คนตัวเล็กถูกอุ้มให้ขึ้นมานั่งบนโต๊ะทำงาน ก่อนที่บุรินทร์ภัทรจะถือวิสาสะแทรกตัวเข้าไปยืนตรงกลางหว่างขา
สองขาเรียวหุบเข้าหาเอวสอบไว้แน่นตามสัญชาตญาณ เนื้อตัวสั่นเทาอย่างหนักขณะที่ชายหนุ่มโน้มใบหน้าลงมาซุกไซ้ที่ลำคอ สูดดมกลิ่นกายราวกับหื่นกระหาย
“เฮียแฟรงก์…ชากลัว”
“กลัวอะไร”
“หนูยังไม่เคย…”
“กำลังจะทำให้เคยอยู่นี่ไง”
เพราะอลิชาคือเป้าหมายตั้งแต่แรก คนอย่างเขาถ้าคิดจะเอาก็ต้องได้ ไม่มีทางยอมปล่อยให้เธอหลุดมือไปได้ง่ายๆ
“มันจะไม่เป็นอะไรใช่มั้ยคะ” ถามเสียงอ่อนลง จ้องมองใบหน้าคมคายด้วยความกังวล เริ่มเกิดเป็นความกดดันว่าสิ่งที่กำลังทำมันผิดหรือถูก
“ไม่ต้องกินยา เดี๋ยวฉันป้องกันเอง”
“หนูเปลี่ยนใจไม่อยากทำแล้ว”
“ฉันไม่อนุญาตให้เธอเปลี่ยนใจ”
ผลักหญิงสาวให้นอนราบลงบนโต๊ะทำงาน ก่อนจะโน้มตัวลงไปคร่อมเธอไว้ไม่ให้ดิ้นหนี
ปลายนิ้วเรียวกระหวัดกางเกงชั้นในให้ลงมากองอยู่ที่ข้อเท้า ใช้ฝ่ามือลูบไล้ไปตามกลีบดอกไม้งามที่มีขนอ่อนปกคลุมอยู่รำไร
ใบหน้าหล่อเหลายกยิ้มมุมปากด้วยความพอใจ ใช้สายตาแทะโลมมองคนตรงหน้าอย่างไม่ปิดบัง
แฟรงก์เลื่อนมือไปปลดขอบราเซียออกให้พ้นจากเรือนร่างบอบบาง ทำให้ผิวขาวนวลเนียนและเนินอกอวบอิ่มปรากฏออกสู่สายตา
“ฉันน่าจะเอาเธอตั้งนานแล้ว” สวยกว่าที่เคยจินตนาการเอาไว้หลายเท่า ถึงแม้การแต่งตัวและใบหน้าจะดูเฉิ่มเชย แต่อลิชากลับซ่อนรูปมากกว่าที่คิดไว้
ลมหายใจอุ่นเจือกลิ่นบุหรี่จางๆ เป่ารดลำคอจนรู้สึกวูบวาบ เป็นเพราะไม่เคยใกล้ชิดกับบุรินทร์ภัทรขนาดนี้มาก่อน เลยไม่รู้ว่าควรจะทำตัวยังไง
หัวใจของเธอเต้นแรงทุกครั้ง ยามที่เขาเลื่อนมือมาสัมผัสบนร่างกาย
ฝ่ามือหนาบีบเคล้นคลึงหน้าอกอวบอิ่มอย่างแรงจนเกิดเป็นรอยนิ้วมือ ก่อนจะครอบริมฝีปากลงไปดูดดุน ใช้ปลายลิ้นสากเลียวนขบเม้มที่เนินอกทั้งสองข้างสลับกันไปมาจนลานนมเปียกแฉะไปด้วยน้ำลายใส
“นอกจากฉันแล้ว เคยมีใครทำแบบนี้กับเธอหรือยัง” กระซิบถามข้างใบหู ค่อยๆ สอดนิ้วเรียวยาวขยับเข้าออกในช่องทางรักสีหวานก่อนจะหมุนควงข้อมือกระแทกซ้ำๆ ด้วยความช่ำชองจนหญิงสาวหลุดเสียงร้องครางอยู่หลายครั้ง
“เฮียเป็นคนแรกของหนู” ลืมตาเงยหน้าขึ้นมองด้วยท่าทางกล้าๆกลัวๆ แต่บุรินทร์ภัทรกลับมองว่ามันน่าเอ็นดูและใสซื่อกว่าทุกคนที่เคยผ่านมา
ลิชาหัวอ่อน หลอกง่าย แค่ได้ฟันแล้วก็เฉดหัวทิ้ง เหมือนที่เคยทำกับผู้หญิงคนอื่น!
มันเป็นสิ่งที่วนอยู่ในความคิดของเขามาตลอดระยะเวลาหลายวัน
ติ๊ด…เมื่อเห็นเรือนร่างของเธอจนพอใจ แฟรงก์เอื้อมมือไปปิดสวิตช์ไฟภายในห้องทำงาน บรรยากาศเงียบสงัดจนได้ยินแค่เสียงเครื่องปรับอากาศที่กำลังทำงานอยู่
ทุกอย่างมืดลงเหลือเพียงแสงสลัวจากภายนอกที่สาดส่องกระทบเข้ามาภายในห้อง พอให้เห็นภาพตรงหน้าได้อย่างเลือนราง
ร่างกายช่วงล่างสั่นเกร็งมองเห็นบุรินทร์ภัทรถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกทีละชิ้นจนเหลือเพียงแค่ร่างกายกำยำเปลือยเปล่า
มือหนาชักรูดความเป็นชายที่แข็งขืนเพื่อเตรียมความพร้อม ก่อนจะหยิบถุงยางอนามัยที่วางอยู่ขึ้นมาสวมใส่อย่างไม่รีบร้อน
เม็ดเหงื่อสีใสผุดขึ้นตามใบหน้าคมคายจนเส้นผมเปียกชื้น เขาพยายามควบคุมสติทั้งๆ ที่ภายในร่างกายร้อนรุ่มตบตีกับความคิดจนเกิดเป็นภาพเบลอ
“ฮะ…เฮีย” เสียงหวานเรียกคนตรงหน้าด้วยความตื่นกลัว เมื่อร่างสูงดึงมือของเธอให้ไปสัมผัสกับแก่นกายใหญ่ที่มีขนาดเกือบเท่าข้อมือ
ลิชาเม้มปากแน่น พ่นลมหายใจออกมาแรงๆ เธอเองก็คงรับไม่ไหวถ้าเกิดว่าเขาได้สอดใส่มันเข้ามา
“อ้าขาออก แล้วจับมันใส่เข้าไป”
“หนูไม่ไหว”
“รู้ได้ยังไงว่าไม่ไหว”
“…..”
“ถ้าให้ฉันทำเอง รับรองว่าเธอจะนั่งไม่ลงไปหลายวัน”
มือไม้ของลิชาสั่นเทา ฝืนใจจับความเป็นชายจ่อลงมาที่ร่องคับแคบ
“ฮะ…เฮีย” ยกแขนทั้งสองข้างโอบรัดลำคอบุรินทร์ภัทรไว้แน่น เสียงหวานหลุดร้องครางด้วยความเจ็บ เผลอใช้เล็บจิกลงบนหลังคอของชายหนุ่มอย่างแรงจนเลือดซิบ
“ถ้าเจ็บก็แค่เรียกชื่อฉันดังๆ”
“หนูเจ็บ!” ลิชากรีดร้องทั้งน้ำตา เมื่อสัมผัสได้ถึงสิ่งแปลกปลอมกำลังสอดใส่เข้ามาในร่องสวาทที่ปิดสนิท
“เจ็บแค่ไหน หื้ม…”
“…..”
“มองหน้าฉัน”
“อึก…” ลืมตาขึ้นมองตามคำสั่ง ดันหน้าท้องแกร่งให้ถอยห่างเพื่อให้เขายอมผ่อนแรงลงแต่บุรินทร์ภัทรกลับไม่ได้สนใจ ส่งแรงกระแทกเข้าออกอย่างหนักหน่วง
“ฉันถามว่าเจ็บแค่ไหน”
“มันเหมือนจะตาย”
“แค่โดนเอา…มันไม่มีใครตายหรอก เลิกงอแงสักที ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทน แล้วกระแทกเธอแรงกว่านี้”
ลิชารีบยกหลังมือขึ้นปาดน้ำหูน้ำตา กัดริมฝีปากล่างไว้แน่น เมื่อร่างสูงเริ่มสะบัดเอวสอบอีกครั้ง
เลือดบริสุทธิ์ค่อยๆ ไหลซึมหยดลงบนโต๊ะทำงานจนได้กลิ่นคาวลอยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ
“โดนฉันเอาแบบนี้รู้สึกยังไง” ก้มหน้ามองจุดเชื่อมสัมพันธ์ที่กำลังรวมกันเป็นหนึ่งเดียว
ช่องทางรักสีหวานกลืนกินแก่นกายใหญ่จนมิดลำ กลีบดอกไม้งามเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นบวมช้ำ หลังจากที่โดนเสียดสีเป็นเวลานาน
“คงดีใจจนตัวสั่นเลยสินะ”
“นะ…หนูเจ็บ”
“เดี๋ยวอีกหน่อยก็คงชิน” จูบลงบนขมับของเธอหนักๆ ร่างกายของลิชาบีบรัดแน่นตอบสนองเขาได้ถึงใจจวนจะปริแตกอยู่รอมร่อ
เสียงเนื้อกระทบกันดังขึ้นตามจังหวะที่ชายหนุ่มส่งให้ ทุกตารางนิ้วบนร่างกายบอบบางยังไม่มีตรงไหนที่เขาไม่ได้สัมผัส
“อ่า…” ชายหนุ่มเปล่งเสียงร้องครางกระเส่า จับเอวบางไว้มั่นก่อนจะส่งแรงกระแทกจนร่างกายของคนตัวเล็กสั่นคลอน
ใบหน้าจิ้มลิ้มเหยเกกลั้นเสียงกรีดร้อง ยกมือปัดป่ายไปทั่วแผงอกกว้างเพื่อระบายความรู้สึก
“เงยหน้าขึ้นมาจะจูบ”
ไม่รอให้เธอตอบกลับ บีบท้อยทอยให้เงยหน้าขึ้นมาสบตา ประกบริมฝีปากจูบหญิงสาวอย่างดูดดื่ม
สอดเรียวลิ้นเข้าในโพรงปากเล็กบดขยี้กลีบปากบางซ้ำๆ จนบวมเจ่อพร้อมสะบัดสะโพกสอบขยับเข้าออกในร่องสวาทด้วยเร่งจังหวะเร็วขึ้นเมื่อมองเห็นฝั่งอยู่รำไร
“อื้อ…เฮียแฟรงก์!”
ส่งแรงกระแทกไม่กี่นาทีต่อจากนั้น ลิชารู้สึกอุ่นวาบไปทั่วช่องท้องเหลือบสายตามองเห็นน้ำสีขาวที่ขุ่นของชายหนุ่มที่ถูกปล่อยผ่านเกาะป้องกัน
“มองหน้าทำไม ฉันเสร็จตั้งแต่เธอครางเรียกชื่อฉันแล้ว”
บุรินทร์ภัทรอุ้มกระเตงเธอขึ้นจากโต๊ะทำงานก่อนจะเดินออกมาจากตรงนั้น รีบยกขาเรียวเกี่ยวเอวสอบไว้แน่นเพราะกลัวหล่น
“เฮียจะพาหนูไปไหน” ลิชาถามด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง
“บนโต๊ะมันแคบ ฉันอยากเอาเธอบนเตียงดูบ้าง”
“…..”
แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามากระทบกับใบหน้าเกลี้ยงเกลา ช่วยปลุก คนตัวเล็กที่นอนหลับอยู่ให้รู้สึกตัว
“อื้อ…” เพียงแค่ขยับก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บระบมไปทั่วร่างกาย ลิชาปรือตามองแผ่นหลังกว้างของคนตัวโตในขณะที่เขากำลังยืนแต่งตัวอยู่หน้ากระจก “เฮียแฟรงก์”
หยัดตัวลุกขึ้นนั่งเอนหลังพิงหัวเตียง ก้มลงมองสภาพเปลือยเปล่าของตัวเองที่เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำและคราบเกรอะกรังที่ติดอยู่ตามหว่างขา
แน่นอนว่าเขาไม่ได้จบกับเธอแค่ครั้งเดียว บทรักบนเตียงที่บุรินทร์ภัทรมอบให้กินเวลาไปนานจนเกือบทั้งคืน
“ค่าตอบแทนสำหรับเมื่อคืน” เงินสดปึกหนาถูกเขายัดใส่มือในขณะที่เธอยังไม่ทันได้ตั้งตัว
“แล้วหนูจะได้อยู่กับเฮียอีกตอนไหนเหรอคะ”
“เอาไว้ถ้าฉันต้องการเธอเมื่อไหร่แล้วจะเรียก” ขยับใบหน้าเข้าใกล้จูบลงบนศีรษะของเธอเบาๆ ดวงตาคมฉายแววเจ้าเล่ห์ ก่อนจะยกยิ้มมุมปากร้ายกาจ “ปิดปากของเธอให้สนิท อย่าให้ใครรู้เรื่องของเราเด็ดขาด”
“…..”
“ถ้าเรื่องนี้รู้ถึงหูคนอื่นเมื่อไหร่ เธอได้จบเห่แน่”
“…..”
รีบก้าวขาลงจากเตียง วิ่งเข้าไปสวมกอดเขาไว้แน่นจากทางด้านหลัง “เฮียมีแค่ชาคนเดียวได้ไหม”
“แล้วทำไมฉันต้องทำแบบที่เธอบอก คิดว่าตัวเองสำคัญขนาดนั้น?”
“เปล่าคะ หนูไม่ได้สำคัญตัว”
“งั้นก็ลองบอกเหตุผลมา เผื่อฉันจะเก็บไปพิจารณา”
“ถ้าเฮียอยากให้หนูทำอะไร หนูจะทำให้เฮียทุกอย่าง”
“คิดว่าตัวเองมีดีขนาดไหน?”
“ที่ชายอมเพราะชารักเฮียนะ สนใจหนูบ้างได้มั้ย”
“หวังสูงเกินไปหรือเปล่า ฉันมีอะไรกับเธอมันก็เป็นแค่เรื่องสนุก”
“…..” เหมือนถูกค้อนทุบลงบนหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลังจากได้ยินในสิ่งที่เขาบอก หัวใจดวงน้อยบีบรัดแน่นพยายามฝืนกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา
“ฉันไม่เคยคิดจริงจังกับใครทั้งนั้น รวมถึงเธอด้วย!”
“…..”
“ฉันเป็นใครแล้วเธอเป็นใคร หัดคิดเองซะบ้างสิ”
“…..”
“ถ้าไม่อยากโดนเฉดหัวทิ้งเหมือนผู้หญิงพวกนั้นก็อย่าเรียกร้องอะไรจากฉัน” บีบปลายคางมนให้เงยหน้าขึ้นมาสบตา ก่อนจะตบแก้มนวลเบาๆ แล้วเดินออกจากห้องโดยไม่หันกลับมามองเธออีก
“…..”
“แกหายไปไหนมาทั้งคืน”“…..” ลิชาสะดุ้งเฮือกหลังจากได้ยินเสียงของฟ้าใสดังขึ้นจากทางด้านหลัง ขณะที่เธอกำลังเดินเข้ามาในตัวอาคารของหอพักอพาร์ทเม้นท์ฟ้าใสไล่สายตามองเพื่อนสาวตั้งแต่หัวจรดเท้า ลิชาขาดการติดต่อหายไปตลอดทั้งคืนแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “ฉันโทรหาก็ปิดเครื่อง รู้ไหมว่าทำให้คนอื่นเขาวุ่นวายกันไปหมด”“ขอตัวไปพักก่อนนะ เหมือนจะไม่สบายน่ะ”“ตอบมาก่อนว่าแกหายไปไหนมาทั้งคืน” คว้าข้อมือของลิชาไว้แน่นเพื่อไม่ให้เดินหนี มองเห็นใบหน้าซูบเซียวและรอยฟกช้ำที่ติดอยู่ตามลำตัว“เอาไว้ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ เดี๋ยวเราจะเล่าให้ฟังนะ”“แกหายไปกับเฮียแฟรงก์มาใช่ไหม”“ปะ…เปล่า” คนตัวเล็กรีบใส่หน้าปฏิเสธ เธอยังจำคำพูดของเขาได้ดีว่าไม่ให้บอกเรื่องนี้กับใคร“อย่ามาโกหก…เฮียแฟรงก์เรียกแกไปทำอะไร”“…..”“สภาพแบบนี้ คงโดนมาหลายคนเลยใช่มั้ย”“ฟ้าหมายถึงอะไร” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย เอียงคอถามเพราะไม่เข้าใจในสิ่งที่ฟ้าใสพูดเลยสักนิด“ไม่ต้องทำเป็นใสซื่อ บอกฉันมาว่าแกได้กับใครมาบ้าง” เพราะคิดว่าลิชาคงเหมือนผู้หญิงคนอื่นของเจ้านาย ถ้าแขกในร้านจ่ายหนัก บุรินทร์ภัทรจะส่งให้ไปเอนเตอร์เทนลูกค้าแบบส่วนตัว “ถ
“เป็นยังไงบ้างลิชา อาการดีขึ้นหรือยัง” เพื่อนชายคนสนิทถามอย่างเป็นห่วง ก่อนจะหย่อนตัวนั่งลงบนขอบเตียง ใช้หลังมือแตะบนหน้าผากของคนตัวเล็กเบาๆ เพื่อวัดไข้“ดีขึ้นมากแล้วแจ็ค ขอบใจที่อุตส่าห์มาเยี่ยมนะ”“พอไอ้นิ้งโทรบอก เลิกเรียนเราก็รีบมาเลย”“ฉันถามมันก็ไม่ยอมบอกว่าไปทำอะไรมา” คะนิ้งถอนหายใจมองลิชาอย่างเอือมๆ ไม่ว่าเธอจะถามอีกกี่ครั้ง แต่ลิชาก็ยังไม่ยอมปริปากพูดอะไรให้ฟัง“เราแค่ไม่สบายเดี๋ยวก็หายแล้ว”“ไม่สบายต้องเดินขาถ่างด้วยเหรอ ถ้าบอกว่าแกโดนรุมโทรมมายังน่าเชื่อกว่าอีก” สภาพของเพื่อนรักตอนนี้ดูได้ที่ไหนตั้งแต่หายไปในคืนนั้น พอกลับมาถึงห้องก็เอาแต่นอนร้องไห้จับไข้ไปหลายวัน มิหนำซ้ำยังต้องขาดเรียน“…..” ลิชาเข้าใจว่าที่คะนิ้งพูดนั้นเกิดจากความเป็นห่วง เธอจึงไม่ได้ถือสาหรือเก็บมาคิดใส่ใจ“ฉันไม่อยากเซ้าซี้แกแล้ว เอาไว้ถ้าอยากเล่าเมื่อไหร่ ก็ค่อยเล่าแล้วกัน”“กินโจ๊กป่ะ เราซื้อมาฝาก” แจ็ครีบเปลี่ยนเรื่องคุยเมื่อเห็นสถานการณ์ของสองสาวเริ่มตึงเครียด“ขอบคุณนะแจ็ค กำลังหิวอยู่พอดี”“หิวก็กินเยอะๆ เลยนะ ถ้าไม่อิ่มยังมีนมกับผลไม้อีกเพียบ”“ถ้าพวกแกสองคนรักกันปานจะกลืนกินขนาดนี้ ทำไมไม่เป็
“พอแล้วค่ะ หนูดื่มต่อไม่ไหว” ลิชายกมือห้าม ทำท่าทางพะอืดพะอมเมื่อลูกค้าพยายามจะยัดเยียดให้เธอดื่มเหล้าที่เหลืออยู่สติสัมปชัญญะที่หลงเหลือมีเพียงน้อยนิดหลังจากดื่มแอลกอฮอล์มึนเมาเข้าไปเป็นจำนวนมากสายตาพร่าเบลอ โลกเริ่มหมุนรอบตัวช้าลงจนยืนทรงตัวแทบไม่ไหว“อะไรกัน กินแค่นิดหน่อยก็เมาแล้วเหรอ” ลูกค้าหนุ่มรั้งเอวบางให้ขยับเข้ามาแนบชิดจนเกือบจะดึงหญิงสาวลงมานั่งตักอยู่รอมร่อ“หนูดื่มไม่เก่งค่ะ”“เอาอีกสักแก้วสิ เดี๋ยวพี่ให้ทิปสองพัน” วางฝ่ามือลงบนต้นขาขาวเนียน ลูบไล้ไปมาจนลิชาสะดุ้งอยู่หลายครั้ง โดยที่ไม่ทันสังเกตว่ามีสายตาของใครบางคนกำลังจ้องมองทุกการกระทำหญิงสาวเริ่มมีท่าทางลังเลเมื่อได้ยินข้อเสนอจากลูกค้า เงินก็อยากได้ แต่ถ้าจะให้ดื่มอีกคงไม่ไหว “หนูไม่ไหวแล้วจริงๆ”“งั้นไปต่อกับพี่มั้ย ถ้าเป็นน้องเรียกเท่าไหร่ว่ามาเลย”“หนูไม่ได้รับงานน่ะค่ะ”“คิดจะเล่นตัวเพื่ออัปราคาเหรอ”“หนูไม่ได้รับงานแบบนั้นจริงๆ ขอโทษด้วยนะคะ” ดวงตากลมโตสอดส่องไปมาด้วยความกลัว ลิชาถูกลูกค้าโอบไหล่ไว้แน่นไม่ให้ขยับหนีไปได้เคยเจอมาก็หลายคน แต่คนนี้กลับรับมือยากกว่าที่คิด“ก็บอกแล้วไงว่าถูกใจ เรียกเท่าไหร่ก็จ่าย”
ลิชาเม้มริมฝีปากแน่น หลับตาลงช้าๆ เนื้อตัวสั่นเทาเมื่อสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นเจือกลิ่นบุหรี่บางเบาที่กำลังเป่ารดลำคอฝ่ามือหนาจับปลายคางมนให้หันหน้ากลับมาสบตา ก่อนจะพ่นควันบุหรี่ใส่โพรงปากเล็กจนเธอสำลักหน้าดำหน้าแดง “แค่ก…แค่ก…”เมื่อสบจังหวะลิชาจึงรีบสูดอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่ แต่บุรินทร์ภัทรกลับหัวเราะเบาๆ คล้ายกับพอใจที่แกล้งเธอได้สำเร็จ“เฮียแฟรงก์ ชากลัว” บอกผ่านน้ำเสียงหวาดหวั่น เห็นชายหนุ่มปลดเข็มขัดหนังราคาแพงออกจากกางเกงที่สวมใส่“กลัวทำไม! ทียอมให้ไอ้เวรนั่นมันจับมันล้วงไม่เห็นว่าเธอจะกลัว” เลิกคิ้วมองคนตรงหน้าอย่างยียวน ใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มอย่างหงุดหงิดเมื่อนึกเห็นภาพที่อลิชานั่งอยู่บนตักผู้ชายคนอื่นถ้าเขายังไม่เบื่อ ใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์แตะต้องเธอ“มันคืองานของหนู”“แต่ฉันไม่ได้สั่ง แล้วเธอมีสิทธิ์อะไรไปทำแบบนั้น”“…..” ลิชาหลุบสายตามองต่ำ ไม่กล้าแม้กระทั่งหายใจออกมาแรงๆ “หนูรับปากว่าจะไม่ทำแบบนั้นอีก หนูจะเชื่อฟังเฮียทุกอย่างเลยค่ะ”บุรินทร์ภัทรผลักร่างเล็กให้แนบชิดไปกับผนังห้องเย็นเฉียบ ก่อนจะยกแขนกั้นไว้ไม่ให้เธอขยับหนี“หรือโดนเอาครั้งที่แล้วมันยังไม่สะใจ ชอบแบบไหนก็
“อืม…” เสียงหวานร้องครางเบาๆ ทันทีที่ขยับตัว ลิชาปรือตามองด้วยความงัวเงีย ก่อนจะหันไปมองบุรินทร์ภัทรที่นอนเปลือยท่อนบนอยู่ข้างกันเธอตกอยู่ในภวังค์จ้องมองชายหนุ่มอยู่นานสองนาน นิ้วเรียวลูบไปยังใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังหลับตาพริ้ม ตอนนี้เขาดูไม่มีพิษภัยเหมือนตอนตื่น“อื้อ…”ลิชารีบผละตัวถอยห่างยามที่เขาขยับตัวคล้ายกับรำคาญเมื่อมีสิ่งรบกวนเวลานอนก้าวขาลงจากเตียงด้วยความระมัดระวัง ก้มลงหยิบเสื้อผ้าที่ตกอยู่ตามพื้นห้องขึ้นมาสวมใส่ เม้มริมฝีปากกำมือแน่น มองเห็นเศษซากถุงยางอนามัยที่หล่นเกลื่อนกลาดไม่อยากนึกย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืนว่าเขาทำอะไรกับเธอไว้บ้าง“ทำอะไรแต่เช้า”คนตัวเล็กสะดุ้ง รีบหันกลับไปมองด้วยความลนลานหลังจากได้ยินเสียงเจ้าของห้องแฟรงก์เดินเข้ามาประชิดหญิงสาวจากทางด้านหลัง ร่างกายกำยำมีเพียงผ้าขนหนูที่พันรอบเอวไว้อย่างหมิ่นเหม่ เส้นผมเปียกหมาดหลังจากอาบน้ำเสร็จ“ทำงานบ้านค่ะ หนูทำเสียงดังรบกวนหรือเปล่าคะ” ลิชาถามด้วยความกังวลขณะที่กำลังยืนล้างจานอยู่ในครัว“ฉันมีแม่บ้านคอยดูแล ไม่จำเป็นต้องทำเอง”“หิวไหมคะ เช้านี้อยากกินอะไรดี”“โดนเอาทั้งคืน เธอยังมีแรงเหลืออีกอยู่อีกเหร
“เฮียจะไปไหนคะ” ลิชาได้แต่นั่งมองแผ่นหลังของบุรินทร์ภัทร ขณะที่เขากำลังยืนแต่งตัวอยู่หน้ากระจกทรงผมถูกจัดทรงรับกับใบหน้าคมคาย สวมเสื้อยืดแบรนด์เนมและกางเกงยีนตัวโปรดที่ชอบใส่อยู่เป็นประจำ“จะออกไปข้างนอก”“แล้วชาล่ะคะ”“รออยู่ที่นี่ เดี๋ยวฉันกลับมา”“ให้หนูไปด้วยได้ไหม” ลิชาพึมพำเสียงเบา ก่อนจะเดินเข้าไปเกาะแขนชายหนุ่มไว้แน่นอย่างเว้าวอน“จะไปทำไมให้เกะกะ”“หนูไม่อยากอยู่คนเดียว” วาดสายตามองไปบริเวณรอบห้องด้วยความไม่คุ้นชิน“ฉันสั่งให้รอก็ต้องรอ อย่าทำตัวมีปัญหา”“ได้ค่ะ…” คนตัวเล็กพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย ไม่ว่าเขาจะพูดหรือบอกอะไรก็เชื่อฟังไปซะทุกอย่าง“เป็นเด็กดีของฉัน แล้วเธอจะได้ทุกอย่าง”“ชาจะเป็นเด็กดีของเฮีย”ใบหน้าน้อยๆ หลับตาพริ้มยามที่ชายหนุ่มโน้มริมฝีปากลงมาประกบจูบเบาๆ อย่างนิ่มนวลสำหรับคนที่แอบรักมานานแสนนาน ได้แค่นี้ก็ดีใจมากแล้ว…-ห้างสรรพสินค้า-“พอยังไอ้หมวย เดินจนขาแทบลากแล้วนะเว้ย”หมวยเฟย์หันขวับไปมองพี่ชายที่เอาแต่ส่งเสียงบ่นงุบงิบมาตลอดทั้งทางหญิงสาวถอดแว่นกันแดดออกจากใบหน้า หรี่สายตามองอย่างนึกรำคาญ ก็แค่เดินช๊อปปิ้งไปสามชั่วโมงกว่าจะบ่นอะไรนักหนาเฮียแฟรงก์ขี
หลายวันผ่านไป-มหาวิทยาลัย-“ขอบคุณมากค่ะที่มาส่ง” ลิชาบอกเสียงเบา เหลือบสายตามองบุรินทร์ภัทรที่นั่งอยู่ทางด้านฝั่งคนขับดวงตากลมโตสอดส่องมองไปบริเวณนอกรถ มันคือหลังมหาวิทยาลัยจุดลับสายตาผู้คน“ฉันส่งแค่นี้นะ”“ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้ก็ดีมากแล้ว” เผยรอยยิ้มบาง รีบก้มเก็บสัมภาระเตรียมตัวลงจากรถ โดยมีสายตาของชายหนุ่มจ้องมองอยู่เงียบๆ“วันนี้เลิกเรียนกี่โมง”“เลิกสี่โมงเย็นค่ะ”“รีบมารอที่เดิม เดี๋ยวฉันแวะมารับ”“เฮียจะมารับชาจริงๆ เหรอคะ” ถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นปนดีใจ เธอไม่คิดว่าจะได้ยินประโยคนี้จากปากเขา“ทางผ่านพอดี”“อ่อ…ค่ะ” แต่ดีใจได้ไม่เท่าไหร่ก็เหมือนถูกฉุดรั้งให้กลับมารู้สึกดังเดิมร่างบางมองไม่เห็นหนทางที่จะทำให้บุรินทร์ภัทรหันมาชอบเธอบ้างเลย“เก็บของแล้วรีบลงไป ระวังคนเห็นด้วยล่ะ”“รู้จักหนูมันน่าอายมากเลยเหรอคะ” ถึงแม้จะรู้คำตอบอยู่แล้ว แต่หัวใจเจ้ากรรมก็ยังอยากได้ยินจากปากเขา“เหอะ!” บุรินทร์ภัทรแค่นหัวเราะในลำคอเบาๆ ไล่สายตามองคนตัวเล็กตั้งแต่หัวจรดเท้า ลิชาสวมรองเท้าผ้าใบคู่โปรด เสื้อนักศึกษาตัวโคร่ง กระโปรงอัดพลีทยาวคลุมเข่า แต่งตัวเฉิ่มเชย ใบหน้าจิ้มลิ้มไร้เครื่องสำอาง มีเพ
“ลาออกทำไม!?”“…..”“ตอบคำถามฉันด้วยอลิชา!” ทวนคำถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์หลังจากที่คนตัวเล็กเอาแต่ยืนเงียบลิชาลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก มองเห็นสายตากดดันของคนที่เพิ่งมาใหม่“หนูว่าจะลองไปสมัครงานพาร์ทไทม์แถวมหาลัยดูน่ะค่ะ มันอยู่ใกล้กับหอพักด้วย น่าจะสะดวกกว่า” คนตัวเล็กพยายามอธิบายถึงเหตุผลแต่ดูเหมือนว่าบุรินทร์ภัทรจะไม่ได้ฟังเพราะเอาแต่ยืนจ้องหน้าเธออย่างเดียว“จะได้เงินเดือนสักเท่าไหร่กันเชียว” ใบหน้าหล่อเหลากระตุกมุมปากเย้ยหยัน ยืนกอดอกใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มอย่างนึกหงุดหงิด เพราะเด็กดื้อคนนี้เริ่มจะแข็งข้อและต่อต้านเขามากขึ้น“อาจจะไม่มากเท่าอยู่กับเฮีย แต่หนูก็พออยู่ได้ค่ะ” ยอมรับว่าบุรินทร์ภัทรหยิบยื่นสิ่งของ คอยให้เงินเธอใช้แบบไม่ขาดมือ แต่มันก็ไม่ได้สำคัญเท่ากับความรู้สึกที่เขากำลังยัดเยียดให้ในตอนนี้“เธอต้องการเงินเดือนเท่าไหร่ ฉันจะให้”“…..”“สักห้าหมื่นเป็นไง หรือถ้ามันน้อยไปก็บอกมา” แค่เศษเงินไม่เท่าไหร่เขาไม่เคยคิดเสียดายมันเลยสักนิดตรงข้ามกัน!ตั้งแต่จำความได้ ยังไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าปฏิเสธเหมือนเธอคนนี้ยิ่งลิชาคิดจะปีกกล้าขาแข็งใส่ เขายิ่งอยากจะเอาชนะ“
-หลายปีผ่านไป-เอส. บี . ดี เซอร์วิสบุรินทร์ภัทรยืนมองภาพถ่ายวันแต่งงานขนาดใหญ่ที่แขวนอยู่บนฝาผนังในห้องทำงาน ก่อนจะยกมือปัดป่ายเช็ดถูขัดมันจนเงาวิบวับเหมือนใหม่อยู่ตลอดเวลาชีวิตคู่หลังจากแต่งงานมีความสุขดี ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นดังใจหวัง เขาได้ใช้ชีวิตกับคนที่รัก มีลูกชายที่เป็นดังแก้วตาดวงใจของทุกคนในครอบครัวธุรกิจการงานถือว่าเป็นไปในทิศทางที่ต้องการไอ้แว่นมันได้ขยายกิจการไปต่างประเทศตามที่ตั้งใจ ส่วนงานของเขาก็อยู่ในความพึงพอใจไม่ได้มีอะไรหวือหวาตอนนี้ดาวศุกร์อายุสิบหกปี กำลังแตกเนื้อสาวสะพรั่ง กลายเป็นสาวฮ็อตประจำโรงเรียน ที่มีหนุ่มๆ คอยตามจีบให้เขาตามปวดหัวไม่เว้นแต่ละวันส่วนชารากับชารันเด็กแฝดถูกไอ้แว่นส่งตัวไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ นานทีปีหนถึงจะได้กลับมา แต่ไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง เพราะมีปู่กับย่าย้ายถิ่นฐานคอยตามไปดูแล จะกลับมาอยู่ที่ประเทศไทยก็ต่อเมื่อเรียนจบชนินทร์ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของบุรินทร์วัชร์เป็นคนเจ้าสำอางละเมียดละไม ส่วนเฟยน้องเล็กเป็นเด็กเก็บตัวเงียบชอบอ่านหนังสืออยู่คนเดียวไม่ค่อยสุงสิงกับใคร“ป๊า…”อลิชาที่เพิ่งไปรับลูกกลับจากโรงเรียน เปิดประตูเดินเข้า
“เจ๊…”ผู้เป็นแม่ละสายตาจากสิ่งที่ทำ หันกลับไปหันมองตามเสียงเรียก ก่อนจะเห็นว่าเป็นบุรินทร์ภัทรที่สวมชุดเจ้าบ่าวเดินเข้ามาหา“อะไรของแก”“วันนี้หนูจะแต่งงานแล้วนะ”“ฉันรู้อยู่แล้ว ไม่เห็นจะต้องมาบอก”“อวยพรให้หนูหน่อย” เดินเข้าไปกอดเจ๊ผู้เป็นที่รักไว้แน่น หอมแก้มแม่ซ้ำๆ เหมือนที่ชอบทำอยู่บ่อยๆวันนี้เจ๊ปาลินของเขาแต่งตัวทำผมสวยจัดเต็ม แถมสีหน้ายังดูอิ่มเอมที่ลูกชายคนโตกำลังจะได้แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝา“อารมณ์ไหนของแก”“ตอนนี้จริงจังนะ ไม่ล้อเล่น” ชายหนุ่มย่อตัวนั่งลงบนส้นเท้า น้ำเสียงที่พูดก็ดูเปลี่ยนไป จนทำให้คนเป็นแม่ปรับอารมณ์ไม่ทัน“หนูอยากมาขอพรจากแม่” ชายหนุ่มพนมมือนอบน้อมก้มลงกราบเท้าของคนเป็นแม่ ไม่ใช่แค่ขอพรแต่ตั้งใจจะมาขอขมาและอโหสิกรรมกับสิ่งล่วงเกินที่เคยทำผิดพลาด“…..” ปราณปาลินมองคนตรงหน้าพร้อมแววตาไหวสั่น ยกมือลูบศีรษะของลูกชายเบาๆ ด้วยความอ่อนโยน “แม่ขออวยพรให้แฟรงก์มีความสุขในชีวิตนะ ไม่ว่าลูกจะทำอะไร ขอให้ประสบผลสำเร็จทุกอย่าง”“หนูอาจจะไม่ใช่ลูกที่ดีเหมือนที่แม่อยากให้เป็น หนูขอโทษนะ อโหสิกรรมให้ผมด้วย” หลายครั้งหลายหนที่ทำให้แม่ร้องไห้ ทำให้พวกท่านเสียใจกับลูกที่ไม่ไ
-2F BAR-รถยนต์คันหรูมากมายไปจนถึงระดับไฮเปอร์คาร์จอดเรียงรายนับร้อยคันเต็มพื้นที่บริเวณลานจอดรถขนาดใหญ่ ล้นทะลักออกไปจนถึงด้านนอก“จัดแค่งานเล็กๆ เฮียเชิญเฉพาะแค่คนที่รู้จัก”อาจจะเป็นแค่งานเล็กสำหรับเขา แต่มันมโหฬารอลังการมากสำหรับเธอ แขกเหรื่อที่มาร่วมงานในวันนี้มองด้วยตาเปล่าน่าจะมีไม่ต่ำกว่าสองพันคนบุรินทร์ภัทรเป็นคนมีอิทธิพลกว้างขวาง คนในวงการต่างนับหน้าถือตาไม่ใช่น้อยๆ จึงไม่แปลกที่จะมีแขกมาร่วมแสดงความยินดีมากมายในวันนี้เขาเลือกสถานที่จัดงานคือ ‘2F BAR’ ที่แห่งนี้คือจุดเริ่มต้นทำให้ได้เจออลิชาในวันนั้นจนกลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต เขาสร้างมันขึ้นมาด้วยความยากลำบาก ความทรงจำดีๆ มากมายอยู่ในที่แห่งนี้“ไหนบอกแค่งานเล็กๆ ไงเฮีย” หมวยเฟย์สะกิดแขนพี่ชายที่ยืนตรวจความเรียบร้อยของงาน“เฮียเชิญแค่คนสนิท มีแต่คนกันเองทั้งนั้น”“นี่มันไม่ใช่เล่นๆ แล้วนะ” หมวยเฟย์วาดสายตามองไปบริเวณโดยรอบด้วยความตื่นตาตื่นใจ ซุ้มดอกไม้นำเข้าจากต่างประเทศยาวยิ่งใหญ่เป็นร้อยเมตร เวทีแสงสีเสียงเหมือนกับงานคอนเสิร์ตนักร้องชื่อดังตระการตาอลังการยิ่งกว่าเทศกาลงานประจำปี‘เสียเงินไม่ว่าเสียหน้าไม่ได้’ ไม่ต้อง
ฝ่ามือหนาบีบเข้าที่ปลายคางเพื่อให้คนตัวเล็กยอมเปิดริมฝีปาก จับแก่นกายอัดกระแทกเข้าออกจนสุดความยาวซ้ำไปซ้ำมา“อื้อออ…” เสียงหวานร้องครางขาดห้วงเมื่อความคับแน่นตีขึ้นมาจุกอยู่ที่ลำคอเหมือนกำลังจะขาดอากาศหายใจตายแต่ร่างกายไม่รักดีกับตอบสนองสู้กลับคืนตามสัญชาตญาณ ปลายเรียวลิ้นลากไล้โลมเลียตั้งแต่ส่วนโคนมาจนถึงหัวแดงก่ำ“โคตรเสียว…” ก้มลงมองหญิงสาวด้วยดวงตาฉ่ำเยิ้ม อลิชาโคตรทำให้เขาเสียอาการจนแขนขาอ่อนแรงใช้มือควานหาที่จับเพื่อพยุงตัวริมฝีปากเล็กดูดเม้มจนแก้มตอบ ส่วนปลายเรียวลิ้นโลมเลียตวัดขึ้นลงราวกับเป็นไอศกรีมแท่งโปรด“แบบนั้นเลยเด็กดี” รวบเส้นผมยาวสลวยเป็นหางม้า กระตุกลงอย่างแรงเพื่อให้เธอเงยหน้าขึ้นรับสัมผัส “อื้ออ…เฮียแฟรงก์… ” คนตัวเล็กเบ้หน้าด้วยความจุกแน่นเมื่อถูกเอวสอบกระแทกสวนเข้ามาอย่างเนิบนาบแต่หนักหน่วงจนส่วนหัวเข้าลึกไปถึงลำคอ“ดูดแรงๆ เฮียจะแตก”มือเล็กเร่งจังหวะชักรูดท่อนเอ็นให้เร็วขึ้น จนคนตัวสูงเกร็งสั่นสะท้านด้วยความเสียวซ่านสองมือกดศีรษะของเธอไว้แน่นไม่ยอมให้ขยับหนี ก่อนจะปล่อยสายธารน้ำรักฉีดพวยพุ่งเข้าไปในโพรงปากเล็กทุกหยาดหยด“อื้อ…” เล็บสวยจิกลงบนท่อนขาแกร่งเพื่
“แว่นน้องรัก” บุรินทร์วัชร์ละสายตาจากเด็กน้อยในอ้อมอก เงยหน้าขึ้นมองคนที่มาใหม่ แค่ได้เห็นหน้าพี่ชายตัวป่วนถึงกับถอนหายใจลากยาววีรกรรมแต่ละอย่างของมันใช่ย่อยที่ไหน ชอบสร้างแต่ปัญหาไม่จบไม่สิ้น“กูขอคุยด้วยหน่อย”“ว่ามาสิ”บุรินทร์ภัทรเดินเข้าไปหย่อนตัวนั่งลงข้างแฝดน้อง ก่อนจะส่งยิ้มกว้างมองด้วยสายตาหวานเยิ้ม“ไม่ต้องลีลา มึงจะเอาอะไรก็ว่ามา” แค่เห็นท่าทางมีพิรุธของมันก็รู้ได้ทันทีว่าต้องมีเรื่องมากวนใจเขาอีกแน่นอน“กูกำลังจะแต่งงาน”“อืม…” ก็พอรู้มาบ้างแล้ว เพราะไอ้แฟรงก์มันชอบพูดกรอกหูให้ฟังอยู่บ่อยๆ เลยไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นหรือแปลกใจอะไร“มึงช่วยแต่งงานเป็นเพื่อนกูหน่อยได้ไหม”“อะไรของมึง”“กูอยากให้เราใส่ชุดเจ้าบ่าวเหมือนกัน”“เมาน้ำมันเครื่องเหรอ กูแต่งงานแล้วจะให้แต่งอีกได้ยังไง”“แต่งแล้วก็แต่งอีกได้ แต่งเป็นเพื่อนกูไง”“เลิกคิดอะไรที่มันประหลาดได้แล้วแฟรงก์!” บอกปัดอย่างนึกรำคาญ ไอ้ประเภทที่มันบอกคนปกติเค้าคงไม่ทำกัน“นะแว่นน้องรัก ช่วยแต่งงานอีกรอบเป็นเพื่อนพี่ชายสุดหล่อคนนี้ที”“…..”“มึงเป็นคนสำคัญที่สุดในชีวิตของกูนะ ทุกช่วงเวลาที่มีความสุขก็อยากมีมึงอยู่ข้างกัน” เอนใบหน้
เอส.บี.ดี เซอร์วิสเอี๊ยดดดด~ ล้อยางรถบดเบียดไปกับพื้นคอนกรีตขัดมันจนเกิดเป็นรอยทางยาว ตามด้วยเสียงเครื่องยนต์ที่ดังกระหึ่มจนทำให้คนที่อยู่แถวนั้นต่างหันมองด้วยความแตกตื่นปราณปาลินรีบวิ่งออกมาดูเหตุการณ์ ก่อนจะเห็นรถกระบะคันเก่าดริฟหักโค้งหลายตลบเข้ามาภายในร้าน ควันดำโขมงลอยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ“เด็กเวรที่ไหนมันมาเบิ้ลรถแถวนี้ ไอ้ลูกพ่อแม่ไม่สั่งสอน!” ยืนเท้าเอวตะโกนด่าจนเอ็นคอขึ้น ทำเอาลูกค้าของเธอตกอกตกใจกันไปหมด มันน่าจะบิดให้หูขาด “อย่าให้รู้นะเว้ย แม่จะตบให้สมองไหล”“จะเป็นใครได้ล่ะ ก็ลูกชายเจ๊นั่นแหละ”“…..” หลังจากได้ยินประโยคที่หมวยเฟย์บอกจึงรีบถอดแว่นกันแดดแบรนด์เนมออกจากใบหน้า หรี่สายตามองเพื่อให้แน่ใจไม่ผิดแน่ ไอ้เด็กเวรที่เธอเพิ่งด่าไปเมื่อกี้มันคือไอ้ลูกชายตัวดี!“ไอ้แฟรงก์!”แผดเสียงเล็กแหลมตะโกนเรียกดังลั่น บุรินทร์ภัทรเปิดประตูลงจากรถกระบะคันเก่า ยกมือเสยผมขึ้นโชว์ใบหน้าหล่อเหลาพร้อมส่งยิ้มหวาน สาวใดได้เห็นมีอันต้องหลงจนหัวปักหัวปำแต่โทษทีที่คนหล่อรวยสุดแสนจะเพอร์เฟคอย่างเขานั้นมีลูกมีเมียแล้ว! นอกจากอลิชาเมียเด็กสุดที่รัก ก็ไม่คิดจะมองใครอีก“เป็นไงเจ๊ เท่สะบัดไปเล
เสียงทุบประตูดังลั่นไปทั่วบริเวณติดต่อกัน ฟรินสะดุ้งตื่นขึ้นกลางดึกรีบก้าวขาลงจากเตียงเมื่อได้ยินเสียงเรียกของพี่ชายที่ร้องตะโกนแหกปากโวยวายอยู่หน้าห้อง“ไอ้แว่น…ไอ้แว่น!”“นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้วแฟรงก์” บุรินทร์วัชร์ถอนหายใจลากยาว ยืนกอดอกพิงขอบประตูมองพี่ชายด้วยสายตาเรียบนิ่ง“ช่วยหน่อย รีบมาช่วยกูที”“อะไรของมึง” ถ้าไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายหรือมีธุระสำคัญเขาจะยกขาถีบมันให้กระเด็น“อย่าเพิ่งบ่น มาช่วยกูก่อน”“มีอะไรก็รีบพูดมา”“ละ…ลิชาจะคลอดแล้ว”“งั้นมึงรีบไปเก็บของ เดี๋ยวกูจะไปเตรียมรถ” บอกผ่านท่าทางนิ่งเฉย เหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นกับดาวเหนือเมื่อครั้งในอดีตเลยไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นสักเท่าไหร่“ไปไม่ทันแน่ หัวลูกกูจะโผล่ออกมาแล้ว”“เวรฉิบ!”บุรินทร์วัชร์หันไปคว้ากล่องยาสามัญประจำบ้านวางอยู่และชุดคลุมขึ้นมาสวมทับ ก่อนจะรีบร้อนตรงมายังห้องนอนของแฝดพี่“อาการเป็นยังไงบ้าง”“หนูเจ็บท้อง…” อลิชานั่งเอนหลังพิงหัวเตียงร้องโอดครวญด้วยความเจ็บ ใบหน้าเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อริมฝีปากบางซีดสั่น ตั้งแต่เกิดมาเธอยังไม่เคยรู้สึกเจ็บขนาดนี้มาก่อน“งั้นทำใจดีๆ” ฟรินลูบศีรษะของคนตัวเล็กเพื่อปลอบประโลม แต
“เป็นยังไงบ้างดีขึ้นหรือยัง”“ดีขึ้นมากแล้วค่ะ ขอบคุณเฮียมากนะ”“หนูปวดตรงไหนอีกมั้ย เดี๋ยวเฮียนวดให้”ดาวศุกร์ตัวน้อยหรี่สายตามองคนทั้งสองที่กำลังพูดคุยกะหนุงกะหนิง ป๊าแฟรงก์กำลังนั่งนวดขาประคบประหงมพี่ลิชาของเธอไม่ยอมห่างไปไหน“มองอะไรศุกร์”“ก็มองป๊านั่นแหละ” ถอนหายใจส่ายหน้าไปมา เคยเห็นป๊าฟรินชอบทำแบบนี้กับแม่เหนือ แต่ไม่คิดว่าป๊าแฟรงก์จะทำแบบนี้กับพี่ลิชาเหมือนกัน“พี่ลิชากำลังมีน้อง ป๊าต้องตามใจเขาหน่อย”“ถึงไม่มีน้อง ป๊าก็ตามใจพี่ลิชาอยู่แล้ว”“กลัวป๊าไม่รักเหรอ”“ไม่กลัวหรอก ศะ…ศุกร์โตแล้วนะ” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่กลับรีบยกมือน้อยๆ ขึ้นปาดน้ำตา“โตที่ไหน ในสายตาป๊ายังเห็นเป็นเด็กอยู่เลย”“แล้วศุกร์กับพี่ลิชา ป๊ารักใครมากกว่ากัน”“…..” ชายหนุ่มหยุดนิ่ง เมื่อได้ยินประโยคคำถามที่ไม่คาดคิดของลูกสาว ชำเลืองสายตามองคนทั้งสองสลับกัน ถ้าตอบว่ารักใครคนใดคนนึงมากกว่า เดี๋ยวก็งอนเป็นเรื่องเป็นราวแต่เขาเลือกที่จะปล่อยมือจากอลิชาแล้วเดินเข้าไปหาเด็กน้อยนั่งที่นั่งอยู่ ย่อตัวนั่งลงตรงหน้ายกมือลูบศีรษะของดาวศุกร์เบาๆ“ป๊ารักศุกร์มากกว่าอยู่แล้ว แต่ความรักที่ป๊ามีให้พี่ลิชากับศุกร์มันไม่เหมือนกั
“ชาเห็นอาการเฮียไม่ค่อยดีเลยชงยาหอมมาให้ค่ะ”ชายหนุ่มละสายตาจากงานเอกสารกองโตขณะที่กำลังตรวจงานให้ไอ้แว่น เงยหน้าขึ้นยิ้มให้คนที่มาใหม่ “ขอบใจมาก ตอนนี้เฮียดีขึ้นมากแล้ว”“เป็นห่วงเฮียนะ”“จะมาเป็นห่วงทำไม เฮียต่างหากที่ต้องพูดคำนี้ ท้องเธอก็เริ่มโตขึ้นทุกวัน” ตอนนี้อลิชาผิวพรรณเปล่งปลั่งรูปร่างก็ดูอวบอั๋นมีน้ำมีนวล จับตรงไหนก็เต็มไม้เต็มมือ“…..” โชคดีของเธอที่ตอนนี้ไม่รู้สึกว่าแพ้ท้อง แต่ก็อาจจะเป็นโชคร้ายของคนข้างๆ ที่แพ้ท้องแทน“อีกหนึ่งชีวิตของเฮียฝากไว้ที่เธอ ช่วยดูแลเขาให้ดีๆ” เลื่อนฝ่ามือไปสัมผัสหน้าท้องที่เริ่มขยายใหญ่จนสังเกตได้ถ้านับตามอายุครรภ์ ตอนนี้อลิชาท้องได้สี่เดือนกว่าแล้ว โดยที่พวกเขาเองก็ไม่รู้ว่าเพศลูกที่อยู่ในท้องนั้นเป็นหญิงหรือชาย ลิชาอยากเก็บไว้เป็นความลับให้ไปรอลุ้นในวันคลอด“ชาสัญญาจะรักษาเขาเท่าชีวิต”“เฮียก็สัญญาเหมือนกันว่าจะดูแลชากับลูกให้ดี”“ตั้งแต่รู้ว่ามีเขา หนูมีความสุขมาก แล้วเฮียล่ะคะมีความสุขไหม” หย่อนตัวนั่งลงบนตักของชายหนุ่มอย่างระมัดระวัง ยกแขนขึ้นโอบลำคอไว้แน่น ซบใบหน้าลงบนลาดไหล่กว้างอย่างออดอ้อน“ลูกเกิดมาจากความรักของเราสองคน เฮียตั้งใจอย