“เป็นยังไงบ้างลิชา อาการดีขึ้นหรือยัง” เพื่อนชายคนสนิทถามอย่างเป็นห่วง ก่อนจะหย่อนตัวนั่งลงบนขอบเตียง ใช้หลังมือแตะบนหน้าผากของคนตัวเล็กเบาๆ เพื่อวัดไข้
“ดีขึ้นมากแล้วแจ็ค ขอบใจที่อุตส่าห์มาเยี่ยมนะ”
“พอไอ้นิ้งโทรบอก เลิกเรียนเราก็รีบมาเลย”
“ฉันถามมันก็ไม่ยอมบอกว่าไปทำอะไรมา” คะนิ้งถอนหายใจมองลิชาอย่างเอือมๆ ไม่ว่าเธอจะถามอีกกี่ครั้ง แต่ลิชาก็ยังไม่ยอมปริปากพูดอะไรให้ฟัง
“เราแค่ไม่สบายเดี๋ยวก็หายแล้ว”
“ไม่สบายต้องเดินขาถ่างด้วยเหรอ ถ้าบอกว่าแกโดนรุมโทรมมายังน่าเชื่อกว่าอีก” สภาพของเพื่อนรักตอนนี้ดูได้ที่ไหน
ตั้งแต่หายไปในคืนนั้น พอกลับมาถึงห้องก็เอาแต่นอนร้องไห้จับไข้ไปหลายวัน มิหนำซ้ำยังต้องขาดเรียน
“…..” ลิชาเข้าใจว่าที่คะนิ้งพูดนั้นเกิดจากความเป็นห่วง เธอจึงไม่ได้ถือสาหรือเก็บมาคิดใส่ใจ
“ฉันไม่อยากเซ้าซี้แกแล้ว เอาไว้ถ้าอยากเล่าเมื่อไหร่ ก็ค่อยเล่าแล้วกัน”
“กินโจ๊กป่ะ เราซื้อมาฝาก” แจ็ครีบเปลี่ยนเรื่องคุยเมื่อเห็นสถานการณ์ของสองสาวเริ่มตึงเครียด
“ขอบคุณนะแจ็ค กำลังหิวอยู่พอดี”
“หิวก็กินเยอะๆ เลยนะ ถ้าไม่อิ่มยังมีนมกับผลไม้อีกเพียบ”
“ถ้าพวกแกสองคนรักกันปานจะกลืนกินขนาดนี้ ทำไมไม่เป็นผัวเมียกันให้จบๆ” คะนิ้งที่เป็นเหมือนส่วนเกินตั้งใจพูดกระแหนะกระแหนใส่คนทั้งสอง
“…..”
“อ่อ…ฉันก็ลืมไป ยัยชามันรักแต่พ่อหนุ่มแบดบอยคนนั้น ขนาดภาพหน้าจอโทรศัพท์ยังเป็นรูปเขา”
“หยุดพูดเถอะน่า แล้วจะพูดถึงเขาทำไมกัน” แค่นึกเห็นหน้าผู้ชายใจร้ายคนนั้นก็เหมือนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ
“ฉันพูดไม่แปลกหรอก ว่าแต่แกน่ะร้อนตัวทำไม”
“…..”
“ชายังไม่เลิกชอบเขาอีกเหรอ” แจ็คเอียงคอมองหน้าเพื่อนสนิทอย่างสงสัย ผ่านไปตั้งนานนึกว่าลิชาจะตัดใจจากผู้ชายคนนั้นได้แล้ว
“ก็พยายามอยู่”
“เข้าใจว่ามันยาก ไอ้หมอนั่นมันทั้งหล่อทั้งรวย ไม่แปลกที่ชาจะชอบมัน” ตอนไปเที่ยวเคยเห็นบุรินทร์ภัทรที่คลับอยู่บ่อยๆ
บุรินทร์ภัทรเป็นคนเจ้าสำอาง ขนาดผู้ชายด้วยกันยังเหลียวหลังมองตาม คนอะไรจะดูดีได้ทุกกระเบียดนิ้วขนาดนั้น
“แล้ววันนี้ชาไปทำงานไหวไหม เดี๋ยวเราไปส่ง”
“ต้องไหวอยู่แล้ว” เพราะครบกำหนดลางานสามวัน ถ้าไม่ไปคงโดนใบเตือน หรือร้ายแรงกว่านั้นก็อาจจะโดนไล่ออกได้
“ไม่เป็นอะไรมากก็แล้วไป ดูแลตัวเองดีๆ”
“…..”
-2F BAR-
“เป็นยังไงบ้าง หยุดไปหลายวันหายดีแล้วใช่มั้ย” หัวหน้างานเดินเข้ามาทักทาย หลังจากเห็นลิชาปรากฏตัวในรอบหลายวัน
“ดีขึ้นมากแล้วค่ะ”
“พี่จะมาบอกว่ายัยอรลาออกแล้วนะ ตอนนี้ยังหาคนใหม่ไม่ได้ เลยจะให้ชาไปทำแทนก่อน โอเคมั้ย”
“ได้ค่ะ เดี๋ยวชาทำแทนเอง” ตอบตกลงอย่างไม่เรื่องมาก เธอเคยทำมาก็ตั้งหลายครั้ง ดูแลแขกวีไอพี ไม่ต้องทำงานหนักแถมยังได้เงินดี ใครบ้างจะไม่อยากทำ
“ช่วยพี่หน่อยนะ ถ้าหาคนใหม่มาเปลี่ยนได้เมื่อไหร่ ก็คงไม่รบกวนแกแล้ว”
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้”
“เดี๋ยวชาไปทำผมเปลี่ยนชุดรอเข้างานเลยนะ”
“วันนี้ต้องเปลี่ยนชุดด้วยเหรอคะ?”
“ต้องเปลี่ยนนะ พี่เตรียมชุดไว้ให้ชาแล้ว ถ้าใส่ชุดพนักงานแบบนี้ไปดูแลลูกค้า เฮียบ่นหูดับแน่”
“…..”
“รีบไปเปลี่ยนชุดแต่งตัวเร็วเข้า ตอนนี้เฮียใกล้จะมาถึงแล้ว ถ้าเสร็จไม่ทันเดี๋ยวจะซวยกันหมด”
“…..”
‘รู้เรื่องยัยอรหรือยัง ได้ยินพี่แววบอกว่ามันลาออกแล้วนะ’
‘แล้วแกรู้ไหมว่ามันลาออกทำไม มันเป็นเด็กคนโปรดของเฮียไม่ใช่เหรอ’
‘เฮียน่าจะเบื่อเลยเขี่ยทิ้ง’
‘ยัยอรมันงี่เง่าจะตายไป ใครก็รู้ทั้งนั้น’
‘เห็นเขาพูดกันว่าวันนั้นเฮียเอาเด็กใหม่ไปกินบนห้องจนถึงเช้า แต่ยังไม่รู้ว่าใคร’
‘ยัยอรคนโปรดนักหนายังโดนทิ้ง นับประสาอะไรกับคนใหม่ ฉันให้ไม่เกินสองเดือน รับรองว่าได้ตกกระป๋องตามยัยอรไปแน่นอน’
“…..” ลิชาที่หลบอยู่ในห้องน้ำนั่งเงียบฟังบทสนทนาที่คนกลุ่มนั้นกำลังพูดถึงเธอ ได้แต่ก้มหน้ายอมรับชะตากรรม รู้ตัวดีว่าอีกไม่นานก็คงมีจุดจบเหมือนที่คนอื่นเขาพูดกัน
ใบหน้าหล่อเหลาโดดเด่น คิ้วเข้มหนารับกับดวงตาฉ่ำเยิ้ม ริมฝีปากคาบมวนบุหรี่เดินเข้ามาในร้านพร้อมลูกน้องคนสนิทที่คอยเดินประกบซ้ายขวา
การปรากฏตัวของบุรินทร์ภัทรสามารถเรียกความสนใจจากผู้คนที่อยู่แถวนั้นได้เป็นอย่างดี
“ไอ้มาร์ตินมาถึงหรือยัง” หันไปถามลูกน้องคนสนิท ‘มาร์ติน’ คือคู่ค้าคนสำคัญที่มีนัดเจรจาตกลงเรื่องธุรกิจในวันนี้
“ใกล้ถึงแล้วครับ ไม่เกินครึ่งชั่วโมง”
“ไปตามเด็กมาสักสี่คน เอามาต้อนรับลูกค้ากูด้วย”
“ได้ครับเฮียไม่มีปัญหา เดี๋ยวผมจัดการให้”
“…..”
“น้องลิชาของเฮียมาทำงานแล้ว วันนี้แต่งตัวสวยซะด้วย”
หันมองหลังจากได้ยินประโยคที่ลูกน้องรายงาน โยนมวนบุหรี่ที่เพิ่งจุดสูบทิ้งลงบนพื้น ก่อนจะใช้เท้าขยี้มันจนดับ มองเห็นคนตัวเล็กที่กำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กำลังพูดคุยกับลูกค้าภายในร้าน “ไปตามยัยเด็กนั่นมาหากูเดี๋ยวนี้”
ตึกตัก…เสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ พร้อมคนตัวเล็กที่หยุดยืนอยู่ตรงหน้า
“มาเสนอหน้าทำอะไรตรงนี้” วาดสายตามองหญิงสาวตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า ลิชาอยู่ในชุดเดรสรัดรูปเกาะอกสีแดงโชว์ผิวขาวนวลเนียน
“มาดูแลลูกค้าค่ะ”
“ใครอนุญาต?” หยัดตัวลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาอย่างเอาเรื่อง
“พี่แววให้มาค่ะ”
“มันใช่หน้าที่ของเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ เป็นแค่เด็กเสิร์ฟทำไมไม่อยู่หลังร้าน”
“…..”
“แล้วใส่ชุดบ้าอะไร”
“พี่แววให้หนูใส่แบบนี้”
“วันนี้ร้านฉันมีแต่แขกคนสำคัญ ถ้าทำอะไรผิดพลาดขึ้นมา เธอมีปัญญาชดใช้งั้นเหรอ”
“หนูทำได้ค่ะ” ลิชาบอกเสียงเบา ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นไปสบตา
“ไม่สบายหายดีแล้วหรือไง ถึงได้อวดเก่ง”
“หายแล้วค่ะ”
ร่างสูงเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหา โน้มใบหน้ากระซิบที่ข้างใบหู “อวดเก่งดีนัก…ก็ให้มันเก่งเหมือนตอนที่ใช้ปากกับฉันแล้วกัน”
หัวใจดวงน้อยเต้นแรง ใบหน้าเห่อร้อน มันทั้งรู้สึกกังวลและตื่นกลัวหลังจากได้ยินประโยคนั้น “ถ้าทำงานฉันเสียหายขึ้นมา ฉันจะไล่เธอออก!”
“.....”
“พอแล้วค่ะ หนูดื่มต่อไม่ไหว” ลิชายกมือห้าม ทำท่าทางพะอืดพะอมเมื่อลูกค้าพยายามจะยัดเยียดให้เธอดื่มเหล้าที่เหลืออยู่สติสัมปชัญญะที่หลงเหลือมีเพียงน้อยนิดหลังจากดื่มแอลกอฮอล์มึนเมาเข้าไปเป็นจำนวนมากสายตาพร่าเบลอ โลกเริ่มหมุนรอบตัวช้าลงจนยืนทรงตัวแทบไม่ไหว“อะไรกัน กินแค่นิดหน่อยก็เมาแล้วเหรอ” ลูกค้าหนุ่มรั้งเอวบางให้ขยับเข้ามาแนบชิดจนเกือบจะดึงหญิงสาวลงมานั่งตักอยู่รอมร่อ“หนูดื่มไม่เก่งค่ะ”“เอาอีกสักแก้วสิ เดี๋ยวพี่ให้ทิปสองพัน” วางฝ่ามือลงบนต้นขาขาวเนียน ลูบไล้ไปมาจนลิชาสะดุ้งอยู่หลายครั้ง โดยที่ไม่ทันสังเกตว่ามีสายตาของใครบางคนกำลังจ้องมองทุกการกระทำหญิงสาวเริ่มมีท่าทางลังเลเมื่อได้ยินข้อเสนอจากลูกค้า เงินก็อยากได้ แต่ถ้าจะให้ดื่มอีกคงไม่ไหว “หนูไม่ไหวแล้วจริงๆ”“งั้นไปต่อกับพี่มั้ย ถ้าเป็นน้องเรียกเท่าไหร่ว่ามาเลย”“หนูไม่ได้รับงานน่ะค่ะ”“คิดจะเล่นตัวเพื่ออัปราคาเหรอ”“หนูไม่ได้รับงานแบบนั้นจริงๆ ขอโทษด้วยนะคะ” ดวงตากลมโตสอดส่องไปมาด้วยความกลัว ลิชาถูกลูกค้าโอบไหล่ไว้แน่นไม่ให้ขยับหนีไปได้เคยเจอมาก็หลายคน แต่คนนี้กลับรับมือยากกว่าที่คิด“ก็บอกแล้วไงว่าถูกใจ เรียกเท่าไหร่ก็จ่าย”
ลิชาเม้มริมฝีปากแน่น หลับตาลงช้าๆ เนื้อตัวสั่นเทาเมื่อสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นเจือกลิ่นบุหรี่บางเบาที่กำลังเป่ารดลำคอฝ่ามือหนาจับปลายคางมนให้หันหน้ากลับมาสบตา ก่อนจะพ่นควันบุหรี่ใส่โพรงปากเล็กจนเธอสำลักหน้าดำหน้าแดง “แค่ก…แค่ก…”เมื่อสบจังหวะลิชาจึงรีบสูดอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่ แต่บุรินทร์ภัทรกลับหัวเราะเบาๆ คล้ายกับพอใจที่แกล้งเธอได้สำเร็จ“เฮียแฟรงก์ ชากลัว” บอกผ่านน้ำเสียงหวาดหวั่น เห็นชายหนุ่มปลดเข็มขัดหนังราคาแพงออกจากกางเกงที่สวมใส่“กลัวทำไม! ทียอมให้ไอ้เวรนั่นมันจับมันล้วงไม่เห็นว่าเธอจะกลัว” เลิกคิ้วมองคนตรงหน้าอย่างยียวน ใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มอย่างหงุดหงิดเมื่อนึกเห็นภาพที่อลิชานั่งอยู่บนตักผู้ชายคนอื่นถ้าเขายังไม่เบื่อ ใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์แตะต้องเธอ“มันคืองานของหนู”“แต่ฉันไม่ได้สั่ง แล้วเธอมีสิทธิ์อะไรไปทำแบบนั้น”“…..” ลิชาหลุบสายตามองต่ำ ไม่กล้าแม้กระทั่งหายใจออกมาแรงๆ “หนูรับปากว่าจะไม่ทำแบบนั้นอีก หนูจะเชื่อฟังเฮียทุกอย่างเลยค่ะ”บุรินทร์ภัทรผลักร่างเล็กให้แนบชิดไปกับผนังห้องเย็นเฉียบ ก่อนจะยกแขนกั้นไว้ไม่ให้เธอขยับหนี“หรือโดนเอาครั้งที่แล้วมันยังไม่สะใจ ชอบแบบไหนก็
“อืม…” เสียงหวานร้องครางเบาๆ ทันทีที่ขยับตัว ลิชาปรือตามองด้วยความงัวเงีย ก่อนจะหันไปมองบุรินทร์ภัทรที่นอนเปลือยท่อนบนอยู่ข้างกันเธอตกอยู่ในภวังค์จ้องมองชายหนุ่มอยู่นานสองนาน นิ้วเรียวลูบไปยังใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังหลับตาพริ้ม ตอนนี้เขาดูไม่มีพิษภัยเหมือนตอนตื่น“อื้อ…”ลิชารีบผละตัวถอยห่างยามที่เขาขยับตัวคล้ายกับรำคาญเมื่อมีสิ่งรบกวนเวลานอนก้าวขาลงจากเตียงด้วยความระมัดระวัง ก้มลงหยิบเสื้อผ้าที่ตกอยู่ตามพื้นห้องขึ้นมาสวมใส่ เม้มริมฝีปากกำมือแน่น มองเห็นเศษซากถุงยางอนามัยที่หล่นเกลื่อนกลาดไม่อยากนึกย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืนว่าเขาทำอะไรกับเธอไว้บ้าง“ทำอะไรแต่เช้า”คนตัวเล็กสะดุ้ง รีบหันกลับไปมองด้วยความลนลานหลังจากได้ยินเสียงเจ้าของห้องแฟรงก์เดินเข้ามาประชิดหญิงสาวจากทางด้านหลัง ร่างกายกำยำมีเพียงผ้าขนหนูที่พันรอบเอวไว้อย่างหมิ่นเหม่ เส้นผมเปียกหมาดหลังจากอาบน้ำเสร็จ“ทำงานบ้านค่ะ หนูทำเสียงดังรบกวนหรือเปล่าคะ” ลิชาถามด้วยความกังวลขณะที่กำลังยืนล้างจานอยู่ในครัว“ฉันมีแม่บ้านคอยดูแล ไม่จำเป็นต้องทำเอง”“หิวไหมคะ เช้านี้อยากกินอะไรดี”“โดนเอาทั้งคืน เธอยังมีแรงเหลืออีกอยู่อีกเหร
“เฮียจะไปไหนคะ” ลิชาได้แต่นั่งมองแผ่นหลังของบุรินทร์ภัทร ขณะที่เขากำลังยืนแต่งตัวอยู่หน้ากระจกทรงผมถูกจัดทรงรับกับใบหน้าคมคาย สวมเสื้อยืดแบรนด์เนมและกางเกงยีนตัวโปรดที่ชอบใส่อยู่เป็นประจำ“จะออกไปข้างนอก”“แล้วชาล่ะคะ”“รออยู่ที่นี่ เดี๋ยวฉันกลับมา”“ให้หนูไปด้วยได้ไหม” ลิชาพึมพำเสียงเบา ก่อนจะเดินเข้าไปเกาะแขนชายหนุ่มไว้แน่นอย่างเว้าวอน“จะไปทำไมให้เกะกะ”“หนูไม่อยากอยู่คนเดียว” วาดสายตามองไปบริเวณรอบห้องด้วยความไม่คุ้นชิน“ฉันสั่งให้รอก็ต้องรอ อย่าทำตัวมีปัญหา”“ได้ค่ะ…” คนตัวเล็กพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย ไม่ว่าเขาจะพูดหรือบอกอะไรก็เชื่อฟังไปซะทุกอย่าง“เป็นเด็กดีของฉัน แล้วเธอจะได้ทุกอย่าง”“ชาจะเป็นเด็กดีของเฮีย”ใบหน้าน้อยๆ หลับตาพริ้มยามที่ชายหนุ่มโน้มริมฝีปากลงมาประกบจูบเบาๆ อย่างนิ่มนวลสำหรับคนที่แอบรักมานานแสนนาน ได้แค่นี้ก็ดีใจมากแล้ว…-ห้างสรรพสินค้า-“พอยังไอ้หมวย เดินจนขาแทบลากแล้วนะเว้ย”หมวยเฟย์หันขวับไปมองพี่ชายที่เอาแต่ส่งเสียงบ่นงุบงิบมาตลอดทั้งทางหญิงสาวถอดแว่นกันแดดออกจากใบหน้า หรี่สายตามองอย่างนึกรำคาญ ก็แค่เดินช๊อปปิ้งไปสามชั่วโมงกว่าจะบ่นอะไรนักหนาเฮียแฟรงก์ขี
หลายวันผ่านไป-มหาวิทยาลัย-“ขอบคุณมากค่ะที่มาส่ง” ลิชาบอกเสียงเบา เหลือบสายตามองบุรินทร์ภัทรที่นั่งอยู่ทางด้านฝั่งคนขับดวงตากลมโตสอดส่องมองไปบริเวณนอกรถ มันคือหลังมหาวิทยาลัยจุดลับสายตาผู้คน“ฉันส่งแค่นี้นะ”“ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้ก็ดีมากแล้ว” เผยรอยยิ้มบาง รีบก้มเก็บสัมภาระเตรียมตัวลงจากรถ โดยมีสายตาของชายหนุ่มจ้องมองอยู่เงียบๆ“วันนี้เลิกเรียนกี่โมง”“เลิกสี่โมงเย็นค่ะ”“รีบมารอที่เดิม เดี๋ยวฉันแวะมารับ”“เฮียจะมารับชาจริงๆ เหรอคะ” ถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นปนดีใจ เธอไม่คิดว่าจะได้ยินประโยคนี้จากปากเขา“ทางผ่านพอดี”“อ่อ…ค่ะ” แต่ดีใจได้ไม่เท่าไหร่ก็เหมือนถูกฉุดรั้งให้กลับมารู้สึกดังเดิมร่างบางมองไม่เห็นหนทางที่จะทำให้บุรินทร์ภัทรหันมาชอบเธอบ้างเลย“เก็บของแล้วรีบลงไป ระวังคนเห็นด้วยล่ะ”“รู้จักหนูมันน่าอายมากเลยเหรอคะ” ถึงแม้จะรู้คำตอบอยู่แล้ว แต่หัวใจเจ้ากรรมก็ยังอยากได้ยินจากปากเขา“เหอะ!” บุรินทร์ภัทรแค่นหัวเราะในลำคอเบาๆ ไล่สายตามองคนตัวเล็กตั้งแต่หัวจรดเท้า ลิชาสวมรองเท้าผ้าใบคู่โปรด เสื้อนักศึกษาตัวโคร่ง กระโปรงอัดพลีทยาวคลุมเข่า แต่งตัวเฉิ่มเชย ใบหน้าจิ้มลิ้มไร้เครื่องสำอาง มีเพ
“ลาออกทำไม!?”“…..”“ตอบคำถามฉันด้วยอลิชา!” ทวนคำถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์หลังจากที่คนตัวเล็กเอาแต่ยืนเงียบลิชาลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก มองเห็นสายตากดดันของคนที่เพิ่งมาใหม่“หนูว่าจะลองไปสมัครงานพาร์ทไทม์แถวมหาลัยดูน่ะค่ะ มันอยู่ใกล้กับหอพักด้วย น่าจะสะดวกกว่า” คนตัวเล็กพยายามอธิบายถึงเหตุผลแต่ดูเหมือนว่าบุรินทร์ภัทรจะไม่ได้ฟังเพราะเอาแต่ยืนจ้องหน้าเธออย่างเดียว“จะได้เงินเดือนสักเท่าไหร่กันเชียว” ใบหน้าหล่อเหลากระตุกมุมปากเย้ยหยัน ยืนกอดอกใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มอย่างนึกหงุดหงิด เพราะเด็กดื้อคนนี้เริ่มจะแข็งข้อและต่อต้านเขามากขึ้น“อาจจะไม่มากเท่าอยู่กับเฮีย แต่หนูก็พออยู่ได้ค่ะ” ยอมรับว่าบุรินทร์ภัทรหยิบยื่นสิ่งของ คอยให้เงินเธอใช้แบบไม่ขาดมือ แต่มันก็ไม่ได้สำคัญเท่ากับความรู้สึกที่เขากำลังยัดเยียดให้ในตอนนี้“เธอต้องการเงินเดือนเท่าไหร่ ฉันจะให้”“…..”“สักห้าหมื่นเป็นไง หรือถ้ามันน้อยไปก็บอกมา” แค่เศษเงินไม่เท่าไหร่เขาไม่เคยคิดเสียดายมันเลยสักนิดตรงข้ามกัน!ตั้งแต่จำความได้ ยังไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าปฏิเสธเหมือนเธอคนนี้ยิ่งลิชาคิดจะปีกกล้าขาแข็งใส่ เขายิ่งอยากจะเอาชนะ“
หญิงสาวขยับพลิกตัวเล็กน้อยเมื่อสัมผัสได้ถึงสิ่งรบกวนขณะที่เธอกำลังหลับอยู่บนเตียงนอนดวงหน้าแสนหวานปรือตามองด้วยอาการงัวเงีย เห็นบุรินทร์ภัทรที่นั่งอยู่ด้านข้าง กำลังก้มหน้าก้มตาใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำเช็ดตัวให้เธอหลังจากรู้สึกตัว จึงรีบดึงผ้านวมผืนหนาขึ้นมาปกปิดร่างกายที่เปลือยเปล่า “ฮะ…เฮียจะทำอะไร”“เช็ดตัวไง”“ไม่ต้องค่ะ”“จะให้ฉันอยู่ใกล้ ทั้งๆ ที่ตัวเธอเหม็นแบบนี้น่ะเหรอ”“เดี๋ยวหนูทำเอง”“มีปัญญาลุกขึ้นมาหรือไง”ก้มหน้าเม้มริมฝีปากแน่น แค่ขยับตัวก็รู้สึกเจ็บปวดเหมือนร่างกายจะแตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ“นะ…หนูไหว” ลิชาพยายามพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง แต่กลับถูกชายหนุ่มผลักให้กลับไปนอนดังเดิม“อย่าอวดดีให้มันมาก”“…..” หลังจากเห็นสายตาของคนตรงหน้า สิ่งที่เธอทำได้คือรีบยกมือขึ้นปิดจุดอ่อนไหว“เอามือออก!”“แต่มัน…”“จะมาอายอะไร ฉันเห็นมาจนเบื่อแล้ว” แฟรงก์ชักสีหน้าหงุดหงิด ถอนหายใจหนัก ปรายหางตามองคนตัวเล็กที่นอนตัวสั่นเรือนร่างของอลิชาทุกตารางนิ้ว เขาได้เห็นทุกซอกทุกมุม สัมผัสมันมาจนนับครั้งไม่ถ้วน“ถ้าเบื่อแล้วก็เลิกทำแบบนี้กับหนูได้มั้ย”พลั่ก! ฝ่ามือสากกดลงบนลำคอของคนตัวเล็กอย่างแรงจนจม
“พวกเราตาฝาดไปหรือเปล่าวะ ถึงได้เห็นเฮียแฟรงก์ตั้งแต่หัววัน” ทันทีที่บุรินทร์ภัทรปรากฏตัว พนักงานที่อยู่บริเวณนั้นต่างพากันร้องแซวให้ความสนใจ“ปากว่างเหลือเกินนะพวกมึง” ถอดแว่นกันแดดราคาแพงออกจากใบหน้า หรี่สายตามองกลุ่มลูกน้องที่นั่งรวมหัวกันนับสิบ ตามประสาคนสนิทกัน“ว่าแต่เฮียไปอยู่ไหนมา ถึงได้หายหน้าหายตาไปเลย” แต่ก่อนก็มีแต่เฮียแฟรงก์นี่แหละที่เป็นหัวโจกคอยเป็นเจ้ามือเลี้ยงเหล้าหลังเลิกงานนั่งถอดเสื้อกอดคอกินเหล้า พยุงกันไปอ้วกก็ทำมาแล้ว แต่พักนี้ไม่รู้ว่าหายไปไหน ถึงไม่มาสุงสิงกับพวกพนักงานเหมือนอย่างเคยส่วนเฮียฟรินรายนั้นไม่ต้องถามถึง พอเลิกงานปุ๊บ รีบกลับบ้านหาเมียทันทีไม่มีออกนอกลู่นอกทาง“จะไปไหนก็เรื่องของกู พวกมึงไม่ต้องอยากรู้หรอก”“นึกว่าติดสาวจนจำทางกลับบ้านไม่ได้ซะอีก”“หน้าที่ของพวกมึงอยู่ตรงไหน รีบพากันไสหัวไปทำงานได้แล้ว” แฟรงก์บอกปัดอย่างขอไปที ไอ้พวกนี้มันชอบพูดมากน่ารำคาญ“…..”“กว่าจะโผล่หัวมาได้นะไอ้แฟรงก์ แกหายไปไหนมา”เสียงอันทรงพลังของเจ๊ป้าลินดังมาแต่ไกล แฟรงก์หันหลังกลับไปมอง เห็นผู้เป็นแม่ยืนเท้าเอวจ้องหน้าเขาอย่างเอาเรื่องถึงเจ๊ปาลินจะมีอายุปาเข้าไปเลขห
“วันนี้เฮียขอไปรับเธอที่มหาลัยได้มั้ย ขากลับค่อยแวะไปช็อปปิ้งดูหนังด้วยกัน”ได้แต่เดินตามหลังหญิงสาวอยู่ไม่ห่าง เอาแต่ยืนมองอลิชาที่กำลังสวมชุดนักศึกษาแต่งตัวอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ นานแล้วที่ไม่ค่อยมีเวลาส่วนตัวออกไปเที่ยวด้วยกัน“วันนี้ชามีนัดทำรายงานกับเพื่อนเดี๋ยวกลับเองค่ะ”“เพื่อนคนไหน ผู้หญิงหรือผู้ชาย”“ก็มีทั้งผู้หญิงแล้วก็ผู้ชาย”“ชื่ออะไร เฮียรู้จักหรือเปล่า”“จะถามอะไรนักหนา”“เพราะหวงเธอไง”“มีเรื่องจะพูดแค่นี้ใช่มั้ย ชาจะรีบไปเรียน”“อย่าลืมโทรหาเฮียด้วยนะ” สวมกอดคนตัวเล็กไว้แน่นจากทางด้านหลัง เต็มใจยอมทำตามคำสั่งเหมือนหมาที่เชื่อฟังเจ้านาย “เฮียจะรอรับโทรศัพท์จากเธอคนเดียว”“…..”“ถ้าอยากให้ไปรับก็โทรบอก เฮียจะรีบไป”“…..”“รับปากสิว่าจะไม่มีใคร ชาจะไม่มองผู้ชายคนไหนนอกจากเฮีย”“อืม…” อลิชาพยักหน้าตอบรับแบบขอไปที ก่อนจะรีบเดินออกจากห้องโดยมีบุรินทร์ภัทรที่ยืนชะเง้อคอมองตามจนลับสายตา02.00 น.ร่างสูงรีบดีดตัวลุกขึ้นจากโซฟาหลังจากเห็นอลิชาเปิดประตูกลับเข้ามาในห้องตอนช่วงดึกของวันหรี่สายตามองผ่านความมืดสลัว เธอสวมชุดนักศึกษารัดรูปโชว์เรียวขาสวย ชายเสื้อหลุดลุ่ย แถมกลิ่นแอลกอ
รถยนต์ยี่ห้อหรูตบไฟเลี้ยวเข้ามาจอดที่ลานคอนกรีตขนาดใหญ่ระหว่างทางผ่านมามีแค่เพียงบุรินทร์ภัทรที่พยายามส่งเสียงพูดคุย ส่วนอลิชาเอาแต่นั่งเงียบไม่ยอมมองหน้ากัน“เข้าไปข้างในบ้านด้วยกันมั้ย จะได้เจอพ่อกับแม่เฮียด้วย”“ไม่ดีกว่าค่ะ ปกติเฮียก็ให้ชานั่งรอบนรถอยู่แล้ว”รอยยิ้มจางๆ ที่กำลังปรากฏ ค่อยๆ เลือนหายไป บุรินทร์ภัทรหวนคิดถึงความทรงจำเมื่อครั้งก่อนเขาเคยปล่อยให้อลิชานั่งรอบนรถแบบหลบๆ ซ่อนๆ มาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่เธอก็ยังเชื่อฟังทำตามคำสั่งไม่ปริปากบ่นพอมาวันนี้ไม่อยากปิดบังอีกแล้ว อยากประกาศให้ทุกคนรู้ ว่าเธอเป็นเมียเขา!“เฮียไปเถอะค่ะ”“เดี๋ยวรีบพาลูกออกมาหา เธอจะได้ไม่ต้องรอนาน” ประคองใบหน้าแสนหวานให้เห็นมาสบตา เกิดเป็นความหวาดระแวงว่าเธอจะหนีหายไปจากกัน “ชาอย่าหายไปไหนนะ เดี๋ยวเฮียรีบมา”“อืม”ร่างบางได้แต่ถอนหายใจมองตามแผ่นหลังของชายหนุ่มที่ค่อยๆ ไกลออกไปภายในใจเหมือนมีเส้นบางๆ กั้นความรู้สึกเอาไว้ทำให้สับสนเหมือนว่าเธอเคยรักเขามาก มาตอนนี้กลับไม่ได้รู้สึกโหยหาผู้ชายคนนี้อีกแล้ว อาจจะเหลือไว้เพียงความผูกพันรอแค่วันให้มันหมดไปคนหนึ่งเริ่มจากร้อย เคยโดนทำร้ายจิตใจยิ่งนา
ตึกตัก…เสียงฝีเท้าดังขึ้นอย่างเร่งรีบ ก่อนจะหยุดอยู่ที่หน้าโกดังสต๊อกสินค้าขนาดใหญ่“เฮียแฟรงก์!” อลิชาตะเบ็งเสียงเรียกดังลั่นไปทั่วบริเวณ“ว่าไงคนสวยของเฮีย” บุรินทร์ภัทรเดินออกมาต้อนรับคนที่มาใหม่พร้อมรอยยิ้มกว้าง “มาถึงเร็วกว่าที่คิดไว้นะ”ดวงตาคู่คมจ้องมองเรือนร่างของคนตัวเล็กแบบไม่ได้ตั้งใจ เสื้อผ้าตัวบางที่เธอสวมใส่เปียกปอนไปด้วยเม็ดฝนจนแนบเนื้อเผยให้เห็นสัดส่วนอวบอั๋น“เป็นฝีมือของเฮียใช่มั้ย”“ขยับมาพูดใกล้ๆ เฮียแก่แล้วหูไม่ค่อยดี” กระดิกนิ้วเรียกคนตัวเล็กให้เข้าหาด้วยท่าทางยียวน ชอบยั่วให้เธอโมโหถือว่าเป็นความสุขทางใจอย่างหนึ่ง“ทำแบบนี้ทำไม”“พูดอะไร ไม่เห็นจะรู้เรื่อง”“ที่คิมมาบอกเลิกชา เป็นเพราะเฮียใช่มั้ย”“อย่าใส่ความกัน”“ถ้าไม่ใช่เฮียแล้วจะเป็นใคร”“จะไปรู้เหรอ อย่ามากล่าวหากันลอยๆ ไหนล่ะหลักฐาน ถ้ามีก็ช่วยงัดออกมา จะได้รู้ว่าทำอะไรผิด”“…..” ลิชาจิกเล็บลงบนต้นขาของตัวเองแน่นเมื่อไม่มีหลักฐานเอาผิดคนตรงหน้าได้“ยังไม่ทันได้ทำอะไรเลย เธอชักจะใจดำกับเฮียเกินไปแล้วนะ” ตีหน้าเศร้าบอกผ่านน้ำเสียงตัดพ้อ ก่อนจะส่งสายตาออดอ้อน แต่ลิชาไหวตัวทันรีบขยับถอยห่าง“ไม่ต้องมาเล่นละคร
-2F BAR-คิมเปิดประตูเดินเข้ามาในห้องทำงานของบุรินทร์ภัทร วาดสายตามองไปรอบบริเวณด้วยความสงสัย หลังจากโดนลูกน้องของเฮียแฟรงก์ตามไปหิ้วปีกถึงในห้องนอนจนต้องรีบมา“เฮียให้คนไปตามผมมาพบด่วน มีธุระอะไรเหรอเปล่าครับ”“นั่งก่อนสิ”“…..” หย่อนตัวนั่งลงตรงข้าม เห็นเฮียฟรินนั่งกอดอกหลบอยู่ในมุมมืดของห้อง กลิ่นฉุนของควันบุหรี่ลอยคละคลุ้งกระทบเข้าใบหน้าจนรู้สึกเสียวสันหลังบุรินทร์วัชร์เป็นคนจับตัวได้ยาก มีโอกาสน้อยนักที่จะได้เจอตัวเป็นๆ“มึงจะดื่มอะไรเย็นๆ ก่อนมั้ย” แฟรงก์เอ่ยถาม เหลือบสายตามองรุ่นน้องคนสนิท ก่อนจะใช้นิ้วเคาะลงบนโต๊ะอย่างใจเย็น“ก็ดีเหมือนกันครับ”สายตาเรียบนิ่งของคนตรงหน้า คิมไม่สามารถคาดเดาความคิดได้เลย“กูขอรบกวนเวลามึงไม่นาน แค่ห้านาที แต่ก็อาจจะมากกว่านั้นถ้าเกิดว่าเราคุยกันไม่ลงตัว”“ว่ามาเลย เฮียแฟรงก์ต้องการอะไร”“เลิกยุ่งกับเมียกูซะ!”“…..” บรรยากาศภายในห้องเงียบลง ไม่มีคำพูดใดๆ ต่อจากประโยคก่อนหน้านั้น คิมคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าคงไม่พ้นเรื่องนี้“มึงคงรู้อยู่แก่ใจว่ากูหมายถึงอะไร”“…..” ยกมือขึ้นลูบหน้าเบาๆ พ่นลมหายใจลากยาวเพื่อดึงสติ เขารู้ว่าลิชากับรุ่นพี่เคยมีความสัมพ
“เดี๋ยวเฮียไปส่ง ขึ้นรถสิ”อลิชาเงยหน้าขึ้นมอง ขณะกำลังนั่งร้องไห้อยู่ที่ป้ายรถเมล์ ยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตาแบบลวกๆ รีบสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมไม่ยอมให้เขาสัมผัสตัว“ไม่ต้องมาจับ ไม่ต้องมาแตะตัวชา”“บอกว่าจะไปส่ง” ย่อตัวนั่งลงตรงหน้าคนตัวเล็ก เขาตั้งใจตามมาง้อโดยไม่แคร์สายตาคนอื่น“เฮียจะตามชามาอีกทำไม สิ่งที่ทำไปยังไม่พอใจอีกเหรอ”“ไม่พอ ถ้าเป็นชาเท่าไหร่ก็ไม่เคยพอ”“ตอนนี้ชาโคตรขยะแขยงเฮียเลยรู้ตัวบ้างมั้ย”“…..” ดึงมือของเธอเข้ามาจูบซ้ำๆ ทำเหมือนไม่ได้สนใจในสิ่งที่เธอพูด“คิดว่าทำแบบนี้แล้วชาจะยอมกลับไปหาเฮียเหรอ”“แล้วทำยังไงเธอถึงจะยอมกลับมา”“ไปตายซะ! ไอ้คนเฮงซวย” ผลักไหล่ชายหนุ่มอย่างแรงจนกระเด็นถอยห่าง คว้ากระเป๋าสะพายแล้วรีบเดินหนีออกมา แม้แต่หน้าเขาก็ไม่อยากเห็น“รอก่อนอลิชา”“ไปให้พ้น จะไปตายที่ไหนก็ไป”เดินเข้าไปขวางหน้า พยายามดึงคนตัวเล็กเข้ามากอดไว้ในอ้อมแขน ยิ่งเธอดิ้นหนี ยิ่งกอดแน่นขึ้นยิ่งเห็นน้ำตายิ่งรู้สึกเกลียดตัวเอง“เฮียไม่ปล่อยให้เธอกลับบ้านคนเดียวแน่ มันอันตราย”“เฮียแม่งโคตรอันตรายกว่าทุกอย่างบนโลกนี้ ชาไม่กลัวอะไรแล้ว”“ไม่กลัวโดนข่มขืนหรือไง ไปขึ้นรถ”“ยังจะต้
-มหาวิทยาลัย-“วันหยุดนี้ว่างมั้ย คิมว่าจะชวนไปงานวันเกิด”“มะ…เมื่อกี้คิมพูดว่าไงนะ” หันไปมองตามเสียงของแฟนหนุ่ม หลังจากที่นั่งเผลอใจลอยคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย“คิมบอกว่าจะชวนชาไปงานวันเกิด”“จริงด้วย ใกล้จะถึงวันเกิดของคิมแล้ว”“ชาลืมเหรอ”“ขอโทษนะ ช่วงนี้มีเรื่องให้คิดเยอะเลย” อลิชารู้สึกผิดที่หลงลืมวันสำคัญของคิมไป เธออยากบอกถึงความสัมพันธ์ที่เคยผ่านมาแต่ติดตรงที่ใจยังไม่กล้าพอ“ไม่โกรธหรอก เรื่องแค่นี้เอง”“แล้วเฮียแฟรงก์ไปด้วยมั้ย” โพล่งถามโดยไม่ทันยั้งคิด พวกเขาค่อนข้างสนิทกัน เลยเกิดเป็นความกังวลใจถ้าต้องกลับเจอบุรินทร์ภัทรอีกครั้ง“ไม่ได้ไป เห็นบอกว่าติดคุยงานกับลูกค้าที่ต่างจังหวัด”“…..” ร่างบางถอนหายใจเบาๆ ด้วยความโล่งอก พยายามทำสีหน้าให้เป็นปกติเมื่อเห็นสายตาของแฟนหนุ่มที่มองมา“ชาไปกับคิมนะ จะได้แนะนำให้เพื่อนๆ รู้จักด้วย แค่กินข้าวด้วยกันนิดหน่อย เป็นงานเล็กๆ ชวนแต่คนสนิท ไม่วุ่นวายหรอก”“ไปก็ได้ แต่ขอชวนคะนิ้งไปด้วยได้มั้ย”“ได้สิ ไปหลายคนสนุกดี ชาจะได้มีเพื่อน จะได้ไม่เหงา”“ขอบคุณนะ”“เพื่อนชาก็เหมือนเพื่อนคิมนั่นแหละ ไม่ต้องคิดมาก”“…..”“อย่าลืมแต่งตัวสวยๆ รอเลยนะ คิ
“ทำไมถึงมาต้องการชาตอนนี้เหรอคะ” ถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง หันมองคนนั่งข้างที่กำลังแสดงความกระวนกระวายใจนักหนาเธอเคยอ้อนวอนขอความรักจากผู้ชายคนนี้ ยอมให้เขาทุกอย่างจนตัวเองดูน่าสมเพช แต่สุดท้ายบุรินทร์ภัทรก็มองเห็นเธอเป็นแค่ของตายไร้ค่าในสายตาจะไม่ยอมกลับไปเป็นแบบนั้นอีกแล้ว เพราะรู้ดีว่าการโดนเหยียบย่ำหัวใจมันเจ็บแค่ไหน“ตอนที่ชารักคุณ ต้องการคุณ โหยหาความรักจากคุณ แล้วตอนนั้นคุณไปอยู่ที่ไหน”“…..”“หรือคุณคิดว่าจะทำยังไงกับชาก็ได้?”“เฮียเป็นคนผิดเอง ผิดแม่งทุกอย่างเลย”ลิชาเคยรักเขามาก มากจนคิดเข้าข้างตัวเองว่าเธอจะไม่มีวันไปไหนได้เพิ่งจะรู้ตัวว่าทำพลาดไปก็ต่อเมื่อไม่มีเธออยู่แล้ว“ให้ได้แค่คำขอโทษ มีให้แค่นี้เองเหรอคะ”“แล้วจะให้เฮียทำยังไงก็บอกมา”“ก็ทำเหมือนที่เคยทำมาตลอด ทำเหมือนว่าชาไม่มีตัวตนในชีวิตของคุณ”“ไอ้คำพูดห่างเหินพวกนั้น ช่วยเลิกใช้มันสักที” แววตาที่เคยมองเขาด้วยความอ่อนโยน มาตอนนี้มันดูว่างเปล่า ไร้เยื่อใย มองไม่เห็นแม้กระทั่งเศษความรักที่หลงเหลืออยู่ “เพราะไอ้เหี้ยนั่นใช่มั้ย เธอถึงกล้าทิ้งเฮียไปหามัน”“ต่อให้ไม่มีคิม ชาก็คงไม่กลับไปหาคุณอยู่ดี”“ไม่จริง! เธอรัก
-ร้านมินิมาร์ท-“ลิชา แกเช็กสต๊อกให้ฉันหรือยัง”อลิชาเงยหน้าขึ้นมองขณะที่กำลังจัดของอยู่หลังเคาน์เตอร์ เธอและคะนิ้งมาสมัครทำงานพาร์ทไทม์อยู่ที่ร้านมินิมาร์ทเล็กๆ ใกล้หอพัก“เรียบร้อยแล้ว”“ขอบคุณมากนะ ถ้าไม่มีแกฉันคงลำบากแน่เลย”“ไม่เป็นไร เรื่องเล็กน้อยถือว่าช่วยกัน” เพราะคะนิ้งมีอาการป่วยเลยวานให้เธอช่วยทำงานแทน“เลิกงานแล้วไปกินข้าวด้วยกันนะ เดี๋ยววันนี้ฉันเป็นเจ้ามือให้เองถือว่าเป็นการตอบแทนที่แกช่วยฉันทำงานไง” เดินเข้าไปกอดคอเพื่อนรัก ตั้งแต่ลิชาแยกตัวออกไปมีแฟน ก็แทบจะไม่ค่อยได้ไปไหนมาไหนด้วยกัน ส่วนฟ้าใสก็ยังคงทำงานอยู่ที่บาร์ของบุรินทร์ภัทรเหมือนเดิม นานทีปีหนถึงจะแวะมาให้เห็นหน้า“วันนี้เรามีนัดไปเดินตลาดกับคิมแล้ว”“ช่วงนี้ติดแฟนเหรอ เห็นมารับมาส่งกันทุกวันเลย”“คิมชอบชวนไปเที่ยว คะนิ้งไปด้วยกันมั้ย”“ไม่ดีกว่า ฉันไม่อยากไปเป็นก้างขวางคอของพวกแกทั้งสองคน”“อย่าคิดแบบนั้นสิ เราว่าไปหลายคนสนุกดีนะ”“เอาไว้คราวหน้าแล้วกัน ว่าแต่ไอ้คิมมันดูแลแกดีมั้ย” อดเป็นห่วงเพื่อนสนิทไม่ได้ เดี๋ยวนี้ลิชาของเธอธรรมดาที่ไหน หันมาดูแลตัวเองจนได้ดิบได้ดี ขยับขึ้นมาเป็นตัวท็อปของมหาลัย ขนาดมีแฟนอ
ราวกับโลกหยุดหมุนไปชั่วขณะเมื่อมองเห็นบุคคลที่ไม่คาดคิด อยากเดินหนีออกไปให้พ้นๆ แต่ทำได้เพียงยืนสบตานิ่งมือเล็กกำสายกระเป๋าสะพายไว้แน่น หัวใจของเธอเต้นแรง เมื่อเผชิญหน้ากับบุรินทร์ภัทรตัวเป็นๆ ในรอบสามเดือน“ทำไมถึงไม่มาหาหนูบ้างเลย” เสียงของสดใสของดาวศุกร์ช่วยดึงสติให้ตื่นจากภวังค์ ลิชาก้มลงมองเด็กหญิงที่วิ่งเข้ามากอดแสดงความคิดถึงจนออกนอกหน้านอกตา “พี่ลิชาไม่คิดถึงศุกร์เหรอ”“ช่วงนี้พี่ติดเรียนค่ะ”“ว่าแล้วพี่ลิชาต้องไม่ว่างมาหาหนูแน่เลย” ได้ยินแค่นี้ก็ดีใจมากนึกว่าพี่สาวคนสวยจะลืมเธอไปแล้วเสียอีก“…..” ใบหน้าแสนหวานเผยรอยยิ้มอ่อนโยน เผลอยกมือลูบศีรษะของเด็กน้อยด้วยความเอ็นดู“พี่ลิชามาเที่ยวกับใครคะ”“พี่แวะมาทำธุระน่ะค่ะ”“วันนี้หนูมากับป๊านะ” ดาวศุกร์ยิ้มร่าชี้ไม้ชี้มือบอกยกใหญ่ เพราะไม่เห็นพี่ลิชาเดินเข้าไปทักป๊าแฟรงก์บ้างเลย“พี่ต้องไปแล้ว เอาไว้ถ้ามีเวลาว่างเราค่อยเจอกันนะคะ”“อย่าเพิ่งไปได้มั้ยคะ อยู่กับหนูก่อน”ลิชามองเด็กน้อยด้วยความรู้สึกที่สงสารจับใจ อยากกอด อยากเล่นด้วยกันเหมือนที่เคยทำ “พี่ต้องไปแล้ว”“ไม่คิดจะทักทายกันหน่อยเหรอ” เสียงคุ้นเคยดังขึ้นตามหลัง ขณะที่เธอกำ