“แกหายไปไหนมาทั้งคืน”
“…..” ลิชาสะดุ้งเฮือกหลังจากได้ยินเสียงของฟ้าใสดังขึ้นจากทางด้านหลัง ขณะที่เธอกำลังเดินเข้ามาในตัวอาคารของหอพักอพาร์ทเม้นท์
ฟ้าใสไล่สายตามองเพื่อนสาวตั้งแต่หัวจรดเท้า ลิชาขาดการติดต่อหายไปตลอดทั้งคืนแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “ฉันโทรหาก็ปิดเครื่อง รู้ไหมว่าทำให้คนอื่นเขาวุ่นวายกันไปหมด”
“ขอตัวไปพักก่อนนะ เหมือนจะไม่สบายน่ะ”
“ตอบมาก่อนว่าแกหายไปไหนมาทั้งคืน” คว้าข้อมือของลิชาไว้แน่นเพื่อไม่ให้เดินหนี มองเห็นใบหน้าซูบเซียวและรอยฟกช้ำที่ติดอยู่ตามลำตัว
“เอาไว้ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ เดี๋ยวเราจะเล่าให้ฟังนะ”
“แกหายไปกับเฮียแฟรงก์มาใช่ไหม”
“ปะ…เปล่า” คนตัวเล็กรีบใส่หน้าปฏิเสธ เธอยังจำคำพูดของเขาได้ดีว่าไม่ให้บอกเรื่องนี้กับใคร
“อย่ามาโกหก…เฮียแฟรงก์เรียกแกไปทำอะไร”
“…..”
“สภาพแบบนี้ คงโดนมาหลายคนเลยใช่มั้ย”
“ฟ้าหมายถึงอะไร” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย เอียงคอถามเพราะไม่เข้าใจในสิ่งที่ฟ้าใสพูดเลยสักนิด
“ไม่ต้องทำเป็นใสซื่อ บอกฉันมาว่าแกได้กับใครมาบ้าง” เพราะคิดว่าลิชาคงเหมือนผู้หญิงคนอื่นของเจ้านาย ถ้าแขกในร้านจ่ายหนัก บุรินทร์ภัทรจะส่งให้ไปเอนเตอร์เทนลูกค้าแบบส่วนตัว “ถ้ายังเห็นว่าฉันเป็นเพื่อนอยู่ก็เล่ามาให้หมด”
“เมื่อคืนเราอยู่กับแจ็ค”
แจ็คคือเพื่อนชายคนสนิทที่คะนิ้งและฟ้าใสต่างรู้จักดีเพราะคบกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมปลาย
“แกพูดจริงเหรอ” หรี่สายตามองจับผิดอย่างไม่เชื่อในคำพูด
“เราพูดจริง เราไปค้างบ้านแจ็คมา”
“แล้วเฮียล่ะ เขาเรียกแกไปทำอะไร”
“ก็แค่เรียกไปใช้งาน”
“ฉันคิดไว้อยู่แล้วไม่มีผิด สภาพอย่างแกเฮียแฟรงก์คงเอาไม่ลงหรอก” ตั้งใจพูดกระแทกแดกดันใส่คนตรงหน้า ทั้งรสนิยมและการแต่งตัว ลิชาสวยสู้เธอไม่ได้เลยสักนิด
“ฟ้ามีเรื่องจะพูดแค่นี้ใช่มั้ย เราจะได้ไปพัก รู้สึกเวียนหัวน่ะ”
“อืม…แกจะไปไหนก็ไปเถอะ”
“…..” ลิชาพยายามฝืนทำสีหน้าและร่างกายที่บอบช้ำให้เป็นปกติมากที่สุดก่อนจะเดินเลี่ยงออกมา
เอส.บี.ดี เซอร์วิส
รถสปอร์ตคันหรูสีดำเงาตบไฟเลี้ยวเข้ามาจอดในลานคอนกรีตกว้างของร้านขายอะไหล่รถยนต์ขนาดใหญ่
ฐานะครอบครัวเข้าขั้นว่ารวยติดอันดับ ทั้งที่ธุรกิจทางบ้านคือบริษัทนำเข้าอะไหล่รถยนต์ แต่บุรินทร์ภัทรกลับเลือกจะทำในสิ่งที่ตัวเองถนัดและชื่นชอบคือการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร และยังมีธุรกิจสีเทาที่ลงขันร่วมหุ้นส่วนทำกับเพื่อนอีกนิดหน่อย
“ไปไหนมาป๊า ทำไมเมื่อคืนไม่กลับบ้าน” เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กน้อยดังขึ้นทันทีที่ก้าวขาลงจากรถ
ดาวศุกร์อยู่ในชุดนอนลายหมีสีชมพู ใบหน้าเปื้อนคราบน้ำลายเดินเข้ามาถามอย่างเอาเรื่อง
อุตส่าห์นอนรอทั้งคืน แต่ป๊าแฟรงก์ของเธอก็ไม่กลับมา
“ไปอยู่กับสาวมาเหรอ ศุกร์จะไปฟ้องป๊าฟริน จะบอกย่าด้วย”
“เป็นเด็กเป็นเล็ก ไม่ต้องยุ่งเรื่องของผู้ใหญ่นะศุกร์”
“ทีผู้ใหญ่ยังยุ่งเรื่องของเด็กได้เลย แล้วทำไมเด็กจะยุ่งเรื่องของผู้ใหญ่ไม่ได้” ไม่พูดเปล่าแต่ยังยืนเท้าเอวแผดเสียงเล็กแหลมด้วยความไม่พอใจ
ชายหนุ่มมองหน้าหลานสาวก่อนจะถอนหายใจหนัก ทั้งท่าทางและคำพูดเหมือนคัดลอกเขาออกมาไม่มีผิดเพี้ยน “พูดมากจริง แล้วไอ้แว่นมันอยู่ไหน”
“ป๊ากำลังตีกอล์ฟอยู่ที่สวนหลังบ้าน”
“ไปนั่งดูการ์ตูนรอป๊าอยู่ในห้องห้ามออกไปไหน เดี๋ยวป๊ารีบมาอยู่ด้วย”
“วันนี้ศุกร์กับน้องอยากไปซื้อลาบูบู้ ป๊าพาไปหน่อยได้มั้ย”
“เดี๋ยวป๊าพาไป ไปบอกน้องให้แต่งตัวรอ เสร็จแล้วจะพาไปกินไอติมด้วย”
“…..” เด็กน้อยยิ้มกว้างอย่างไม่เรื่องมากรีบเดินเข้าไปในบ้านตามคำสั่งอย่างอารมณ์ดี
“แว่นน้องรัก พี่มาแล้ว”
“…..” ฟรินเหลือบสายตามองพี่ชายฝาแฝดที่เพิ่งมาใหม่ ดวงหน้าหล่อเหลาอิดโรย คล้ายกับคนที่ยังไม่ได้นอนมาตลอดทั้งคืน
“ออกกำลังกายแต่เช้าเลยเหรอ”
“สิบเอ็ดโมงบ้านกูไม่เรียกว่าเช้านะ”
“บ้านกูบ้านมึงมันก็เหมือนกันนั่นแหละ” แฟรงก์ทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ข้างน้องชาย ยกแขนขึ้นกอดอกกระดิกเท้าอย่างอารมณ์ดี
“ทำเมื่อคืนถึงไม่กลับมานอนบ้าน”
“งานที่ร้านยุ่งอ่ะดิ”
“…..” ฟรินเลิกคิ้วมองพี่ชายอย่างพิจารณา ที่ผ่านมาไม่ว่าจะยุ่งแค่ไหนมันก็ต้องกลับมานอนที่บ้านเพราะคิดถึงหลาน ไอ้แฟรงก์มันติดหลานยิ่งกว่าอะไรดี
“มองอะไร”
“มองรอยที่คอมึง…ปกติไม่ชอบให้ใครทำรอยไม่ใช่เหรอ” เห็นรอยเล็บข่วนอยู่ที่ลำคอหลายแผลก็พอจะรู้ถึงสาเหตุว่าเมื่อคืนมันหายไปไหนมา
“รอยอะไร”
“แล้วมึงไปเอากับใครมาล่ะ”
“…..”
“หรือว่าคนนี้จริงจัง?”
“ทำไมถึงคิดว่ากูจริงจัง…กูอยู่คนเดียวแบบนี้ก็มีความสุขดีอยู่แล้ว”ชายหนุ่มไหวไหล่อย่างไม่นึกใจใส่ ก่อนจะหยิบมวนบุหรี่ที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อขึ้นมาสูบเพื่อดับอารมณ์หงุดหงิด
ไม่รู้ว่าเด็กนั่นเผลอทำรอยไว้ตั้งแต่ตอนไหน!
“จะทำอะไรก็คิดดีๆ นะแฟรงก์”
“ไม่ต้องมาสอน กูไม่มีวันเป็นเหมือนมึงแน่นอน สบายใจได้น้องรัก” ตบบ่าน้องชายเบาๆ ก่อนจะลุกเดินหนีออกไป
“หึ…”
-2F BAR-
“วันนี้มีสาวมาใหม่อย่างแจ่ม ขาวหมวยสเปกเลย! เฮียจะเอาไว้เล่นสักสองสามคนไหมครับ” บุรินทร์ภัทรละสายตาจากสิ่งโดยรอบ เมื่อได้ยินเสียงลูกน้องคนสนิทที่เดินเข้ามาทักทาย
“ไม่อ่ะ วันนี้กูไม่มีอารมณ์”
“เฮียอย่ามาอำดิ ปกติไม่เคยพลาด”
“…..” ร่างสูงยืนเท้าเอวตรวจดูความเรียบร้อยภายในร้าน วันหยุดแขกเลยจะเยอะเป็นพิเศษ “ลิชาอยู่ไหน!”
เมื่อมั่นใจว่าคนที่มองหาไม่ได้อยู่แถวนี้จึงถามออกไป
“ลิชาโทรมาลางานสามวันครับ”
“สามวัน? ลาไปไหน”
“เห็นบอกว่าไม่ค่อยสบายครับ”
“อืม…มึงจะไปไหนก็ไป”
“คิดถึงน้องลิชาเหรอเฮีย”
“พะ…พูดบ้าอะไรของมึง ทำไมกูต้องคิดถึงยัยเด็กนั่นด้วย”
“ก็ปกติเฮียไม่เคยถามหาพนักงานคนไหน” เจ้านายเองคงไม่รู้ตัวว่าตอนนี้กำลังเผลอทำสีหน้าล่อกแล่ก อยู่ด้วยกันมาก็นานทำไมจะไม่รู้ว่าเฮียแฟรงก์กำลังสนใจเด็กเฉิ่มคนนั้น
แต่ก็อย่างว่า…
เฮียเขามันเป็นพวกหล่อรวยเข้าขั้น แถมยังชอบลองอะไรใหม่ๆ ถ้าจะเปลี่ยนคู่นอนก็แค่ดีดนิ้ว เป็นเรื่องง่ายนิดเดียว
“พนักงานไม่อยู่ กูก็ต้องถามหาไหมล่ะ”
“ติดใจน้องลิชาล่ะสิ”
“อะไรของมึง”
“น้องลิชาของผมแจ่มป่ะ”
“ก็งั้นๆ แหละ”
“ถุงยางหมดไปสองกล่องขนาดนั้น น้องลิชาของผมยังอยู่ดีไหมเนี่ย” เดินเข้าไปกระซิบถามใกล้ๆ ก่อนจะยกยิ้มมองหน้าเจ้านายสุดหล่อด้วยท่าทางยียวน “เล่นซะน้องจับไข้เลยนะเฮีย เดี๋ยวก็ช้ำหมดหรอก”
“มึงอย่ามาพูดมาก มีอะไรไปทำก็ไป”
“ถ้าเบื่อแล้วผมขอนะ”
“ขออะไร…หมายถึงถุงยาง?”
“ผมหมายถึงน้องลิชาต่างหาก…ถ้าเฮียเบื่อแล้วผมขอนะ”
“…..”
“เป็นยังไงบ้างลิชา อาการดีขึ้นหรือยัง” เพื่อนชายคนสนิทถามอย่างเป็นห่วง ก่อนจะหย่อนตัวนั่งลงบนขอบเตียง ใช้หลังมือแตะบนหน้าผากของคนตัวเล็กเบาๆ เพื่อวัดไข้“ดีขึ้นมากแล้วแจ็ค ขอบใจที่อุตส่าห์มาเยี่ยมนะ”“พอไอ้นิ้งโทรบอก เลิกเรียนเราก็รีบมาเลย”“ฉันถามมันก็ไม่ยอมบอกว่าไปทำอะไรมา” คะนิ้งถอนหายใจมองลิชาอย่างเอือมๆ ไม่ว่าเธอจะถามอีกกี่ครั้ง แต่ลิชาก็ยังไม่ยอมปริปากพูดอะไรให้ฟัง“เราแค่ไม่สบายเดี๋ยวก็หายแล้ว”“ไม่สบายต้องเดินขาถ่างด้วยเหรอ ถ้าบอกว่าแกโดนรุมโทรมมายังน่าเชื่อกว่าอีก” สภาพของเพื่อนรักตอนนี้ดูได้ที่ไหนตั้งแต่หายไปในคืนนั้น พอกลับมาถึงห้องก็เอาแต่นอนร้องไห้จับไข้ไปหลายวัน มิหนำซ้ำยังต้องขาดเรียน“…..” ลิชาเข้าใจว่าที่คะนิ้งพูดนั้นเกิดจากความเป็นห่วง เธอจึงไม่ได้ถือสาหรือเก็บมาคิดใส่ใจ“ฉันไม่อยากเซ้าซี้แกแล้ว เอาไว้ถ้าอยากเล่าเมื่อไหร่ ก็ค่อยเล่าแล้วกัน”“กินโจ๊กป่ะ เราซื้อมาฝาก” แจ็ครีบเปลี่ยนเรื่องคุยเมื่อเห็นสถานการณ์ของสองสาวเริ่มตึงเครียด“ขอบคุณนะแจ็ค กำลังหิวอยู่พอดี”“หิวก็กินเยอะๆ เลยนะ ถ้าไม่อิ่มยังมีนมกับผลไม้อีกเพียบ”“ถ้าพวกแกสองคนรักกันปานจะกลืนกินขนาดนี้ ทำไมไม่เป็
“พอแล้วค่ะ หนูดื่มต่อไม่ไหว” ลิชายกมือห้าม ทำท่าทางพะอืดพะอมเมื่อลูกค้าพยายามจะยัดเยียดให้เธอดื่มเหล้าที่เหลืออยู่สติสัมปชัญญะที่หลงเหลือมีเพียงน้อยนิดหลังจากดื่มแอลกอฮอล์มึนเมาเข้าไปเป็นจำนวนมากสายตาพร่าเบลอ โลกเริ่มหมุนรอบตัวช้าลงจนยืนทรงตัวแทบไม่ไหว“อะไรกัน กินแค่นิดหน่อยก็เมาแล้วเหรอ” ลูกค้าหนุ่มรั้งเอวบางให้ขยับเข้ามาแนบชิดจนเกือบจะดึงหญิงสาวลงมานั่งตักอยู่รอมร่อ“หนูดื่มไม่เก่งค่ะ”“เอาอีกสักแก้วสิ เดี๋ยวพี่ให้ทิปสองพัน” วางฝ่ามือลงบนต้นขาขาวเนียน ลูบไล้ไปมาจนลิชาสะดุ้งอยู่หลายครั้ง โดยที่ไม่ทันสังเกตว่ามีสายตาของใครบางคนกำลังจ้องมองทุกการกระทำหญิงสาวเริ่มมีท่าทางลังเลเมื่อได้ยินข้อเสนอจากลูกค้า เงินก็อยากได้ แต่ถ้าจะให้ดื่มอีกคงไม่ไหว “หนูไม่ไหวแล้วจริงๆ”“งั้นไปต่อกับพี่มั้ย ถ้าเป็นน้องเรียกเท่าไหร่ว่ามาเลย”“หนูไม่ได้รับงานน่ะค่ะ”“คิดจะเล่นตัวเพื่ออัปราคาเหรอ”“หนูไม่ได้รับงานแบบนั้นจริงๆ ขอโทษด้วยนะคะ” ดวงตากลมโตสอดส่องไปมาด้วยความกลัว ลิชาถูกลูกค้าโอบไหล่ไว้แน่นไม่ให้ขยับหนีไปได้เคยเจอมาก็หลายคน แต่คนนี้กลับรับมือยากกว่าที่คิด“ก็บอกแล้วไงว่าถูกใจ เรียกเท่าไหร่ก็จ่าย”
ลิชาเม้มริมฝีปากแน่น หลับตาลงช้าๆ เนื้อตัวสั่นเทาเมื่อสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นเจือกลิ่นบุหรี่บางเบาที่กำลังเป่ารดลำคอฝ่ามือหนาจับปลายคางมนให้หันหน้ากลับมาสบตา ก่อนจะพ่นควันบุหรี่ใส่โพรงปากเล็กจนเธอสำลักหน้าดำหน้าแดง “แค่ก…แค่ก…”เมื่อสบจังหวะลิชาจึงรีบสูดอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่ แต่บุรินทร์ภัทรกลับหัวเราะเบาๆ คล้ายกับพอใจที่แกล้งเธอได้สำเร็จ“เฮียแฟรงก์ ชากลัว” บอกผ่านน้ำเสียงหวาดหวั่น เห็นชายหนุ่มปลดเข็มขัดหนังราคาแพงออกจากกางเกงที่สวมใส่“กลัวทำไม! ทียอมให้ไอ้เวรนั่นมันจับมันล้วงไม่เห็นว่าเธอจะกลัว” เลิกคิ้วมองคนตรงหน้าอย่างยียวน ใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มอย่างหงุดหงิดเมื่อนึกเห็นภาพที่อลิชานั่งอยู่บนตักผู้ชายคนอื่นถ้าเขายังไม่เบื่อ ใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์แตะต้องเธอ“มันคืองานของหนู”“แต่ฉันไม่ได้สั่ง แล้วเธอมีสิทธิ์อะไรไปทำแบบนั้น”“…..” ลิชาหลุบสายตามองต่ำ ไม่กล้าแม้กระทั่งหายใจออกมาแรงๆ “หนูรับปากว่าจะไม่ทำแบบนั้นอีก หนูจะเชื่อฟังเฮียทุกอย่างเลยค่ะ”บุรินทร์ภัทรผลักร่างเล็กให้แนบชิดไปกับผนังห้องเย็นเฉียบ ก่อนจะยกแขนกั้นไว้ไม่ให้เธอขยับหนี“หรือโดนเอาครั้งที่แล้วมันยังไม่สะใจ ชอบแบบไหนก็
“อืม…” เสียงหวานร้องครางเบาๆ ทันทีที่ขยับตัว ลิชาปรือตามองด้วยความงัวเงีย ก่อนจะหันไปมองบุรินทร์ภัทรที่นอนเปลือยท่อนบนอยู่ข้างกันเธอตกอยู่ในภวังค์จ้องมองชายหนุ่มอยู่นานสองนาน นิ้วเรียวลูบไปยังใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังหลับตาพริ้ม ตอนนี้เขาดูไม่มีพิษภัยเหมือนตอนตื่น“อื้อ…”ลิชารีบผละตัวถอยห่างยามที่เขาขยับตัวคล้ายกับรำคาญเมื่อมีสิ่งรบกวนเวลานอนก้าวขาลงจากเตียงด้วยความระมัดระวัง ก้มลงหยิบเสื้อผ้าที่ตกอยู่ตามพื้นห้องขึ้นมาสวมใส่ เม้มริมฝีปากกำมือแน่น มองเห็นเศษซากถุงยางอนามัยที่หล่นเกลื่อนกลาดไม่อยากนึกย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืนว่าเขาทำอะไรกับเธอไว้บ้าง“ทำอะไรแต่เช้า”คนตัวเล็กสะดุ้ง รีบหันกลับไปมองด้วยความลนลานหลังจากได้ยินเสียงเจ้าของห้องแฟรงก์เดินเข้ามาประชิดหญิงสาวจากทางด้านหลัง ร่างกายกำยำมีเพียงผ้าขนหนูที่พันรอบเอวไว้อย่างหมิ่นเหม่ เส้นผมเปียกหมาดหลังจากอาบน้ำเสร็จ“ทำงานบ้านค่ะ หนูทำเสียงดังรบกวนหรือเปล่าคะ” ลิชาถามด้วยความกังวลขณะที่กำลังยืนล้างจานอยู่ในครัว“ฉันมีแม่บ้านคอยดูแล ไม่จำเป็นต้องทำเอง”“หิวไหมคะ เช้านี้อยากกินอะไรดี”“โดนเอาทั้งคืน เธอยังมีแรงเหลืออีกอยู่อีกเหร
“เฮียจะไปไหนคะ” ลิชาได้แต่นั่งมองแผ่นหลังของบุรินทร์ภัทร ขณะที่เขากำลังยืนแต่งตัวอยู่หน้ากระจกทรงผมถูกจัดทรงรับกับใบหน้าคมคาย สวมเสื้อยืดแบรนด์เนมและกางเกงยีนตัวโปรดที่ชอบใส่อยู่เป็นประจำ“จะออกไปข้างนอก”“แล้วชาล่ะคะ”“รออยู่ที่นี่ เดี๋ยวฉันกลับมา”“ให้หนูไปด้วยได้ไหม” ลิชาพึมพำเสียงเบา ก่อนจะเดินเข้าไปเกาะแขนชายหนุ่มไว้แน่นอย่างเว้าวอน“จะไปทำไมให้เกะกะ”“หนูไม่อยากอยู่คนเดียว” วาดสายตามองไปบริเวณรอบห้องด้วยความไม่คุ้นชิน“ฉันสั่งให้รอก็ต้องรอ อย่าทำตัวมีปัญหา”“ได้ค่ะ…” คนตัวเล็กพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย ไม่ว่าเขาจะพูดหรือบอกอะไรก็เชื่อฟังไปซะทุกอย่าง“เป็นเด็กดีของฉัน แล้วเธอจะได้ทุกอย่าง”“ชาจะเป็นเด็กดีของเฮีย”ใบหน้าน้อยๆ หลับตาพริ้มยามที่ชายหนุ่มโน้มริมฝีปากลงมาประกบจูบเบาๆ อย่างนิ่มนวลสำหรับคนที่แอบรักมานานแสนนาน ได้แค่นี้ก็ดีใจมากแล้ว…-ห้างสรรพสินค้า-“พอยังไอ้หมวย เดินจนขาแทบลากแล้วนะเว้ย”หมวยเฟย์หันขวับไปมองพี่ชายที่เอาแต่ส่งเสียงบ่นงุบงิบมาตลอดทั้งทางหญิงสาวถอดแว่นกันแดดออกจากใบหน้า หรี่สายตามองอย่างนึกรำคาญ ก็แค่เดินช๊อปปิ้งไปสามชั่วโมงกว่าจะบ่นอะไรนักหนาเฮียแฟรงก์ขี
หลายวันผ่านไป-มหาวิทยาลัย-“ขอบคุณมากค่ะที่มาส่ง” ลิชาบอกเสียงเบา เหลือบสายตามองบุรินทร์ภัทรที่นั่งอยู่ทางด้านฝั่งคนขับดวงตากลมโตสอดส่องมองไปบริเวณนอกรถ มันคือหลังมหาวิทยาลัยจุดลับสายตาผู้คน“ฉันส่งแค่นี้นะ”“ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้ก็ดีมากแล้ว” เผยรอยยิ้มบาง รีบก้มเก็บสัมภาระเตรียมตัวลงจากรถ โดยมีสายตาของชายหนุ่มจ้องมองอยู่เงียบๆ“วันนี้เลิกเรียนกี่โมง”“เลิกสี่โมงเย็นค่ะ”“รีบมารอที่เดิม เดี๋ยวฉันแวะมารับ”“เฮียจะมารับชาจริงๆ เหรอคะ” ถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นปนดีใจ เธอไม่คิดว่าจะได้ยินประโยคนี้จากปากเขา“ทางผ่านพอดี”“อ่อ…ค่ะ” แต่ดีใจได้ไม่เท่าไหร่ก็เหมือนถูกฉุดรั้งให้กลับมารู้สึกดังเดิมร่างบางมองไม่เห็นหนทางที่จะทำให้บุรินทร์ภัทรหันมาชอบเธอบ้างเลย“เก็บของแล้วรีบลงไป ระวังคนเห็นด้วยล่ะ”“รู้จักหนูมันน่าอายมากเลยเหรอคะ” ถึงแม้จะรู้คำตอบอยู่แล้ว แต่หัวใจเจ้ากรรมก็ยังอยากได้ยินจากปากเขา“เหอะ!” บุรินทร์ภัทรแค่นหัวเราะในลำคอเบาๆ ไล่สายตามองคนตัวเล็กตั้งแต่หัวจรดเท้า ลิชาสวมรองเท้าผ้าใบคู่โปรด เสื้อนักศึกษาตัวโคร่ง กระโปรงอัดพลีทยาวคลุมเข่า แต่งตัวเฉิ่มเชย ใบหน้าจิ้มลิ้มไร้เครื่องสำอาง มีเพ
“ลาออกทำไม!?”“…..”“ตอบคำถามฉันด้วยอลิชา!” ทวนคำถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์หลังจากที่คนตัวเล็กเอาแต่ยืนเงียบลิชาลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก มองเห็นสายตากดดันของคนที่เพิ่งมาใหม่“หนูว่าจะลองไปสมัครงานพาร์ทไทม์แถวมหาลัยดูน่ะค่ะ มันอยู่ใกล้กับหอพักด้วย น่าจะสะดวกกว่า” คนตัวเล็กพยายามอธิบายถึงเหตุผลแต่ดูเหมือนว่าบุรินทร์ภัทรจะไม่ได้ฟังเพราะเอาแต่ยืนจ้องหน้าเธออย่างเดียว“จะได้เงินเดือนสักเท่าไหร่กันเชียว” ใบหน้าหล่อเหลากระตุกมุมปากเย้ยหยัน ยืนกอดอกใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มอย่างนึกหงุดหงิด เพราะเด็กดื้อคนนี้เริ่มจะแข็งข้อและต่อต้านเขามากขึ้น“อาจจะไม่มากเท่าอยู่กับเฮีย แต่หนูก็พออยู่ได้ค่ะ” ยอมรับว่าบุรินทร์ภัทรหยิบยื่นสิ่งของ คอยให้เงินเธอใช้แบบไม่ขาดมือ แต่มันก็ไม่ได้สำคัญเท่ากับความรู้สึกที่เขากำลังยัดเยียดให้ในตอนนี้“เธอต้องการเงินเดือนเท่าไหร่ ฉันจะให้”“…..”“สักห้าหมื่นเป็นไง หรือถ้ามันน้อยไปก็บอกมา” แค่เศษเงินไม่เท่าไหร่เขาไม่เคยคิดเสียดายมันเลยสักนิดตรงข้ามกัน!ตั้งแต่จำความได้ ยังไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าปฏิเสธเหมือนเธอคนนี้ยิ่งลิชาคิดจะปีกกล้าขาแข็งใส่ เขายิ่งอยากจะเอาชนะ“
หญิงสาวขยับพลิกตัวเล็กน้อยเมื่อสัมผัสได้ถึงสิ่งรบกวนขณะที่เธอกำลังหลับอยู่บนเตียงนอนดวงหน้าแสนหวานปรือตามองด้วยอาการงัวเงีย เห็นบุรินทร์ภัทรที่นั่งอยู่ด้านข้าง กำลังก้มหน้าก้มตาใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำเช็ดตัวให้เธอหลังจากรู้สึกตัว จึงรีบดึงผ้านวมผืนหนาขึ้นมาปกปิดร่างกายที่เปลือยเปล่า “ฮะ…เฮียจะทำอะไร”“เช็ดตัวไง”“ไม่ต้องค่ะ”“จะให้ฉันอยู่ใกล้ ทั้งๆ ที่ตัวเธอเหม็นแบบนี้น่ะเหรอ”“เดี๋ยวหนูทำเอง”“มีปัญญาลุกขึ้นมาหรือไง”ก้มหน้าเม้มริมฝีปากแน่น แค่ขยับตัวก็รู้สึกเจ็บปวดเหมือนร่างกายจะแตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ“นะ…หนูไหว” ลิชาพยายามพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง แต่กลับถูกชายหนุ่มผลักให้กลับไปนอนดังเดิม“อย่าอวดดีให้มันมาก”“…..” หลังจากเห็นสายตาของคนตรงหน้า สิ่งที่เธอทำได้คือรีบยกมือขึ้นปิดจุดอ่อนไหว“เอามือออก!”“แต่มัน…”“จะมาอายอะไร ฉันเห็นมาจนเบื่อแล้ว” แฟรงก์ชักสีหน้าหงุดหงิด ถอนหายใจหนัก ปรายหางตามองคนตัวเล็กที่นอนตัวสั่นเรือนร่างของอลิชาทุกตารางนิ้ว เขาได้เห็นทุกซอกทุกมุม สัมผัสมันมาจนนับครั้งไม่ถ้วน“ถ้าเบื่อแล้วก็เลิกทำแบบนี้กับหนูได้มั้ย”พลั่ก! ฝ่ามือสากกดลงบนลำคอของคนตัวเล็กอย่างแรงจนจม
-หลายปีผ่านไป-เอส. บี . ดี เซอร์วิสบุรินทร์ภัทรยืนมองภาพถ่ายวันแต่งงานขนาดใหญ่ที่แขวนอยู่บนฝาผนังในห้องทำงาน ก่อนจะยกมือปัดป่ายเช็ดถูขัดมันจนเงาวิบวับเหมือนใหม่อยู่ตลอดเวลาชีวิตคู่หลังจากแต่งงานมีความสุขดี ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นดังใจหวัง เขาได้ใช้ชีวิตกับคนที่รัก มีลูกชายที่เป็นดังแก้วตาดวงใจของทุกคนในครอบครัวธุรกิจการงานถือว่าเป็นไปในทิศทางที่ต้องการไอ้แว่นมันได้ขยายกิจการไปต่างประเทศตามที่ตั้งใจ ส่วนงานของเขาก็อยู่ในความพึงพอใจไม่ได้มีอะไรหวือหวาตอนนี้ดาวศุกร์อายุสิบหกปี กำลังแตกเนื้อสาวสะพรั่ง กลายเป็นสาวฮ็อตประจำโรงเรียน ที่มีหนุ่มๆ คอยตามจีบให้เขาตามปวดหัวไม่เว้นแต่ละวันส่วนชารากับชารันเด็กแฝดถูกไอ้แว่นส่งตัวไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ นานทีปีหนถึงจะได้กลับมา แต่ไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง เพราะมีปู่กับย่าย้ายถิ่นฐานคอยตามไปดูแล จะกลับมาอยู่ที่ประเทศไทยก็ต่อเมื่อเรียนจบชนินทร์ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของบุรินทร์วัชร์เป็นคนเจ้าสำอางละเมียดละไม ส่วนเฟยน้องเล็กเป็นเด็กเก็บตัวเงียบชอบอ่านหนังสืออยู่คนเดียวไม่ค่อยสุงสิงกับใคร“ป๊า…”อลิชาที่เพิ่งไปรับลูกกลับจากโรงเรียน เปิดประตูเดินเข้า
“เจ๊…”ผู้เป็นแม่ละสายตาจากสิ่งที่ทำ หันกลับไปหันมองตามเสียงเรียก ก่อนจะเห็นว่าเป็นบุรินทร์ภัทรที่สวมชุดเจ้าบ่าวเดินเข้ามาหา“อะไรของแก”“วันนี้หนูจะแต่งงานแล้วนะ”“ฉันรู้อยู่แล้ว ไม่เห็นจะต้องมาบอก”“อวยพรให้หนูหน่อย” เดินเข้าไปกอดเจ๊ผู้เป็นที่รักไว้แน่น หอมแก้มแม่ซ้ำๆ เหมือนที่ชอบทำอยู่บ่อยๆวันนี้เจ๊ปาลินของเขาแต่งตัวทำผมสวยจัดเต็ม แถมสีหน้ายังดูอิ่มเอมที่ลูกชายคนโตกำลังจะได้แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝา“อารมณ์ไหนของแก”“ตอนนี้จริงจังนะ ไม่ล้อเล่น” ชายหนุ่มย่อตัวนั่งลงบนส้นเท้า น้ำเสียงที่พูดก็ดูเปลี่ยนไป จนทำให้คนเป็นแม่ปรับอารมณ์ไม่ทัน“หนูอยากมาขอพรจากแม่” ชายหนุ่มพนมมือนอบน้อมก้มลงกราบเท้าของคนเป็นแม่ ไม่ใช่แค่ขอพรแต่ตั้งใจจะมาขอขมาและอโหสิกรรมกับสิ่งล่วงเกินที่เคยทำผิดพลาด“…..” ปราณปาลินมองคนตรงหน้าพร้อมแววตาไหวสั่น ยกมือลูบศีรษะของลูกชายเบาๆ ด้วยความอ่อนโยน “แม่ขออวยพรให้แฟรงก์มีความสุขในชีวิตนะ ไม่ว่าลูกจะทำอะไร ขอให้ประสบผลสำเร็จทุกอย่าง”“หนูอาจจะไม่ใช่ลูกที่ดีเหมือนที่แม่อยากให้เป็น หนูขอโทษนะ อโหสิกรรมให้ผมด้วย” หลายครั้งหลายหนที่ทำให้แม่ร้องไห้ ทำให้พวกท่านเสียใจกับลูกที่ไม่ไ
-2F BAR-รถยนต์คันหรูมากมายไปจนถึงระดับไฮเปอร์คาร์จอดเรียงรายนับร้อยคันเต็มพื้นที่บริเวณลานจอดรถขนาดใหญ่ ล้นทะลักออกไปจนถึงด้านนอก“จัดแค่งานเล็กๆ เฮียเชิญเฉพาะแค่คนที่รู้จัก”อาจจะเป็นแค่งานเล็กสำหรับเขา แต่มันมโหฬารอลังการมากสำหรับเธอ แขกเหรื่อที่มาร่วมงานในวันนี้มองด้วยตาเปล่าน่าจะมีไม่ต่ำกว่าสองพันคนบุรินทร์ภัทรเป็นคนมีอิทธิพลกว้างขวาง คนในวงการต่างนับหน้าถือตาไม่ใช่น้อยๆ จึงไม่แปลกที่จะมีแขกมาร่วมแสดงความยินดีมากมายในวันนี้เขาเลือกสถานที่จัดงานคือ ‘2F BAR’ ที่แห่งนี้คือจุดเริ่มต้นทำให้ได้เจออลิชาในวันนั้นจนกลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต เขาสร้างมันขึ้นมาด้วยความยากลำบาก ความทรงจำดีๆ มากมายอยู่ในที่แห่งนี้“ไหนบอกแค่งานเล็กๆ ไงเฮีย” หมวยเฟย์สะกิดแขนพี่ชายที่ยืนตรวจความเรียบร้อยของงาน“เฮียเชิญแค่คนสนิท มีแต่คนกันเองทั้งนั้น”“นี่มันไม่ใช่เล่นๆ แล้วนะ” หมวยเฟย์วาดสายตามองไปบริเวณโดยรอบด้วยความตื่นตาตื่นใจ ซุ้มดอกไม้นำเข้าจากต่างประเทศยาวยิ่งใหญ่เป็นร้อยเมตร เวทีแสงสีเสียงเหมือนกับงานคอนเสิร์ตนักร้องชื่อดังตระการตาอลังการยิ่งกว่าเทศกาลงานประจำปี‘เสียเงินไม่ว่าเสียหน้าไม่ได้’ ไม่ต้อง
ฝ่ามือหนาบีบเข้าที่ปลายคางเพื่อให้คนตัวเล็กยอมเปิดริมฝีปาก จับแก่นกายอัดกระแทกเข้าออกจนสุดความยาวซ้ำไปซ้ำมา“อื้อออ…” เสียงหวานร้องครางขาดห้วงเมื่อความคับแน่นตีขึ้นมาจุกอยู่ที่ลำคอเหมือนกำลังจะขาดอากาศหายใจตายแต่ร่างกายไม่รักดีกับตอบสนองสู้กลับคืนตามสัญชาตญาณ ปลายเรียวลิ้นลากไล้โลมเลียตั้งแต่ส่วนโคนมาจนถึงหัวแดงก่ำ“โคตรเสียว…” ก้มลงมองหญิงสาวด้วยดวงตาฉ่ำเยิ้ม อลิชาโคตรทำให้เขาเสียอาการจนแขนขาอ่อนแรงใช้มือควานหาที่จับเพื่อพยุงตัวริมฝีปากเล็กดูดเม้มจนแก้มตอบ ส่วนปลายเรียวลิ้นโลมเลียตวัดขึ้นลงราวกับเป็นไอศกรีมแท่งโปรด“แบบนั้นเลยเด็กดี” รวบเส้นผมยาวสลวยเป็นหางม้า กระตุกลงอย่างแรงเพื่อให้เธอเงยหน้าขึ้นรับสัมผัส “อื้ออ…เฮียแฟรงก์… ” คนตัวเล็กเบ้หน้าด้วยความจุกแน่นเมื่อถูกเอวสอบกระแทกสวนเข้ามาอย่างเนิบนาบแต่หนักหน่วงจนส่วนหัวเข้าลึกไปถึงลำคอ“ดูดแรงๆ เฮียจะแตก”มือเล็กเร่งจังหวะชักรูดท่อนเอ็นให้เร็วขึ้น จนคนตัวสูงเกร็งสั่นสะท้านด้วยความเสียวซ่านสองมือกดศีรษะของเธอไว้แน่นไม่ยอมให้ขยับหนี ก่อนจะปล่อยสายธารน้ำรักฉีดพวยพุ่งเข้าไปในโพรงปากเล็กทุกหยาดหยด“อื้อ…” เล็บสวยจิกลงบนท่อนขาแกร่งเพื่
“แว่นน้องรัก” บุรินทร์วัชร์ละสายตาจากเด็กน้อยในอ้อมอก เงยหน้าขึ้นมองคนที่มาใหม่ แค่ได้เห็นหน้าพี่ชายตัวป่วนถึงกับถอนหายใจลากยาววีรกรรมแต่ละอย่างของมันใช่ย่อยที่ไหน ชอบสร้างแต่ปัญหาไม่จบไม่สิ้น“กูขอคุยด้วยหน่อย”“ว่ามาสิ”บุรินทร์ภัทรเดินเข้าไปหย่อนตัวนั่งลงข้างแฝดน้อง ก่อนจะส่งยิ้มกว้างมองด้วยสายตาหวานเยิ้ม“ไม่ต้องลีลา มึงจะเอาอะไรก็ว่ามา” แค่เห็นท่าทางมีพิรุธของมันก็รู้ได้ทันทีว่าต้องมีเรื่องมากวนใจเขาอีกแน่นอน“กูกำลังจะแต่งงาน”“อืม…” ก็พอรู้มาบ้างแล้ว เพราะไอ้แฟรงก์มันชอบพูดกรอกหูให้ฟังอยู่บ่อยๆ เลยไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นหรือแปลกใจอะไร“มึงช่วยแต่งงานเป็นเพื่อนกูหน่อยได้ไหม”“อะไรของมึง”“กูอยากให้เราใส่ชุดเจ้าบ่าวเหมือนกัน”“เมาน้ำมันเครื่องเหรอ กูแต่งงานแล้วจะให้แต่งอีกได้ยังไง”“แต่งแล้วก็แต่งอีกได้ แต่งเป็นเพื่อนกูไง”“เลิกคิดอะไรที่มันประหลาดได้แล้วแฟรงก์!” บอกปัดอย่างนึกรำคาญ ไอ้ประเภทที่มันบอกคนปกติเค้าคงไม่ทำกัน“นะแว่นน้องรัก ช่วยแต่งงานอีกรอบเป็นเพื่อนพี่ชายสุดหล่อคนนี้ที”“…..”“มึงเป็นคนสำคัญที่สุดในชีวิตของกูนะ ทุกช่วงเวลาที่มีความสุขก็อยากมีมึงอยู่ข้างกัน” เอนใบหน้
เอส.บี.ดี เซอร์วิสเอี๊ยดดดด~ ล้อยางรถบดเบียดไปกับพื้นคอนกรีตขัดมันจนเกิดเป็นรอยทางยาว ตามด้วยเสียงเครื่องยนต์ที่ดังกระหึ่มจนทำให้คนที่อยู่แถวนั้นต่างหันมองด้วยความแตกตื่นปราณปาลินรีบวิ่งออกมาดูเหตุการณ์ ก่อนจะเห็นรถกระบะคันเก่าดริฟหักโค้งหลายตลบเข้ามาภายในร้าน ควันดำโขมงลอยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ“เด็กเวรที่ไหนมันมาเบิ้ลรถแถวนี้ ไอ้ลูกพ่อแม่ไม่สั่งสอน!” ยืนเท้าเอวตะโกนด่าจนเอ็นคอขึ้น ทำเอาลูกค้าของเธอตกอกตกใจกันไปหมด มันน่าจะบิดให้หูขาด “อย่าให้รู้นะเว้ย แม่จะตบให้สมองไหล”“จะเป็นใครได้ล่ะ ก็ลูกชายเจ๊นั่นแหละ”“…..” หลังจากได้ยินประโยคที่หมวยเฟย์บอกจึงรีบถอดแว่นกันแดดแบรนด์เนมออกจากใบหน้า หรี่สายตามองเพื่อให้แน่ใจไม่ผิดแน่ ไอ้เด็กเวรที่เธอเพิ่งด่าไปเมื่อกี้มันคือไอ้ลูกชายตัวดี!“ไอ้แฟรงก์!”แผดเสียงเล็กแหลมตะโกนเรียกดังลั่น บุรินทร์ภัทรเปิดประตูลงจากรถกระบะคันเก่า ยกมือเสยผมขึ้นโชว์ใบหน้าหล่อเหลาพร้อมส่งยิ้มหวาน สาวใดได้เห็นมีอันต้องหลงจนหัวปักหัวปำแต่โทษทีที่คนหล่อรวยสุดแสนจะเพอร์เฟคอย่างเขานั้นมีลูกมีเมียแล้ว! นอกจากอลิชาเมียเด็กสุดที่รัก ก็ไม่คิดจะมองใครอีก“เป็นไงเจ๊ เท่สะบัดไปเล
เสียงทุบประตูดังลั่นไปทั่วบริเวณติดต่อกัน ฟรินสะดุ้งตื่นขึ้นกลางดึกรีบก้าวขาลงจากเตียงเมื่อได้ยินเสียงเรียกของพี่ชายที่ร้องตะโกนแหกปากโวยวายอยู่หน้าห้อง“ไอ้แว่น…ไอ้แว่น!”“นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้วแฟรงก์” บุรินทร์วัชร์ถอนหายใจลากยาว ยืนกอดอกพิงขอบประตูมองพี่ชายด้วยสายตาเรียบนิ่ง“ช่วยหน่อย รีบมาช่วยกูที”“อะไรของมึง” ถ้าไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายหรือมีธุระสำคัญเขาจะยกขาถีบมันให้กระเด็น“อย่าเพิ่งบ่น มาช่วยกูก่อน”“มีอะไรก็รีบพูดมา”“ละ…ลิชาจะคลอดแล้ว”“งั้นมึงรีบไปเก็บของ เดี๋ยวกูจะไปเตรียมรถ” บอกผ่านท่าทางนิ่งเฉย เหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นกับดาวเหนือเมื่อครั้งในอดีตเลยไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นสักเท่าไหร่“ไปไม่ทันแน่ หัวลูกกูจะโผล่ออกมาแล้ว”“เวรฉิบ!”บุรินทร์วัชร์หันไปคว้ากล่องยาสามัญประจำบ้านวางอยู่และชุดคลุมขึ้นมาสวมทับ ก่อนจะรีบร้อนตรงมายังห้องนอนของแฝดพี่“อาการเป็นยังไงบ้าง”“หนูเจ็บท้อง…” อลิชานั่งเอนหลังพิงหัวเตียงร้องโอดครวญด้วยความเจ็บ ใบหน้าเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อริมฝีปากบางซีดสั่น ตั้งแต่เกิดมาเธอยังไม่เคยรู้สึกเจ็บขนาดนี้มาก่อน“งั้นทำใจดีๆ” ฟรินลูบศีรษะของคนตัวเล็กเพื่อปลอบประโลม แต
“เป็นยังไงบ้างดีขึ้นหรือยัง”“ดีขึ้นมากแล้วค่ะ ขอบคุณเฮียมากนะ”“หนูปวดตรงไหนอีกมั้ย เดี๋ยวเฮียนวดให้”ดาวศุกร์ตัวน้อยหรี่สายตามองคนทั้งสองที่กำลังพูดคุยกะหนุงกะหนิง ป๊าแฟรงก์กำลังนั่งนวดขาประคบประหงมพี่ลิชาของเธอไม่ยอมห่างไปไหน“มองอะไรศุกร์”“ก็มองป๊านั่นแหละ” ถอนหายใจส่ายหน้าไปมา เคยเห็นป๊าฟรินชอบทำแบบนี้กับแม่เหนือ แต่ไม่คิดว่าป๊าแฟรงก์จะทำแบบนี้กับพี่ลิชาเหมือนกัน“พี่ลิชากำลังมีน้อง ป๊าต้องตามใจเขาหน่อย”“ถึงไม่มีน้อง ป๊าก็ตามใจพี่ลิชาอยู่แล้ว”“กลัวป๊าไม่รักเหรอ”“ไม่กลัวหรอก ศะ…ศุกร์โตแล้วนะ” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่กลับรีบยกมือน้อยๆ ขึ้นปาดน้ำตา“โตที่ไหน ในสายตาป๊ายังเห็นเป็นเด็กอยู่เลย”“แล้วศุกร์กับพี่ลิชา ป๊ารักใครมากกว่ากัน”“…..” ชายหนุ่มหยุดนิ่ง เมื่อได้ยินประโยคคำถามที่ไม่คาดคิดของลูกสาว ชำเลืองสายตามองคนทั้งสองสลับกัน ถ้าตอบว่ารักใครคนใดคนนึงมากกว่า เดี๋ยวก็งอนเป็นเรื่องเป็นราวแต่เขาเลือกที่จะปล่อยมือจากอลิชาแล้วเดินเข้าไปหาเด็กน้อยนั่งที่นั่งอยู่ ย่อตัวนั่งลงตรงหน้ายกมือลูบศีรษะของดาวศุกร์เบาๆ“ป๊ารักศุกร์มากกว่าอยู่แล้ว แต่ความรักที่ป๊ามีให้พี่ลิชากับศุกร์มันไม่เหมือนกั
“ชาเห็นอาการเฮียไม่ค่อยดีเลยชงยาหอมมาให้ค่ะ”ชายหนุ่มละสายตาจากงานเอกสารกองโตขณะที่กำลังตรวจงานให้ไอ้แว่น เงยหน้าขึ้นยิ้มให้คนที่มาใหม่ “ขอบใจมาก ตอนนี้เฮียดีขึ้นมากแล้ว”“เป็นห่วงเฮียนะ”“จะมาเป็นห่วงทำไม เฮียต่างหากที่ต้องพูดคำนี้ ท้องเธอก็เริ่มโตขึ้นทุกวัน” ตอนนี้อลิชาผิวพรรณเปล่งปลั่งรูปร่างก็ดูอวบอั๋นมีน้ำมีนวล จับตรงไหนก็เต็มไม้เต็มมือ“…..” โชคดีของเธอที่ตอนนี้ไม่รู้สึกว่าแพ้ท้อง แต่ก็อาจจะเป็นโชคร้ายของคนข้างๆ ที่แพ้ท้องแทน“อีกหนึ่งชีวิตของเฮียฝากไว้ที่เธอ ช่วยดูแลเขาให้ดีๆ” เลื่อนฝ่ามือไปสัมผัสหน้าท้องที่เริ่มขยายใหญ่จนสังเกตได้ถ้านับตามอายุครรภ์ ตอนนี้อลิชาท้องได้สี่เดือนกว่าแล้ว โดยที่พวกเขาเองก็ไม่รู้ว่าเพศลูกที่อยู่ในท้องนั้นเป็นหญิงหรือชาย ลิชาอยากเก็บไว้เป็นความลับให้ไปรอลุ้นในวันคลอด“ชาสัญญาจะรักษาเขาเท่าชีวิต”“เฮียก็สัญญาเหมือนกันว่าจะดูแลชากับลูกให้ดี”“ตั้งแต่รู้ว่ามีเขา หนูมีความสุขมาก แล้วเฮียล่ะคะมีความสุขไหม” หย่อนตัวนั่งลงบนตักของชายหนุ่มอย่างระมัดระวัง ยกแขนขึ้นโอบลำคอไว้แน่น ซบใบหน้าลงบนลาดไหล่กว้างอย่างออดอ้อน“ลูกเกิดมาจากความรักของเราสองคน เฮียตั้งใจอย