"แล้วหนูจะได้อยู่กับเฮียอีกตอนไหนเหรอคะ" "เอาไว้ถ้าฉันต้องการเธอเมื่อไหร่แล้วจะเรียก" ขยับใบหน้าเข้าใกล้จูบลงบนศีรษะของเธอเบาๆ ดวงตาคมฉายแววเจ้าเล่ห์ ก่อนจะยกยิ้มมุมปากร้ายกาจ "ปิดปากของเธอให้สนิท อย่าให้ใครรู้เรื่องของเราเด็ดขาด" ".." "ถ้าเรื่องนี้รู้ถึงหูคนอื่นเมื่อไหร่ เธอได้จบเห่แน่" รีบก้าวขาลงจากเตียง วิ่งเข้าไปสวมกอดเขาไว้แน่นจากทางด้านหลัง "เฮียมีแค่ชาคนเดียวได้ไหม" "แล้วทำไมฉันต้องทำแบบที่เธอบอก คิดว่าตัวเองสำคัญขนาดนั้น?" "เปล่าค่ะ หนูไม่ได้สำคัญตัว" "งั้นก็ลองบอกเหตุผลมา เผื่อฉันจะเก็บไปพิจารณา" "ถ้าเฮียอยากให้หนูทำอะไร หนูจะทำให้เฮียทุกอย่าง" "คิดว่าตัวเองมีดีขนาดไหน?" "ที่ชายอมเพราะชารักเฮียนะ สนใจหนูบ้างได้มั้ย" "หวังสูงเกินไปหรือเปล่า ฉันมีอะไรกับเธอมันก็เป็นแค่เรื่องสนุก" ".."
View More-มหาวิทยาลัย-“วันหยุดนี้ว่างมั้ย คิมว่าจะชวนไปงานวันเกิด”“มะ…เมื่อกี้คิมพูดว่าไงนะ” หันไปมองตามเสียงของแฟนหนุ่ม หลังจากที่นั่งเผลอใจลอยคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย“คิมบอกว่าจะชวนชาไปงานวันเกิด”“จริงด้วย ใกล้จะถึงวันเกิดของคิมแล้ว”“ชาลืมเหรอ”“ขอโทษนะ ช่วงนี้มีเรื่องให้คิดเยอะเลย” อลิชารู้สึกผิดที่หลงลืมวันสำคัญของคิมไป เธออยากบอกถึงความสัมพันธ์ที่เคยผ่านมาแต่ติดตรงที่ใจยังไม่กล้าพอ“ไม่โกรธหรอก เรื่องแค่นี้เอง”“แล้วเฮียแฟรงก์ไปด้วยมั้ย” โพล่งถามโดยไม่ทันยั้งคิด พวกเขาค่อนข้างสนิทกัน เลยเกิดเป็นความกังวลใจถ้าต้องกลับเจอบุรินทร์ภัทรอีกครั้ง“ไม่ได้ไป เห็นบอกว่าติดคุยงานกับลูกค้าที่ต่างจังหวัด”“…..” ร่างบางถอนหายใจเบาๆ ด้วยความโล่งอก พยายามทำสีหน้าให้เป็นปกติเมื่อเห็นสายตาของแฟนหนุ่มที่มองมา“ชาไปกับคิมนะ จะได้แนะนำให้เพื่อนๆ รู้จักด้วย แค่กินข้าวด้วยกันนิดหน่อย เป็นงานเล็กๆ ชวนแต่คนสนิท ไม่วุ่นวายหรอก”“ไปก็ได้ แต่ขอชวนคะนิ้งไปด้วยได้มั้ย”“ได้สิ ไปหลายคนสนุกดี ชาจะได้มีเพื่อน จะได้ไม่เหงา”“ขอบคุณนะ”“เพื่อนชาก็เหมือนเพื่อนคิมนั่นแหละ ไม่ต้องคิดมาก”“…..”“อย่าลืมแต่งตัวสวยๆ รอเลยนะ คิ
“ทำไมถึงมาต้องการชาตอนนี้เหรอคะ” ถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง หันมองคนนั่งข้างที่กำลังแสดงความกระวนกระวายใจนักหนาเธอเคยอ้อนวอนขอความรักจากผู้ชายคนนี้ ยอมให้เขาทุกอย่างจนตัวเองดูน่าสมเพช แต่สุดท้ายบุรินทร์ภัทรก็มองเห็นเธอเป็นแค่ของตายไร้ค่าในสายตาจะไม่ยอมกลับไปเป็นแบบนั้นอีกแล้ว เพราะรู้ดีว่าการโดนเหยียบย่ำหัวใจมันเจ็บแค่ไหน“ตอนที่ชารักคุณ ต้องการคุณ โหยหาความรักจากคุณ แล้วตอนนั้นคุณไปอยู่ที่ไหน”“…..”“หรือคุณคิดว่าจะทำยังไงกับชาก็ได้?”“เฮียเป็นคนผิดเอง ผิดแม่งทุกอย่างเลย”ลิชาเคยรักเขามาก มากจนคิดเข้าข้างตัวเองว่าเธอจะไม่มีวันไปไหนได้เพิ่งจะรู้ตัวว่าทำพลาดไปก็ต่อเมื่อไม่มีเธออยู่แล้ว“ให้ได้แค่คำขอโทษ มีให้แค่นี้เองเหรอคะ”“แล้วจะให้เฮียทำยังไงก็บอกมา”“ก็ทำเหมือนที่เคยทำมาตลอด ทำเหมือนว่าชาไม่มีตัวตนในชีวิตของคุณ”“ไอ้คำพูดห่างเหินพวกนั้น ช่วยเลิกใช้มันสักที” แววตาที่เคยมองเขาด้วยความอ่อนโยน มาตอนนี้มันดูว่างเปล่า ไร้เยื่อใย มองไม่เห็นแม้กระทั่งเศษความรักที่หลงเหลืออยู่ “เพราะไอ้เหี้ยนั่นใช่มั้ย เธอถึงกล้าทิ้งเฮียไปหามัน”“ต่อให้ไม่มีคิม ชาก็คงไม่กลับไปหาคุณอยู่ดี”“ไม่จริง! เธอรัก
-ร้านมินิมาร์ท-“ลิชา แกเช็กสต๊อกให้ฉันหรือยัง”อลิชาเงยหน้าขึ้นมองขณะที่กำลังจัดของอยู่หลังเคาน์เตอร์ เธอและคะนิ้งมาสมัครทำงานพาร์ทไทม์อยู่ที่ร้านมินิมาร์ทเล็กๆ ใกล้หอพัก“เรียบร้อยแล้ว”“ขอบคุณมากนะ ถ้าไม่มีแกฉันคงลำบากแน่เลย”“ไม่เป็นไร เรื่องเล็กน้อยถือว่าช่วยกัน” เพราะคะนิ้งมีอาการป่วยเลยวานให้เธอช่วยทำงานแทน“เลิกงานแล้วไปกินข้าวด้วยกันนะ เดี๋ยววันนี้ฉันเป็นเจ้ามือให้เองถือว่าเป็นการตอบแทนที่แกช่วยฉันทำงานไง” เดินเข้าไปกอดคอเพื่อนรัก ตั้งแต่ลิชาแยกตัวออกไปมีแฟน ก็แทบจะไม่ค่อยได้ไปไหนมาไหนด้วยกัน ส่วนฟ้าใสก็ยังคงทำงานอยู่ที่บาร์ของบุรินทร์ภัทรเหมือนเดิม นานทีปีหนถึงจะแวะมาให้เห็นหน้า“วันนี้เรามีนัดไปเดินตลาดกับคิมแล้ว”“ช่วงนี้ติดแฟนเหรอ เห็นมารับมาส่งกันทุกวันเลย”“คิมชอบชวนไปเที่ยว คะนิ้งไปด้วยกันมั้ย”“ไม่ดีกว่า ฉันไม่อยากไปเป็นก้างขวางคอของพวกแกทั้งสองคน”“อย่าคิดแบบนั้นสิ เราว่าไปหลายคนสนุกดีนะ”“เอาไว้คราวหน้าแล้วกัน ว่าแต่ไอ้คิมมันดูแลแกดีมั้ย” อดเป็นห่วงเพื่อนสนิทไม่ได้ เดี๋ยวนี้ลิชาของเธอธรรมดาที่ไหน หันมาดูแลตัวเองจนได้ดิบได้ดี ขยับขึ้นมาเป็นตัวท็อปของมหาลัย ขนาดมีแฟนอ
ราวกับโลกหยุดหมุนไปชั่วขณะเมื่อมองเห็นบุคคลที่ไม่คาดคิด อยากเดินหนีออกไปให้พ้นๆ แต่ทำได้เพียงยืนสบตานิ่งมือเล็กกำสายกระเป๋าสะพายไว้แน่น หัวใจของเธอเต้นแรง เมื่อเผชิญหน้ากับบุรินทร์ภัทรตัวเป็นๆ ในรอบสามเดือน“ทำไมถึงไม่มาหาหนูบ้างเลย” เสียงของสดใสของดาวศุกร์ช่วยดึงสติให้ตื่นจากภวังค์ ลิชาก้มลงมองเด็กหญิงที่วิ่งเข้ามากอดแสดงความคิดถึงจนออกนอกหน้านอกตา “พี่ลิชาไม่คิดถึงศุกร์เหรอ”“ช่วงนี้พี่ติดเรียนค่ะ”“ว่าแล้วพี่ลิชาต้องไม่ว่างมาหาหนูแน่เลย” ได้ยินแค่นี้ก็ดีใจมากนึกว่าพี่สาวคนสวยจะลืมเธอไปแล้วเสียอีก“…..” ใบหน้าแสนหวานเผยรอยยิ้มอ่อนโยน เผลอยกมือลูบศีรษะของเด็กน้อยด้วยความเอ็นดู“พี่ลิชามาเที่ยวกับใครคะ”“พี่แวะมาทำธุระน่ะค่ะ”“วันนี้หนูมากับป๊านะ” ดาวศุกร์ยิ้มร่าชี้ไม้ชี้มือบอกยกใหญ่ เพราะไม่เห็นพี่ลิชาเดินเข้าไปทักป๊าแฟรงก์บ้างเลย“พี่ต้องไปแล้ว เอาไว้ถ้ามีเวลาว่างเราค่อยเจอกันนะคะ”“อย่าเพิ่งไปได้มั้ยคะ อยู่กับหนูก่อน”ลิชามองเด็กน้อยด้วยความรู้สึกที่สงสารจับใจ อยากกอด อยากเล่นด้วยกันเหมือนที่เคยทำ “พี่ต้องไปแล้ว”“ไม่คิดจะทักทายกันหน่อยเหรอ” เสียงคุ้นเคยดังขึ้นตามหลัง ขณะที่เธอกำ
“ป๊าเป็นอะไร นอนไม่หลับเหรอ” เพราะป๊าของเธอยกมือขึ้นก่ายหน้าผากแล้วเอาแต่ถอนหายใจ ขยับพลิกตัวไปมาไม่ยอมนอนสักที“…..” แฟรงก์ก้มมองเด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมแขน ดาวศุกร์สวมชุดนอนลายเป็ดสีเหลืองกอดตุ๊กตากระต่ายสีชมพูที่ลิชาเป็นคนให้มา“เดี๋ยวศุกร์ร้องเพลงชาติให้ฟังนะ จะได้นอนหลับฝันดี”“ศุกร์รักป๊ามั้ย” จุมพิตที่หน้าผากของลูกสาวเบาๆ ดึงเด็กน้อยเข้ามากอดไว้แน่นรักมากกว่าชีวิตตัวเอง รักมากกว่าไอ้แว่น ก็คงจะเป็นดาวศุกร์ดวงน้อยดวงนี้“รักสิ รักมากด้วย”“ป๊าก็รักศุกร์เหมือนกัน”“ที่ป๊านอนไม่หลับ เพราะป๊าคิดถึงพี่ลิชาใช่มั้ย” เด็กหญิงถามอย่างไร้เดียงสาแต่ดันกระแทกใจเขาแบบเต็มๆ คนเคยอยู่ด้วยกันมานาน ก็ต้องมีบ้างที่นึกถึง“คิดถึงแล้วจะทำอะไรได้”“แล้วทำไมไม่ไปง้อพี่ลิชากลับมาล่ะ”“ป๊าทำอะไรแบบนั้นไม่เป็นหรอก” สกิลการจีบสาวไม่มี การง้อยิ่งติดลบ ตั้งแต่เกิดมาเขาเคยจีบใครที่ไหน“งั้นก็ไปถามป๊าฟรินสิ ศุกร์เห็นป๊าฟรินชอบง้อแม่เหนืออยู่บ่อยๆ”“ไม่เอาหรอก” ความคิดโรคจิตพิสดารเหมือนไอ้แว่นใครจะไปอยากทำตาม“แล้วป๊าไม่รักพี่ลิชาเหรอ”“ศุกร์คิดว่าไง”“ศุกร์เป็นเด็กก็ไม่รู้หรอกว่าป๊ารักพี่ลิชามั้ย ป๊าคงต้องถาม
“ไอ้แฟรงก์!” เสียงอันทรงพลังของเจ๊ปาลินช่วยปลุกคนที่นอนหลับให้สะดุ้งตื่นแบบอัตโนมัติแฟรงก์รีบดีดตัวลุกขึ้นนั่งทั้งๆ ที่ยังไม่ทันได้ลืมตา ก่อนจะรู้สึกถึงความหนักอึ้งเหมือนสมองกำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ จนต้องยกมือขึ้นทุบศีรษะของตัวเองเบาๆ“คะ…ครับเจ๊”“ตื่นได้แล้ว ใจคอจะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหน” ยืนเท้าเอวแผดเสียงเล็กแหลมบ่นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนถึงข้างเตียงปาเข้าไปเกือบหกโมงเย็น ยังไม่เห็นแม้แต่เงาหัว จนหล่อนต้องเข้ามาตามมันด้วยตัวเอง“เมาค้างปวดหัวฉิบ!”“เฮียฟรินบอกเมื่อคืนแกเมาหนักเหรอ”“ก็มีบ้าง” ก้มลงมองร่างกายที่สวมใส่เพียงกางเกงบ๊อกเซอร์ เมื่อคืนเมามาก เมาจนจำอะไรไม่ได้ โดยที่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าลากสังขารกลับมานอนที่บ้านได้ยังไง “ใครมาส่งหนูอ่ะเจ๊ จำอะไรไม่ได้เลย”“เฮียฟรินเป็นคนไปรับ”“…..”“แกเมามากจนอ้วกใส่รถน้องที่เพิ่งซื้อมาได้ไม่กี่วัน จำได้หรือเปล่า”“อ่า…ไม่เคยเมาขนาดนี้มาก่อนเลย”“ฉันล่ะเหนื่อยใจ เพลาลงบ้างเรื่องอะไรพวกนี้”“หนูก็พยายามอยู่ อย่าบ่นให้มากเดี๋ยวตีนกาก็ขึ้นหรอก”“งั้นก็รีบอาบน้ำแต่งตัวลงไปกินข้าวพร้อมกัน พวกๆ ลูกรออยู่”“เดี๋ยวตามไป”แฟรงก์ถอนหายใจลากยาว รีบ
“ลิชา…”“…..” คนถูกเรียกขยับพลิกตัวไปมา ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมอง เห็นคะนิ้งยืนจ้องหน้าอยู่ตรงปลายเตียง“แกเป็นยังไงบ้าง ลุกขึ้นมากินข้าวไหวมั้ย”“ปวดหัว” ยกมือขึ้นนวดขมับเบาๆ เธอรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนจะไม่สบาย ขอบตาของลิชาบวมเป่งจากการร้องไห้อย่างหนัก ใบหน้าอิดโรยซีดเซียวดูไม่ค่อยมีเรี่ยวแรง“งั้นกินข้าวก่อนนะ จะได้กินยา ถ้าอาการไม่ดีขึ้น ฉันจะพาไปหาหมอ”“…..” ใบหน้าร้อนผ่าวรีบยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดน้ำตา ถ้าไม่มีคะนิ้งคอยอยู่เคียงข้าง ชีวิตของเธอคงแย่กว่านี้“ถ้าอยากร้องก็ร้องออกมาเลย เดี๋ยวฉันจะเช็ดน้ำตาให้แกเอง” ยกมือขึ้นลูบศีรษะเพื่อนสนิทเพื่อปลอบใจ“เราไม่ได้อยากอ่อนแอแบบนี้”“การที่อ่อนแอไม่ได้แปลว่าเป็นความผิดของแกสักหน่อย จะคิดมากไปทำไม”“ไม่น่าไปรักเขาเลย ไม่น่าเลยจริงๆ” เพื่อนก็เคยเตือนหลายครั้งให้เลิกรักผู้ชายคนนั้น แต่ความรักของเธอที่มีให้บุรินทร์ภัทรมันมากเกินไป จนไม่เหลือเผื่อให้ตัวเอง“ความรักมันห้ามกันได้ที่ไหน คนเรามันก็ผิดพลาดกันได้ทั้งนั้น เริ่มต้นใหม่ตอนนี้ก็ยังไม่สาย”“…..”“ถ้าไอ้เฮียมันไม่รัก แกก็กลับมารักตัวเองได้แล้ว”“…..”“กลับมาสนใจตัวเอง เพราะคนที่จะอยู่กับเร
ลิชานั่งร้องไห้สะอื้นจนตัวสั่น ก้มหน้าก้มตาเก็บสิ่งของจำเป็นใส่กระเป๋าสะพายใบใหญ่ข้าวของแบรนด์เนมหรือเสื้อผ้าที่บุรินทร์ภัทรเคยซื้อให้เธอไม่หยิบติดมือออกไปแม้แต่ชิ้นเดียวเคยคิดเอาไว้ว่าวันนี้ต้องมาถึง แต่พอเอาเข้าจริงมันกลับรู้สึกเจ็บและยากเกินกว่าจะรับมือไหวบรรยากาศภายในห้องเงียบลง ไม่มีบทสนทนาใดๆ ต่อจากนั้น บุรินทร์ภัทรนั่งบนขอบเตียงมองแผ่นหลังบางที่กำลังสั่นเทาสายตาคู่คมล่อกแล่กไปมาคล้ายกับใช้ความคิดอย่างหนัก เกิดเป็นความสับสนว่าควรจะทำยังไงกับเหตุการณ์ตรงหน้า“ฉันคงไม่เสียเวลาขับรถไปส่ง หาทางไปเองก็แล้วกัน” ตั้งใจพูดกระแทกใส่หญิงสาวที่หอบข้าวของพะรุงพะรังเดินผ่านไปเธอทำเหมือนว่าเขาเป็นแค่ธาตุอากาศไม่มีตัวตน ลิชาหยุดชะงักยืนนิ่งไม่แม้แต่จะหันกลับไปมอง เขายังคงทำร้ายจิตใจของเธอจนถึงวินาทีสุดท้าย“ชาก็ไม่ได้หวังให้เฮียไปส่งอยู่แล้ว”ร่างสูงหยัดตัวลุกขึ้นยืน รีบเดินเข้าไปประชิดหญิงสาวจากทางด้านหลัง เอื้อมมือสั่นเทาจับลูกบิดไว้แน่นในขณะที่เธอกำลังจะเปิดประตูห้องออกไป“แม้แต่หน้าฉันก็ไม่อยากมองแล้วหรือไง”จับใบหน้าของคนตัวเล็กให้หันกลับมาสบตา ก่อนจะโน้มริมฝีปากลงมาจูบเธอหนักๆ เรียว
มัวแต่กอดแต่จูบอยู่นั่นแหละ รีบเอาสักที” ชายหนุ่มบอกผ่านน้ำเสียงกระเส่า มองสำรวจเรือนร่างบอบบางที่นั่งอยู่บนตักตั้งแต่เนินอกไล่ต่ำลงมาจนถึงหน้าท้องขาวเนียนใต้ร่มผ้า ยังพอมองเห็นรอยคิสมาร์กจางๆ จากครั้งก่อนที่เขาได้ทำไว้ลิชาเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่นอย่างชั่งใจ ขยับตัวลงไปนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นหินอ่อนเย็นเฉียบ ค่อยๆ คลานเข้ามาแทรกตัวอยู่กลางหว่างขาเอื้อมมือที่สั่นเทาไปรูดซิปกางเกงของชายหนุ่มอย่างรู้งาน จนทั้งสองเหลือเพียงร่างกายเปลือยเปล่าอยู่ต่อหน้ากันไม่ว่าเขาจะบอกหรือสอนอะไร ลิชาเป็นคนหัวไวเรียนรู้ได้เร็วหญิงสาวลอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่อย่างยากลำบาก ใช้สองมือประคองชักรูดแก่นกายใหญ่ช้าๆ โน้มริมฝีปากครอบลงบนท่อนเอ็นอย่างเงอะงะก่อนจะใช้เรียวลิ้นโลมเลียบริเวณส่วนปลายแล้วออกแรงดูดเบาๆ“อมแบบนั้นเมื่อไหร่จะแตก ดูดให้มันแรงๆ”ร่างสูงหยิบมวนบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ พ่นควันออกทางจมูกจนพวยพุ่งไปทั่วบริเวณห้อง เท้าแขนสองข้างไว้ทางด้านหลังเพื่อทรงตัว ก่อนจะยกยิ้มมุมปากก้มลงมองท่าทางใสซื่อของคนตัวเล็กเสียงลามกดังเล็ดลอดผ่านทางริมฝีปากเล็กเบาๆ ยิ่งเป็นแรงกระตุ้นให้อยากทำเรื่องแบบนั้นเต็มทนฝ่ามือหน
-2F BRA-ร่างสูงคมคายพ่นควันบุหรี่ออกทางจมูกและริมฝีปากจนลอยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ คิ้วหนาขมวดเข้าหากันจนสีหน้าดูเคร่งเครียด มือซ้ายยกโทรศัพท์แนบหู ส่วนมืออีกข้างคอยชี้นิ้วสั่งพนักงานในร้าน‘แฟรงก์ บุรินทร์ภัทร’ หนุ่มหล่อวัย28ปี ดีกรีเจ้าของคลับชื่อดังมากกว่า5สาขาทั่วกรุงเทพอยู่ในชุดลำลองสวมเสื้อยืดคอกลมสีดำ กางเกงยีนขายาวขาดเข่าสีซีดทรงผมมัลเล็ตสีควันบุหรี่ถูกจัดทรงให้เป๊ะทุกกระเบียดนิ้ว ส่วนข้อมือสวมใส่นาฬิกาแบรนด์ดังราคาหลักหลายล้านที่ขโมยน้องชายฝาแฝดมาใบหน้าราวกับเทพเจ้าปั้นคิ้วเข้มหนารับกับดวงตาเฉี่ยวคม ทำให้ดูโดดเด่นกลายเป็นจุดสนใจของผู้คนที่อยู่แถวนั้นได้ไม่ยาก‘จะโทรจิกอะไรนักหนา บอกว่าทำงานอยู่พูดไม่รู้เรื่องหรือไง’‘น่ารำคาญชะมัด แค่นี้แหละ’ติ๊ด…ชายหนุ่มรีบกดตัดสายทิ้งด้วยความหงุดหงิด เธอคือผู้หญิงที่เข้ามาติดพันในช่วงระยะเวลาสั้นๆ“หงุดหงิดกับสาวคนไหนอีกล่ะเฮีย” ลูกน้องคนสนิทเอ่ยแซวผู้เป็นเจ้านายด้วยความสนิทสนมเฮียแฟรงก์ของเขาเรียกว่าหล่อสะบัด ฐานะก็ดี หน้าตาก็หล่อเหลาเต็มพิกัด ทำให้มีสาวสวยมาติดพันมากมาย“มึงจำยัยวิกกี้ได้มั้ย” แค่นึกเห็นหน้าก็ปวดหัว นอกจากเรื่องบนเตียงก...
Comments