-2F BRA-
ร่างสูงคมคายพ่นควันบุหรี่ออกทางจมูกและริมฝีปากจนลอยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ คิ้วหนาขมวดเข้าหากันจนสีหน้าดูเคร่งเครียด มือซ้ายยกโทรศัพท์แนบหู ส่วนมืออีกข้างคอยชี้นิ้วสั่งพนักงานในร้าน
‘แฟรงก์ บุรินทร์ภัทร’ หนุ่มหล่อวัย28ปี ดีกรีเจ้าของคลับชื่อดังมากกว่า5สาขาทั่วกรุงเทพอยู่ในชุดลำลองสวมเสื้อยืดคอกลมสีดำ กางเกงยีนขายาวขาดเข่าสีซีด
ทรงผมมัลเล็ตสีควันบุหรี่ถูกจัดทรงให้เป๊ะทุกกระเบียดนิ้ว ส่วนข้อมือสวมใส่นาฬิกาแบรนด์ดังราคาหลักหลายล้านที่ขโมยน้องชายฝาแฝดมา
ใบหน้าราวกับเทพเจ้าปั้นคิ้วเข้มหนารับกับดวงตาเฉี่ยวคม ทำให้ดูโดดเด่นกลายเป็นจุดสนใจของผู้คนที่อยู่แถวนั้นได้ไม่ยาก
‘จะโทรจิกอะไรนักหนา บอกว่าทำงานอยู่พูดไม่รู้เรื่องหรือไง’
‘น่ารำคาญชะมัด แค่นี้แหละ’
ติ๊ด…ชายหนุ่มรีบกดตัดสายทิ้งด้วยความหงุดหงิด เธอคือผู้หญิงที่เข้ามาติดพันในช่วงระยะเวลาสั้นๆ
“หงุดหงิดกับสาวคนไหนอีกล่ะเฮีย” ลูกน้องคนสนิทเอ่ยแซวผู้เป็นเจ้านายด้วยความสนิทสนม
เฮียแฟรงก์ของเขาเรียกว่าหล่อสะบัด ฐานะก็ดี หน้าตาก็หล่อเหลาเต็มพิกัด ทำให้มีสาวสวยมาติดพันมากมาย
“มึงจำยัยวิกกี้ได้มั้ย” แค่นึกเห็นหน้าก็ปวดหัว นอกจากเรื่องบนเตียงก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรที่เข้ากันได้
“จำได้ครับ คนนี้เฮียเพิ่งคบได้ไม่นานเองไม่ใช่เหรอ”
“คบห่าอะไร กูแค่หลอกเอา” แฟรงก์ถอนหายใจหนัก ยกมือขึ้นนวดขมับเบาๆ วิกกี้เป็นลูกคุณหนู เรียนจบปริญญาจากเมืองนอก ก็แค่เอาไว้ควงเล่นๆ ไม่ได้คิดจริงจัง “วันๆ ไม่ทำอะไรเอาแต่เดินตามกูต้อยๆ น่ารำคาญชะมัดเลย”
“ยังไม่ชินอีกเหรอเฮีย”
“ถ้าเธอมาตามหากูที่นี่อย่าให้เข้ามาในร้านเด็ดขาด ถ้าเกิดว่ามึงปล่อยให้เธอเข้ามาได้กูนี่แหละจะไล่มึงออก”
“รับทราบครับเฮีย”
ชายหนุ่มออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงจริงจัง ก่อนจะบังเอิญหันไปสบตากับใครบางคนที่ยืนแอบมองเขาอยู่ในมุมมืด
“ลิชา!”
“…..” เจ้าของชื่อสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ รีบหันไปมองยังคนที่มาใหม่
‘อลิชา เดชาพงศ์’ หรือเรียกสั้นๆ ว่าลิชา อายุ20ปี เป็นผู้หญิงหน้าตาธรรมดาที่ไม่ได้ดูโดดเด่น แต่งกายเข้าขั้นว่าเฉิ่มเชย มัดผมรวบยาวเป็นหางม้า สวมแว่นสายตาใส่เสื้อพนักงานและกางเกงสุภาพสีดำ
“มายืนทำอะไรตรงนี้”
“เราเอาของมาเก็บน่ะ”
“เสร็จแล้วก็รีบไปทำงานต่อ วันนี้ลูกค้าเยอะมาก” ฟ้าใสเป็นคนหน้าตาดีแต่งตัวเก่ง รู้จักเข้าสังคมและคบกับลิชาเป็นเพื่อนสนิทกันมานานหลายปี “แกมัวแต่ยืนมองอะไร”
“ปะ…เปล่าสักหน่อย”
“ฉันเห็นนะ ว่าแกแอบมองเฮียแฟรงก์”
พอถูกจับได้ถึงกลับรีบส่ายหน้าปฏิเสธ ลิชาแอบชอบเจ้านายมาแรมปี รู้ตัวว่าไม่มีวันเป็นไปได้ เธอและเขาอยู่ต่างกันเกินไป เลยได้แต่เฝ้ามองแอบชอบเขาไปวันๆ
“ไม่ใช่…ไม่ได้มองสักหน่อย”
“ฉันรู้ว่าแกน่ะชอบเฮียแฟรงก์” ฟ้าใสหรี่สายตามองเพื่อนรักอย่างจับผิด ลิชาชอบคนเดียวที่ไหน เธอเองก็ชอบเฮียแฟรงก์เหมือนกัน ทั้งหล่อทั้งรวยขนาดนั้นใครไม่ชอบก็แปลกแล้ว
“ปะ…เปล่า”
“ไม่ชอบก็ดีแล้ว ส่องกระจกดูสภาพตัวเองด้วย ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ถึงแกจะชอบให้ตายยังไงเฮียแฟรงก์ก็ไม่มีวันสนใจแกหรอก ตัดใจเถอะ”
“อืม เรารู้ตัวเองดี”
“…..”
“ลูกค้าร้านมึงแน่นขนาดนี้ แบบนี้ก็รวยตายเลยดิ” ไคโรวาดสายตามองไปบริเวณโดยรอบของร้าน
ธุรกิจของเพื่อนรักกำลังไปได้ดี ไอ้แฟรงก์มันถึงได้หายหน้าไม่โผล่หัวมาให้เห็น จนเขาต้องมาดูให้เห็นกับตาว่ามันยังมีชีวิตอยู่หรือตายห่าไปแล้ว
“ขอรวยอย่างเดียวพอ ส่วนเรื่องตายกูยกให้มึง” แฟรงก์บอกปัดอย่างนึกรำคาญ ไม่ได้รู้สึกดีใจเลยสักนิดที่พวกมันมาหา
“ปากมึงนี่ยังหมาเหมือนเดิมเลยนะ”
“กูจะถือว่าเป็นคำชม”
“สาวร้านมึงคนไหนเด็ด ไปเรียกมาให้กูหน่อย” ไคโรหันไปกระซิบถามก่อนจะยกยิ้มมองหน้ากันอย่างรู้ใจ
“ถามแบบนี้ดีกว่าว่าคนไหนยังไม่เสร็จมันบ้าง” เจย์เดนพูดอย่างรู้ทัน ตัวท็อปเด็ดๆ ของร้านไม่น่าจะหลุดจากมือไอ้แฟรงก์ไปได้ “ว่างๆ ก็ไปตรวจโรคบ้างนะ เดี๋ยวนี้จะเป็นเอดส์ตายไปซะก่อน”
“ขอให้พ่อมึงเป็นก่อนกูก็แล้วกัน ได้ข่าวว่ายังแอบแม่มึงไปลงอ่างอยู่เลยนิ”
เจย์เดนฟึดฟัดเพราะรู้ว่าสู้มันไม่ไหว ไอ้แฟรงก์มันปากหมาเกินไป เถียงกลับไปมีแต่จะโดนมันด่ากลับมา “หยอกแค่นี้ทำเป็นโมโห”
“ประตูอยู่ทางนั้น ถ้าพวกมึงจะมาเพื่อกวนส้นตีน เชิญไสหัวออกไปครับ”
“ใจเย็นเพื่อนรัก พวกกูคิดถึงมึงเลยแวะมาหา” ไคโรโผกอดคอเพื่อนชายไว้แน่น อุตส่าห์ขับรถมาตั้งไกล ยังไงวันนี้ต้องได้เมาหัวทิ่ม
“…..”
“น้อง! น้อง!” ลิชาหยุดชะงัก ก่อนจะหันกลับไปมองยังโต๊ะลูกค้าสาวสวยโซนวีไอพี เธอไม่มีตำแหน่งตายตัว บางวันก็ไปเป็นเด็กเสิร์ฟ บางวันก็ช่วยงานหลังร้าน แล้วแต่จะได้รับคำสั่งจากหัวหน้างาน
“เรียกหนูเหรอคะ?”
“เรียกน้องนั่นแหละ”
“มีอะไรให้รับใช้หรือเปล่าคะ”
“ไปขอเบอร์เจ้าของร้านให้หน่อยสิ คนที่หล่อๆ นั่งอยู่โต๊ะนั้นอ่ะ” ชี้ไปทางแฟรงก์ที่นั่งถัดไปไม่ไกล
เรียกว่าออร่าความหล่อกระแทกเข้าตาของพวกเธอเต็มๆ แถมชื่อเสียงของเจ้าของร้านยังการันตีว่าเด็ดจนอยากลองด้วยตัวเอง
“คะ?” ลิชาเอียงหูฟังเผื่อบางทีอาจจะได้ยินผิดไป
“พี่บอกว่าไปขอเบอร์เจ้าของร้านให้หน่อย”
“เอ่อ…”
“เดี๋ยวพี่ให้ทิป”
ยังไม่ทันได้ตอบตกลง เงินแบงก์พันถูกยัดเยียดใส่มือแบบงงๆ จะปฏิเสธก็ไม่ได้ เพราะมันมากกว่าค่าแรงของเธอทั้งวันเสียอีก
“ใช้อะไรก็ไปทำสิ มัวยืนงงอะไร”
ลิชารวบรวมความกล้าเดินเข้าไปหากลุ่มของชายหนุ่มที่นั่งอยู่เสียงเพลงที่ดังกระหึ่มจนแสบแก้วหู ยังไม่เท่าเสียงหัวใจของเธอที่กำลังเต้นแรงในตอนนี้
“เฮียแฟรงก์คะ”
“…..”
“เฮียแฟรงก์!”
สายตาของคนที่นั่งอยู่ในโต๊ะต่างจับจ้องมองมาทางเธอแบบพร้อมเพรียงกัน แฟรงก์ค่อยๆ หันกลับไปมอง ก่อนจะไล่สายตาสำรวจคนที่มาใหม่ตั้งแต่หัวจรดเท้า
เธอสวมชุดพนักงาน ที่หน้าอกข้างซ้ายมีป้ายชื่อว่า ‘ลิชา’
“มีอะไร?”
“ลูกค้าโต๊ะนั้นให้มาขอเบอร์เฮียค่ะ”
“มาพูดใกล้ๆ จะเอาอะไร”
“…..” ลิชาเดินเข้าไปใกล้อย่างระมัดระวังก่อนจะนั่งคุกเข่าลงบนพื้น ส่วนเจ้านายของเธอนั่งอยู่บนโซฟา
หัวใจดวงน้อยเต้นแรง ริมฝีปากบางแห้งผากเมื่อชายหนุ่มโน้มตัวลงมากระซิบถามข้างใบหู จนสัมผัสได้ถึงกลิ่นน้ำหอมประจำตัว “ฉันถามว่าจะเอาอะไร?”
“ละ…ลูกค้าให้หนูมาขอเบอร์เฮียค่ะ”
“ไม่ให้ ไปบอกพวกนั้นว่าฉันมีเมียแล้ว”
คนตัวเล็กกำมือแน่น รู้สึกจุกอยู่ที่ลำคอ แม้จะไม่ได้คาดหวัง แต่ภายในใจลึกๆ ยังคงรู้สึก ได้แค่ฝืนยิ้มอย่างใสซื่อไม่ได้ตอบกลับอะไร
“ช่วยดิลยัยนี่ให้หน่อย กูจะเอา” ไคโรสะกิดบอกเพื่อนชายก่อนจะยกยิ้มมุมปากยียวน
“คนอื่นก็มี ทำไมต้องคนนี้” แฟรงก์หันขวับไปกระซิบถามต่อ หลังจากได้ยินประโยคนั้น
“กูชอบนะ ดูซื่อดี น่าจะไม่ค่อยเป็นงาน”
“เอาคนอื่นดิ เดี๋ยวกูจัดการให้”
“ก็กูจะเอาคนนี้”
“มึงพูดไม่รู้เรื่องหรือไง กูบอกว่าใครก็ได้ที่ไม่ใช่คนนี้” ตบหัวเพื่อนชายอย่างแรงจนหัวทิ่มด้วยความหงุดหงิด
“เอ้า! ไอ้เวรนี่ มึงจะเก็บไว้แดกเองหรือไง”
แฟรงก์เบือนหน้าหันหนีเลือกที่จะสงบคำไม่ต่อล้อต่อเถียง มองไปทางคนตัวเล็กที่นั่งทำตาใสไม่รู้เรื่องราว “รกหูรกตา อย่ามานั่งทำตัวเกะกะแถวนี้ จะไปไหนก็ไป”
-หลังเลิกงาน-“ยัยลิชา!”เสียงของ ‘คะนิ้ง’ ช่วยปลุกให้ลิชาตื่นจากภวังค์ ก่อนจะยกมือขึ้นลูบหน้าเพื่อเรียกสติตัวเอง“มีอะไร”“คิดถึงพ่อหนุ่มแบดบอยคนนั้นอยู่เหรอ”“ไม่ใช่สักหน่อย”“แกน่ะโกหกไม่เนียนเลยนะชา” เพราะลิชามัวแต่นั่งเหม่อลอยอยู่นานสองนาน เขี่ยข้าวในจานไปมาไม่ยอมกินมันสักทีเธอรู้มาตั้งแต่แรกว่าเพื่อนสนิทแอบชอบพ่อหนุ่มเพลย์บอยหล่อรวยเจ้าของคลับ ชื่อเสียงเรียงนามของบุรินทร์ภัทรก็ไม่ใช่เล่นๆ เรียกได้เต็มปากว่าเขาน่ะเสือตัวพ่อ“เฮ้อ~” ลิชาถอนหายใจหนักครั้งแล้วครั้งเล่า ซบใบหน้าลงบนโต๊ะด้วยความห่อเหี่ยว“ถ้าชอบขนาดนั้น ทำไมถึงไม่ลองไปสารภาพรักกับเขาดูล่ะ”“จะบ้าเหรอคะนิ้ง ฉันไม่กล้า” เรียกว่าอกหักได้ตั้งแต่ยังไม่เริ่ม เธอมันก็แค่ผู้หญิงหน้าตาบ้านๆ ธรรมดา ต่างจากสาวสวยที่เจ้านายเคยควงเป็นไหนๆไหนจะเน็ตไอดอล ดารา พริตตี้ นางแบบ แค่คิดก็หมดหวังสิ้นหนทาง“แล้วมีอะไรต้องกลัว”“เฮียแฟรงก์เป็นใคร แล้วฉันเป็นใคร มันไม่สมควรหรอกคะนิ้ง” เพราะเจียมเนื้อเจียมตัวมาโดยตลอดตลอด ทุกวันนี้แค่ได้แอบมองไปวันๆ ก็มีความสุขแล้ว“ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลยนะ อย่างน้อยแกก็ยังได้พูดสิ่งที่อยู่ในใจ”“…..”“ถ้าผ
-มหาวิทยาลัย-“เป็นอะไรฟ้าใส” เสียงหวานของคะนิ้งเอ่ยถาม พักนี้ฟ้าใสชอบนั่งเหม่อลอย ทำตัวลับๆ ล่อๆ มีลับลมคมในแถมยังสวยขึ้นผิดหูผิดตา“ปะ…เปล่า” คนถูกถามรีบดึงสติกลับมา พยายามทำสีหน้าให้เป็นปกติก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธ“พักนี้แกเป็นอะไร มีความลับอะไรบอกมา”“ไม่มีอะไรหรอก เครียดเรื่องเรียนนิดหน่อย”“ฉันได้ข่าวจากยัยชา มันบอกว่าแกมีแฟนแล้วเหรอ มีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่” คะนิ้งหรี่สายตามองเพื่อนสาวอย่างจับผิด เหลือบสายตาเห็นกระเป๋าแบรนด์เนมใบใหม่ที่วางอยู่ข้างกัน“แกเอาเรื่องฉันไปบอกคนอื่นเหรอลิชา” หันไปถามลิชาด้วยท่าทางโวยวายยกใหญ่จนคนตัวเล็กใบหน้าถอดสี“ฉันไม่ใช่คนอื่น แล้วแกจะไปหงุดหงิดใส่ชาทำไม เป็นบ้าหรือไง”ฟ้าใสยกแขนขึ้นกอดอกพร้อมทำท่าทางฟึดฟัด พักนี้ไม่ว่าลิชาจะทำอะไรก็ดูเหมือนว่าจะขัดหูขัดตาเธอไปเสียหมด“ไปรวยอะไรมา แกเปลี่ยนกระเป๋าอีกแล้วเหรอ”“เป็นยังไง สวยใช่ปะ”“ใบละตั้งเป็นแสน แกไปเอาเงินมาจากไหน” ฐานะทางบ้านของฟ้าใสไม่ได้ร่ำรวย แต่กลับมีของแบรนด์เนมราคาแพงใช้ไม่ขาดมือ“ฉันก็มีงานของฉัน ได้เงินดีแถมไม่ต้องใช้แรงอะไรมากมาย”“…..” ลิชารีบหันไปมองเพื่อนสาวอย่างให้ความสนใจ เธอเป็นลูกชาว
-โรงเรียนนานาชาติ-“ป๊า…” ดาวศุกร์ที่อยู่ในชุดยูนิฟอร์มกระโปรงลายสก็อต รีบวิ่งเข้ามากอดป๊าของเธอไว้แน่นด้วยความดีใจหน้าที่รับส่งเด็กหญิงไปโรงเรียนในทุกๆ วันเลยตกเป็นของบุรินทร์ภัทรไปโดยปริยาย“แต่งตัวซะหล่อเชียวนะ จะพาลูกไปเที่ยวไหน” ดาวศุกร์ยืนเท้าเอวหรี่สายตามองคนตรงหน้าอย่างจับผิด ปกติก็หล่ออยู่แล้ว แต่วันนี้ป๊าแฟรงก์ดูหล่อกว่าทุกวัน“มารับศุกร์นั่นแหละ”“วันนี้จุ๊บลูกหรือยัง”“ศุกร์นั่นแหละมาจุ๊บป๊าก่อน”ร่างสูงย่อตัวนั่งลงให้อยู่ในระดับเดียวกับหลานสาว ก่อนจะเอียงแก้มให้หอมเหมือนทุกวัน“คุณครูคนนั้นต้องชอบป๊าแน่เลย ศุกร์เห็นเขาชอบแอบมองป๊าอยู่บ่อยๆ”“…..” แฟรงก์ไม่ได้ตอบคำถามของหลานสาว ยกยิ้มมุมปากทักทายคุณครูอนุบาลคนสวยที่เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันมาก่อนแต่มันก็เป็นแค่ระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายตีตัวออกห่างขอจบความสัมพันธ์“วันนี้ศุกร์อยากกินติม พาไปกินติมหน่อยได้มั้ย”“กินทุกวันไม่เบื่อหรือไง”“เมื่อวานกินช็อกโกแลต แต่วันนี้จะกินวานิลลา”“ตามใจ แต่ห้ามบอกไอ้แว่นนะ เดี๋ยวเราสองคนจะโดนดุ”“ศุกร์รู้งาน ไม่บอกอยู่แล้ว คิคิ” เด็กน้อยยกมือขึ้นปิดปากหัวเราะชอบใจอย่างมีจริต ก่
นับหนึ่ง…นับสอง…นับสามนิ้วเรียวเคาะลงบนโต๊ะทำงานอย่างใจเย็น บุรินทร์ภัทรมองจ้องไปยังประตูห้องทำงานแต่กลับไร้วี่แววผ่านไปหลายวันที่ยื่นข้อเสนอให้ลิชา แต่ก็ยังไม่มีสัญญาณตอบรับทำให้เขารู้สึกหัวเสียไม่น้อยแกร๊ก…บานประตูห้องทำงานถูกเปิดออกอีกครั้ง ร่างสูงรีบดีดตัวลุกขึ้นยืน ก่อนจะถอนหายใจลากยาวอย่างไม่สบอารมณ์ เมื่อเห็นว่าคนที่มาใหม่เป็นลูกน้องคนสนิทไม่ใช่คนที่คิดไว้“เฮียให้ผมมาพบด่วนมีธุระอะไรหรือเปล่าครับ”“วันนี้ลิชามาทำงานหรือเปล่า”“น้องมาตั้งนานแล้วครับ”“แล้วทำไมยังไม่ขึ้นมาหากูอีก”“เฮียนัดน้องไว้หรือเปล่าครับ”“เปล่า ไม่ได้นัด ช่างเถอะ แต่อีกเดี๋ยวก็คงมา”ลูกน้องคนสนิทยกมือเกาหัวด้วยความงงงวย ร้อยวันพันปีเจ้านายไม่เคยถามหา ถ้าไม่ได้มีธุระด่วนหรือเรื่องคอขาดบาดตาย “เอ่อ…ว่าแต่เฮียถามหาลิชาทำไม”“กูเป็นเจ้านายแค่ถามหาลูกน้องไม่ได้หรือไง”“ผมถามแค่นี้ก็ต้องหงุดหงิดด้วย”“มึงจะไปไหนก็ไป เห็นแล้วหงุดหงิดฉิบหายเลย” โบกมือไล่ลูกน้องยกใหญ่ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็รู้สึกขัดหูขัดตาไปทั้งหมด“ลิชา…ชื่อคุ้นๆ” ไคโรที่นั่งสังเกตการณ์อยู่นานเอ่ยถามด้วยความสงสัย เขารู้สึกคลับคล้ายคลับคลาเหมือนไ
-2F BAR-“ผู้หญิงคนนั้นคือใคร ทำไมถึงมากับเฮียได้”“คงจะเป็นเด็กใหม่ของเฮียนั่นแหละ เห็นบอกว่าคนนี้เป็นดาราด้วย”“สวยมาก เหมาะสมกับเฮียสุดๆ”บทสนทนาและเสียงซุบซิบของพนักงานคนอื่นดังขึ้น ลิชาได้แต่ยืนฟังแบบเงียบๆ ทอดสายตามองตามแผ่นหลังของเจ้านายที่เพิ่งเดินผ่านหน้าไปบุรินทร์ภัทรควงสาวสวยคนใหม่ โดยไม่ชายตาแลมองเธอเลยสักนิดร่างเล็กก้มลงมองสภาพของตัวเองด้วยหัวใจห่อเหี่ยว ทั้งๆ ที่เป็นคนปฏิเสธข้อเสนอแต่กลับรู้สึกเจ็บเสียเอง“เป็นอะไรลิชา ทำไมช่วงนี้แกดูซึมๆ” หัวหน้าแผนกเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง ใบหน้าของลิชาซีดเซียวไร้เครื่องสำอาง มีเพียงแว่นตากรอบหนาที่สวมใส่ถึงแม้จะแต่งตัวมิดชิดแต่ก็พอให้เห็นสัดส่วนอยู่บ้าง ช่วงนี้เธอเอาแต่เก็บตัวเงียบไม่ค่อยสุงสิงกับใคร“ปะ…เปล่าค่ะ”“ทำหน้าเหมือนคนอกหัก แกไปแอบมีแฟนตั้งแต่ตอนไหน”“ไม่ใช่สักหน่อย”“วันนี้ยัยอรไม่มา ชาช่วยไปดูโซนวีไอพีแทนมันด้วยนะ”“ได้ค่ะ” คนตัวเล็กตอบรับอย่างไม่เรื่องมาก เพราะปกติเธอจะออกไปรับแขก อยู่หลังร้านหรือไม่ก็วิ่งวุ่นอยู่ในครัวเสียส่วนใหญ่“วันนี้เฮียมีแขกคนสำคัญ พี่ฝากชาดูแลด้วยนะ”“ได้ค่ะ…พี่ไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวชาดูแลลูกค้
“ลิชา…” คนตัวเล็กหันมองตามเสียงเรียก ก่อนจะเห็นว่าเป็นหัวหน้างานเดินเข้ามาหาด้วยท่าทางรีบร้อน“พี่มีอะไรหรือเปล่าคะ”“เฮียตามให้ไปพบด่วน”“แต่ชาดูแลแขกตรงนี้อยู่ ยังไม่ว่างเลยค่ะ”“เดี๋ยวพี่หาคนมาทำแทนเอง”“…..” คิ้วเรียวขมวดปมเข้าหากันด้วยความสงสัย เกิดเป็นคำถามในใจว่าเธอทำอะไรผิด เจ้านายถึงได้เรียกพบด่วนขนาดนี้“รีบไปเถอะน่า อยากโดนไล่ออกหรือไง” ไม่ใช่แค่ลิชาที่จะโดนไล่ออก แต่เธอเองก็คงโดนด้วยเหมือนกันถ้าเกิดว่าลิชาไม่ยอมไปตามคำสั่ง“…..” ร่างเล็กส่ายหน้าปฏิเสธ ถ้าโดนไล่ออกจากงานกลางคันคงแบบนี้ต้องลำบากมากแน่ๆ ไหนจะค่าเทอม ค่าหอที่ต้องรับผิดชอบตัวเองหัวหน้าแผนกหันซ้ายมองขวา ก่อนจะโน้มใบหน้ากระซิบที่ข้างหู แล้วยัดบางสิ่งบางอย่างใส่มือของหญิงสาว “พกติดตัวไปด้วย เผื่อจำเป็นต้องใช้”“เอ่อ…” ลิชาเบิกตากว้างมองเห็นถุงยางอนามัยที่เพิ่งได้มา ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนตรงหน้าต้องการจะสื่ออะไร“มัวยืนงงอยู่นั่นแหละ รีบไปหาเฮียสิ เดี๋ยวก็ได้ซวยกันหมดหรอก”“ค่ะ…หนูจะรีบไปเดี๋ยวนี้”ตึกตัก…เสียงฝีเท้าดังกระทบกับพื้นกระเบื้องตามจังหวะก้าวเดิน ก่อนที่ร่างเล็กจะหยุดยืนที่หน้าห้องทำงานของเจ้านายแกร๊ก…บานป
คนตัวเล็กถูกอุ้มให้ขึ้นมานั่งบนโต๊ะทำงาน ก่อนที่บุรินทร์ภัทรจะถือวิสาสะแทรกตัวเข้าไปยืนตรงกลางหว่างขาสองขาเรียวหุบเข้าหาเอวสอบไว้แน่นตามสัญชาตญาณ เนื้อตัวสั่นเทาอย่างหนักขณะที่ชายหนุ่มโน้มใบหน้าลงมาซุกไซ้ที่ลำคอ สูดดมกลิ่นกายราวกับหื่นกระหาย“เฮียแฟรงก์…ชากลัว”“กลัวอะไร”“หนูยังไม่เคย…”“กำลังจะทำให้เคยอยู่นี่ไง”เพราะอลิชาคือเป้าหมายตั้งแต่แรก คนอย่างเขาถ้าคิดจะเอาก็ต้องได้ ไม่มีทางยอมปล่อยให้เธอหลุดมือไปได้ง่ายๆ“มันจะไม่เป็นอะไรใช่มั้ยคะ” ถามเสียงอ่อนลง จ้องมองใบหน้าคมคายด้วยความกังวล เริ่มเกิดเป็นความกดดันว่าสิ่งที่กำลังทำมันผิดหรือถูก“ไม่ต้องกินยา เดี๋ยวฉันป้องกันเอง”“หนูเปลี่ยนใจไม่อยากทำแล้ว”“ฉันไม่อนุญาตให้เธอเปลี่ยนใจ”ผลักหญิงสาวให้นอนราบลงบนโต๊ะทำงาน ก่อนจะโน้มตัวลงไปคร่อมเธอไว้ไม่ให้ดิ้นหนีปลายนิ้วเรียวกระหวัดกางเกงชั้นในให้ลงมากองอยู่ที่ข้อเท้า ใช้ฝ่ามือลูบไล้ไปตามกลีบดอกไม้งามที่มีขนอ่อนปกคลุมอยู่รำไรใบหน้าหล่อเหลายกยิ้มมุมปากด้วยความพอใจ ใช้สายตาแทะโลมมองคนตรงหน้าอย่างไม่ปิดบังแฟรงก์เลื่อนมือไปปลดขอบราเซียออกให้พ้นจากเรือนร่างบอบบาง ทำให้ผิวขาวนวลเนียนและเนินอกอ
“แกหายไปไหนมาทั้งคืน”“…..” ลิชาสะดุ้งเฮือกหลังจากได้ยินเสียงของฟ้าใสดังขึ้นจากทางด้านหลัง ขณะที่เธอกำลังเดินเข้ามาในตัวอาคารของหอพักอพาร์ทเม้นท์ฟ้าใสไล่สายตามองเพื่อนสาวตั้งแต่หัวจรดเท้า ลิชาขาดการติดต่อหายไปตลอดทั้งคืนแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “ฉันโทรหาก็ปิดเครื่อง รู้ไหมว่าทำให้คนอื่นเขาวุ่นวายกันไปหมด”“ขอตัวไปพักก่อนนะ เหมือนจะไม่สบายน่ะ”“ตอบมาก่อนว่าแกหายไปไหนมาทั้งคืน” คว้าข้อมือของลิชาไว้แน่นเพื่อไม่ให้เดินหนี มองเห็นใบหน้าซูบเซียวและรอยฟกช้ำที่ติดอยู่ตามลำตัว“เอาไว้ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ เดี๋ยวเราจะเล่าให้ฟังนะ”“แกหายไปกับเฮียแฟรงก์มาใช่ไหม”“ปะ…เปล่า” คนตัวเล็กรีบใส่หน้าปฏิเสธ เธอยังจำคำพูดของเขาได้ดีว่าไม่ให้บอกเรื่องนี้กับใคร“อย่ามาโกหก…เฮียแฟรงก์เรียกแกไปทำอะไร”“…..”“สภาพแบบนี้ คงโดนมาหลายคนเลยใช่มั้ย”“ฟ้าหมายถึงอะไร” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย เอียงคอถามเพราะไม่เข้าใจในสิ่งที่ฟ้าใสพูดเลยสักนิด“ไม่ต้องทำเป็นใสซื่อ บอกฉันมาว่าแกได้กับใครมาบ้าง” เพราะคิดว่าลิชาคงเหมือนผู้หญิงคนอื่นของเจ้านาย ถ้าแขกในร้านจ่ายหนัก บุรินทร์ภัทรจะส่งให้ไปเอนเตอร์เทนลูกค้าแบบส่วนตัว “ถ
“วันนี้เฮียขอไปรับเธอที่มหาลัยได้มั้ย ขากลับค่อยแวะไปช็อปปิ้งดูหนังด้วยกัน”ได้แต่เดินตามหลังหญิงสาวอยู่ไม่ห่าง เอาแต่ยืนมองอลิชาที่กำลังสวมชุดนักศึกษาแต่งตัวอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ นานแล้วที่ไม่ค่อยมีเวลาส่วนตัวออกไปเที่ยวด้วยกัน“วันนี้ชามีนัดทำรายงานกับเพื่อนเดี๋ยวกลับเองค่ะ”“เพื่อนคนไหน ผู้หญิงหรือผู้ชาย”“ก็มีทั้งผู้หญิงแล้วก็ผู้ชาย”“ชื่ออะไร เฮียรู้จักหรือเปล่า”“จะถามอะไรนักหนา”“เพราะหวงเธอไง”“มีเรื่องจะพูดแค่นี้ใช่มั้ย ชาจะรีบไปเรียน”“อย่าลืมโทรหาเฮียด้วยนะ” สวมกอดคนตัวเล็กไว้แน่นจากทางด้านหลัง เต็มใจยอมทำตามคำสั่งเหมือนหมาที่เชื่อฟังเจ้านาย “เฮียจะรอรับโทรศัพท์จากเธอคนเดียว”“…..”“ถ้าอยากให้ไปรับก็โทรบอก เฮียจะรีบไป”“…..”“รับปากสิว่าจะไม่มีใคร ชาจะไม่มองผู้ชายคนไหนนอกจากเฮีย”“อืม…” อลิชาพยักหน้าตอบรับแบบขอไปที ก่อนจะรีบเดินออกจากห้องโดยมีบุรินทร์ภัทรที่ยืนชะเง้อคอมองตามจนลับสายตา02.00 น.ร่างสูงรีบดีดตัวลุกขึ้นจากโซฟาหลังจากเห็นอลิชาเปิดประตูกลับเข้ามาในห้องตอนช่วงดึกของวันหรี่สายตามองผ่านความมืดสลัว เธอสวมชุดนักศึกษารัดรูปโชว์เรียวขาสวย ชายเสื้อหลุดลุ่ย แถมกลิ่นแอลกอ
รถยนต์ยี่ห้อหรูตบไฟเลี้ยวเข้ามาจอดที่ลานคอนกรีตขนาดใหญ่ระหว่างทางผ่านมามีแค่เพียงบุรินทร์ภัทรที่พยายามส่งเสียงพูดคุย ส่วนอลิชาเอาแต่นั่งเงียบไม่ยอมมองหน้ากัน“เข้าไปข้างในบ้านด้วยกันมั้ย จะได้เจอพ่อกับแม่เฮียด้วย”“ไม่ดีกว่าค่ะ ปกติเฮียก็ให้ชานั่งรอบนรถอยู่แล้ว”รอยยิ้มจางๆ ที่กำลังปรากฏ ค่อยๆ เลือนหายไป บุรินทร์ภัทรหวนคิดถึงความทรงจำเมื่อครั้งก่อนเขาเคยปล่อยให้อลิชานั่งรอบนรถแบบหลบๆ ซ่อนๆ มาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่เธอก็ยังเชื่อฟังทำตามคำสั่งไม่ปริปากบ่นพอมาวันนี้ไม่อยากปิดบังอีกแล้ว อยากประกาศให้ทุกคนรู้ ว่าเธอเป็นเมียเขา!“เฮียไปเถอะค่ะ”“เดี๋ยวรีบพาลูกออกมาหา เธอจะได้ไม่ต้องรอนาน” ประคองใบหน้าแสนหวานให้เห็นมาสบตา เกิดเป็นความหวาดระแวงว่าเธอจะหนีหายไปจากกัน “ชาอย่าหายไปไหนนะ เดี๋ยวเฮียรีบมา”“อืม”ร่างบางได้แต่ถอนหายใจมองตามแผ่นหลังของชายหนุ่มที่ค่อยๆ ไกลออกไปภายในใจเหมือนมีเส้นบางๆ กั้นความรู้สึกเอาไว้ทำให้สับสนเหมือนว่าเธอเคยรักเขามาก มาตอนนี้กลับไม่ได้รู้สึกโหยหาผู้ชายคนนี้อีกแล้ว อาจจะเหลือไว้เพียงความผูกพันรอแค่วันให้มันหมดไปคนหนึ่งเริ่มจากร้อย เคยโดนทำร้ายจิตใจยิ่งนา
ตึกตัก…เสียงฝีเท้าดังขึ้นอย่างเร่งรีบ ก่อนจะหยุดอยู่ที่หน้าโกดังสต๊อกสินค้าขนาดใหญ่“เฮียแฟรงก์!” อลิชาตะเบ็งเสียงเรียกดังลั่นไปทั่วบริเวณ“ว่าไงคนสวยของเฮีย” บุรินทร์ภัทรเดินออกมาต้อนรับคนที่มาใหม่พร้อมรอยยิ้มกว้าง “มาถึงเร็วกว่าที่คิดไว้นะ”ดวงตาคู่คมจ้องมองเรือนร่างของคนตัวเล็กแบบไม่ได้ตั้งใจ เสื้อผ้าตัวบางที่เธอสวมใส่เปียกปอนไปด้วยเม็ดฝนจนแนบเนื้อเผยให้เห็นสัดส่วนอวบอั๋น“เป็นฝีมือของเฮียใช่มั้ย”“ขยับมาพูดใกล้ๆ เฮียแก่แล้วหูไม่ค่อยดี” กระดิกนิ้วเรียกคนตัวเล็กให้เข้าหาด้วยท่าทางยียวน ชอบยั่วให้เธอโมโหถือว่าเป็นความสุขทางใจอย่างหนึ่ง“ทำแบบนี้ทำไม”“พูดอะไร ไม่เห็นจะรู้เรื่อง”“ที่คิมมาบอกเลิกชา เป็นเพราะเฮียใช่มั้ย”“อย่าใส่ความกัน”“ถ้าไม่ใช่เฮียแล้วจะเป็นใคร”“จะไปรู้เหรอ อย่ามากล่าวหากันลอยๆ ไหนล่ะหลักฐาน ถ้ามีก็ช่วยงัดออกมา จะได้รู้ว่าทำอะไรผิด”“…..” ลิชาจิกเล็บลงบนต้นขาของตัวเองแน่นเมื่อไม่มีหลักฐานเอาผิดคนตรงหน้าได้“ยังไม่ทันได้ทำอะไรเลย เธอชักจะใจดำกับเฮียเกินไปแล้วนะ” ตีหน้าเศร้าบอกผ่านน้ำเสียงตัดพ้อ ก่อนจะส่งสายตาออดอ้อน แต่ลิชาไหวตัวทันรีบขยับถอยห่าง“ไม่ต้องมาเล่นละคร
-2F BAR-คิมเปิดประตูเดินเข้ามาในห้องทำงานของบุรินทร์ภัทร วาดสายตามองไปรอบบริเวณด้วยความสงสัย หลังจากโดนลูกน้องของเฮียแฟรงก์ตามไปหิ้วปีกถึงในห้องนอนจนต้องรีบมา“เฮียให้คนไปตามผมมาพบด่วน มีธุระอะไรเหรอเปล่าครับ”“นั่งก่อนสิ”“…..” หย่อนตัวนั่งลงตรงข้าม เห็นเฮียฟรินนั่งกอดอกหลบอยู่ในมุมมืดของห้อง กลิ่นฉุนของควันบุหรี่ลอยคละคลุ้งกระทบเข้าใบหน้าจนรู้สึกเสียวสันหลังบุรินทร์วัชร์เป็นคนจับตัวได้ยาก มีโอกาสน้อยนักที่จะได้เจอตัวเป็นๆ“มึงจะดื่มอะไรเย็นๆ ก่อนมั้ย” แฟรงก์เอ่ยถาม เหลือบสายตามองรุ่นน้องคนสนิท ก่อนจะใช้นิ้วเคาะลงบนโต๊ะอย่างใจเย็น“ก็ดีเหมือนกันครับ”สายตาเรียบนิ่งของคนตรงหน้า คิมไม่สามารถคาดเดาความคิดได้เลย“กูขอรบกวนเวลามึงไม่นาน แค่ห้านาที แต่ก็อาจจะมากกว่านั้นถ้าเกิดว่าเราคุยกันไม่ลงตัว”“ว่ามาเลย เฮียแฟรงก์ต้องการอะไร”“เลิกยุ่งกับเมียกูซะ!”“…..” บรรยากาศภายในห้องเงียบลง ไม่มีคำพูดใดๆ ต่อจากประโยคก่อนหน้านั้น คิมคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าคงไม่พ้นเรื่องนี้“มึงคงรู้อยู่แก่ใจว่ากูหมายถึงอะไร”“…..” ยกมือขึ้นลูบหน้าเบาๆ พ่นลมหายใจลากยาวเพื่อดึงสติ เขารู้ว่าลิชากับรุ่นพี่เคยมีความสัมพ
“เดี๋ยวเฮียไปส่ง ขึ้นรถสิ”อลิชาเงยหน้าขึ้นมอง ขณะกำลังนั่งร้องไห้อยู่ที่ป้ายรถเมล์ ยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตาแบบลวกๆ รีบสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมไม่ยอมให้เขาสัมผัสตัว“ไม่ต้องมาจับ ไม่ต้องมาแตะตัวชา”“บอกว่าจะไปส่ง” ย่อตัวนั่งลงตรงหน้าคนตัวเล็ก เขาตั้งใจตามมาง้อโดยไม่แคร์สายตาคนอื่น“เฮียจะตามชามาอีกทำไม สิ่งที่ทำไปยังไม่พอใจอีกเหรอ”“ไม่พอ ถ้าเป็นชาเท่าไหร่ก็ไม่เคยพอ”“ตอนนี้ชาโคตรขยะแขยงเฮียเลยรู้ตัวบ้างมั้ย”“…..” ดึงมือของเธอเข้ามาจูบซ้ำๆ ทำเหมือนไม่ได้สนใจในสิ่งที่เธอพูด“คิดว่าทำแบบนี้แล้วชาจะยอมกลับไปหาเฮียเหรอ”“แล้วทำยังไงเธอถึงจะยอมกลับมา”“ไปตายซะ! ไอ้คนเฮงซวย” ผลักไหล่ชายหนุ่มอย่างแรงจนกระเด็นถอยห่าง คว้ากระเป๋าสะพายแล้วรีบเดินหนีออกมา แม้แต่หน้าเขาก็ไม่อยากเห็น“รอก่อนอลิชา”“ไปให้พ้น จะไปตายที่ไหนก็ไป”เดินเข้าไปขวางหน้า พยายามดึงคนตัวเล็กเข้ามากอดไว้ในอ้อมแขน ยิ่งเธอดิ้นหนี ยิ่งกอดแน่นขึ้นยิ่งเห็นน้ำตายิ่งรู้สึกเกลียดตัวเอง“เฮียไม่ปล่อยให้เธอกลับบ้านคนเดียวแน่ มันอันตราย”“เฮียแม่งโคตรอันตรายกว่าทุกอย่างบนโลกนี้ ชาไม่กลัวอะไรแล้ว”“ไม่กลัวโดนข่มขืนหรือไง ไปขึ้นรถ”“ยังจะต้
-มหาวิทยาลัย-“วันหยุดนี้ว่างมั้ย คิมว่าจะชวนไปงานวันเกิด”“มะ…เมื่อกี้คิมพูดว่าไงนะ” หันไปมองตามเสียงของแฟนหนุ่ม หลังจากที่นั่งเผลอใจลอยคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย“คิมบอกว่าจะชวนชาไปงานวันเกิด”“จริงด้วย ใกล้จะถึงวันเกิดของคิมแล้ว”“ชาลืมเหรอ”“ขอโทษนะ ช่วงนี้มีเรื่องให้คิดเยอะเลย” อลิชารู้สึกผิดที่หลงลืมวันสำคัญของคิมไป เธออยากบอกถึงความสัมพันธ์ที่เคยผ่านมาแต่ติดตรงที่ใจยังไม่กล้าพอ“ไม่โกรธหรอก เรื่องแค่นี้เอง”“แล้วเฮียแฟรงก์ไปด้วยมั้ย” โพล่งถามโดยไม่ทันยั้งคิด พวกเขาค่อนข้างสนิทกัน เลยเกิดเป็นความกังวลใจถ้าต้องกลับเจอบุรินทร์ภัทรอีกครั้ง“ไม่ได้ไป เห็นบอกว่าติดคุยงานกับลูกค้าที่ต่างจังหวัด”“…..” ร่างบางถอนหายใจเบาๆ ด้วยความโล่งอก พยายามทำสีหน้าให้เป็นปกติเมื่อเห็นสายตาของแฟนหนุ่มที่มองมา“ชาไปกับคิมนะ จะได้แนะนำให้เพื่อนๆ รู้จักด้วย แค่กินข้าวด้วยกันนิดหน่อย เป็นงานเล็กๆ ชวนแต่คนสนิท ไม่วุ่นวายหรอก”“ไปก็ได้ แต่ขอชวนคะนิ้งไปด้วยได้มั้ย”“ได้สิ ไปหลายคนสนุกดี ชาจะได้มีเพื่อน จะได้ไม่เหงา”“ขอบคุณนะ”“เพื่อนชาก็เหมือนเพื่อนคิมนั่นแหละ ไม่ต้องคิดมาก”“…..”“อย่าลืมแต่งตัวสวยๆ รอเลยนะ คิ
“ทำไมถึงมาต้องการชาตอนนี้เหรอคะ” ถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง หันมองคนนั่งข้างที่กำลังแสดงความกระวนกระวายใจนักหนาเธอเคยอ้อนวอนขอความรักจากผู้ชายคนนี้ ยอมให้เขาทุกอย่างจนตัวเองดูน่าสมเพช แต่สุดท้ายบุรินทร์ภัทรก็มองเห็นเธอเป็นแค่ของตายไร้ค่าในสายตาจะไม่ยอมกลับไปเป็นแบบนั้นอีกแล้ว เพราะรู้ดีว่าการโดนเหยียบย่ำหัวใจมันเจ็บแค่ไหน“ตอนที่ชารักคุณ ต้องการคุณ โหยหาความรักจากคุณ แล้วตอนนั้นคุณไปอยู่ที่ไหน”“…..”“หรือคุณคิดว่าจะทำยังไงกับชาก็ได้?”“เฮียเป็นคนผิดเอง ผิดแม่งทุกอย่างเลย”ลิชาเคยรักเขามาก มากจนคิดเข้าข้างตัวเองว่าเธอจะไม่มีวันไปไหนได้เพิ่งจะรู้ตัวว่าทำพลาดไปก็ต่อเมื่อไม่มีเธออยู่แล้ว“ให้ได้แค่คำขอโทษ มีให้แค่นี้เองเหรอคะ”“แล้วจะให้เฮียทำยังไงก็บอกมา”“ก็ทำเหมือนที่เคยทำมาตลอด ทำเหมือนว่าชาไม่มีตัวตนในชีวิตของคุณ”“ไอ้คำพูดห่างเหินพวกนั้น ช่วยเลิกใช้มันสักที” แววตาที่เคยมองเขาด้วยความอ่อนโยน มาตอนนี้มันดูว่างเปล่า ไร้เยื่อใย มองไม่เห็นแม้กระทั่งเศษความรักที่หลงเหลืออยู่ “เพราะไอ้เหี้ยนั่นใช่มั้ย เธอถึงกล้าทิ้งเฮียไปหามัน”“ต่อให้ไม่มีคิม ชาก็คงไม่กลับไปหาคุณอยู่ดี”“ไม่จริง! เธอรัก
-ร้านมินิมาร์ท-“ลิชา แกเช็กสต๊อกให้ฉันหรือยัง”อลิชาเงยหน้าขึ้นมองขณะที่กำลังจัดของอยู่หลังเคาน์เตอร์ เธอและคะนิ้งมาสมัครทำงานพาร์ทไทม์อยู่ที่ร้านมินิมาร์ทเล็กๆ ใกล้หอพัก“เรียบร้อยแล้ว”“ขอบคุณมากนะ ถ้าไม่มีแกฉันคงลำบากแน่เลย”“ไม่เป็นไร เรื่องเล็กน้อยถือว่าช่วยกัน” เพราะคะนิ้งมีอาการป่วยเลยวานให้เธอช่วยทำงานแทน“เลิกงานแล้วไปกินข้าวด้วยกันนะ เดี๋ยววันนี้ฉันเป็นเจ้ามือให้เองถือว่าเป็นการตอบแทนที่แกช่วยฉันทำงานไง” เดินเข้าไปกอดคอเพื่อนรัก ตั้งแต่ลิชาแยกตัวออกไปมีแฟน ก็แทบจะไม่ค่อยได้ไปไหนมาไหนด้วยกัน ส่วนฟ้าใสก็ยังคงทำงานอยู่ที่บาร์ของบุรินทร์ภัทรเหมือนเดิม นานทีปีหนถึงจะแวะมาให้เห็นหน้า“วันนี้เรามีนัดไปเดินตลาดกับคิมแล้ว”“ช่วงนี้ติดแฟนเหรอ เห็นมารับมาส่งกันทุกวันเลย”“คิมชอบชวนไปเที่ยว คะนิ้งไปด้วยกันมั้ย”“ไม่ดีกว่า ฉันไม่อยากไปเป็นก้างขวางคอของพวกแกทั้งสองคน”“อย่าคิดแบบนั้นสิ เราว่าไปหลายคนสนุกดีนะ”“เอาไว้คราวหน้าแล้วกัน ว่าแต่ไอ้คิมมันดูแลแกดีมั้ย” อดเป็นห่วงเพื่อนสนิทไม่ได้ เดี๋ยวนี้ลิชาของเธอธรรมดาที่ไหน หันมาดูแลตัวเองจนได้ดิบได้ดี ขยับขึ้นมาเป็นตัวท็อปของมหาลัย ขนาดมีแฟนอ
ราวกับโลกหยุดหมุนไปชั่วขณะเมื่อมองเห็นบุคคลที่ไม่คาดคิด อยากเดินหนีออกไปให้พ้นๆ แต่ทำได้เพียงยืนสบตานิ่งมือเล็กกำสายกระเป๋าสะพายไว้แน่น หัวใจของเธอเต้นแรง เมื่อเผชิญหน้ากับบุรินทร์ภัทรตัวเป็นๆ ในรอบสามเดือน“ทำไมถึงไม่มาหาหนูบ้างเลย” เสียงของสดใสของดาวศุกร์ช่วยดึงสติให้ตื่นจากภวังค์ ลิชาก้มลงมองเด็กหญิงที่วิ่งเข้ามากอดแสดงความคิดถึงจนออกนอกหน้านอกตา “พี่ลิชาไม่คิดถึงศุกร์เหรอ”“ช่วงนี้พี่ติดเรียนค่ะ”“ว่าแล้วพี่ลิชาต้องไม่ว่างมาหาหนูแน่เลย” ได้ยินแค่นี้ก็ดีใจมากนึกว่าพี่สาวคนสวยจะลืมเธอไปแล้วเสียอีก“…..” ใบหน้าแสนหวานเผยรอยยิ้มอ่อนโยน เผลอยกมือลูบศีรษะของเด็กน้อยด้วยความเอ็นดู“พี่ลิชามาเที่ยวกับใครคะ”“พี่แวะมาทำธุระน่ะค่ะ”“วันนี้หนูมากับป๊านะ” ดาวศุกร์ยิ้มร่าชี้ไม้ชี้มือบอกยกใหญ่ เพราะไม่เห็นพี่ลิชาเดินเข้าไปทักป๊าแฟรงก์บ้างเลย“พี่ต้องไปแล้ว เอาไว้ถ้ามีเวลาว่างเราค่อยเจอกันนะคะ”“อย่าเพิ่งไปได้มั้ยคะ อยู่กับหนูก่อน”ลิชามองเด็กน้อยด้วยความรู้สึกที่สงสารจับใจ อยากกอด อยากเล่นด้วยกันเหมือนที่เคยทำ “พี่ต้องไปแล้ว”“ไม่คิดจะทักทายกันหน่อยเหรอ” เสียงคุ้นเคยดังขึ้นตามหลัง ขณะที่เธอกำ