การกลับชาติมาเกิดใหม่ กลายเป็นภรรยาของแม่ทัพผู้เกรียงไกร เจ้าของคมดาบที่บั่นคอนางในชาติก่อน ทั้งยังต้องคลอดลูกให้เขา! นี่คืออันใด? ไม่จริงใช่ไหม? **** ชายหญิงแต่งงานมิอาจเลือกคู่ครองตามแต่ใจ คู่ชีวิตศีลเสมอกัน บัณฑิตคู่กับบัณฑิต คุณชายสูงศักดิ์ย่อมคู่กับคุณหนูในห้องหับแสนเรียบร้อย ทว่าแม่ทัพผู้สูงส่งเกรียงไกรทั้งเคร่งครัดศีลธรรมจรรยากลับได้ภรรยาเป็นสตรีจอมมารยาเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวทั้งกลิ้งกลอกไม่ต่างจากจิ้งจอกสาว การเป็นสตรีผู้เพียบพร้อมงดงามมีคุณธรรมสูงส่งช่างยากเย็นแสนเข็น การประคองชีวิตคู่ที่ดำขาวผิดแผกเยี่ยงนี้จะเป็นสุขตลอดรอดฝั่งได้หรือไม่ ปัญหาหลังเรือนคงมิใช่บานปลาย จนต้องตามแก้ไขทุกวันกระมัง
View Moreหมิงเยว่ไม่มีโอกาสได้ตอบว่าไหวหรือไม่ เนื่องจากถูกหยางเจี้ยนเคี่ยวกรำตั้งแต่คืนแรกแบบนับรอบไม่ถ้วน ทุกคืนหลังจากนั้นยังต้องนอนระทดระทวยสิ้นไร้เรี่ยวแรงแทบสลบไสลคาอกแกร่งคืนนี้ก็เช่นกัน สองกายเปล่าเปลือยซ้อนทับในท่วงท่าคล้ายคลึงงูเลื้อยพันกันอยู่บนเตียงนอนเสียงพร่ากระซิบชิดริมหู “ต่อเลยได้หรือไม่? หืม”หยางเจี้ยนถามไปเช่นนั้นเอง เพราะยังไม่ทันได้รับคำตอบซึ่งเป็นสุ้มเสียงอันแหบแห้งจากหมิงเยว่ ริมฝีปากร้อนๆ ก็แนบหน้าผากชื้นเหงื่อของนาง ขบเม้มเบาๆ ลงมาที่ข้างแก้มก่อนจะจรดริมฝีปากอิ่มแล้วจุมพิตลึกซึ้งเนิ่นนานปลายลิ้นร้อนชื้นที่สอดแทรกเข้ามาไล้เลียชิมความหวานในโพรงปากอิ่มถูกกระทำพร้อมฝ่ามือซุกซนที่ลูบไล้เคล้นคลึง ตามด้วยร่างหนาที่พลิกคร่อมทับเป็นรอบที่เท่าใดมิอาจนับ“หยางเจี้ยน...”“หืม...”หมิงเยว่เรียกนามสามีทันทีเมื่อริมฝีปากได้รับอิสระ “ใกล้สว่างแล้วกระมัง”“ใครสนเล่า?”ชายหนุ่มเอ่ยเสียงทุ้มพร่าอย่างเอาแต่ใจพลางเคลื่อนใบหน้าลงต่ำ พ่นลมหายใจกระเส่าที่เริ่มร้อนเร่าตามระดับแรงอารมณ์รอบใหม่ ริมฝีปากขบเม้มลำคอระหงเรื่อยลงไปอย่างที่ชอบทำทุกครั้งเนิ่นนาน หมิงเยว่ได้แต่เสียวซ่านจนต้องส่งเสี
หลังจากคลอดบุตรชายคนที่สามได้สองปีกว่าสตรีที่ประกาศก้องว่าจะไม่ยอมให้สามีรังแกอีก กำลังนั่งเท้าคางมองบุรุษสี่คนที่มีใบหน้าละม้ายคล้ายกันอย่างเบื่อหน่าย ในขณะที่แม่ทัพหนุ่มยามนี้กำลังสอนบุตรชายทั้งสามคนฝึกร่ายรำกระบี่ด้วยท่าทีเคร่งครัด ทว่าแววตากลับเปี่ยมสุขอย่างยิ่ง แขนขาเล็กๆ ของเด็กๆ น่ารักน่าชังทรงพลังอย่างมากหยางจวิน หยางจินอวี่ และน้องเล็กหยางจื่อถง เด็กชายทั้งสามคนเหมือนหยางเจี้ยนเกินไปแล้วมิใช่เหมือนแค่หน้าตาแต่ยังเหมือนไปหมดทั้งท่วงท่ากิริยาและนิสัยใจคอ โดยเฉพาะแววตาสุขุมลึกล้ำคู่นั้นหมิงเยว่ให้รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเหลือเกินดังนั้น ยามค่ำคืนในวันที่สามีสะสางงานจากค่ายทหารเสร็จสิ้นแล้วได้กลับจวน นางจึงบรรจงแต่งกายประณีตด้วยเสื้อผ้าบางเบาโปร่งใส เผยเนินเนื้ออวบอิ่มรำไร ชวนหวามไหวเต็มขั้น ส่วนเว้าส่วนโค้งดุจดั่งลายเส้นของภาพวาดปานนั้นหญิงสาวนั่งเหยียดขาแอ่นกายด้วยท่วงท่ากรีดกรายคล้ายนางสวรรค์อยู่บนเตียงนอน“หยางเจี้ยน”“หืม...”เจ้าของนามครางรับในลำคอโดยไม่หันมอง เขานั่งอยู่ที่โต๊ะอีกฝั่งจิบชาอึกหนึ่งเอ่ยเสียงทุ้ม “เจ้าควรปักผ้า มิใช่เอาแต่นั่งมองบุรุษ”หมิงเยว่แค่นเสียงฮึ “
วันเวลาล่วงพ้น ผ่านทิวาที่แปรผันเป็นราตรี อนธการย่ำกรายค่ำแล้วค่ำเล่า หากแต่ชื่นมื่นมิเสื่อมคลายภายในห้องหับมิดชิด กลิ่นอายร้อนผ่าวแผ่ซ่านทั่วตัว หญิงสาวผู้หนึ่งนอนทอดกายอ่อนระทวยบนเตียงนอน ทว่าครู่หนึ่งพลันขมวดเกร็งทุกอณูผิวเนื้อ“หยางเจี้ยน อา...อ๊า” หมิงเยว่ครวญครางสั่นพร่า “ข้าเกลียดท่าน”“...!?”เสียงนั้นดังเล็ดลอดแค่ผะแผ่วออกมาถึงนอกห้อง ทว่ากลับทำเอาบุรุษที่ยืนนิ่งหน้าประตูต้องขมวดคิ้วนิ่วหน้า ไม่พูดจาเนิ่นนาน เขาคือผู้ที่ถูกตราหน้าว่าเกลียดนั่นล่ะเสียงจากในห้องดังแหบห้วนออกมาอีกครา“ท่านรังแกข้า เพราะท่านข้าถึงต้องทรมานเช่นนี้”“ฮูหยินน้อย เบ่งอีกเจ้าค่ะ”“ข้าเจ็บจะตายอยู่แล้ว”“ฮูหยิน อดทนไว้เจ้าค่ะ”“ข้าไม่ไหวแล้ว อ๊า...” หมิงเยว่ร้องลั่น “หยางเจี้ยน ข้าจะไม่ยอมท่านอีกแล้ว อย่าฝันว่าข้าจะมีลูกให้ท่านอีก”“ฮูหยิน เบ่งอีก”“อ๊า...ข้าเกลียดท่าน หยางเจี้ยน!”นอกห้อง บุรุษร่างสูงยืนนิ่งไม่ไหวติง แม้ถูกต่อว่าส่งคำเกลียดมาให้ หากแต่เรือนกายอันโดดเด่นกลับไร้วี่แววว่าจะขยับเขยื้อนไปทางใด ในอ้อมแขนของเขามีเด็กชายน่ารักวัยสามขวบเกาะหนึบอยู่ ชั่วครู่เด็กน้อยก็ขยับกายขยุกขยิกเกยบ่ากว้า
มิคาดว่าหลังจากได้ล่วงรู้ความจริงทั้งหมดเช่นนี้ หัวใจของหมิงเยว่กลับยิ่งหวานล้ำดุจเคลือบด้วยน้ำผึ้งในขณะที่หยางเจี้ยนนั้น เดิมทีรักใคร่หมิงเยว่อยู่แล้วกลับยิ่งเอ็นดูและทะนุถนอม ทั้งยังห่วงหานางอย่างที่สุด แม้แต่ยามจากไปเพื่อสะสางงานที่คั่งค้างในดินแดนห่างไกล ยังแอบปลอมตัวกลับมาหาภรรยาทุกสองเดือนสามเดือน กระทั่งครรภ์ของหมิงเยว่โตมากแล้วยังได้หยางเจี้ยนมาคอยลูบไล้แนบหูฟังเสียงลูกน้อย กล่อมจนทารกหยุดดิ้นชายหนุ่มประคองหญิงสาวให้นอนลงแล้วห่มผ้า “ดึกแล้ว เจ้านอนเถิด ข้าจะรีบไปรีบกลับมาให้ทันเจ้าคลอด ชนะศึกครั้งนี้ข้าจะได้กลับมาประจำเมืองหลวง”หมิงเยว่ยิ้มกว้าง “จริงหรือ?”หยางเจี้ยนก้มลงจุมพิตกลีบปากฉ่ำหวาน คลอเคลียเนิ่นนาน “ข้ารักเจ้าถึงเพียงนี้ ทำใจจากไปได้ยากเย็นจริงๆ แต่เจ้าอย่าได้ห่วง ข้ามีภารกิจผลิตทายาทอีกหลายคน หน้าที่ย่อมตกเป็นของเจ้า อย่างไรก็ต้องหาทางมาบอกรัก”น่าเสียดายที่ภรรยากำลังตั้งครรภ์ การบอกรักกันอย่างที่ชื่นชอบย่อมมิอาจกระทำได้ดังใจ หยางเจี้ยนจึงก้มงับติ่งหูนางอย่างดุดัน หยอกเย้าด้วยปลายจมูกโด่งสันไปทั่วลำคอขาวผ่อง ปล่อยกระแสไฟแล่นพล่านไปทั่วอณูเนื้อกายความร้อนผ่าวเ
ซิงเยว่ตบบ่าของหมิงเยว่อย่างต้องการเรียกคืนสติ “หรือพี่ใหญ่คิดว่าตนเองไม่เหมาะสมกับเขา จะกลับไปเป็นนายหญิงใหญ่ที่อาณาจักรแดนใต้ก็ได้นะ แค่ตัดสัมพันธ์สะบั้นบุพเพให้ไร้วาสนาต่อกันซะ” ท้ายที่สุดหมิงเยว่พลันได้สติ นางยกมือกุมหน้าท้อง ลูบไล้แผ่วเบาอย่างทะนุถนอม “ข้ากลับไปไม่ได้แล้วล่ะ ว่ากันตามตรง นิสัยของข้าออกจะมุทะลุและซุกซนเกินไป ไม่เหมาะเลยสักนิดกับตำแหน่งหัวหน้าค่ายจันทราแดง ทว่าเพราะเป็นทายาทคนแรก เป็นพี่ใหญ่ของเจ้า ท่านตาจึงบังคับพี่ทุกทาง แต่ซิงเยว่ เจ้ารู้ดีว่านิสัยของเจ้าต่างหากที่เหมาะกับตำแหน่งหัวหน้าค่ายจันทราแดง ต่อไปเจ้าก็เลิกเป็นโจรเถอะ ทำอาชีพสุจริตหากินอย่างเที่ยงธรรม เพื่อข้า เพื่อหลาน และเพื่อตัวเจ้าเอง ตกลงไหม?”ซิงเยว่เบิกตา “พี่ใหญ่...ท่านตั้งครรภ์หรือ?”กิริยาของหมิงเยว่ล้วนชัดเจนถึงคำตอบ นางคลี่ยิ้ม ลูบหน้าท้อง ผ่อนลมหายใจ พยักหน้าอย่างเขินอายที่สุด “อายุครรภ์ได้สองเดือน อีกไม่นานเจ้าก็จะมีหลานมาวิ่งเล่นใกล้ๆ เรียกเจ้าว่าท่านน้าซิงคนงาม...”ซิงเยว่คลี่ยิ้มกว้าง เอื้อมมือลูบหน้าท้องพี่สาวบรรยากาศในห้องอบอวลไปด้วยกลิ่นอายรักใคร่บรรยากาศในห้องอบอวลไปด้วยกลิ่นอาย
ในห้องอีกฝั่ง หมิงเยว่ยืนเบิกตามองซิงเยว่นิ่งค้าง“เจ้ามิได้ความจำเสื่อมแล้วหรือ?”หมิงเยว่เอ่ยปากถามออกมาในที่สุด ยิ่งเห็นท่วงท่าสุขุมนุ่มลึกทั้งสงบเยือกเย็นของซิงเยว่ที่แตกต่างจากวันที่นางแบกออกมาจากคฤหาสน์หลิวก็ยิ่งมั่นใจ“เจ้าจำเรื่องของตัวเองได้แล้วใช่หรือไม่?”ซิงเยว่ยืนตรงริมหน้าต่างค่อยๆ หันมาผลิยิ้มหวานชวนเหน็บหนาวออกมา “ต้องขอบคุณฝ่ามือนั้นของท่าน ที่ซัดข้าจนกระอักเลือด”หมิงเยว่ได้ฟังพลันหัวเราะ “หากข้ารู้ว่าทำเช่นนี้แล้วเจ้าจะหายจากอาการความจำเสื่อมคงซัดเจ้าให้กระอักเลือดตั้งนานแล้ว”หญิงสาวถอนหายใจอย่างโล่งอก ตบบ่าน้องสาว“เจ้าจำตัวตนที่แท้จริงได้แล้วก็ดี จากนี้จงเลิกยุ่งกับนายน้อยหลิวเสียเถิด กลับไปปกครองเหมืองแร่แดนใต้ซะ”ซิงเยว่ส่ายหน้า “ข้าทำไม่ได้”หมิงเยว่มุ่นคิ้ว “เหตุใดจะทำไม่ได้ เจ้าบ้าไปแล้ว”ซิงเยว่ยิ้มขื่น “เป็นเพราะหายดี ข้ายิ่งไม่อาจตัดใจ”ครั้นได้ยินเช่นนั้น ความรู้สึกเจ็บปวดพลันเสียดแทงเข้ามาในหัวใจ น้องสาวผู้เย่อหยิ่งทะนงตนของนาง เหตุใดจึงเปลี่ยนไปเป็นคนละคนถึงเพียงนี้ ทุกสิ่งเป็นเพราะความผิดของนางใช่ไหม? เพราะนางไม่ดูแลน้องสาวให้ดี“ซิงเยว่ เกิดอันใดขึ้น
“ท่านแม่ทัพ นายน้อยหลิว” จิ้นเหอทักทายทั้งสอง จากนั้นก็ดูแลจัดเตรียมสุราและกับแกล้มด้วยความรวดเร็วเพียงครู่ บนโต๊ะในศาลาพลันมีทุกสิ่งพร้อมสรรพ บุรุษทั้งสองนั่งลงดื่มกินเงียบๆ สายตาพวกเขาล่องลอยไปตามสายลมที่โชยไล้แสงตะวัน ปล่อยความคิดอยู่เนิ่นนาน ไกลแสนไกล...กระทั่งหยางเจี้ยนหันกลับมาสนใจหลิวไท่หยางและเป็นฝ่ายเปิดปากเอ่ยขึ้นก่อน“สตรียุทธภพมิเหมือนสตรีในห้องหอของเมืองหลวง เรื่องนี้ท่านน่าจะทราบดีกระมัง?”หลิวไท่หยางมุ่นคิ้วพลางถามกลับเสียงเคร่งขรึม “ท่านแม่ทัพคงมิได้กำลังหมายถึงซิงเอ๋อร์ของข้า?”มีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูงที่คนอย่างหยางเจี้ยนจะสามารถสืบจนล่วงรู้ตัวตนที่แท้จริงของซิงเยว่ นายน้อยหลิวจึงระมัดระวังตัวขึ้นมาหยางเจี้ยนยังคงมีรอยยิ้มในหน้าแม้แววตาจะเย็นชา“ท่านอย่าได้ห่วง ฐานะที่แท้จริงของซิงเยว่มีเพียงเป็นคหบดีหญิงแดนใต้ผู้ร่ำรวยมหาศาล”แม่ทัพหนุ่มจำต้องโกหกว่าเขารู้แค่นั้น เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย แต่เมื่อเห็นหลิวไท่หยางรับฟังนิ่งๆ หยางเจี้ยนจึงหรี่ตา “ท่านคงรู้อยู่แล้วกระมัง”หลิวไท่หยางไม่ตอบ หยางเจี้ยนจึงยกสุราขึ้นดื่มก่อนเอ่ยเสียงเนิบ “สิ่งที่ข้าต้องการบอกท่านก็คือ ฮ
เมื่อหยางเจี้ยนออกจากห้องไปแล้ว หมิงเยว่ก็รีบลุกขึ้นจากเตียงไปเข้าห้องอีกฝั่งทันทีครานี้นางไม่มีท่าทีเป็นศัตรูกับหลิวไท่หยางแล้ว เหตุเพราะนางไม่ต้องการต่อสู้อันใดกับใครสักกระบวนท่า ลูกน้อยในครรภ์สมควรได้รับการทะนุถนอมอย่างที่สุด นางกำลังจะเป็นมารดา นิสัยแย่ๆ หลายอย่างจำต้องเปลี่ยนแปลงทั้งหมด รวมถึงแนวคิดอันมุทะลุโลดโผนด้วยทว่าขอสะสางเรื่องผิดศีลธรรมของน้องสาวก่อนครั้นมาถึงจึงได้เห็นว่าท่านหมอผู้ที่มาดูแลซิงเยว่ท่านนั้นออกไปแล้ว คงเหลือเพียงหนุ่มสาวกำลังพูดคุยต่อคำด้วยรอยยิ้มหวานล้ำสิ่งหนึ่งที่หมิงเยว่รู้ดีที่สุด คือพลังปราณจันทราเย็นของนางไม่อาจทำอันตรายใดๆ ต่อซิงเยว่ได้ ต่อให้อีกฝ่ายกระอักเลือดออกมาจนสลบแน่นิ่งไปก็ตาม สมดุลหยินหยางที่ซิงเยว่เพียรฝึกมานับแต่เกิดแม้วิชาไม่บรรลุถึงขั้นสูงสุด แต่ยังคงมีพลังต้านทานในกระแสเลือดแม้จะความจำเสื่อมยามนี้ฝ่ายสตรีนั่งอิงแผ่นหลังกับหมอนบนเตียงนอน ส่วนฝ่ายชายนั่งอยู่ที่ตั่งข้างเตียงนอน สองคนส่งตาหวานน้ำเสียงบุรุษฟังดูเว้าวอน น้ำเสียงสตรีสดใสกังวานหมิงเยว่มุ่นคิ้ว นึกขุ่นเคืองขึ้นมา นางเดินมาหยุดยืนตรงหน้าเตียง กระแอมไออย่างไร้มารยาทใส่พวก
หมิงเยว่ให้รู้สึกผิดขึ้นมา นางไม่น่าพาซิงเยว่มาจากนายน้อยหลิวผู้นั้นเลย ให้ตายเถอะ!หญิงสาวเก็บงำความคิดด้วยหัวใจอันร้อนรุ่มว้าวุ่น มิรู้ว่าผ่านไปนานเท่าใดสวรรค์พลันเปิดออกมอบแสงสว่าง เพราะท่านหมอจับชีพจรจนแน่ใจในคำตอบแล้วลุกขึ้นยืนค้อมกายกล่าว “เรียนนายท่าน ข้าน้อยขอแสดงความยินดี ฮูหยินของท่านกำลังตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้วขอรับ”ประหนึ่งฟ้าผ่ารอบที่สอง หมิงเยว่อ้าปากเบิกตา หยางเจี้ยนเองก็ตื่นตะลึงยิ่งเดิมทีเขาเพียงคาดหวัง มิได้คิดหรอกว่าจะเป็นจริง ในเมื่อก่อนหน้านี้ร่วมเตียงไม่รู้กี่ครั้ง หมิงเยว่ก็ยังไม่ตั้งครรภ์ ต่อมายังตกน้ำทะเลสาบจนถูกไข้พิษเย็น นอนซมหลายวัน แท้จริงเหตุที่เขาแอบมาหานางล้วนเป็นเพราะความคิดถึง เพราะอาการคะนึงหาและความรู้สึกห่วงใยจนปวดใจ หาใช่ต้องการมาจับผิดอันใดไม่ ดังนั้นเหตุการณ์ทั้งหลายล้วนเป็นเพราะบังเอิญทั้งสิ้นหยางเจี้ยนเหม่อมองภรรยา สติเตลิดโบยบินไปไกลครั้นเห็นสามีกำลังตกตะลึงกับข่าวดี หมิงเยว่จึงถือโอกาสเฉไฉเรื่องที่คุยค้างไว้ก่อนหน้าทันที รีบกะพริบตาจนขนตาแพงอนกระเพื่อมไหวเบาๆ อย่างสวยงาม ร่ายมารยาออดอ้อนเสียงหวานว่า“ท่านพี่ข้าอยากกินลูกเหมยดองเกลือหรื
ข้าคือหมิงเยว่ นางโจรสาวผู้ชั่วช้าจ้าวแห่งหุบเขาบนเกาะมรณะอันลึกลับกลางทะเล จอมยุทธ์หญิงผู้เก่งกล้าถึงขั้นถูกขนานนามว่า เงาดาบแห่งจันทราแต่กลับตายภายใต้คมกระบี่ของเขาแล้วอย่างไรเล่า?ข้าได้แต่คิดอย่างปลดปลงเพราะเขาคือหยางเจี้ยน แม่ทัพพยัคฆ์ร้าย ชายหนุ่มผู้มีคุณธรรมสูงส่งผดุงความยุติธรรมให้แก่ใต้หล้ามาช้านาน แต่ไม่เคยระรานนางสักคราวาจาหนักแน่นดุจขุนเขา สัจจะมีค่ายิ่งกว่าทองคำ แม้ไม่เคยคบหาแต่กลับรู้ได้ไม่ยากชื่อเสียงอันเกรียงไกรของเขามิใช่แค่ตำแหน่งแม่ทัพทว่าหมายถึงนิสัยใจคอ ต่อให้อยู่คนละฝ่ายกลับรู้สึกเลื่อมใสเจ้าของฉายาจอมกระบี่สุริยันการตายด้วยน้ำมือเขานั้นนับว่าไม่เสียชาติเกิดเท่าใด ทว่า...การกลับชาติมาเกิดใหม่ กลายเป็นภรรยาของเขา ต้องคลอดลูกให้เขาคืออันใด?ไม่จริงใช่ไหม?***จากใจนักเขียน‘บุพเพรักแม่ทัพสุริยัน’ เป็นเรื่องราวของแม่ทัพหนุ่มจอมเคร่งขรึมเย็นชาและยึดมั่นกฎเกณฑ์ระเบียบแบบแผน แต่กลับต้องแต่งงานกับคุณหนูต่ำศักดิ์ผู้หนึ่ง ซึ่งนางผู้นี้แท้จริงคือร่างที่ถูกสวมวิญญาณของนางโจรจอมกลิ้งกลอกไม่ต่างจากจิ้งจอกสาว เมื่อถึงคราวที่ชายหญิงผู้ต่างกันสุดขั้วต้องอยู่ในรั้วเรือนเดี...
Comments