“ลาออกทำไม!?”“…..”“ตอบคำถามฉันด้วยอลิชา!” ทวนคำถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์หลังจากที่คนตัวเล็กเอาแต่ยืนเงียบลิชาลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก มองเห็นสายตากดดันของคนที่เพิ่งมาใหม่“หนูว่าจะลองไปสมัครงานพาร์ทไทม์แถวมหาลัยดูน่ะค่ะ มันอยู่ใกล้กับหอพักด้วย น่าจะสะดวกกว่า” คนตัวเล็กพยายามอธิบายถึงเหตุผลแต่ดูเหมือนว่าบุรินทร์ภัทรจะไม่ได้ฟังเพราะเอาแต่ยืนจ้องหน้าเธออย่างเดียว“จะได้เงินเดือนสักเท่าไหร่กันเชียว” ใบหน้าหล่อเหลากระตุกมุมปากเย้ยหยัน ยืนกอดอกใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มอย่างนึกหงุดหงิด เพราะเด็กดื้อคนนี้เริ่มจะแข็งข้อและต่อต้านเขามากขึ้น“อาจจะไม่มากเท่าอยู่กับเฮีย แต่หนูก็พออยู่ได้ค่ะ” ยอมรับว่าบุรินทร์ภัทรหยิบยื่นสิ่งของ คอยให้เงินเธอใช้แบบไม่ขาดมือ แต่มันก็ไม่ได้สำคัญเท่ากับความรู้สึกที่เขากำลังยัดเยียดให้ในตอนนี้“เธอต้องการเงินเดือนเท่าไหร่ ฉันจะให้”“…..”“สักห้าหมื่นเป็นไง หรือถ้ามันน้อยไปก็บอกมา” แค่เศษเงินไม่เท่าไหร่เขาไม่เคยคิดเสียดายมันเลยสักนิดตรงข้ามกัน!ตั้งแต่จำความได้ ยังไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าปฏิเสธเหมือนเธอคนนี้ยิ่งลิชาคิดจะปีกกล้าขาแข็งใส่ เขายิ่งอยากจะเอาชนะ“
หญิงสาวขยับพลิกตัวเล็กน้อยเมื่อสัมผัสได้ถึงสิ่งรบกวนขณะที่เธอกำลังหลับอยู่บนเตียงนอนดวงหน้าแสนหวานปรือตามองด้วยอาการงัวเงีย เห็นบุรินทร์ภัทรที่นั่งอยู่ด้านข้าง กำลังก้มหน้าก้มตาใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำเช็ดตัวให้เธอหลังจากรู้สึกตัว จึงรีบดึงผ้านวมผืนหนาขึ้นมาปกปิดร่างกายที่เปลือยเปล่า “ฮะ…เฮียจะทำอะไร”“เช็ดตัวไง”“ไม่ต้องค่ะ”“จะให้ฉันอยู่ใกล้ ทั้งๆ ที่ตัวเธอเหม็นแบบนี้น่ะเหรอ”“เดี๋ยวหนูทำเอง”“มีปัญญาลุกขึ้นมาหรือไง”ก้มหน้าเม้มริมฝีปากแน่น แค่ขยับตัวก็รู้สึกเจ็บปวดเหมือนร่างกายจะแตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ“นะ…หนูไหว” ลิชาพยายามพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง แต่กลับถูกชายหนุ่มผลักให้กลับไปนอนดังเดิม“อย่าอวดดีให้มันมาก”“…..” หลังจากเห็นสายตาของคนตรงหน้า สิ่งที่เธอทำได้คือรีบยกมือขึ้นปิดจุดอ่อนไหว“เอามือออก!”“แต่มัน…”“จะมาอายอะไร ฉันเห็นมาจนเบื่อแล้ว” แฟรงก์ชักสีหน้าหงุดหงิด ถอนหายใจหนัก ปรายหางตามองคนตัวเล็กที่นอนตัวสั่นเรือนร่างของอลิชาทุกตารางนิ้ว เขาได้เห็นทุกซอกทุกมุม สัมผัสมันมาจนนับครั้งไม่ถ้วน“ถ้าเบื่อแล้วก็เลิกทำแบบนี้กับหนูได้มั้ย”พลั่ก! ฝ่ามือสากกดลงบนลำคอของคนตัวเล็กอย่างแรงจนจม
“พวกเราตาฝาดไปหรือเปล่าวะ ถึงได้เห็นเฮียแฟรงก์ตั้งแต่หัววัน” ทันทีที่บุรินทร์ภัทรปรากฏตัว พนักงานที่อยู่บริเวณนั้นต่างพากันร้องแซวให้ความสนใจ“ปากว่างเหลือเกินนะพวกมึง” ถอดแว่นกันแดดราคาแพงออกจากใบหน้า หรี่สายตามองกลุ่มลูกน้องที่นั่งรวมหัวกันนับสิบ ตามประสาคนสนิทกัน“ว่าแต่เฮียไปอยู่ไหนมา ถึงได้หายหน้าหายตาไปเลย” แต่ก่อนก็มีแต่เฮียแฟรงก์นี่แหละที่เป็นหัวโจกคอยเป็นเจ้ามือเลี้ยงเหล้าหลังเลิกงานนั่งถอดเสื้อกอดคอกินเหล้า พยุงกันไปอ้วกก็ทำมาแล้ว แต่พักนี้ไม่รู้ว่าหายไปไหน ถึงไม่มาสุงสิงกับพวกพนักงานเหมือนอย่างเคยส่วนเฮียฟรินรายนั้นไม่ต้องถามถึง พอเลิกงานปุ๊บ รีบกลับบ้านหาเมียทันทีไม่มีออกนอกลู่นอกทาง“จะไปไหนก็เรื่องของกู พวกมึงไม่ต้องอยากรู้หรอก”“นึกว่าติดสาวจนจำทางกลับบ้านไม่ได้ซะอีก”“หน้าที่ของพวกมึงอยู่ตรงไหน รีบพากันไสหัวไปทำงานได้แล้ว” แฟรงก์บอกปัดอย่างขอไปที ไอ้พวกนี้มันชอบพูดมากน่ารำคาญ“…..”“กว่าจะโผล่หัวมาได้นะไอ้แฟรงก์ แกหายไปไหนมา”เสียงอันทรงพลังของเจ๊ป้าลินดังมาแต่ไกล แฟรงก์หันหลังกลับไปมอง เห็นผู้เป็นแม่ยืนเท้าเอวจ้องหน้าเขาอย่างเอาเรื่องถึงเจ๊ปาลินจะมีอายุปาเข้าไปเลขห
“ร้านนี้น่ะเหรอ?”ร่างสูงหย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้พลาสติกตัวเก่า วาดสายตามองไปบริเวณโดยรอบก่อนจะขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความสงสัยบุรินทร์ภัทรกลายเป็นจุดสนใจตั้งแต่ขับรถสปอร์ตคันละยี่สิบล้านมาจอดหน้าร้านอาหารตามสั่งในตรอกคับแคบร้านที่ลิชาพามา คือเพิงเล็กๆ ข้างทางไม่ได้หรูหราเหมือนที่คิดไว้“เป็นร้านประจำของหนูเอง อร่อยมาก แถมยังถูกด้วย” คนตัวเล็กเผยรอยยิ้มกว้าง เก็บอาการดีใจเอาไว้ไม่อยู่“…..”“หนูเลี้ยงได้แค่นี้ ถ้าเป็นภัตตาคารหรูแบบที่เฮียชอบกิน คงไม่มีเงิน”“รู้ว่าไม่มีเงินก็หัดเจียมตัวซะบ้างสิ”รอยยิ้มบางๆ บนใบหน้าจิ้มลิ้ม ค่อยๆ จางหายไป บุรินทร์ภัทรมีฐานะร่ำรวย ข้าวของส่วนตัวที่ใช้ในชีวิตประจำวันก็ล้วนแต่เป็นสิ่งของแบรนด์เนมราคาแพงทั้งนั้น“ชาแค่อยากกินข้าวกับเฮียบ้าง”“งั้นก็รีบกิน ฉันหิวแล้ว”“เฮียชอบกินกุ้งอบวุ้นเส้นกับปลาทอดกระเทียมหนูจำได้”“…..”“เดี๋ยวชาแกะกุ้งให้นะ มือเฮียจะได้ไม่เลอะ” ลิชาหยิบกุ้งตัวโตที่สุดในจานขึ้นมาแกะเปลือกออกให้ชายหนุ่มอย่างบรรจง โดยมีสายตาของเขาคอยจ้องมองแบบเงียบๆ “หนูล้างมือแล้ว ไม่สกปรกหรอก”“ก็ไม่ได้ว่าอะไร แกะเนื้อปลาให้ด้วย” นอกจากเจ๊ปาลินแล้วก็ยั
มัวแต่กอดแต่จูบอยู่นั่นแหละ รีบเอาสักที” ชายหนุ่มบอกผ่านน้ำเสียงกระเส่า มองสำรวจเรือนร่างบอบบางที่นั่งอยู่บนตักตั้งแต่เนินอกไล่ต่ำลงมาจนถึงหน้าท้องขาวเนียนใต้ร่มผ้า ยังพอมองเห็นรอยคิสมาร์กจางๆ จากครั้งก่อนที่เขาได้ทำไว้ลิชาเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่นอย่างชั่งใจ ขยับตัวลงไปนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นหินอ่อนเย็นเฉียบ ค่อยๆ คลานเข้ามาแทรกตัวอยู่กลางหว่างขาเอื้อมมือที่สั่นเทาไปรูดซิปกางเกงของชายหนุ่มอย่างรู้งาน จนทั้งสองเหลือเพียงร่างกายเปลือยเปล่าอยู่ต่อหน้ากันไม่ว่าเขาจะบอกหรือสอนอะไร ลิชาเป็นคนหัวไวเรียนรู้ได้เร็วหญิงสาวลอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่อย่างยากลำบาก ใช้สองมือประคองชักรูดแก่นกายใหญ่ช้าๆ โน้มริมฝีปากครอบลงบนท่อนเอ็นอย่างเงอะงะก่อนจะใช้เรียวลิ้นโลมเลียบริเวณส่วนปลายแล้วออกแรงดูดเบาๆ“อมแบบนั้นเมื่อไหร่จะแตก ดูดให้มันแรงๆ”ร่างสูงหยิบมวนบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ พ่นควันออกทางจมูกจนพวยพุ่งไปทั่วบริเวณห้อง เท้าแขนสองข้างไว้ทางด้านหลังเพื่อทรงตัว ก่อนจะยกยิ้มมุมปากก้มลงมองท่าทางใสซื่อของคนตัวเล็กเสียงลามกดังเล็ดลอดผ่านทางริมฝีปากเล็กเบาๆ ยิ่งเป็นแรงกระตุ้นให้อยากทำเรื่องแบบนั้นเต็มทนฝ่ามือหน
ลิชานั่งร้องไห้สะอื้นจนตัวสั่น ก้มหน้าก้มตาเก็บสิ่งของจำเป็นใส่กระเป๋าสะพายใบใหญ่ข้าวของแบรนด์เนมหรือเสื้อผ้าที่บุรินทร์ภัทรเคยซื้อให้เธอไม่หยิบติดมือออกไปแม้แต่ชิ้นเดียวเคยคิดเอาไว้ว่าวันนี้ต้องมาถึง แต่พอเอาเข้าจริงมันกลับรู้สึกเจ็บและยากเกินกว่าจะรับมือไหวบรรยากาศภายในห้องเงียบลง ไม่มีบทสนทนาใดๆ ต่อจากนั้น บุรินทร์ภัทรนั่งบนขอบเตียงมองแผ่นหลังบางที่กำลังสั่นเทาสายตาคู่คมล่อกแล่กไปมาคล้ายกับใช้ความคิดอย่างหนัก เกิดเป็นความสับสนว่าควรจะทำยังไงกับเหตุการณ์ตรงหน้า“ฉันคงไม่เสียเวลาขับรถไปส่ง หาทางไปเองก็แล้วกัน” ตั้งใจพูดกระแทกใส่หญิงสาวที่หอบข้าวของพะรุงพะรังเดินผ่านไปเธอทำเหมือนว่าเขาเป็นแค่ธาตุอากาศไม่มีตัวตน ลิชาหยุดชะงักยืนนิ่งไม่แม้แต่จะหันกลับไปมอง เขายังคงทำร้ายจิตใจของเธอจนถึงวินาทีสุดท้าย“ชาก็ไม่ได้หวังให้เฮียไปส่งอยู่แล้ว”ร่างสูงหยัดตัวลุกขึ้นยืน รีบเดินเข้าไปประชิดหญิงสาวจากทางด้านหลัง เอื้อมมือสั่นเทาจับลูกบิดไว้แน่นในขณะที่เธอกำลังจะเปิดประตูห้องออกไป“แม้แต่หน้าฉันก็ไม่อยากมองแล้วหรือไง”จับใบหน้าของคนตัวเล็กให้หันกลับมาสบตา ก่อนจะโน้มริมฝีปากลงมาจูบเธอหนักๆ เรียว
“ลิชา…”“…..” คนถูกเรียกขยับพลิกตัวไปมา ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมอง เห็นคะนิ้งยืนจ้องหน้าอยู่ตรงปลายเตียง“แกเป็นยังไงบ้าง ลุกขึ้นมากินข้าวไหวมั้ย”“ปวดหัว” ยกมือขึ้นนวดขมับเบาๆ เธอรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนจะไม่สบาย ขอบตาของลิชาบวมเป่งจากการร้องไห้อย่างหนัก ใบหน้าอิดโรยซีดเซียวดูไม่ค่อยมีเรี่ยวแรง“งั้นกินข้าวก่อนนะ จะได้กินยา ถ้าอาการไม่ดีขึ้น ฉันจะพาไปหาหมอ”“…..” ใบหน้าร้อนผ่าวรีบยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดน้ำตา ถ้าไม่มีคะนิ้งคอยอยู่เคียงข้าง ชีวิตของเธอคงแย่กว่านี้“ถ้าอยากร้องก็ร้องออกมาเลย เดี๋ยวฉันจะเช็ดน้ำตาให้แกเอง” ยกมือขึ้นลูบศีรษะเพื่อนสนิทเพื่อปลอบใจ“เราไม่ได้อยากอ่อนแอแบบนี้”“การที่อ่อนแอไม่ได้แปลว่าเป็นความผิดของแกสักหน่อย จะคิดมากไปทำไม”“ไม่น่าไปรักเขาเลย ไม่น่าเลยจริงๆ” เพื่อนก็เคยเตือนหลายครั้งให้เลิกรักผู้ชายคนนั้น แต่ความรักของเธอที่มีให้บุรินทร์ภัทรมันมากเกินไป จนไม่เหลือเผื่อให้ตัวเอง“ความรักมันห้ามกันได้ที่ไหน คนเรามันก็ผิดพลาดกันได้ทั้งนั้น เริ่มต้นใหม่ตอนนี้ก็ยังไม่สาย”“…..”“ถ้าไอ้เฮียมันไม่รัก แกก็กลับมารักตัวเองได้แล้ว”“…..”“กลับมาสนใจตัวเอง เพราะคนที่จะอยู่กับเร
“ไอ้แฟรงก์!” เสียงอันทรงพลังของเจ๊ปาลินช่วยปลุกคนที่นอนหลับให้สะดุ้งตื่นแบบอัตโนมัติแฟรงก์รีบดีดตัวลุกขึ้นนั่งทั้งๆ ที่ยังไม่ทันได้ลืมตา ก่อนจะรู้สึกถึงความหนักอึ้งเหมือนสมองกำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ จนต้องยกมือขึ้นทุบศีรษะของตัวเองเบาๆ“คะ…ครับเจ๊”“ตื่นได้แล้ว ใจคอจะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหน” ยืนเท้าเอวแผดเสียงเล็กแหลมบ่นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนถึงข้างเตียงปาเข้าไปเกือบหกโมงเย็น ยังไม่เห็นแม้แต่เงาหัว จนหล่อนต้องเข้ามาตามมันด้วยตัวเอง“เมาค้างปวดหัวฉิบ!”“เฮียฟรินบอกเมื่อคืนแกเมาหนักเหรอ”“ก็มีบ้าง” ก้มลงมองร่างกายที่สวมใส่เพียงกางเกงบ๊อกเซอร์ เมื่อคืนเมามาก เมาจนจำอะไรไม่ได้ โดยที่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าลากสังขารกลับมานอนที่บ้านได้ยังไง “ใครมาส่งหนูอ่ะเจ๊ จำอะไรไม่ได้เลย”“เฮียฟรินเป็นคนไปรับ”“…..”“แกเมามากจนอ้วกใส่รถน้องที่เพิ่งซื้อมาได้ไม่กี่วัน จำได้หรือเปล่า”“อ่า…ไม่เคยเมาขนาดนี้มาก่อนเลย”“ฉันล่ะเหนื่อยใจ เพลาลงบ้างเรื่องอะไรพวกนี้”“หนูก็พยายามอยู่ อย่าบ่นให้มากเดี๋ยวตีนกาก็ขึ้นหรอก”“งั้นก็รีบอาบน้ำแต่งตัวลงไปกินข้าวพร้อมกัน พวกๆ ลูกรออยู่”“เดี๋ยวตามไป”แฟรงก์ถอนหายใจลากยาว รีบ
“วันนี้ไม่ไปทำงานเหรอคะ” อลิชาเดินออกจากห้องนอนในช่วงบ่ายของวัน เหลือบสายตามองบุรินทร์ภัทรที่นั่งทำงานอยู่บนเก้าอี้ประจำตำแหน่ง “เฮียสั่งงานลูกน้องไว้แล้ว ให้พวกมันทำแทนได้”“…..” หญิงสาวหย่อนตัวนั่งลงบนตักของชายหนุ่มเหมือนที่ชอบทำ ก่อนที่เขาจะรีบยกแขนโอบเอวบางไว้แน่น“วันนี้แต่งตัวสวยๆ รอเลยนะ”“จะพาไปไหนเหรอคะ”“เดี๋ยวไปถึงก็รู้เอง” โน้มใบหน้าเข้าใกล้ ใช้ปลายจมูกคลอเคลียสูดดมกลิ่นกายหอมที่คุ้นเคย ริมฝีปากพรมจูบไปทั่วแผ่นหลังของเธอเบาๆ เขารีบเคลียร์งานทุกอย่างหลังจากที่อลิชาสอบเสร็จ จะได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันให้มากขึ้น “เฮียจะย้ายไปอยู่บ้านใหญ่ คงไม่ได้อยู่ที่คอนโดนี้แล้ว”เพราะมีลูกหลานคอยโทรตามทุกวัน จนใจอ่อนยอมตัดสินใจย้ายกลับไปอยู่บ้านเหมือนเดิม“อ่อ…ค่ะ” พยักหน้ารับแต่ไม่ได้ถามอะไรไปมากกว่านั้น ถ้าเป็นแบบที่เขาพูดหมายความว่าเธอใกล้จะได้เป็นอิสระจากความสัมพันธ์บ้าๆ นี่เต็มทน“จะพาเธอไปด้วย”“หมายถึงอยู่กับครอบครัวของเฮียน่ะเหรอ”“ครอบครัวของเฮียไม่มีปัญหา เธอแค่เตรียมตัวให้พร้อม เดี๋ยวจะสั่งลูกน้องมาเก็บของให้”“…..”“ถ้าเธอเรียนจบแล้วค่อยแต่งงานกัน ตกลงมั้ย”“ชาบอกตอนไหนว่าจะไปอยู
-ร้านอาหาร-“มาได้สักทีนะ ฉันกำลังจะโทรตามแกอยู่พอดี” ปราณปาลินมองลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่เพิ่งมาถึงวันนี้เป็นวันครบรอบแต่งงานของเธอกับบดินทร์จึงนัดลูกหลานให้มาทานข้าวที่ร้านอาหารอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาแต่นั่นไม่น่าแปลกใจเท่าคนที่ไอ้แฟรงก์มันพาติดสอยห้อยตามมาด้วย“ให้รอนิดรอหน่อยทำเป็นบ่น” ไม่พูดเปล่า รีบเดินเข้าไปหอมแก้มเจ๊สุดที่รักด้วยความคิดถึง“ผู้หญิงคนนี้เป็นใครเหรอคะ” หญิงสาวเกาะแขนชายหนุ่มไว้แน่นยืนหลบอยู่ทางด้านหลังด้วยอาการประหม่า กระซิบถามเสียงเบาอย่างสงสัย“แม่ผัวเธอไง” ลิชามองไปทางหญิงวัยกลางคน เป็นเพราะเขาไม่ได้บอกมาก่อนด้วยซ้ำว่าจะพามาเจอครอบครัว เคยได้ยินชื่อมานานเพิ่งจะได้เห็น ‘ปราณปาลิน’ ตัวจริงก็วันนี้ เธอสวยดูดี รูปร่างผิวพรรณมีราศีไม่เหมือนคนที่อายุห้าสิบเลยสักนิด “ส่วนคนหล่อๆ ที่นั่งหัวโต๊ะชื่อคุณบดินทร์คือพ่อผัวของเธอ”“สวัสดีค่ะ”‘บดินทร์’ ยกมือรับไหว้ มองว่าที่ลูกสะใภ้คนโตผ่านรอยยิ้มอบอุ่น“แล้วแกพาใครมาด้วย อย่าบอกนะว่า…” ผู้เป็นแม่รีบหยัดตัวลุกขึ้นเดินเข้าไปถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น มองดูก็รู้ว่าอลิชายังเด็กกว่าลูกชายเป็นไหนๆ“คนนี้แหละลูกสะใภ้เจ๊”“ไอ้แฟรงก
“วันนี้เฮียขอไปรับเธอที่มหาลัยได้มั้ย ขากลับค่อยแวะไปช็อปปิ้งดูหนังด้วยกัน”ได้แต่เดินตามหลังหญิงสาวอยู่ไม่ห่าง เอาแต่ยืนมองอลิชาที่กำลังสวมชุดนักศึกษาแต่งตัวอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ นานแล้วที่ไม่ค่อยมีเวลาส่วนตัวออกไปเที่ยวด้วยกัน“วันนี้ชามีนัดทำรายงานกับเพื่อนเดี๋ยวกลับเองค่ะ”“เพื่อนคนไหน ผู้หญิงหรือผู้ชาย”“ก็มีทั้งผู้หญิงแล้วก็ผู้ชาย”“ชื่ออะไร เฮียรู้จักหรือเปล่า”“จะถามอะไรนักหนา”“เพราะหวงเธอไง”“มีเรื่องจะพูดแค่นี้ใช่มั้ย ชาจะรีบไปเรียน”“อย่าลืมโทรหาเฮียด้วยนะ” สวมกอดคนตัวเล็กไว้แน่นจากทางด้านหลัง เต็มใจยอมทำตามคำสั่งเหมือนหมาที่เชื่อฟังเจ้านาย “เฮียจะรอรับโทรศัพท์จากเธอคนเดียว”“…..”“ถ้าอยากให้ไปรับก็โทรบอก เฮียจะรีบไป”“…..”“รับปากสิว่าจะไม่มีใคร ชาจะไม่มองผู้ชายคนไหนนอกจากเฮีย”“อืม…” อลิชาพยักหน้าตอบรับแบบขอไปที ก่อนจะรีบเดินออกจากห้องโดยมีบุรินทร์ภัทรที่ยืนชะเง้อคอมองตามจนลับสายตา02.00 น.ร่างสูงรีบดีดตัวลุกขึ้นจากโซฟาหลังจากเห็นอลิชาเปิดประตูกลับเข้ามาในห้องตอนช่วงดึกของวันหรี่สายตามองผ่านความมืดสลัว เธอสวมชุดนักศึกษารัดรูปโชว์เรียวขาสวย ชายเสื้อหลุดลุ่ย แถมกลิ่นแอลกอ
รถยนต์ยี่ห้อหรูตบไฟเลี้ยวเข้ามาจอดที่ลานคอนกรีตขนาดใหญ่ระหว่างทางผ่านมามีแค่เพียงบุรินทร์ภัทรที่พยายามส่งเสียงพูดคุย ส่วนอลิชาเอาแต่นั่งเงียบไม่ยอมมองหน้ากัน“เข้าไปข้างในบ้านด้วยกันมั้ย จะได้เจอพ่อกับแม่เฮียด้วย”“ไม่ดีกว่าค่ะ ปกติเฮียก็ให้ชานั่งรอบนรถอยู่แล้ว”รอยยิ้มจางๆ ที่กำลังปรากฏ ค่อยๆ เลือนหายไป บุรินทร์ภัทรหวนคิดถึงความทรงจำเมื่อครั้งก่อนเขาเคยปล่อยให้อลิชานั่งรอบนรถแบบหลบๆ ซ่อนๆ มาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่เธอก็ยังเชื่อฟังทำตามคำสั่งไม่ปริปากบ่นพอมาวันนี้ไม่อยากปิดบังอีกแล้ว อยากประกาศให้ทุกคนรู้ ว่าเธอเป็นเมียเขา!“เฮียไปเถอะค่ะ”“เดี๋ยวรีบพาลูกออกมาหา เธอจะได้ไม่ต้องรอนาน” ประคองใบหน้าแสนหวานให้เห็นมาสบตา เกิดเป็นความหวาดระแวงว่าเธอจะหนีหายไปจากกัน “ชาอย่าหายไปไหนนะ เดี๋ยวเฮียรีบมา”“อืม”ร่างบางได้แต่ถอนหายใจมองตามแผ่นหลังของชายหนุ่มที่ค่อยๆ ไกลออกไปภายในใจเหมือนมีเส้นบางๆ กั้นความรู้สึกเอาไว้ทำให้สับสนเหมือนว่าเธอเคยรักเขามาก มาตอนนี้กลับไม่ได้รู้สึกโหยหาผู้ชายคนนี้อีกแล้ว อาจจะเหลือไว้เพียงความผูกพันรอแค่วันให้มันหมดไปคนหนึ่งเริ่มจากร้อย เคยโดนทำร้ายจิตใจยิ่งนา
ตึกตัก…เสียงฝีเท้าดังขึ้นอย่างเร่งรีบ ก่อนจะหยุดอยู่ที่หน้าโกดังสต๊อกสินค้าขนาดใหญ่“เฮียแฟรงก์!” อลิชาตะเบ็งเสียงเรียกดังลั่นไปทั่วบริเวณ“ว่าไงคนสวยของเฮีย” บุรินทร์ภัทรเดินออกมาต้อนรับคนที่มาใหม่พร้อมรอยยิ้มกว้าง “มาถึงเร็วกว่าที่คิดไว้นะ”ดวงตาคู่คมจ้องมองเรือนร่างของคนตัวเล็กแบบไม่ได้ตั้งใจ เสื้อผ้าตัวบางที่เธอสวมใส่เปียกปอนไปด้วยเม็ดฝนจนแนบเนื้อเผยให้เห็นสัดส่วนอวบอั๋น“เป็นฝีมือของเฮียใช่มั้ย”“ขยับมาพูดใกล้ๆ เฮียแก่แล้วหูไม่ค่อยดี” กระดิกนิ้วเรียกคนตัวเล็กให้เข้าหาด้วยท่าทางยียวน ชอบยั่วให้เธอโมโหถือว่าเป็นความสุขทางใจอย่างหนึ่ง“ทำแบบนี้ทำไม”“พูดอะไร ไม่เห็นจะรู้เรื่อง”“ที่คิมมาบอกเลิกชา เป็นเพราะเฮียใช่มั้ย”“อย่าใส่ความกัน”“ถ้าไม่ใช่เฮียแล้วจะเป็นใคร”“จะไปรู้เหรอ อย่ามากล่าวหากันลอยๆ ไหนล่ะหลักฐาน ถ้ามีก็ช่วยงัดออกมา จะได้รู้ว่าทำอะไรผิด”“…..” ลิชาจิกเล็บลงบนต้นขาของตัวเองแน่นเมื่อไม่มีหลักฐานเอาผิดคนตรงหน้าได้“ยังไม่ทันได้ทำอะไรเลย เธอชักจะใจดำกับเฮียเกินไปแล้วนะ” ตีหน้าเศร้าบอกผ่านน้ำเสียงตัดพ้อ ก่อนจะส่งสายตาออดอ้อน แต่ลิชาไหวตัวทันรีบขยับถอยห่าง“ไม่ต้องมาเล่นละคร
-2F BAR-คิมเปิดประตูเดินเข้ามาในห้องทำงานของบุรินทร์ภัทร วาดสายตามองไปรอบบริเวณด้วยความสงสัย หลังจากโดนลูกน้องของเฮียแฟรงก์ตามไปหิ้วปีกถึงในห้องนอนจนต้องรีบมา“เฮียให้คนไปตามผมมาพบด่วน มีธุระอะไรเหรอเปล่าครับ”“นั่งก่อนสิ”“…..” หย่อนตัวนั่งลงตรงข้าม เห็นเฮียฟรินนั่งกอดอกหลบอยู่ในมุมมืดของห้อง กลิ่นฉุนของควันบุหรี่ลอยคละคลุ้งกระทบเข้าใบหน้าจนรู้สึกเสียวสันหลังบุรินทร์วัชร์เป็นคนจับตัวได้ยาก มีโอกาสน้อยนักที่จะได้เจอตัวเป็นๆ“มึงจะดื่มอะไรเย็นๆ ก่อนมั้ย” แฟรงก์เอ่ยถาม เหลือบสายตามองรุ่นน้องคนสนิท ก่อนจะใช้นิ้วเคาะลงบนโต๊ะอย่างใจเย็น“ก็ดีเหมือนกันครับ”สายตาเรียบนิ่งของคนตรงหน้า คิมไม่สามารถคาดเดาความคิดได้เลย“กูขอรบกวนเวลามึงไม่นาน แค่ห้านาที แต่ก็อาจจะมากกว่านั้นถ้าเกิดว่าเราคุยกันไม่ลงตัว”“ว่ามาเลย เฮียแฟรงก์ต้องการอะไร”“เลิกยุ่งกับเมียกูซะ!”“…..” บรรยากาศภายในห้องเงียบลง ไม่มีคำพูดใดๆ ต่อจากประโยคก่อนหน้านั้น คิมคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าคงไม่พ้นเรื่องนี้“มึงคงรู้อยู่แก่ใจว่ากูหมายถึงอะไร”“…..” ยกมือขึ้นลูบหน้าเบาๆ พ่นลมหายใจลากยาวเพื่อดึงสติ เขารู้ว่าลิชากับรุ่นพี่เคยมีความสัมพ
“เดี๋ยวเฮียไปส่ง ขึ้นรถสิ”อลิชาเงยหน้าขึ้นมอง ขณะกำลังนั่งร้องไห้อยู่ที่ป้ายรถเมล์ ยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตาแบบลวกๆ รีบสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมไม่ยอมให้เขาสัมผัสตัว“ไม่ต้องมาจับ ไม่ต้องมาแตะตัวชา”“บอกว่าจะไปส่ง” ย่อตัวนั่งลงตรงหน้าคนตัวเล็ก เขาตั้งใจตามมาง้อโดยไม่แคร์สายตาคนอื่น“เฮียจะตามชามาอีกทำไม สิ่งที่ทำไปยังไม่พอใจอีกเหรอ”“ไม่พอ ถ้าเป็นชาเท่าไหร่ก็ไม่เคยพอ”“ตอนนี้ชาโคตรขยะแขยงเฮียเลยรู้ตัวบ้างมั้ย”“…..” ดึงมือของเธอเข้ามาจูบซ้ำๆ ทำเหมือนไม่ได้สนใจในสิ่งที่เธอพูด“คิดว่าทำแบบนี้แล้วชาจะยอมกลับไปหาเฮียเหรอ”“แล้วทำยังไงเธอถึงจะยอมกลับมา”“ไปตายซะ! ไอ้คนเฮงซวย” ผลักไหล่ชายหนุ่มอย่างแรงจนกระเด็นถอยห่าง คว้ากระเป๋าสะพายแล้วรีบเดินหนีออกมา แม้แต่หน้าเขาก็ไม่อยากเห็น“รอก่อนอลิชา”“ไปให้พ้น จะไปตายที่ไหนก็ไป”เดินเข้าไปขวางหน้า พยายามดึงคนตัวเล็กเข้ามากอดไว้ในอ้อมแขน ยิ่งเธอดิ้นหนี ยิ่งกอดแน่นขึ้นยิ่งเห็นน้ำตายิ่งรู้สึกเกลียดตัวเอง“เฮียไม่ปล่อยให้เธอกลับบ้านคนเดียวแน่ มันอันตราย”“เฮียแม่งโคตรอันตรายกว่าทุกอย่างบนโลกนี้ ชาไม่กลัวอะไรแล้ว”“ไม่กลัวโดนข่มขืนหรือไง ไปขึ้นรถ”“ยังจะต้
-มหาวิทยาลัย-“วันหยุดนี้ว่างมั้ย คิมว่าจะชวนไปงานวันเกิด”“มะ…เมื่อกี้คิมพูดว่าไงนะ” หันไปมองตามเสียงของแฟนหนุ่ม หลังจากที่นั่งเผลอใจลอยคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย“คิมบอกว่าจะชวนชาไปงานวันเกิด”“จริงด้วย ใกล้จะถึงวันเกิดของคิมแล้ว”“ชาลืมเหรอ”“ขอโทษนะ ช่วงนี้มีเรื่องให้คิดเยอะเลย” อลิชารู้สึกผิดที่หลงลืมวันสำคัญของคิมไป เธออยากบอกถึงความสัมพันธ์ที่เคยผ่านมาแต่ติดตรงที่ใจยังไม่กล้าพอ“ไม่โกรธหรอก เรื่องแค่นี้เอง”“แล้วเฮียแฟรงก์ไปด้วยมั้ย” โพล่งถามโดยไม่ทันยั้งคิด พวกเขาค่อนข้างสนิทกัน เลยเกิดเป็นความกังวลใจถ้าต้องกลับเจอบุรินทร์ภัทรอีกครั้ง“ไม่ได้ไป เห็นบอกว่าติดคุยงานกับลูกค้าที่ต่างจังหวัด”“…..” ร่างบางถอนหายใจเบาๆ ด้วยความโล่งอก พยายามทำสีหน้าให้เป็นปกติเมื่อเห็นสายตาของแฟนหนุ่มที่มองมา“ชาไปกับคิมนะ จะได้แนะนำให้เพื่อนๆ รู้จักด้วย แค่กินข้าวด้วยกันนิดหน่อย เป็นงานเล็กๆ ชวนแต่คนสนิท ไม่วุ่นวายหรอก”“ไปก็ได้ แต่ขอชวนคะนิ้งไปด้วยได้มั้ย”“ได้สิ ไปหลายคนสนุกดี ชาจะได้มีเพื่อน จะได้ไม่เหงา”“ขอบคุณนะ”“เพื่อนชาก็เหมือนเพื่อนคิมนั่นแหละ ไม่ต้องคิดมาก”“…..”“อย่าลืมแต่งตัวสวยๆ รอเลยนะ คิ
“ทำไมถึงมาต้องการชาตอนนี้เหรอคะ” ถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง หันมองคนนั่งข้างที่กำลังแสดงความกระวนกระวายใจนักหนาเธอเคยอ้อนวอนขอความรักจากผู้ชายคนนี้ ยอมให้เขาทุกอย่างจนตัวเองดูน่าสมเพช แต่สุดท้ายบุรินทร์ภัทรก็มองเห็นเธอเป็นแค่ของตายไร้ค่าในสายตาจะไม่ยอมกลับไปเป็นแบบนั้นอีกแล้ว เพราะรู้ดีว่าการโดนเหยียบย่ำหัวใจมันเจ็บแค่ไหน“ตอนที่ชารักคุณ ต้องการคุณ โหยหาความรักจากคุณ แล้วตอนนั้นคุณไปอยู่ที่ไหน”“…..”“หรือคุณคิดว่าจะทำยังไงกับชาก็ได้?”“เฮียเป็นคนผิดเอง ผิดแม่งทุกอย่างเลย”ลิชาเคยรักเขามาก มากจนคิดเข้าข้างตัวเองว่าเธอจะไม่มีวันไปไหนได้เพิ่งจะรู้ตัวว่าทำพลาดไปก็ต่อเมื่อไม่มีเธออยู่แล้ว“ให้ได้แค่คำขอโทษ มีให้แค่นี้เองเหรอคะ”“แล้วจะให้เฮียทำยังไงก็บอกมา”“ก็ทำเหมือนที่เคยทำมาตลอด ทำเหมือนว่าชาไม่มีตัวตนในชีวิตของคุณ”“ไอ้คำพูดห่างเหินพวกนั้น ช่วยเลิกใช้มันสักที” แววตาที่เคยมองเขาด้วยความอ่อนโยน มาตอนนี้มันดูว่างเปล่า ไร้เยื่อใย มองไม่เห็นแม้กระทั่งเศษความรักที่หลงเหลืออยู่ “เพราะไอ้เหี้ยนั่นใช่มั้ย เธอถึงกล้าทิ้งเฮียไปหามัน”“ต่อให้ไม่มีคิม ชาก็คงไม่กลับไปหาคุณอยู่ดี”“ไม่จริง! เธอรัก