-2F BAR-
“ผู้หญิงคนนั้นคือใคร ทำไมถึงมากับเฮียได้”
“คงจะเป็นเด็กใหม่ของเฮียนั่นแหละ เห็นบอกว่าคนนี้เป็นดาราด้วย”
“สวยมาก เหมาะสมกับเฮียสุดๆ”
บทสนทนาและเสียงซุบซิบของพนักงานคนอื่นดังขึ้น ลิชาได้แต่ยืนฟังแบบเงียบๆ ทอดสายตามองตามแผ่นหลังของเจ้านายที่เพิ่งเดินผ่านหน้าไป
บุรินทร์ภัทรควงสาวสวยคนใหม่ โดยไม่ชายตาแลมองเธอเลยสักนิด
ร่างเล็กก้มลงมองสภาพของตัวเองด้วยหัวใจห่อเหี่ยว ทั้งๆ ที่เป็นคนปฏิเสธข้อเสนอแต่กลับรู้สึกเจ็บเสียเอง
“เป็นอะไรลิชา ทำไมช่วงนี้แกดูซึมๆ” หัวหน้าแผนกเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง ใบหน้าของลิชาซีดเซียวไร้เครื่องสำอาง มีเพียงแว่นตากรอบหนาที่สวมใส่
ถึงแม้จะแต่งตัวมิดชิดแต่ก็พอให้เห็นสัดส่วนอยู่บ้าง ช่วงนี้เธอเอาแต่เก็บตัวเงียบไม่ค่อยสุงสิงกับใคร
“ปะ…เปล่าค่ะ”
“ทำหน้าเหมือนคนอกหัก แกไปแอบมีแฟนตั้งแต่ตอนไหน”
“ไม่ใช่สักหน่อย”
“วันนี้ยัยอรไม่มา ชาช่วยไปดูโซนวีไอพีแทนมันด้วยนะ”
“ได้ค่ะ” คนตัวเล็กตอบรับอย่างไม่เรื่องมาก เพราะปกติเธอจะออกไปรับแขก อยู่หลังร้านหรือไม่ก็วิ่งวุ่นอยู่ในครัวเสียส่วนใหญ่
“วันนี้เฮียมีแขกคนสำคัญ พี่ฝากชาดูแลด้วยนะ”
“ได้ค่ะ…พี่ไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวชาดูแลลูกค้าให้เอง”
“…..”
“เสนอหน้ามาอีกแล้ว พวกมึงไม่มีงานมีการทำกันหรือไง” แฟรงก์ถอนหายใจลากยาว กรอกสายตามองบนด้วยความเบื่อหน่ายเมื่อเห็นเพื่อนรักที่กำลังกอดคอกันเดินเข้ามาในร้าน
ไอ้พวกนี้เข้าร้านทีไร มาขอกินฟรีตลอด พากันตายอดตายอยากมาจากไหนถึงได้แดกเหมือนพายุเฮอริเคนถล่มขนาดนี้
“ใจเย็นเพื่อนรัก วันนี้พวกกูมาเป็นลูกค้าไม่ได้มากินฟรี” ไคโรพูดราวกับรู้ทันว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่ ต่อให้ไม่ต้องอ้าปากก็เห็นลิ้นไก่
“ถ้างั้นเชิญนั่งก่อนเลยครับ” แฟรงก์เปลี่ยนสีหน้าฉีกยิ้มกว้างรีบเดินเข้าไปต้อนรับ
ทำสีหน้าครุ่นคิด วางแผนการชั่วร้ายจะส่งเด็กในร้านมาปอกลอกเพื่อนรักเอาให้หมดตัวกันไปข้าง
“เปลี่ยนสีไวเชียวนะมึง”
“ร้านของผมบริการทุกระดับประทับใจ”
“ในร้านมึงมีอะไรเด็ดบ้าง แนะนำพวกกูหน่อย”
“ถ้าเด็ดสุดในร้านก็ต้องเป็นกูแล้วแหละ” ยกมือขึ้นเสยผมโชว์ใบหน้าคมคายอย่างภาคภูมิใจ ไอ้ไคโรที่เข้าขั้นว่าเท่สะบัดยังไม่อาจต้านทานความหล่อของเขาได้
บางทีก็อยากโทรถามเจ๊ปาลินให้รู้แล้วรู้รอดว่าตอนท้องกินอะไรเข้าไป ทำไมเขากับไอ้แว่นถึงเกิดมาหล่อเท่ขนาดนี้
“จะอ้วกไอ้สัดแฟรงก์” แค่มองเห็นสายตาหวานหยดของมันรู้สึกขนหัวลุก ถ้าเป็นสาวๆ มีหวังได้อ่อนระทวยใจอ่อนกันหมด
แต่พวกเขามันผีเห็นผีเลยรู้ว่าอะไรเป็นอะไร
“ว่าแต่เรื่องของเด็กนั่นไปถึงไหนแล้ว” คำถามจี้ใจดำจากคัมภีร์ทำเอาเจ้าตัวหยุดชะงักไปชั่วครู่
“…..”
“ถามจริง?” คัมภีร์มองหน้าเพื่อนชายอย่างจับผิด ปกติมันเป็นคนพูดมากแต่เรื่องนี้กลับนิ่งเฉย
“ก็เด็กมันไม่ยอมแล้วจะให้กูทำยังไง”
“มันเป็นไปได้เหรอวะ”
“เออ! มันเป็นไปแล้ว” จากที่ยืนอยู่ ทิ้งตัวนั่งลงข้างไคโรอย่างหัวเสีย
ตั้งแต่เกิดมาจนอายุปูนนี้ เพิ่งจะเคยโดนยัยเฉิ่มหน้าเป็ดปฏิเสธเป็นครั้งแรก บอกเลยถึงกลับเสียหลักไปต่อไม่ถูก
“แต่กูมีวิธี”
“หยุดความคิดชั่วๆ ของมึงเอาไว้ตรงนั้นแหละ” แฟรงก์รีบยกมือห้ามปรามอย่างรู้ทัน ในเซลล์ประสาทของไอ้ไคโรมันไม่เคยคิดเรื่องดีๆ เหมือนชาวบ้านเขาหรอก
“แล้วมึงรู้หรือไงว่ากูคิดอะไร”
“มึงกับกูเป็นเพื่อนกันมากี่ปี ทำไมกูจะไม่รู้ว่ามึงคิดอะไรอยู่”
ไคโรหัวเราะเบาๆ ในลำคอที่เพื่อนชายรู้ทัน หยิบห่อฟอยล์ที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อออกมาวางไว้บนโต๊ะ
“มึงจะทำอะไรไคโร”
“กูกำลังอยากทดลองยาใหม่อยู่พอดี” เทมันใส่แก้วเครื่องดื่ม มองไปยังลิชาที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล
“เวรฉิบ!” แฟรงก์สบถออกมาดังลั่น พยายามห้ามแล้ว แต่คนอย่างไคโรไม่มีทางลดละง่ายๆ จนกว่าจะทำมันสำเร็จ
“ถ้ามึงไม่มีปัญญาก็หุบปากไป ถ้าขี้ขลาดมาก เดี๋ยวกูจัดการยัยนั่นให้เอง”
อึก…แฟรงก์ทำในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด รีบคว้าแก้วเครื่องดื่มขึ้นมากระดกรวดเดียวจนหมด
“ไอ้สัดแฟรงก์! กูจะเก็บไว้ให้เด็กนั่น แล้วมึงจะแดกเองทำเหี้ยอะไรคายออกมา” ไคโรบีบใบหน้าของเพื่อนชายอย่างแรงเพื่อให้ยอมเปิดริมฝีปาก ใช้นิ้วล้วงควานหาตัวยาที่มันเพิ่งกินเข้าไป
“ไม่มีประโยชน์ เพราะกูกลืนลงคอไปหมดแล้ว”
“ไอ้เวร! แดกเข้าไปขนาดนั้นเดี๋ยวได้ฟ้าเหลืองกันพอดี”
“ยากระจอกๆ ของมึงทำอะไรกูไม่ได้หรอก”
ไหวไหล่แบบมั่นใจ อยากจะรู้เหมือนกันว่ายาของไคโรที่ว่าแน่กับเขา อะไรมันจะแข็งกว่ากัน
“กูขอตัวไปสั่งงานลูกน้องก่อน เดี๋ยวรีบมานั่งด้วย”
หยัดตัวลุกขึ้นเต็มความสูง ก่อนจะเดินออกจากโต๊ะท่ามกลางสายตาของเพื่อนสนิทที่มองตาม
“เฮียแฟรงก์…เฮียแฟรงก์…”
ขวับ! เสียงหวานของลิชาร้องเรียก ชายหนุ่มรีบหันไปตามเสียง แต่กลับพบความว่างเปล่า ไม่มีใครอยู่ตรงนี้ เขาแค่เกิดอาการหูแว่วไปเอง
ยกมือขึ้นกุมที่หน้าอกข้างซ้าย เม็ดเหงื่อสีใสเริ่มผุดขึ้นตามกรอบหน้าและฝ่ามือ “แม่งเอ้ย”
หัวใจเต้นเร็วจนผิดจังหวะ มือไม้สั่นเทาเริ่มมีอาการเห็นภาพเบลอทับซ้อน จนร่างกายทรงตัวลำบาก
“เป็นอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมหน้าซีดๆ” ฟ้าใสรีบเดินเข้าไปประคองเจ้านายที่อาการไม่ค่อยสู้ดีนัก แต่กลับถูกเขาผลักออกมา
“อย่ามาโดนตัวฉัน ถะ…ถอยไป”
“เฮียอาการดูไม่ค่อยดีเลยเดี๋ยวฟ้าพาไปส่งที่ห้องนะคะ”
ถึงร่างกายจะปฏิเสธแต่สมองกลับสั่งการที่สวนทางกัน สติที่มีอยู่น้อยนิดผลักฟ้าใสให้แนบชิดติดกับผนังในมุมมืด
หญิงสาวไล่สายตามองเจ้านายด้วยสายตาหวานหยด หัวใจของเธอเต้นแรงยามที่ใบหน้าคมคายโน้มต่ำลงมาซุกไซ้ซอกคอราวกับหื่นกระหาย
ฝ่ามือหนาล้วงเข้ามาบีบเคล้นทรวงอกขนาด500cc ที่เพิ่งเสริมมา โดยไม่สนใจสายตาของผู้คนที่เดินผ่าน
“ฮะ…เฮียแฟรงก์”
“ไปตามลิชาให้หน่อย”
“…..”
“ฉันขอแค่ลิชาคนเดียว ส่วนคนอื่นไม่ต้อง”
“ลิชา…” คนตัวเล็กหันมองตามเสียงเรียก ก่อนจะเห็นว่าเป็นหัวหน้างานเดินเข้ามาหาด้วยท่าทางรีบร้อน“พี่มีอะไรหรือเปล่าคะ”“เฮียตามให้ไปพบด่วน”“แต่ชาดูแลแขกตรงนี้อยู่ ยังไม่ว่างเลยค่ะ”“เดี๋ยวพี่หาคนมาทำแทนเอง”“…..” คิ้วเรียวขมวดปมเข้าหากันด้วยความสงสัย เกิดเป็นคำถามในใจว่าเธอทำอะไรผิด เจ้านายถึงได้เรียกพบด่วนขนาดนี้“รีบไปเถอะน่า อยากโดนไล่ออกหรือไง” ไม่ใช่แค่ลิชาที่จะโดนไล่ออก แต่เธอเองก็คงโดนด้วยเหมือนกันถ้าเกิดว่าลิชาไม่ยอมไปตามคำสั่ง“…..” ร่างเล็กส่ายหน้าปฏิเสธ ถ้าโดนไล่ออกจากงานกลางคันคงแบบนี้ต้องลำบากมากแน่ๆ ไหนจะค่าเทอม ค่าหอที่ต้องรับผิดชอบตัวเองหัวหน้าแผนกหันซ้ายมองขวา ก่อนจะโน้มใบหน้ากระซิบที่ข้างหู แล้วยัดบางสิ่งบางอย่างใส่มือของหญิงสาว “พกติดตัวไปด้วย เผื่อจำเป็นต้องใช้”“เอ่อ…” ลิชาเบิกตากว้างมองเห็นถุงยางอนามัยที่เพิ่งได้มา ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนตรงหน้าต้องการจะสื่ออะไร“มัวยืนงงอยู่นั่นแหละ รีบไปหาเฮียสิ เดี๋ยวก็ได้ซวยกันหมดหรอก”“ค่ะ…หนูจะรีบไปเดี๋ยวนี้”ตึกตัก…เสียงฝีเท้าดังกระทบกับพื้นกระเบื้องตามจังหวะก้าวเดิน ก่อนที่ร่างเล็กจะหยุดยืนที่หน้าห้องทำงานของเจ้านายแกร๊ก…บานป
คนตัวเล็กถูกอุ้มให้ขึ้นมานั่งบนโต๊ะทำงาน ก่อนที่บุรินทร์ภัทรจะถือวิสาสะแทรกตัวเข้าไปยืนตรงกลางหว่างขาสองขาเรียวหุบเข้าหาเอวสอบไว้แน่นตามสัญชาตญาณ เนื้อตัวสั่นเทาอย่างหนักขณะที่ชายหนุ่มโน้มใบหน้าลงมาซุกไซ้ที่ลำคอ สูดดมกลิ่นกายราวกับหื่นกระหาย“เฮียแฟรงก์…ชากลัว”“กลัวอะไร”“หนูยังไม่เคย…”“กำลังจะทำให้เคยอยู่นี่ไง”เพราะอลิชาคือเป้าหมายตั้งแต่แรก คนอย่างเขาถ้าคิดจะเอาก็ต้องได้ ไม่มีทางยอมปล่อยให้เธอหลุดมือไปได้ง่ายๆ“มันจะไม่เป็นอะไรใช่มั้ยคะ” ถามเสียงอ่อนลง จ้องมองใบหน้าคมคายด้วยความกังวล เริ่มเกิดเป็นความกดดันว่าสิ่งที่กำลังทำมันผิดหรือถูก“ไม่ต้องกินยา เดี๋ยวฉันป้องกันเอง”“หนูเปลี่ยนใจไม่อยากทำแล้ว”“ฉันไม่อนุญาตให้เธอเปลี่ยนใจ”ผลักหญิงสาวให้นอนราบลงบนโต๊ะทำงาน ก่อนจะโน้มตัวลงไปคร่อมเธอไว้ไม่ให้ดิ้นหนีปลายนิ้วเรียวกระหวัดกางเกงชั้นในให้ลงมากองอยู่ที่ข้อเท้า ใช้ฝ่ามือลูบไล้ไปตามกลีบดอกไม้งามที่มีขนอ่อนปกคลุมอยู่รำไรใบหน้าหล่อเหลายกยิ้มมุมปากด้วยความพอใจ ใช้สายตาแทะโลมมองคนตรงหน้าอย่างไม่ปิดบังแฟรงก์เลื่อนมือไปปลดขอบราเซียออกให้พ้นจากเรือนร่างบอบบาง ทำให้ผิวขาวนวลเนียนและเนินอกอ
“แกหายไปไหนมาทั้งคืน”“…..” ลิชาสะดุ้งเฮือกหลังจากได้ยินเสียงของฟ้าใสดังขึ้นจากทางด้านหลัง ขณะที่เธอกำลังเดินเข้ามาในตัวอาคารของหอพักอพาร์ทเม้นท์ฟ้าใสไล่สายตามองเพื่อนสาวตั้งแต่หัวจรดเท้า ลิชาขาดการติดต่อหายไปตลอดทั้งคืนแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “ฉันโทรหาก็ปิดเครื่อง รู้ไหมว่าทำให้คนอื่นเขาวุ่นวายกันไปหมด”“ขอตัวไปพักก่อนนะ เหมือนจะไม่สบายน่ะ”“ตอบมาก่อนว่าแกหายไปไหนมาทั้งคืน” คว้าข้อมือของลิชาไว้แน่นเพื่อไม่ให้เดินหนี มองเห็นใบหน้าซูบเซียวและรอยฟกช้ำที่ติดอยู่ตามลำตัว“เอาไว้ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ เดี๋ยวเราจะเล่าให้ฟังนะ”“แกหายไปกับเฮียแฟรงก์มาใช่ไหม”“ปะ…เปล่า” คนตัวเล็กรีบใส่หน้าปฏิเสธ เธอยังจำคำพูดของเขาได้ดีว่าไม่ให้บอกเรื่องนี้กับใคร“อย่ามาโกหก…เฮียแฟรงก์เรียกแกไปทำอะไร”“…..”“สภาพแบบนี้ คงโดนมาหลายคนเลยใช่มั้ย”“ฟ้าหมายถึงอะไร” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย เอียงคอถามเพราะไม่เข้าใจในสิ่งที่ฟ้าใสพูดเลยสักนิด“ไม่ต้องทำเป็นใสซื่อ บอกฉันมาว่าแกได้กับใครมาบ้าง” เพราะคิดว่าลิชาคงเหมือนผู้หญิงคนอื่นของเจ้านาย ถ้าแขกในร้านจ่ายหนัก บุรินทร์ภัทรจะส่งให้ไปเอนเตอร์เทนลูกค้าแบบส่วนตัว “ถ
“เป็นยังไงบ้างลิชา อาการดีขึ้นหรือยัง” เพื่อนชายคนสนิทถามอย่างเป็นห่วง ก่อนจะหย่อนตัวนั่งลงบนขอบเตียง ใช้หลังมือแตะบนหน้าผากของคนตัวเล็กเบาๆ เพื่อวัดไข้“ดีขึ้นมากแล้วแจ็ค ขอบใจที่อุตส่าห์มาเยี่ยมนะ”“พอไอ้นิ้งโทรบอก เลิกเรียนเราก็รีบมาเลย”“ฉันถามมันก็ไม่ยอมบอกว่าไปทำอะไรมา” คะนิ้งถอนหายใจมองลิชาอย่างเอือมๆ ไม่ว่าเธอจะถามอีกกี่ครั้ง แต่ลิชาก็ยังไม่ยอมปริปากพูดอะไรให้ฟัง“เราแค่ไม่สบายเดี๋ยวก็หายแล้ว”“ไม่สบายต้องเดินขาถ่างด้วยเหรอ ถ้าบอกว่าแกโดนรุมโทรมมายังน่าเชื่อกว่าอีก” สภาพของเพื่อนรักตอนนี้ดูได้ที่ไหนตั้งแต่หายไปในคืนนั้น พอกลับมาถึงห้องก็เอาแต่นอนร้องไห้จับไข้ไปหลายวัน มิหนำซ้ำยังต้องขาดเรียน“…..” ลิชาเข้าใจว่าที่คะนิ้งพูดนั้นเกิดจากความเป็นห่วง เธอจึงไม่ได้ถือสาหรือเก็บมาคิดใส่ใจ“ฉันไม่อยากเซ้าซี้แกแล้ว เอาไว้ถ้าอยากเล่าเมื่อไหร่ ก็ค่อยเล่าแล้วกัน”“กินโจ๊กป่ะ เราซื้อมาฝาก” แจ็ครีบเปลี่ยนเรื่องคุยเมื่อเห็นสถานการณ์ของสองสาวเริ่มตึงเครียด“ขอบคุณนะแจ็ค กำลังหิวอยู่พอดี”“หิวก็กินเยอะๆ เลยนะ ถ้าไม่อิ่มยังมีนมกับผลไม้อีกเพียบ”“ถ้าพวกแกสองคนรักกันปานจะกลืนกินขนาดนี้ ทำไมไม่เป็
“พอแล้วค่ะ หนูดื่มต่อไม่ไหว” ลิชายกมือห้าม ทำท่าทางพะอืดพะอมเมื่อลูกค้าพยายามจะยัดเยียดให้เธอดื่มเหล้าที่เหลืออยู่สติสัมปชัญญะที่หลงเหลือมีเพียงน้อยนิดหลังจากดื่มแอลกอฮอล์มึนเมาเข้าไปเป็นจำนวนมากสายตาพร่าเบลอ โลกเริ่มหมุนรอบตัวช้าลงจนยืนทรงตัวแทบไม่ไหว“อะไรกัน กินแค่นิดหน่อยก็เมาแล้วเหรอ” ลูกค้าหนุ่มรั้งเอวบางให้ขยับเข้ามาแนบชิดจนเกือบจะดึงหญิงสาวลงมานั่งตักอยู่รอมร่อ“หนูดื่มไม่เก่งค่ะ”“เอาอีกสักแก้วสิ เดี๋ยวพี่ให้ทิปสองพัน” วางฝ่ามือลงบนต้นขาขาวเนียน ลูบไล้ไปมาจนลิชาสะดุ้งอยู่หลายครั้ง โดยที่ไม่ทันสังเกตว่ามีสายตาของใครบางคนกำลังจ้องมองทุกการกระทำหญิงสาวเริ่มมีท่าทางลังเลเมื่อได้ยินข้อเสนอจากลูกค้า เงินก็อยากได้ แต่ถ้าจะให้ดื่มอีกคงไม่ไหว “หนูไม่ไหวแล้วจริงๆ”“งั้นไปต่อกับพี่มั้ย ถ้าเป็นน้องเรียกเท่าไหร่ว่ามาเลย”“หนูไม่ได้รับงานน่ะค่ะ”“คิดจะเล่นตัวเพื่ออัปราคาเหรอ”“หนูไม่ได้รับงานแบบนั้นจริงๆ ขอโทษด้วยนะคะ” ดวงตากลมโตสอดส่องไปมาด้วยความกลัว ลิชาถูกลูกค้าโอบไหล่ไว้แน่นไม่ให้ขยับหนีไปได้เคยเจอมาก็หลายคน แต่คนนี้กลับรับมือยากกว่าที่คิด“ก็บอกแล้วไงว่าถูกใจ เรียกเท่าไหร่ก็จ่าย”
ลิชาเม้มริมฝีปากแน่น หลับตาลงช้าๆ เนื้อตัวสั่นเทาเมื่อสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นเจือกลิ่นบุหรี่บางเบาที่กำลังเป่ารดลำคอฝ่ามือหนาจับปลายคางมนให้หันหน้ากลับมาสบตา ก่อนจะพ่นควันบุหรี่ใส่โพรงปากเล็กจนเธอสำลักหน้าดำหน้าแดง “แค่ก…แค่ก…”เมื่อสบจังหวะลิชาจึงรีบสูดอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่ แต่บุรินทร์ภัทรกลับหัวเราะเบาๆ คล้ายกับพอใจที่แกล้งเธอได้สำเร็จ“เฮียแฟรงก์ ชากลัว” บอกผ่านน้ำเสียงหวาดหวั่น เห็นชายหนุ่มปลดเข็มขัดหนังราคาแพงออกจากกางเกงที่สวมใส่“กลัวทำไม! ทียอมให้ไอ้เวรนั่นมันจับมันล้วงไม่เห็นว่าเธอจะกลัว” เลิกคิ้วมองคนตรงหน้าอย่างยียวน ใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มอย่างหงุดหงิดเมื่อนึกเห็นภาพที่อลิชานั่งอยู่บนตักผู้ชายคนอื่นถ้าเขายังไม่เบื่อ ใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์แตะต้องเธอ“มันคืองานของหนู”“แต่ฉันไม่ได้สั่ง แล้วเธอมีสิทธิ์อะไรไปทำแบบนั้น”“…..” ลิชาหลุบสายตามองต่ำ ไม่กล้าแม้กระทั่งหายใจออกมาแรงๆ “หนูรับปากว่าจะไม่ทำแบบนั้นอีก หนูจะเชื่อฟังเฮียทุกอย่างเลยค่ะ”บุรินทร์ภัทรผลักร่างเล็กให้แนบชิดไปกับผนังห้องเย็นเฉียบ ก่อนจะยกแขนกั้นไว้ไม่ให้เธอขยับหนี“หรือโดนเอาครั้งที่แล้วมันยังไม่สะใจ ชอบแบบไหนก็
“อืม…” เสียงหวานร้องครางเบาๆ ทันทีที่ขยับตัว ลิชาปรือตามองด้วยความงัวเงีย ก่อนจะหันไปมองบุรินทร์ภัทรที่นอนเปลือยท่อนบนอยู่ข้างกันเธอตกอยู่ในภวังค์จ้องมองชายหนุ่มอยู่นานสองนาน นิ้วเรียวลูบไปยังใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังหลับตาพริ้ม ตอนนี้เขาดูไม่มีพิษภัยเหมือนตอนตื่น“อื้อ…”ลิชารีบผละตัวถอยห่างยามที่เขาขยับตัวคล้ายกับรำคาญเมื่อมีสิ่งรบกวนเวลานอนก้าวขาลงจากเตียงด้วยความระมัดระวัง ก้มลงหยิบเสื้อผ้าที่ตกอยู่ตามพื้นห้องขึ้นมาสวมใส่ เม้มริมฝีปากกำมือแน่น มองเห็นเศษซากถุงยางอนามัยที่หล่นเกลื่อนกลาดไม่อยากนึกย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืนว่าเขาทำอะไรกับเธอไว้บ้าง“ทำอะไรแต่เช้า”คนตัวเล็กสะดุ้ง รีบหันกลับไปมองด้วยความลนลานหลังจากได้ยินเสียงเจ้าของห้องแฟรงก์เดินเข้ามาประชิดหญิงสาวจากทางด้านหลัง ร่างกายกำยำมีเพียงผ้าขนหนูที่พันรอบเอวไว้อย่างหมิ่นเหม่ เส้นผมเปียกหมาดหลังจากอาบน้ำเสร็จ“ทำงานบ้านค่ะ หนูทำเสียงดังรบกวนหรือเปล่าคะ” ลิชาถามด้วยความกังวลขณะที่กำลังยืนล้างจานอยู่ในครัว“ฉันมีแม่บ้านคอยดูแล ไม่จำเป็นต้องทำเอง”“หิวไหมคะ เช้านี้อยากกินอะไรดี”“โดนเอาทั้งคืน เธอยังมีแรงเหลืออีกอยู่อีกเหร
“เฮียจะไปไหนคะ” ลิชาได้แต่นั่งมองแผ่นหลังของบุรินทร์ภัทร ขณะที่เขากำลังยืนแต่งตัวอยู่หน้ากระจกทรงผมถูกจัดทรงรับกับใบหน้าคมคาย สวมเสื้อยืดแบรนด์เนมและกางเกงยีนตัวโปรดที่ชอบใส่อยู่เป็นประจำ“จะออกไปข้างนอก”“แล้วชาล่ะคะ”“รออยู่ที่นี่ เดี๋ยวฉันกลับมา”“ให้หนูไปด้วยได้ไหม” ลิชาพึมพำเสียงเบา ก่อนจะเดินเข้าไปเกาะแขนชายหนุ่มไว้แน่นอย่างเว้าวอน“จะไปทำไมให้เกะกะ”“หนูไม่อยากอยู่คนเดียว” วาดสายตามองไปบริเวณรอบห้องด้วยความไม่คุ้นชิน“ฉันสั่งให้รอก็ต้องรอ อย่าทำตัวมีปัญหา”“ได้ค่ะ…” คนตัวเล็กพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย ไม่ว่าเขาจะพูดหรือบอกอะไรก็เชื่อฟังไปซะทุกอย่าง“เป็นเด็กดีของฉัน แล้วเธอจะได้ทุกอย่าง”“ชาจะเป็นเด็กดีของเฮีย”ใบหน้าน้อยๆ หลับตาพริ้มยามที่ชายหนุ่มโน้มริมฝีปากลงมาประกบจูบเบาๆ อย่างนิ่มนวลสำหรับคนที่แอบรักมานานแสนนาน ได้แค่นี้ก็ดีใจมากแล้ว…-ห้างสรรพสินค้า-“พอยังไอ้หมวย เดินจนขาแทบลากแล้วนะเว้ย”หมวยเฟย์หันขวับไปมองพี่ชายที่เอาแต่ส่งเสียงบ่นงุบงิบมาตลอดทั้งทางหญิงสาวถอดแว่นกันแดดออกจากใบหน้า หรี่สายตามองอย่างนึกรำคาญ ก็แค่เดินช๊อปปิ้งไปสามชั่วโมงกว่าจะบ่นอะไรนักหนาเฮียแฟรงก์ขี
-หลายปีผ่านไป-เอส. บี . ดี เซอร์วิสบุรินทร์ภัทรยืนมองภาพถ่ายวันแต่งงานขนาดใหญ่ที่แขวนอยู่บนฝาผนังในห้องทำงาน ก่อนจะยกมือปัดป่ายเช็ดถูขัดมันจนเงาวิบวับเหมือนใหม่อยู่ตลอดเวลาชีวิตคู่หลังจากแต่งงานมีความสุขดี ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นดังใจหวัง เขาได้ใช้ชีวิตกับคนที่รัก มีลูกชายที่เป็นดังแก้วตาดวงใจของทุกคนในครอบครัวธุรกิจการงานถือว่าเป็นไปในทิศทางที่ต้องการไอ้แว่นมันได้ขยายกิจการไปต่างประเทศตามที่ตั้งใจ ส่วนงานของเขาก็อยู่ในความพึงพอใจไม่ได้มีอะไรหวือหวาตอนนี้ดาวศุกร์อายุสิบหกปี กำลังแตกเนื้อสาวสะพรั่ง กลายเป็นสาวฮ็อตประจำโรงเรียน ที่มีหนุ่มๆ คอยตามจีบให้เขาตามปวดหัวไม่เว้นแต่ละวันส่วนชารากับชารันเด็กแฝดถูกไอ้แว่นส่งตัวไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ นานทีปีหนถึงจะได้กลับมา แต่ไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง เพราะมีปู่กับย่าย้ายถิ่นฐานคอยตามไปดูแล จะกลับมาอยู่ที่ประเทศไทยก็ต่อเมื่อเรียนจบชนินทร์ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของบุรินทร์วัชร์เป็นคนเจ้าสำอางละเมียดละไม ส่วนเฟยน้องเล็กเป็นเด็กเก็บตัวเงียบชอบอ่านหนังสืออยู่คนเดียวไม่ค่อยสุงสิงกับใคร“ป๊า…”อลิชาที่เพิ่งไปรับลูกกลับจากโรงเรียน เปิดประตูเดินเข้า
“เจ๊…”ผู้เป็นแม่ละสายตาจากสิ่งที่ทำ หันกลับไปหันมองตามเสียงเรียก ก่อนจะเห็นว่าเป็นบุรินทร์ภัทรที่สวมชุดเจ้าบ่าวเดินเข้ามาหา“อะไรของแก”“วันนี้หนูจะแต่งงานแล้วนะ”“ฉันรู้อยู่แล้ว ไม่เห็นจะต้องมาบอก”“อวยพรให้หนูหน่อย” เดินเข้าไปกอดเจ๊ผู้เป็นที่รักไว้แน่น หอมแก้มแม่ซ้ำๆ เหมือนที่ชอบทำอยู่บ่อยๆวันนี้เจ๊ปาลินของเขาแต่งตัวทำผมสวยจัดเต็ม แถมสีหน้ายังดูอิ่มเอมที่ลูกชายคนโตกำลังจะได้แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝา“อารมณ์ไหนของแก”“ตอนนี้จริงจังนะ ไม่ล้อเล่น” ชายหนุ่มย่อตัวนั่งลงบนส้นเท้า น้ำเสียงที่พูดก็ดูเปลี่ยนไป จนทำให้คนเป็นแม่ปรับอารมณ์ไม่ทัน“หนูอยากมาขอพรจากแม่” ชายหนุ่มพนมมือนอบน้อมก้มลงกราบเท้าของคนเป็นแม่ ไม่ใช่แค่ขอพรแต่ตั้งใจจะมาขอขมาและอโหสิกรรมกับสิ่งล่วงเกินที่เคยทำผิดพลาด“…..” ปราณปาลินมองคนตรงหน้าพร้อมแววตาไหวสั่น ยกมือลูบศีรษะของลูกชายเบาๆ ด้วยความอ่อนโยน “แม่ขออวยพรให้แฟรงก์มีความสุขในชีวิตนะ ไม่ว่าลูกจะทำอะไร ขอให้ประสบผลสำเร็จทุกอย่าง”“หนูอาจจะไม่ใช่ลูกที่ดีเหมือนที่แม่อยากให้เป็น หนูขอโทษนะ อโหสิกรรมให้ผมด้วย” หลายครั้งหลายหนที่ทำให้แม่ร้องไห้ ทำให้พวกท่านเสียใจกับลูกที่ไม่ไ
-2F BAR-รถยนต์คันหรูมากมายไปจนถึงระดับไฮเปอร์คาร์จอดเรียงรายนับร้อยคันเต็มพื้นที่บริเวณลานจอดรถขนาดใหญ่ ล้นทะลักออกไปจนถึงด้านนอก“จัดแค่งานเล็กๆ เฮียเชิญเฉพาะแค่คนที่รู้จัก”อาจจะเป็นแค่งานเล็กสำหรับเขา แต่มันมโหฬารอลังการมากสำหรับเธอ แขกเหรื่อที่มาร่วมงานในวันนี้มองด้วยตาเปล่าน่าจะมีไม่ต่ำกว่าสองพันคนบุรินทร์ภัทรเป็นคนมีอิทธิพลกว้างขวาง คนในวงการต่างนับหน้าถือตาไม่ใช่น้อยๆ จึงไม่แปลกที่จะมีแขกมาร่วมแสดงความยินดีมากมายในวันนี้เขาเลือกสถานที่จัดงานคือ ‘2F BAR’ ที่แห่งนี้คือจุดเริ่มต้นทำให้ได้เจออลิชาในวันนั้นจนกลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต เขาสร้างมันขึ้นมาด้วยความยากลำบาก ความทรงจำดีๆ มากมายอยู่ในที่แห่งนี้“ไหนบอกแค่งานเล็กๆ ไงเฮีย” หมวยเฟย์สะกิดแขนพี่ชายที่ยืนตรวจความเรียบร้อยของงาน“เฮียเชิญแค่คนสนิท มีแต่คนกันเองทั้งนั้น”“นี่มันไม่ใช่เล่นๆ แล้วนะ” หมวยเฟย์วาดสายตามองไปบริเวณโดยรอบด้วยความตื่นตาตื่นใจ ซุ้มดอกไม้นำเข้าจากต่างประเทศยาวยิ่งใหญ่เป็นร้อยเมตร เวทีแสงสีเสียงเหมือนกับงานคอนเสิร์ตนักร้องชื่อดังตระการตาอลังการยิ่งกว่าเทศกาลงานประจำปี‘เสียเงินไม่ว่าเสียหน้าไม่ได้’ ไม่ต้อง
ฝ่ามือหนาบีบเข้าที่ปลายคางเพื่อให้คนตัวเล็กยอมเปิดริมฝีปาก จับแก่นกายอัดกระแทกเข้าออกจนสุดความยาวซ้ำไปซ้ำมา“อื้อออ…” เสียงหวานร้องครางขาดห้วงเมื่อความคับแน่นตีขึ้นมาจุกอยู่ที่ลำคอเหมือนกำลังจะขาดอากาศหายใจตายแต่ร่างกายไม่รักดีกับตอบสนองสู้กลับคืนตามสัญชาตญาณ ปลายเรียวลิ้นลากไล้โลมเลียตั้งแต่ส่วนโคนมาจนถึงหัวแดงก่ำ“โคตรเสียว…” ก้มลงมองหญิงสาวด้วยดวงตาฉ่ำเยิ้ม อลิชาโคตรทำให้เขาเสียอาการจนแขนขาอ่อนแรงใช้มือควานหาที่จับเพื่อพยุงตัวริมฝีปากเล็กดูดเม้มจนแก้มตอบ ส่วนปลายเรียวลิ้นโลมเลียตวัดขึ้นลงราวกับเป็นไอศกรีมแท่งโปรด“แบบนั้นเลยเด็กดี” รวบเส้นผมยาวสลวยเป็นหางม้า กระตุกลงอย่างแรงเพื่อให้เธอเงยหน้าขึ้นรับสัมผัส “อื้ออ…เฮียแฟรงก์… ” คนตัวเล็กเบ้หน้าด้วยความจุกแน่นเมื่อถูกเอวสอบกระแทกสวนเข้ามาอย่างเนิบนาบแต่หนักหน่วงจนส่วนหัวเข้าลึกไปถึงลำคอ“ดูดแรงๆ เฮียจะแตก”มือเล็กเร่งจังหวะชักรูดท่อนเอ็นให้เร็วขึ้น จนคนตัวสูงเกร็งสั่นสะท้านด้วยความเสียวซ่านสองมือกดศีรษะของเธอไว้แน่นไม่ยอมให้ขยับหนี ก่อนจะปล่อยสายธารน้ำรักฉีดพวยพุ่งเข้าไปในโพรงปากเล็กทุกหยาดหยด“อื้อ…” เล็บสวยจิกลงบนท่อนขาแกร่งเพื่
“แว่นน้องรัก” บุรินทร์วัชร์ละสายตาจากเด็กน้อยในอ้อมอก เงยหน้าขึ้นมองคนที่มาใหม่ แค่ได้เห็นหน้าพี่ชายตัวป่วนถึงกับถอนหายใจลากยาววีรกรรมแต่ละอย่างของมันใช่ย่อยที่ไหน ชอบสร้างแต่ปัญหาไม่จบไม่สิ้น“กูขอคุยด้วยหน่อย”“ว่ามาสิ”บุรินทร์ภัทรเดินเข้าไปหย่อนตัวนั่งลงข้างแฝดน้อง ก่อนจะส่งยิ้มกว้างมองด้วยสายตาหวานเยิ้ม“ไม่ต้องลีลา มึงจะเอาอะไรก็ว่ามา” แค่เห็นท่าทางมีพิรุธของมันก็รู้ได้ทันทีว่าต้องมีเรื่องมากวนใจเขาอีกแน่นอน“กูกำลังจะแต่งงาน”“อืม…” ก็พอรู้มาบ้างแล้ว เพราะไอ้แฟรงก์มันชอบพูดกรอกหูให้ฟังอยู่บ่อยๆ เลยไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นหรือแปลกใจอะไร“มึงช่วยแต่งงานเป็นเพื่อนกูหน่อยได้ไหม”“อะไรของมึง”“กูอยากให้เราใส่ชุดเจ้าบ่าวเหมือนกัน”“เมาน้ำมันเครื่องเหรอ กูแต่งงานแล้วจะให้แต่งอีกได้ยังไง”“แต่งแล้วก็แต่งอีกได้ แต่งเป็นเพื่อนกูไง”“เลิกคิดอะไรที่มันประหลาดได้แล้วแฟรงก์!” บอกปัดอย่างนึกรำคาญ ไอ้ประเภทที่มันบอกคนปกติเค้าคงไม่ทำกัน“นะแว่นน้องรัก ช่วยแต่งงานอีกรอบเป็นเพื่อนพี่ชายสุดหล่อคนนี้ที”“…..”“มึงเป็นคนสำคัญที่สุดในชีวิตของกูนะ ทุกช่วงเวลาที่มีความสุขก็อยากมีมึงอยู่ข้างกัน” เอนใบหน้
เอส.บี.ดี เซอร์วิสเอี๊ยดดดด~ ล้อยางรถบดเบียดไปกับพื้นคอนกรีตขัดมันจนเกิดเป็นรอยทางยาว ตามด้วยเสียงเครื่องยนต์ที่ดังกระหึ่มจนทำให้คนที่อยู่แถวนั้นต่างหันมองด้วยความแตกตื่นปราณปาลินรีบวิ่งออกมาดูเหตุการณ์ ก่อนจะเห็นรถกระบะคันเก่าดริฟหักโค้งหลายตลบเข้ามาภายในร้าน ควันดำโขมงลอยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ“เด็กเวรที่ไหนมันมาเบิ้ลรถแถวนี้ ไอ้ลูกพ่อแม่ไม่สั่งสอน!” ยืนเท้าเอวตะโกนด่าจนเอ็นคอขึ้น ทำเอาลูกค้าของเธอตกอกตกใจกันไปหมด มันน่าจะบิดให้หูขาด “อย่าให้รู้นะเว้ย แม่จะตบให้สมองไหล”“จะเป็นใครได้ล่ะ ก็ลูกชายเจ๊นั่นแหละ”“…..” หลังจากได้ยินประโยคที่หมวยเฟย์บอกจึงรีบถอดแว่นกันแดดแบรนด์เนมออกจากใบหน้า หรี่สายตามองเพื่อให้แน่ใจไม่ผิดแน่ ไอ้เด็กเวรที่เธอเพิ่งด่าไปเมื่อกี้มันคือไอ้ลูกชายตัวดี!“ไอ้แฟรงก์!”แผดเสียงเล็กแหลมตะโกนเรียกดังลั่น บุรินทร์ภัทรเปิดประตูลงจากรถกระบะคันเก่า ยกมือเสยผมขึ้นโชว์ใบหน้าหล่อเหลาพร้อมส่งยิ้มหวาน สาวใดได้เห็นมีอันต้องหลงจนหัวปักหัวปำแต่โทษทีที่คนหล่อรวยสุดแสนจะเพอร์เฟคอย่างเขานั้นมีลูกมีเมียแล้ว! นอกจากอลิชาเมียเด็กสุดที่รัก ก็ไม่คิดจะมองใครอีก“เป็นไงเจ๊ เท่สะบัดไปเล
เสียงทุบประตูดังลั่นไปทั่วบริเวณติดต่อกัน ฟรินสะดุ้งตื่นขึ้นกลางดึกรีบก้าวขาลงจากเตียงเมื่อได้ยินเสียงเรียกของพี่ชายที่ร้องตะโกนแหกปากโวยวายอยู่หน้าห้อง“ไอ้แว่น…ไอ้แว่น!”“นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้วแฟรงก์” บุรินทร์วัชร์ถอนหายใจลากยาว ยืนกอดอกพิงขอบประตูมองพี่ชายด้วยสายตาเรียบนิ่ง“ช่วยหน่อย รีบมาช่วยกูที”“อะไรของมึง” ถ้าไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายหรือมีธุระสำคัญเขาจะยกขาถีบมันให้กระเด็น“อย่าเพิ่งบ่น มาช่วยกูก่อน”“มีอะไรก็รีบพูดมา”“ละ…ลิชาจะคลอดแล้ว”“งั้นมึงรีบไปเก็บของ เดี๋ยวกูจะไปเตรียมรถ” บอกผ่านท่าทางนิ่งเฉย เหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นกับดาวเหนือเมื่อครั้งในอดีตเลยไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นสักเท่าไหร่“ไปไม่ทันแน่ หัวลูกกูจะโผล่ออกมาแล้ว”“เวรฉิบ!”บุรินทร์วัชร์หันไปคว้ากล่องยาสามัญประจำบ้านวางอยู่และชุดคลุมขึ้นมาสวมทับ ก่อนจะรีบร้อนตรงมายังห้องนอนของแฝดพี่“อาการเป็นยังไงบ้าง”“หนูเจ็บท้อง…” อลิชานั่งเอนหลังพิงหัวเตียงร้องโอดครวญด้วยความเจ็บ ใบหน้าเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อริมฝีปากบางซีดสั่น ตั้งแต่เกิดมาเธอยังไม่เคยรู้สึกเจ็บขนาดนี้มาก่อน“งั้นทำใจดีๆ” ฟรินลูบศีรษะของคนตัวเล็กเพื่อปลอบประโลม แต
“เป็นยังไงบ้างดีขึ้นหรือยัง”“ดีขึ้นมากแล้วค่ะ ขอบคุณเฮียมากนะ”“หนูปวดตรงไหนอีกมั้ย เดี๋ยวเฮียนวดให้”ดาวศุกร์ตัวน้อยหรี่สายตามองคนทั้งสองที่กำลังพูดคุยกะหนุงกะหนิง ป๊าแฟรงก์กำลังนั่งนวดขาประคบประหงมพี่ลิชาของเธอไม่ยอมห่างไปไหน“มองอะไรศุกร์”“ก็มองป๊านั่นแหละ” ถอนหายใจส่ายหน้าไปมา เคยเห็นป๊าฟรินชอบทำแบบนี้กับแม่เหนือ แต่ไม่คิดว่าป๊าแฟรงก์จะทำแบบนี้กับพี่ลิชาเหมือนกัน“พี่ลิชากำลังมีน้อง ป๊าต้องตามใจเขาหน่อย”“ถึงไม่มีน้อง ป๊าก็ตามใจพี่ลิชาอยู่แล้ว”“กลัวป๊าไม่รักเหรอ”“ไม่กลัวหรอก ศะ…ศุกร์โตแล้วนะ” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่กลับรีบยกมือน้อยๆ ขึ้นปาดน้ำตา“โตที่ไหน ในสายตาป๊ายังเห็นเป็นเด็กอยู่เลย”“แล้วศุกร์กับพี่ลิชา ป๊ารักใครมากกว่ากัน”“…..” ชายหนุ่มหยุดนิ่ง เมื่อได้ยินประโยคคำถามที่ไม่คาดคิดของลูกสาว ชำเลืองสายตามองคนทั้งสองสลับกัน ถ้าตอบว่ารักใครคนใดคนนึงมากกว่า เดี๋ยวก็งอนเป็นเรื่องเป็นราวแต่เขาเลือกที่จะปล่อยมือจากอลิชาแล้วเดินเข้าไปหาเด็กน้อยนั่งที่นั่งอยู่ ย่อตัวนั่งลงตรงหน้ายกมือลูบศีรษะของดาวศุกร์เบาๆ“ป๊ารักศุกร์มากกว่าอยู่แล้ว แต่ความรักที่ป๊ามีให้พี่ลิชากับศุกร์มันไม่เหมือนกั
“ชาเห็นอาการเฮียไม่ค่อยดีเลยชงยาหอมมาให้ค่ะ”ชายหนุ่มละสายตาจากงานเอกสารกองโตขณะที่กำลังตรวจงานให้ไอ้แว่น เงยหน้าขึ้นยิ้มให้คนที่มาใหม่ “ขอบใจมาก ตอนนี้เฮียดีขึ้นมากแล้ว”“เป็นห่วงเฮียนะ”“จะมาเป็นห่วงทำไม เฮียต่างหากที่ต้องพูดคำนี้ ท้องเธอก็เริ่มโตขึ้นทุกวัน” ตอนนี้อลิชาผิวพรรณเปล่งปลั่งรูปร่างก็ดูอวบอั๋นมีน้ำมีนวล จับตรงไหนก็เต็มไม้เต็มมือ“…..” โชคดีของเธอที่ตอนนี้ไม่รู้สึกว่าแพ้ท้อง แต่ก็อาจจะเป็นโชคร้ายของคนข้างๆ ที่แพ้ท้องแทน“อีกหนึ่งชีวิตของเฮียฝากไว้ที่เธอ ช่วยดูแลเขาให้ดีๆ” เลื่อนฝ่ามือไปสัมผัสหน้าท้องที่เริ่มขยายใหญ่จนสังเกตได้ถ้านับตามอายุครรภ์ ตอนนี้อลิชาท้องได้สี่เดือนกว่าแล้ว โดยที่พวกเขาเองก็ไม่รู้ว่าเพศลูกที่อยู่ในท้องนั้นเป็นหญิงหรือชาย ลิชาอยากเก็บไว้เป็นความลับให้ไปรอลุ้นในวันคลอด“ชาสัญญาจะรักษาเขาเท่าชีวิต”“เฮียก็สัญญาเหมือนกันว่าจะดูแลชากับลูกให้ดี”“ตั้งแต่รู้ว่ามีเขา หนูมีความสุขมาก แล้วเฮียล่ะคะมีความสุขไหม” หย่อนตัวนั่งลงบนตักของชายหนุ่มอย่างระมัดระวัง ยกแขนขึ้นโอบลำคอไว้แน่น ซบใบหน้าลงบนลาดไหล่กว้างอย่างออดอ้อน“ลูกเกิดมาจากความรักของเราสองคน เฮียตั้งใจอย