ท่านเจ้าคุณเอาใจออกห่าง คุณหญิงเอิบเลยต้องพึ่งหมอผี หวังยาเสน่ห์จะเอาผัวรักกลับคืนมา แต่อนิจจา นางได้หมอผีเป็นผัวแทน!!!!
ดูเพิ่มเติมNC จุกรูหูแทบตาย!!!ในเช้าวันรุ่งขึ้น ศาลหลวงได้รับเรื่องร้องทุกข์เกี่ยวกับการปล้นเรือนของบิดาคุณหญิงเอิบ และมีคำสั่งให้ขุนศรีนำพยานหลักฐานเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดีข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วกรุงศรีอยุธยา บรรดาขุนนางที่เกี่ยวข้องกับเจ้าพระยาสุรเดชเริ่มแตกตื่น พวกมันบางคนพยายามทำลายหลักฐาน บางคนหาทางหลบหนีแต่ไม่มีใครหนีพ้น....หลวงพิชัย ผู้เคยหวังจะเอาตัวรอด กลับถูกจับกุมเสียเอง"ปล่อยข้า ...ไอ้ไพร่อย่ามาแตะตัวข้า""ข้าไม่เกี่ยว ข้าถูกใส่ร้าย ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!!"ขุนศรียืนอยู่ในศาลหลวง ในมือของเขาคือจดหมายและคำให้การของพยาน "คดีนี้ต้องได้รับการพิจารณาโดยละเอียด ขอให้ศาลหลวงโปรดพิจารณาอย่างยุติธรรม"บรรดาขุนนางที่นั่งอยู่บนบัลลังก์พยักหน้า พวกเขารับเอกสารอย่างเคร่งขรึมในที่สุด แผนการของคุณหญิงเอิบก็มาถึงจุดสำคัญที่สุดในคืนหนึ่ง ก่อนวันที่ศาลจะตัดสินชะตากรรมของผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด คุณหญิงเอิบยืนมองพระจันทร์เต็มดวง นางยกมือขึ้นแตะแหวนหยกเบาๆ ก่อนจะพึมพำ"เหลือเพียงสิ่งเดียวที่ข้าต้องทำ ก่อนจะจากที่นี่ไปตลอดกาล"
NC วางแผนจนน้ำเยิ้ม...สองวันต่อมาเสียงกลองยามตีบอกเวลายามสองดังก้องทั่วอยุธยา แสงจันทร์สาดส่องเป็นประกายเหนือแม่น้ำเจ้าพระยา ทว่าภายในเงามืดของที่พำนักแห่งหนึ่งในกรุงศรีอยุธยา สองร่างกำลังนั่งสนทนาอย่างเคร่งเครียดพ่อหมอไกรและคุณหญิงเอิบ"พวกมันเริ่มไหวตัวแล้ว" พ่อหมอไกรพูดเสียงต่ำ พลางวางม้วนกระดาษเก่าคร่ำคร่าลงบนโต๊ะไม้เล็กๆ ในห้องลับ "เจ้าพระยาสุรเดชถูกจับ แต่คนที่เกี่ยวข้องยังมีอีกหลายคน หากเราต้องการลากมันลงมาให้หมด เราต้องหาหลักฐานที่แน่นหนากว่านี้""ท่านคิดว่าเราควรเริ่มจากที่ใด" คุณหญิงเอิบถาม ดวงตาของนางทอประกายเยือกเย็น แต่แฝงไปด้วยความร้อนเร่าอย่างลึกล้ำพ่อหมอไกรสบตานาง ความมืดของค่ำคืนไม่อาจปิดบังแรงปรารถนาที่สุมอยู่ในอกได้ มือของเขาเอื้อมไปแตะหลังมือของนาง ลูบไล้ปลายนิ้วเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ สอดประสาน มือของเขาเย็นเฉียบ แต่นางกลับรู้สึกว่ามันกำลังแผดเผาทั้งร่างให้ร้อนรุ่ม"ข้าเพิ่งได้ข่าวจากแหล่งข่าวในราชสำนัก มีขุนนางบางคนที่ได้รับเงินจากเจ
บาปนั้นคืนสนอง"ที่แท้โจรชั่วนั่นคือท่าน!!"คุณหญิงเอิบปาดน้ำตา นางรู้แล้วว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดคือใคร และนางก็รู้เช่นกันว่า จะไม่มีวันยอมให้ความจริงนี้ถูกฝังกลบไปพร้อมกับอดีตในคืนที่เงียบสงัดภายใต้แสงจันทร์นวลผ่อง คุณหญิงเอิบซ่อนกายอยู่ในเงามืดของเรือนเจ้าพระยาสุรเดช หัวใจเต้นแรงระรัว นางเม้มริมฝีปากแน่น กลั้นลมหายใจให้เงียบที่สุดเพื่อไม่ให้ใครจับได้ นางดวงที่อยู่เคียงข้างกันถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะกระซิบข้างหูคุณหญิงเอิบด้วยเสียงสั่นเครือ“ขออภัยเถิดเจ้าค่ะคุณหญิง ข้ามิรู้มาก่อนว่าวันนี้ที่เรือนใหญ่จะมีแขก” นางดวงกล่าว สีหน้ารู้สึกผิดเป็นอย่างยิ่ง นางเป็นเพียงทาสที่ทำงานอยู่ในไร่ในสวน ไม่ค่อยได้ขึ้นมาเรือนใหญ่ จึงไม่อาจรู้ได้ว่าคืนนี้เจ้าพระยาสุรเดชมีแขกมาดื่มสุราด้วยที่เรือน"ฮ่า ฮ่า ฮ่าๆๆๆๆ"เสียงหัวเราะหยาบโลนดังลอดออกมาจากโถงกลางของเรือน น้ำเสียงกระด้างและคำพูดส่อเสียดของเหล่าบุรุษที่กำลังสนุกสนานกับเหล้าและการเล่นพนัน ทำให้คุณหญิงเอิบต้องรีบตัดสินใจ นางร
NC แสงจันทร์อาบโลกีย์หลังพักผ่อนกันจนหายเหนื่อย ทั้งสองคนก็ชวนกันลงไปอาบน้ำในคลองตอนนี้มืดแล้ว เสียงแมลงร้องขับขาน สองคนคลอเคล้ากันอยู่ริมคลองเสียงน้ำในคลองลึกกระเพื่อมเบาๆ ยามต้องแสงจันทร์ที่ส่องสะท้อนเงาของสองร่างที่แนบชิดกัน พ่อหมอไกรประคองคุณหญิงเอิบลงสู่น้ำอย่างทะนุถนอม ปลายนิ้วแข็งแกร่งวักน้ำขึ้นลูบไล้ลำคอระหงของนางอย่างแผ่วเบา ความเย็นของสายน้ำตัดกับไออุ่นจากฝ่ามือเขา ทำให้นางสะท้านไหวเบาๆ“เย็นหรือไม่” เขากระซิบถาม ริมฝีปากแตะอยู่ใกล้ใบหูนางคุณหญิงเอิบเอนศีรษะพิงแผงอกกว้างของเขา แววตาฉ่ำเยิ้มในเงาจันทร์ “เย็นก็จริง แต่เมื่ออยู่กับเจ้า ข้ากลับรู้สึกอบอุ่น...”พ่อหมอไกรหัวเราะแผ่วเบา มือสากแตะแก้มของนาง ลูบไล้ลงมาจนถึงลาดไหล่ ก่อนจะเลื่อนลงต่ำ ปลายนิ้วไล่ไปตามแนวกระดูกไหปลาร้าเนียนละเอียด หัวใจของนางเต้นระรัว เมื่อสัมผัสของเขาอ่อนโยนแต่เร่าร้อนในคราเดียวกัน“เจ้าไม่รู้หรอกว่าข้าหลงใหลเจ้าเพียงใด...&
NC ผัวเจ้าอยู่ตรงนี้!!!บรรยากาศในกระท่อมยังคงอบอวลไปด้วยไอร้อนจากค่ำคืนที่ยาวนาน แม้ยามฟ้าสาง ลมหายใจของทั้งสองยังไม่ทันจะแผ่วลง พ่อหมอไกรไม่คิดจะปล่อยให้นางได้พัก เขากดร่างนางแนบกับฟูกอีกครา แรงอารมณ์ที่ยังหลงเหลือผลักดันให้เขาครอบครองนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า ราวกับจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันตลอดไป“พอ… พอแล้ว…” เสียงหวานครางกระเส่า แววตาหวานเยิ้มปรือขึ้นสบกับดวงตาคมที่ฉายแววหึงหวงไม่เสื่อมคลาย“พอหรือ?” ไกรแค่นเสียงหัวเราะต่ำ จับร่างนางพลิกให้คว่ำลงกับฟูก เสียงหอบหายใจสั่นไหวเมื่อนางรับรู้ถึงสัมผัสร้อนผ่าวที่แนบชิดจากเบื้องหลัง เขาไม่ปรานี ไฟหึงที่สุมอกผลักดันให้เขาย้ำเตือนให้นางรับรู้ว่าเป็นของใคร"อูยยย มันเข้าลึก....มากกกก"เสียงหวานครวญครางสอดประสานกับเสียงลมหายใจหนักหน่วง กลิ่นอายร้อนรุ่มอบอวลไปทั่วกระท่อม เสียงแผ่วสะท้อนออกไปไกลจนแม่เฒ่าที่เดินผ่านถึงกับชะงัก หันมามองกระท่อมหลังนั้นก่อนจะส่ายหน้าพลางพึมพำเบา ๆ“หนุ่มสาวสมัยนี้&h
NC พ่อหมอเอาทั้งคืนเสียงลมหายใจหนักหน่วงของไกรดังก้องอยู่ในกระท่อมเล็กที่มีเพียงตะเกียงน้ำมันให้แสงริบหรี่ กลิ่นควันธูปจาง ๆ คลุ้งอยู่ในอากาศปะปนกับกลิ่นเหงื่อและไอร้อนแห่งราคะที่คุกรุ่นจนแทบเผาไหม้ทุกสิ่งเขาจ้องมองร่างของคุณหญิงเอิบที่บัดนี้นอนระทดระทวยอยู่ใต้ร่างของเขา เสื้อผ้าแทบไม่เหลือเป็นชิ้นดี เนื้อนวลเปลือยเปล่าประจักษ์แก่สายตา ดวงตาของนางฉ่ำวาว ริมฝีปากเผยอออกเล็กน้อยขณะที่ยังหอบหายใจแรง“เจ้ายังคิดถึงมันอยู่หรือไม่?”ไกรถามเสียงต่ำ สายตาของเขาฉายแววเดือดดาลปะปนกับแรงปรารถนา มือหนาบีบข้อมือของนางตรึงไว้กับฟูกไม้ไผ่ ร่างแกร่งบดเบียดแนบชิดจนแทบไม่มีช่องว่าง“ข้า...อึก...” นางยังไม่ทันได้ตอบ ร่างของไกรก็เริ่มเคลื่อนไหว เขาไม่เปิดโอกาสให้นางได้หายใจหายคอ ยังคงลงทัณฑ์นางด้วยเพลิงหึงหวงที่ลุกโชน“อย่าคิดถึงมัน! จำไว้ว่าเจ้ามีข้าเพียงคนเดียว” ไกรคำราม มือใหญ่คว้าจับเอวบางให้เข้าที่ก่อนจะเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง แก่นกายยาวเสียบลึก ตำตึ
ร่ำไห้และครวญคราง!!ท้องฟ้าสีหม่น ลมเย็นพัดผ่านลานกว้างของเรือนเจ้าพระยาสุรเดช กลิ่นไอดินชื้นผสมกับกลิ่นเหงื่อและเลือดคละคลุ้งไปทั่ว ลานดินที่เคยเงียบสงบกลับกลายเป็นนรกของชายคนหนึ่งไอ้พรตถูกมัดติดกับเสาหลักไม้ไผ่ แขนสองข้างถูกตรึงแน่นจนเลือดแทบหยุดไหล แผ่นหลังเปลือยเปล่าเต็มไปด้วยรอยหวายที่ฟาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เนื้อหนังฉีกขาดเป็นแนว เลือดไหลรินลงมาตามลำตัว หยดลงพื้นเป็นดวงสีแดงเข้มบ่าวไพร่ทั้งหลายยืนกันนิ่งสนิท หัวใจเต้นระทึก ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะหายใจดัง ขณะที่เจ้าพระยาสุรเดชยืนตระหง่านราวกับเทวทูตแห่งความตาย ดวงตาแข็งกร้าวของเขาจับจ้องไปยังบ่าวคนสนิทที่บังอาจทรยศ "เอ็งกล้าไปแจ้งความกับพวกขุนนาง ว่าข้าฆ่าเมียตัวเองหรือ?!"**ฉับ!**แส้หนังฟาดลงเต็มแรงบนแผ่นหลังของไอ้พรต เขาสะดุ้งเฮือก แต่แม้จะเจ็บปวดสักปานใดก็ยังมีความทระนง ถึงขาจะสั่นระริกแทบยืนไม่อยู่แล้วก็ตาม"แล้วจริงหรือไม่เล่าขอรับ จริง ๆ...ข้ารู้ว่า...ท่าน...ฆ่านาง..."**ฉับ! ฉับ!**"ไอ้ชาติชั่ว!" เจ้าพระยาสุรเดชคำราม กำแส้ในมือแน่นขึ้นก่อนฟาดลงอีกหลายครั้ง ไอ้พรตกัดปากสะกดความเจ็บปวด ไม่มีเสียงร้องแม้สักน้อย มีเพียงเสียงหอบหายใจ
NC น้ำนองคืนเดือนเสี้ยวหลายวันคืนพ้นผ่าน แต่ชีวิตที่ได้หลีกหนีจากความยุ่งยากช่างแสนสุขใจแต่คุณหญิงเอิบรู้ว่าสักวันนางต้องกลับไป....คืนเดือนเสี้ยวทอดแสงสีเงินซีดลงมายังลานทราย กระท่อมไม้เล็กที่ถูกล้อมด้วยแนวไผ่เอนไหวตามสายลม เสียงจิ้งหรีดขับขานในความเงียบ ดวงไฟจากกองฟืนใกล้มอด ทว่าความร้อนระอุภายในกระท่อมกลับเพิ่มสูงขึ้นทุกขณะไกรมองเรือนร่างของคุณหญิงเอิบที่อยู่ในอ้อมแขน แววตาคมเข้มฉายประกายบางอย่างที่ทำให้นางแทบลืมหายใจ เขาก้มลงแนบปลายจมูกกับซอกคอขาวของนาง สูดกลิ่นหอมประจำกายอย่างโหยหา“พี่ไกร…” นางพึมพำเสียงเบา ขณะมือหนาลูบไล้เอวบาง สัมผัสจากเขาทำให้เนื้อนางสั่นสะท้าน“เจ้างดงามเกินไป…” เขากระซิบ ก่อนใช้ปลายลิ้นลากไล้ไปตามลาดไหล่ เปลวไฟที่เต้นไหวสะท้อนเงาของร่างทั้งสองที่เริ่มขยับเข้าหากันนางเงยหน้าขึ้นรับสัมผัสจากริมฝีปากของเขาที่ประกบลงมา ลึกซึ้งและเนิ่นนาน รสจูบของเขาร้อนแรง ค่อยๆ ปลุกเร้านาง
NC ตอกไม่พัก.นางขย่มไม่ยั้งร่างบางของคุณหญิงเอิบยังสั่นสะท้านไม่หยุด ใบหน้าของนางแดงก่ำ ริมฝีปากเผยอหอบหายใจแรงจากแรงพิศวาสที่พ่อหมอไกรมอบให้เมื่อครู่ แต่ยังไม่ทันที่สติของนางจะกลับมาเต็มที่ ร่างแกร่งของบุรุษเหนือร่างก็กดแน่นลงมาอีกครั้ง"เจ้าไม่ต้องการให้ข้าหยุดใช่หรือไม่?" เสียงแหบพร่าของเขาเอื้อนเอ่ย ราวกับอ่านใจของนางได้ มือหนาไล้ไปตามเอวคอด ค่อยๆ บีบเคล้นอย่างจงใจ ก่อนจะลากปลายนิ้วลากลงต่ำ สัมผัสกับความชื้นแฉะที่ยังคงหลงเหลือ"อะ"นางสะดุ้งเฮือก หัวใจเต้นโครมคราม "ขะ...ข้า...อื้อ!"พ่อหมอไกรไม่ปล่อยให้นางได้พูดจบ ริมฝีปากร้อนผ่าวบดขยี้ลงมาทันที ลิ้นร้อนแทรกเข้ากวาดชิมความหวานจนแทบขาดใจ มือใหญ่จับสะโพกกลมกลึงให้นางแนบสนิทกับร่างแกร่งที่กำลังร้อนรุ่มราวกับเปลวเพลิง ร่างของเขาแน่นแข็ง บดขยี้ลงมาอย่างไม่ปรานี"เจ้ายังต้องการข้าอีก" เสียงกระซิบทุ้มต่ำทำให้นางตัวสั่นระริก รู้สึกถึงความแข็งแกร่งที่ดันแนบมาจนสะโพกของนางร้อนวูบ มือของพ่อหมอไกรสอดเข้ารั้งเอวคอดของนางไว้แน่น ก่อนจะพลิกกายนางลง "อูยยย พี่ไกร" ร่างนางเบียดกับผืนดินชื้นแฉะจากหยาดเหงื่อและน้ำค้างที่เริ่มหยดลงมา"พ่อหมอ...ข้า...
น้ำตาคุณหญิงปีพุทธศักราช 2000กรุงศรีอยุธยา"เจ้าไปไหนมา"คุณหญิงเอิบยืนเท้าสะเอวจ้องอนุภรรยาคนใหม่ของสามีตาเขม็ง"ไปที่ใดมาก็เรื่องของข้า" นางจันทร์เป็นแม่ค้าขายปลาที่ตลาด ตอนรู้ว่าเจ้าพระยาสุรเดชจะรับนางเข้ามาเป็นอนุ คุณหญิงเอิบแทบจะอยากกัดลิ้นตาย!!!"เอ็งนี่เล่นหูเล่นตาใส่ข้าดีนัก เดี๋ยวแม่จะตบให้คว่ำ""โอ๊ย ท่านเจ้าคุณเจ้าขา กรี๊ดดดดดด คุณหญิงจะฆ่าน้อง" นางจันทร์แสร้งโวยวายให้ใหญ่โต เจ้าพระยาสุรเดชหรือเจ้าคุณเดชที่ทุกคนเรียกติดปากรีบวิ่งออกมาดู แถมยังถือดาบออกมาด้วย"ไหน อีเอิบอีจัญไร มึงจะทำอะไรเมียกู" เจ้าคุณเดชไม่เหลือเยื่อใยให้เมียพระราชทานคนนี้แล้ว เขาถือดาบไล่ฟันคุณหญิงเอิบ "ว้าย! ท่านเจ้าคุณ ฮืออออ น้องไม่ได้ทำอะไรเลยนะเจ้าคะ""ท่านเจ้าคุณอย่าไปเชื่อ เมื่อครู่คุณหญิงยังบอกว่าจะฆ่าน้องอยู่เลย" เมื่อนางจันทร์ว่าอย่างนั้น เจ้าคุณเดชที่กำลังหลงใหลนางก็ตั้งใจจะฟันคุณหญิงเอิบให้โดนสักที"ช่วยด้วย แม่แย้ม แม่แย้มเอ็งมาช่วยข้าที" คุณหญิงเอิบวิ่งหนีกลับเรือนตน นางเพียงเห็นแม่จันทร์ไปทำอะไรลับๆล่อๆที่ท่าน้ำ เลยเข้าไปถามแค่นั้น แถมยังไม่ทันได้ทำอะไรนางเลยด้วยซ้ำ"ว้าย!คุณหญิงเจ้าขา" ...
ความคิดเห็น