“พวกเราตาฝาดไปหรือเปล่าวะ ถึงได้เห็นเฮียแฟรงก์ตั้งแต่หัววัน” ทันทีที่บุรินทร์ภัทรปรากฏตัว พนักงานที่อยู่บริเวณนั้นต่างพากันร้องแซวให้ความสนใจ“ปากว่างเหลือเกินนะพวกมึง” ถอดแว่นกันแดดราคาแพงออกจากใบหน้า หรี่สายตามองกลุ่มลูกน้องที่นั่งรวมหัวกันนับสิบ ตามประสาคนสนิทกัน“ว่าแต่เฮียไปอยู่ไหนมา ถึงได้หายหน้าหายตาไปเลย” แต่ก่อนก็มีแต่เฮียแฟรงก์นี่แหละที่เป็นหัวโจกคอยเป็นเจ้ามือเลี้ยงเหล้าหลังเลิกงานนั่งถอดเสื้อกอดคอกินเหล้า พยุงกันไปอ้วกก็ทำมาแล้ว แต่พักนี้ไม่รู้ว่าหายไปไหน ถึงไม่มาสุงสิงกับพวกพนักงานเหมือนอย่างเคยส่วนเฮียฟรินรายนั้นไม่ต้องถามถึง พอเลิกงานปุ๊บ รีบกลับบ้านหาเมียทันทีไม่มีออกนอกลู่นอกทาง“จะไปไหนก็เรื่องของกู พวกมึงไม่ต้องอยากรู้หรอก”“นึกว่าติดสาวจนจำทางกลับบ้านไม่ได้ซะอีก”“หน้าที่ของพวกมึงอยู่ตรงไหน รีบพากันไสหัวไปทำงานได้แล้ว” แฟรงก์บอกปัดอย่างขอไปที ไอ้พวกนี้มันชอบพูดมากน่ารำคาญ“…..”“กว่าจะโผล่หัวมาได้นะไอ้แฟรงก์ แกหายไปไหนมา”เสียงอันทรงพลังของเจ๊ป้าลินดังมาแต่ไกล แฟรงก์หันหลังกลับไปมอง เห็นผู้เป็นแม่ยืนเท้าเอวจ้องหน้าเขาอย่างเอาเรื่องถึงเจ๊ปาลินจะมีอายุปาเข้าไปเลขห
“ร้านนี้น่ะเหรอ?”ร่างสูงหย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้พลาสติกตัวเก่า วาดสายตามองไปบริเวณโดยรอบก่อนจะขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความสงสัยบุรินทร์ภัทรกลายเป็นจุดสนใจตั้งแต่ขับรถสปอร์ตคันละยี่สิบล้านมาจอดหน้าร้านอาหารตามสั่งในตรอกคับแคบร้านที่ลิชาพามา คือเพิงเล็กๆ ข้างทางไม่ได้หรูหราเหมือนที่คิดไว้“เป็นร้านประจำของหนูเอง อร่อยมาก แถมยังถูกด้วย” คนตัวเล็กเผยรอยยิ้มกว้าง เก็บอาการดีใจเอาไว้ไม่อยู่“…..”“หนูเลี้ยงได้แค่นี้ ถ้าเป็นภัตตาคารหรูแบบที่เฮียชอบกิน คงไม่มีเงิน”“รู้ว่าไม่มีเงินก็หัดเจียมตัวซะบ้างสิ”รอยยิ้มบางๆ บนใบหน้าจิ้มลิ้ม ค่อยๆ จางหายไป บุรินทร์ภัทรมีฐานะร่ำรวย ข้าวของส่วนตัวที่ใช้ในชีวิตประจำวันก็ล้วนแต่เป็นสิ่งของแบรนด์เนมราคาแพงทั้งนั้น“ชาแค่อยากกินข้าวกับเฮียบ้าง”“งั้นก็รีบกิน ฉันหิวแล้ว”“เฮียชอบกินกุ้งอบวุ้นเส้นกับปลาทอดกระเทียมหนูจำได้”“…..”“เดี๋ยวชาแกะกุ้งให้นะ มือเฮียจะได้ไม่เลอะ” ลิชาหยิบกุ้งตัวโตที่สุดในจานขึ้นมาแกะเปลือกออกให้ชายหนุ่มอย่างบรรจง โดยมีสายตาของเขาคอยจ้องมองแบบเงียบๆ “หนูล้างมือแล้ว ไม่สกปรกหรอก”“ก็ไม่ได้ว่าอะไร แกะเนื้อปลาให้ด้วย” นอกจากเจ๊ปาลินแล้วก็ยั
มัวแต่กอดแต่จูบอยู่นั่นแหละ รีบเอาสักที” ชายหนุ่มบอกผ่านน้ำเสียงกระเส่า มองสำรวจเรือนร่างบอบบางที่นั่งอยู่บนตักตั้งแต่เนินอกไล่ต่ำลงมาจนถึงหน้าท้องขาวเนียนใต้ร่มผ้า ยังพอมองเห็นรอยคิสมาร์กจางๆ จากครั้งก่อนที่เขาได้ทำไว้ลิชาเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่นอย่างชั่งใจ ขยับตัวลงไปนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นหินอ่อนเย็นเฉียบ ค่อยๆ คลานเข้ามาแทรกตัวอยู่กลางหว่างขาเอื้อมมือที่สั่นเทาไปรูดซิปกางเกงของชายหนุ่มอย่างรู้งาน จนทั้งสองเหลือเพียงร่างกายเปลือยเปล่าอยู่ต่อหน้ากันไม่ว่าเขาจะบอกหรือสอนอะไร ลิชาเป็นคนหัวไวเรียนรู้ได้เร็วหญิงสาวลอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่อย่างยากลำบาก ใช้สองมือประคองชักรูดแก่นกายใหญ่ช้าๆ โน้มริมฝีปากครอบลงบนท่อนเอ็นอย่างเงอะงะก่อนจะใช้เรียวลิ้นโลมเลียบริเวณส่วนปลายแล้วออกแรงดูดเบาๆ“อมแบบนั้นเมื่อไหร่จะแตก ดูดให้มันแรงๆ”ร่างสูงหยิบมวนบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ พ่นควันออกทางจมูกจนพวยพุ่งไปทั่วบริเวณห้อง เท้าแขนสองข้างไว้ทางด้านหลังเพื่อทรงตัว ก่อนจะยกยิ้มมุมปากก้มลงมองท่าทางใสซื่อของคนตัวเล็กเสียงลามกดังเล็ดลอดผ่านทางริมฝีปากเล็กเบาๆ ยิ่งเป็นแรงกระตุ้นให้อยากทำเรื่องแบบนั้นเต็มทนฝ่ามือหน
ลิชานั่งร้องไห้สะอื้นจนตัวสั่น ก้มหน้าก้มตาเก็บสิ่งของจำเป็นใส่กระเป๋าสะพายใบใหญ่ข้าวของแบรนด์เนมหรือเสื้อผ้าที่บุรินทร์ภัทรเคยซื้อให้เธอไม่หยิบติดมือออกไปแม้แต่ชิ้นเดียวเคยคิดเอาไว้ว่าวันนี้ต้องมาถึง แต่พอเอาเข้าจริงมันกลับรู้สึกเจ็บและยากเกินกว่าจะรับมือไหวบรรยากาศภายในห้องเงียบลง ไม่มีบทสนทนาใดๆ ต่อจากนั้น บุรินทร์ภัทรนั่งบนขอบเตียงมองแผ่นหลังบางที่กำลังสั่นเทาสายตาคู่คมล่อกแล่กไปมาคล้ายกับใช้ความคิดอย่างหนัก เกิดเป็นความสับสนว่าควรจะทำยังไงกับเหตุการณ์ตรงหน้า“ฉันคงไม่เสียเวลาขับรถไปส่ง หาทางไปเองก็แล้วกัน” ตั้งใจพูดกระแทกใส่หญิงสาวที่หอบข้าวของพะรุงพะรังเดินผ่านไปเธอทำเหมือนว่าเขาเป็นแค่ธาตุอากาศไม่มีตัวตน ลิชาหยุดชะงักยืนนิ่งไม่แม้แต่จะหันกลับไปมอง เขายังคงทำร้ายจิตใจของเธอจนถึงวินาทีสุดท้าย“ชาก็ไม่ได้หวังให้เฮียไปส่งอยู่แล้ว”ร่างสูงหยัดตัวลุกขึ้นยืน รีบเดินเข้าไปประชิดหญิงสาวจากทางด้านหลัง เอื้อมมือสั่นเทาจับลูกบิดไว้แน่นในขณะที่เธอกำลังจะเปิดประตูห้องออกไป“แม้แต่หน้าฉันก็ไม่อยากมองแล้วหรือไง”จับใบหน้าของคนตัวเล็กให้หันกลับมาสบตา ก่อนจะโน้มริมฝีปากลงมาจูบเธอหนักๆ เรียว
“ลิชา…”“…..” คนถูกเรียกขยับพลิกตัวไปมา ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมอง เห็นคะนิ้งยืนจ้องหน้าอยู่ตรงปลายเตียง“แกเป็นยังไงบ้าง ลุกขึ้นมากินข้าวไหวมั้ย”“ปวดหัว” ยกมือขึ้นนวดขมับเบาๆ เธอรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนจะไม่สบาย ขอบตาของลิชาบวมเป่งจากการร้องไห้อย่างหนัก ใบหน้าอิดโรยซีดเซียวดูไม่ค่อยมีเรี่ยวแรง“งั้นกินข้าวก่อนนะ จะได้กินยา ถ้าอาการไม่ดีขึ้น ฉันจะพาไปหาหมอ”“…..” ใบหน้าร้อนผ่าวรีบยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดน้ำตา ถ้าไม่มีคะนิ้งคอยอยู่เคียงข้าง ชีวิตของเธอคงแย่กว่านี้“ถ้าอยากร้องก็ร้องออกมาเลย เดี๋ยวฉันจะเช็ดน้ำตาให้แกเอง” ยกมือขึ้นลูบศีรษะเพื่อนสนิทเพื่อปลอบใจ“เราไม่ได้อยากอ่อนแอแบบนี้”“การที่อ่อนแอไม่ได้แปลว่าเป็นความผิดของแกสักหน่อย จะคิดมากไปทำไม”“ไม่น่าไปรักเขาเลย ไม่น่าเลยจริงๆ” เพื่อนก็เคยเตือนหลายครั้งให้เลิกรักผู้ชายคนนั้น แต่ความรักของเธอที่มีให้บุรินทร์ภัทรมันมากเกินไป จนไม่เหลือเผื่อให้ตัวเอง“ความรักมันห้ามกันได้ที่ไหน คนเรามันก็ผิดพลาดกันได้ทั้งนั้น เริ่มต้นใหม่ตอนนี้ก็ยังไม่สาย”“…..”“ถ้าไอ้เฮียมันไม่รัก แกก็กลับมารักตัวเองได้แล้ว”“…..”“กลับมาสนใจตัวเอง เพราะคนที่จะอยู่กับเร
“ไอ้แฟรงก์!” เสียงอันทรงพลังของเจ๊ปาลินช่วยปลุกคนที่นอนหลับให้สะดุ้งตื่นแบบอัตโนมัติแฟรงก์รีบดีดตัวลุกขึ้นนั่งทั้งๆ ที่ยังไม่ทันได้ลืมตา ก่อนจะรู้สึกถึงความหนักอึ้งเหมือนสมองกำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ จนต้องยกมือขึ้นทุบศีรษะของตัวเองเบาๆ“คะ…ครับเจ๊”“ตื่นได้แล้ว ใจคอจะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหน” ยืนเท้าเอวแผดเสียงเล็กแหลมบ่นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนถึงข้างเตียงปาเข้าไปเกือบหกโมงเย็น ยังไม่เห็นแม้แต่เงาหัว จนหล่อนต้องเข้ามาตามมันด้วยตัวเอง“เมาค้างปวดหัวฉิบ!”“เฮียฟรินบอกเมื่อคืนแกเมาหนักเหรอ”“ก็มีบ้าง” ก้มลงมองร่างกายที่สวมใส่เพียงกางเกงบ๊อกเซอร์ เมื่อคืนเมามาก เมาจนจำอะไรไม่ได้ โดยที่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าลากสังขารกลับมานอนที่บ้านได้ยังไง “ใครมาส่งหนูอ่ะเจ๊ จำอะไรไม่ได้เลย”“เฮียฟรินเป็นคนไปรับ”“…..”“แกเมามากจนอ้วกใส่รถน้องที่เพิ่งซื้อมาได้ไม่กี่วัน จำได้หรือเปล่า”“อ่า…ไม่เคยเมาขนาดนี้มาก่อนเลย”“ฉันล่ะเหนื่อยใจ เพลาลงบ้างเรื่องอะไรพวกนี้”“หนูก็พยายามอยู่ อย่าบ่นให้มากเดี๋ยวตีนกาก็ขึ้นหรอก”“งั้นก็รีบอาบน้ำแต่งตัวลงไปกินข้าวพร้อมกัน พวกๆ ลูกรออยู่”“เดี๋ยวตามไป”แฟรงก์ถอนหายใจลากยาว รีบ
“ป๊าเป็นอะไร นอนไม่หลับเหรอ” เพราะป๊าของเธอยกมือขึ้นก่ายหน้าผากแล้วเอาแต่ถอนหายใจ ขยับพลิกตัวไปมาไม่ยอมนอนสักที“…..” แฟรงก์ก้มมองเด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมแขน ดาวศุกร์สวมชุดนอนลายเป็ดสีเหลืองกอดตุ๊กตากระต่ายสีชมพูที่ลิชาเป็นคนให้มา“เดี๋ยวศุกร์ร้องเพลงชาติให้ฟังนะ จะได้นอนหลับฝันดี”“ศุกร์รักป๊ามั้ย” จุมพิตที่หน้าผากของลูกสาวเบาๆ ดึงเด็กน้อยเข้ามากอดไว้แน่นรักมากกว่าชีวิตตัวเอง รักมากกว่าไอ้แว่น ก็คงจะเป็นดาวศุกร์ดวงน้อยดวงนี้“รักสิ รักมากด้วย”“ป๊าก็รักศุกร์เหมือนกัน”“ที่ป๊านอนไม่หลับ เพราะป๊าคิดถึงพี่ลิชาใช่มั้ย” เด็กหญิงถามอย่างไร้เดียงสาแต่ดันกระแทกใจเขาแบบเต็มๆ คนเคยอยู่ด้วยกันมานาน ก็ต้องมีบ้างที่นึกถึง“คิดถึงแล้วจะทำอะไรได้”“แล้วทำไมไม่ไปง้อพี่ลิชากลับมาล่ะ”“ป๊าทำอะไรแบบนั้นไม่เป็นหรอก” สกิลการจีบสาวไม่มี การง้อยิ่งติดลบ ตั้งแต่เกิดมาเขาเคยจีบใครที่ไหน“งั้นก็ไปถามป๊าฟรินสิ ศุกร์เห็นป๊าฟรินชอบง้อแม่เหนืออยู่บ่อยๆ”“ไม่เอาหรอก” ความคิดโรคจิตพิสดารเหมือนไอ้แว่นใครจะไปอยากทำตาม“แล้วป๊าไม่รักพี่ลิชาเหรอ”“ศุกร์คิดว่าไง”“ศุกร์เป็นเด็กก็ไม่รู้หรอกว่าป๊ารักพี่ลิชามั้ย ป๊าคงต้องถาม
ราวกับโลกหยุดหมุนไปชั่วขณะเมื่อมองเห็นบุคคลที่ไม่คาดคิด อยากเดินหนีออกไปให้พ้นๆ แต่ทำได้เพียงยืนสบตานิ่งมือเล็กกำสายกระเป๋าสะพายไว้แน่น หัวใจของเธอเต้นแรง เมื่อเผชิญหน้ากับบุรินทร์ภัทรตัวเป็นๆ ในรอบสามเดือน“ทำไมถึงไม่มาหาหนูบ้างเลย” เสียงของสดใสของดาวศุกร์ช่วยดึงสติให้ตื่นจากภวังค์ ลิชาก้มลงมองเด็กหญิงที่วิ่งเข้ามากอดแสดงความคิดถึงจนออกนอกหน้านอกตา “พี่ลิชาไม่คิดถึงศุกร์เหรอ”“ช่วงนี้พี่ติดเรียนค่ะ”“ว่าแล้วพี่ลิชาต้องไม่ว่างมาหาหนูแน่เลย” ได้ยินแค่นี้ก็ดีใจมากนึกว่าพี่สาวคนสวยจะลืมเธอไปแล้วเสียอีก“…..” ใบหน้าแสนหวานเผยรอยยิ้มอ่อนโยน เผลอยกมือลูบศีรษะของเด็กน้อยด้วยความเอ็นดู“พี่ลิชามาเที่ยวกับใครคะ”“พี่แวะมาทำธุระน่ะค่ะ”“วันนี้หนูมากับป๊านะ” ดาวศุกร์ยิ้มร่าชี้ไม้ชี้มือบอกยกใหญ่ เพราะไม่เห็นพี่ลิชาเดินเข้าไปทักป๊าแฟรงก์บ้างเลย“พี่ต้องไปแล้ว เอาไว้ถ้ามีเวลาว่างเราค่อยเจอกันนะคะ”“อย่าเพิ่งไปได้มั้ยคะ อยู่กับหนูก่อน”ลิชามองเด็กน้อยด้วยความรู้สึกที่สงสารจับใจ อยากกอด อยากเล่นด้วยกันเหมือนที่เคยทำ “พี่ต้องไปแล้ว”“ไม่คิดจะทักทายกันหน่อยเหรอ” เสียงคุ้นเคยดังขึ้นตามหลัง ขณะที่เธอกำ
-หลายปีผ่านไป-เอส. บี . ดี เซอร์วิสบุรินทร์ภัทรยืนมองภาพถ่ายวันแต่งงานขนาดใหญ่ที่แขวนอยู่บนฝาผนังในห้องทำงาน ก่อนจะยกมือปัดป่ายเช็ดถูขัดมันจนเงาวิบวับเหมือนใหม่อยู่ตลอดเวลาชีวิตคู่หลังจากแต่งงานมีความสุขดี ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นดังใจหวัง เขาได้ใช้ชีวิตกับคนที่รัก มีลูกชายที่เป็นดังแก้วตาดวงใจของทุกคนในครอบครัวธุรกิจการงานถือว่าเป็นไปในทิศทางที่ต้องการไอ้แว่นมันได้ขยายกิจการไปต่างประเทศตามที่ตั้งใจ ส่วนงานของเขาก็อยู่ในความพึงพอใจไม่ได้มีอะไรหวือหวาตอนนี้ดาวศุกร์อายุสิบหกปี กำลังแตกเนื้อสาวสะพรั่ง กลายเป็นสาวฮ็อตประจำโรงเรียน ที่มีหนุ่มๆ คอยตามจีบให้เขาตามปวดหัวไม่เว้นแต่ละวันส่วนชารากับชารันเด็กแฝดถูกไอ้แว่นส่งตัวไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ นานทีปีหนถึงจะได้กลับมา แต่ไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง เพราะมีปู่กับย่าย้ายถิ่นฐานคอยตามไปดูแล จะกลับมาอยู่ที่ประเทศไทยก็ต่อเมื่อเรียนจบชนินทร์ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของบุรินทร์วัชร์เป็นคนเจ้าสำอางละเมียดละไม ส่วนเฟยน้องเล็กเป็นเด็กเก็บตัวเงียบชอบอ่านหนังสืออยู่คนเดียวไม่ค่อยสุงสิงกับใคร“ป๊า…”อลิชาที่เพิ่งไปรับลูกกลับจากโรงเรียน เปิดประตูเดินเข้า
“เจ๊…”ผู้เป็นแม่ละสายตาจากสิ่งที่ทำ หันกลับไปหันมองตามเสียงเรียก ก่อนจะเห็นว่าเป็นบุรินทร์ภัทรที่สวมชุดเจ้าบ่าวเดินเข้ามาหา“อะไรของแก”“วันนี้หนูจะแต่งงานแล้วนะ”“ฉันรู้อยู่แล้ว ไม่เห็นจะต้องมาบอก”“อวยพรให้หนูหน่อย” เดินเข้าไปกอดเจ๊ผู้เป็นที่รักไว้แน่น หอมแก้มแม่ซ้ำๆ เหมือนที่ชอบทำอยู่บ่อยๆวันนี้เจ๊ปาลินของเขาแต่งตัวทำผมสวยจัดเต็ม แถมสีหน้ายังดูอิ่มเอมที่ลูกชายคนโตกำลังจะได้แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝา“อารมณ์ไหนของแก”“ตอนนี้จริงจังนะ ไม่ล้อเล่น” ชายหนุ่มย่อตัวนั่งลงบนส้นเท้า น้ำเสียงที่พูดก็ดูเปลี่ยนไป จนทำให้คนเป็นแม่ปรับอารมณ์ไม่ทัน“หนูอยากมาขอพรจากแม่” ชายหนุ่มพนมมือนอบน้อมก้มลงกราบเท้าของคนเป็นแม่ ไม่ใช่แค่ขอพรแต่ตั้งใจจะมาขอขมาและอโหสิกรรมกับสิ่งล่วงเกินที่เคยทำผิดพลาด“…..” ปราณปาลินมองคนตรงหน้าพร้อมแววตาไหวสั่น ยกมือลูบศีรษะของลูกชายเบาๆ ด้วยความอ่อนโยน “แม่ขออวยพรให้แฟรงก์มีความสุขในชีวิตนะ ไม่ว่าลูกจะทำอะไร ขอให้ประสบผลสำเร็จทุกอย่าง”“หนูอาจจะไม่ใช่ลูกที่ดีเหมือนที่แม่อยากให้เป็น หนูขอโทษนะ อโหสิกรรมให้ผมด้วย” หลายครั้งหลายหนที่ทำให้แม่ร้องไห้ ทำให้พวกท่านเสียใจกับลูกที่ไม่ไ
-2F BAR-รถยนต์คันหรูมากมายไปจนถึงระดับไฮเปอร์คาร์จอดเรียงรายนับร้อยคันเต็มพื้นที่บริเวณลานจอดรถขนาดใหญ่ ล้นทะลักออกไปจนถึงด้านนอก“จัดแค่งานเล็กๆ เฮียเชิญเฉพาะแค่คนที่รู้จัก”อาจจะเป็นแค่งานเล็กสำหรับเขา แต่มันมโหฬารอลังการมากสำหรับเธอ แขกเหรื่อที่มาร่วมงานในวันนี้มองด้วยตาเปล่าน่าจะมีไม่ต่ำกว่าสองพันคนบุรินทร์ภัทรเป็นคนมีอิทธิพลกว้างขวาง คนในวงการต่างนับหน้าถือตาไม่ใช่น้อยๆ จึงไม่แปลกที่จะมีแขกมาร่วมแสดงความยินดีมากมายในวันนี้เขาเลือกสถานที่จัดงานคือ ‘2F BAR’ ที่แห่งนี้คือจุดเริ่มต้นทำให้ได้เจออลิชาในวันนั้นจนกลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต เขาสร้างมันขึ้นมาด้วยความยากลำบาก ความทรงจำดีๆ มากมายอยู่ในที่แห่งนี้“ไหนบอกแค่งานเล็กๆ ไงเฮีย” หมวยเฟย์สะกิดแขนพี่ชายที่ยืนตรวจความเรียบร้อยของงาน“เฮียเชิญแค่คนสนิท มีแต่คนกันเองทั้งนั้น”“นี่มันไม่ใช่เล่นๆ แล้วนะ” หมวยเฟย์วาดสายตามองไปบริเวณโดยรอบด้วยความตื่นตาตื่นใจ ซุ้มดอกไม้นำเข้าจากต่างประเทศยาวยิ่งใหญ่เป็นร้อยเมตร เวทีแสงสีเสียงเหมือนกับงานคอนเสิร์ตนักร้องชื่อดังตระการตาอลังการยิ่งกว่าเทศกาลงานประจำปี‘เสียเงินไม่ว่าเสียหน้าไม่ได้’ ไม่ต้อง
ฝ่ามือหนาบีบเข้าที่ปลายคางเพื่อให้คนตัวเล็กยอมเปิดริมฝีปาก จับแก่นกายอัดกระแทกเข้าออกจนสุดความยาวซ้ำไปซ้ำมา“อื้อออ…” เสียงหวานร้องครางขาดห้วงเมื่อความคับแน่นตีขึ้นมาจุกอยู่ที่ลำคอเหมือนกำลังจะขาดอากาศหายใจตายแต่ร่างกายไม่รักดีกับตอบสนองสู้กลับคืนตามสัญชาตญาณ ปลายเรียวลิ้นลากไล้โลมเลียตั้งแต่ส่วนโคนมาจนถึงหัวแดงก่ำ“โคตรเสียว…” ก้มลงมองหญิงสาวด้วยดวงตาฉ่ำเยิ้ม อลิชาโคตรทำให้เขาเสียอาการจนแขนขาอ่อนแรงใช้มือควานหาที่จับเพื่อพยุงตัวริมฝีปากเล็กดูดเม้มจนแก้มตอบ ส่วนปลายเรียวลิ้นโลมเลียตวัดขึ้นลงราวกับเป็นไอศกรีมแท่งโปรด“แบบนั้นเลยเด็กดี” รวบเส้นผมยาวสลวยเป็นหางม้า กระตุกลงอย่างแรงเพื่อให้เธอเงยหน้าขึ้นรับสัมผัส “อื้ออ…เฮียแฟรงก์… ” คนตัวเล็กเบ้หน้าด้วยความจุกแน่นเมื่อถูกเอวสอบกระแทกสวนเข้ามาอย่างเนิบนาบแต่หนักหน่วงจนส่วนหัวเข้าลึกไปถึงลำคอ“ดูดแรงๆ เฮียจะแตก”มือเล็กเร่งจังหวะชักรูดท่อนเอ็นให้เร็วขึ้น จนคนตัวสูงเกร็งสั่นสะท้านด้วยความเสียวซ่านสองมือกดศีรษะของเธอไว้แน่นไม่ยอมให้ขยับหนี ก่อนจะปล่อยสายธารน้ำรักฉีดพวยพุ่งเข้าไปในโพรงปากเล็กทุกหยาดหยด“อื้อ…” เล็บสวยจิกลงบนท่อนขาแกร่งเพื่
“แว่นน้องรัก” บุรินทร์วัชร์ละสายตาจากเด็กน้อยในอ้อมอก เงยหน้าขึ้นมองคนที่มาใหม่ แค่ได้เห็นหน้าพี่ชายตัวป่วนถึงกับถอนหายใจลากยาววีรกรรมแต่ละอย่างของมันใช่ย่อยที่ไหน ชอบสร้างแต่ปัญหาไม่จบไม่สิ้น“กูขอคุยด้วยหน่อย”“ว่ามาสิ”บุรินทร์ภัทรเดินเข้าไปหย่อนตัวนั่งลงข้างแฝดน้อง ก่อนจะส่งยิ้มกว้างมองด้วยสายตาหวานเยิ้ม“ไม่ต้องลีลา มึงจะเอาอะไรก็ว่ามา” แค่เห็นท่าทางมีพิรุธของมันก็รู้ได้ทันทีว่าต้องมีเรื่องมากวนใจเขาอีกแน่นอน“กูกำลังจะแต่งงาน”“อืม…” ก็พอรู้มาบ้างแล้ว เพราะไอ้แฟรงก์มันชอบพูดกรอกหูให้ฟังอยู่บ่อยๆ เลยไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นหรือแปลกใจอะไร“มึงช่วยแต่งงานเป็นเพื่อนกูหน่อยได้ไหม”“อะไรของมึง”“กูอยากให้เราใส่ชุดเจ้าบ่าวเหมือนกัน”“เมาน้ำมันเครื่องเหรอ กูแต่งงานแล้วจะให้แต่งอีกได้ยังไง”“แต่งแล้วก็แต่งอีกได้ แต่งเป็นเพื่อนกูไง”“เลิกคิดอะไรที่มันประหลาดได้แล้วแฟรงก์!” บอกปัดอย่างนึกรำคาญ ไอ้ประเภทที่มันบอกคนปกติเค้าคงไม่ทำกัน“นะแว่นน้องรัก ช่วยแต่งงานอีกรอบเป็นเพื่อนพี่ชายสุดหล่อคนนี้ที”“…..”“มึงเป็นคนสำคัญที่สุดในชีวิตของกูนะ ทุกช่วงเวลาที่มีความสุขก็อยากมีมึงอยู่ข้างกัน” เอนใบหน้
เอส.บี.ดี เซอร์วิสเอี๊ยดดดด~ ล้อยางรถบดเบียดไปกับพื้นคอนกรีตขัดมันจนเกิดเป็นรอยทางยาว ตามด้วยเสียงเครื่องยนต์ที่ดังกระหึ่มจนทำให้คนที่อยู่แถวนั้นต่างหันมองด้วยความแตกตื่นปราณปาลินรีบวิ่งออกมาดูเหตุการณ์ ก่อนจะเห็นรถกระบะคันเก่าดริฟหักโค้งหลายตลบเข้ามาภายในร้าน ควันดำโขมงลอยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ“เด็กเวรที่ไหนมันมาเบิ้ลรถแถวนี้ ไอ้ลูกพ่อแม่ไม่สั่งสอน!” ยืนเท้าเอวตะโกนด่าจนเอ็นคอขึ้น ทำเอาลูกค้าของเธอตกอกตกใจกันไปหมด มันน่าจะบิดให้หูขาด “อย่าให้รู้นะเว้ย แม่จะตบให้สมองไหล”“จะเป็นใครได้ล่ะ ก็ลูกชายเจ๊นั่นแหละ”“…..” หลังจากได้ยินประโยคที่หมวยเฟย์บอกจึงรีบถอดแว่นกันแดดแบรนด์เนมออกจากใบหน้า หรี่สายตามองเพื่อให้แน่ใจไม่ผิดแน่ ไอ้เด็กเวรที่เธอเพิ่งด่าไปเมื่อกี้มันคือไอ้ลูกชายตัวดี!“ไอ้แฟรงก์!”แผดเสียงเล็กแหลมตะโกนเรียกดังลั่น บุรินทร์ภัทรเปิดประตูลงจากรถกระบะคันเก่า ยกมือเสยผมขึ้นโชว์ใบหน้าหล่อเหลาพร้อมส่งยิ้มหวาน สาวใดได้เห็นมีอันต้องหลงจนหัวปักหัวปำแต่โทษทีที่คนหล่อรวยสุดแสนจะเพอร์เฟคอย่างเขานั้นมีลูกมีเมียแล้ว! นอกจากอลิชาเมียเด็กสุดที่รัก ก็ไม่คิดจะมองใครอีก“เป็นไงเจ๊ เท่สะบัดไปเล
เสียงทุบประตูดังลั่นไปทั่วบริเวณติดต่อกัน ฟรินสะดุ้งตื่นขึ้นกลางดึกรีบก้าวขาลงจากเตียงเมื่อได้ยินเสียงเรียกของพี่ชายที่ร้องตะโกนแหกปากโวยวายอยู่หน้าห้อง“ไอ้แว่น…ไอ้แว่น!”“นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้วแฟรงก์” บุรินทร์วัชร์ถอนหายใจลากยาว ยืนกอดอกพิงขอบประตูมองพี่ชายด้วยสายตาเรียบนิ่ง“ช่วยหน่อย รีบมาช่วยกูที”“อะไรของมึง” ถ้าไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายหรือมีธุระสำคัญเขาจะยกขาถีบมันให้กระเด็น“อย่าเพิ่งบ่น มาช่วยกูก่อน”“มีอะไรก็รีบพูดมา”“ละ…ลิชาจะคลอดแล้ว”“งั้นมึงรีบไปเก็บของ เดี๋ยวกูจะไปเตรียมรถ” บอกผ่านท่าทางนิ่งเฉย เหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นกับดาวเหนือเมื่อครั้งในอดีตเลยไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นสักเท่าไหร่“ไปไม่ทันแน่ หัวลูกกูจะโผล่ออกมาแล้ว”“เวรฉิบ!”บุรินทร์วัชร์หันไปคว้ากล่องยาสามัญประจำบ้านวางอยู่และชุดคลุมขึ้นมาสวมทับ ก่อนจะรีบร้อนตรงมายังห้องนอนของแฝดพี่“อาการเป็นยังไงบ้าง”“หนูเจ็บท้อง…” อลิชานั่งเอนหลังพิงหัวเตียงร้องโอดครวญด้วยความเจ็บ ใบหน้าเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อริมฝีปากบางซีดสั่น ตั้งแต่เกิดมาเธอยังไม่เคยรู้สึกเจ็บขนาดนี้มาก่อน“งั้นทำใจดีๆ” ฟรินลูบศีรษะของคนตัวเล็กเพื่อปลอบประโลม แต
“เป็นยังไงบ้างดีขึ้นหรือยัง”“ดีขึ้นมากแล้วค่ะ ขอบคุณเฮียมากนะ”“หนูปวดตรงไหนอีกมั้ย เดี๋ยวเฮียนวดให้”ดาวศุกร์ตัวน้อยหรี่สายตามองคนทั้งสองที่กำลังพูดคุยกะหนุงกะหนิง ป๊าแฟรงก์กำลังนั่งนวดขาประคบประหงมพี่ลิชาของเธอไม่ยอมห่างไปไหน“มองอะไรศุกร์”“ก็มองป๊านั่นแหละ” ถอนหายใจส่ายหน้าไปมา เคยเห็นป๊าฟรินชอบทำแบบนี้กับแม่เหนือ แต่ไม่คิดว่าป๊าแฟรงก์จะทำแบบนี้กับพี่ลิชาเหมือนกัน“พี่ลิชากำลังมีน้อง ป๊าต้องตามใจเขาหน่อย”“ถึงไม่มีน้อง ป๊าก็ตามใจพี่ลิชาอยู่แล้ว”“กลัวป๊าไม่รักเหรอ”“ไม่กลัวหรอก ศะ…ศุกร์โตแล้วนะ” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่กลับรีบยกมือน้อยๆ ขึ้นปาดน้ำตา“โตที่ไหน ในสายตาป๊ายังเห็นเป็นเด็กอยู่เลย”“แล้วศุกร์กับพี่ลิชา ป๊ารักใครมากกว่ากัน”“…..” ชายหนุ่มหยุดนิ่ง เมื่อได้ยินประโยคคำถามที่ไม่คาดคิดของลูกสาว ชำเลืองสายตามองคนทั้งสองสลับกัน ถ้าตอบว่ารักใครคนใดคนนึงมากกว่า เดี๋ยวก็งอนเป็นเรื่องเป็นราวแต่เขาเลือกที่จะปล่อยมือจากอลิชาแล้วเดินเข้าไปหาเด็กน้อยนั่งที่นั่งอยู่ ย่อตัวนั่งลงตรงหน้ายกมือลูบศีรษะของดาวศุกร์เบาๆ“ป๊ารักศุกร์มากกว่าอยู่แล้ว แต่ความรักที่ป๊ามีให้พี่ลิชากับศุกร์มันไม่เหมือนกั
“ชาเห็นอาการเฮียไม่ค่อยดีเลยชงยาหอมมาให้ค่ะ”ชายหนุ่มละสายตาจากงานเอกสารกองโตขณะที่กำลังตรวจงานให้ไอ้แว่น เงยหน้าขึ้นยิ้มให้คนที่มาใหม่ “ขอบใจมาก ตอนนี้เฮียดีขึ้นมากแล้ว”“เป็นห่วงเฮียนะ”“จะมาเป็นห่วงทำไม เฮียต่างหากที่ต้องพูดคำนี้ ท้องเธอก็เริ่มโตขึ้นทุกวัน” ตอนนี้อลิชาผิวพรรณเปล่งปลั่งรูปร่างก็ดูอวบอั๋นมีน้ำมีนวล จับตรงไหนก็เต็มไม้เต็มมือ“…..” โชคดีของเธอที่ตอนนี้ไม่รู้สึกว่าแพ้ท้อง แต่ก็อาจจะเป็นโชคร้ายของคนข้างๆ ที่แพ้ท้องแทน“อีกหนึ่งชีวิตของเฮียฝากไว้ที่เธอ ช่วยดูแลเขาให้ดีๆ” เลื่อนฝ่ามือไปสัมผัสหน้าท้องที่เริ่มขยายใหญ่จนสังเกตได้ถ้านับตามอายุครรภ์ ตอนนี้อลิชาท้องได้สี่เดือนกว่าแล้ว โดยที่พวกเขาเองก็ไม่รู้ว่าเพศลูกที่อยู่ในท้องนั้นเป็นหญิงหรือชาย ลิชาอยากเก็บไว้เป็นความลับให้ไปรอลุ้นในวันคลอด“ชาสัญญาจะรักษาเขาเท่าชีวิต”“เฮียก็สัญญาเหมือนกันว่าจะดูแลชากับลูกให้ดี”“ตั้งแต่รู้ว่ามีเขา หนูมีความสุขมาก แล้วเฮียล่ะคะมีความสุขไหม” หย่อนตัวนั่งลงบนตักของชายหนุ่มอย่างระมัดระวัง ยกแขนขึ้นโอบลำคอไว้แน่น ซบใบหน้าลงบนลาดไหล่กว้างอย่างออดอ้อน“ลูกเกิดมาจากความรักของเราสองคน เฮียตั้งใจอย