ่มเพราะนางต้องลุกออกมาวิ่งและบริหารร่างกายทุกๆ ยามเหม่า ตอนนี้ก็กินเวลากว่าหนึ่งเดือนแล้ว จนร่างกายดูสมส่วน ส่วนที่ควรมีก็มีส่วนที่ควรเล็กคอดก็คอด ส่วนเว้าส่วนโค้งดูสวยงาม หน้าอกหน้าใจกลมกลึงสร้างความพึงพอใจให้นางนัก"จิ้นผิงเอาผลซีหงซื่อมาบดแล้วหรือไม่""บดแล้วเจ้าค่ะ"ทุกๆ วันนางจะนำผักผลไม้มาพอกใบหน้าจนตอนนี้หน้านางดูชุ่มชื่นเกลี้ยงเกลาขึ้นมากใช้เวลาเพียงไม่นานคงจะสวยขึ้น คงได้เวลาที่นางร้ายอย่างนางจะลงจออีกครั้งหากให้นางร้ายแบบไม่สวยเพอร์เฟคนางทำไม่ได้ แต่ถ้าร้ายแบบดูดีทุกระเบียบนิ้วนางขอสู้ตายอยากจะเห็นหน้าว่าที่สามีของร่างนี้นักว่าหล่อสู้พระเอกโอ้ปป้าของนางได้หรือไม่ หากไม่เข้าตานางก็ไม่โอหรอกนะ ขอคัดเลือกบุรุษที่จะเป็นสามีเอง ยังไงๆ นางก็เป็นเจ้าของร่างนี้แล้ว ขอเลือกที่เข้าตาตัวเองก็แล้วกัน สวยแล้วเลือกได้อะนะต้องเข้าใจอ้ายเย่วที่ตอนนี้อาบน้ำขัดสีฉวีวรรณจนงามเริ่ด กำลังนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด ไร้รสนิยมอย่างรุนแรง ทำไมเสื้อผ้ามีแต่สีฉูดฉาดขนาดนี้ ใส่เข้าไปได้ยังไง อย่างกับนกแก้วนกขุนทอง เลยตัดสินใจเลือกสีชมพูเรียบๆ มาสวม แต่ก็ดูหลวมมากใส
สตรีงดงามที่เดินกรีดกรายเข้าร้านนู้นออกร้านนี้อย่างมีความสุขนัก เกิดเป็นคนสวยและรวยมากมันก็ดีอย่างนี้แหละนะ โชคดีที่ร่างนี้นั้นมีเงิน ทองที่บิดามารดาทิ้งไว้ให้มากมายไม่อย่างนั้นนางไม่อยากจะคิดเลยว่าจะใช้ชีวิตอยู่ในบ้านเมืองนี้ได้อย่างไร นางไม่ได้ข้ามภพมาแล้วมีความเทพทรูเหมือนในละครหรือนิยายเสียด้วยสิ ชีวิตก่อนใช้หน้าตาและความสามารถด้านการแสดงเลี้ยงชีพเท่านั้น เดินชื่นชมสิ่งของสวยๆ งามๆ ที่ดูแปลกตาอยู่นานชักจะหิว จึงได้ชวนจิ้นผิงที่ดูเริงร่านักไปหาอะไรรองท้อง เดินเลือกหาอยู่นานจนมาเจอเหลาอาหารที่ดูท่าจะอร่อยเพราะดูจะครึกครื้นนักเมื่อร่างงามเย้ายวนเดินกรีดกรายเข้าไปดั่งนางพญาที่เดินเชิดหน้าไหล่ตั้งหลังตรงจนติดเป็นนิสัยมาตั้งแต่ภพก่อนเดินเยื้องย่างเข้ามาภายในเหลาอาหารก็เรียกความสนใจจากบรรดาหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ให้หันมามองนางเป็นตาเดียว แต่นางก็หาใส่ใจไม่เพราะเคยชินกับการถูกมองอย่างชื่นชมมาทั้งชีวิต แค่ไม่มองแล้วแบ้ปากใส่เป็นใช้ได้ ไม่เว้นแม้กระทั่งกลุ่มบุรุษสามสี่คนที่นั่งอยู่บนชั้นสองที่สังเกตตั้งแต่ใบหน้างามนวลผ่องโผล่พ้นประตูเข้ามา "ข้าว่าโฉมงามผู้นี้ดูคุ้นตาอย่างไรอยู่นะ""ข้าก็ว่าอย่
เมิ่งอ้ายเย่วที่นั่งดูบรรยากาศภายในเหลาอาหารแห่งนี้ แล้วนั่งพิจารณาอย่างสนใจนัก การตกแต่งที่แสนเรียบง่ายดูธรรมดาๆ ไม่ค่อยดึงดูดสายตานัก แต่ร้านอาหารของยุคนี้ส่วนใหญ่ก็จะให้บรรยากาศแบบนี้ อาหารก็เป็นอาหารรสชาติจืดๆ ไม่จัดจ้าน คิดแล้วก็อยากกินพวกส้มตำปูปลาร้านัก หากนางคิดจะเปิดขายอาหารอีสานในยุคจีนโบราณแบบนี้จะเป็นอย่างไรนะ คิดเล่นๆ แล้วก็ขำกับตัวเองนัก เมื่อทานอาหารไปเล็กน้อยนางก็ลองดื่มสุราของที่นี่รู้สึกได้ว่ารสแรงมากแต่ก็หอมดีแล้วจึงยกขึ้นดื่มอีกจอกทำให้ใบหน้านวลนั้นขึ้นสีแดงเปล่งปลั่ง น่ามองนัก "จิ้นผิง ข้าว่าจะออกมาจากจวนแม่ทัพแล้วหาซื้อจวนเล็กๆ ซักหลังเจ้าว่าดีหรือไม่"เอ่ยถามสาวใช้คนสนิทนางคิดเรื่องนี้อยู่หลายวันแล้ว จากที่เห็นทรัพย์สมบัติที่บิดามารเจ้าของร่างทิ้งไว้ให้ก็มีไม่น้อยนางคงอยู่ได้สบายไปหลายปีหากไม่ฟุ่มเฟือยจนเกินไปถึงนางจะทำอะไรไม่ค่อยจะเป็นแต่ก็ต้องหาอะไรทำไม่อย่างนั้นต่อไปคงลำบากแน่ อย่างแรกต้องออกจากจวนแม่ทัพนั่นก่อนไม่ได้เป็นอันใดกันจะอยู่แบบนี้ตลอดไปได้อย่างไรกัน และอีกอย่างหากคิดจะทำอะไรคงไม่สะดวกนัก เพราะคงจะมีคนมาจับตามองแน่"คุณหนูไม่แต่งให้ท่านแม่ทัพแล้วห
"จะยืนจ้องอยู่อีกนานหรือไม่?กลับจวนได้แล้วจะรอให้มีเรื่องอีกหรือไง ข้าไม่ได้ว่างมาช่วยเจ้าทุกครั้งที่ก่อเรื่องหรอกนะ"อ้าว !จีนี่ใครใช้ให้ช่วยกัน รู้หรอกว่าไม่ปลื้มแต่ไม่ต้องแสดงออกขนาดนี้ก็ได้ คิดอย่างไม่พอใจ"ข้ามาเองได้ก็กลับเองได้ ขอบคุณท่านมากที่สอดมือมาช่วย"ได้ยินสตรีตรงหน้ากล่าวออกมาหานลู่เหวินถึงกับกัดฟันกรอดหน้าแดงก่ำ นี่นางหาว่าเขาแส่เองใช่หรือไม่"เมิ่งอ้ายเย่ว!!"ร่างสูงที่ทำท่าจะก้าวมาฉุดกระชากนาง ทำให้นางต้องถอยหลังอย่างรวดเร็วจนบุรุษตรงหน้าชะงัก นี่นางไม่อยากให้เขาแตะต้องตัวถึงขนาดนี้เลยเหรอ"เจ้าคะ ทำไมต้องเสียงดังปานนั้น ข้าไม่ได้หูตึง และท่านก็คงจะไม่หูตึงเช่นกัน ข้า กลับ เอง ได้" กล่าวแล้วสะบัดหน้าเดินออกมาจนจิ้นผิงเดินตามเกือบไม่ทัน"คุณหนูทำอย่างนี้จะดีหรือเจ้าคะ อย่างไรท่านแม่ทัพก็เป็นคู่หมายและยังช่วยเหลือไว้อีกด้วย"จิ้นผิงเมื่อเดินทันคนตัวเล็กที่เดินตัวปลิวเอ่ยท้วงขึ้น"เหอะ แค่คู่หมายไม่ใช่สามีเสียหน่อยข้าไม่สนใจหรอกและอีกอย่างข้าก็ไม่ได้ขอให้ช่วยเสียหน่อย""คุณหนู""พอเถอะจิ้นผิง ข้าว่าเรามาหาที่ซุกหัวนอนดีกว่า กลับไปครั้งนี้อีตานั่นคงโยนข้าวของเราออกจากจว
เมิ่งอ้ายเย่วเมื่อกลับถึงจวนแม่ทัพก็ตรงเข้าเรือนของนางทันทีวันนี้นางรู้สึกเหนื่อยล้านัก รีบอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวพอหัวถึงหมอนก็หลับลึกทันที เมิ่งอ้ายเย่วมองเห็นสตรีร่างอวบอ้วนที่ใบหน้าเหมือนนางที่ฟื้นขึ้นมาครั้งแรกนักกำลังเดินมุ่งหน้าไปที่ไหนสักแห่งอย่างรีบร้อนนัก"ชิงเอ๋อ เจ้าอย่าได้น้อยใจไปเลยอย่างไรใจของพี่ก็เป็นของเจ้า" เสียงของบุรุษที่รู้สึกคุ้นหูนักเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยนนัก ทำให้เมิ่งอ้ายเย่วที่กำลังเดินมาทางที่มีบุรุษและสตรีรูปโฉมงดงามอ่อนหวานยืนพลอดรักกันอยู่ต้องหลบหลังพุ่มไม้ใหญ่"พี่สัญญาว่าจะแต่งเจ้าเป็นฮูหยินเอกอย่างแน่นอนพี่ขอเวลาอีกสักนิด เมิ่งอ้ายเย่วนางหลงใหลในตัวพี่นักอย่างไรนางต้องยอมแต่งเป็นฮูหยินรองอย่างแน่นอน ขอแค่นางยอม ท่านพ่อท่านแม่ของพี่มีหรือจะคัดค้านได้" เสียงของบุรุษที่ดังขึ้นทำให้นางรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างไหลลงมาจากดวงตา เมื่อเอามือแตะดูก็รู้ว่ามันคือน้ำตา นี่นางร้องไห้หรือ ไม่ใช่ นี่ไม่ใช่นาง แต่เป็นเมิ่งอ้ายเย่วคนเก่าต่างหาก ยืนมองสองหนุ่มสาวกกกอดกันอยู่นานโดยฝ่ายสตรีนั้นไม่กล่าวอันใดได้แต่ร้องไห้สะอึกสะอื้นแล้วส่งสายตาอย่างสมเพชมายังนาง ใช่!สตรีนางนั้น
"มีคนมาซื้อจวนที่ติดกับวังอย่างนั้นหรือ เป็นใครกัน"เสียงทุ้มที่เอ่ยอย่างราบเรียบไม่บ่งบอกว่าอยู่ในอารมณ์ใดหม่ากงกงพ่อบ้านใหญ่ของวังจันทรากำลังจะอ้าปากแจ้งต้องหุบฉับเพราะเสียงราบเรียบที่เอ่ยขึ้นจากเงาร่างสูงใหญ่ดูสูงส่งแผ่กลิ่นอายของผู้สูงศักดิ์ที่นั่งหันหลังป้อนหนอนตัวน้อยให้เจ้านกแก้วแสนรู้ด้วยท่วงท่าสบายๆ"จะเป็นใครก็ช่างเถอะแค่ไม่มายุ่งวุ่นวายก็พอ"กล่าวพร้อมโบกมือไล่หม่ากงกงเป็นการจบบทสนทนา"ชีวิตในแต่ละวันช่างน่าเบื่อหน่ายนักเจ้าว่าหรือไม่อาฟง"น่าเบื่อ น่าเบื่อเสียงเล็กแหลมของเจ้านกแก้ว นาม อาฟง เอ่ยอย่างแสนรู้นัก จนเจ้าของต้องป้อนเจ้าหนอนเคราะห์ร้ายให้เป็นรางวัลอ้ายเย่วที่จัดการเรื่องขนย้ายข้าวของเรียบร้อยแล้ว จึงมาขอพบท่านลุงท่านป้าเพื่อจะบอกกล่าวและร่ำลาผู้มีพระคุณทั้งสองที่ให้ความช่วยเหลือนางมาตลอดและให้การดูแลนางเป็นอย่างดีอย่างทราบซึ้งในบุญคุณนัก"เย่วเอ๋อเจ้าคิดดีแล้วหรือป้าว่าเจ้าทบทวนดูอีกครั้งดีหรือไม่สตรีที่ไม่มีบุรุษคอยปกป้องคุ้มครองจะไปอยู่กันตามลำพังได้อย่างไร"ฮูหยินของอดีตแม่ทัพพิทักษ์ดินแดนเอ่ยขึ้นอย่างห่วงใยนัก"ลุงเห็นด้วยกับป้าเจ้านะ จะอย่างไรลุงก็รับปากบ
เมิ่งอ้ายเย่วที่ตอนนี้กำลังเดินสำรวจจวนหลังเล็กนี้ ถือว่าจวนหลังนี้น่าอยู่มากเลยทีเดียว เป็นจวนกลางเก่ากลางใหม่ หากปรับปรุงเสียใหม่คาดว่าคงหน้าอยู่นักจวนหลักนั้นแบ่งออกเป็นห้าห้องเลยทีเดียว และห้องโถงก็ดูกว้างปลอดโปร่งนักนางคิดไว้ว่าจะทำเป็นห้องรับแขกแบบผสมผสานกับยุคที่นางจากมา นางใฝ่ฝันมานานว่าอยากมีบ้านที่มีบรรยากาศสงบเงียบ อากาศดีๆ สักหลัง เพราะยุคก่อนนางนั้นอยู่คอนโดสุดหรูที่แพงหูฉี่แต่ไม่มีพื้นที่ให้ปลูกผักปลูกหญ้ามากนัก นางเลือกห้องที่อยู่ทางปีกซ้ายที่ดูเหมือนจะใหญ่กว่าทุกห้องเป็นห้องนอนของนางที่พอเปิดหน้าต่างมองออกไปก็เห็นภูเขาที่อยู่ไกลออกไปสุดลูกหูลูกตา ซึ่งวิวดีนักนางคิดไว้ว่าจะทำแปลงดอกไม้ตรงที่ว่างด้านนี้เพราะพอเปิดหน้าต่างดูจะได้รู้สึกสดชื่น และห้องที่อยู่ติดกันจะทำเป็นห้องหนังสือและไว้สำหรับทำงานถึงตอนนี้จะไม่รู้ว่าจะทำงานอะไรก็เถอะ จิ้นผิงที่เลือกห้องที่อยู่ทางปีกขวาเป็นห้องนอนของนาง ซึ่งนางดูดีใจนักและอีกห้องยกให้สาวใช้ที่นางจะหาเพิ่มอีกคนเพื่อช่วยงานจิ้นผิงทำงาน จวนหลังนี้มีห้องครัวที่แยกออกไปด้านหลังที่ใหญ่ใช้ได้ รอบๆ จวนยังมีพื้นที่ว่างมากนัก นางคิดจะปลูกผักทำสวน แค
เสียงสรวลที่ดังลั่นอย่างพอพระทัยจนลอดออกมาจากห้องทรงอักษรของฮ่องเต้จ้าวจงเยี่ยน ผู้เป็นใหญ่ที่สุดของแคว้นจ้าว สร้างความประหลาดใจให้ข้าราชบริพารเป็นอย่างมาก ไม่ใช่ว่าฝ่าบาทกำลังเคร่งเครียดกับข่าวการปล้นสะดมของกองโจรฝั่งชายแดนใต้ถึงขนาดส่งเล่อชินอ๋องไปจัดการหลอกหรือ ฮ่องเต้จ้าวจงเยี่ยนที่ฟังคำรายงานจากองครักษ์ต้าหลงที่กำลังรายงานเรื่องราวเกี่ยวกับพระอนุชาของพระองค์ที่อายุห่างจากพระองค์ถึงสิบห้าชันษาอย่างรู้สึกยินดีนัก พระองค์คิดว่าอนุชาองค์นี้ของพระองค์จะไม่คิดจะออกเรือนแล้วเสียอีก พระองค์เพียรส่งสาวงามเข้าตำหนักอ๋องอยู่หลายครั้งกลับโดนปฏิเสธมาตลอด แต่ตอนนี้บทจะมีน้องสะใภ้ก็ทำเอาพระองค์ไม่ทันตั้งตัว ส่วนเจ้าตัวดีที่ตอนนี้ออกอาการกระฟัดกระเฟียดเพราะพอมีเมียก็มีเรื่องให้ต้องสะสางเสียนี่ จากการรายงานสถานการณ์ทางตอนใต้ของแคว้นที่มีการปล้นสะดมของกลุ่มโจรออกปล้นชาวเมืองจนได้รับความเดือดร้อนนั้น แท้จริงแล้วเมื่อส่งเล่อชินอ๋องไปตรวจสอบกลับพบว่าเป็นเพราะที่นั่นเกิดภัยแล้งและชาวบ้านถูกเจ้าเมืองเอารัดเอาเปรียบจึงรวมตัวกันก่อตั้งกลุ่มโจรออกปล้นพวกเศรษฐีหน้าเลือดเท่านั้น ซึ่งเล่อชินอ๋องได้จัดการกับ
อ้ายเย่วที่รู้สึกตัวตื่นขึ้นในตอนฟ้าสางพร้อมอาการเจ็บร้าวตามร่างกายโดยเฉพาะตรงส่วนนั้นที่รู้สึกถึงความเจ็บหน่วงและความเฉอะแฉะ เรื่องราวที่เกิดขึ้นไหลเวียนเข้ามากระแทกใจนางอย่างแรงจนกายงามเปลือยเปล่าสั่นสะท้านน้ำตาไหลพราก หมดสิ้นแล้วความสาวที่หวงแหนเพื่อมอบให้ชายคนรักต่อไปนี้นางจะสู้หน้าเขาได้อย่างไร รีบพยุงกายบอบช้ำหันมองรอบกายที่ว่างเปล่าเห็นเพียงร่องรอยเปรอะเปื้อนของคราบเลือดและรอยราคีบนเตียงนอนยับย่นที่บ่งบอกให้รู้ว่าเมื่อคืนนี้เตียงนี้ผ่านศึกมารุนแรงเพียงไร ก้มลงหยิบเสื้อผ้ามาสวมใส่อย่างรีบเร่งสายตาพลันหันไปเห็นหน้ากากสีดำที่ตั้งอยู่บนชุดสีดำเนื้อผ้าบ่งบอกถึงยศศักดิ์ผู้เป็นเจ้าของภาพบุรุษสวมหน้ากากก็ลอยเข้ามาในห้วงความคิด"เล่อชินอ๋อง" นางอยากกัดลิ้นตัวเองตายนักพระองค์ยังอยู่ที่นี่ใช่หรือไม่ ดวงตาแดงช้ำที่แฝงไปด้วยความหวาดหวั่นคิดเพียงพาตัวเองออกไปจากที่นี่ จะให้พระองค์เห็นนางไม่ได้หากโจหยางเล่อรู้ว่านางพลาดท่าให้เล่อชินอ๋องผู้เป็นญาติของตนเองจะรู้สึกเช่นไรเขาจะเสียใจแค่ไหนนางไม่อยากจะคิด ร่างบางจึงรีบหลบออกจากห้องที่นางก้าวเข้ามาดุจเจ้าหญิงแต่พอกลับออกไปสภาพดูแทบไม่ได้เล่อชินอ๋
ร่างบางที่มองไปยังร่างสูงของบุรุษสารเลวที่ก้าวเข้ามาหานางอย่างเชื่องช้าในตาแดงก่ำด้วยแรงอารมณ์นั้นอย่างหมดสิ้นความหวัง พี่หยางเล่อท่านอยู่ไหนช่วยข้าด้วย"กรี๊ดดด" เสียงกรีดร้องที่ดังขึ้นเมื่อสัมผัสได้ถึงมือหยาบกระด้างที่แตะโดนตัว พร้อมกับเห็นร่างสูงของบุรุษที่คิดย่ำยีนางล้มลงไปอีกด้านอย่างแรงด้วยฝีมือของใครบางคน พร้อมกับร่างกายนางที่ไม่อาจจะควบคุมความรู้สึกฝ่ายต่ำได้อีกต่อไป รับรู้ได้แค่อ้อมแขนที่โดนร่างกายนางจนรู้สึกร้อนเร่ากับกลิ่นกายที่ดูคุ้นเคยของบุรุษที่สวมหน้ากากตรงหน้าที่นางอยากให้เขาสัมผัสนางให้มากกว่านี้กดข่มความรู้สึกน่ารังเกียจของตัวเองที่เกิดขึ้นร้องไห้ออกมา"ไม่ปล่อยข้า พี่หยางเล่อช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย" กล่าวได้เพียงแค่นั้นร่างกายที่ร้อนรุ่มก็โถมเข้าหาร่างหนาที่โอบประคองนางอย่างไม่อาจระงับอารมณ์เอาไว้ได้ส่งเรียวปากเล็กที่จูบสะเปะสะปะไปทั่วหน้าอกแกร่งตามอารมณ์กำหนัดที่เกิดขึ้นจากฤทธิ์ยาอย่างไร้สติ เล่อชินอ๋องที่ขบกรามแกร่งจนแน่นไม่อยากคิดเลยว่าหากพระองค์ไม่บังเอิญอยู่ที่นี่จะเกิดอะไรขึ้น ยิ่งเห็นอาการของสตรีในอ้อมแขนพระองค์อยากจะสับบุรุษสารเลวผู้นั้นเป็นหมื่นๆ ชิ้น พระอง
หลายวันมานี้ชีวิตของอ้ายเย่วช่างสงบเงียบเหงายิ่งนักเพราะพ่อเทพบุตรสุดหล่อของนางต้องไปทำธุระให้เล่อชินอ๋องต่างเมือง ทำให้นางไม่มีคนคุยด้วยและคนพาไปเดินเที่ยว วันนี้นางจึงได้เดินหงอยเหงาอยู่คนเดียว กำลังเดินชมแปลงดอกไม้ที่นางลงมือปลูกกับมือที่ออกดอกบานสะพรั่งอย่างพออกพอใจนักพอมันโตเต็มที่คงงดงามกว่านี้เป็นแน่ไม่เสียแรงที่นางอุตส่าห์ทะนุถนอมรดน้ำพรวนดิน ผลที่ได้เป็นที่น่าปลื้มใจอย่างมาก โดยเฉพาะดอกเหมยกุยฮวาที่ดูงดงามที่สุดออกดอกที่สมบูรณ์เป็นอย่างมากเพราะนางมาดูแลทุกวัน ต้นเหมยกุยต้นนี้นางกับหยางเล่อช่วยกันปลูกเพื่อเป็นตัวแทนแห่งความรักของเรา ช่างดูโรแมนติกนักใช่ไหมล่ะ กำลังชื่นชมดอกเหมยกุยและคิดถึงคนที่ร่วมรดน้ำพรวนดินเพราะไม่เห็นหน้ามาหลายวันทำให้หัวใจนางห่อเหี่ยวยิ่งนัก ความรักนี่ช่างน่ากลัวเสียจริงพอไม่เห็นหน้าก็โหยหาทรมานใจ พออยู่ใกล้ก็ทำให้หัวใจร้อนเร่าลุ่มหลง นางไม่อยากจะคิดเลยว่าหากนางผิดหวังในรักครั้งนี้จะเป็นเช่นไร นางคงเข็ดขยาดไม่กล้ามีรักอีกเป็นแน่"คุณหนูเจ้าคะ จดหมายจากคุณชายโจเจ้าค่ะ" จิ้นผิงที่เดินเอาจดหมายที่มีทหารนายหนึ่งมาส่งให้บอกว่าคุณชายโจหยางเล่อฝากมาให้คุณหนูของ
วันนี้อ้ายเย่วลุกขึ้นมาแต่เช้าเพื่อช่วยจิ้นผิงและเจ้าลิงทโมนสองพี่น้องนำดอกไม้ลงแปลงจนล่วงเลยมายามบ่ายถึงจะเสร็จเรียบร้อย ยืนมองสวนดอกไม้ของนางที่เป็นรูปเป็นร่างอย่างที่นางออกแบบไว้อย่างภูมิอกภูมิใจนัก รอแค่ให้มันแข็งแรงและออกดอกเท่านั้น ฝีมือการแต่งสวนของนางไม่ธรรมดาเลย คนบ้าอะไรทั้งสวยและเก่งขนาดนี้ เฮ่อ ชอบตัวเองจริงๆ เลยอะ อิอิ แต่ถึงอย่างนั้นก็ทำให้นางถึงกับหมดแรงกันเลยทีเดียว การปลูกดอกไม้ก็เหนื่อยไม่ใช่เล่นเลยนะนี่ ร่างบางที่ยืนชื่นชมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับฝีมือตัวเองอยู่นั้นช่างดูน่ารักน่าเอ็นดูในสายตาบุรุษที่ยืนมองนางอยู่นักถึงแม้ตอนนี้ร่างสตรีตรงหน้าจะดูมอมแมมเต็มไปด้วยเศษดินเศษหญ้าแต่ก็ไม่อาจลดทอนความงดงามของนางลงได้ แต่นางกลับดูน่ารักไปอีกแบบอ้ายเย่วที่กำลังหมุนกายเพื่อจะไปอาบน้ำชำระเหงื่อไคลเพราะตอนนี้รู้สึกเหนียวตัวนักแต่กลับพบกับร่างสูงที่นางเห็นหน้าตลอดหลายวันที่ผ่านมาจนกลายเป็นความคุ้นชินไปเสียแล้วยืนส่งยิ้มมาให้และในอ้อมแขนยังอุ้มเจ้าขนปุยที่นางรู้ว่าเป็นแมวของวังจันทราที่เดี๋ยวนี้กลายเป็นลูกรักของบุรุษหล่อเหลาที่อุ้มมันอยู่ นึกถึงสิ่งที่บุรุษผู้นี้กล่าวเหตุผลที่เอาอกเอ
เล่อชินอ๋องที่ได้ทำความรู้จักและสัมผัสนิสัยใจคอของสตรีที่พระองค์พึงใจนั้น ก็รู้สึกได้ว่าพระองค์ไม่อาจถอนตัวถอนใจมาจากนางได้อีกแล้ว ยิ่งได้รู้จักได้ใกล้ชิดพระองค์ก็ยิ่งปักใจรักในตัวนาง อยากมีนางอยู่เคียงข้างตลอดไป เวลานางทำอะไรหรือแสดงความรู้สึกอะไรออกมาช่างดูน่าเอ็นดูนัก สตรีของชินอ๋องจะดูธรรมดาได้อย่างไร พระองค์ที่คอยสังเกตอากัปกิริยาของนางอยู่ตลอด นึกเอ็นดูนางมารน้อยของพระองค์นัก นางช่างร้ายกาจใช่เล่น รู้ทันเล่ห์เหลี่ยมมารยาของผู้อื่นเสมอแต่แกล้งทำหน้าตาใสซื่อจนพระองค์นึกขำ แต่ต้องแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แต่ความจริงนั้นพระองค์ต้องกดข่มไม่ให้เผลอแสดงท่าทีให้นางจับได้"ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ ทำไมพระองค์ถึงไม่บอกแม่นางเมิ่งไปล่ะ ว่าพระองค์คือชินอ๋องจ้าวหย่งเล่อ เดี๋ยวนางมารู้ทีหลังจะพาลโกรธพระองค์เอาได้นะพ่ะย่ะค่ะ"องครักษ์ต้าหลงที่เอ่ยถามขึ้นด้วยความเป็นห่วงเพราะเล่อชินอ๋องนั้นไม่ยอมบอกแม่นางเมิ่งว่าตัวเองเป็นใคร ปล่อยให้นางเข้าใจผิดคิดว่าพระองค์เป็นแค่พระญาติของเล่อชินอ๋องเท่านั้น การเริ่มต้นด้วยการโกหกนั้นไม่ใช่เรื่องดีอย่างยิ่ง"กำลังหาทางบอกอยู่"พระองค์ใช่ว่าจะไม่กลัวว่านางจะโกรธ และพ
หลังจากออกจากเหลาอาหารอ้ายเย่วและเล่อชินอ๋องก็พากันมาเดินชมตลาดยามค่ำคืนโดยมีบุรุษและสตรีที่ทำตัวเป็นปลิงเกาะไม่ยอมปล่อย ช่างขัดหูขัดตานางนัก นางจะสวีทกับบุรุษข้างกายให้หวานชื่นดังคู่รักพึงกระทำให้ฉ่ำหัวใจเสียหน่อยก็ไม่ได้ คนสวยเซ็ง เดินมาจนถึงร้านเครื่องประดับที่มีเครื่องประดับสำหรับสตรีมากมายนักจนนางมองด้วยแววตาแปร่งประกาย เครื่องประดับยุคโบราณนี้ช่างงดงามดูมีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด"เย่วเอ๋อ ชอบหรือ" เสียงทุ้มที่เอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นสายตาของนาง ร่างบางจึงพยักหน้าหงึกหงักอย่างน่าเอ็นดูนัก"อยากได้ชิ้นใดเลือกได้เลย พี่อยากซื้อเป็นของแทนใจชิ้นแรกระหว่างเรา หากชอบหมดทั้งร้านก็ย่อมได้" ร่างสูงที่เอ่ยขึ้นพร้อมมองสบตานาง หากเจ้าอยากได้สิ่งใดพี่พร้อมจะประเคนให้ แม้แต่ตัวพี่หากเจ้าอยากได้พี่ก็ยินดียิ่งนักสายเปย์เสียด้วยพ่อเทพบุตรของฉัน ภาพบุรุษและสตรีตรงหน้าที่ทำเหมือนรอบกายมีแค่เพียงสองคนสร้างความเดือดดาลให้สตรีที่เดินมาด้านหลังนัก หันมองบุรุษข้างกายที่ทำหน้าเหมือนคนกำลังจะตายแต่ไม่คิดจะทำอะไรสักอย่าง อย่างขัดใจนัก จึงสะบัดหน้าเดินกลับออกไป นางต้องกลับไปตั้งหลักก่อน ขืนอยู่ต่อนางคงต้องแค้
หลังจากมื้ออาหารที่สุดแสนจะอร่อยกว่าทุกมื้อที่เคยกินมาในความรู้สึกของอ้ายเย่วจบลง เสี่ยวเอ้อก็ยกน้ำชากาใหม่มาเปลี่ยนอย่างรู้งานนัก อ้ายเย่วจึงเป็นฝ่ายเปิดการสนทนาอย่างจริงจังเพราะนางอยากไปเดินชมตลาดเต็มที อยากจะออกไปเดินชมบรรยากาศยามค่ำคืนของยุคนี้โดยมีบุรุษรูปงามเดินเคียงคงจะดูโรแมนติกสุดๆ"ท่านแม่ทัพมีอะไรจะพูดกับข้าก็พูดมาเถอะเจ้าค่ะ ข้ามีธุระต้องไปทำต่อ"แม่ทัพหานลู่เหวินที่ฟังสตรีที่เขาให้คนออกตามหาอยู่หลายวันเอ่ยขึ้นอย่างห่างเหินนักรู้สึกเจ็บจุกในอกแปลกๆ จึงสูดลมหายใจลึกเข้าปอดหลับตาลงอย่างตัดสินใจ เขาไม่ยอมเสียนางไปเด็ดขาด"ข้าอยากให้เจ้ากลับไปอยู่ที่จวนแล้วข้าจะจัดพิธีมงคลสมรสระหว่างเราให้เร็วที่สุด ตามที่บิดาของเราได้ตกลงกันไว้ และขอโทษที่ทำให้เจ้าต้องรอมานาน""............"อ้ายเย่วที่ตกตะลึงกับคำกล่าวของแม่ทัพลู่เหวินที่บทจะง่ายก็ง่ายจนใจหาย แล้วหันไปมองหน้าสตรีอีกคนที่เห็นประกายยินดีในแววตาวูบหนึ่งก่อนตาคู่นั้นจะชำเลืองมองไปยังบุรุษอีกคนที่นั่งอยู่ตรงหน้านางด้วยแววตาหวานหยดย้อย แต่บุรุษผู้นั้นกำลังมองมายังนางอย่างรอคอยคำตอบเช่นกัน"ต้องขอโทษท่านแม่ทัพด้วย ข้ามิได้คิดกับท่า
"เมิ่งอ้ายเย่ว" อ้ายเย่วที่หันมามองบุรุษที่เรียกนางผู้มายืนทำหน้าบอกบุญไม่รับแล้วหันมามองบุรุษที่กำลังนั่งมองนางอยู่เช่นกัน ทำไมถึงรู้สึกเหมือนตัวเองได้รับบทเป็นนางเอกที่กำลังต้องเลือกระหว่างพระเอกกับตัวร้ายเลยอะ คนสวยเพลีย หากให้นางเป็นนางเอกนางก็ต้องเลือกพระเอกสิ แต่พระเอกของนางต้องเป็น พ่อเทพบุตรหน้ามนตรงหน้าเท่านั้น บอกเลย"เย่วเอ๋อ รู้จักกับคุณชายท่านนี้หรือ" เสียงทุ้มที่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสบายๆแต่ทำไมนางสังเกตเห็นว่าในดวงตาคนตรงหน้าช่างน่ากลัวนัก"เจ้าค่ะ นี่ท่านแม่ทัพหานลู่เหวินเจ้าค่ะพี่หยางเล่อ" เย่วเอ๋อ พี่หยางเล่อเช่นนั้นหรือสองคนนี้สนิทกันแค่ไหนถึงได้เอ่ยเรียกกันเช่นนี้ แต่เขาเป็นคู่หมายของนางอยากเรียกอย่างไรก็เรียกไปร่างสูงที่ได้รับการแนะนําจึงยืดอกขึ้นหันไปมองบุรุษที่นั่งอยู่อย่างต้องการจะข่มคนตรงหน้าที่มองมายังตนอย่างท้าทายไม่ทุกร้อนถึงกับเกิดความไม่พอใจที่บุรุษผู้นี้มองตนอย่างกับตัวอะไร อ้ายเย่วที่เห็นทั้งสองมองตากันเหมือนมีกระแสไฟกำลังปะทุ อย่านะคงไม่เกิดศึกชิงนางขึ้นใช่หรือไม่ รู้ตัวแหละว่าสวย"เอ่อ ท่านแม่ทัพมีธุระอะไรกับข้าหรือไม่เจ้าคะ" "ทำไม การที่คู่หมั้นคู่