-มหาวิทยาลัย-
“เป็นอะไรฟ้าใส” เสียงหวานของคะนิ้งเอ่ยถาม พักนี้ฟ้าใสชอบนั่งเหม่อลอย ทำตัวลับๆ ล่อๆ มีลับลมคมในแถมยังสวยขึ้นผิดหูผิดตา
“ปะ…เปล่า” คนถูกถามรีบดึงสติกลับมา พยายามทำสีหน้าให้เป็นปกติก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธ
“พักนี้แกเป็นอะไร มีความลับอะไรบอกมา”
“ไม่มีอะไรหรอก เครียดเรื่องเรียนนิดหน่อย”
“ฉันได้ข่าวจากยัยชา มันบอกว่าแกมีแฟนแล้วเหรอ มีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่” คะนิ้งหรี่สายตามองเพื่อนสาวอย่างจับผิด เหลือบสายตาเห็นกระเป๋าแบรนด์เนมใบใหม่ที่วางอยู่ข้างกัน
“แกเอาเรื่องฉันไปบอกคนอื่นเหรอลิชา” หันไปถามลิชาด้วยท่าทางโวยวายยกใหญ่จนคนตัวเล็กใบหน้าถอดสี
“ฉันไม่ใช่คนอื่น แล้วแกจะไปหงุดหงิดใส่ชาทำไม เป็นบ้าหรือไง”
ฟ้าใสยกแขนขึ้นกอดอกพร้อมทำท่าทางฟึดฟัด พักนี้ไม่ว่าลิชาจะทำอะไรก็ดูเหมือนว่าจะขัดหูขัดตาเธอไปเสียหมด
“ไปรวยอะไรมา แกเปลี่ยนกระเป๋าอีกแล้วเหรอ”
“เป็นยังไง สวยใช่ปะ”
“ใบละตั้งเป็นแสน แกไปเอาเงินมาจากไหน” ฐานะทางบ้านของฟ้าใสไม่ได้ร่ำรวย แต่กลับมีของแบรนด์เนมราคาแพงใช้ไม่ขาดมือ
“ฉันก็มีงานของฉัน ได้เงินดีแถมไม่ต้องใช้แรงอะไรมากมาย”
“…..” ลิชารีบหันไปมองเพื่อนสาวอย่างให้ความสนใจ เธอเป็นลูกชาวสวนฐานะทางบ้านไม่ได้ร่ำรวย แต่มีสมองอันหลักแหลมจึงทำให้สอบได้ทุนของมหาวิทยาลัยชื่อดังได้
ตอนเช้ามาเรียนเหมือนนักศึกษาทั่วไป พอหัวค่ำหลังเลิกเรียนก็ต้องไปทำงานที่ร้านของบุรินทร์ภัทร
“สนใจมั้ยลิชา เดี๋ยวฉันติดต่อให้ ซื่อๆ แบบแก ฝึกแป๊บเดียวก็เก่งแล้ว” เพราะลิชามันโง่เกินไป ไม่ว่าเธอจะพูดหรือบอกอะไรก็เชื่อทั้งนั้น
“ฟ้าหมายถึงงานอะไร”
“ก็…” พูดไม่ทันจบเสียงของคะนิ้งก็ดังแทรกขึ้นมาซะก่อน
“นั่นมันเจ้านายแกใช่มั้ย”
“เฮียแฟรงก์!” ฟ้าใสชะเง้อคอมองตามด้วยสายตาแพรวพราวหลังจากที่เห็นเจ้านายเดินลงจากรถสปอร์ตคันหรู
ความสูงโดดเด่น ใบหน้าเข้าขั้นหล่อเหลาไร้ที่ติ ทำให้นักศึกษาที่อยู่แถวนั้นต่างให้ความสนใจ
“แล้วมาทำอะไรที่มหาลัยเรา”
“คงมารับแฟน” ลิชาได้แต่นั่งมองเหตุการณ์แบบเงียบๆ ก่อนจะเห็นนักศึกษาสาวสวยอีกคนเดินตามหลังเจ้านายออกไป
เสียงฝีเท้าหนักของใครบางคนเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้า ลิชาละสายตาจากหนังสือ เงยหน้าขึ้นมองบุคคลที่มาใหม่
“เลิกเรียนแล้วใช่มั้ย ไปขึ้นรถสิ เดี๋ยวฉันไปส่ง”
“หมายถึงหนูเหรอคะ” หัวใจดวงน้อยเต้นแรงเมื่อเห็นบุรินทร์ภัทรยืนใกล้ในระยะประชิด จนสัมผัสได้ถึงกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ประจำตัว
“ฉันรู้จักแค่เธอ ถ้าไม่ได้หมายถึงเธอแล้วจะหมายถึงใคร”
“…..”
“รีบไปขึ้นรถ มัวชักช้าอยู่ทำไม”
“ไม่เป็นไรค่ะหนูกลับเองได้” เหลือบสายตามองไปยังฟ้าใสที่ทำหน้าไม่สบอารมณ์ เป็นเพราะไม่อยากมีปัญหากับเพื่อน เลยเลือกที่จะปฏิเสธ
“บ้านเธออยู่ทางผ่านฉันพอดี คงไม่ได้ลำบากอะไรมากมาย”
“หนูกลับเองได้จริงๆ ค่ะ พอดีมี…”
“ฉันให้เวลาเก็บของห้านาที จะไปรอที่รถรีบตามมา”
“…..”
-บนรถ-
บรรยายภายในรถเงียบเหงา ไม่มีบทสนทนาใดๆ ต่อจากนั้น มีเพียงเสียงของเครื่องยนต์ที่กำลังทำงานอยู่ เพราะไม่มีตัวเลือกลิชาจึงต้องตกอยู่ในสถานการณ์จำยอมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“แฟนเฮียน่ารักจังเลยนะคะ” ร่างเล็กพูดขึ้นเพื่อทำลายบรรยากาศที่แสนอึดอัด ลิชารู้สึกเหมือนมีสายตาของแฟรงก์คอยมองอยู่ตลอดเวลา
“อะไรของเธอ” ชายหนุ่มหันไปมองหญิงสาวที่นั่งอยู่เบาะด้านข้าง ขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัย
“ผู้หญิงที่มากับเฮียน่ะค่ะ น่ารักดี”
“ไม่ใช่แฟน ไม่ใช่เมีย เป็นแค่คู่นอนน่ะรู้จักมั้ย”
“อ่อ…ค่ะ”
“น้ำแตกแยกทางเข้าใจยากตรงไหน”
“แล้วเฮียไม่คิดที่จะมีแฟนบ้างเหรอคะ”
“เป็นแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว ฉันไม่ชอบผูกมัดกับใคร”
“…..” คนตัวเล็กคลี่ยิ้มบางๆ เผลอนั่งจ้องใบหน้าคมคายแบบไม่รู้ตัว พอรู้ว่าคนที่ชอบยังไม่มีใครหัวใจที่ห่อเหี่ยวก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
“แล้วเธอล่ะ มีแฟนหรือยัง?”
“ไม่มีหรอกค่ะ หนูไม่เคยมี”
“หมายถึงไม่เคยมีแฟนมาก่อนเลยใช่มั้ย”
“…..” ลิชาพยักหน้า ถ้าเขาอยู่ใกล้กว่านี้อีกนิดคงจะได้ยินเสียงหัวใจเต้นของเธอเป็นแน่
“แล้วมีคนที่ชอบอยู่บ้างหรือเปล่า”
“ชาแอบชอบผู้ชายคนหนึ่ง…คงได้แค่แอบชอบน่ะค่ะ เราอยู่ห่างกันเกินไป”
“หมายถึงฉัน?”
“…..” ดวงตากลมโตล่อกแล่กไปมา เม็ดเหงื่อเริ่มผุดขึ้นตามกรอบหน้าพร้อมความประหม่า ไม่รู้ตัวมาก่อนว่าเผลอไปทำอะไรให้เจ้านายรู้ตัว
“ใช่ฉันหรือเปล่า”
“ฮะ…เฮียรู้ด้วยเหรอคะ”
“ก็หน้าเธอมันฟ้องทุกอย่างหมดแล้ว”
แฟรงก์ยกยิ้มมุมปาก เลื่อนใบหน้าเข้าใกล้จนปลายจมูกเกือบจะสัมผัสกันอยู่รอมร่อ
“ฮะ…เฮียแฟรงก์…” รีบยกมือสองข้างที่สั่นเทาดันใบหน้าคมคายให้ถอยห่าง
“ทำไม กลัวฉันจูบเหรอ”
“ปะ…เปล่าค่ะ ชาไม่ได้คิดแบบนั้น”
“ฉันแค่จะรัดเข็มขัดให้”
ลิชาถอนหายใจลากยาวไม่ขยับ ยอมนั่งนิ่งให้เจ้านายคาดเข็มขัดนิรภัยแต่โดยดี “ฉันขอแวะรับลูกที่โรงเรียนแป๊บนึง เธอคงไม่มีปัญหาอะไรใช่มั้ย”
“เฮียมีลูกแล้วเหรอคะ”
“มีแล้ว”
“…..” ลิชายิ้มฝืนบางให้หลังจากได้ยิน ความหวังที่เคยริบหรี่มาตอนนี้ดับมืดสนิทมองไม่เห็นหนทาง “หนูได้ยินฟ้าใสบอกมาว่าเฮียมีงานพิเศษให้ทำด้วยเหรอคะ”
“ถามทำไม”
“ช่วงนี้หนูกำลังหางานพิเศษเพิ่มเลยถามดูค่ะ”
“แล้วเพื่อนเธอได้บอกหรือเปล่าว่างานอะไร”
“ไม่ได้บอกค่ะ แต่ฟ้าใสบอกว่าได้เงินดี เป็นงานสบายไม่ต้องใช้แรงเยอะ”
“…..”
“หนูสนใจอยากลองทำดูค่ะ”
“มันไม่เหมาะกับเธอ”
“ชาทำได้ ทำได้ทุกอย่างเลย”
-โรงเรียนนานาชาติ-“ป๊า…” ดาวศุกร์ที่อยู่ในชุดยูนิฟอร์มกระโปรงลายสก็อต รีบวิ่งเข้ามากอดป๊าของเธอไว้แน่นด้วยความดีใจหน้าที่รับส่งเด็กหญิงไปโรงเรียนในทุกๆ วันเลยตกเป็นของบุรินทร์ภัทรไปโดยปริยาย“แต่งตัวซะหล่อเชียวนะ จะพาลูกไปเที่ยวไหน” ดาวศุกร์ยืนเท้าเอวหรี่สายตามองคนตรงหน้าอย่างจับผิด ปกติก็หล่ออยู่แล้ว แต่วันนี้ป๊าแฟรงก์ดูหล่อกว่าทุกวัน“มารับศุกร์นั่นแหละ”“วันนี้จุ๊บลูกหรือยัง”“ศุกร์นั่นแหละมาจุ๊บป๊าก่อน”ร่างสูงย่อตัวนั่งลงให้อยู่ในระดับเดียวกับหลานสาว ก่อนจะเอียงแก้มให้หอมเหมือนทุกวัน“คุณครูคนนั้นต้องชอบป๊าแน่เลย ศุกร์เห็นเขาชอบแอบมองป๊าอยู่บ่อยๆ”“…..” แฟรงก์ไม่ได้ตอบคำถามของหลานสาว ยกยิ้มมุมปากทักทายคุณครูอนุบาลคนสวยที่เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันมาก่อนแต่มันก็เป็นแค่ระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายตีตัวออกห่างขอจบความสัมพันธ์“วันนี้ศุกร์อยากกินติม พาไปกินติมหน่อยได้มั้ย”“กินทุกวันไม่เบื่อหรือไง”“เมื่อวานกินช็อกโกแลต แต่วันนี้จะกินวานิลลา”“ตามใจ แต่ห้ามบอกไอ้แว่นนะ เดี๋ยวเราสองคนจะโดนดุ”“ศุกร์รู้งาน ไม่บอกอยู่แล้ว คิคิ” เด็กน้อยยกมือขึ้นปิดปากหัวเราะชอบใจอย่างมีจริต ก่
นับหนึ่ง…นับสอง…นับสามนิ้วเรียวเคาะลงบนโต๊ะทำงานอย่างใจเย็น บุรินทร์ภัทรมองจ้องไปยังประตูห้องทำงานแต่กลับไร้วี่แววผ่านไปหลายวันที่ยื่นข้อเสนอให้ลิชา แต่ก็ยังไม่มีสัญญาณตอบรับทำให้เขารู้สึกหัวเสียไม่น้อยแกร๊ก…บานประตูห้องทำงานถูกเปิดออกอีกครั้ง ร่างสูงรีบดีดตัวลุกขึ้นยืน ก่อนจะถอนหายใจลากยาวอย่างไม่สบอารมณ์ เมื่อเห็นว่าคนที่มาใหม่เป็นลูกน้องคนสนิทไม่ใช่คนที่คิดไว้“เฮียให้ผมมาพบด่วนมีธุระอะไรหรือเปล่าครับ”“วันนี้ลิชามาทำงานหรือเปล่า”“น้องมาตั้งนานแล้วครับ”“แล้วทำไมยังไม่ขึ้นมาหากูอีก”“เฮียนัดน้องไว้หรือเปล่าครับ”“เปล่า ไม่ได้นัด ช่างเถอะ แต่อีกเดี๋ยวก็คงมา”ลูกน้องคนสนิทยกมือเกาหัวด้วยความงงงวย ร้อยวันพันปีเจ้านายไม่เคยถามหา ถ้าไม่ได้มีธุระด่วนหรือเรื่องคอขาดบาดตาย “เอ่อ…ว่าแต่เฮียถามหาลิชาทำไม”“กูเป็นเจ้านายแค่ถามหาลูกน้องไม่ได้หรือไง”“ผมถามแค่นี้ก็ต้องหงุดหงิดด้วย”“มึงจะไปไหนก็ไป เห็นแล้วหงุดหงิดฉิบหายเลย” โบกมือไล่ลูกน้องยกใหญ่ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็รู้สึกขัดหูขัดตาไปทั้งหมด“ลิชา…ชื่อคุ้นๆ” ไคโรที่นั่งสังเกตการณ์อยู่นานเอ่ยถามด้วยความสงสัย เขารู้สึกคลับคล้ายคลับคลาเหมือนไ
-2F BAR-“ผู้หญิงคนนั้นคือใคร ทำไมถึงมากับเฮียได้”“คงจะเป็นเด็กใหม่ของเฮียนั่นแหละ เห็นบอกว่าคนนี้เป็นดาราด้วย”“สวยมาก เหมาะสมกับเฮียสุดๆ”บทสนทนาและเสียงซุบซิบของพนักงานคนอื่นดังขึ้น ลิชาได้แต่ยืนฟังแบบเงียบๆ ทอดสายตามองตามแผ่นหลังของเจ้านายที่เพิ่งเดินผ่านหน้าไปบุรินทร์ภัทรควงสาวสวยคนใหม่ โดยไม่ชายตาแลมองเธอเลยสักนิดร่างเล็กก้มลงมองสภาพของตัวเองด้วยหัวใจห่อเหี่ยว ทั้งๆ ที่เป็นคนปฏิเสธข้อเสนอแต่กลับรู้สึกเจ็บเสียเอง“เป็นอะไรลิชา ทำไมช่วงนี้แกดูซึมๆ” หัวหน้าแผนกเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง ใบหน้าของลิชาซีดเซียวไร้เครื่องสำอาง มีเพียงแว่นตากรอบหนาที่สวมใส่ถึงแม้จะแต่งตัวมิดชิดแต่ก็พอให้เห็นสัดส่วนอยู่บ้าง ช่วงนี้เธอเอาแต่เก็บตัวเงียบไม่ค่อยสุงสิงกับใคร“ปะ…เปล่าค่ะ”“ทำหน้าเหมือนคนอกหัก แกไปแอบมีแฟนตั้งแต่ตอนไหน”“ไม่ใช่สักหน่อย”“วันนี้ยัยอรไม่มา ชาช่วยไปดูโซนวีไอพีแทนมันด้วยนะ”“ได้ค่ะ” คนตัวเล็กตอบรับอย่างไม่เรื่องมาก เพราะปกติเธอจะออกไปรับแขก อยู่หลังร้านหรือไม่ก็วิ่งวุ่นอยู่ในครัวเสียส่วนใหญ่“วันนี้เฮียมีแขกคนสำคัญ พี่ฝากชาดูแลด้วยนะ”“ได้ค่ะ…พี่ไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวชาดูแลลูกค้
“ลิชา…” คนตัวเล็กหันมองตามเสียงเรียก ก่อนจะเห็นว่าเป็นหัวหน้างานเดินเข้ามาหาด้วยท่าทางรีบร้อน“พี่มีอะไรหรือเปล่าคะ”“เฮียตามให้ไปพบด่วน”“แต่ชาดูแลแขกตรงนี้อยู่ ยังไม่ว่างเลยค่ะ”“เดี๋ยวพี่หาคนมาทำแทนเอง”“…..” คิ้วเรียวขมวดปมเข้าหากันด้วยความสงสัย เกิดเป็นคำถามในใจว่าเธอทำอะไรผิด เจ้านายถึงได้เรียกพบด่วนขนาดนี้“รีบไปเถอะน่า อยากโดนไล่ออกหรือไง” ไม่ใช่แค่ลิชาที่จะโดนไล่ออก แต่เธอเองก็คงโดนด้วยเหมือนกันถ้าเกิดว่าลิชาไม่ยอมไปตามคำสั่ง“…..” ร่างเล็กส่ายหน้าปฏิเสธ ถ้าโดนไล่ออกจากงานกลางคันคงแบบนี้ต้องลำบากมากแน่ๆ ไหนจะค่าเทอม ค่าหอที่ต้องรับผิดชอบตัวเองหัวหน้าแผนกหันซ้ายมองขวา ก่อนจะโน้มใบหน้ากระซิบที่ข้างหู แล้วยัดบางสิ่งบางอย่างใส่มือของหญิงสาว “พกติดตัวไปด้วย เผื่อจำเป็นต้องใช้”“เอ่อ…” ลิชาเบิกตากว้างมองเห็นถุงยางอนามัยที่เพิ่งได้มา ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนตรงหน้าต้องการจะสื่ออะไร“มัวยืนงงอยู่นั่นแหละ รีบไปหาเฮียสิ เดี๋ยวก็ได้ซวยกันหมดหรอก”“ค่ะ…หนูจะรีบไปเดี๋ยวนี้”ตึกตัก…เสียงฝีเท้าดังกระทบกับพื้นกระเบื้องตามจังหวะก้าวเดิน ก่อนที่ร่างเล็กจะหยุดยืนที่หน้าห้องทำงานของเจ้านายแกร๊ก…บานป
คนตัวเล็กถูกอุ้มให้ขึ้นมานั่งบนโต๊ะทำงาน ก่อนที่บุรินทร์ภัทรจะถือวิสาสะแทรกตัวเข้าไปยืนตรงกลางหว่างขาสองขาเรียวหุบเข้าหาเอวสอบไว้แน่นตามสัญชาตญาณ เนื้อตัวสั่นเทาอย่างหนักขณะที่ชายหนุ่มโน้มใบหน้าลงมาซุกไซ้ที่ลำคอ สูดดมกลิ่นกายราวกับหื่นกระหาย“เฮียแฟรงก์…ชากลัว”“กลัวอะไร”“หนูยังไม่เคย…”“กำลังจะทำให้เคยอยู่นี่ไง”เพราะอลิชาคือเป้าหมายตั้งแต่แรก คนอย่างเขาถ้าคิดจะเอาก็ต้องได้ ไม่มีทางยอมปล่อยให้เธอหลุดมือไปได้ง่ายๆ“มันจะไม่เป็นอะไรใช่มั้ยคะ” ถามเสียงอ่อนลง จ้องมองใบหน้าคมคายด้วยความกังวล เริ่มเกิดเป็นความกดดันว่าสิ่งที่กำลังทำมันผิดหรือถูก“ไม่ต้องกินยา เดี๋ยวฉันป้องกันเอง”“หนูเปลี่ยนใจไม่อยากทำแล้ว”“ฉันไม่อนุญาตให้เธอเปลี่ยนใจ”ผลักหญิงสาวให้นอนราบลงบนโต๊ะทำงาน ก่อนจะโน้มตัวลงไปคร่อมเธอไว้ไม่ให้ดิ้นหนีปลายนิ้วเรียวกระหวัดกางเกงชั้นในให้ลงมากองอยู่ที่ข้อเท้า ใช้ฝ่ามือลูบไล้ไปตามกลีบดอกไม้งามที่มีขนอ่อนปกคลุมอยู่รำไรใบหน้าหล่อเหลายกยิ้มมุมปากด้วยความพอใจ ใช้สายตาแทะโลมมองคนตรงหน้าอย่างไม่ปิดบังแฟรงก์เลื่อนมือไปปลดขอบราเซียออกให้พ้นจากเรือนร่างบอบบาง ทำให้ผิวขาวนวลเนียนและเนินอกอ
“แกหายไปไหนมาทั้งคืน”“…..” ลิชาสะดุ้งเฮือกหลังจากได้ยินเสียงของฟ้าใสดังขึ้นจากทางด้านหลัง ขณะที่เธอกำลังเดินเข้ามาในตัวอาคารของหอพักอพาร์ทเม้นท์ฟ้าใสไล่สายตามองเพื่อนสาวตั้งแต่หัวจรดเท้า ลิชาขาดการติดต่อหายไปตลอดทั้งคืนแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “ฉันโทรหาก็ปิดเครื่อง รู้ไหมว่าทำให้คนอื่นเขาวุ่นวายกันไปหมด”“ขอตัวไปพักก่อนนะ เหมือนจะไม่สบายน่ะ”“ตอบมาก่อนว่าแกหายไปไหนมาทั้งคืน” คว้าข้อมือของลิชาไว้แน่นเพื่อไม่ให้เดินหนี มองเห็นใบหน้าซูบเซียวและรอยฟกช้ำที่ติดอยู่ตามลำตัว“เอาไว้ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ เดี๋ยวเราจะเล่าให้ฟังนะ”“แกหายไปกับเฮียแฟรงก์มาใช่ไหม”“ปะ…เปล่า” คนตัวเล็กรีบใส่หน้าปฏิเสธ เธอยังจำคำพูดของเขาได้ดีว่าไม่ให้บอกเรื่องนี้กับใคร“อย่ามาโกหก…เฮียแฟรงก์เรียกแกไปทำอะไร”“…..”“สภาพแบบนี้ คงโดนมาหลายคนเลยใช่มั้ย”“ฟ้าหมายถึงอะไร” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย เอียงคอถามเพราะไม่เข้าใจในสิ่งที่ฟ้าใสพูดเลยสักนิด“ไม่ต้องทำเป็นใสซื่อ บอกฉันมาว่าแกได้กับใครมาบ้าง” เพราะคิดว่าลิชาคงเหมือนผู้หญิงคนอื่นของเจ้านาย ถ้าแขกในร้านจ่ายหนัก บุรินทร์ภัทรจะส่งให้ไปเอนเตอร์เทนลูกค้าแบบส่วนตัว “ถ
“เป็นยังไงบ้างลิชา อาการดีขึ้นหรือยัง” เพื่อนชายคนสนิทถามอย่างเป็นห่วง ก่อนจะหย่อนตัวนั่งลงบนขอบเตียง ใช้หลังมือแตะบนหน้าผากของคนตัวเล็กเบาๆ เพื่อวัดไข้“ดีขึ้นมากแล้วแจ็ค ขอบใจที่อุตส่าห์มาเยี่ยมนะ”“พอไอ้นิ้งโทรบอก เลิกเรียนเราก็รีบมาเลย”“ฉันถามมันก็ไม่ยอมบอกว่าไปทำอะไรมา” คะนิ้งถอนหายใจมองลิชาอย่างเอือมๆ ไม่ว่าเธอจะถามอีกกี่ครั้ง แต่ลิชาก็ยังไม่ยอมปริปากพูดอะไรให้ฟัง“เราแค่ไม่สบายเดี๋ยวก็หายแล้ว”“ไม่สบายต้องเดินขาถ่างด้วยเหรอ ถ้าบอกว่าแกโดนรุมโทรมมายังน่าเชื่อกว่าอีก” สภาพของเพื่อนรักตอนนี้ดูได้ที่ไหนตั้งแต่หายไปในคืนนั้น พอกลับมาถึงห้องก็เอาแต่นอนร้องไห้จับไข้ไปหลายวัน มิหนำซ้ำยังต้องขาดเรียน“…..” ลิชาเข้าใจว่าที่คะนิ้งพูดนั้นเกิดจากความเป็นห่วง เธอจึงไม่ได้ถือสาหรือเก็บมาคิดใส่ใจ“ฉันไม่อยากเซ้าซี้แกแล้ว เอาไว้ถ้าอยากเล่าเมื่อไหร่ ก็ค่อยเล่าแล้วกัน”“กินโจ๊กป่ะ เราซื้อมาฝาก” แจ็ครีบเปลี่ยนเรื่องคุยเมื่อเห็นสถานการณ์ของสองสาวเริ่มตึงเครียด“ขอบคุณนะแจ็ค กำลังหิวอยู่พอดี”“หิวก็กินเยอะๆ เลยนะ ถ้าไม่อิ่มยังมีนมกับผลไม้อีกเพียบ”“ถ้าพวกแกสองคนรักกันปานจะกลืนกินขนาดนี้ ทำไมไม่เป็
“พอแล้วค่ะ หนูดื่มต่อไม่ไหว” ลิชายกมือห้าม ทำท่าทางพะอืดพะอมเมื่อลูกค้าพยายามจะยัดเยียดให้เธอดื่มเหล้าที่เหลืออยู่สติสัมปชัญญะที่หลงเหลือมีเพียงน้อยนิดหลังจากดื่มแอลกอฮอล์มึนเมาเข้าไปเป็นจำนวนมากสายตาพร่าเบลอ โลกเริ่มหมุนรอบตัวช้าลงจนยืนทรงตัวแทบไม่ไหว“อะไรกัน กินแค่นิดหน่อยก็เมาแล้วเหรอ” ลูกค้าหนุ่มรั้งเอวบางให้ขยับเข้ามาแนบชิดจนเกือบจะดึงหญิงสาวลงมานั่งตักอยู่รอมร่อ“หนูดื่มไม่เก่งค่ะ”“เอาอีกสักแก้วสิ เดี๋ยวพี่ให้ทิปสองพัน” วางฝ่ามือลงบนต้นขาขาวเนียน ลูบไล้ไปมาจนลิชาสะดุ้งอยู่หลายครั้ง โดยที่ไม่ทันสังเกตว่ามีสายตาของใครบางคนกำลังจ้องมองทุกการกระทำหญิงสาวเริ่มมีท่าทางลังเลเมื่อได้ยินข้อเสนอจากลูกค้า เงินก็อยากได้ แต่ถ้าจะให้ดื่มอีกคงไม่ไหว “หนูไม่ไหวแล้วจริงๆ”“งั้นไปต่อกับพี่มั้ย ถ้าเป็นน้องเรียกเท่าไหร่ว่ามาเลย”“หนูไม่ได้รับงานน่ะค่ะ”“คิดจะเล่นตัวเพื่ออัปราคาเหรอ”“หนูไม่ได้รับงานแบบนั้นจริงๆ ขอโทษด้วยนะคะ” ดวงตากลมโตสอดส่องไปมาด้วยความกลัว ลิชาถูกลูกค้าโอบไหล่ไว้แน่นไม่ให้ขยับหนีไปได้เคยเจอมาก็หลายคน แต่คนนี้กลับรับมือยากกว่าที่คิด“ก็บอกแล้วไงว่าถูกใจ เรียกเท่าไหร่ก็จ่าย”
“วันนี้เฮียขอไปรับเธอที่มหาลัยได้มั้ย ขากลับค่อยแวะไปช็อปปิ้งดูหนังด้วยกัน”ได้แต่เดินตามหลังหญิงสาวอยู่ไม่ห่าง เอาแต่ยืนมองอลิชาที่กำลังสวมชุดนักศึกษาแต่งตัวอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ นานแล้วที่ไม่ค่อยมีเวลาส่วนตัวออกไปเที่ยวด้วยกัน“วันนี้ชามีนัดทำรายงานกับเพื่อนเดี๋ยวกลับเองค่ะ”“เพื่อนคนไหน ผู้หญิงหรือผู้ชาย”“ก็มีทั้งผู้หญิงแล้วก็ผู้ชาย”“ชื่ออะไร เฮียรู้จักหรือเปล่า”“จะถามอะไรนักหนา”“เพราะหวงเธอไง”“มีเรื่องจะพูดแค่นี้ใช่มั้ย ชาจะรีบไปเรียน”“อย่าลืมโทรหาเฮียด้วยนะ” สวมกอดคนตัวเล็กไว้แน่นจากทางด้านหลัง เต็มใจยอมทำตามคำสั่งเหมือนหมาที่เชื่อฟังเจ้านาย “เฮียจะรอรับโทรศัพท์จากเธอคนเดียว”“…..”“ถ้าอยากให้ไปรับก็โทรบอก เฮียจะรีบไป”“…..”“รับปากสิว่าจะไม่มีใคร ชาจะไม่มองผู้ชายคนไหนนอกจากเฮีย”“อืม…” อลิชาพยักหน้าตอบรับแบบขอไปที ก่อนจะรีบเดินออกจากห้องโดยมีบุรินทร์ภัทรที่ยืนชะเง้อคอมองตามจนลับสายตา02.00 น.ร่างสูงรีบดีดตัวลุกขึ้นจากโซฟาหลังจากเห็นอลิชาเปิดประตูกลับเข้ามาในห้องตอนช่วงดึกของวันหรี่สายตามองผ่านความมืดสลัว เธอสวมชุดนักศึกษารัดรูปโชว์เรียวขาสวย ชายเสื้อหลุดลุ่ย แถมกลิ่นแอลกอ
รถยนต์ยี่ห้อหรูตบไฟเลี้ยวเข้ามาจอดที่ลานคอนกรีตขนาดใหญ่ระหว่างทางผ่านมามีแค่เพียงบุรินทร์ภัทรที่พยายามส่งเสียงพูดคุย ส่วนอลิชาเอาแต่นั่งเงียบไม่ยอมมองหน้ากัน“เข้าไปข้างในบ้านด้วยกันมั้ย จะได้เจอพ่อกับแม่เฮียด้วย”“ไม่ดีกว่าค่ะ ปกติเฮียก็ให้ชานั่งรอบนรถอยู่แล้ว”รอยยิ้มจางๆ ที่กำลังปรากฏ ค่อยๆ เลือนหายไป บุรินทร์ภัทรหวนคิดถึงความทรงจำเมื่อครั้งก่อนเขาเคยปล่อยให้อลิชานั่งรอบนรถแบบหลบๆ ซ่อนๆ มาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่เธอก็ยังเชื่อฟังทำตามคำสั่งไม่ปริปากบ่นพอมาวันนี้ไม่อยากปิดบังอีกแล้ว อยากประกาศให้ทุกคนรู้ ว่าเธอเป็นเมียเขา!“เฮียไปเถอะค่ะ”“เดี๋ยวรีบพาลูกออกมาหา เธอจะได้ไม่ต้องรอนาน” ประคองใบหน้าแสนหวานให้เห็นมาสบตา เกิดเป็นความหวาดระแวงว่าเธอจะหนีหายไปจากกัน “ชาอย่าหายไปไหนนะ เดี๋ยวเฮียรีบมา”“อืม”ร่างบางได้แต่ถอนหายใจมองตามแผ่นหลังของชายหนุ่มที่ค่อยๆ ไกลออกไปภายในใจเหมือนมีเส้นบางๆ กั้นความรู้สึกเอาไว้ทำให้สับสนเหมือนว่าเธอเคยรักเขามาก มาตอนนี้กลับไม่ได้รู้สึกโหยหาผู้ชายคนนี้อีกแล้ว อาจจะเหลือไว้เพียงความผูกพันรอแค่วันให้มันหมดไปคนหนึ่งเริ่มจากร้อย เคยโดนทำร้ายจิตใจยิ่งนา
ตึกตัก…เสียงฝีเท้าดังขึ้นอย่างเร่งรีบ ก่อนจะหยุดอยู่ที่หน้าโกดังสต๊อกสินค้าขนาดใหญ่“เฮียแฟรงก์!” อลิชาตะเบ็งเสียงเรียกดังลั่นไปทั่วบริเวณ“ว่าไงคนสวยของเฮีย” บุรินทร์ภัทรเดินออกมาต้อนรับคนที่มาใหม่พร้อมรอยยิ้มกว้าง “มาถึงเร็วกว่าที่คิดไว้นะ”ดวงตาคู่คมจ้องมองเรือนร่างของคนตัวเล็กแบบไม่ได้ตั้งใจ เสื้อผ้าตัวบางที่เธอสวมใส่เปียกปอนไปด้วยเม็ดฝนจนแนบเนื้อเผยให้เห็นสัดส่วนอวบอั๋น“เป็นฝีมือของเฮียใช่มั้ย”“ขยับมาพูดใกล้ๆ เฮียแก่แล้วหูไม่ค่อยดี” กระดิกนิ้วเรียกคนตัวเล็กให้เข้าหาด้วยท่าทางยียวน ชอบยั่วให้เธอโมโหถือว่าเป็นความสุขทางใจอย่างหนึ่ง“ทำแบบนี้ทำไม”“พูดอะไร ไม่เห็นจะรู้เรื่อง”“ที่คิมมาบอกเลิกชา เป็นเพราะเฮียใช่มั้ย”“อย่าใส่ความกัน”“ถ้าไม่ใช่เฮียแล้วจะเป็นใคร”“จะไปรู้เหรอ อย่ามากล่าวหากันลอยๆ ไหนล่ะหลักฐาน ถ้ามีก็ช่วยงัดออกมา จะได้รู้ว่าทำอะไรผิด”“…..” ลิชาจิกเล็บลงบนต้นขาของตัวเองแน่นเมื่อไม่มีหลักฐานเอาผิดคนตรงหน้าได้“ยังไม่ทันได้ทำอะไรเลย เธอชักจะใจดำกับเฮียเกินไปแล้วนะ” ตีหน้าเศร้าบอกผ่านน้ำเสียงตัดพ้อ ก่อนจะส่งสายตาออดอ้อน แต่ลิชาไหวตัวทันรีบขยับถอยห่าง“ไม่ต้องมาเล่นละคร
-2F BAR-คิมเปิดประตูเดินเข้ามาในห้องทำงานของบุรินทร์ภัทร วาดสายตามองไปรอบบริเวณด้วยความสงสัย หลังจากโดนลูกน้องของเฮียแฟรงก์ตามไปหิ้วปีกถึงในห้องนอนจนต้องรีบมา“เฮียให้คนไปตามผมมาพบด่วน มีธุระอะไรเหรอเปล่าครับ”“นั่งก่อนสิ”“…..” หย่อนตัวนั่งลงตรงข้าม เห็นเฮียฟรินนั่งกอดอกหลบอยู่ในมุมมืดของห้อง กลิ่นฉุนของควันบุหรี่ลอยคละคลุ้งกระทบเข้าใบหน้าจนรู้สึกเสียวสันหลังบุรินทร์วัชร์เป็นคนจับตัวได้ยาก มีโอกาสน้อยนักที่จะได้เจอตัวเป็นๆ“มึงจะดื่มอะไรเย็นๆ ก่อนมั้ย” แฟรงก์เอ่ยถาม เหลือบสายตามองรุ่นน้องคนสนิท ก่อนจะใช้นิ้วเคาะลงบนโต๊ะอย่างใจเย็น“ก็ดีเหมือนกันครับ”สายตาเรียบนิ่งของคนตรงหน้า คิมไม่สามารถคาดเดาความคิดได้เลย“กูขอรบกวนเวลามึงไม่นาน แค่ห้านาที แต่ก็อาจจะมากกว่านั้นถ้าเกิดว่าเราคุยกันไม่ลงตัว”“ว่ามาเลย เฮียแฟรงก์ต้องการอะไร”“เลิกยุ่งกับเมียกูซะ!”“…..” บรรยากาศภายในห้องเงียบลง ไม่มีคำพูดใดๆ ต่อจากประโยคก่อนหน้านั้น คิมคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าคงไม่พ้นเรื่องนี้“มึงคงรู้อยู่แก่ใจว่ากูหมายถึงอะไร”“…..” ยกมือขึ้นลูบหน้าเบาๆ พ่นลมหายใจลากยาวเพื่อดึงสติ เขารู้ว่าลิชากับรุ่นพี่เคยมีความสัมพ
“เดี๋ยวเฮียไปส่ง ขึ้นรถสิ”อลิชาเงยหน้าขึ้นมอง ขณะกำลังนั่งร้องไห้อยู่ที่ป้ายรถเมล์ ยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตาแบบลวกๆ รีบสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมไม่ยอมให้เขาสัมผัสตัว“ไม่ต้องมาจับ ไม่ต้องมาแตะตัวชา”“บอกว่าจะไปส่ง” ย่อตัวนั่งลงตรงหน้าคนตัวเล็ก เขาตั้งใจตามมาง้อโดยไม่แคร์สายตาคนอื่น“เฮียจะตามชามาอีกทำไม สิ่งที่ทำไปยังไม่พอใจอีกเหรอ”“ไม่พอ ถ้าเป็นชาเท่าไหร่ก็ไม่เคยพอ”“ตอนนี้ชาโคตรขยะแขยงเฮียเลยรู้ตัวบ้างมั้ย”“…..” ดึงมือของเธอเข้ามาจูบซ้ำๆ ทำเหมือนไม่ได้สนใจในสิ่งที่เธอพูด“คิดว่าทำแบบนี้แล้วชาจะยอมกลับไปหาเฮียเหรอ”“แล้วทำยังไงเธอถึงจะยอมกลับมา”“ไปตายซะ! ไอ้คนเฮงซวย” ผลักไหล่ชายหนุ่มอย่างแรงจนกระเด็นถอยห่าง คว้ากระเป๋าสะพายแล้วรีบเดินหนีออกมา แม้แต่หน้าเขาก็ไม่อยากเห็น“รอก่อนอลิชา”“ไปให้พ้น จะไปตายที่ไหนก็ไป”เดินเข้าไปขวางหน้า พยายามดึงคนตัวเล็กเข้ามากอดไว้ในอ้อมแขน ยิ่งเธอดิ้นหนี ยิ่งกอดแน่นขึ้นยิ่งเห็นน้ำตายิ่งรู้สึกเกลียดตัวเอง“เฮียไม่ปล่อยให้เธอกลับบ้านคนเดียวแน่ มันอันตราย”“เฮียแม่งโคตรอันตรายกว่าทุกอย่างบนโลกนี้ ชาไม่กลัวอะไรแล้ว”“ไม่กลัวโดนข่มขืนหรือไง ไปขึ้นรถ”“ยังจะต้
-มหาวิทยาลัย-“วันหยุดนี้ว่างมั้ย คิมว่าจะชวนไปงานวันเกิด”“มะ…เมื่อกี้คิมพูดว่าไงนะ” หันไปมองตามเสียงของแฟนหนุ่ม หลังจากที่นั่งเผลอใจลอยคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย“คิมบอกว่าจะชวนชาไปงานวันเกิด”“จริงด้วย ใกล้จะถึงวันเกิดของคิมแล้ว”“ชาลืมเหรอ”“ขอโทษนะ ช่วงนี้มีเรื่องให้คิดเยอะเลย” อลิชารู้สึกผิดที่หลงลืมวันสำคัญของคิมไป เธออยากบอกถึงความสัมพันธ์ที่เคยผ่านมาแต่ติดตรงที่ใจยังไม่กล้าพอ“ไม่โกรธหรอก เรื่องแค่นี้เอง”“แล้วเฮียแฟรงก์ไปด้วยมั้ย” โพล่งถามโดยไม่ทันยั้งคิด พวกเขาค่อนข้างสนิทกัน เลยเกิดเป็นความกังวลใจถ้าต้องกลับเจอบุรินทร์ภัทรอีกครั้ง“ไม่ได้ไป เห็นบอกว่าติดคุยงานกับลูกค้าที่ต่างจังหวัด”“…..” ร่างบางถอนหายใจเบาๆ ด้วยความโล่งอก พยายามทำสีหน้าให้เป็นปกติเมื่อเห็นสายตาของแฟนหนุ่มที่มองมา“ชาไปกับคิมนะ จะได้แนะนำให้เพื่อนๆ รู้จักด้วย แค่กินข้าวด้วยกันนิดหน่อย เป็นงานเล็กๆ ชวนแต่คนสนิท ไม่วุ่นวายหรอก”“ไปก็ได้ แต่ขอชวนคะนิ้งไปด้วยได้มั้ย”“ได้สิ ไปหลายคนสนุกดี ชาจะได้มีเพื่อน จะได้ไม่เหงา”“ขอบคุณนะ”“เพื่อนชาก็เหมือนเพื่อนคิมนั่นแหละ ไม่ต้องคิดมาก”“…..”“อย่าลืมแต่งตัวสวยๆ รอเลยนะ คิ
“ทำไมถึงมาต้องการชาตอนนี้เหรอคะ” ถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง หันมองคนนั่งข้างที่กำลังแสดงความกระวนกระวายใจนักหนาเธอเคยอ้อนวอนขอความรักจากผู้ชายคนนี้ ยอมให้เขาทุกอย่างจนตัวเองดูน่าสมเพช แต่สุดท้ายบุรินทร์ภัทรก็มองเห็นเธอเป็นแค่ของตายไร้ค่าในสายตาจะไม่ยอมกลับไปเป็นแบบนั้นอีกแล้ว เพราะรู้ดีว่าการโดนเหยียบย่ำหัวใจมันเจ็บแค่ไหน“ตอนที่ชารักคุณ ต้องการคุณ โหยหาความรักจากคุณ แล้วตอนนั้นคุณไปอยู่ที่ไหน”“…..”“หรือคุณคิดว่าจะทำยังไงกับชาก็ได้?”“เฮียเป็นคนผิดเอง ผิดแม่งทุกอย่างเลย”ลิชาเคยรักเขามาก มากจนคิดเข้าข้างตัวเองว่าเธอจะไม่มีวันไปไหนได้เพิ่งจะรู้ตัวว่าทำพลาดไปก็ต่อเมื่อไม่มีเธออยู่แล้ว“ให้ได้แค่คำขอโทษ มีให้แค่นี้เองเหรอคะ”“แล้วจะให้เฮียทำยังไงก็บอกมา”“ก็ทำเหมือนที่เคยทำมาตลอด ทำเหมือนว่าชาไม่มีตัวตนในชีวิตของคุณ”“ไอ้คำพูดห่างเหินพวกนั้น ช่วยเลิกใช้มันสักที” แววตาที่เคยมองเขาด้วยความอ่อนโยน มาตอนนี้มันดูว่างเปล่า ไร้เยื่อใย มองไม่เห็นแม้กระทั่งเศษความรักที่หลงเหลืออยู่ “เพราะไอ้เหี้ยนั่นใช่มั้ย เธอถึงกล้าทิ้งเฮียไปหามัน”“ต่อให้ไม่มีคิม ชาก็คงไม่กลับไปหาคุณอยู่ดี”“ไม่จริง! เธอรัก
-ร้านมินิมาร์ท-“ลิชา แกเช็กสต๊อกให้ฉันหรือยัง”อลิชาเงยหน้าขึ้นมองขณะที่กำลังจัดของอยู่หลังเคาน์เตอร์ เธอและคะนิ้งมาสมัครทำงานพาร์ทไทม์อยู่ที่ร้านมินิมาร์ทเล็กๆ ใกล้หอพัก“เรียบร้อยแล้ว”“ขอบคุณมากนะ ถ้าไม่มีแกฉันคงลำบากแน่เลย”“ไม่เป็นไร เรื่องเล็กน้อยถือว่าช่วยกัน” เพราะคะนิ้งมีอาการป่วยเลยวานให้เธอช่วยทำงานแทน“เลิกงานแล้วไปกินข้าวด้วยกันนะ เดี๋ยววันนี้ฉันเป็นเจ้ามือให้เองถือว่าเป็นการตอบแทนที่แกช่วยฉันทำงานไง” เดินเข้าไปกอดคอเพื่อนรัก ตั้งแต่ลิชาแยกตัวออกไปมีแฟน ก็แทบจะไม่ค่อยได้ไปไหนมาไหนด้วยกัน ส่วนฟ้าใสก็ยังคงทำงานอยู่ที่บาร์ของบุรินทร์ภัทรเหมือนเดิม นานทีปีหนถึงจะแวะมาให้เห็นหน้า“วันนี้เรามีนัดไปเดินตลาดกับคิมแล้ว”“ช่วงนี้ติดแฟนเหรอ เห็นมารับมาส่งกันทุกวันเลย”“คิมชอบชวนไปเที่ยว คะนิ้งไปด้วยกันมั้ย”“ไม่ดีกว่า ฉันไม่อยากไปเป็นก้างขวางคอของพวกแกทั้งสองคน”“อย่าคิดแบบนั้นสิ เราว่าไปหลายคนสนุกดีนะ”“เอาไว้คราวหน้าแล้วกัน ว่าแต่ไอ้คิมมันดูแลแกดีมั้ย” อดเป็นห่วงเพื่อนสนิทไม่ได้ เดี๋ยวนี้ลิชาของเธอธรรมดาที่ไหน หันมาดูแลตัวเองจนได้ดิบได้ดี ขยับขึ้นมาเป็นตัวท็อปของมหาลัย ขนาดมีแฟนอ
ราวกับโลกหยุดหมุนไปชั่วขณะเมื่อมองเห็นบุคคลที่ไม่คาดคิด อยากเดินหนีออกไปให้พ้นๆ แต่ทำได้เพียงยืนสบตานิ่งมือเล็กกำสายกระเป๋าสะพายไว้แน่น หัวใจของเธอเต้นแรง เมื่อเผชิญหน้ากับบุรินทร์ภัทรตัวเป็นๆ ในรอบสามเดือน“ทำไมถึงไม่มาหาหนูบ้างเลย” เสียงของสดใสของดาวศุกร์ช่วยดึงสติให้ตื่นจากภวังค์ ลิชาก้มลงมองเด็กหญิงที่วิ่งเข้ามากอดแสดงความคิดถึงจนออกนอกหน้านอกตา “พี่ลิชาไม่คิดถึงศุกร์เหรอ”“ช่วงนี้พี่ติดเรียนค่ะ”“ว่าแล้วพี่ลิชาต้องไม่ว่างมาหาหนูแน่เลย” ได้ยินแค่นี้ก็ดีใจมากนึกว่าพี่สาวคนสวยจะลืมเธอไปแล้วเสียอีก“…..” ใบหน้าแสนหวานเผยรอยยิ้มอ่อนโยน เผลอยกมือลูบศีรษะของเด็กน้อยด้วยความเอ็นดู“พี่ลิชามาเที่ยวกับใครคะ”“พี่แวะมาทำธุระน่ะค่ะ”“วันนี้หนูมากับป๊านะ” ดาวศุกร์ยิ้มร่าชี้ไม้ชี้มือบอกยกใหญ่ เพราะไม่เห็นพี่ลิชาเดินเข้าไปทักป๊าแฟรงก์บ้างเลย“พี่ต้องไปแล้ว เอาไว้ถ้ามีเวลาว่างเราค่อยเจอกันนะคะ”“อย่าเพิ่งไปได้มั้ยคะ อยู่กับหนูก่อน”ลิชามองเด็กน้อยด้วยความรู้สึกที่สงสารจับใจ อยากกอด อยากเล่นด้วยกันเหมือนที่เคยทำ “พี่ต้องไปแล้ว”“ไม่คิดจะทักทายกันหน่อยเหรอ” เสียงคุ้นเคยดังขึ้นตามหลัง ขณะที่เธอกำ